กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   บรรยายพิเศษ เรื่องบทบาทของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาสังคม โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=8013)

เถรี 29-09-2021 20:21

ถาม : (พระมหาสุเทพ สุปณฺฑิโต, ผศ.) น้อมถวายด้วยความเคารพครับ ที่พระเดชพระคุณได้ให้ข้อเสนอเป็นความรู้ ผมเองก็ได้ทบทวน เมื่อวานพลังงานสมาธิได้ใช้ไปเต็มที่ เกือบจะต้องนอนหมอบเหมือนกันครับ..ได้สติครับ อันนี้เป็นหลักเลย ทางเราไม่เหมือนโยม ต้องมีครูบาอาจารย์คอยให้สติเหมือนกันครับ ?
ตอบ : เจ้าคุณอาจารย์อธิการบดีของเราเป็นนักปฏิบัติชั้นยอดเลยครับ แต่ท่านไม่บอกใครครับ

ถาม : ผมได้ตามท่านเจ้าคุณอธิการบดีไปมหาจุฬาอาศรมบ้าง ได้เห็นปฏิปทาอยู่..สวดมนต์ทั้งคืน ท่านสวดถึงเกือบเที่ยงคืน
ตอบ : ผมก็ได้เห็นงานของท่านอาจารย์มหาเช่นกัน โอ้โห...หนักเหลือเกินครับ อย่างไรก็อย่าทิ้งนะครับ..เรื่องกรรมฐาน ต้องมีเอาไว้ จะได้มีแรงสู้งานครับ

เถรี 29-09-2021 20:22

ถาม : พระเรามีบทบาทช่วยเหลือสังคมในลักษณะอย่างนี้หลาย ๆ งานด้วยกัน งาน ๖ - ๗ งานที่คณะสงฆ์ทำอยู่ ในท่ามกลางของการทำงานกันอยู่ ก็มีแนวคิดของเจ้าสำนักโน้น เจ้าสำนักนี้บอกว่า การที่พระออกไปเต้นแรงเต้นกาแบบนี้ ไม่ใช่กิจของพระ ไม่ใช่หน้าที่ของพระ อยากให้ทำหน้าที่แบบพระ เคร่งครัดเต็มที่ เราจะวางตัวอย่างไร ?

ตอบ : ขออภัยท่านอาจารย์นะครับ บางทีท่านอาจารย์มีคำตอบอยู่แล้ว แต่ว่ามาถามผม คือว่าในเรื่องอย่างนี้ ถ้าจะเถียงเอาชนะกัน ให้บอกไปเลยครับว่าเป็นกิจของสงฆ์..!

อย่าลืมนะครับพระพุทธเจ้าสั่งเรา ไปเพื่ออะไรครับ ? พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อความสุขของคนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก ในขณะที่โลก หรือว่าคนหมู่มากต้องการการอนุเคราะห์จากเรา ถ้าเราไม่ไปทำ นี่แหละครับ เราไม่ปฏิบัติกิจของสงฆ์

แต่ถ้าหากว่าเราไม่คิดจะเถียงเอาชนะใคร ก็ต้องพยายามฟังเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเสียงนกเสียงกา ถือว่ามารไม่มี บารมีไม่เกิดครับ เรายิ่งปล่อยวางได้มากเท่าไร เรายิ่งมีกำลังในการทำงานตรงหน้าได้มากเท่านั้น ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้นครับ ? บอกเขาว่า ผมยุ่งเกินกว่าที่จะไปทะเลาะกับคุณ ผมขอทำงานของผมเถอะครับ

เถรี 30-09-2021 18:06

ถาม : อยากทราบว่าพระอาจารย์มีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม ฉบับใหม่ ปี ๒๕๖๒ ครับ มีคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : มีผลตรงที่ว่าเราจะมีกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นตัวครูบาอาจารย์หรือสำนักศึกษา ถ้าหากว่าเราอยู่ตัวแล้ว ก็จะมีงบประมาณสนับสนุน ทำให้งานทุกอย่างดำเนินไปง่ายขึ้น แต่ว่าสิ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลยก็คือ เรื่องของการเรียนการศึกษา
คือปริยัติธรรม เป็นแค่ปีกเดียวของพระพุทธศาสนาเท่านั้น เราต้องมีปฏิบัติธรรมไปด้วย ไม่อย่างนั้นนกปีกเดียวบินไม่ได้ครับ

แล้วการศึกษาในปัจจุบัน อย่าให้เป็นภัณฑาคาริกปริยัติ ก็คืออย่าศึกษาเรียนรู้แบบคลังเก็บความรู้ครับ แต่ให้ศึกษาแบบนิสสรณัตถปริยัติ ก็คือศึกษาเพื่อปฏิบัติให้ตนเองหลุดพ้นด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ถ้าเราทำตัวเราเองได้แล้ว เราจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด อย่างที่มีบางคนเขาคิดคำคมว่า "เมื่อคุณพูด คนอื่นก็แค่ฟัง แต่ถ้าคุณทำ คนอื่นถึงจะเชื่อ"

เถรี 30-09-2021 18:10

ถาม : ถ้าอยากจะทำการวิจัยเกี่ยวกับบทบาทของพระพุทธศาสนากับการมีส่วนรวมในการพัฒนาสังคมในยุคโควิด ?

ตอบ : เข้ากูเกิ้ล แล้วไปหาคำว่า "บทบาทของพระสงฆ์ ต้นแบบนักพัฒนาการสาธารณสงเคราะห์" จะได้ข้อมูลเยอะมากเลย แล้วมีอาตมาอยู่ในนั้นด้วย อย่างวัดท่าขนุนก็เป็นหนึ่งในหลายวัด ที่ได้รับการยกให้เป็นต้นแบบการสาธารณสงเคราะห์

พิมพ์คำว่า "บทบาทของพระสงฆ์ ต้นแบบนักพัฒนาการสาธารณสงเคราะห์" แล้วจะได้ข้อมูลไหลมาเทมา จะทำวิทยานิพนธ์กี่ร้อยหน้าก็ได้

มจร.ของเรามีวิชาพระพุทธศาสนากับการสาธารณสุขด้วย สอนแม้กระทั่งวิชานี้ ถ้าหากว่าท่านอาจารย์สนใจ ก็ค้นหาในตำราของ มจร.ได้เลย

เถรี 30-09-2021 18:18

ถาม : "ภิกขเว จาริกัง" ผมอยากจะใช้คำว่า "โควิด จาริกัง" เราจะทำอย่างไรที่เราจะออกไปเป็นนักจิตวิทยา เยี่ยมเยียนญาติโยมได้ง่าย ๆ ?

ตอบ : ขอบคุณท่าน
รศ.ดร.บุณย์ นิลเกษ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ท่านให้ทัศนคติเอาไว้น่าฟังมาก คาดว่าพระเจ้าพระสงฆ์ทุกท่านที่ได้ยินน่าจะมีกำลังใจ เราจะได้รู้ว่าชาวบ้านในระดับครูบาอาจารย์ เห็นด้วยกับการที่พระออกไปทำหน้าที่แบบนี้

แต่ว่าในขณะเดียวกัน การที่ท่านทั้งหลายจะออกไปทำหน้าที่ จะต้องประกอบไปด้วยสติและปัญญา สติก็คือเราต้องเข้าใจว่าโควิด ๑๙ ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงจนป้องกันไม่ได้ ถ้าหากว่าเรามีการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ โอกาสที่จะติดโรคแทบจะไม่มีเลย

ดังนั้น...เราต้องใช้ปัญญาให้เข้าใจสภาพที่แท้จริงตรงนี้ แล้วไปด้วยดวงใจที่หวังสงเคราะห์ผู้อื่น เพราะว่าญาติโยมช่วยเหลือเรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นโยมที่ไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาโยมเขาเดือดร้อน พระเราต้องออกไปช่วยเหลือโยม แต่ว่าให้ช่วยเหลืออยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยที่สามารถอธิบายให้เขาฟังได้ว่า สิ่งที่เราทำนี้เป็นไปตามพระธรรมวินัย ไม่ใช่เป็นไปตามที่เขาบอกว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์

เราต้องเอามหาปเทส คือข้ออ้างใหญ่ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ตัดสินพระธรรมวินัย ๔ ข้อที่ว่า สิ่งที่ไม่สมควร แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร ในเมื่อเขาเห็นว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่สิ่งสมควร แต่เราทำไปแล้วเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก สิ่งนั้นคนหมู่มากเห็นด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่ย่อมสมควร

ขอเจริญพรท่านรศ.ดร.บุณย์ เป็นอย่างยิ่ง ที่ให้กำลังใจ อาตมายังรู้สึกดีขึ้นมากเลยจ้ะ

เถรี 30-09-2021 18:22

ถาม : ผมได้มีโอกาสพานิสิตไปศึกษาดูงานที่กาญจนบุรี แล้วไปดูงานที่วัดท่าขนุนของหลวงพ่อด้วย สิ่งที่ตัวกระผมและบรรดานิสิตได้เห็นนั้น ต้องบอกว่า เราพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปาฏิหาริย์มีจริง เพราะว่าสิ่งที่เห็นไม่คิดว่า วัดอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีติดพม่าจะสามารถทำได้อย่างนี้ ผมอยากทราบว่า หลวงพ่อมีการบริหารการจัดการภายในวัดท่าขนุนอย่างไรบ้างครับ ? มีแนวทางอะไรบ้างที่ให้ลูกศิษย์ได้ไปประพฤติปฏิบัติตามได้ครับ ?

ตอบ : อันดับแรกเลย เมื่อสักครู่ที่บอกไปแล้วว่า "ถ้าท่านพูด เขาแค่ฟัง ถ้าท่านทำ เขาจะเชื่อ" เพราะฉะนั้น...ทุกอย่างที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน อาตมาจะลงไปนำเขาเองทุกครั้ง

เราจะไปคิดว่าตัวเราเองเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอ เรายิ่งใหญ่แล้ว ปล่อยให้พระใหม่เขาทำกัน ถ้าอย่างนั้นวัดนั้นไปไม่รอด เพราะว่าต้องมีภาวะผู้นำ ผู้ตามถึงจะยอมเดินตาม ถ้าหากว่าภาวะผู้นำของเราไม่ดี ใครเขาจะอยากตาม ?

แล้วอีกอย่างหนึ่ง หลักการบริหารก็ง่าย ๆ ครับ 4M ที่อาจารย์สอนพวกผมนั่นแหละ ก็คือถ้าหากว่ามีเรื่องของการบริหาร ก็จะต้องประกอบไปด้วยเรื่องของเงิน เรื่องของคน เรื่องของวัสดุอุปกรณ์ ในเรื่องของวิธีการจัดการ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม ถ้าหากว่าตัวเราเป็นที่น่าเชื่อถือ ปีแล้วปีเล่าเราก็ทำเพื่อส่วนรวม ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราทำ จะเกิดความขลังและศักดิ์สิทธิ์ คนเขาจะเห็นด้วยและยินดีทำตาม

ท่านอาจารย์จะต้องเห็นว่า ปัจจุบันนี้จริง ๆ แล้วคนเขาอยากทำบุญกันมาก แต่เขาต้องการพระภิกษุสามเณรที่เขาไว้ใจได้ ดังนั้น...เราจะเห็นว่าบางวัดทำไมคนแห่กันไปทำบุญจนบางคนก็มา "ดราม่า" ว่าทำไมไม่ไปทำกับวัดจน ๆ บ้าง ก็เพราะว่าวัดทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ได้ทำตนให้เป็นที่ไว้วางใจของญาติโยมเขา

ถ้าหากว่าท่านใช้เวลาหลายปี หรือหลายสิบปี ในการสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยที่ไม่ได้คิดจะเบียดบังเพื่อตัวเองเลย สิ่งที่ท่านเห็นก็คือความเจริญที่เกิดขึ้นกับสถานที่และสังคมรอบข้าง แต่ถ้าหากว่าเราไม่ได้ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ ผลงานจะฟ้องเอง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเราทำเพื่อสังคมอย่างเต็มที่ ศรัทธาจะมา และมาเรื่อย ๆ ในเมื่อมีศรัทธา มีแรงหนุนแล้ว ก็เหมือนอย่างกับน้ำขึ้น เราจะพาเรือไปไกลขนาดไหนก็ได้ ขอเจริญพร


เถรี 30-09-2021 18:32

ถาม : ตัวเองเป็นคนปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง วันพระก็จะสวดมนต์ตอนเช้า เดินจงกรมครึ่งชั่วโมง นั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง แต่สังคมสมัยนี้ก็ทำให้ท้อเหมือนที่พระอาจารย์ได้พูดไปเมื่อสักครู่ วันนี้เหมือนกับปลุกผีในตัวขึ้นมา คือท้อมากค่ะ

ในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นศึกษานิเทศก์วิถีพุทธและดูแลด้านการศึกษา เห็นพระอาจารย์เป็นตัวอย่างทางด้านการปฏิบัติธรรม เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อยากให้มีการกระจายแบบนี้ ถ้าสถานการณ์โควิด ๑๙ ดีขึ้นแล้ว อยากให้มีพระที่ปฏิบัติแบบนี้ ทุกตำบล ทุกอำเภอ แล้วก็เป็นตัวอย่างกับเด็ก เพราะเด็กคือเยาวชน

ตอนนี้เราจะเห็นว่าเด็กมีความคิดที่แตกแยกและก้าวร้าว คุณครูระดับประถมก็บ่นว่าเด็กไม่ส่งงาน คุณครูระดับมัธยมก็บ่นว่าเด็กไม่มีความรับผิดชอบ แม้แต่คุณครูระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท ก็บอกว่าจะสอบวิทยานิพนธ์แล้วนะ ปกติต้องส่งหัวข้อวิทยานิพนธ์ให้ดูก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ความรับผิดชอบไม่มีตั้งแต่เด็ก ไม่มีตั้งแต่วัยรุ่น มาถึงระดับผู้ใหญ่ ถ้าเราไม่ฟื้นฟูตรงนี้ก็จะแย่ โยมในฐานะจิตอาสา รักชาติประเทศ รักบ้านเมือง รักพระพุทธศาสนามาก ๆ ?

ตอบ : เอาอย่างนี้ ให้โยมไปดูตัวอย่างที่โรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ อาตมภาพทำโครงการใส่ชุดขาวไปโรงเรียนวันพระ แล้วทางด้านผู้อำนวยการก็รับลูก ต่อด้วยว่า "ใส่ชุดขาวไปโรงเรียนวันพระ รักษาศีล ๕ กินมังสวิรัติ"

อาตมาได้ยินตอนแรกก็ตกใจ บอกว่าเด็ก ๆ กำลังโต ให้ไปกินมังสวิรัติจะไหวหรือ ? ผู้อำนวยการท่านบอกว่ามังสวิรัติของท่านไม่ทิ้งไข่กับนม ถ้าอย่างนั้นก็สามารถที่จะทำได้ แล้วตอนนี้ผ่านผู้อำนวยการไปแล้ว ๒ ราย ก็ยังคงรักษารูปแบบนี้อยู่ ก็คือใส่ชุดขาวไปโรงเรียนวันพระ รักษาศีล ๕ แล้วก็กินมังสวิรัติ โดยที่อาตมภาพจะส่งพระ นำเอาหนังสือสวดมนต์ไปมอบให้กับทางโรงเรียนเป็นร้อย ๆ เล่มเลย เมื่อถึงเวลาก็ไปนำสวดมนต์ไหว้พระกัน

ถ้าเราสามารถทำลักษณะอย่างนี้ เราจะทำให้เด็กที่สมาธิสั้นมีสมาธิดีขึ้น มีความรับผิดชอบต่อตัวเองดีขึ้น แล้วก็ต้องให้ในระดับสูง ๆ หน่อยอย่างโยม ช่วยกันทำโครงการพวกนี้ให้มีมากขึ้น ค่อย ๆ กระจายออกไป จาก ๑ โรงเรียน ก็อาจจะเป็น ๓ โรงเรียน ๕ โรงเรียน ถ้าหากว่ากระจายกว้างออกไปได้ แล้วคนอื่นเขาเห็นชอบด้วย ต่อไปเขาจะทำตามเอง

เถรี 30-09-2021 18:35

ถาม : ตอนนี้ก็มีโครงการวิถีพุทธ แต่เวลากลับบ้าน โยมไม่สานต่อ พระอาจารย์มีวิธีอย่างไรที่จะทำให้เด็กปฏิบัติโรงเรียนแล้วกลับไปทำต่อที่บ้านด้วย ?

ตอบ : โยมต้องทำใจจ้ะ อาตมภาพเองบวชสามเณรภาคฤดูร้อนทุกปี เณรมาอยู่ที่วัด ๓ วันเท่านั้น เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เลย เพราะว่าโดนไม้เรียวทุกคน..! แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พอจบโครงการแล้ว ทางโรงเรียนและทางบ้านไม่ได้สานต่อ

เราก็ใช้วิธีตักน้ำรดหัวตออย่างนี้ไปเรื่อย ๆ เด็กที่มา ๒๐๐ - ๓๐๐ คน อย่างน้อย ๆ จะต้องมีสัก ๔ คน ๕ คน ที่มีความรู้สึกว่า สิ่งดี ๆ ที่ได้รับจากทางวัดไปนั้นมีประโยชน์ แล้วเขาก็เอาไปทำตาม หลายคนชวนพ่อชวนแม่มาใส่บาตรเป็นประจำทุกวัน

เราอย่าไปหวังมากว่า ทำ ๑๐๐ แล้วจะได้ ๑๐๐ คน ทำ ๑๐๐ ได้สัก ๑ คน ถือว่าดีมากแล้ว ต่อให้ไม่ได้เลย เราก็ได้ลงมือทำแล้ว เราจะรู้ว่าปัญหาอุปสรรคอยู่ตรงไหน และจะได้แก้ไขได้ ดังนั้น...ตรงจุดนี้ขอแนะนำ ถ้าท่านอาจารย์ว่าทำอะไรทั้งหมดแล้ว ก็ต้องเตรียมทำใจเอาไว้ด้วยจ้ะ


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
บรรยายพิเศษ เรื่องบทบาทของพระพุทธศาสนากับการพัฒนาสังคม
วันเสาร์ที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:07


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว