กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   เล่าสู่กันฟังภาค ๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2885)

เถรี 05-01-2012 13:19

หลวงปู่กล่อม สมัยไปหาหลวงพ่อนั้น ท่านยังเป็นพระเทพวราลังการอยู่ ลงจากสองแถวก็ถือไม้เท้าเดินก๊อก ๆ ถามหากุฏิหลวงพ่อฤๅษี ทั้งพระทั้งโยมไม่มีใครรู้จัก นึกว่าหลวงตาแก่ ๆ มาจากบ้านนอกคอกนา ก็ท่านเล่นขึ้นสองแถวมานี่นา..!

อีกทีหลวงปู่ท่านบุกเข้าไปกราบหลวงปู่ธรรมชัยถึงกุฏิ(ที่วัดท่าซุง) ทั้งที่หลวงปู่ธรรมชัยยังไม่ได้เป็นพระครู และอ่อนกว่าทั้งอายุทั้งพรรษา แต่หลวงปู่กล่อมกราบหลวงปู่ธรรมชัยก่อน

ท่านถามหลวงปู่ธรรมชัยว่า "พระเดชพระคุณขอรับ..กระผมปรารถนาพระโพธิญาณ แต่ด้อยวาสนาปัญญาน้อย ไม่ทราบว่ายังบกพร่องในการสร้างบารมีจุดใดบ้าง ขอพระเดชพระคุณเมตตาชี้แนะให้เกล้ากระผมด้วยเถิดขอรับ"

หลวงปู่ธรรมชัยพับเพียบแต้ พนมมือตอบแบบเลี่ยงไม่ได้ว่า "วิริยะบารมีกับปัญญาบารมียังพร่องอยู่ พยายามหน่อยนะครับ.." พวกเราจะละมานะแบบหลวงปู่ได้ไหม?


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 05-01-2012 13:23

หลวงปู่ชุ่มท่านพูดน้อยมาก ส่วนใหญ่เอาแต่นั่งยิ้ม ถามคำตอบคำ จนคนเกรงใจไปเอง แต่องค์นี้แหละ ที่หลวงพ่อฤๅษีบอกว่า เข้านิโรธสมาบัติได้ทั้งสี่อิริยาบถ..!

หลวงปู่เป็นผู้มอบแก้วจักรพรรดิให้แก่หลวงพ่อฤๅษีเอง ท่านว่าท่านหมดอายุแล้วไม่ต้องใช้อีก แต่ "หลวงน้อง" ต้องสงเคราะห์คนมาก หากมีแก้วจักรพรรดิไว้จะได้มีความคล่องตัวมากขึ้น

วัตถุมงคลของหลวงปู่ยุคนั้นมี ตะกรุดปรอท ตะกรุดหนังลูกวัวตายในท้อง เหรียญหมดห่วง ท่านว่าท่านเสกปรอทให้แข็งตัวได้เท่านั้น แต่อาจารย์ของท่านเสกเป็นแก้วได้ ปรอทตัวเมียจะเป็นแก้วราหู ปรอทตัวผู้จะเป็นแก้วจักรพรรดิ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 05-01-2012 13:26

หลวงปู่ดาบส เดิมเป็นพระมหาสง่า สุมโน ธุดงค์มาจากจันทบุรี ขึ้นไปปฏิบัติธรรมทางภาคเหนือ ได้สร้างพระเจดีย์ที่ อ.ลอง จ.แพร่ และชักชวนคนให้มาถือศีลปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก

บรรดา "แพะ " ทั้งหลายเห็นว่ามีคนไปหาท่านมาก ต้องมีเงินมากแน่ ๆ จึงไปเรียกร้องผลประโยชน์จากท่าน ท่านบอกว่าเอาไปสร้างพระเจดีย์หมดแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ เมื่อไม่ได้อะไรจากท่านก็หาทางกลั่นแกล้ง จนในที่สุดจับท่านสึก

ท่านถอดสังฆาฏิให้เขาไป บอกว่า "ถ้านี่เป็นเครื่องหมายของพระในความหมายของพวกคุณ ผมก็ขอสละให้ ต่อไปนี้ผมจะเป็นพระในความหมายของพระพุทธเจ้า อย่ามายุ่งกับผมอีก ถ้ามายุ่งอีกคราวนี้ผมจะสู้..!"

ท่านได้รับนิมนต์จากทางไร่บุญรอดฯ ให้ไปสร้างสำนักอยู่ ใช้ชื่อว่า "อาศรมเวฬุวัน" เขาก็ยังตามกลั่นแกล้งท่านอีก ว่าเอาชื่อวัดแรกของทางพระพุทธศาสนามาใช้ไม่ได้ จนท่านต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "อาศรมไผ่มรกต"

หลวงปู่ท่านจึงเป็น "ดาบส" และไม่พาดสังฆาฏิมาตั้งแต่บัดนั้น



คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 05-01-2012 15:52

พระอาจารย์ว่า "ทำอะไรอย่าถือว่าตัวกูของกูแล้วไม่แคร์ชาวบ้านเขา คนรอบตัวส่วนใหญ่เขาไม่พูดกันตรง ๆ หรอก เพราะเขารักตัวเองมากกว่ารักเรา เขากลัวพูดไปเดี๋ยวเราไม่พอใจเขาก็จะเสีย กลายเป็นว่าเรื่องที่ควรจะพูดจะบอกจะเตือน เพื่อประโยชน์ของเราเขาไม่พูด เวลาจะพูดก็ดันไปพูดอะไรไร้สาระไปโน่น...

เอาอย่างง่าย ๆ ลองสังเกตรอบ ๆ โต๊ะทำงานดูซิ แต่ก่อนมีใครเคยแวะเวียนอยู่รอบตัว แล้วเดี๋ยวนี้เหลือใครบ้าง ? คนที่หายไปแสดงว่าเขาทนเราไม่ได้แล้ว ที่เหลือก็ไม่ได้แปลว่าเขาเห็นว่าเราดีนะ เพียงแต่เขายังพอทนเราได้บ้าง

จงหมั่นสังเกตถือเอาปฏิกิริยาของคนรอบข้างเป็นกระจกเงาส่อง แล้วนำมาคิด นำมาปรับปรุงตัวเอง เพราะถ้าเขายังต้องอยู่กับเราด้วยความอดทน ถึงเวลาเรามีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าจะไม่มีใครสนับสนุนส่งเสริม ไม่มีใครอยากทำงานด้วย

ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความแต่เฉพาะที่ทำงานนะ ให้สังเกตดูเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต ประเภทตัวกูของกูแล้วไม่สนใจเรื่องของชาวบ้านเขาเลย นี่เป็นประเภทปลงใส่หัวกบาลชาวบ้านเขา..อย่าให้มี นี่ดูอย่างวันนี้ที่มาวัดท่าขนุนนี่สิ ไอ้เจ้า...ได้เข้ามากราบแล้วก็ทำให้เขาก็มีกำลังใจ ถามว่าอาตมาจะไม่มาได้ไหม ? ก็ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องของเราโดยตรง เราไม่มาเขาก็บวชกันได้ แต่รู้ว่ามาแล้วทำให้เขาดีใจ อิ่มใจ มีกำลังใจที่จะอยู่ในผ้าเหลืองได้ดีขึ้น มีโอกาสจะได้บุญได้บารมีเพิ่มขึ้น เราก็พยายามมาให้เขาเห็น..

ที่ด่าเยอะ ๆ ชมน้อย ๆ นี่ก็ขอให้นึกถึงว่าเป็นปกติโลก เพราะโลกเราโหดร้ายจะตายไป เวลาทำดีสิบครั้งเขาจะมองเห็นหรือชมสักครั้งก็แสนยาก แต่ทำเลวครั้งเดียวเอาไปด่าเป็นหลายรอบได้ ถึงไม่มีปัญหาอะไรก็ต้องหมั่นสำรวจตัวเองอยู่เสมอ ๆ ว่า สิ่งที่ดีกว่าที่เป็นอยู่..ที่ทำอยู่นี่ยังมีอีกหรือไม่ ถ้ามีก็แก้ไขปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะเข้าถึงความดีสูงสุดได้"

จากนั้นพระอาจารย์ท่านหันไปดูหนังสือพิมพ์ที่มีรูปดาราถ่ายเซ็กซี่..แล้วก็เปรยว่า "เขียนเชียร์กันเข้าไป เซ็กซี่..อึ๋ม..สวย ให้เด็ก ๆ แห่กันเอาอย่าง"


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 05-01-2012 16:11

พระอาจารย์ท่านว่า พระพุทธเจ้าทรงความรู้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ใครเติมเข้าก็เกิน ใครตัดออกก็ขาด

การเรียนเพิ่มเติมทางโลกก็ดี แต่เป็นการเอาเปลือกไปหุ้มแก่น แล้วมาหลงระเริงว่าเปลือกดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ พอนานไปเปลือกหนาเข้าก็จะหาแก่นไม่เจอ ทุกวันนี้ที่วุ่นวายก็เพราะมีแต่เปลือกนี่แหละ..!

เราปฏิเสธความทันสมัยไม่ได้หรอก แต่ต้องอยู่กับเขาอย่างมีสติ ให้เทคโนโลยีหนุนเสริมเรา แต่ไม่ใช่ให้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-01-2012 10:23

พระอาจารย์ท่านว่า "คนสมัยนี้ชอบเอาพระเป็นบันไดไปนรก ด่าพระได้จะรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่านักบวช เป็นการยกตนข่มท่าน แสดงว่าไม่มีธรรมะที่แท้จริงอยู่ภายในใจ ถ้าเขาอยากลงต่ำก็ปล่อยเขาไป เราอย่าโดดตามไปด้วยก็แล้วกัน"

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-01-2012 10:27

พระอาจารย์ท่านสารพัดจะสรรหากีฬาสมาธิมาให้ลูกศิษย์เปลี่ยนบรรยากาศอยู่เสมอ ถ้าใครมาฝึกกรรมฐานที่บ้านอนุสาวรีย์คงจะทราบดี ที่เด็ดกว่านั้น..ขนาดเครื่องปั่นจักรยานท่านยังใช้ฝึกสมาธิได้

เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ถวายเครื่องปั่นจักรยานมาให้ท่านออกกำลัง เนื่องจากหมู่นี้ท่านเรียนหนักจนไม่มีเวลาเดินธุดงค์ ท่านเมตตาเล่าให้นางมารร้ายกับพริกขี้หนูฟังว่า ท่านปั่นอย่างไรหัวใจก็เต้นช้า เพราะสภาวะที่ทรงฌานอยู่เป็นปกติ อ้าว..! แล้วร่างกายจะแข็งแรงหรือคะ ? นางมารร้ายสงสัย ท่านบอกว่าก็ต้องแข็งแรงสิ คนแข็งแรงหัวใจจะเต้นช้า ถ้าเราถอยเข้าออกฌานได้คล่อง ผลของชีพจรจะเป็นตัวยืนยัน เช่น จาก ๑๐๐ ลดลงเหลือ ๕๐ ทั้งที่ยังถีบจักรยานอยู่ และจาก ๕๐ เพิ่มเป็น ๘๐ ทั้งที่หยุดถีบไปแล้ว เป็นต้น

ไม่กี่วันหลังจากนั้น..ท่านอาจารย์ก็ทำเอาเครื่องปั่นร้องปี๊ดไปเลย พอเราไปมุงดูกันก็ตกใจ ทั้ง ๆ ที่เท้ายังปั่นอยู่แต่ชีพจรวัดได้ศูนย์ค่ะ นางมารร้ายเลยรู้แล้วว่า คราวหน้าคราวหลัง ใครมาโม้ว่าได้ฌานสี่..จะขอวัดชีพจรก่อนเลยค่ะว่าหยุดเหลือศูนย์ได้หรือเปล่า... หวังว่าข้อมูลนี้คงช่วยขจัดปัญหาที่ถกเถียงกันได้หลายกรณีนะคะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-01-2012 10:30

และที่บ้านอนุสาวรีย์อีกเช่นเคย พระอาจารย์เตือนสติว่า การเตรียมรับมือวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ให้พวกเรามีสติ ซื้อแต่ของที่จำเป็นจริง ๆ และซื้อของที่คุณค่าใช้สอยที่แท้จริงของสิ่งนั้น

สังเกตไหมว่ามือถือนี่..รุ่นใหม่ ๆ ทำได้สารพัดอย่าง แต่คุณค่าใช้สอยจริง ๆ อยู่ที่การรับเข้าโทรออก..ใช่ไหม ? สินค้าอื่น ๆ เช่นกัน อย่าไปหลงกระแสโฆษณาซื้อของแพงเพื่อเอาคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นมาให้สิ้นเปลือง

มีโยมคนหนึ่งถามว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจแกจะดีไหม ? ได้ยินพระอาจารย์ตอบว่า ถ้าท่องคาถาเงินล้านได้วันละ ๑๐๘ จบละก็...จะดีกว่าปีที่แล้วอีก


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-01-2012 10:33

ยกช้างเสี่ยงทายที่พระพุทธบาท จ.สระบุรี พระอาจารย์ท่านว่า " ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ถามแล้วไม่สำเร็จ "


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 30-01-2012 10:30

จงคิดถึงความสุขของคนอื่นก่อนตัวเอง จงผ่อนปรนต่อผู้อื่นแต่เข้มงวดต่อตนเอง

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 30-01-2012 10:38

อันว่าพระขรรค์โสฬสนั้น ถ้าจะสร้างเอาตามตำราเป๊ะ ๆ ก็ต้องประกอบไปด้วยโลหะหลายประการ ขนาดความยาวทั้งด้ามทั้งตัวเล่มรวมกันประมาณ ๑๖ นิ้ว และปลุกเสกตามฤกษ์เฉพาะ

พระอาจารย์ท่านบอกว่า จะเป็นมีดปังตออะไร ทรงอะไร ยาวเท่าไร ก็เอามาเข้าพิธีโสฬสได้ ถ้าจะให้ถูกต้องตามตำราคงเป็นบ้ากันพอดี เพราะต้องมีโลหะยอดเจดีย์ โลหะยอดปราสาท ฯลฯ กว่าจะหาได้มาครบ คงได้เข้าโลงไปก่อน

ร้านมีดที่พระอาจารย์ไว้ใจ สั่งทำมีอยู่เจ้าเดียวคือจ่าตุ่ม ตอนนี้ป้าสุ(ภรรยา)กับพี่หมี รับช่วงสืบทอดต่อมา ฝีมือสุดยอดค่ะ ตอนนี้ป้าไม่ว่างทำเว็บไซต์แล้ว ต้องไปดูไปสั่งเองที่อุทัยธานี มีดที่นี่ทำด้วยเหล็กกล้าราคาแพง ใช้เหลาตะปูได้ และรับประกันตลอดชีพ คุ้มมากค่ะ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 30-01-2012 10:52

วิธีการดูโฉลกอาวุธ (ดาบ มีด อาวุธอื่น ๆ)

ใช้นิ้วหัวแม่มือทาบขวางลงบนใบอาวุธ เริ่มจากหัวแม่มือขวาก่อน แล้วเอาหัวเเม่มือซ้ายซ้อนทับหัวเเม่มือขวา ทับซ้ายทับขวาไปเรื่อย ๆ จนหมดความยาวของอาวุธ ถ้ายังไม่สุดความยาวก็นับวนใหม่จนหมด ตกข้อไหนก็ดูคำทำนายเอา นับไล่ลำดับไปดังนี้

๑. ศรีวิชัย เป็นอาวุธคู่บารมี ชนะในทุกที่
๒. ภัยนิรันดร์ พาเจ้าของเดือดร้อนตลอดเวลา
๓. สุพรรณลาภ จะได้แก้วแหวนเงินทอง
๔. ปราบนคร จะได้บ้านเมืองมาเป็นข้าขอบขัณฑสีมา
๕. จรประสิทธิ์ ไปไหนก็พบกับความสำเร็จทุกที่
๖. ฤทธิเดช เป็นมหาอำนาจ ศัตรูคร้ามเกรง
๗. วิเศษสมบัติ จะร่ำรวยมหาศาล
๘. พลัดบ้านเมือง จะตกระกำลำบาก พลัดบ้านพลัดเมือง
๙. เลื่องลือยศ จะมีชื่อเสียงเกียรติคุณขจรขจาย


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 30-01-2012 11:14

ครูบาเหนือชัยท่านบวชมาเพื่อปฏิบัติ แต่ทำไปทำมาไม่ก้าวหน้า ท่านเลยตัดสินใจว่า นั่งสมาธิให้ตายไปเลยดีกว่า..! คนตัดอาลัยในร่างกายได้ มักจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น พอถึงวันที่ ๗ หลวงพ่อฤๅษีก็มาชี้แนะหนทางการปฏิบัติให้ ต่อมาหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ก็มาสอนในสมาธิอีก ส่วนครูบาเหนือชัยท่านทรงความดีไปถึงไหนแล้วผมไม่บังอาจรู้ ลองไปสัมผัสเองก็แล้วกันครับ

สำหรับการดูหมอนั้นมีหลายวิธีครับ ถ้าหลับหูหลับตาดูเขาเรียกว่าดูด้วยทิพจักขุญาณ ถ้าใช้วันเดือนปีเวลาตกฟากประกอบ หรือดูโหงวเฮ้ง ทายไพ่ยิปซี เขาเรียกว่าดูตามตำรา การดูด้วยทิพจักขุญาณจะรู้แน่ประมาณ ๘๐ % ส่วนการดูตามตำรา(ถ้าเก่งจริง) ได้ประมาณ ๖๐ %

ผมเองเลิกดูหมอทุกวิธี หันมาดูพยาบาลอย่างเดียว..!

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 30-01-2012 11:19

พระอาจารย์ท่านบอกว่า สาเหตุที่เริ่มจับกล้อง เพราะว่าท่านคุยไปคุยมา แล้วหลวงพ่อหยิบกล้องมาถ่ายท่าน แต่ท่านเองกลับไม่มีกล้องจะถ่ายหลวงพ่อ ก็เลยไปเสาะหากล้องปัญญาอ่อนได้ยี่ห้อ pentax มา จึงเริ่มถ่ายหลวงพ่อ ท่านบอกว่า ถ่ายไปถ่ายมาถึงรู้ว่าที่ปัญญาอ่อนน่ะเราเองต่างหาก กล้องมันเก่งจะตาย..!

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 30-01-2012 11:49

บางคนเวลาถ่ายรูป ภาพที่ออกมาจะเหมือนมีม่านแก้วปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ พระอาจารย์บอกว่าเวลาพุทธาภิเษก บารมีพระที่สงเคราะห์ลงมาจะเป็นม่านเหมือนละอองฝนบาง ๆ คลุมลงมา ถ้าคนถามเขาไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ให้บอกว่าลืมเช็ดหน้ากล้องค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 01-02-2012 10:46

ศีลแปดข้อวิกาลโภชนา เวรมณี หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่า สมัยก่อนคนโบราณดูเงาเอียงพ้นตัวไปไม่เกิน ๒ นิ้ว เทียบแล้วประมาณบ่ายสองโมง แต่ไทยเราไปตีความว่าเป็นเวลาเที่ยง ฆราวาสจะถือเอาเวลาบ่ายสองก็ได้..

ข้อนี้มีไว้เพื่อสำรวมการกิน (ไม่ใช่กินตั้งแต่เช้าไปหยุดเอาเวลาบ่าย) ให้กินแต่พอประมาณ ถ้าหิวช่วงนั้นให้กินน้ำร้อน น้ำหวาน นม (บาลีว่าเนยข้น เนยใส) ส่วนน้ำผัก น้ำธัญพืช เช่น น้ำเต้าหู้นั้นถือเป็นอาหาร น้ำมหาผล (ผลไม้ที่ขนาดใหญ่กว่ากำปั้น) ก็ห้าม นักวิทยาศาตร์เพิ่งค้นพบหลังว่า น้ำมหาผลนั้นมีฮอร์โมนสูง กินก่อนนอนจะทำให้คึกคัก รักษาศีลข้อสามคืออพรหฺมจริยาได้ยาก

ห้ามที่นอนสูงเกิน..ตามบาลีว่า ๑ คืบ เทียบสมัยนี้จริง ๆ ก็เป็นศอก วัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้นอนเพลิน เพาะนิสัยเกียจคร้าน ฆราวาสเอาตามสมควรแล้วกัน

เรื่องน้ำหอมและการแต่งหน้า เพื่อไม่ให้ไปแต่งตัวยั่วเพศตรงข้าม การแต่งหน้า ทาโรลออนเพื่อเข้าสังคม เพื่อปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างมั่นใจนั้นไม่เป็นไร เป็นแอร์โฮสเตสแล้วไม่แต่งหน้าคงตกงาน..อดมาทำบุญต่อแน่เลย..!

ห้ามดูห้ามเสพสิ่งบันเทิงเริงรมย์ มีไว้เพื่อไม่ให้มัวเมาในโลก เพื่อไม่ให้เสพในอารมณ์โลก ถ้าดูโดยรักษาอารมณ์ไม่ให้สนุกสนานเพลิดเพลินไปได้ก็ไม่เป็นไร สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ พระรูปอื่นดูมวยก็โดนหลวงพ่อด่า แต่ผมดูหลวงพ่อท่านกลับไม่ว่า เพราะท่านรู้ว่าผมทำกำลังใจทดสอบอารมณ์ตัวเอง ดูว่าผลมวยจะออกมาแบบที่ "รู้สึก" หรือไม่ ?

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 01-02-2012 11:03

ศีลแปดนั้นเหมาะกับกำลังใจระดับพระอนาคามี หรือผู้ที่ต้องการละโลก จึงต้องสำรวมการกิน..การนอน..การเสพกาม..การบันเทิง ถ้ายังต้องเข้าสังคมในโลก อาจปฏิบัติได้ไม่สะดวกเท่ากับไปที่วัด

ท่านยังบอกว่า การมีพรหมวิหาร ๔ ทำให้รักษาศีลและกรรมบถ ๑๐ ได้ง่าย ถ้าเรารักและปรารถนาดีต่อผู้อื่น เราคงไม่คิดเบียดเบียนเขาด้วย กาย วาจา ใจ แน่นอน ไม่ต้องไปนั่งท่องให้เสียเวลา

หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนว่า การจะเริ่มรักษาศีลหรือกรรมบถ ๑๐ นั้น ให้กำหนดเป็นเวลา เช่น ทุกวันตั้งแต่เวลา ๘ โมงเช้าถึง ๙ โมงเช้า จะรักษาศีลไว้ไม่ให้บกพร่องเป็นอันขาด เมื่อทำได้แล้วก็ค่อยเพิ่มเวลาขึ้น ถ้าทำแต่ตอนนอนจะไม่ได้การฝึกกำลังใจ

การทำความดีเหมือนว่ายทวนน้ำ ต้องออกแรงฝืนสักหน่อย ส่วนการทำชั่วเหมือนลอยตามน้ำ เผลอเป็นร่วงไหลไปเรื่อย อย่าเสียเวลาท้อใจ เริ่มใหม่ได้เรื่อย ๆ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 01-02-2012 11:12

วันที่ไปรับสังฆทานที่สุไหงโกลก มีลูกศิษย์คนหนึ่งพาเพื่อน ๆ และนักเรียนที่โรงเรียน มาขอบูชายันต์เกราะเพชร เพราะเขาไปเล่าให้พวกนี้ฟังว่า ลูกศิษย์พระอาจารย์ทุกคนยังอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอะไร เขาเลยเลื่อมใส ตามมาขอถึงที่ พระอาจารย์ก็เมตตาแจกผ้ายันต์ให้ พร้อมกับบอกให้ท่องอิติปิโสฯ อาราธนาทุกวัน

พอได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ทำหน้าเอ๋อ ๆ เด๋อ ๆ เพื่อนเขาก็หัวเราะคิกคัก สักพักก็เฉลยให้พระอาจารย์ฟังว่า ที่มากันสิบกว่าคนนี่เป็นอิสลามจ้ะ..!

หลังจากหัวเราะกลิ้งไปมาได้รอบหนึ่ง นางมารร้ายจึงถามพระอาจารย์ไปว่า ทำไมเขาไม่สวดหาอัลเลาะห์เขาละคะ ? พระอาจารย์ตอบว่า คนมันกลัวตาย เห็นอะไรยึดได้คว้าได้ก็คว้าไว้ก่อน แล้วเขาเห็นคนของเราปลอดภัยก็เลยมั่นใจ ก็อย่างบังนทีที่รับใช้หลวงพ่อฤๅษี พวกนี้ถ้าไม่ใช่รูปพระ เป็นผ้ายันต์ หรือลูกแก้ว ถ้าเขามั่นใจว่าดีก็เอาหมด

จบข่าวค่ะ...อยากรู้จริง ๆ นะนี่ ถ้าไม่มีข้อห้ามบังคับไม่ให้ศึกษาศาสนาอื่น ไม่ให้เปลี่ยนศาสนา จะเหลือคนศรัทธาอยู่เท่าไร แล้วถ้าของดีจริงแน่จริงทำไมต้องห้ามคนเปลี่ยนใจด้วยล่ะ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 01-02-2012 11:20

สมัยหลวงพ่อฤๅษียังอยู่ ท่านพยายามปิดบังวันเกิดเป็นที่สุด ท่านว่าถ้าใครเอาวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงไปทำไสยศาสตร์ ก็จะมีผลมากกว่าปกติ

สำหรับพระอาจารย์ท่านบอกว่า "ในเมื่อเขาหวังดีแต่ขาดเฉลียว ข้าก็ยอมรับกฎของกรรม..!"


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 01-02-2012 11:29

พระอาจารย์เคยบอกว่า จะบูชาพระองค์ไหนปางไหน ก็พระพุทธเจ้าเหมือนกัน อานิสงส์เหมือนกัน
ถ้ากำลังใจเรายึดในพระรัตนตรัยมั่นคงพอ ที่อยู่ในตู้นี่(ท่านชี้ที่ตู้วัตถุมงคลบ้านอนุสาวรีย์) องค์เดียวก็เหลือแหล่ ถ้าไม่มั่นคงจะพกไปเป็นกล่องให้อุ่นใจก็ยังไหว


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 02-02-2012 08:30

หลวงตาวัชรชัยพอเจอหน้าพระอาจารย์ ท่านดีใจยิ่งกว่าได้แก้ว เสียดายตอนท่านโดดกอดพระอาจารย์ กล้องของนางมารร้ายดันอยู่ในย่ามซะนี่..!

ประโยคแรกก็คือ "เฮ้ย..เล็ก..ค่าตัวแพงมากหรือยังไงวะ? ถึงไม่มีใครเอาตัวไปงานเขาได้ ขอบใจจริง ๆ ว่ะที่มา..คิดถึงฉิ..หา..เลย..!"

นางมารร้ายเองเจอไม้เท้าหลวงตาไปโป๊กหนึ่ง โทษฐานหายหัวไปจากยุทธจักร มัวแต่ติดหนับอยู่ที่พระอาจารย์..!

ทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่า พระอาจารย์มีเครดิตในสายตาของหลวงตาขนาดไหน พี่ ๆ มากันเป็นกระตั้ก แต่หลวงตากราบเท้าขอหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ จุดเทียนชัย และกำหนดให้พระอาจารย์จุดเทียนสัตตบริภัณฑ์ในพิธีพุทธาภิเษก เขาเรียกว่าพี่น้องย่อมรู้มือกันว่าใครเจ๋งแค่ไหน..!


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 02-02-2012 08:32

พระอาจารย์เคยบอกว่า คนเราเลือกที่จะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้องเสมอ แต่ผลการคิดต่างกันเพราะสติปัญญาต่างกัน ผู้ร้ายฆ่าคนก็คิดว่าเขาทำถูก..เพราะเขามีสติปัญญาแค่นั้น

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 02-02-2012 08:39

พระอาจารย์บอกว่า แก้วจักรพรรดิที่หลวงพี่เมตตา(หลวงพี่เอ)ถวายให้ท่านอาจารย์หาทุนสร้างเขื่อน มี ๑๓ แบบด้วยกัน จำนวนสูงสุดแบบละ ๘๓ องค์ จำนวนต่ำสุด ๘ องค์ค่ะ มีแบบดาวเท่านั้นที่เป็นเพชรเขาพระงาม นอกนั้นเป็นแก้วคริสตัลของสวารอฟสกี้ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น ๙๕,๖๐๐ บาท ขออนุโมทนามาเป็นอย่างสูงค่ะ

เรื่องเหรียญทำน้ำมนต์หรือวัตถุมงคลอื่น ๆ ก็ตาม ยิ่งทำด้วยวัสดุมีค่าสูงเท่าไร เทวดาที่รักษาก็ยิ่งต้องมีศักดานุภาพมากขึ้นเท่านั้น ปกติเหรียญทำน้ำมนต์นั้น ท่านให้ทำด้วยทองคำ นาก หรือ เงิน แต่เนื่องจากราคาสูงมากเกินไป จึงได้ขอพระท่านเป็นชุบทองแทน ดังนั้นจึงมีข้อแม้ว่าห้ามทองลอก ถ้าลอกจะเสื่อมอานุภาพทันที แต่ถึงลอกก็เอาไปชุบทองใหม่ได้ แล้วปลุกเสกด้วยอิติปิโสสามห้อง ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ ๑๐๘ จบ ก็จะใช้ได้เหมือนเดิมค่ะ

อิติ สุกขติ สุกขโต อิติ สุคติ สุคโต คาถาทำน้ำมนต์อาบเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง หรือทำน้ำมนต์พรมรถ - เรือที่ออกใหม่ หรือภาวนาขณะขับขี่ยานพาหนะ จะได้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ เป็นคาถาของพระสารีบุตรมหาเถระเจ้าค่ะ

วัตถุมงคลที่เป็นพระแร่เหล็กน้ำพี้นั้น ท่านอาจารย์สร้างขึ้นอย่างละ ๒,๐๐๐ องค์ เข้าพิธีทั้งเสาร์ห้า และพิธีที่วัดเขาวงมาแล้ว อาราธนาติดตัวไว้ใช้ได้เลยค่ะ ปลุกด้วยคาถา "อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด "

เหรียญทำน้ำมนต์รุ่นนี้ พระท่านว่าเป็นเหรียญครอบจักรวาล อธิษฐานใช้ได้ในทุกด้าน เพียงแต่เน้นในการทำน้ำมนต์รักษาโรคเท่านั้น ที่ยันต์บางส่วนไม่เหมือนกับของทางวัดท่าซุง เพราะการทำเหรียญน้ำมนต์ของวัดท่าซุงนั้น "ท่านผู้การสถาพร" ไปให้ช่างทำแผ่นเงินทำน้ำมนต์ และเหรียญทำน้ำมนต์(แบบสี่เหลี่ยม) มาอย่างละ ๗๒ องค์ ช่างเขาว่าการเขียนอักขระทับเส้นยันต์นั้นผิด (ผิดของเขา) เขาเลยเพิ่มตัว มะ กับ อะ มาอีก ๒ ตัว จะได้ลงเต็มทุกช่องพอดี หลวงพ่อฤๅษีท่านเห็นว่าทำมาแล้ว ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เมื่อพระท่านเสกให้ก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ

ท่านที่สงสัยในหลวงพี่เมตตา กับหลวงพี่อุเบกขา ท่านอาจารย์เฉลยว่า หลวงพี่เมตตายาว หลวงพี่อุเบกขาใหญ่ เมื่อยาวรวมกับใหญ่ย่อมใช้งานได้ดีเป็นพิเศษค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 03-02-2012 12:32

ท่านอาจารย์เหมือนบอกทางอ้อมว่า ถ้าพวกเราขาดสติ ก็อาจทำอะไรให้ท่านเดือดร้อนได้ ท่านบอกว่าพระที่ทรงฌานได้ดี เวลาจะไป ท่านจะป่วยหนักแล้วไปเลย ไม่เคยแสดงอาการป่วยเล็กน้อยให้เห็น เพราะท่านใช้กำลังฌานควบคุมร่างกายได้

ท่านต้องการสงเคราะห์คนเป็นสำคัญ จึงไม่ยอมแสดงอาการป่วยให้คนที่มาพึ่งนั้นขาดกำลังใจ คนจึงไม่รู้ว่าท่านป่วยมาก จนกระทั่งร่างกายแย่สุด ๆ จนล้มหมอนนอนเสื่อ ก็ไม่เหลือเวลาให้เยียวยาแล้ว

ฉะนั้น..ถ้าอยากให้ท่านอยู่กับเรานาน ๆ ก็ต้องพยายามอย่ารบกวนท่าน รักษาสติและกำลังใจตัวเองให้ดี นางมารร้ายสังเกตว่าถึงท่านจะเหนื่อยแค่ไหน ถ้าคนต้องการกำลังใจ ท่านจะไม่แสดงอาการเหนื่อยให้เห็น

ดังนั้นถ้าเราเข้มแข็ง ไม่ต้องให้ท่านมากังวลรักษากำลังใจ ก็จะเป็นการช่วยให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนพักฟื้นร่างกายมากขึ้น จะได้อยู่เป็นที่พึ่งเราไปนาน ๆ อย่างไรคะ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 03-02-2012 12:42

งานนี้ประทับใจคำปรารภของพระอาจารย์ตอนทำวัตรเช้าวันเข้าพรรษาค่ะ ท่านพูดยกตัวอย่างให้พระฟังว่า ขณะนี้ท่านกำลังถูกมารพยายามเล่นงานอย่างหนัก เพราะท่านตั้งใจจะทำวัดท่าขนุนให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ เป็นที่พึ่งทางใจทั้งของพระและฆราวาส พวกเขาจึงต้องพยายามขวางอย่างหนัก

เขาเล่นท่านตรง ๆ ไม่ได้ ก็พยายามหันไปใช้คน สัตว์ สิ่งของรอบข้างกลั่นแกล้งท่านอยู่ทุกครั้งที่มีจังหวะ ให้ท่านไม่มีเวลาพัก..เมื่อเหนื่อยและเพลียมาก ๆ จะได้ขาดสติ เขาจะได้เข้าแทรก เช่น ท่านสั่งให้พระกวาดลานวัด พอจะงีบสักหน่อย พระองค์หนึ่งโดนมารดลใจ ให้กวาดแต่รอบกุฏิของท่าน มาถามภายหลังว่าไม่รู้หรือว่ารบกวนอาจารย์? ท่านว่าก็รู้เหมือนกัน..แต่ทำไมไม่คิดจะย้ายไปกวาดที่อื่นก็ไม่รู้

กำลังจะงีบ ๆ เดี๋ยวก็มีคนมาตะโกนเรียก..หนังสือพิมพ์มาแล้ว นางมารร้ายเจอจัง ๆ ก็ตุ๊กแกผีบ้าค่ะ ได้ยินมันร้องลั่นตั้งแต่กุฏิเจ้าที่ที่อยู่ถัดไปตั้งสองหลัง พอเดินเอาเอกสารไปวางให้ถึงรู้ว่าดังมาจากในกุฏิพระอาจารย์นี่เอง มองไปก็เห็นท่านนอนบ่นงึมงัมอยู่ น่าสงสารจังค่ะ

ยังไม่พอ..เช้าวันรุ่งขึ้นที่จะมีงาน ท่านเกิดถ่ายท้องหมดเรี่ยวแรง ไมค์ตั้งโต๊ะที่เคยใช้ประจำดันหอนไม่ยอมหยุด ทำให้ท่านต้องออกแรง ทั้งที่ก็จะไม่เหลือแรงให้ออกอยู่แล้ว ถือไมค์เก่าคุยกับญาติโยม (ท่านว่ามารที่ตามกวนท่านนี้เป็นคู่ปรับเก่ากันมาก่อน..ผลัดกันแพ้ผลัดชนะมาหลายยกแล้ว)

ท่านเตือนพระว่า..อย่าคิดว่าเป็นพระแล้วมารจะแทรกไม่ได้ ขนาดพรหมยังโดนมารแทรกได้เลย ดูอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าเทศน์ให้ท้าวพกพรหมฟังนั่นปะไร ท้าวพกพรหมท่านมีบุญมาก ตายจากพรหมก็เกิดเป็นพรหมต่อ หลายครั้งเข้าจนท่านคิดว่าท่านเป็นอมตะ พอพระพุทธเจ้าเทศน์ให้ฟังว่าการเป็นพรหมนั้นไม่เที่ยง ยังมีการแตกดับ ก็ยังอุตส่าห์มีพรหมองค์หนึ่งลุกขึ้นมาเถียงพระพุทธเจ้าว่าไม่จริง..พกพรหมนั่นแหละเลิศสุดแล้ว

ท่านยังยกตัวอย่างพระองค์หนึ่งในวัดท่าขนุน ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นที่รักของคนทั่วไป ถึงคราวกรรมเข้า วันนั้นอาจจะเพราะศีลพร่องไปหน่อยด้วย มารเข้าสิงใจ ท่านน้อยใจที่โดนเพื่อนในวัดต่อว่าเลยไปผูกคอตาย

ฉะนั้น..ขอให้ทุกท่านพยายามระมัดระวังสติให้ดี รักษาศีลให้ครบถ้วน เพื่อจะช่วยป้องกันไม่ให้พวกมารเข้าแทรกใจ การที่ทุกท่านพยายามตั้งมั่นอยู่ในความดี ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว แต่เป็นการทำเพื่อรักษาเกียรติคุณของครูบาอาจารย์อันมีหลวงพ่อสาย เป็นต้น และเป็นการทำเพื่อวัด เพราะเมื่อคนเห็นว่าพระเราดี..วัดเราดี..เขาก็แห่กันมาทำบุญอย่างที่เห็น วัดอื่นมีเยอะแยะทำไมเขาไม่ไป..ถามตัวคุณเองสิว่าวัดอื่นมีเยอะแยะทำไมไม่ไปบวช ทำไมมาเลือกวัดนี้

และท้ายสุด..การรักษาความดีเป็นการช่วยพระศาสนาด้วย เมื่อคนหันมาพึ่งพระพึ่งวัดแล้วดี..มีความสุข เขาก็จะพากันมามากขึ้น ๆ เข้าถึงความดีกันมากขึ้น ๆ ทั้งศาสนาและประเทศชาติก็จะเจริญขึ้น


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 27-02-2012 14:04

พูดถึงเรื่องแก้วจักรพรรดิ พระอาจารย์เคยพูดย้ำเสมอ ๆ ว่า พระเณรควรจะมีติดตัวไว้ เมื่อถึงเวลาถึงวาระจะเป็นที่พึ่งแก่คนเขาได้

แก้วจักรพรรดิองค์ต้นที่รับมาจากหลวงปู่ชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยนั้น เป็นของพระเจ้าจักรพรรดิเลี้ยงคนได้ ๔ โลก คือ อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป ชมพูทวีป ปุพพวิเทหทวีป แล้วแก้วจักรพรรดิของหลวงพ่อมีอานุภาพ ๙๐ % ขององค์เดิมถึงแม้ว่าจะเลี้ยงคนไม่ถึง ๔ โลกก็ตาม แต่ก็ใกล้เคียง

ผมเรียนถามพระอาจารย์ว่า เวลาท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลท่านทำอย่างไร ท่านขอพระท่านว่าขอให้มีอานุภาพเหมือนของหลวงพ่อทุกประการ

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 08:10

นำคำสอนหลังทำวัตรเช้า วันที่ ๒๓ ต.ค. ๔๙ มาฝากค่ะ

ใจหรือจิตของคนเรา จะเสวยกุศลหรืออกุศลได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าจิตเป็นกุศล..อกุศลก็จะแทรกไม่ได้ หรือถ้าจิตเป็นอกุศลอยู่..ความเป็นกุศลก็เข้าไม่ถึงเช่นกัน

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมต้องตื่นแต่เช้า เพราะสำหรับนักปฏิบัติแล้ว ตื่นยิ่งเช้ายิ่งดี ผมเองตอนฝึกกรรมฐานผมตื่น ๐๒.๕๕ น. ใช้เวลาทำธุระส่วนตัว ๕ นาที แล้วตั้งแต่ตี ๓ ถึง ตี ๕ จะภาวนา ใช้หนังสือ ๔ เล่ม คือ คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน , กรรมฐาน ๔๐ , ปฏิปทาของท่านผู้เฒ่า , และมหาสติปัฏฐานสูตร ผมเอาคำสอนในหนังสือเป็นคำภาวนา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจำเนื้อหาในหนังสือได้หมดทุกคำว่าอยู่ตรงไหน หน้าไหน

เมื่อครบเวลาแล้ว ก็จะพยายามทรงอารมณ์นั้นไว้ให้ได้ตลอดวัน ถ้าทำดังนี้ได้..ดวงจิตจะชินกับอารมณ์ที่เป็นกุศล ต่อให้มีความชั่วเจริญงอกงามอยู่แล้ว..ก็จะเจริญต่อไปไม่ได้ การปฏิบัติก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 09:27

เอาธรรมะจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝากค่ะ

พระอาจารย์บอกว่า การแสดงความรักในหลวงที่ดี ก็คือ การทำงานในความรับผิดชอบตามหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ

ท่านยังว่า แก่นของพระพุทธศาสนาก็คือสติ

และด้วยขณะนี้มีพุทธศาสนานิกายอื่น ๆ มากมาย ที่บางนิกายก็ไม่เน้นพระวินัย ท่านอาจารย์จึงกล่าวถึงนิกายเถรวาทของเราที่เน้นพระวินัยว่า พระวินัยนั้นคือรากแก้วของพระพุทธศาสนา หากปราศจากรากเสียแล้ว จะแก่นหรืออะไรก็ไม่มีทั้งนั้น พระวินัยก็คือศีล ก็ถ้าไม่มีศีลเสียแล้วสมาธิและปัญญาก็มิอาจที่จะตั้งอยู่ได้


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 09:51

ใครที่ร้อนใจเพราะข่าวการเมืองตอนนี้ ให้หมุนไปดูช่องอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว การได้เห็น การได้ยิน เป็นของร้อน เพราะพอรับมาแล้วก็เอามาปรุงแต่งด้วยกิเลส แล้วก็ทำให้กิเลสเพิ่มขึ้นอีก

ทำอย่างไรจะรักษาใจให้เป็นสุข ไม่ให้กิเลสมาครอบงำ ก็ต้องระวังไม่เอาไฟเข้ามาเผาใจ โดยระวัง ตา หู จมูก ลิ้น ให้ดี อย่าไปรับเอาของร้อน ต้องรู้จักหยุดคิดหยุดปรุงแต่ง ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน เห็นก็สักแต่ว่าเห็น แล้วปล่อยวางให้ได้

การฟัง โดยเฉพาะในสิ่งที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ทำให้ใจนำมาปรุงแต่งต่อ เกิดความวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เกิดความร้อนรุ่ม ขอบอกว่าประเทศไทยนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อีก ๕ - ๖ ปีก็ดีเอง

ข่าวภายนอกเต็มไปด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ โดยเฉพาะในทางการเมือง ทั้งนี้เพราะความเชื่อของคนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเขาได้รับความเชื่อถือจากเราแล้ว จะทำอะไรเราก็สนับสนุนเขา เขาจึงต้องพยายามช่วงชิงความเชื่อถือจากเราให้ได้ รูปในข่าวถือระเบิดอยู่ในมือชัด ๆ เมียเขายังบอกว่าเป็นพวงกุญแจ..ไปของเขาจนได้

นี่เป็นเรื่องปกติ บ้านเมืองยิ่งเจริญคนก็ยิ่งห่างจากศาสนา คนยิ่งห่างจากศาสนา จิตใจก็ยิ่งร้อนรุ่ม ที่น่าเป็นห่วงคือเด็กรุ่นใหม่ ทำอย่างไรจะให้เขาเข้ามายึดศาสนา จิตใจจะได้มีที่พึ่งเป็นเบื้องต้น ไม่ไหลไปตามกระแสโลก จนรู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาทำไม มีชีวิตไปเพื่ออะไร เกิดสับสนขึ้นมาก็พาลจะบ้าคลั่งไล่ฆ่าคนอย่างที่เห็นเป็นข่าว

ฉะนั้น..จะดูจะฟังข่าวอะไร ก็ขอให้ใช้ปัญญาพิจารณาประกอบ อย่าใช้อารมณ์ไปปรุงไปแต่ง จนมีอารมณ์ไปในทางที่เขาต้องการ ก็รู้ว่าร้อนก็อย่าไปรับเข้ามา..ก็จบ แล้วลองใช้ปัญญาพิจารณาไป ก็จะค่อย ๆ เห็นความจริงกันเอง


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:01

สำหรับคนที่พลาดไปงานทอดกฐินครั้งนี้นะคะ ท่านอาจารย์กล่าวถึงพระสมเด็จศรีอินทราทิตย์ ที่ปลุกเสกตั้งแต่เมื่อเสาร์ห้าที่ผ่านมา ว่าพระรุ่นนี้ท่านให้เขาเผานานเป็นพิเศษ เพื่อให้เนื้อแกร่งเป็นเซรามิก เผื่อเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ พระจะได้ปลอดภัยค่ะ ฮ่า ๆ

ในส่วนของคน ท่านว่ากรรมที่เคยไปตีบ้านตีเมืองเขาไว้ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านจึงขอชีวิตไว้ ถ้าต้องเสียหายก็ขอเป็นแค่ทรัพย์สินค่ะ

ท่านบอกว่า ปกติเวลาปลุกเสกก็ไม่เคยขออะไร คราวนี้เห็นคนวิตกเรื่องภัยพิบัติกันมาก ท่านเลยขอให้พระรุ่นนี้สามารถป้องกันภัยอันเกิดจากธาตุทั้ง ๔ ได้ ท่านว่างานนี้ หลาย ๆ คนที่เป่ายันต์จนด้านไม่รู้สึกอะไร...ก็ยังรู้สึกมึน ๆ หนัก ๆ หัวกัน ก็เพราะขอจนขนาดนั้นนั่นแหละค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:04

เราจะเกิดเป็นคนกันมาได้ ก็ต้องมีคุณธรรมของความเป็นคนมาก่อน การทำผิดศีล ๕ ทำให้คุณธรรมตรงนี้ลดลง ฉะนั้นใครที่ทำผิดศีล ๕ ก็หมายถึงว่าเขากำลังทำลายความเป็นมนุษย์ของตนเองให้ ลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ตัวเองต้องไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่าคนลงไปเรื่อย ๆ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:12

คำเทศน์ก่อนฝึกกรรมฐานช่วงนี้ พระอาจารย์ท่านเน้นให้เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลค่ะ

เราก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าพวกเราโชคดีเพียงไรที่ได้เกิดมาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรมเช่นนี้ หากมองย้อนไปในอดีต และมองไปในประเทศอื่น ๆ ที่มีพระมหากษัตริย์ ก็จะเห็นชัดว่าพระองค์ทรงเป็นพระราชาผู้เปี่ยมด้วยพระบารมีอันยิ่งใหญ่เพียงไร

นับตั้งแต่ทรงปกครองบ้านเมืองมาหกสิบปี มีโครงการในพระราชดำริเกิดขึ้นมากมาย เฉลี่ยแล้วแทบว่าจะสัปดาห์ละ ๑ โครงการ พระองค์ท่านเหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเรามาตลอด ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ทำให้ท่านเป็นที่รักและมีอิทธิพลยิ่งต่อปวงชนชาวไทย เรื่องใหญ่ร้ายแรงเพียงไร พระองค์ท่านเอ่ยปากเพียงคำเดียวทุกฝ่ายก็พร้อมจะหยุด เป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ชาวต่างประเทศ

พระราชาแห่งบรูไนตรัสยกย่องว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประเทศไทยนั้น เป็นเกียรติเป็นศรีแก่สถาบันกษัตริย์ทั่วโลก และพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กษัตริย์ในหลายประเทศดำเนินรอยตาม ทำให้เกิดความหวังที่จะพลิกฟื้นความศรัทธาในสถาบันกษัตริย์จากประชาชนในประเทศที่เคยมี

พวกเรามีแก้วมีค่าในมือ ก็ควรที่จะรู้วิธีระวังรักษาให้อยู่กับเรานาน ๆ สิ่งที่จะทำให้คนอายุแปดสิบมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อไปเพื่อลูกหลาน ก็คือความประพฤติดีประพฤติชอบนั่นเอง ถ้าเราทะเลาะกันพ่อคงไม่มีกำลังใจจะอยู่ต่อ ถ้าเราขยันหมั่นทำดีเพื่อชาติกันมาก ๆ ท่านก็คงสุขใจ ทำให้สุขกาย อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้เราไปนาน ๆ

ดังนั้น..ก็ขึ้นอยู่กับพวกเราว่าจะขยันทำความดีกันเพียงไร ตั้งแต่นี้ลองตั้งใจถือศีล ๘ ถ้าไม่ไหวก็ศีล ๕ นั่งสมาธิสักวันละครึ่งชั่วโมงเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จะทำกันได้ไหม ?


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 28-02-2012 10:22

นางมารร้ายเคยถามพระอาจารย์ว่า ถ้าเราเลือกฤกษ์ดีออกรบ ฝ่ายข้าศึกออกรบวันเดียวกับเรา แล้วใครจะชนะละคะ ?

พระอาจารย์ท่านหัวเราะตอบว่า ก็ต้องเราสิ..เพราะเรารู้ เราบูชาบวงสรวงด้วยความเคารพ แต่เขาไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจ

นี่แหละค่ะเรื่องของฤกษ์ยาม ถ้าเลือกฤกษ์ยามดี ไหว้พระก่อนออกเดินทาง แต่ดันไปไม่ทันเครื่องบิน ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเที่ยวบินนั้นอาจจะมีปัญหาก็ได้นะคะ..ฮี่..ฮี่..


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-02-2012 10:18

ศาสดานอกศาสนาที่ชื่ออารกะ ท่านบอกว่า
ชีวิตเหมือนต่อมน้ำ ผุดขึ้นมาก็แตกโป๊ะไปเลย
ชีวิตเหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ วูบเดียวก็หายไปเลย
ชีวิตเหมือนลำธารไหลจากภูเขา พรวดเดียวก็ผ่านหน้าไป
ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า ตายแน่ ๆ ไม่พ้นความตายเด็ดขาด
ชีวิตเหมือนน้ำค้าง โดนแดดก็ระเหยหมดไปแล้ว

ยังจะไปคิดว่าอายุขัย ๑๐๐ ปี ตอนนี้เหลือแค่ ๗๕ ปี เป็นเวลาที่นานแล้ว มันนานของเรา ลองไปเปรียบกับอายุของหินผา ต้นไม้ก็ได้ ไม่ต้องไปเปรียบถึงขนาดอายุของจักรวาล อายุของพรหม เทวดาท่านหรอก มันเศษเสี้ยวธุลีเดียวเท่านั้น จะตายลงไปวันไหนก็ไม่รู้

รอบข้างมีแต่ภัยอันตรายจะพาเราสิ้นชีวิตลงไปได้ทุกเวลา ถ้าไม่ฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อยนิดสร้างความดีให้แก่ตัวเองให้มากที่สุด การที่จะเวียนตายเวียนเกิดเพื่อทุกข์ทนก็จะยาวไปไม่มีที่สิ้นสุด แล้วการเวียนตายเวียนเกิดเหมือนกับทางลาดชัน มีโอกาสที่จะไถลลงได้มากเกิน ๘๐% นึกถึงตรงจุดนี้จะรู้ถึงความน่ากลัวของวัฏสงสาร เผลอเมื่อไรก็ไม่รอด เพราะฉะนั้นใช้เวลาทุกเวลานาทีให้มีค่าที่สุด ทำอย่างไรที่จะให้เราไปให้พ้นให้ไกลที่สุด


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์

เถรี 29-02-2012 10:29

สมเด็จพระสังฆราชวัดสระเกศ ตอนนั้นท่านอายุ ๙๐ ปี สมเด็จพระสังฆราชกิตติโสภณมหาเถระ วัดเบญจฯ ทำบุญฉลองอายุ ๗๒ ปี สมเด็จพระราชาคณะก็ไปกันหมด สมเด็จพระสังฆราชตอนนั้นยังเป็นสมเด็จพระราชาคณะท่านก็ไป ไปตอนฉันเพลท่านก็คุยกัน

ท่านก็บอกกับเพื่อน ๆ สมเด็จฯ ด้วยกันว่า "ผมตรวจดูดวงผมแล้ว ผมจะได้เลื่อนอีกขั้นหนึ่ง" จริง ๆ สมเด็จพระราชาคณะไม่มีเลื่อนสูงกว่านั้นหรอก นอกจากเป็นพระสังฆราช แล้วรายที่นั่งอยู่อายุแค่ ๗๒ พระคุณท่าน ๙๐ แล้ว หลวงพ่อพระสังฆราชวัดเบญจฯ ฉุนขาดเลย แกล้งเหน็บไปว่า "สงสัยจะเลื่อนเข้าโกศกระมัง ?"

ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน คนอายุ ๗๒ หัวใจวาย ปล่อยให้คนอายุ ๙๐ เป็นพระสังฆราชไปสองปีกว่า มรณภาพตอน ๙๒ กว่า ๆ สมเด็จพระสังฆราช(อยู่) ญาโณทัยมหาเถระ ท่านเป็นพระที่ไม่ถือตัว

จำไว้...พระดีไม่มีถือตัวหรอก เวลาเขามานิมนต์จะยากดีมีจนอย่างไรก็ตามถ้าท่านว่างท่านก็รับ รับเสร็จแล้วก็ไปสงเคราะห์เขา บางทีอาแป๊ะมานิมนต์ก็ไปกับท่าน เขาก็ไม่มีรถยนต์มารับ ก็ไม่เป็นไรหรอก เอาซาเล้งก็ได้ ก็เรียกมา ถึงเวลาก็ขึ้นสามล้อไป เล่นเอาพวกเจ้าหน้าที่สังฆาธิการต่าง ๆ ที่ทางกระทรวงเขาส่งมาหัวเสียไปตาม ๆ กัน เป็นพระสังฆราชไม่ได้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีอะไรเลยหรือ...ไปขี่สามล้ออย่างนั้น

สามล้อยังดี มีอยู่เที่ยวหนึ่งอาแป๊ะอีกคนมานิมนต์ ท่านก็บอกว่า "ไป..บ้านอยู่ไหนล่ะ ?" อาแป๊ะก็บอกว่าอั๊วไม่มีรถมารับนะ "เฮ้ย...ไม่เป็นไร ขี่หลังลื้อไปก็ได้" ตกลงอาแป๊ะก็แบกสมเด็จพระสังฆราชขึ้นหลังไปอย่างกับเด็ก เด็กเขาเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันใช่ไหม ? ท่านก็ไปของท่านอย่างนั้น

ท่านรักษากำลังใจคน เพราะว่ากำลังใจคนถ้าหากเกาะพระดีหน่อยเดียว ได้ประโยชน์เขามหาศาลไม่รู้จบจริง ๆ จะกี่ชาติกี่ภพก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ตัวเองไม่พ้นห่างจากความดี ท่านก็ไปสงเคราะห์เขาอย่างนั้น ไปถึงบางทีเขาเปิดร้านชำ ข้าวของแน่นไปทั้งร้านเลย ไม่มีที่จะสวดมนต์ ท่านบอกไม่เป็นไรหรอก ตรงด้านหน้าร้านเป็นทางเท้าอยู่หน่อยหนึ่ง นั่งตรงนั้นก็ได้ ปูเสื่อลงไปนั่งสวดตรงนั้น ในสมัยนี้เขาทำกันไหมล่ะ ?

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:12


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว