กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6705)

เถรี 08-08-2019 21:29

ถาม : เหรียญพุทธบารมีสุริยันทรงกลด เนื้อชนวนหลวงพ่อนาก เมื่อจะนำไปแช่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์ ในบาตรน้ำมนต์ฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี ควรจะนำไปเลี่ยมพลาสติกกันน้ำเพื่อป้องกันสนิมหรือโลหะสึกกร่อนก่อน แล้วจึงนำไปแช่ทำน้ำมนต์ จะเป็นการสมควรไหมครับ ? หรือว่าสามารถจะนำไปแช่น้ำได้โดยตรงเลยโดยไม่ต้องเลี่ยมพลาสติก ?
ตอบ : คำถามแรก...จะเลี่ยมหรือไม่เลี่ยมตัดสินใจเอาเอง คำถามที่สอง...จะแช่หรือไม่แช่ก็ตัดสินใจเอาเอง ถ้าเรื่องแค่นี้ยังเสียเวลาไปถามคนอื่นก็อย่าเกิดเป็นคนเลย..!

เถรี 08-08-2019 21:30

ถาม : บาตรน้ำมนต์ฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๐ ปี จะสามารถป้องกันสนิมหรือโลหะสึกกร่อนจากการใช้ทำน้ำมนต์ ได้อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : สัพเพ สังขารา อนิจจา สรรพสิ่งไม่เที่ยง ต่อให้คุณไม่ใช้ จะช้าหรือเร็วก็สึกกร่อน

เถรี 08-08-2019 21:33

ถาม : ทำไมพระพิมพ์ขุนแผนจึงมีผลด้านเมตตามหานิยมครับ ?
ตอบ : เพราะว่าเขาเชื่ออย่างนั้น พระพิมพ์ขุนแผนโบราณ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างไว้สำหรับออกศึก คราวนี้คนรุ่นหลังดันไปถือเคล็ดว่าขุนแผนเจ้าชู้ มีเมียมาก จึงเอาไปใช้ทางเมตตามหานิยม กลายเป็นมโนมยา สำเร็จด้วยใจ เพราะว่าเชื่อมั่นอย่างนั้น

เถรี 13-08-2019 16:33

ถาม : ทำไมมวลสารต่าง ๆ จึงมีผลให้องค์พระหรือเครื่องรางขลังขึ้นครับ ?
ตอบ : ตั้งใจทำ ถูกต้องตามพิธีกรรม ถูกต้องตามฤกษ์ยามและเวลา ใช้ความเพียรพยายามด้วยใจที่มุ่งมั่น บางท่านอย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ต้องทรงสมาบัติ ๘ ถึง ๑๕ วันเพื่อเขียนผง จะช่วยให้ขลังขึ้นไหมเล่า ?

เถรี 13-08-2019 16:34

ถาม : พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมกับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ควรจัดลำดับบูชาอย่างไรครับ ?
ตอบ : บรรจุเอาไว้ในสมเด็จองค์ปฐม แล้วบูชาไปพร้อมกัน

เถรี 13-08-2019 16:36

ถาม : พระพุทธรูปที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดเป็นการจำเพาะ แต่มีหน้าตักใหญ่กว่าพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม จัดไว้เป็นประธานได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้...พระพุทธเจ้าไม่มาถือสาลำดับชั้นเพราะว่าพระองค์ท่านหมดกิเลสแล้ว มีแต่พวกกิเลสท่วมหัวอย่างพวกเราที่ไปแบ่งกันเอง..!

เถรี 13-08-2019 16:37

ถาม : หากพกวัตถุมงคลยันต์เกราะเพชร อาราธนาแล้วเกิดละเมิดข้อห้ามขึ้น จะต้องอาราธนาใหม่ หรือแค่คิดรักษาศีลท่านจะคุ้มครองครับ ?
ตอบ : ควรที่จะอาราธนาใหม่

เถรี 13-08-2019 16:41

ถาม : เวลาอาราธนาวัตถุมงคล ควรนึกรายละเอียดเฉพาะวัตถุมงคลองค์ที่แขวนเป็นการเฉพาะเลยหรือไม่ หรือแค่นึกภาพวัตถุมงคลรุ่นเดียวกันที่จำภาพได้ครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถนึกถึงชิ้นที่อยู่กับตัวเราได้จะดีที่สุด เพราะว่านั่นคือสิ่งที่เราใช้ ไม่ใช่ไปนึกถึงรุ่นที่อยู่กับคอของชาวบ้านเขา..!

เถรี 13-08-2019 16:42

ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อนอยู่ห่างคนท้องประมาณกี่เมตรถึงจะสามารถคลอดลูกได้ ?
ตอบ : ออกไปให้พ้นจากตัวอาคาร

เถรี 13-08-2019 16:56

ถาม : หากนำตะกรุดมหาสะท้อนไปให้พ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบูชา แล้วเกิดผลสะท้อนให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ลูกจะบาปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเรา

เถรี 13-08-2019 16:58

ถาม : แก้วมณีรัตนะกับแหวนจักรพรรดิ ต้องอาราธนาด้วยพระคาถาอิทธิ ฤทธิฯ หรือแค่บูชาด้วยคาถาเงินล้านก็พอครับ ?
ตอบ : อาราธนาก่อน แล้วค่อยภาวนาพระคาถาเงินล้านบูชาเป็นปกติ

เถรี 13-08-2019 16:58

ถาม : พระเครื่องและเครื่องรางที่สร้างขึ้นจากผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ ถ้านำเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วจะเสื่อมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่น่าจะเสื่อม เพราะว่าหลวงปู่ทิมท่านเสกจนเป็นเทวดาหมดแล้ว..!


เถรี 13-08-2019 17:07

ถาม : ทำไมเวลานั่งฟังธรรมะหรือนอนฟังจะจำไม่ค่อยได้ แต่ถ้าวิ่งไปฟังไปจึงจำได้ ?
ตอบ : สภาพร่างกายตามปกติของเราสร้างมาเพื่อให้เคลื่อนไหว ถ้าเคลื่อนไหวระบบการทำงานจะดีกว่า พระเขาถึงต้องมีการเดินจงกรม เพื่อตรึกตรองหลักธรรมต่าง ๆ ฉะนั้น..ก็เป็นเรื่องปกติว่าขณะที่เราเคลื่อนไหวก็จะจดจำอะไรได้ดีกว่า แต่ถ้านั่งอยู่บางทีความจำจะสู้ไม่ได้ ฉะนั้น...สิ่งที่อาตมาแนะนำก็คือ ถ้าเด็ก ๆ จะอ่านหนังสือให้จำ ควรที่จะเดินอ่าน

เถรี 13-08-2019 17:14

ถาม : ปัจจุบันลูกผมอายุ ๕ ขวบครึ่ง มีอยู่วันหนึ่งผมกำลังอาบน้ำให้ลูก อยู่ดี ๆ ลูกก็หยุดนิ่งแล้วหันมาพูดกับผมว่า "ป่าป๊า ผมไม่อยากเกิดอีกแล้ว มันมีแต่ความทุกข์ ผมไม่อยากทุกข์อีก ผมอยากไปนิพพานอย่างเดียว" ผมก็นิ่งอึ้งไป แกก็พูดต่อว่า "เกิดเป็นใครผมก็ไม่อยากเกิดอีก ไม่เอาทั้งนั้น มันมีแต่ความทุกข์ ผมอยากไปแต่นิพพาน" แกย้ำอยู่อย่างนี้ ๓ รอบ ผมไม่ทราบว่าจะบอกอย่างไร ได้แต่บอกว่าคิดถูกแล้วลูก แต่การไปนิพพานนี้ยาก ค่อย ๆ คิด เดี๋ยวป๊าค่อย ๆ สอน

แกเคยฟังผมสอนเรื่องทุกข์ กับนิพพานอยู่หลายครั้ง รวมถึงตลอดเวลาเกือบปีที่ผ่านมาผมจะปฏิบัติตามเสียงธรรมของพระอาจารย์ทุกคืน แล้วแกก็จะหลับไปกับเสียงธรรมของพระอาจารย์ทุกครั้ง ถ้าไม่เปิดให้ฟังแกไม่ยอม แกจะชอบฟังตอนที่พระอาจารย์สอนเรื่องอสุภกรรมฐานมากที่สุด ลึก ๆ แล้วผมรู้สึกดีใจมากแต่ผมไม่แน่ใจว่าแกยังเด็กเกินไปหรือเปล่า ผมมีความตั้งใจว่าถ้า ๗ ขวบจะให้บวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดท่าขนุนครับ ผมต้องการเรียนถามพระอาจารย์ว่า

๑) อาการของลูกผมเริ่มมีนิพพิทาญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อาการหนักมากแล้ว ที่น่าเป็นห่วงก็คือพ่อจะสอนได้ไหม ลูกจะจบปริญญาอยู่รอมร่อแล้ว พ่อยังก๊อกแก๊ก ๆ แค่ ป.๔ อยู่เลย

๒) การที่ผมสอนลูกแบบนี้ ผมผิดพลาดไปหรือเปล่าครับ ? ผมกลัวลูกไปโรงเรียนแล้วจะมีปัญหา ถ้าแกไปเล่าให้ครูและเพื่อนฟัง เขาต้องคิดว่าผมบ้าที่สอนลูกแบบนี้และอาจจะคิดว่าลูกผมเพี้ยน ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : รับประกันว่าลูกเขาไม่ห่วงตรงนี้เลย ฉะนั้น..คนเป็นพ่อก็จงห่วงและเครียดต่อไป..!

เถรี 13-08-2019 17:15

เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก แสดงว่าเด็กคนนี้มีของเก่าในอดีตชาติสั่งสมมามากเป็นพิเศษ ต้องบอกว่าเหมือนอย่างกับดอกบัวพร้อมที่จะบานเมื่อกระทบแสงแดด

มีปัญหาอยู่สองปัญหาก็คือ คนเป็นพ่อแม่กังวลล่วงหน้าไป ต้องบอกว่าไม่รู้จักอยู่กับปัจจุบันธรรม เดี๋ยวก็เครียดตาย..! ปัญหาที่สองก็คือ สิ่งที่เขาทำไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป เพราะว่าอาตมาก็เจอมา เด็กบางคนอยู่ชั้นอนุบาลแท้ ๆ เพื่อนฝูงเล่นกันเกรียวกราว ส่วนตัวเองเขานั่งสมาธิ คุณครูก็สงสัยว่าทำอะไร ? เขาบอกว่าทำสมาธิ ครูถามว่าทำสมาธิแล้วได้อะไร ? เขาบอกว่า "หลวงปู่สอนว่า ทำน้อยเหมือนได้ทอง ทำมากเหมือนได้เพชร" เด็กอนุบาลตอบนะ ถามว่าหลวงปู่คือใคร ? "หลวงปู่ฤๅษีฯ" ครูเขาคงเข้าป่าเข้าดงไปนึกถึงฤๅษีที่ไหนก็ไม่รู้ ?

เถรี 13-08-2019 17:20

มีเด็กผู้หญิงใส่กางเกงขาสั้นมา พระอาจารย์จึงกล่าวเตือนว่า "เข้าใจคำว่าสวยแต่ไม่เหมาะไหม ? คราวหน้าแก้ไขด้วยนะ เด็ก ๆ เป็นไม้อ่อนดัดง่าย มีอะไรไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่ควร ให้บอกเขา เขาก็แก้ไขได้แล้ว ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่เรามักจะทิฐิมาก พอทิฐิมากก็เกิดความรั้น ที่เขาว่า "หัวรั้นนอกครู" ไม่ใช่หัวล้านนะ ปัจจุบันนี้เขาเขียนเป็น "หัวล้านนอกครู" กันหมด เพราะว่าดื้อ รั้น ครูบอกแล้วก็ไม่ทำตาม ตะแบงข้างไป ก็ต้องเหนื่อยเอง ถ้าเชื่อครูจะไปได้ไวกว่า เพราะฉะนั้น..ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะรั้น แต่เด็ก ๆ จะแก้ง่าย

จริง ๆ มีชุดสวยก็อยากใส่ ลืมดูไปว่ามาหาหลวงตา หลวงตาเองไม่รู้สึกรู้สาหรอก แต่ถ้าคนเขาถ่ายรูปไป คนอื่นจะตำหนิเอาได้

บางคนขี้เกรงใจ เขาเรียกว่าเกรงใจแบบไม่สมควรที่จะเกรงใจ ถ้าอยู่ในฐานะผู้ใหญ่ อยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา ก็บอกได้ เตือนได้ ช่วยเมตตาสงเคราะห์เขาด้วย เพราะว่าเด็ก ๆ สมัยนี้บางทีก็ลืมนึกไป ความรอบคอบไม่มี เนื่องจากประสบการณ์น้อย"

เถรี 13-08-2019 19:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้เลยนะว่าอย่าทำครุฑที่ยกเท้าตั้งลักษณะนี้ (ครุฑเท้าตั้งหรือครุฑดุน) ครุฑแบบนี้จะใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์เท่านั้น ถ้าครุฑทั่วไปต้องเท้าเสมอ (ครุฑเท้าเหยียดตรง) ทำยกเท้าแบบนี้หาเรื่องติดคุก..!

ทำอะไรต้องศึกษาก่อน อย่าทำไปเรื่อยเปื่อย ทำไปเรื่อยเปื่อยเดี๋ยวจะเดือดร้อนยิ่งกว่าที่คิดเยอะ ถ้าจะแกะก็ให้แกะวางเท้าเสมอ หรือไม่ก็แกะในลักษณะที่ให้ยุดนาคไปเลย เป็นครุฑยุดนาค

ส่วนใหญ่พวกเราไม่ค่อยศึกษาเรื่องพวกนี้ แบบเดียวกับวันก่อน นายกเทศมนตรีตำบลหนึ่ง ติดประดับธงเฉลิมพระเกียรติ เอาธง วปร. ไว้สูงสุด อาตมาก็เลยกระซิบบอกท่านนายกฯ ที่กำลังใส่บาตรว่า “ท่านนายกฯ โดยกฎหมายไทยห้ามประดับธงอะไรสูงกว่าธงชาติ ต่อให้เป็นธงพระปรมาภิไธยย่ออย่างดีก็แค่เสมอกัน ให้รีบเอาลง เดี๋ยวเขาจะว่าเราไม่รู้ภาษา” ยังดีที่พอจะบอกกันได้ ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่กล้าบอก

เป็นกฎหมายเลยนะ ประดับธงอะไรก็ห้ามสูงกว่าธงชาติ อย่างดีที่สุดขอแค่เสมอกัน แบบเดียวกับธงชาติเก่า ๆ ถ้าเราเอาไปเผาทิ้งนี่ผิดกฎหมาย ถ้าจะเผานี่ให้ตัดเป็นแถบ ๆ ก่อน พอออกมาเป็นแถบเหลือแต่สีแล้วไม่ใช่ธงชาติ ถ้าอย่างนั้นค่อยเผาได้"


เถรี 13-08-2019 19:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีงานปฏิบัติธรรมของทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ อาตมานอกจากเอาอาหารไปเลี้ยงเพลพระใหม่แล้ว ยังต้องไปบรรยายให้เขา ๑ ชั่วโมง แล้วที่แน่ ๆ ในฐานะรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ต้องไปเป็นประจำทุกวัน

มีอยู่วันหนึ่งโชคดี มีร้านค้ามาเปิดจำหน่ายวัตถุมงคล พอเดินเข้าไปถึงเขาก็บอกว่า “นิมนต์พระอาจารย์ตามสบายครับ ผมหิวข้าว..จะไปกินข้าวแล้ว ต้องการองค์ไหนหยิบเอา อยากให้เท่าไรวางไว้ตรงนั้นเลยครับ” อาตมาก็เลยหยิบขึ้นมากอง เสร็จแล้วก็วางเงินไว้ให้ ๖,๐๐๐ บาท กลับมาเขาโวยวายใหญ่ บอกว่าองค์นี้ ๒๕๐ บาท ส่วนองค์นี้ ๑๐๐ บาท รวม ๆ แล้วไม่ถึง ๑,๐๐๐ บาท ก็เลยถามว่า แล้วจะเอาอย่างไร ? “เอาเป็นว่าผมคิดเท่านี้ ที่เหลือหลวงพ่อจะให้เท่าไรก็แล้วแต่จะเมตตา” อาตมาก็เลยให้ไปรวมทั้งหมด ๔,๐๐๐ บาท เพราะว่าเหรียญทูลเกล้าหลวงพ่อทบ วัดชนแดนเหรียญเดียวก็คุ้มแล้ว

ที่ชื่นชมเจ้าของร้านวัตถุมงคลเพราะว่าร้านนั้นเขาเป็นคนเคารพพระจริง ๆ พระทุกองค์ของเขาจะอยู่ในกล่องแล้วก็รองด้วยฟองน้ำทั้งหมด จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก และที่แน่ ๆ ก็คือเลี่ยมมาหมดเลย เขาบอกว่าเขามาไกล เขารู้ว่าบางคนจะไปหาช่างก็ยาก เขาก็เลี่ยมมาเสร็จเลย

ตอนแรกอาตมาคิดว่าเขาเลี่ยมปิด ไม่ให้ดูหรือเปล่า ? แต่ปรากฏว่าพอดูตำหนิอะไรต่าง ๆ ในเหรียญที่อาตมามีความมั่นใจก็ใช่ทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวเขาแขวนเหรียญกูผู้ชนะของหลวงพ่อวัดท่าซุง ถามว่าแขวนหลวงพ่ออะไร ? เขาบอกว่าของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ...เคารพมาก แต่ขำที่ให้องค์ละ ๑,๐๐๐ บาทไม่เอา องค์นี้ได้มาแพงสุด ๒๕๐ บาท คิดแค่นี้แหละ"

เถรี 13-08-2019 19:22

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครเคยไปไหว้พระที่วัดกษัตราธิราช อยุธยาบ้าง ? วันก่อนอาตมาไปพุทธาภิเษกเหรียญพระพุทธชินราช หลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่กองทุนสามสมเด็จของด็อกเตอร์จักรกฤช ศีลาเจริญ เขาจัดพุทธาภิเษกในวิหารหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราช ปรากฏว่าเป็นงานที่อาตมาไปไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะว่าหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราชท่านส่งพลังลงมาอย่างชนิดที่เรียกว่าเหมือนกับคลื่นทะเล ต่อเนื่องไม่หยุด อาตมาก็มีหน้าที่รับแล้วก็ส่งต่อ ก็เลยกลายเป็นว่าไม่ต้องใช้อะไรเลย แถมยังได้กำไรอีกต่างหาก

พอเริ่มพิธีปลุกเสกพระพุทธชินราชหลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏว่าองค์แรกที่เสด็จมาเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเครื่องมหาราชภูษิตาภรณ์เต็มอัตรา พร้อมพระแสงขรรค์ไชยศรี มาถึงก็ทรงชักพระแสงขรรค์ไชยศรีปักลงในกองวัตถุมงคล แล้วก็มีภาพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซ้อนขึ้นมา พระแสงขรรค์ไชยศรีกลายเป็นพระแสงหอก เสร็จแล้วบารมีพระหรือเราจะเรียกว่าพลังงานก็ได้ ก็ไหลมาเทมา

ปกติอาตมาก็ว่าพลังงานท่านมาจากข้างบน ทำไมงานนี้มาจากข้าง ๆ ? พอตั้งใจดูปรากฏว่ามาจากหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราช ก็เลยกลายเป็นงานที่เหมือนอย่างกับไปชาร์จแบตเตอรี่ กินอิ่มอยู่คนเดียว..!"


เถรี 13-08-2019 19:23

"เพราะฉะนั้น..ถ้าใครมีโอกาสให้ไปกราบขอพรหลวงพ่อพระพุทธกษัตราธิราช พลังงานของท่านเหลือเฟือ เพราะว่าจนกระทั่งพระพิธีธรรมสวดภาณวารเสร็จแล้ว กำลังของท่านก็ยังไม่ได้ลดลงเลย ถ้าใครไม่รู้ว่าจะไปทำบุญวัดไหนก็ลองแวะไปดู

ปรากฏว่าด็อกเตอร์จักรกฤชท่านมานิมนต์และขออนุญาต ขอนำวัตถุมงคลชุดนี้ไปเข้าพิธีส่งท้ายที่วัดท่าขนุน ท่านบอกว่าแฟนคลับเรียกร้อง

ก็เลยนัดกันวันที่ ๒๙ สิงหาคม ทางวัดเราก็ทำบุญวันพระ พอทำบุญวันพระเสร็จอาตมาคงลงโบสถ์ เพราะเขาบอกว่าเสกเดี่ยว ช่วยเสกเดี่ยวปิดท้ายหน่อย ลักษณะอย่างนั้นจะไปทำอะไรได้ ท่านใส่เสียเต็มปานนั้นแล้ว เอาเถอะ...ในเมื่อแฟนคลับเรียกร้องก็เอา

ตั้งใจว่าจะเปิดโบสถ์ให้คณะของท่านไปดำเนินการ ส่วนเราก็ทำบุญวันพระกัน พองานของเราเสร็จเรียบร้อยของเขาก็คงจะเรียบร้อยพอดี ก็พุทธาภิเษกต่อได้เลย เพราะว่าช้าไม่ได้ มีเวลาประมาณชั่วโมงหนึ่งก่อนเพล เสร็จพิธีฉันเพลได้สักพักหนึ่ง พระก็ต้องลงปาฏิโมกข์อีกแล้ว"

เถรี 13-08-2019 19:26

"งวดนี้ในงานพุทธาภิเษก แต่ละท่านที่ไปมีความก้าวหน้าทั้งนั้น เพราะว่าหลวงพ่อพระเทพวิสุทธิโสภณ วัดราชคฤห์วรวิหารไม่ได้เลื่อนสมณศักดิ์ แต่ว่าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรักษาการเจ้าคณะภาค ๒ พระมหาฐิติวัตร เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท เป็นพระครูวิธานสุตาภิรมย์ พระครูปลัดวิชัย วัดหัวเด่น ได้รับพระราชทานตั้งเป็นพระครูโกวิทชัยกิจ

คำว่า ชัย มาจากชัยนาท ส่วนของอาตมานี่เขาเรียกว่ารับพระราชทานเลื่อน จำได้แต่ของมหาฐิติวัตรเพราะแซวกันว่า วิธานสุตะ แปลว่า ให้คุณพยายามเรียนให้เยอะเข้าไว้ จะเรียนอะไรอีกเพราะว่าท่านจบด็อกเตอร์แล้ว"

เถรี 13-08-2019 19:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเอางานที่ตัวเองทำลงไลน์ โดยเฉพาะไลน์กลุ่มศูนย์ประสานงานเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งประเทศไทย ก็มีบางท่านในกลุ่มตำหนิว่า การพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไม่ใช่เรื่องของพระพุทธศาสนา ทำให้บุคคลยึดติด พูดง่าย ๆ ก็คือท่านจะให้สอนแต่ธรรมะอย่างเดียว

อาตมาเองก็ได้แต่คิดว่า พระคุณท่านไม่ได้มองสภาพความเป็นจริง ถ้าตามหลักความเป็นจริงแล้ว พระพุทธศาสนาเหมือนกับสามเหลี่ยมด้านเท่าหรือสามเหลี่ยมพีรามิด ฐานใหญ่สุดคือเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรม ซึ่งก็รวมพวกวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังเข้าไปด้วย ส่วนกลางก็คือเรื่องของทานกับศีล ช่วงปลายหน่อยเดียวนั่นคือเรื่องของธรรมะ

ในเมื่อไม่ได้มองบริบทของสังคมของเรา แล้วหวังจะเอาธรรมะบริสุทธิ์อย่างเดียว อยากจะเรียนถามท่านเหลือเกินว่า "คนเข้าร้านเพชรกับคนเข้าร้านสะดวกซื้อ ใครเยอะกว่า ?" กำลังใจเขาอยู่ในระดับเข้าแค่ร้านสะดวกซื้อ เราจะไปบังคับให้เขาเข้าร้านเพชรย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าแต่นักวิชาการที่หลงประเด็น แม้กระทั่งพระเราก็หลงประเด็น ต้องบอกว่าฝันเฟื่องอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่ยอมออกมาเสียที

การใช้วัตถุมงคลเป็นฐานในการโยงให้เขาเข้าหาทาน ศีล ภาวนา เพราะว่าการใช้วัตถุมงคลก็ต้องมีการอาราธนา มีการใช้คาถากำกับ เท่ากับบังคับเขาอยู่แล้วว่าต้องภาวนา แล้ววัตถุมงคลสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็บังคับว่าต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือห้ามลักขโมยกับห้ามกินเหล้า เป็นต้น โบราณาจารย์ท่านฉลาดจึงค่อย ๆ จูงเด็กให้เดิน

ส่วนบรรดานักวิชาการและพระของเราจำนวนหนึ่งหลงประเด็น คิดว่าต้องความบริสุทธิ์โดยส่วนเดียวถึงจะเป็นสิ่งที่ใช่ ถ้าเป็นลักษณะอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าท่านหลงทางไปไกลมาก ถ้าท่านเน้นในลักษณะอย่างนั้น พระพุทธศาสนาของเราจะอยู่ไม่ได้ ถ้าจะเน้นก็ต้องเน้นปรับแบบลักษณะของพระพุทธเจ้าแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ก็คือกำหนดหลักการวิธีการว่า ถ้าหากว่าพระสงฆ์ของเราออกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะต้องทำอย่างไร"

เถรี 13-08-2019 19:38

"เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ เจ้าคณะปกครองก็ควรที่จะลงมากำหนดนโยบายตรงจุดนี้ อย่างเช่นว่าห้ามทำเครื่องรางของขลังที่เน้นออกไปทางด้านสายเสน่ห์ หรือไม่ก็ที่ศาสนาอื่นเขาทำกัน ถ้าทำก็ให้เน้นเป็นรูป พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เหล่านี้เป็นต้น ถามว่ารูปพระธรรมมีหรือ ? ก็มี...ธรรมจักรก็ได้ คัมภีร์เทศน์ก็ได้ หรือไม่ก็ทำเป็นแบบอย่างหลวงพ่อกวย ท่านทำวัตถุมงคลข้างหลังมีอักขระ สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง เว้นจากความชั่วทั้งปวง ธรรมะชัด ๆ เลย

ถ้าหากว่าทำลักษณะอย่างนี้ พระเราก็จะได้มีแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ถ้าใครออกนอกแนวแล้วค่อยไปเฉ่งกัน อาตมาเองก็เข้าใจว่าท่านที่ตำหนิมาในกลุ่มไลน์ จริง ๆ แล้วท่านก็อยากจะทำแบบอาตมา เพียงแต่ว่าบุคคลไม่ยอมรับ กลายเป็นว่าพระอาจารย์เล็กออกงานพุทธาภิเษกเป็นว่าเล่น แต่ท่านไม่เคยได้ไปเลย กำลังใจก็เลยไม่ได้ประกอบไปด้วยมุทิตาจิต ตำหนิมาในลักษณะเหยียบคนอื่นลง ยกตนเองขึ้น แต่ไม่ได้บอกวิธีว่าต้องแก้ไขอย่างไร อย่างนี้อาตมาถือว่าตีหัวเข้าบ้าน ไม่ใช่นักเลงจริง..!"

เถรี 13-08-2019 19:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "พลตำรวจโทนายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน พวกเราเรียก ลุงหมอบ้าง อาหมอบ้าง อาตมาก็เรียก คุณหมอ เจอหน้ากันทีไรท่านไม่ยอมให้ไปไหนหรอก...ชวนคุย เพราะว่าคุยกับคนอื่นแล้วท่านเหนื่อย คนอื่นตามท่านไม่ทัน

คุณหมอสมศักดิ์เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นแรก ๆ ปฏิบัติธรรมได้ละเอียดและลึกซึ้งมาก ก็เลยเกิดอาการหาคนคุยด้วยยาก แต่ว่าช่วงหลังท่านก็ ๘๐ กว่าปีแล้ว สภาพร่างกายไม่อำนวยเหมือนก่อนนี้ จึงไปวัดน้อยลง ได้พบกับลูกหลานน้อยลง ไม่อย่างนั้นช่วงก่อนทุกต้นเดือนท่านจะอยู่ที่บ้านสายลม ลูก ๆ หลาน ๆ ติดขัดหลักธรรมตรงไหนให้ไปถามได้"

เถรี 13-08-2019 19:46

เด็กเดินผ่านผู้ใหญ่แล้วไม่ก้มหลัง "เขารุ่นใหม่ไปหน่อย รุ่นอาตมาเดินผ่านนี่ต้องก้ม เพราะฉะนั้น..ดีใจว่าคุณยังสาวอยู่ รุ่นแก่ ๆ เลข ๖ ขึ้นอย่างอาตมานี่ต้องก้มทุกคนแหละ บางทีผู้ใหญ่เขาประเภทดุว่า “เดินผ่านไม่รู้จักก้ม เดี๋ยวแม่ตีหลังหักเลย..!” สมัยโน้นเขาตำหนิในเรื่องการยืนค้ำผู้ใหญ่ เดินผ่านผู้ใหญ่ไม่รู้จักก้ม ไม่รู้จักขอโทษขออภัย โดนหมด

ครูบาอาจารย์ก็บังคับบอกว่า เดี๋ยวเอาสมบัติผู้ดีไปต้มกินซะ สมัยโน้นเขาบังคับให้ท่อง "สมบัติผู้ดีมีข้อ กล่าวย่อพอยกหยิบอ้าง ภาคหนึ่งระวังท่าทาง รู้วางไว้ตัวชั่วดี ภาคสองสำรวมนิสัย มิให้เสื่อมเสียราศี ภาคสามน้อมกายวจี ท่วงทีคารวะผู้ควร ภาคสี่มีกริยา วาจาน่ารักเสสรวล ภาคห้ากว้างขวางทางชวน ชักมวลหมู่เพื่อนนิยม ฯลฯ" รุ่นหลังไม่โดนบังคับให้ท่อง เพราะฉะนั้น..ก็ต้องไปต้มกิน..!"

เถรี 15-08-2019 21:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "ประมาณกลางเดือนที่ผ่านมา กรรมการวัดท่านหนึ่งคือป้าโอ่งตาย ต้องบอกว่าตายแบบสบาย ก็คือหัวใจล้มเหลวพับลงไปเฉย ๆ ไม่ได้เจ็บไม่ได้ปวดอะไร ด้วยความที่แกเป็นกรรมการวัดท่าขนุน อาตมาก็รับเป็นเจ้าภาพสวดศพให้ ๖ วัน แล้วก็จัดงานฌาปนกิจให้ในวันที่ ๗

ทุกคนโดยเฉพาะแม่อ้วน แม่ของป้าโอ่ง ป้าโอ่งอายุ ๖๑ ปี ลองนึกดูว่าแม่ของป้าแกอายุเท่าไร ? ยายอ้วนบอกว่า “อีโอ่งมีบุญ หลวงพ่อจัดงานให้มันทุกอย่างเลย” ก็เลยถามว่า "ยายอยากมีบุญไหม ?" “ไม่อยาก” เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่า แม้แต่ในสิ่งที่คนเห็นว่าเป็นความดี แต่ถ้าตัวเองมีความกลัวอยู่ คือยังกลัวตาย ก็จะปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นความเป็นจริงในชีวิต

ป้าโอ่งอายุ ๖๑ ปี ยายอ้วนอายุจะ ๙๐ ปีอยู่แล้ว ยังกลัวตายอยู่อีก ทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่ว่าความตายเป็นธรรมดา ตลอด ๖ วันพระก็ผลัดกันแสดงธรรมให้ฟัง อาตมาก็นิมนต์พระวัดอื่นผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสวดพระอภิธรรมบ้าง สวดพระสหัสสนัยบ้าง สวดมาติกาบ้าง พยายามแปลบาลีเป็นไทยให้ฟัง ก็ยังคงกลัวอยู่ดี ดังนั้น...ที่เขาบอกว่า คนเราถ้าเลิกกลัวตายก็จะเลิกกลัวทุกอย่าง เป็นเรื่องจริง"

เถรี 15-08-2019 21:05

"ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ช่วงประมาณอาทิตย์หนึ่งที่ผ่านมา อาตมาออกบิณฑบาตตามปกติ พอเดินผ่านทางวังลังกา มีกลุ่มคนใส่บาตรที่ผิดปกติ คำว่าผิดปกติคือไม่เคยใส่ มาดักรอกันอยู่ ๔๐-๕๐ คน ปรากฏว่าเป็นคู่บ่าวสาวกับญาติ ๆ ช่วยกันใส่บาตร พระทั้งแถวได้ขนมหม้อแกงมารูปละ ๑ ถาด ต้องใช้รถมาขนกลับ เพราะว่าช่วงนี้พระวัดท่าขนุนถ้าเดินแถวสายนั้น สูงสุดจะอยู่ที่ ๒๘ รูป แล้วถ้าหากว่าไปเรียนบ้างอะไรบ้าง ต่ำสุดจะอยู่ที่ประมาณ ๑๕ รูป

วันนั้นพอดีอยู่กันพร้อมหน้า รับขนมหม้อแกงไปแบบต้องเอารถมาขนกลับ พอดีว่ามีการปฏิบัติธรรมของพระใหม่ประจำปีนี้อยู่ อาตมาก็เลยเอาไปเลี้ยงพระใหม่ พระใหม่ ๘๗ รูป รวมพี่เลี้ยงกับพระเวรประจำวันก็ราว ๆ ๑๒๐ รูป น่าจะเฉลี่ยกันได้ซักประมาณ ๔ รูปต่อ ๑ ถาด"

เถรี 15-08-2019 21:07

"ส่วนที่จะพูดไม่ใช่เรื่องนี้ ส่วนที่พูดก็คือว่าหนุ่มสาวเขาปลื้มใจมาก ญาติ ๆ ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แย่งกันเชียร์ให้สาวจับทัพพีสูง ๆ เข้าไว้ หนุ่มก็พยายามที่จะแย่งจับ เพราะเขาถือว่าใครจับข้างบนคนนั้นจะเป็นผู้มีอำนาจในบ้าน โบราณเขาเชื่อกันมาอย่างนั้น

อาตมาเห็นแล้วเกิดความรู้สึกสลดใจว่า เขากำลังหาความทุกข์ใส่ตัว แต่เขากลับรู้สึกปลื้มใจมาก ก็คือตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ฝ่ายผู้ชายก็มีภรรยา ฝ่ายผู้หญิงก็มีสามี ลองไปนึกถึงตอนอยู่ตัวคนเดียว ถ้าเล่น LINE ติดพันจะไม่กินข้าวก็ได้ ถ้ายิ่งติดพันมากไม่อาบน้ำก็ยังไหว ตอนนี้ลองไปทำอย่างนั้นดูว่าจะโดนถีบตกเตียงไหม ? เพราะว่าจากขันธ์ ๕ ร่างกายตัวเอง เป็นขันธ์ ๑๐ ก็คือคู่ของตัวเองอีก ความลำบากเพิ่มขึ้นมาเท่าตัวหนึ่ง

ก่อนหน้านี้เราไม่กินก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าเขาจะกินเราต้องหามาให้เขา ก่อนหน้านี้เราไม่อาบน้ำก็ได้ นอนดึกแค่ไหนก็ได้ ตอนนี้ไม่ได้ ต้องคิดเผื่อเขา ทำเผื่อเขา แล้วถ้ายิ่งมีลูกเข้ามาก็ยิ่งลำบากหนักเข้าไปอีก ต้องช่วยกันเลี้ยงลูกกว่าจะโต ของพวกนี้เป็นความทุกข์มาก แต่เขาเห็นเป็นความสุข เห็นเป็นเรื่องที่น่าปีติยินดี

สิ่งเหล่านี้บาลีเขาเรียกว่า วิปลาส วิปลาสนี้เรามักคิดว่าบ้า บาลีเขาแปลว่า ผิดไปจากปกติ ต่างไปจากปกติ เพราะคำว่า วิ เป็นอุปสรรค คือคำนำหน้า แปลได้ความหมายว่า วิเศษ แจ่มแจ้ง แตกต่าง ในที่นี้คือต่างไปจากปกติ"

เถรี 15-08-2019 21:11

"อันนี้เขาเรียกว่า ทิฏฐิวิปลาส คือ มีความเห็นต่างไปจากปกติ ไปเห็นว่าความทุกข์เป็นความสุข เพราะว่าปัญญาไม่ถึง ก็เลยโดนกิเลสหลอก

อาตมาเดินบิณฑบาตไปก็พิจารณาไปเรื่อยว่า โลกเราโดนหลอกลักษณะนี้มากต่อมากด้วยกัน เราถึงได้เวียนว่ายตายเกิดทุกข์กันอยู่ไม่รู้จบ เขาบอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน เราก็ให้เขามา ๕ ปี เกี่ยวกันหรือเปล่า ? ไม่เกี่ยวสินะ..!

เรื่องพวกนี้ถ้ารู้จักคิด รู้จักพิจารณา คนมีคู่จะเข้าถึงธรรมได้เร็วกว่า เพราะว่าเห็นทุกข์ชัดเจนกว่า อย่างคู่ของปิปผลิมาณพและนางภัททกาปิลานี พ่อแม่ให้แต่ง ไม่กล้าปฏิเสธก็ยอมแต่ง แต่นอนหันหลังให้กัน เอาพวงมาลัยคั่นกลางไว้ ถ้าพวงมาลัยด้านไหนเหี่ยวแปลว่าคนนั้นเกิดจิตกำหนัด ไฟราคะเผาจนพวงมาลัยเหี่ยว ก็จะได้แก้ไขกำลังใจของตัวเองใหม่

ปกติอย่างพวกเรานี่อยู่คนละที่ก็ยังตะกายไปหากัน อันนั้นท่านนอนอยู่เตียงเดียวกัน หันหลังให้กัน แล้วอยู่มาได้ด้วย รอจนพ่อแม่ตายหมด ตัวเองเป็นใหญ่ในบ้าน ปิปผลิมาณพก็บอกนางภัททกาปิลานีว่า “น้องหญิง..เธอจงรับทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป ส่วนเราจะออกบวช” นางภัททกาปิลานีก็บอกว่า “สมบัติทั้งหลายประดุจก้อนน้ำลายที่ท่านถ่มทิ้งแล้ว เรื่องอะไรเราจะรับไว้ เราก็จะบวชบ้าง” ต่างคนก็ต่างโกนหัว นุ่งผ้ากาสาวพัสตร์ อธิษฐานว่า ในโลกนี้ถ้ามีพระอรหันต์อยู่ ขอบวชอุทิศเพื่อพระอรหันต์พระองค์นั้น แล้วเสร็จแล้วก็เดินทางออกมาจากบ้านไป ใครอยากได้ทรัพย์สินก็ไปขนกันเอาเอง"

เถรี 15-08-2019 21:30

"จนกระทั่งไปถึงทางสามแยก ทั้งสองก็บอกแก่กันว่า “ตอนนี้เราถือเพศเป็นนักบวชแล้ว ผู้หญิงกับผู้ชายถ้ายังไปด้วยกัน จะเป็นที่ครหานินทาของผู้คน ดังนั้น..เราแยกกันเถอะ” นางภัททกาปิลานีก็เลี้ยวซ้าย พระมหากัสสปะก็เลี้ยวขวา

นางภัททกาปิลานีไปเจอสำนักภิกษุณี บวชแล้วปฏิบัติธรรมจนกลายเป็นพระอรหันต์ ส่วนพระมหากัสสปะนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จมารับกลางทาง ประทานโอวาทให้ ๓ ข้อก็คือ ๑. ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงตั้งอยู่ในความเกรงใจในเหล่าภิกษุทั้งหลาย ทั้งที่เป็นผู้ใหม่ ผู้ปานกลาง และผู้เก่าอย่างแรงกล้า ก็คือต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนและละทิฐิมานะของตัวเอง

๒. ดูก่อนกัสสปะ...เมื่อเธอฟังธรรม จงเงี่ยหูฟังและตั้งใจพิจารณาในเนื้อความ คือฟังแล้วต้องคิด คิดแล้วจะได้นำไปปฏิบัติด้วย

๓. ดูก่อนกัสสปะ...เธอจงอย่าละสติที่ไปในกาย ก็คือกายคตาสติ ให้เห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่มีความดีอะไร เราสักแต่ว่าอาศัยอยู่เท่านั้น

พระมหากัสสปะจึงบวชด้วยวิธีพิลึกพิลั่นที่สุด ก็คือเรียกว่าบวชโดยการรับโอวาท ๓ ข้อ เพราะว่าท่านโกนหัวห่มจีวรมาแล้ว ท้ายสุดท่านก็บรรลุมรรคผล เป็นผู้นำในการทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๑ จนกระทั่งทางมหายานถือว่าท่านเป็นพระสังฆราชรูปแรก"

เถรี 15-08-2019 21:42

"คราวนี้สิ่งที่ปิปผลิมาณพหรือพระมหากัสสปะกับนางภัททกาปิลานีมองเห็น คนส่วนใหญ่ในโลกนี้มองไม่เห็น ท่านหลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ พวกเราไม่หลุดพ้นเพราะว่าเรามองไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ไม่เกิดความเบื่อหน่ายอย่างท่าน

อาตมาเองพอเห็นคู่บ่าวสาวคู่นั้นแล้วคิดว่า ธรรมดาของโลกเป็นอย่างนี้ เขาเห็นความทุกข์เป็นความสุข เห็นความไม่เที่ยงเป็นความเที่ยง เห็นความไม่ใช่ตัวตนเป็นตัวตน ก็เลยเดินบิณฑบาตไปปลงอนิจจังไป ยังคงเป็นภาระที่เราต้องเหนื่อยอีกมาก กว่าที่จะชี้แจงให้เขาเห็นแบบเดียวกันได้

ไปนึกถึงที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทรงเกิดความขวนขวายน้อย ไม่อยากจะแสดงธรรม เพราะเห็นว่าหลักธรรมนี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ปุถุชนจะเข้าถึงได้ (ปุถุชนคำนี้แปลว่าผู้หนาด้วยกิเลส) ท้าวสหัมบดีพรหมพอทราบดำริก็ตกใจว่า มนุษย์โลกทั้งหลายจะฉิบหายจากความดีเสียแล้ว จึงลงมากราบทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม โดยใช้คำว่า สัตว์โลกที่ธุลีในดวงตาน้อยนั้นมีอยู่ อาจรู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์ได้ ขอให้พระองค์ได้โปรดแสดงธรรมเถิดพระเจ้าข้า

พระพุทธเจ้าถึงได้รับอาราธนา แล้วก็ตรัสสอนสัตว์โลกมาตลอด ๔๕ ปีเต็มจนปรินิพพาน เพราะฉะนั้น...ส่วนใหญ่คำว่า วิปลาส ที่แปลว่าเห็นผิดไปจากความจริง มีทิฏฐิวิปลาส...เห็นผิด จิตวิปลาส...คิดผิด จิตวิปลาสนี่เราถือว่าบ้าแน่ ๆ ในบาลีมีความหมายแค่คิดผิด คิดเห็นว่าสิ่งนี้เป็นความสุข คิดเห็นว่าสิ่งนี้เที่ยงแท้"

เถรี 15-08-2019 22:01

ถาม : ถ้าหากว่ามีคนเขาฝากเรามาทำบุญ แต่เราลืมไปแล้วว่าทำบุญอะไร ทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : พยายามหาให้เจอว่าเขาฝากให้ทำบุญอะไร ไม่อย่างนั้นแล้วซวยแน่..!

เถรี 21-08-2019 19:49

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนไปงานวัดหนองหญ้าปล้อง เจอทีเด็ดหลวงพ่อโนรีเข้าทำเอาพวกเราวิ่งกันแทบตาย ก็คือตอนแรกในใบฎีกาท่านลงไว้ว่าหล่อพระ ๑๐ โมง พอไปถึงวัดเขาติดป้ายไว้ตรงทางเข้าว่าหล่อพระบ่ายโมง ก็เลยบอกกับท่านว่า ถ้าบ่ายโมงนี้ไม่ทัน เพราะว่าพวกเรานัดถวายสักการะพระผู้ใหญ่ในจังหวัดบ่ายโมงตรงที่วัดกาญจนบุรีเก่า ท่านก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นท่านจะเลื่อนมาเป็น ๑๒.๑๕ น. หลวงพ่อวัดพระแท่นดงรังก็บอกว่า "อยู่ให้เขาหน่อย ๑๒.๑๕ น. น่าจะทัน"

ปรากฏว่า ๑๒.๑๕ น. หลวงพ่อโนรีก็ยังนั่งรับสังฆทานหน้าตาเฉย พวกเราก็ "เป็นเรื่องแล้ว" ท้ายสุดก็ “เฮ้ย...ออกไปนั่งเองเลย ช่วยกันกดดันหน่อย” ขนาดออกไปนั่งเองยังยืดยาดอืดอาด สรุปว่าไปหล่อพระเอาตอนเกือบบ่ายโมงครึ่ง พวกเราก็วิ่งกันขี้แตกสิครับ เพราะนัดไว้บ่ายโมงตรงที่วัดกาญจนบุรีเก่า แล้วจากตรงนั้นวิ่งไปอย่างน้อยก็ ๔๐ นาที

ท้ายสุดก็เลยต้องทิ้งไปวัดหนึ่ง วิ่งเข้าไปวัดเหนือ แล้วไปวัดใต้ ไปวัดพระแท่นดงรัง จนกระทั่งจบที่วัดพระแท่นดงรัง แล้วพวกเราค่อยตีย้อนกลับมาวัดกาญจนบุรีเก่า หลวงพ่อพระราชรัตนวิมล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านก็อุตส่าห์นั่งรอ เพราะรู้ว่าพวกเราไม่เคยพลาด ต้องมาทุกปี ย่องไปถามพระเลขาฯ ด็อกเตอร์โจว่า "หลวงพ่อเป็นอย่างไรบ้าง พักหรือยัง ?" ท่านบอกว่า "ยัง..นั่งรออาจารย์อยู่"

ตอนแรกก็เรียนหลวงพ่อโนรีท่านแล้วว่า "ผมอยู่แค่ฉันเพลนะ เพราะว่าต้องรีบไป" ท่านก็บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นจะปรับเวลามาหล่อพระตอน ๑๒.๑๕ น." ทุกคนก็ตกลง แต่ ๑๒.๑๕ น.แล้วท่านยังไม่ขยับเลย แล้วลูกน้องของท่านก็ไม่มีการเตรียมพร้อม ต้องเดินไปสั่งถึงจะขยับ ก็เลยกลายเป็นอะไร ๆ ก็ช้าไปหมด จนกระทั่งหลวงพี่สมนึก วัดท่าซุงท่านอยู่ไม่ได้ ต้องกลับก่อน เพราะถ้าช้าท่านจะตกเครื่อง ในเมื่อวัดท่าซุงไปก่อน งาน
เลยกร่อยไปเยอะ"

เถรี 21-08-2019 19:51

"ศาลา ๘ ไร่ที่หลวงพ่อโนรีท่านสร้างเอาไว้ใหญ่ ๆ ก็ดี ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย แต่สำคัญตรงที่ว่าคนอยู่จะรักษาได้ไหม ? ซึ่งท่านก็คงไม่กังวลหรอก แต่เจ้าคณะปกครอง ตลอดจนผู้ที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสใหม่นี้เริ่มเครียดแล้ว

ที่ขำที่สุดก็คือบรรดาเจ้าหน้าที่ก็เถรตรงโคตร กูไม่มองหน้าใครเลย จะเข้าไปจอดรถดันไม่ให้จอด ไล่ให้ไปข้างนอก พอเขาจอดเสร็จเดินเข้ามา เห็นหน้าจำได้ ถามว่า “อ้าว..แล้วทำไมไม่จอดข้างใน ?” ก็มึงไล่กูออกไปเอง..!"

เถรี 21-08-2019 20:47

พระอาจารย์กล่าวว่า "น่าจะสักครึ่งเดือนมาแล้ว มางานในกรุงเทพฯ นอนอยู่บ้านเติมบุญข้างบน ตอนเช้าพอตื่นขึ้นมาก็ภาวนาก่อน ปรากฏว่าพออารมณ์ใจทรงตัว ลืมตาขึ้นมาเห็นแสงสีฟ้า ๆ กลุ่มใหญ่อยู่บนเตียง ก็สงสัยว่าอะไร เดินเข้าไป “อ้าว...อยู่ในย่าม” ก็เลยล้วงหยิบวัตถุมงคลออกมา ๒ ชิ้น ๓ ชิ้น ก็ยังสว่างอยู่ พอล้วงเอาแก้วอินทนิลกับมีดหมอดาบฟ้าฟื้นขึ้นมา แสงถึงได้หายไป อ๋อ...พ่อกับลูกท่านน่าจะคุยกันอยู่"

ถาม : แสงที่เห็นนี่เป็นสีฟ้า ?
ตอบ : สีฟ้า เพราะว่าสว่างทะลุย่ามออกมา

เถรี 21-08-2019 20:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพิฆเณศวร์ถ้าจะเอาขลังจริง ๆ ต้องของหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หรือไม่ก็สายเขาอ้อไปเลย"

เถรี 21-08-2019 20:54

โยมนั่งขวางทางเดิน "ถ้านั่งตรงนั้นคนเดินเข้ามาจะเข้าไม่ได้ บางทีเราก็ไม่ได้สังเกต กลายเป็นขวางทางบุญคนอื่น เรียกว่าเกิดโทษไม่รู้ตัว กว่าจะรู้..ทำอะไรก็ติดขัดไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น...เป็นนักบุญต้องรอบคอบ ยิ่งปฏิบัติธรรมใจต้องยิ่งละเอียด มองไปทางเข้าอยู่ตรงนั้น อาตมามองกี่ทีเห็นแต่หัวคนเรียงเป็นตับขวางทางอยู่"

เถรี 21-08-2019 20:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ถือว่าเป็นปีแรกที่ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทำพิธีบรมราชาภิเษกแล้วก็มีการสถาปนา พระราชทานตั้ง พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ ก่อนหน้านี้พระองค์ยังไม่ได้เข้าพิธีบรมราชาภิเษกก็คงคิดว่าไม่น่าจะงาม จึงไม่ได้สถาปนา ทรงตั้ง ทรงเลื่อน

หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา (พระราชวิสุทธิเมธี) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระเทพปริยัติโสภณ คราวนี้เคยคุยกันไว้ก่อน ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็กลูกศิษย์เยอะ ถ้าหากว่าได้ตำแหน่งเจ้าคุณเทพแล้ว ผมถวายฐานานุกรม ๓ ตำแหน่ง" อาตมาก็มาคิดว่า ๓ ตำแหน่งจะเอาใครดี บรรดาพี่น้องเพื่อนฝูงที่ทำงานอยู่นอกวัด ถ้าไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง คนก็ไม่เกรงใจ ก็เลยคิดว่าจะให้หลวงพ่อนิลท่านหนึ่งตำแหน่ง ครูบาหน่อแก้วฟ้าหนึ่งตำแหน่ง อีกตำแหน่งหนึ่งจะให้เลขาฯ ตัวเอง"


เถรี 21-08-2019 20:59

"ปรากฏว่าพอวันที่ ๒๕ ผลออกมาแน่ชัดว่าได้ บรรดาท่านที่ต้องการตำแหน่งก็วิ่งหา จนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาท่านเวียนหัว ท้ายสุดก็โทรมา "อาจารย์เล็ก..ผมขอผิดคำพูดหน่อยเถอะ ที่บอกว่าให้ ๓ ตำแหน่ง คงจะให้ได้แค่ ๒ เพราะว่าคนอื่นเขาอยากได้กันมาก นั่งตื๊อผมไม่ยอมไปไหน พาโยมพาอะไรมากดดันด้วย" ก็เลยกราบเรียนว่า "แล้วแต่หลวงพ่อเลยครับ"

ท้ายสุดท่านก็ให้มา ๒ ตำแหน่ง ก็ถามว่าได้อะไร ? ท่านบอกว่าให้พระครูวินัยธรกับพระครูปลัดเดิมของชั้นราช ก็เลยเสนอชื่อหลวงพ่อนิลกับครูบาหน่อแก้วฟ้าไป ปรากฏว่าพอวันที่ ๒๗ ท่านโทรมาบอกว่า "อาจารย์เล็ก..โดยธรรมเนียมแล้ว การขอฐานานุกรมข้ามจังหวัดต้องให้เจ้าคณะจังหวัดทางโน้นเขาอนุญาตถึงจะตั้งได้" ก็ต้องทำหนังสือกันคืนนั้นเลย ส่งไป ปรากฏว่าของหลวงพ่อนิลง่าย เพราะว่าเจ้าคณะจังหวัดท่านสนิทกับหลวงพ่อเจ้าคุณปัญญา ท่านยกหูโทรศัพท์คุยตรงเลย กราบเรียนว่า "เดี๋ยวจะช้า..ขออนุญาตหลวงพ่อตั้งก่อน แล้วค่อยส่งหนังสือขอตามมาทีหลัง" หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดสกลนครท่านก็บอกว่า "ได้เลย..จะตั้งหมด ๕ ตำแหน่งก็ยินดี..!"

เถรี 21-08-2019 21:02

"คราวนี้ก็เหลือแต่ครูบาหน่อแก้วฟ้า ปรากฏว่าครูบาหน่อแก้วฟ้า เอกสารช้า ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็ก..ถ้าเกินวันที่ ๒๘ ผมตั้งไม่ได้แล้วนะ เพราะว่าตำแหน่งพระครูปลัดเดิมที่คนเก่าท่านเลื่อนขึ้นมาใหม่ ถ้าหลังวันที่ ๒๘ ผมไม่มีสิทธิ์ตั้งแล้ว เนื่องจากว่ากลายเป็นเจ้าคุณชั้นเทพฯ ตำแหน่งชั้นราชถึงตอนนั้นก็หลุดมือไปแล้ว" จึงกราบเรียนถามว่า "แล้วหลวงพ่อจะให้ทำอย่างไร ?" บอกว่า "ให้พระครูปลัดทางด้านนี้ก็แล้วกัน ทางด้านนั้นเอาพระครูสมุห์ไป ก็เลยกลายเป็นว่า ของครูบาหน่อแก้วฟ้าเหลือแค่พระครูสมุห์ ทั้ง ๆ ที่ควรจะได้เป็นพระครูปลัด"

ก็ต้องบอกว่าเกิดจาก ๒ สาเหตุ สาเหตุเแรกคือพวกเรารู้ตัวช้า เดินเอกสารช้า สาเหตุที่สองก็คือ ทางด้านนี้เขาก็อยากได้พระครูปลัดมากกว่า เพราะว่าพระครูปลัดนั่งสูงกว่าพระครูสมุห์ ก็ต้องบอกว่าเอาเท่าที่ได้ ตอนนี้ก็นัดกันว่า วันอังคารที่ ๖ นี้จะพาครูบาหน่อแก้วฟ้าเข้าไปกราบรับฐานานุกรม ส่วนพระครูสมุห์เดิมที่ว่าจะเอาไว้ให้ท่านเก่ง เลขานุการตัวเองก็เลยอด รอต่อไป ครั้งหน้าเผื่อจะมีให้"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:17


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว