กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5289)

เถรี 07-11-2016 18:30

มีใครรู้จัก "ซินแสโอ" บ้างไหม ? ถ้ารู้จักไปขอศึกษากับท่านก็ได้ แต่ไปถึงแล้วเห็นว่าหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวก็อย่าไปดูถูกว่าไม่เก่งนะ ซินแสโอแอบย่องมาที่นี่ กลัวว่าคนอื่นจะรู้ เพราะว่าท่านค่อนข้างจะดังอยู่มาก ลูกศิษย์ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตในแผ่นดิน อาตมาก็กลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าท่านมาที่นี่เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวลูกศิษย์ท่านจะตามมา เป็นซินแสโอก็ไม่ค่อยจะดีเพราะเลือกไหว้พระ จะไหว้พระต้องดูโหงวเฮ้งก่อน..!

ซินแสโอออกหนังสือมาหลายเล่ม ถ้าตั้งใจจะศึกษาจริง ๆ หาตำราของท่านมาศึกษาก็ได้ เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมาก เพียงแต่ตอนที่ไปศึกษาวิชาการต่าง ๆ ต้องอดทนอดกลั้นทีเดียว คนเราต้องตั้งใจทำจึงจะสำเร็จ ฉะนั้น...อย่าไปดูถูกว่าเป็นคนหนุ่ม

พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าดูถูกพระราชาว่าเด็ก อย่าดูถูกงูพิษว่าเล็ก อย่าดูถูกสะเก็ดไฟว่าน้อย เพราะพระราชาเด็กก็สั่งประหารชีวิตเราได้ งูพิษถึงตัวเล็กถ้ากัดเราก็ตายเหมือนกัน สะเก็ดไฟเล็กน้อยสามารถที่จะเผาผลาญป่าใหญ่ ๆ หมดไปทั้งป่า หรือเมืองใหญ่ ๆ หมดไปทั้งเมือง

และท้ายสุดพระองค์ท่านบอกว่า อย่าดูถูกสมณะว่ายังหนุ่มอยู่ อันนี้เท่ากับพระพุทธเจ้าด่าอาตมาตรง ๆ เพราะเมื่อก่อน ถ้าพระไม่แก่อาตมาจะไม่แลเลย ต้องไปเจอหลวงปู่โลกอุดร มาทีก็หน้าเด็กมาเชียว แต่ผมขาวทั้งหัว ท่านตั้งใจจะแกล้งว่าเราจะดูหัวหรือจะดูหน้าของท่าน

เถรี 07-11-2016 18:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงระยะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองของเราเหมือนกับภูเขาไฟใต้น้ำ ค่อย ๆ ปะทุรอวันระเบิด สำหรับพวกเราแล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ถึงเวลาบารมีพระคุ้มครองรักษาเราก็จะอยู่รอดปลอดภัยเอง ส่วนคนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน..!"

เถรี 07-11-2016 18:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอเตือนคนอยู่กรุงเทพฯ ว่า ให้ รีบหากะโหลกกะลา ถัง กะละมัง หม้อ ไว้เยอะ ๆ หน่อย ตุนน้ำเอาไว้บ้าง ปีหน้าจะแล้งกว่าปีนี้ ปีนี้อาตมาเตือนไปบางคนก็ทำ แต่ยังโชคดีที่ในหลวงยังอยู่ ฝนจึงมาทันการณ์

รู้ไหมว่าเขื่อนวชิราลงกรณที่เลี้ยงคนกรุงเทพฯ ปีนี้น้ำหมดเขื่อนพอดีกับฝนลง ไม่อย่างนั้นปีนี้คนกรุงเทพฯ ได้ซมซานอดน้ำกันบ้าง ไม่แปลกใจหรือว่าทำไมอาตมาตุนน้ำข้างหลังห้องนี้เอาไว้เพียบเลย จำเป็นต้องตุนเผื่อเอาไว้ก่อน ไม่ใช่เดือดร้อนแล้วค่อยไปหาตอนที่มีแต่ของแพง

ซื้อถัง ๔๐ - ๕๐ ลิตรไว้
สักสองใบก็ได้ ถังสีน้ำเงินนั่นแหละ ใส่น้ำทิ้งเอาไว้ก็ไม่เสียหลาย ถึงเวลาฉุกเฉินขึ้นมาถ้าขาดน้ำ อย่างน้อย ๆ เราก็ยังอยู่ได้อีกหลายวัน ถ้าใช้แบบมหา ๕ ขันก็สบาย แต่ทีละ ๕ ขันก็ยังเปลืองอยู่นะ ต้องเอาอย่างครูบาอาจารย์สมัยก่อน ท่านใช้น้ำแก้วเดียว ถึงเวลาก็หดตัวเหลือนิดหนึ่งลงไปอาบน้ำในแก้ว อาบเสร็จแล้วค่อยขยายตัวใหญ่เท่าเดิม ไม่เปลืองน้ำเลย

เสด็จในกรมหลวงชุมพรเคยทำให้คนในวังดูทีหนึ่ง ท่านเอาขวดโหลใส่ลูกกวาดสมัยก่อนมาใส่น้ำไว้ครึ่งโหล แล้วอยู่ ๆ ก็กลายเป็นองค์เล็กลงไปอยู่ข้างใน อาบน้ำสบายใจ"

เถรี 07-11-2016 20:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไม่อยากจะบอกเคล็ดลับว่า ที่ลงกระทู้คนมีเงินฯ แล้วของออกหมดเลย เพราะว่ากุมารทองหลวงพ่อกวย อาตมาบอกกุมารทองช่วยขายของให้ด้วย พอลงแม่นางกวักหลวงปู่อิ่ม ก็บอกแม่นางกวักช่วยจัดการให้ก่อนที่จะไป เพราะฉะนั้น...ใครจะเลียนแบบก็ได้นะ ไหน ๆ ก็อยู่ด้วยกันมานาน ก่อนจะไปก็ช่วยกันทำงานก่อน"

เถรี 08-11-2016 09:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาว่าจะซื้อเม็ดเงินหล่อพระ ราคาก็กระโดดขึ้นกระโดดลง อาตมาเลยผลักภาระไปให้โยมแทน ให้จองเป็นเจ้าภาพเม็ดเงินหล่อพระคนละ ๑ กิโลกรัม ต้องการเจ้าภาพแค่ ๒๕๐ คน ดูท่าจะไม่ถึงแล้ว เพราะมีบางคนจองไปรายเดียว ๕ กิโลกรัม"

เถรี 08-11-2016 09:06

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานมาถึงก็มีไปรษณีย์มาส่งจดหมาย เป็นฉบับแรกในรอบ ๖ ปี ปรากฏว่าเขาจ่าหน้าส่งถึงบ้านวิริยบารมี บ้านเลขที่ก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี แต่ไปรษณีย์เขาเก่ง เขาส่งมาถึงเหมือนกัน แกะออกมาเป็นเงิน ๑๐๐ บาท ระบุว่าช่วยค่าใช้จ่ายบ้านวิริยบารมี ไอ้พวกสิ้นสติ..! จะทำบุญเสียอย่างก็ทำไปเรื่อย ๆ ส่งมาลักษณะนั้นโอกาสสูญหายมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ประการแรกก็คือเงินสดใส่ซองมา ประการที่สองไม่มีบ้านเลขที่ ไม่มีซอย ไปรษณีย์ก็เก่ง...ส่งมาถึงได้"

เถรี 08-11-2016 09:10

พระอาจารย์เล่าว่า "งานทอดกฐินปลดหนี้ที่วัดตะเคียนงาม ได้เงินทั้งหมด ๑,๘๕๐,๐๐๐ บาทถ้วน คืออาตมามีค่านิยมว่าเติมให้เต็มไว้ เหตุที่ได้น้อยเพราะว่าพระเครื่องที่เตรียมไว้ประมูลหนีกลับวัดไปเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หนีกลับไปนอนวัดกันหมด แม้กระทั่งพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน (๒) เนื้อตะกั่ว ก็หนีกลับไปนอนวัด เป็นอะไรที่อาตมารู้สึกเครียดมาก

จัดของใส่กระเป๋าแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะไปด้วย ประมูลกันได้พักเดียวของก็หมด อุตส่าห์เอาของหลวงพ่อกวยไปหลายองค์ ของหลวงพ่อคงไปหลายองค์ ยังมีของหลวงปู่หลวงพ่ออื่น ๆ อีก ท่านหนีหมด..! ไปนึกถึงหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม สมัยก่อนถ้าใครรับวัตถุมงคลของท่านไปแล้วทำผิดศีลผิดธรรม วัตถุมงคลจะหนีกลับ พอไปขอใหม่ท่านก็จะเตือน บอกว่า "ให้รู้จักทำให้ดี ๆ นะจ๊ะ" อาตมาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แค่จะเอาท่านไปขายเท่านั้น หนีกันหมดเลย..!

ที่เจ็บใจที่สุดก็คือ หนีไปแอ้งแม้งที่วัดประเภทเย้ยฟ้าท้าดิน ถ้าไม่ใช่อาตมาเป็นคนสมาธิดี ความจำดี คงคิดว่านี่เราสมองเสื่อมเป็นอัลไซเมอร์แล้วกระมัง ? จำได้ว่าเก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง ถึงเวลาล้วงหาไม่เจอ ประสบการณ์แบบนี้อาตมาเจอบ่อย เจอจนกระทั่งเลิกแปลกใจแล้ว"

เถรี 08-11-2016 09:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "โดยปกติแล้วเบี้ยแก้จะมีอานุภาพไปในทางกันคุณไสย แก้อาถรรพ์ กันภูตผีปิศาจ แต่ว่ามีเบี้ยแก้อยู่ ๒-๓ สำนักที่คงกระพันแน่นอน เห็นชัด ๆ ก็คือหลวงปู่ม่วง วัดคฤหบดี ท่านเป็นลูกศิษย์สายหลวงปู่รอด วัดนายโรงนี่แหละ ใครไปรับเบี้ยแก้กับหลวงปู่ม่วง ลูกศิษย์ที่เป็นนักเลงจะดักรออยู่ปากทาง เดินออกมาเมื่อไรเจอทั้งมีดทั้งดาบ..!

อีกสำนักหนึ่งก็หลวงพ่อกา วัดแค นครชัยศรี ส่วนของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ท่านให้คาถากำกับมา ถ้าต้องการที่จะให้ยิงไม่ออก ต้องการให้ยิงออกไม่ถูก ต้องการให้ปืนแตก ท่านบอกให้ภาวนาคาถาอย่างนี้ ๆ จริง ๆ แล้วก็คือขึ้นอยู่กับจริตนิสัยของคนทำ หลวงปู่เพิ่มท่านเป็นพระที่เมตตาสุด ๆ แต่ทำของแล้วเหนียวได้เหมือนกัน

อาตมาเป็นคนนครปฐม รู้จักหลวงปู่เพิ่มดี สมัยที่เรียนประถมมัธยมอยู่ แผ่นพับวัตถุมงคลท่านยังไปถึงโรงเรียนบ่อย ๆ พระองค์ละ ๒๐ บาทสมัยนั้นรู้สึกว่าแพงเหลือเกิน เพราะก๋วยเตี๋ยวชามละบาทเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นสมัยนี้ก็องค์ละประมาณ ๘๐๐ บาท คราวนี้เด็ก ๆ มีเงินน้อย รวมกันทั้งห้องทำบุญแล้วได้พระมา ๒ องค์ ก็ต้องมาจับฉลากกันว่าใครจะดวงดีได้ไป ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ เขาจะได้กัน ส่วนอาตมาไม่กลัว ถึงเวลาเก็บสตางค์ได้ก็วิ่งหาหลวงปู่ ไปบูชาเอาที่วัด

เบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มที่หายากนักยากหนา อาตมามีเป็น ๑๐ ตัว สมัยนี้ของปลอมมีเยอะ หลวงปู่เจือรุ่นแรก ๆ เขาก็จะเล่นเป็นของหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่เพิ่มรุ่นแรก ๆ ก็จะเล่นเป็นหลวงปู่บุญ ไอ้พวกไร้จรรยาบรรณ..! ทั้ง ๆ ที่จุดต่างมีให้เห็นชัด ๆ แต่ว่าแกล้งโง่ จะเอาสตางค์เขา เรื่องของวัตถุมงคลรุ่นเก่า ๆ นอกจากจะต้องดูของเป็นแล้ว แหล่งที่มายังต้องน่าเชื่อถือด้วย ถ้าแหล่งที่มาไม่น่าเชื่อถือ โอกาสโดนฟันเลือดโชกก็มีเยอะ"

เถรี 08-11-2016 09:25

พระอาจารย์พูดถึงเรื่องเม็ดเงินสร้างพระ "อาตมารับแค่ ๒๕๐ กิโลกรัม ถ้าเหลือจะเอาไปผสมในเนื้อนาก เพราะว่าเนื้อนากจะประกอบไปด้วยทองคำ เงิน ทองแดง ถ้าหากว่าเม็ดเงินบริสุทธิ์จะเหมือนกันหมด แต่ถ้าหากว่าเป็นพวกเงินรูปพรรณต่าง ๆ นี่ขอว่าไม่รับ เพราะว่ามีส่วนผสมของโลหะอื่น ทำให้เนื้อเงินดำง่าย ถึงเวลาแล้วพระจะกระดำกระด่างไม่น่าดู

ไปดูฝีมือช่างแล้วปลื้มใจ ปั้นได้สวยมาก ความจริง
ท่านอาจารย์สุชาติบอกว่าเกษียณแล้ว ท่านไม่ทำแล้ว สายตาแย่แล้ว ปรากฏว่าของวัดท่าขนุนนี่เท่าไรเท่ากัน ท่านเต็มใจทำให้ แล้วขอด้วยว่าให้ไปหล่อที่วัดท่าขนุน ก็เลยตกลงว่าย้ายไปหล่อที่วัด"

เถรี 08-11-2016 09:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "กฐินปีนี้วัดพุทธบริษัทกับสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีมีแต่คนอิจฉา วัดของเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิทอดได้ ๘ แสนกว่าบาท วัดรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจาทอดได้ ๘ แสนกว่าบาท ส่วนสองวัดนี้อยู่เฉย ๆ ซองกฐินสักซองก็ไม่ต้องพิมพ์ ได้ไปเกือบล้านบาท ขาดไปแค่หมื่นนิด ๆ

โยมใส่ตอนตักบาตรเทโวมาเยอะมาก บางรายใส่ทีหนึ่งเป็นปึก ๆ ชนิดมาเป็นแสนเลย อาตมาเทลงกองกฐินหมด ในเมื่อเทลงกองกฐิน ๓ วัด พอถึงเวลายอดเฉลี่ยจึงสูง ช่วงนี้เป็นเจ้าภาพงานศพมีแต่คนเขาแซวกัน ว่าวัดท่าขนุนได้กฐินมาก ต้องเป็นเจ้าภาพหลายวันหน่อย"

เถรี 08-11-2016 09:37

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานแวะไปดูฝีมือปั้นพระของท่านอาจารย์สุชาติแล้ว ประทับใจมาก เหลือแค่ติดเม็ดพระศกอย่างเดียว ท่านบอกว่าอาทิตย์หน้ามาดูได้ครับ สมบูรณ์แบบแน่ ถ่ายรูปแล้วจะได้เข้าปูน แต่ท่านขอให้ไปหล่อที่วัด องค์ทางใต้นี่อ้วนมากหน่อย เป็นศิลปะศรีวิชัยแบบขนมต้ม องค์ทางเหนือนี่เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนแบบพระพุทธสิหิงค์"

เถรี 08-11-2016 09:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงงานพระบรมศพนี่ก็ดีนะ ทำให้ได้งัดเสื้อผ้าเก่า ๆ มาใช้ ทุกบ้านจะมีสีดำอยู่แล้ว ไม่ดำก็ขาวอย่างไรก็ต้องมี

ต้องบอกว่าบ้านเรานั้นมิจฉาชีพฉวยโอกาสได้ทุกงาน แม้แต่งานพระบรมศพก็ยังอุตส่าห์ฉวยโอกาส แรก ๆ มีการเปิดรับบริจาคทางเว็บด้วยนะ ใครเป็นเจ้าภาพต้องจ่าย ๒๐,๐๐๐ บาท พวกประเภทศรัทธามากรีบโอนก็เสียสตางค์ฟรี แล้วก็มีพวกไปรับอาหารแจกมาขายต่อ แบบนี้ก็เกินไป

อย่างที่วัดท่าขนุนเปิดโรงทาน ก็จะมีพวกตั้งใจมาตุน ขนกลับบ้านกันแบบบันเทิงใจมาก ตอนแรก ๆ แม่ชีก็ด่าเสียหูตูบ อาตมาบอกว่าจะไปด่าเขาทำไมเล่า ? เราตั้งใจแจก เขาเอาไปหมดเราก็สบาย แต่อีกหลายรายก็ขนกันมาทั้งลูกหลานญาติโยม เดินคลำพุงมาเลย มีการส่งกองลาดตระเวนนำมาด้วย มาดูว่าที่วัดมีหรือเปล่า ถ้ามีก็ส่ง LINE บอกกัน แหม...ทันสมัยจริง ๆ ก็เท่ากับเขาประหยัดค่าอาหารไปมื้อสองมื้อ ถ้าหากว่าตุนไปมากก็ประหยัดมื้อเย็นไปอีกมื้อหนึ่ง

เพราะฉะนั้น...
เปิดโรงทานต้องทำใจกว้าง ๆ ไว้ ใครเขามาก็ให้เขาไปเถอะ เรียกว่าต้องมีอุเบกขาในการให้ทานด้วย คือให้แล้วเขาจะเอาไปทำอะไรต่อก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนพวกที่ทำน่าเกลียดมาก ชนิดเอาไปวางขาย เดี๋ยวเขาก็จัดการกันเองแหละ

แต่ส่วนหนึ่งที่เห็นแล้วชอบใจก็คือบรรดาดารา โดยเฉพาะดาราสาว ๆ ที่ชอบแต่งตัวไอ้โน่นหกไอ้นี่หล่น มางานพระบรมศพ แหม...แต่งตัวได้เรียบร้อยดีมาก แสดงว่ายังพอมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ไม่ถึงขนาดชำรุดหมด ว่าแต่ว่าก็ทำให้ไม่ได้ดูอะไรไปอีกเป็นปีเลยนะ..!"

เถรี 08-11-2016 17:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้สถิติลูกหมาที่วัดตก ได้มาแค่ ๔๐ กว่าตัว ปกติแต่ละปีจะได้ประมาณ ๕๐-๖๐ ตัวเป็นอย่างน้อย "เจ้าคนแคระทั้งเจ็ด" นี่ใหญ่กว่าลูกแมวหน่อยหนึ่งแล้วนะ โอ้โฮ...อะไรจะผอมได้ขนาดนั้น ต้องบอกว่าคลอดลูกมาอย่างชนิดที่ไม่ได้ดูเลย ข้าวปลาอาหารก็ไม่มี ดันคลอดมาได้ตั้ง ๗ ตัว..!"

เถรี 08-11-2016 17:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าอาตมาไม่เปิดกระทู้ให้บูชาเครื่องรางของขลัง จะรู้กันไหมว่ามีของขนาดนี้ ? สมัยก่อนอาตมาก็บ่นหลวงปู่จง วัดท่าซุงว่า “หลวงพี่...สะสมมาก ๆ ระวังคานกุฏิจะร้าวนะ” ไป ๆ มา ๆ น่ากลัวว่าคานกุฏิของอาตมาก็จะร้าวเหมือนกัน เลยต้องเอามาแบ่งให้น้อยลงบ้าง"

เถรี 08-11-2016 17:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ไหนหรอกที่มานั่งถักตะกรุดให้ลูกศิษย์ เห็นมีแต่หลวงพ่อกวยเท่านั้น ปกติก็ให้คนอื่นทำให้ทั้งนั้น นี่ท่านต้องมานั่งถักเองเสกเอง"

เถรี 08-11-2016 17:59

พระอาจารย์กล่าวกับพระลูกศิษย์ที่มาเบิกเงินค่าเล่าเรียนว่า "วันนี้ความจริงไม่มีเงินให้พวกคุณหรอกนะ แต่ผมก็แปลก...เป็นคนไม่มีเงินได้ไม่เกิน ๑ วัน เมื่อเช้านั่งรับสังฆทานมีโยมถวายมา ๖ แสนบาท เออ...ค่อยพอใช้หน่อย ก่อนจะมานี่ช่างเขาเบิกไป ๑ ล้านกว่าบาท หมดกระเป๋าเลย ผมก็ยังว่าเดี๋ยวพระท่านมาเบิกค่าเรียนแล้วจะจ่ายอย่างไร เมื่อเช้านั่งอยู่พักหนึ่งโยมถวายมา ๖ แสนบาท...ค่อยยังชั่วหน่อย

โยมเกษียณแล้วเอาเงินออมที่ทางหน่วยงานหักเอาไว้มาทำบุญ หน่วยงานทำลักษณะนั้นก็ดีนะ เท่ากับบังคับให้ฝากเงิน แต่โยมคงจะไม่เดือดร้อน เพราะว่าเป็นเงินออมที่จมอยู่เฉย ๆ เวลาเกษียณได้เงินคืนมา ก็เลยเอามาถวายพระเพื่อทำบุญหมดเลย

บางทีศรัทธาของโยมก็น่ากลัว ถ้าคนไม่รู้จักกันจริง ๆ อาตมามักจะไล่ให้กลับบ้านไปคิดดูก่อน ดูว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินส่วนนี้ไหม ? คิดให้รอบคอบ อีกอาทิตย์หนึ่งค่อยมาให้คำตอบ โยมบางท่านก็บ่นเอาว่า ให้แล้วอาตมายังจะเรื่องมากอีก

ตอนนี้มีอยู่ ๒ รายที่เวลาจะถวายอะไรก็ต้องรีบบอกว่า “คิดรอบคอบแล้ว...ไม่เดือดร้อนครับ” เมื่อตอนกฐินโยมถวายทองคำมา ๒๔๕ บาท เขายืนยันว่าเป็นทองที่มีอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อใหม่ แล้วก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งสะเทือนด้วย อาตมาจึงต้องรับเอาไว้ ถ้าเป็นพวกเราถวายทองคำ ๒๔๕ บาท คลำดูหน้าแข้งน่าจะสะอาดเอี่ยม ไม่มีเหลือสักเส้น..!"

เถรี 08-11-2016 18:24

พระอาจารย์กล่าวกับคณะทำงานของอาจารย์บรรจบว่า "ส่วนหนึ่งที่เคยคุยเป็นการส่วนตัวกับท่านอาจารย์บรรจบก็คือ งานทำแล้วอย่าไปหวังความสำเร็จ ถามว่าถ้าไม่หวังความสำเร็จแล้วจะไปทำทำไม ? งานใหญ่เหมือนกับการสร้างบ้านแปลงเมือง กรุงโรมจะให้สร้างเสร็จภายในวันเดียวย่อมเป็นไปไม่ได้...ใช่ไหม ? ก็เหลืออยู่อย่างเดียวคือเราจะต้องเป็นคนวางแนวทางเพื่อให้คนอื่นเขาก้าวตาม

ถ้าก้าวแรกซึ่งยากที่สุดไม่มี ก้าวต่อไปก็จะไม่มี ฉะนั้น...คนที่เริ่มก้าวแรกจะได้งานที่ยากที่สุด และจะหวังความสำเร็จนั้นยากมาก แต่ถึงยากที่สุดแต่ก็ต้องทำ

ยังดีใจว่าพวกเราทั้งหมดเริ่มก้าวกันแล้ว พระของเราขยับเมื่อไร เขาก็บอกว่า "ไม่ใช่กิจของสงฆ์" ในเมื่อเขาเอาตรงนี้มาตีก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงต้องอาศัยโยมออกหน้า พระก็ต้องเป็นกองหนุนให้ ลำบากอยู่เหมือนกัน"

เถรี 08-11-2016 18:41

ถาม : ขอพรในการทำงานเพื่อศาสนาครั้งนี้ด้วยครับ
ตอบ : อาตมภาพในฐานะตัวแทนของพระสงฆ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย ขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆะรัตนะเป็นประธาน ดลบันดาลให้พวกท่านทั้งหลายมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา ถึงพร้อมในการกระทำงานครั้งนี้เพื่อพระพุทธศาสนา ขอให้สำเร็จสัมฤทธิ์ผลจงทุกประการด้วยเทอญ

เถรี 08-11-2016 19:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนพระที่วัดซึ่งบวชรุ่น ๑๐๐ ปีหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ไปอยู่ปริวาสที่วัดชากสมอ ขากลับเอาลูกอมผงพรายกุมารมาฝาก ๖ ลูก ปรากฏว่าปลอมล้วน ๆ อาตมาบอกว่า "ดูเองไม่เป็น อย่าไปจับสิวะ" บอกให้ไปขอเงินเขาคืน พระท่านบอกว่าราคาไม่แพง ไม่ต้องคืนก็ได้ นั่น...ทำรวยอีก"

เถรี 08-11-2016 19:31

ถาม : ผงอิทธิเจ คืออะไรคะ ?
ตอบ : ผงวิเศษที่เขาลบกระดาน มีทั้งผงมหาราช ปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห เพียงแต่คุณภาพไปคนละอย่าง

คนโบราณ
มีความละเอียดของใจมาก ตัวหนังสือทุกตัวจะได้รับความเคารพ ของรุ่นเราอาจจะทันที่ว่า พ่อแม่สอนให้กราบหนังสือก่อนอ่าน เนื่องจากความละเอียดของใจมีมาก ท่านก็เลยเห็นว่า อักขระทุกตัวสามารถจารึกพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้

โดยเฉพาะบรรดาท่านที่เรียนเกี่ยวกับบาลี ไม่ว่าจะเป็นสูตร เป็นสนธิ ในบาลีมูลกัจจายน์ต่าง ๆ ถึงเวลาเขียนตัวหนังสือแล้วลบก็เก็บผงเอาไว้ด้วย เอาไว้ใช้ทำประโยชน์ เพราะถือว่าทุกอย่างที่รู้กระจ่างแจ้งได้ เกิดจากอักขระทั้งหลายเหล่านี้ บาลีว่า อัตโถ อักขระสัญญะโต ตัวหนังสือมีประโยชน์ในการช่วยจำ เมื่อเป็นอย่างนั้นท่านก็เลยเห็นว่า สิ่งที่ทำมาเป็นตัวแทนในการจารึกพระธรรมได้ มีคุณค่า มีความศักดิ์สิทธิ์ ให้ความเคารพ จึงไม่ทิ้ง ไม่ได้ลบแล้วทิ้งเฉย ๆ แต่เก็บเอาไว้สร้างวัตถุมงคลต่อไปเพื่อให้คนไว้บูชา

เถรี 08-11-2016 20:15

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนส่วนหนึ่งด้วยความที่เคารพหลวงพ่อวัดท่าซุง กลัวว่าจะไม่มีเวลาในการปฏิบัติเมื่ออยู่กับท่านมากมายนัก ก็ทุ่มเทจนกระทั่งลืมสำนักอื่นหมด กว่าจะรู้ก็ใกล้เกลือกินด่างไปเยอะ อย่างหลวงพ่อกวย อยู่ใกล้วัดท่าซุง อาตมาวิ่งจากวัดท่าซุงไปสรรคบุรี ไปหาหลวงปู่บุดดา อย่างไรก็ต้องเจอหลวงพ่อกวยอยู่แล้ว ไม่แวะก็ไม่ได้ น้อยคนที่จะแวะ แต่อาตมาแวะทีหนึ่ง ขนวัตถุมงคลมา พวกทหารก็ปล้นจนหมดตัว เขาไม่ไปเองกันหรอกนะ รอให้อาตมาไป เพราะเขาได้ฟรีไม่เสียเงิน แต่ถ้าไปเองเขาก็เสียเงิน

หลวงพ่อกวยท่านแบ่งลูกศิษย์เป็นหลายประเภท ลูกศิษย์พระท่านให้อย่างหนึ่ง ลูกศิษย์ประเภทฆราวาสหญิงชายท่านให้อีกอย่างหนึ่ง ไม่เหมือนกัน และก็มีบางประเภทที่ท่านถูกใจ จะเอาอะไรบอก ท่านให้หมด ท่านชอบคนจริง

ความจริงลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงน่าจะได้ไป เพราะพวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติกันจริงจังมากในยุคนั้น แต่ก็อย่างว่า...ทำเสียจนไม่มีเวลาจะไปไหนกันเลย"


ถาม : ตอนนี้ทางเว็บวัดท่าขนุนกำลังนิยมหลวงพ่อกวยกันค่ะ เขาบอกว่าหลวงพ่อกวยฟีเวอร์ ?
ตอบ : กว่าจะรู้จักก็หมดตลาดไปแล้ว ไปรู้จักตอนท่านมรณภาพแล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะคนอื่นคว้าของดีไปหมดแล้ว แต่หลวงพ่อกวยท่านเคยบอกไว้ ว่าใครกราบไหว้คิดถึงท่าน ท่านก็พร้อมที่จะช่วยเขาเสมอ

เถรี 08-11-2016 20:18

แต่หลวงพ่อกวยมาสายพระโพธิสัตว์เดิมเต็ม ๆ อะไรที่ท่านทำได้ก็ไม่แปลกหรอก ศึกษาอะไรท่านก็ทำขึ้นหมด ท่านชอบลองนะ ของบางอย่างท่านทำชิ้นเดียว ให้ลูกศิษย์ไปใช้ดูว่าได้ผลจริงหรือเปล่า แล้วก็เลิกไปเลย ทำต่อไม่ได้ ทำต่อเดี๋ยวเสียคน

ยังแปลกใจว่า เมื่อก่อนอาตมาพกพระของท่านอยู่หนึ่งองค์ ทำไมคิดชั่วไม่ได้ ทำชั่วไม่ได้ เป็นเพราะอะไร ? พออ่านอักขระขอมออก ท่านเขียนข้างหลังองค์พระไว้ว่า "สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง" เว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง..!

เถรี 08-11-2016 21:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ไปที่ไหนก็เห็นการไว้ทุกข์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ความจริงพระองค์ท่านไม่ได้ไปไหน งานของพระองค์ท่านยังไม่หมด เพียงแต่เปลี่ยนจากกายหยาบมาทำงานในกายละเอียดเท่านั้น

แต่พระองค์ท่านมีติงมา
อย่างหนึ่งว่า ประเภท "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป" พระองค์ท่านตรัสว่า "นั่นเป็นอธิษฐานบารมี พวกเธอแน่ใจแล้วหรือ ? ถ้าหากไปเกิดลำบากตามกันนี่ว่าฉันไม่ได้นะ" ฉะนั้น...ใครที่ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไปก็ตัวใครตัวมันเถอะ อาตมาถือว่าเตือนแล้ว"

เถรี 08-11-2016 21:56

"อาตมาพูดถึงเรื่องของในหลวงก่อนพระองค์ท่านสวรรคตสองสามวัน ปรากฏว่าพระที่วัดไม่ได้รู้หนักรู้เบา ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร นำไปเผยแพร่ข้างนอก อาตมาไม่โดนทหารลากไปเข้าคุกก็บุญโขแล้ว เพราะกลายเป็นว่าทำให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นกันหมด

พออาตมารู้ว่าเรื่องหลุดออกจากวัดไป เย็นนั้นก็เลยเทศน์กัณฑ์มหาราช ด่าจมดินไปเลย...! "ทำอะไรไม่รู้จักใช้หัวแม่ตีนคิด...! อะไรที่เป็นส่วนรวม อะไรที่เป็นส่วนตัว ต้องแยกแยะให้ออก เมื่อพูดในวัดเรื่องก็ควรที่จะอยู่แค่ในวัด ตักเตือนให้รู้ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้น ควรที่จะวางตัวเองอย่างไร วางกำลังใจอย่างไร ดันทะลึ่งเอาไปเผยแพร่ออกข้างนอก"

ทหารเขายิ่งมาขอแสดงความนับถืออยู่ อาทิตย์ก่อนเขามาถามว่า วัดท่าขนุนทำอะไรให้ในหลวงบ้าง ? ยังโชคดีที่เขามาถามเจอพระรูปอื่น ถ้าเจออาตมาจะถามกลับว่า "แล้วมึงทำอะไรให้ในหลวงบ้าง ?" ที่วัดสวดพระอภิธรรมถวายในหลวงทุกวัน จัดงานปฏิบัติธรรมถวายพระองค์ท่าน ๗ วัน ส่วนพวกเขาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่ได้เห็นหัวหรอก...! จัดงานแต่ละทีมีคนมากหน่อยก็ตามมาถ่ายรูปรายงานเจ้านาย กลัวว่าอาตมาจะพาชาวบ้านไปล้มรัฐบาลขนาดนั้นเลยหรือ ?"

เถรี 09-11-2016 09:22

"ในหลวงสิ้นพระชมน์ลงจะทำให้เหตุการณ์บางอย่างเลื่อนออกไป แต่วาระก็คงไม่เกินปีหน้าหรือปีถัดไป เพราะว่าของทุกอย่างที่โดนกดอยู่ก็เหมือนกับน้ำเดือด ไม่มีทางระบายออกก็ต้องระเบิด ถ้าสถานการณ์หนักหน่อยก็ถึงขนาดนองเลือดกัน แต่ถ้าแย่มาก ๆ ก็จะมีภัยธรรมชาติมาห้ามทัพ แต่ภัยธรรมชาติที่มาห้ามทัพ โปรดทราบ...ใครสร้างกรรมไว้เยอะก็จงรับไว้ด้วย ของบางอย่างไม่รู้มากดีกว่า รู้มากถ้าทำใจไม่ได้ก็เครียดตายเลย"

เถรี 09-11-2016 09:33

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่อาตมาไปสร้างวัดที่พม่า เอารูปในหลวงไปติดไว้ คนพม่าก็ถามว่าพ่อเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้เลยหรือ ? เขาคิดว่าอาตมาเอารูปพ่อตัวเองไปติดไว้ในศาลา ก็ "พ่อ" เหมือนกันแหละนะ "พ่อหลวง"

ท่านอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะ รองเจ้าคณะรัฐมอญ ท่านบอกว่า ท่านก็สวดมนต์ไหว้พระ อุทิศส่วนกุศลให้ในหลวงอยู่ทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นคนพม่า ท่านบอกว่าบุคคลที่สร้างแต่ความดี เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ควรที่จะสรรเสริญแล้วก็ช่วยเหลือกัน

มีนักท่องเที่ยวไทยไปเนปาล ไปเที่ยวภูเขาหิมาลัย แล้วก็ไปกรี๊ดกร๊าดกับความสวยของหิมาลัย เขาบอกว่าคนเนปาลโชคดีมาก ๆ ที่มีหิมาลัย ไกด์เขาบอกว่า "เอาอย่างนี้ไหม คุณยกหิมาลัยไปไว้บ้านคุณแล้วแลกกับในหลวง" เล่นเอานักท่องเที่ยวไทยยืนเซ่อไปเลย ถามว่านึกอย่างไรจะเอาหิมาลัยแลกกับในหลวง ? เขาบอกว่าคนเนปาลจะได้อยู่ดีกินดีกับเขาบ้าง แสดงว่างานที่พระองค์ท่านทำทั่วโลกเขารู้หมด

ขนาดยูเอ็นต้องจัดพิธีไว้อาลัย แล้วดูเหมือนว่าจะกำหนดวันที่ ๕ ธันวาคมเป็นวันกษัตริย์โลก The King’s Day แต่ประเทศเราไม่ค่อยรู้สึกรู้สากันหรอก อาตมาตั้งใจจะทำป้ายประชดติดที่วัดท่าขนุน ติดเมื่อไรดังแน่ ๆ "ข้าพระพุทธเจ้า "เพิ่งจะ" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้" แหม...สำนึกกันทุกคน แต่ไม่เคยทำอะไรให้ "พ่อ" ชื่นใจเลย พอตายแล้วค่อยมาทำ

ลองติดดูสักป้ายไหม ? แล้วช่วยกันถ่ายไปลงเฟซบุ๊ก รับรองว่า ๕ วัน ๓ วันนี่คนแห่ไปดูกันบาน ถ้าจะเอาดังกว่านั้นก็ "ข้าพระพุทธเจ้า "เพิ่งจะ" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ แต่ทรงเชื่อเถอะ...ข้าพระพุทธเจ้าจำไม่นานหรอก...เดี๋ยวก็ลืม"

เถรี 09-11-2016 09:37

"เห็นแต่ละที่ติดป้ายจัดกิจกรรมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแล้ว อาตมาไปนึกถึงพวกที่พ่อตายแม่ตาย ถึงเวลาแล้วจัดอาหารไป แล้วไปวางไว้ แล้วเคาะโลงก๊อก ๆ “พ่อกินข้าว...แม่กินข้าว” เหมือนกันเลย ตอนท่านมีชีวิตอยู่ทำไมไม่เลี้ยงท่านให้ดี ? ตอนตายดันไปเรียกให้กินข้าว..!

สิ่งที่ในหลวงท่านอยากเห็นที่สุดก็คือ คนในชาติทำตามพระราชดำริของพระองค์ท่าน เพราะทุกอย่างที่พระองค์ท่านทำ ก็เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็มักจะฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักพออยู่พอกินตามหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่าน ก็ในเมื่อพระองค์ท่านทรงพระชนมชีพอยู่ไม่ได้ทำให้เห็น มาทำเอาตอนตายแล้วจะมีประโยชน์อะไร ? ก็พอ ๆ กับที่ไปเคาะโลงเรียกพ่อแม่กินข้าวตอนตายนั่นแหละ แต่ก็ยังดีที่ยังทำบ้าง ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย"

เถรี 09-11-2016 09:40

"ที่วัดท่าขนุน อาตมาจัดสวดอภิธรรมตอน ๖ โมงเย็น วัดอื่นเขาจะสวดตอนบ่าย ๓ โมง ๕๒ นาที ตามเวลาที่ประกาศว่าพระองค์ท่านสวรรคต อาตมาเอาตอนเย็นเพราะว่าเป็นเวลาทำวัตร ถึงเวลาสวดพระอภิธรรมเสร็จ ก็อาศัยโยมที่มาร่วมงานทำวัตรต่อไปเลย ได้ทำความดี ๒ รอบ เพราะว่าทางการไม่ได้กำหนดว่าจะเอาเวลาไหน แล้วแต่ทางวัดสะดวก

เพียงแต่มีหลายวัดที่จัดแล้วก็ประกาศหาเจ้าภาพ บรรดาหน่วยราชการเอกชนอะไรต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แล้วเจ้าภาพตั้งเดือนหนึ่งต้องมีทุกวันไม่ใช่หาง่าย ๆ เพราะว่าหลาย ๆ วัดก็จัดกันทั้งนั้น"

เถรี 09-11-2016 09:48

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้จักคุณยายตุ้มบ้างไหม? คุณยายตุ้มอายุ ๑๐๒ ปี เป็นคุณยายที่ถือดอกบัวเหี่ยว ๆ รอรับเสด็จ คุณยายไปรอรับเสด็จตั้งแต่เช้า กว่าในหลวงจะไปถึงก็เย็น ดอกบัวเหี่ยวคามือเลย แต่ในหลวงก็ทรงก้มลงไปรับ กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ ใครว่าเข้าเฝ้าในหลวงต้องแต่งตัวดี นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวก็เข้าเฝ้าได้

พระองค์ท่านเสด็จไปถึงบ้านเขาโดยที่ไม่มีใครบอกก่อน ชาวบ้านก็อยู่บ้านตามสบาย นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวก็เข้าเฝ้าทั้งอย่างนั้น ขำที่ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เล่าให้ฟังว่า ในหลวงไปเยี่ยมบ้านชาวเขา แล้วเขาก็เอาเหล้าข้าวโพดมาเลี้ยง เทใส่ถ้วยพลาสติกเก่า ๆ มาถวาย"

เถรี 09-11-2016 13:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างเมรุวัดท่าขนุน ตั้งงบไว้ ๑๕ ล้านบาท ขอแสดงความยินดีกับตัวเองด้วย ทะลุไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ยังไม่เสร็จ...! หมดไป ๑๗ ล้านกว่า ๆ แล้ว

ช่วงปลายฝนต้นหนาว ได้เคยเตือนไว้ว่า ถ้ามีคนป่วยหรือคนแก่ให้ดูแลดี ๆ เนื่องจากช่วงอากาศเปลี่ยน คนแก่หรือคนป่วยทนไม่ไหวมักจะตายกัน ที่ทองผาภูมิ พระสังฆาธิการ คือ เจ้าอาวาสวัดสะพานลาว มรณภาพ ๑ รูป ญาติโยมก็ตายติด ๆ กัน ๓ ศพ เอาไปเผาวัดท่าขนุนอีกศพหนึ่งแล้ว เมรุนี้ดูท่ากิจการจะรุ่งเรือง...! ยังสร้างไม่ทันจะเสร็จเลย เผาได้เผาดี"

เถรี 09-11-2016 13:49

"ตอนนี้บูรณะกุฏิใหม่หลวงปู่สายเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังบูรณะกุฏิเก่าต่อ ปรากฏว่าช่างทำไปก็หัวเราะไป ช่างบอกว่าทรงกุฏิประหลาด หน้าจั่วตั้ง ๖ เมตร แต่กุฏิกว้างไม่ถึง ๖ เมตร ความจริงกุฏิหลวงปู่กว้างประมาณ ๒ เมตรครึ่งเอง แต่อาตมาทำคร่อมห้องน้ำที่อยู่นอกกุฏิไปด้วย ก็เลยออกมาหน้าตาประหลาด

ช่างก็บอกว่าจะทำอย่างไรครับ เพราะไม่อยู่ในสูตรไหนเลย ? อาตมาบอกให้พยายามปรับหน่อย ท้ายสุดก็ต้องยกหลังคาขึ้นมาประมาณเมตรกว่าเพื่อให้ได้รูป ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นทรงไทยที่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก

วันก่อนมีโยมอยู่รายหนึ่ง เคยบวชที่วัดท่าขนุนเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อน เข้ามาแล้วเดินถามพระว่า นี่ใช่วัดท่าขนุนหรือเปล่า ? ....(หัวเราะ).... บอกว่าวัดนี้ปีต่อปีคุณก็จำไม่ได้แล้ว นี่คุณไม่ได้มา ๒๐ กว่าปี จะไปจำอะไรได้ เขาบวชกับหลวงปู่สาย หลวงปู่สายมรณภาพไป ๒๔ ปีแล้ว แสดงว่าเขาเป็นลูกศิษย์รุ่นท้าย ๆ เลย"

เถรี 09-11-2016 15:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้ พอพระครูกาญจนวิสุทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดสะพานลาวมรณภาพ เขาก็แต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส

ท่านที่รักษาการเจ้าอาวาส คือ ท่านวิชัย ปภสฺสโร บวชรุ่นเดียวกับพระครูกิตติกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลปิล็อก ไม่ได้บวชรุ่นเดียวกันเฉย ๆ บวชวันเดียวกัน ชุดเดียวกัน เวลาเดียวกันด้วย แต่คนหนึ่งเป็นเจ้าคณะตำบล เป็นพระครูสัญญาบัตรไปแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งเพิ่งจะขึ้นมารักษาการเจ้าอาวาส


ของบางอย่าง ถ้าไม่ทำไว้หรือทำไว้ช้ากว่าเขา โอกาสได้ก็ยาก อาตมาถึงได้เตือนว่า เรื่องทำบุญให้ทำไว ๆ ทำง่าย ๆ ไว้ ทำง่ายทำไว ถึงเวลาเราก็ได้อะไรง่าย ๆ ได้อะไรไว ๆ"

เถรี 09-11-2016 15:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ประกาศรับสมัคร ๘๙ รูปถวายในหลวง ที่ต้องการบรรดา "ทิด" เพราะงวดนี้อาตมาไม่มีเวลาอบรม ต้องเอาคนเก่า ก็มีพวกคนใหม่พยายามเสนอตัวเข้ามา บอกว่าไม่ต้อง เขาก็พยายามที่จะเอาให้ได้ จะไปขานนาควันนั้นวันนี้ อาตมาบอกว่าไม่ต้อง ถ้าอนุญาตหนึ่งคนแล้วก็ต้องอนุญาตทั้งหมด"

เถรี 09-11-2016 15:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไม่ใช่ระยะนี้ที่ราคาเงิน ราคาทอง ขึ้น ๆ ลง ๆ เอาแน่ไม่ได้ และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นอีกมาก อาตมาก็ว่าจะซื้อเอง ปกติแล้วไม่ค่อยรบกวนโยมหรอก ปรากฏว่าบางวันเหวี่ยงขึ้นลง +๓๐๐ บาท +๔๐๐ บาท แล้วอาตมาซื้อทีหนึ่ง ๒๐๐-๓๐๐ กิโลกรัม ราคาจะต่างกันมากระดับหลายแสน

อาตมาก็เลยผลักภาระให้โยม ไปจัดการกันเอง ซื้อกันคนละกิโลกรัมก็คงไม่แพงเท่าไร ถ้าซื้อทีเป็นร้อยกิโลกรัม ต่างกันแค่ +๑๐๐ ก็แย่แล้ว"

เถรี 09-11-2016 15:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อกวยในระยะนี้ที่เขาเลิกเล่นกัน หันไปเล่นเครื่องรางแทน เพราะมีการมาเปิดโปงกันว่า บรรดาลูกศิษย์ใกล้ชิดเอาแม่พิมพ์ เอาผงของวัดไปพิมพ์เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลย โดยเฉพาะสมเด็จแหวกม่าน ก็เลยหันมาเล่นเครื่องราง พวกตะกรุด เชือกคาด แหวนแขน ฯลฯ ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำเสร็จแล้วทำไมคณะกรรมการไม่ทำลายแม่พิมพ์ หรือเห็นว่าเป็นรูปพระก็เลยไม่กล้าทำลาย

อาตมาทำลายแม่พิมพ์ด้วยวิธีบรรจุพระองค์ใหญ่ วัตถุมงคลของวัดท่าขนุนทุกรุ่น ลงมาจนถึงก่อนเหรียญพุทธบารมีรุ่น ๒ แม่พิมพ์บรรจุอยู่ในสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก วัดหนองบ้านเก่า ใครอยากเอาไปปลอมก็ต้องไปทุบสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่แล้วเอาแม่พิมพ์ออกมา...! บรรจุถวายเป็นพุทธบูชาไปเลย หมดเรื่องหมดราวไป

แม่พิมพ์วัตถุมงคลรุ่นหลัง ๆ กำลังหาที่เหมาะสมบรรจุต่อ ตอนนี้ที่ดูอยู่ คือ วัดบ้านห้วยน้ำขาว กำลังสร้างโบสถ์ใหม่ ถึงเวลาก่อฐานพระประธานเมื่อไรก็นิมนต์เลย ตอนนี้แบบที่เหลืออยู่ล่าสุด คือ แบบเหรียญพุทธบารมีรุ่น ๒ สมัยก่อนบรรดาช่างเขาทำลายแม่พิมพ์ด้วยการใช้หินเจียรคาดกลาง แต่แบบนั้นเท่ากับทำลายรูปพระไปด้วย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร"

เถรี 09-11-2016 16:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "ประเทศจีนจัดสวดมนต์ถวายในหลวงอย่างใหญ่โต เมื่อวานนี้ประเทศญี่ปุ่นเกทับ ....(หัวเราะ)... จัดใหญ่กว่า แต่ที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ ภูฏาน

ภูฏานทั้งประเทศทุกวัดต้องจัดถวายในหลวง เป็นคำสั่งของกษัตริย์จิกมี ถ้าใครไปดูในพระบรมมหาราชวังของพระองค์ท่าน พระองค์ท่านติดพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงคู่กับสมเด็จพระราชบิดา จะเห็นว่าทันทีที่ในหลวงสวรรคต พระองค์ท่านเสด็จถึงไทยวันนั้นเลย แล้วมีใครรู้บ้างว่า วันที่ ๑๓ ตุลาคม เป็นวันครบรอบราชาภิเษกสมรสของพระองค์ท่าน ? แทนที่จะจัดฉลองกันที่ประเทศตัวเอง กลายเป็นพาพระราชินีและพระโอรสมาเมืองไทยแทน

ส่วนใหญ่บรรดาผู้นำประเทศมักจะส่งลูกไปเรียนทางตะวันตก แต่ภูฏานส่งลูกมาเรียนประเทศไทย..! สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ก่อนของภูฏาน ต้องบอกว่ามีสายพระเนตรยาวไกลมาก นอกจากมีพระโอรสที่ขึ้นครองราชย์ถัดมา สามารถรับพระราชภาระแทนได้แล้ว
ถ้าหากว่าไม่แน่นอน พระองค์ท่านที่เพิ่งพระชนมายุ ๕๐ เศษ ยังมีโอกาสยืนคอยค้ำบัลลังก์ให้กับกษัตริย์องค์ใหม่ แต่ปรากฏว่ากษัตริย์จิกมีองค์ใหม่ เป็นที่เคารพรักของชาวบ้านพอ ๆ กับสมเด็จพระราชบิดา

อ่านข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อน เพิ่งจะเสด็จขี่ม้าขี่ลาและดำเนินด้วยพระบาทไปยังหมู่บ้านที่อยู่หลังเขา ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง ๒-๓ วันกว่าจะออกมาโลกภายนอกได้ พระองค์ท่านบอกว่า ประเทศภูฏานเป็นประเทศเล็ก ประเทศไทยใหญ่กว่าหลายเท่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยยังเสด็จไปได้ทุกตารางนิ้ว แล้วประเทศภูฏานที่เล็กกว่า พระองค์ท่านก็ต้องไปได้เช่นกัน"

เถรี 09-11-2016 17:23

"ทั่วโลกเห็นความดีของในหลวง ขณะที่คนไทยส่วนหนึ่งหูหนวกตาบอดขนาดไหน จึงมองไม่เห็น ไม่เห็นยังไม่พอ ยังหาเรื่องด่าไปเรื่อย โดยเฉพาะฝรั่งที่ไม่รู้จริง เอาเรื่องทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มาตีมูลค่า แล้วว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก ถ้าเป็นสมบัติของพระองค์ท่านจริง พระองค์ท่านก็รวยที่สุดในโลก

แต่รู้ไหมว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นของที่คณะราษฎร์ยึดไปจากในหลวงรัชกาลที่ ๗ แล้วตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ขึ้นมาเพื่อบริหาร ก็แปลว่าเป็นของทางราชการทั้งหมด ไม่ใช่ของในหลวงอีกแล้ว แต่มีคำว่า
ส่วนพระมหากษัตริย์ เขาก็เลยเหมาว่าเป็นของพระมหากษัตริย์ ไอ้พวกปัญญานิ่มก็ไม่พยายามที่จะศึกษาที่มาที่ไปกันเลย"

เถรี 09-11-2016 18:12

"ต้องบอกว่าคนเราดีแต่จับผิดคนอื่น โบราณท่านว่า แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา

อาตมาเคยเล่าตัวอย่างลูกอีช่างติ มีคนบอกว่าหลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในประเทศไทย เขาก็ไปเดินดูซ้ายดูขวาดูหน้าดูหลัง ดูจนครบแล้วก็บอกว่า "ก็สวยหรอก เสียอย่างเดียว...พูดไม่ได้..!" อุตส่าห์หาที่ติจนได้ ถ้าอาตมาเป็นพระพุทธชินราชจะไม่พูดหรอก แต่จะถีบมันแทน...!

คนประเภทนี้ที่ไหนก็มี เขาเรียกประเภทมือไม่พายแต่เอาตีนราน้ำ นอกจากไม่ช่วยสร้างความเจริญแล้ว ยังคอยถ่วงความเจริญเขามาตลอด"

เถรี 10-11-2016 14:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "พอในหลวงสวรรคตสถานการณ์บ้านเมืองกลายเป็นคลื่นใต้น้ำ ที่กลายเป็นคลื่นใต้น้ำเพราะว่าจากที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันก็สามัคคีกันชั่วคราว แต่หลังจากงานถวายพระเพลิงพระบรมศพเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ต้องดูว่ายังจะสามัคคีกันไหม ?

ช่วงเปลี่ยนผ่านมักจะมีความวุ่นวายเสมอ เพราะบุคคลก็ย่อมมีทั้งได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ฝ่ายที่เสียประโยชน์ก็อาจจะก่อความวุ่นวายขึ้นมา หรือฝ่ายที่ได้ประโยชน์อาจจะสร้างสถานการณ์เสียเองเพื่อใส่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะฉะนั้น...ช่วงเวลาอย่างนี้ต้องใช้สติสัมปชัญญะให้มาก ๆ โดยเฉพาะเราจะเห็นว่า พอสิ้นในหลวงลงทางด้านปักษ์ใต้ของเราก่อการร้ายกันแหลก เพราะฉวยโอกาสต้องการดูสมรรถภาพของทางทหารตำรวจของเรา ว่าในช่วงที่สิ้นผู้นำอย่างในหลวง จะเอาอยู่ไหม ?

เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการข่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตามให้ทัน แต่ว่าปักษ์ใต้นั้นตามทันยาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาเป็นพวกเดียวกันหมด คนต่างถิ่นเข้าไปแม้แต่คนเดียว ก็เป็นอันว่าเขาเห็นอย่างชัดเจน จึงเข้าไปสืบข่าวยาก"

เถรี 10-11-2016 14:13

"สมัยก่อนที่มี ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) เจ้าหน้าที่บางคนฝังตัวอยู่ ๒๐-๓๐ ปี จนกระทั่งเหมือนอย่างกับเป็นชาวบ้านด้วยกัน เพียงแต่ว่าเวลาไปตลาดไปทำอะไร ก็แอบแวบไปส่งข่าว พอมายุคนายกฯ ทักษิณเห็นว่า ศอ.บต.ใช้งบประมาณเยอะมาก นายกฯ ทักษิณจะคิดถึงแต่เรื่องตัวเลขกำไรขาดทุน ก็เลยสั่งยุบ ศอ.บต.

พอยุบลง บรรดาเจ้าหน้าที่การข่าวที่ฝังตัวในพื้นที่ก็อยู่ไม่ได้ เพราะนอกจากงานหมดแล้ว ก็เงินหมดอีกด้วย จึงต้องถอนตัวออกมา คราวนี้เขาก็รู้หมดว่าใครเป็นใคร จะกลับเข้าไปใหม่ก็ไม่ได้แล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราจะเห็นว่า พอเหตุการณ์ประทุขึ้นมาที เราเอาไม่อยู่แม้แต่ครั้งเดียว เพราะว่าการข่าวของเราเหมือนกับโดนปิดหูปิดตา ยกเว้นอยู่อย่างเดียวว่า พวกเดียวกันเองเขาเห็นการทำชั่วของพวกเดียวกันไม่ได้ แล้วแอบมาส่งข่าวให้บ้าง

บ้านเราเมืองเราจึงต้องรอหลังงานถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่าจะออกไปเป็นอย่างไร เพราะว่าช่วงนี้ชาวบ้านที่เดือดร้อนก็เริ่มมีการแสดงออกแล้ว คนเราถ้าท้องหิวขึ้นมาก็ไม่กลัวลูกปืนหรอก เพราะอดก็ตาย โดนลูกปืนก็ตาย"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:19


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว