กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5147)

เถรี 09-08-2016 22:02

ถาม : ตอนนี้แม่ของผมป่วยหนักมาก ระหว่างที่ไปเฝ้าแม่กลางคืน นอกจากขอขมาพระรัตนตรัยแล้ว จับคำภาวนาพุทโธแล้ว จับภาพพระแล้ว ยังมีอะไรอีกที่ต้องทำครับ ?
ตอบ : แนะนำท่านให้นึกถึงเรื่องของบุญของกุศล ถ้าสามารถแนะนำให้เห็นถึงความไม่ดีของร่างกาย แล้วเกาะพระนิพพานได้ก็ยิ่งดี

เถรี 10-08-2016 08:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานมีใครฟังที่อาตมาพูดที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสบ้าง ? เรื่องที่พูดแรงจนชวนติดคุกไหม ? บางคนบอกว่าพระอาจารย์กล้าเกินไป ก็ไม่ได้กล้าเกิน อาตมากล้าแค่นี้มาตลอด คนเราถ้าไม่กล้าพูดความจริงแล้วจะเกิดมาทำอะไร ? ขณะเดียวกัน...การพูดความจริง ถ้าก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่สมควรต้องทำ แล้วที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าสามารถสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นแก่ส่วนรวม จนทำให้คนเห็นดีเห็นงาม หันมายึดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ก็ต้องถือว่าเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและแก่โลกด้วย

ที่อาตมาบอกว่ารัฐบาลตั้งโจทย์ผิด แทนที่จะเห็นพระเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ สามารถช่วยเหลืองานรัฐบาลได้ดีที่สุด กลับเห็นพระเป็นศัตรู เมื่อตั้งโจทย์ผิดแล้วจะเอาคำตอบที่ถูกมาจากไหน ? โบราณบอกว่าอย่าไล่หมาจนตรอก เพราะถ้าหมาจนตรอกจะหันกลับมากัด ตอนนี้รัฐบาลกำลังไล่พระจนตรอก เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้เป็นเรื่อง

โดยเฉพาะเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราช ทั้ง ๆ ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านไม่ได้มีความผิดอะไร ก็ตีฆ้องร้องป่าวว่าท่านผิด อาตมาถามโยมว่า ถ้าโยมไปซื้อเครื่องไฟฟ้ามาหนึ่งเครื่อง แล้วอยู่ ๆ มีคนมาบอกว่าเป็นเครื่องไฟฟ้าหนีภาษี ตกลงว่าคนหนีภาษีคือเรา หรือว่าคนขาย หรือว่าคนผลิต ? เราเองเป็นผู้ร้ายหรือว่าเราเป็นผู้เสียหาย ?"

เถรี 10-08-2016 08:50

"ถ้าโยมสังเกตจะเห็นว่า ทุกวันนี้ที่ดีเอสไอตีฆ้องร้องป่าวว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านมีความผิดติดตัว ไม่สมควรที่จะเป็นพระสังฆราช แต่ไม่สามารถที่จะตั้งข้อหาท่านได้สักข้อหนึ่ง เป็นเพียงคำกล่าวหาลอย ๆ เท่านั้น ถ้าภาษาโบราณเขาว่า พวกหน้าตัวเมีย...ตีหัวเข้าบ้าน ก็คือแอบตีกบาลชาวบ้าน แล้วก็วิ่งหนีเข้าบ้านตัวเอง ไม่สู้กับใครตรง ๆ เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปแล้ว

ตอนนี้ที่เดือดร้อนก็คือคณะสงฆ์ทั้งประเทศ และคนไทยทั้งประเทศ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีเจตนาที่จะทำลายศาสนาโดยตรง ทุกวันนี้สถาบันหลักของบ้านเราเหลือแต่ศาสนาเท่านั้นที่เขายังทำลายไม่ได้ สถาบันชาติไม่ต้องพูดถึง แตกกันบรรลัยชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบไปตั้งแต่สมัยเป่านกหวีดนำม็อบกันแล้ว เขาทำได้สำเร็จแล้ว

แต่ที่บ้านเราเมืองเรายังเป็นบ้านเป็นเมืองอยู่ เพราะว่ายังมีสถาบันศาสนาและพระมหากษัตริย์ แต่สถาบันพระมหากษัตริย์เขาเห็นว่าแค่นับเวลารอเท่านั้น ก็เหลือเพียงอย่างเดียวคือต้องทำลายพระพุทธศาสนาให้ได้
ถ้าหากพวกเราเองยังนิ่งนอนใจกันอยู่ ยังมัวแต่กลัว กลัวตัวเองเดือดร้อน กลัวกระทบกระทั่งกับคนอื่น ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา บ้านเราจะอยู่ไม่ได้

อาตมาขอยืนยันว่า ถ้าศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้ ไม่มีใครได้อยู่สุขอยู่เย็นสักคน ขนาดศาสนาพุทธยังอยู่ เรายังโดนเบียดเบียนทุกวิธีการ เพราะฉะนั้น...สิ่งที่อาตมาทำเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนคิด แต่ไม่กล้าพูดไม่กล้าทำ ถ้าเราสังเกตศาสนาอื่น พอถึงเวลามีปัญหาเล็กน้อยแค่ไหนเขาจะโวยวายเอาไว้ก่อน ออกสื่อเอาไว้ก่อน หาว่าเราไปเบียดเบียน ไปรังแกเขา แต่ศาสนาของเราโดนเขารังแกเท่าไรก็ทนเอา

รัฐบาลไม่เคยจัดงบประมาณสนับสนุนให้ชาวพุทธเดินทางไปแสวงบุญที่อินเดีย แต่จัดงบประมาณเป็นร้อย ๆ ล้านให้ศาสนาอื่นเดินทางไปแสวงบุญได้ ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นเงินภาษีอากรของประชาชนเหมือนกัน"

เถรี 10-08-2016 08:58

"ประเทศเราต้องบอกว่ามีแต่ไอ้พวกขี้ขลาด โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่รับหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ ประชากรไทย ๙๘ เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่กล้าเขียนว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศมีประชากรประมาณ ๖๐-๗๐ เปอร์เซ็นต์ เขากล้าประกาศให้ศาสนาเขาเป็นศาสนาประจำชาติ

ทุกวันนี้เราไม่สามารถที่จะปรับปรุงแก้ไขอะไรพระพุทธศาสนาได้ ก็เพราะว่าเราไม่สามารถออกกฎหมายมารองรับได้ ถามว่าทำไมไม่สามารถออกกฎหมายมารองรับได้ ? เขาบอกว่าในเมื่อไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายแม่ เราก็ไม่สามารถที่จะออกกฎหมายลูกมาได้เพราะจะขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็จริงของเขา แต่พอถึงเวลาจะบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติลงรัฐธรรมนูญ จะมีการเตะสกัดกันสุดชีวิต

อาตมาไม่ได้ต้องการให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่อาตมาอยากให้คนเขียนรัฐธรรมนูญที่เป็นศาสนาพุทธ มีจิตสำนึกที่จะทำอะไรเพื่อพระพุทธศาสนาบ้าง หรือแค่ว่าสักแต่นับถือพุทธศาสนาตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ? ท่านมีโอกาสที่จะสร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติอย่างยิ่ง...แต่กลับไม่ทำ ในขณะที่ศาสนาอื่นเขาช่วงชิงโอกาสทำเพื่อศาสนาของเขาทุกอย่าง

หลวงพ่อพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ระบุไว้ชัดเลยว่า ถ้ามีศาสนาอื่นถึง ๕ เปอร์เซ็นต์เมื่อไร บ้านเราจะเดือดร้อนไม่รู้จบ ทุกวันนี้ยังไม่ถึง ๕ เปอร์เซ็นต์เราก็เดือดร้อนกันมากขนาดนี้แล้ว"

เถรี 10-08-2016 09:01

"อาตมาไม่ได้ต้องการให้พวกเราเกลียดชังศาสนาอื่น เพราะรู้ว่าคนดียังมีอยู่มาก แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรู้เท่าทันเขาด้วย ไม่ใช่ไว้วางใจอยู่ตลอดเวลาว่าในเมื่อเราดีเขาก็ต้องดี พระพุทธเจ้าสอนเราไม่ให้ประมาท ภัยคุกคามมาจนถึงคอหอยแล้ว ถ้าเรายังนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ ท้ายสุดเราจะเสียใจก็ไม่ทันแล้ว

อาตมาเองก็ได้แต่ทำหน้าที่ของตนเอง ทำอย่างไรที่จะรักษาศรัทธาให้ญาติโยมเอาไว้ได้ ? ทำอย่างไรที่จะสร้างเสริมพระเณรของเราให้อยู่ในศีลในธรรม ? ทำอย่างไรที่จะทำให้พระเณรของเรามีความรู้ที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลกว่านี้ ? ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะแก้ไขส่วนรวม คือ มหภาคได้ เราก็แก้ไขในขอบเขตที่เรามีอำนาจ ถ้าหากว่าทุกคนทำงานในลักษณะอย่างนี้ ต่อให้ไม่บัญญัติว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

พวกเรามีเวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวันก่อนที่จะตัดสินใจไปลงประชามติ ก็ตัดสินใจกันให้ดี ๆ แล้วกันว่าเราจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ คาดว่าไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีรัฐธรรมนูญมากไปกว่าประเทศไทย เมื่อไรกินเนสบุ๊กจะบันทึกลงเสียทีก็ไม่รู้ ว่าเป็นประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญเปลืองที่สุดในโลก

อาตมาก็ยังสงสัยอยู่ว่า ท่านทั้งหลายที่เขาว่าเป็นนักปราชญ์ ทำไมต้องเสียเงินเป็นพันล้านเพื่อที่จะร่างรัฐธรรมนูญ ในเมื่อเรารู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนดี มีข้อบกพร่องตรงไหน เราก็ยึดฉบับนั้นเป็นหลัก แก้ไขเฉพาะข้อบกพร่อง ๓ วัน ๕ วันก็เสร็จแล้ว ไม่ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ ตกลงว่าเขาโง่จริงหรือฉลาด ?

เรื่องทั้งหมดนี้ว่าไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับกิเลสคน อาตมาถึงได้บอกว่า ถ้าจะเอาดีจริง ๆ โน่น...หาพระโสดาบันมาเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งหมดอย่างน้อยจะต้องถือศีล ๕ เคร่งครัด ถ้าลักษณะอย่างนั้นแล้วประเทศชาติคงจะพอไปได้ แต่ถ้าหากว่าตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ในเรื่องที่จะไปหวังว่าจะไม่กินไม่โกงนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่นอนหลับฝันกลางวันไปเท่านั้น"

เถรี 10-08-2016 11:51

ถาม : พระอาจารย์ครับ ถ้าพระอาจารย์เป็นฆราวาสจะรับหรือไม่รับครับ ? (รับร่างรัฐธรรมนูญ)
ตอบ : รับสิ...! นี่ก็กำลังนั่งรับอยู่ จะไม่รับได้อย่างไร เดี๋ยวขัดศรัทธาญาติโยม .....(รับสังฆทาน).....

เถรี 11-08-2016 12:28

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ต้องบอกว่าเป็นอัจฉริยะภิกษุรูปหนึ่ง เรียนอะไรก็ขลังไปหมด โดยเฉพาะพระของท่านใช้แทนของวัดระฆังได้เลย ถ้าใครสู้ราคาพระสมเด็จ วัดระฆัง ไม่ไหวก็ใช้ของท่านแทนได้ แต่ว่าของท่านเขาปลอมกันฉิบหา...วายป่วงเลย เพราะลูกศิษย์ได้แม่พิมพ์ไปจากวัดแล้วก็พิมพ์ขายกัน โดยเฉพาะสมเด็จแหวกม่าน ถ้าเห็นสมเด็จแหวกม่านนี่ถอยหนีห่าง ๆ ไว้เลย”

เถรี 11-08-2016 12:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ สำคัญตรงที่ว่าต้องปลุกใจตัวเองให้ลุกให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะนอนท่าเดียว คนไหนนอนห้องปรับอากาศจะตื่นยากเพราะอากาศน้อย ส่วนใหญ่ที่เราหายใจเข้าไปเป็นอากาศเสีย ทำให้สมองไม่สดชื่น บางคนก็สงสัยว่าไปอยู่วัด นอนไปส่งเดชตามศาลาทำไมสดชื่นตื่นง่าย

อย่าไปเข้าใจว่าที่นอนไม่สบาย ความจริงร่างกายรับอากาศที่ดี ๆ เข้าไปก็ตื่นง่าย ช่วงที่อาตมาไปปากีสถาน หายใจเข้าไปนี่รู้เลยว่าคุณภาพอากาศของเขาต่างจากเราลิบโลก ของเราหายใจไม่ค่อยเต็มปอด ที่ปากีสถานหายใจทีรู้สึกว่าลงไปถึงหัวแม่เท้าเลย ไม่ใช่แค่ปอด สภาพอากาศสุดยอดมาก ไปมาเป็นอาทิตย์ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลยเพราะอากาศดีมาก มากลับมาถึงบ้านเราก็เจ็บไข้ได้ป่วยกันต่อ"

เถรี 11-08-2016 12:32

ถาม : จะซื้อรถค่ะ ?
ตอบ : ซื้อรถเอาสีอะไรก็ได้แต่ให้เว้นสีดำไว้ เพราะสมัยหลวงพ่อฤๅษีท่านบอกว่า สีดำเท่ากับไว้ทุกข์ให้ตัวเอง ส่วนรถถ้าจะออกให้เอาออกจากโชว์รูมวันพฤหัสบดีหรือวันอาทิตย์ก็ได้ แต่ให้สลับกัน ก็คือ ถ้าออกวันพฤหัสบดีให้เอามาประเดิมใช้วันอาทิตย์ ถ้าออกวันอาทิตย์ให้ไปประเดิมใช้วันพฤหัสบดี

เถรี 11-08-2016 12:37

พระอาจารย์กล่าวว่า “วัดไร่แตงทองของหลวงปู่หลิว ตอนนี้ท่านอาจารย์สายชลกำลังซื้อที่รอบวัด ชาวบ้านเล่นขึ้นราคาแพงหูดับไปเลย จากไร่ละไม่กี่หมื่นบาท พอท่านอาจารย์สายชลไปซื้อ เขาเอาไร่ละสามแสนบาท ส่วนที่วัดท่าขนุน ราคาประเมินไร่ละสองแสนบาท เขาขายให้อาตมาไร่ละหนึ่งล้าน ฟังแล้วชื่นใจ

เนื้อที่ที่อยู่ระหว่างศาลานวราชบพิตรของวัดท่าซุงกับจุฬามณีที่แหว่งอยู่ ตอนนั้นราคาไร่ละสามหมื่นบาท เขาขายให้หลวงพ่อไร่ละสองแสนบาท หลวงพ่อท่านก็เลยปล่อยทิ้ง ดูว่าเขาจะไปขายใครได้ ไม่อย่างนั้นท่านก็ซื้อหมดไปแล้ว นอกจากไม่คิดจะทำบุญทำกุศลแล้ว ยังโก่งราคาอีกต่างหาก

ส่วนใหญ่แล้วคนรอบวัดก็เป็นอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร คือถ้าเขามีจิตศรัทธาถวายมา อานิสงส์ก็คงไม่ต้องนับกัน แต่ส่วนใหญ่จะโก่งราคามากกว่า เพราะว่าต้นตำรับโก่งราคามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว

จำเจ้าเชตกุมารได้ไหม ? ที่ขายที่สวนเชตวันให้อนาถปิณฑิกเศรษฐี บอกว่าจะขายก็ได้ แต่ต้องเอาเงินมาปูให้เต็ม พูดง่าย ๆ ว่าที่จะเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดไหน เอาเงินเกลี่ยให้ที่เสมอกันได้ก็เอาไปได้เลย คิดราคาแค่นั้นแหละ คิดว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐีจะถอย ที่ไหนได้...ท่านไม่ถอยนะสิ สั่งเปิดคลังขนเงินใส่เกวียนมาเลย ปูเอาให้เรียบไปเลย ถมไปถมมาถึงหน้าประตูเหลืออยู่ไม่ถึงวา เจ้าเชตกุมารบอกว่าเอาแค่นี้แหละ พอแล้ว

ท่านก็ยังอุตส่าห์เมตตานะ ให้ที่แค่หน้าประตูก็ยังสร้างซุ้มประตูให้ ติดชื่อว่าพระเชตวันมหาวิหาร ที่ทั้งหมดตัวเองเอาเงินไปถมแท้ ๆ ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีไม่ยักใช้ชื่อตัวเอง ในเมื่อมีต้นตำรับโก่งราคามาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ที่รอบ ๆ วัดก็ไม่ต้องห่วงหรอก เขาต้องโก่งราคาอยู่แล้ว"

เถรี 11-08-2016 12:48

พระอาจารย์พูดถึงกระทู้คนมีเงิน "อาตมาตั้งกระทู้ท้าทายเขาไปอย่างนั้นเอง ถ้าไม่รวยห้ามเข้า...! ของบางอย่างคนไม่รู้จัก อย่างรูปหลวงปู่ปาน รูปหลวงปู่จง รูปหลวงปู่สีนั่นเขารู้จัก พอลงเขาจองกันทันที รูปหลวงปู่นุ่ม วัดนางใน ไม่มีใครรู้จัก แปลกมาก...อาตมารู้จักท่านตั้งแต่เด็กเลย

ก่อนหน้านั้นเขามีคำพูดเหมือนกับวลีเด็ดว่า “ภูดอนรัก ภักตร์วัดโบสถ์ โปร่งท่าช้าง นุ่มนางใน คำโพธิ์ปล้ำ ซำตลาดใหม่” สุดยอดพระเกจิอาจารย์สายอ่างทอง โดยเฉพาะเก่งทางเบี้ยแก้สุด ๆ

เบี้ยแก้บ้านเรานี่จะมีสายวัดนายโรง ซึ่งเป็นสายเดียวกับวัดกลางบางแก้ว วิชาถ่ายทอดกันไปถ่ายทอดกันมา แล้วก็ไปสายอ่างทอง เกจิอาจารย์สายอ่างทองส่วนใหญ่เก่งเบี้ยแก้กันทั้งนั้น แต่ว่าพวกตะกรุดก็ถือว่าสุดยอด อย่างหลวงปู่ภู วัดดอนรัก ตะกรุดของท่าน ถ้าดูไม่ดีบางคนตีเป็นของหลวงปู่เนียม วัดน้อย ไปเลย ส่วนใหญ่ท่านทำด้วยตะกั่วเหมือนกัน พอเก่าแล้วดูยากหน่อย

หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ส่วนที่ท่านดังเป็นพิเศษคือตะโพน ตะโพนแกะสลักจากงาช้าง ความจริงส่วนใหญ่เป็นเขากวางไม่ใช่งาช้าง พวกบรรดาลิเกทั่วฟ้าเมืองไทยยุคนั้น ต้องไปกราบหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ขอตะโพนให้ได้ เล่นที่ไหนก็ดัง แล้วก็มาหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่ หลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง
ท่านอาจารย์ทั้งหลายเหล่านี้ในเรื่องตะกรุด ในเรื่องเบี้ยแก้ สุดยอดทั้งนั้น

หลวงพ่อซำท่านอาวุโสที่สุด แต่ดังสู้รุ่นน้องไม่ได้ เพราะว่ารุ่นน้องอย่างหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ กับหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ท่านดังกว่า หลวงพ่อซำทำเบี้ยแก้จำนวนตามกำลังวัน อย่างเช่นถ้าทำวันอาทิตย์ก็ ๖ ตัว สูงสุดก็ ๒๑ ตัว แต่ท่านไม่ทำวันศุกร์ ท่านทำแค่วันอาทิตย์ วันอังคารและวันเสาร์ ถ้าวันอาทิตย์ ๖ ตัว วันอังคาร ๘ ตัว วันเสาร์ ๑๐ ตัว เท่านั้นจบเลย อาจจะเป็นเพราะสมัยก่อนต้องไปดักปรอท ครั้งหนึ่งก็ไม่ได้มาก ได้มาทีละน้อย รวม ๆ มาพอที่จะทำได้ก็ทำเสียครั้งหนึ่ง"

เถรี 15-08-2016 09:28

ถาม : ปรอทในเบี้ยแก้ ?
ตอบ : เป็นปรอทป่าเป็น ๆ นี่แหละ ไปดักมา

ถาม : กันอะไรครับ ?
ตอบ : กันไข้ป่า กันผีเจ้าเข้าสิงอะไรพวกนั้น พวกวัตถุอาถรรพ์อะไรต่าง ๆ เจอปรอทเบี้ยแก้แล้วเจ๊งหมด

เบี้ยแก้สายอ่างทองส่วนใหญ่เป็นเบี้ยเปลือย แต่ลูกศิษย์มักจะเอาไปเลี่ยมในตลาด เอาไปเลี่ยมในตลาดส่วนใหญ่ก็มีแค่ ๒-๓ ร้านที่เป็นร้านทำเงินทำทอง ฝีมือการทำก็ไม่ต่างกัน ฝีมือการเลี่ยมก็ไม่ต่างกัน ต้องมาค่อย ๆ แยกว่าเบี้ยตัวไหนเป็นของวัดไหน
โอ๊ย...เครียด

เบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ท่านอุดชันโรง แล้วก็ปิดด้วยแผ่นยันต์ที่ส่วนใหญ่เป็นทองแดง ของหลวงพ่อนุ่ม วัดนางในนี่ ยันต์อยู่ข้างใน ข้างนอกจะเห็นแต่ชันโรง ของหลวงพ่อโปร่ง วัดท่าช้าง ปิดชันโรงแล้วค่อยปิดทอง ของหลวงพ่อซำ วัดตลาดใหม่นี่ ปิดชันโรงแล้วปิดด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ห่อบุหรี่ จึงพอที่จะแยกได้ว่าของวัดไหน

เถรี 15-08-2016 09:30

แต่ถ้าจะเอาง่ายที่สุดก็ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เวลาเขย่าจะมีเสียงดังที่ไม่เหมือนเสียงปรอท เพราะท่านใส่ตะกั่วลงไปเลี้ยงปรอทด้วย จะมีเสียง “แซก ๆ” เหมือนอย่างกับเสียงทรายอยู่ข้างใน ปกติปรอทจะดัง “ขลุก ๆ” ถ้าหากว่าเลี่ยมมิดมาก็พิสูจน์ยาก ต้องจำลายจารครูบาอาจารย์ให้ได้ แต่ถ้าเปิดท้องเบี้ยมา ก็พอที่จะแยกออกว่าเป็นของสำนักไหน

ทางด้านสายวัดนายโรงกับสายวัดกลางบางแก้ว มีลวดลายการถักไม่เหมือนกัน ทั้งสองสายนี้ส่วนใหญ่นิยมถักเชือกหุ้มแล้วก็เคลือบด้วยยางมะพลับ หรือไม่ก็ยางรัก ถ้าหากว่าเป็นรุ่นเก่า ๆ สมัยหลวงปู่รอด วัดนายโรง หรือว่าหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จะชุบรักจีน ถ้าเป็นรักจีนจะดูง่ายหน่อย ถ้าเป็นรักไทยจะดูยากและทำปลอมกันมาก

เถรี 15-08-2016 13:03

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : แม่ยังอยู่ไหม ?

ถาม : ยังอยู่ครับ ?
ตอบ : ถ้ายังอยู่สอนให้ท่านภาวนา

ถาม : ถ้าหากเราเป็นคนที่ทำบุญ ก็ต้อง...?
ตอบ : เราทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าท่านไม่ยินดีด้วยก็ไม่มีประโยชน์ ต้องให้ท่านยินดีด้วย พูดง่าย ๆ ว่า ท่านต้องยินดีและโมทนาด้วย บุญส่วนเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องยินดีหรือโมทนาด้วย คือ บุญในการบวช ถ้าท่านไม่ค่อยจะยินดีกับบุญของเราก็บวชไปเลย อย่างนั้นท่านจะเอาหรือไม่เอาก็ต้องได้ เป็นบุญภาคบังคับ

ถาม : บวชศีล ๘ ได้ไหมครับ ?
ตอบ : บวชพระ...! ไม่ต้องเลี่ยงบาลี บวชศีล ๘ เดี๋ยวเจอหลังมือ...!

ถาม : เคยบวชมาแล้วครั้งหนึ่งครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากได้ก็ต้องบวชใหม่ บวชสัก ๘ วัน ๑๐ วันแล้วก็สึก สึกแล้วก็บวชใหม่ เอาอานิสงส์ไปเรื่อย ๆ แม่จะได้เยอะหน่อย

ถาม : บวชสามครั้งคงไม่ได้ ?
ตอบ : ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็คงไม่มีใครคบกับพระอรหันต์ ๒ รูป ก็คือ ท่านจิตหัตถ์กับท่านนังคละ ทั้งสองรูปนั้นบวชเสียจนกระทั่งพระอุปัชฌาย์บ่นว่า ตกลงนี่บวชเอาหัวมาเป็นเขียงลับมีดหรืออย่างไร ? เดี๋ยวโกน ๆ ท้ายสุดท่านก็เป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้น...ใครไม่คบพระอรหันต์ก็เป็นความซวยของเขาเอง

เถรี 15-08-2016 15:58

ถาม : เทวดาเขามีการสวดมนต์นั่งสมาธิไหมครับ ?
ตอบ : เขาทำกันเป็นปกติ ลองขึ้นไปชั้นยามาดูสิ

ถาม : มีคนบอกว่าเทวดาไม่สามารถทำบุญได้ ต้องรอโมทนาจากคนอื่น ?
ตอบ : ไม่ต้องเสียเวลาถาม มัวแต่งอมืองอเท้ารอโมทนา ถ้าคนอื่นเขาไม่ทำแล้วเราจะเอาอะไรรับประทาน..!

เถรี 15-08-2016 15:59

ถาม : การปลุกเสก ?
ตอบ : เอาเป็นอันว่าแยกคนละศัพท์กันระหว่าง "ปลุก" กับ "เสก" แต่สรุปลงท้ายก็ต้องใช้กำลังของสมาธิเหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีปลุกหรือวิธีเสก การเสกก็ว่าคาถากันไป อาจจะเป็น ๙ จบ ๑๐๘ จบ การปลุกก็คือใช้อำนาจจิต อำนาจสมาธิของตนเองไปบังคับ

ถาม : การเสกนั้น เกิดจากการดึงสมาธิมาที่วัตถุมงคล หรือสวดคาถาลงที่วัตถุมงคลครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ครูบาอาจารย์เขาจะสอนมาว่าให้เราทำอย่างไร บางคนก็ใช้เพ่งจิตลงไป บางคนก็ให้แผ่กำลังจิตคลุมลงไป บางคนก็ให้อาราธนาบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้

ถาม : เคยเจอแบบใช้คาถาครับ ?
ตอบ : ถ้าหากทำตามพิธีกรรมของเขาก็มีผลตามแบบของเขา

ถาม : ถ้าเราไม่ทำตามพิธีของเขา เปลี่ยนวิธี ?
ตอบ : แล้วคุณจะเปลี่ยนไปทำไมวะ ? รู้ว่าทำแล้วได้ผล แต่จะได้มากได้น้อย อันดับแรกก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิของตนเอง อันดับที่ ๒ ก็คือพิธีกรรมทำได้ถูกต้องสมบูรณ์หรือเปล่า

ถาม : ถ้าเราจะทำให้ได้ผล ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เข้าสมาบัติ ๘ แล้วอธิษฐาน

เถรี 15-08-2016 16:02

ถาม : จิตที่ละเอียดเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : คือสภาพจิตที่มีการเข้าถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ในระดับที่มากกว่าคนทั่วไป ยิ่งเข้าถึงมากเท่าไรก็ยิ่งละเอียดเท่านั้น แต่ถ้าคนที่เขาละเอียดกว่า เขาก็ว่าเรายังหยาบอยู่ เพราะฉะนั้น...ระดับความหยาบละเอียดก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคน คนที่หยาบกว่าเขาก็ว่าเราละเอียด คนที่เขาละเอียดกว่าเขาก็ว่าเราหยาบ

ถาม : คนที่จิตละเอียดจะ....... เกี่ยวกันไหมครับ ?
ตอบ : คำถามเดิมอีก แสดงว่าสภาพจิตคุณไม่ละเอียดพอ ในเมื่อไม่ละเอียดพอ สิ่งที่คนอื่นเขาเห็นว่าบกพร่องเราเสือกไม่เห็น แล้วโดยเฉพาะว่าตัวเองพูดเองก็ลืมเอง ไปฝึกต่อไป

เถรี 16-08-2016 20:07

ถาม : ปลวกขึ้นบ้านค่ะ ?
ตอบ : ก็ดูว่าถ้าเป็นแค่ทางเดินเฉย ๆ ก็เขี่ยทิ้งไป แล้วก็เอายาฉีดสกัดเขาเอาไว้ แต่ให้ทำตอนกลางวันนะ กลางวันแดดร้อนปลวกจะหนีลงใต้ดิน แต่ถ้าเป็นรังใหญ่ก็เอาน้ำมันโซล่าราดรังทิ้งไว้ พอเหม็นปลวกก็จะไม่ขึ้นมาอีก

ถาม : โดนตัวต่อต่อย ?
ตอบ : เขาไม่ได้เจตนาต่อยเราหรอก เขาแค่ป้องกันตัว ถ้าพวกแตนพวกต่ออยู่แสดงว่ารอบบ้านเป็นป่า พวกนี้เขาเป็นสัตว์กินเนื้อ เขาต้องหากินพวกแมลง แสดงว่ารอบข้างเป็นป่าเยอะ ถ้าไม่อยากที่จะให้เขามาทำรังอยู่ใกล้ ๆ เราก็หมั่นก่อไฟไว้เรื่อย ๆ ถ้าไม่มีอะไรก็เผาขยะก็ยังดี ถ้าเขาเหม็นควันก็จะไปเอง พวกนี้เขากลัวไฟ พอมีไฟจะไม่เข้ามา

ถาม : เขามักจะมาแย่งที่ค่ะ
ตอบ : ส่วนใหญ่เขาจะสังเกตว่าที่ไหนปลอดภัยก็จะมา

เถรี 16-08-2016 20:43

ถาม : พวกสัตว์เขาชอบเข้ามาหาเราค่ะ เผอิญไม่ค่อยชอบเขาค่ะ ?
ตอบ : พวกสัตว์เขาจะรู้ เพราะว่ากระแสใจของเรามีอยู่ กระแสของใครสงบเย็นกว่า เขาก็อยากจะเข้าใกล้

เถรี 16-08-2016 20:48

ถาม : นอนเฉย ๆ ไม่ได้ภาวนาก็รู้สึกว่าตัวลอยค่ะ ?
ตอบ : บางทีถ้ากำลังใจของเราตรงร่องพอดีก็เป็นได้

ถาม : พอหลับตาก็ตัวลอย พอลืมตาตัวก็ไม่ลอย ก็เลยหลับไปเลย ?
ตอบ : ตอนที่เราใกล้หลับ สมาธิทรงตัวใกล้จะเป็นปฐมฌาน ปีติก็จะเกิด เพราะว่าการหลับเป็นอำนาจของปฐมฌานหยาบ

เถรี 16-08-2016 20:54

ถาม : ไม่ค่อยมีความสุขในที่ทำงาน คนเขาไม่ค่อยชอบเราค่ะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นต้องให้ใครชอบ แต่ทำหน้าที่ของเราให้ดีแล้วกัน ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ช่างมัน ให้เอางานเป็นเครื่องวัด ถ้ามัวจะให้คนชอบเรา ชาตินี้ไม่ต้องไปหางานหรอก คนเราอยู่เฉย ๆ ยังอิจฉากันได้เลย

ถาม : หนูก็ไม่รู้ว่าเราคิดไปเอง หรือเป็นคนที่พูดตรงไปหรือเปล่า ?
ตอบ : ดูกาลเทศะ รู้ว่าเขาไม่ชอบฟังเรื่องจริงก็พูดให้น้อยหน่อย

เถรี 16-08-2016 20:56

ถาม : จะแก้ความโกรธต้องเอาพรหมวิหารสี่มาแก้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เอาแค่สมาธิก็ได้ อยู่กับลมหายใจเข้าออกจริง ๆ ก็โกรธใครไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพรหมวิหาร ๔ เป็นการแก้โดยตรง

ถาม : แต่เวลาบางครั้งที่โกรธขึ้นมา จะวิ่งไปหาสมาธิ เกิดจากอะไรคะ ?
ตอบ : ความเคยชิน สภาพจิตโกรธด้วยอำนาจกิเลส อีกส่วนหนึ่งคือรู้ว่าต้องมาทางนี้ถึงจะปลอดภัยก็วิ่งไปหาสมาธิ คือถ้าทางนี้กำลังสูงกว่าก็ชนะ ก็ไม่ต้องไปโกรธใคร ฉะนั้น...ต้องซักซ้อมเอาไว้ เอาให้กำลังสูงกว่าชนิดที่ไม่ต้องไปคิดโกรธใครเลย

ถาม : แต่ถ้าเราไม่พูด คนอื่นก็จะเสียหายด้วย ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทนให้คนอื่นโกรธ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าจะทำเพื่อคนอื่นก็ต้องเสียสละตัวเอง

เถรี 16-08-2016 20:59

ถาม : เล่าเรื่องจูล่งให้ฟังด้วยค่ะ ?
ตอบ : จูล่ง ใครวะ ? (หัวเราะ) ตอนแรกจูล่งเป็นทหารของกองซุนจ้าน พอกองซุนจ้านโดนโจโฉตีแตก จูล่งก็เลยไปอยู่กับเล่าปี่ หลังจากนั้นก็ช่วยเหลือเล่าปี่ก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่แรก ๆ มีความสำคัญพอ ๆ กับขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย แต่ส่วนใหญ่จูล่งจะทำงานแบบปิดทองหลังพระ แม้แต่รางวัลก็ไม่รับ คนก็เลยไม่ค่อยจะเห็นคุณค่า

ต้องบอกว่าจูล่งเขาทำดีได้ดี ก็คือเป็นนักรบคนเดียวที่ตายบนเตียง นอนหลับตายไปเฉย ๆ ตอนอายุ ๗๐ กว่า เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา รับใครเป็นเจ้านายก็ถือเป็นเจ้านายไปตลอดชีวิต อายุ ๗๐ ปีแล้วยังออกรบเป็นปกติ แล้วหนุ่ม ๆ ไม่ต้องไปสู้...ไม่ได้กินหรอก

จะมีหนังสือสามก๊ก ฉบับวณิพก ของยาขอบ เล่มหนึ่งชื่อว่า “จูล่งสุภาพบุรุษจากเสียงสาน” เขาจะแยกแต่ละคนออกมาเป็นเรื่อง ๆ มี “โจโฉผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ” “เล่าปี่ผู้พนมมือให้แก่ชนทุกชั้น” “เตียวหุยคนชั่วช้าที่น่ารัก” “กวนอูเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์” “จูล่งสุภาพบุรุษจากเสียงสาน” “จิวยี่ผู้ถ่มน้ำลายรดฟ้า” เป็นต้น

เถรี 17-08-2016 12:37

ถาม : หนูจะจัดงานบวงสรวงในวันแม่นี้ แต่ไปตรงกับวันดิถีพิฆาต จะทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ดีถีพิฆาตเขาไม่ทำอะไรกัน จะลองฝืนดูก็ได้นะ จะได้มีตัวอย่างให้คนอื่นเขาดู..!

เถรี 17-08-2016 12:39

พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกเราลองมาจับเวลากันดูว่า เกมโปเกม่อน โก จะฮิตได้กี่เดือน บ้านเราเป็นประเทศที่ฉาบฉวยมาก มีอะไรใหม่มาจะเห่อจะฮิตมากกว่าชาวโลกเขา กลัวจะไม่ทันสมัย แล้วก็เบื่อง่ายกว่าชาวโลกเหมือนกัน คนอื่นเขายังเล่นกันสนุกสนานบ้านเราเบื่อแล้ว ต้องบอกว่ารักง่ายหน่ายเร็วจริง ๆ เลย รัฐบาลควรจะดูเอาไว้เป็นตัวอย่าง ใครจะเป็นรัฐบาลจำไว้ว่าอย่าอยู่นาน อยู่นานต่อให้เป็นรัฐบาลทหารเขาก็เบื่อ...!

เอาเรื่องน่าปลื้มใจดีกว่า ไทยได้ลงแข่งโอลิมปิกวันแรกก็ได้เหรียญทองเลย ทั้ง ๆ ที่เกจิอาจารย์ทั่วโลกบอกว่าปีนี้ไทยได้อย่างมากที่สุดก็แค่เหรียญเงิน ฝีมือของคุณน้องแนน โสภิตา ธนสาร ยกน้ำหนักรุ่น ๔๘ กิโลกรัม ต้องบอกว่าหักปากกาเซียนทุกสำนัก เขาไม่เห็นว่าเรามีตัวเด่นพอ ถ้าเกิดได้อีกสัก ๓ เหรียญนี่เป็นอันว่าฝรั่งหงายท้องตึง ตอนนี้ตารางการแข่งขันไทยอยู่อันดับ ๖ ของเหรียญ แม้ว่าจะได้เหรียญเท่ากับเวียดนาม แต่เวียดนามนี่อักษร V ถัดจากไทยไป"

เถรี 17-08-2016 12:40

"วันนี้ที่คนมาน้อยเป็นเพราะส่วนหนึ่งไปลงประชามติ และส่วนใหญ่ไปจับโปเกม่อนกัน ไม่น่าเชื่อว่าตัวการ์ตูนตัวหนึ่งก็ทำให้คนคลั่งได้ขนาดนี้ ถ้าหากว่ายิ่งอัพเลเวลได้สูง ๆ ตัวที่จับได้ก็จะมีคุณสมบัติพิเศษมากขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่ที่เทคนิคของแต่ละคนว่าจะทำอย่างไร

อาตมาไม่เคยเล่นวิดีโอเกมแม้แต่เกมเดียว อย่างเมื่อหลายปีก่อนเขาก็มี Ragnarok ที่คนเล่นจนตายคาจอไปเลย อาตมาก็เลยอ่านแบบภาษาไทยว่า “รักนรก”

เถรี 17-08-2016 12:41

พระอาจารย์กล่าวว่า “จะเป็นวัตถุมงคลก็ดี เหรียญก็ดี ธนบัตรก็ตาม ที่เป็นของในหลวงหรือพระบรมราชินีนาถ มีโอกาสเก็บ ๆ ไว้บ้าง ถ้าทั้ง ๒ พระองค์เป็นอะไรไปนี่ราคาขึ้นหูดับเลย”

เถรี 17-08-2016 12:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “อะไรที่พอดีก็ก่อให้เกิดประโยชน์ ฝนพอดีพืชพันธุ์ธัญญาหารก็อุดมสมบูรณ์ ฝนมากเกินไปก็เดือดร้อน น้อยเกินไปก็เดือดร้อน หนาวแต่พอดีก็สดชื่นรื่นเริง หนาวมากเกินไปก็งอก่องอขิง ถ้าอบอุ่นก็กำลังดี ถ้าร้อนมากก็เดือดร้อนอีก

เราจะเห็นว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสเป็นสัจธรรมจริง ๆ คือ มัชฌิมาปฏิปทา ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพอเหมาะพอดีจึงจะก่อประโยชน์สูงสุด เพราะฉะนั้น...ศาสนาพุทธจึงเป็นของแท้ ทนต่อการพิสูจน์ แต่จำเป็นต้องมีการฝึกปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ ให้เกิดผล ถ้าไม่เกิดผลก็คือตัวเองยังพิสูจน์ไม่ได้ แล้วจะไปท้าทายให้คนอื่นพิสูจน์ได้อย่างไร ?

พระพุทธเจ้าทรงประกอบไปด้วยเวสารัชชกรณธรรมทั้ง ๔ คือพระองค์ท่านปฏิญาณว่าหมดกิเลสก็หมดกิเลสจริง ๆ ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ พระองค์ท่านปฏิญาณว่าตรัสรู้ธรรมก็รู้จริง ๆ ไม่มีใครคัดค้านได้ พระองค์ท่านตรัสว่าธรรมอันใดเป็นอันตรายต่อการดำเนินชีวิตก็เป็นอันตรายจริง ๆ ไม่มีใครคัดค้านได้ พระองค์ท่านตรัสว่าหลักธรรมใดเป็นไปเพื่อมรรคผลพระนิพพานก็เป็นไปเพื่อมรรคผลพระนิพพานจริง ๆ ไม่มีใครคัดค้านได้

เมื่อพระองค์ท่านประกอบด้วยฐานะทั้ง ๔ นี้ จึงไม่ได้หวั่นไหวแม้ว่าอยู่ในสมาคมใด ๆ ก็ตาม พระองค์ท่านตรัสว่าแม้จะนั่งอยู่ในหมู่มหาพรหม หมู่เทวดาทั้งหลาย ในหมู่ของกษัตริย์ทั้งหลาย หรือในหมู่พราหมณ์มหาศาลทั้งหลายก็ตาม พระองค์ท่านก็ไม่ได้มีความหวั่นไหวใด ๆ เพราะว่าพระองค์ท่านเป็นผู้ที่รู้จริง พูดจริง"

เถรี 17-08-2016 12:47

"สมัยก่อนลูกศิษย์หลวงพ่อมีอยู่คณะหนึ่งคือคณะจันทบุรี นำโดยคุณสมบูรณ์ เวสารัชชานนท์ อาตมาได้ยินนามสกุลแล้วบอกว่า แหม...ช่างตั้ง เวสารัชชะ แปลว่า ความกล้าหาญ อานนท์หรืออานันทะ แปลว่า ยินดีและพอใจ นั่นก็คือยินดีในความกล้า

ในครอบครัวนั้นมี คุณวันดี เวสารัชชานนท์ ปวารณาตนกับอาตมาว่าให้ขอได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ๓๐ ปีผ่านไป ยังไม่ขออะไรเลยเพราะไม่คิดที่จะขอ อาตมามีโยมที่ปวารณาว่าให้ขอได้ทุกอย่างหรือแล้วแต่จะเรียกใช้อยู่ ๓๐ กว่าราย ไม่เคยขอและไม่คิดจะเรียกใช้ จนกระทั่งหลายรายก็ถึงแก่ความตายไปแล้ว”

เถรี 17-08-2016 13:01

พระอาจารย์กล่าวว่า “งานวันแม่ปีนี้มีพระเถระใหม่ ๒ รูป ความจริงก็คนเก่า ๆ นั่นแหละ เพียงแต่ว่ายังไม่เคยนิมนต์ท่านมาเท่านั้น ก็คือพระครูศุภชัย หรือพระครูสุภกิจชยาภรณ์ เป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช อีกท่านหนึ่งก็คือ พระมหาปราโมทย์ ฐิตปาโมชฺโช เปรียญธรรม ๙ ประโยค เบื่อโลกหันไปฝึกปฏิบัติ จัดตั้งอาศรมธรรมจาริกที่เกริงกระเวีย รับโยมเข้าปฏิบัติธรรมทั้งปี ใครมีศรัทธาจะเข้าปฏิบัติธรรมทั้งปีก็เชิญได้ อยู่เลยวัดท่าขนุนไปประมาณ ๓๐ กิโลเมตร”

เถรี 17-08-2016 15:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ญาติโยมมีศรัทธามาก มีเมตตามาก ถึงเวลาถวายอาหารก็ลืมไปว่ามีพระอยู่แค่รูปสองรูปที่ฉันอยู่ ขนมาทีพอเลี้ยงได้ทั้งวัเลย แต่ก็ดี...ถ้าเหลือก็จะได้เป็นของญาติโยมไป

มีบางท่านบอกว่า "ทำบุญแล้วก็ได้ทำทานด้วย" หรือ "ทำบุญทำกับพระ ทานทำกับโยม" อาตมาฟังก็งง ๆ ทาน เป็นภาษาบาลี แปลว่า ให้ เพราะฉะนั้น...ทุกครั้งที่บอกว่าเชิญทานอาหาร อาตมาก็สงสัยว่าจะให้อะไรหว่า ?

ใช้ภาษาไทยเราให้ชัด ๆ ว่า กินก็กิน ดื่มก็ดื่ม หมดเรื่องหมดราวไป อย่าไปใช้คำว่าทาน ผิดภาษา ผิดหลักการใช้งาน แต่คำว่า รับประทาน สมัยก่อนผู้ใหญ่เขาถามผู้น้อย อย่างเช่นคนที่ช่วยงานอยู่ในบ้าน ถึงเวลานำอาหารไปให้ยินดีรับหรือไม่ ผู้น้อยก็บอกว่า "ยินดีรับประทานขอรับ" "ยินดีรับประทานเจ้าค่ะ" ไป ๆ มา ๆ คำนี้ก็เลยแทนคำว่ากินได้

แต่ถ้า "ทาน" อย่างเดียว แทนคำว่า "กิน" ไม่ได้ เพราะเขาไปตัดคำว่า "รับประทาน" จนสั้นลง ทำให้ความหมายเสียไป ภาษาไทยของเราชัดเจนแต่แรกแล้ว มีการใช้งานที่หลากหลายมาก ไม่ได้เหมือนกับภาษาอังกฤษที่อับจนด้วยถ้อยคำ ดังนั้น...ต้องใช้ให้ถูกกาลเทศะ รักษาภาษาไทยของเราเอาไว้ด้วย ใครเข้าเว็บวัดท่าขนุนมักจะโดนใบแดง แขวน ๓ เดือน เพราะว่าใช้ภาษาผิด"

เถรี 18-08-2016 15:10

ถาม : กฐินที่วัดปีนี้วันที่เท่าไรคะ ?
ตอบ : ต้องไปดูกำหนดการในเว็บ รู้แต่ว่าออกพรรษาวันรุ่งขึ้นก็ตักบาตรเทโวฯ แล้วก็มีกฐินเลย เดี๋ยวอาตมาจะเข้ากรรมฐานสามวันเหมือนเดิม

เถรี 18-08-2016 15:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่บุดดามรณภาพตอนอายุ ๑๐๓ จะขึ้น ๑๐๔ ปี วัตถุมงคลรุ่น ๑๐๐ ปีทันท่านแน่ ๆ สมัยก่อนอาตมาไปกราบท่านทีหนึ่งก็ต้องบูชาวัตถุมงคลกลับมาเป็นลัง ๆ เพราะว่าทหารตำรวจที่วัดท่าซุงจะไถหมด

ทหารตำรวจที่วัดท่าซุงเวลางานมาที ๓๐-๔๐ นาย คนละองค์ก็หมดไปครึ่งลังแล้ว บางงานมาตั้ง ๑๒๐ นาย..! เขาอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงได้พระของหลวงพ่อจนไม่เห็นคุณค่า เลยไปเอาพระของหลวงปู่แทน"

เถรี 18-08-2016 15:45

ถาม : ปกติพระไปออกเสียงเลือกตั้งได้ไหมคะ ?
ตอบ : ห้ามเด็ดขาดเลย เขากลัวว่าถ้าหลวงพ่อบอกว่าลงเบอร์ไหน เดี๋ยวคนเขาแห่ตามกันหมด จะกลายเป็นชี้แนะชักนำ แต่จริง ๆ แล้วน่าจะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองให้ปวดหัวสักครั้ง ว่าเอาอะไรมาตัดสิทธิ์พระ มีอยู่ปีหนึ่ง น่าจะเลือกตั้งผู้ว่า กทม.นี่แหละ เขาเลือกกลางพรรษา พระที่ท่านไปบวชก็เลือกไม่ได้ แต่พอสึกไปแล้วก็โดนตัดสิทธิ์เพราะไม่ได้ไปเลือกตั้ง

เถรี 18-08-2016 15:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงเดือนที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลทองผาภูมิบอกว่าเลือดกรุ๊ปเอ กรุ๊ปบี และ กรุ๊ปเอบีหมดเกลี้ยงเลย เหลือกรุ๊ปโออยู่หน่อยเดียว แล้วพระวัดท่าขนุนก็ให้เสียจนไม่มีปัญญาจะให้แล้ว เพราะยังไม่ครบ ๓ เดือน ก็ไม่รู้ว่าจะเอาจากใคร ขนาดเขาไปกองร้อยทหาร ทหารทั้งกองร้อยได้เลือดมาแค่ถุงเดียว จะกลัวเข็มไปถึงไหนวะ...? ตอนนี้วัดท่าขนุนเป็นที่พึ่ง ไม่เป็นก็ไม่ได้ เพราะเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลทองผาภูมิ"

ถาม : คนบริจาคเลือดก็เยอะอยู่นะคะ ?
ตอบ : ใช้หมด...โดยเฉพาะพวกที่เป็นธาลัสซีเมีย เดือนหนึ่งต้องให้เลือดทีหนึ่ง แล้วส่วนใหญ่พวกที่เป็นก็คือต่างด้าว พวกต่างด้าวมาจากทางมอญพม่า ส่วนใหญ่ต้องใช้กรุ๊ปบีทั้งนั้นเลย ไม่รู้เป็นกรุ๊ปประจำตระกูลประจำเชื้อชาติหรืออย่างไร กรุ๊ปบีไปนี่หมดก่อนทุกที

บางคนเห็นว่ายังพอทนอยู่ได้ เอ็งก็ทนไปอีกเดือนแล้วกัน แล้วค่อยมาให้ เขาก็จะหงอยเหงาเศร้าซึม ประเภทเม็ดเลือดน้อย ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทำอะไรก็ไม่ไหว สรุปแล้วว่าได้สละโลหิตเพื่อเพื่อนร่วมโลกจริง ๆ

เถรี 18-08-2016 19:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "เบี้ยแก้สายนครปฐม มีเบี้ยแก้อีกสำนักหนึ่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่จะไม่รู้จัก ก็คือของวัดแค ที่ทำโดยหลวงตากา แต่หลวงตากามรณภาพไปแล้ว

เบี้ยแก้ปกติเขาทำไว้ล้างอาถรรพ์ เอาไว้ป้องกันพวกภูตผีปิศาจ แต่ทางสายวัดนายโรง หลวงพ่อม่วง วัดคฤหบดี ท่านเอาไปทำจนกลายเป็นอยู่ยงคงกระพัน ทางด้านสายวัดกลางบางแก้ว หลวงตากาเอาไปทำก็กลายเป็นอยู่ยงคงกระพันเช่นกัน อยู่ที่คนว่านิสัยคนทำท่านจะออกไปทางไหน

ก่อนหน้านี้สายวัดกลางบางแก้วแทบจะไม่ได้ออกนอกวัดเลย จากหลวงปู่บุญก็มาเป็นหลวงปู่เพิ่ม จากหลวงปู่เพิ่มก็มาเป็นหลวงปู่เจือ แต่คราวนี้ว่าบรรดาลูกศิษย์ที่เรียนวิชาไป ก็เอาไปทำกัน แต่ยากตรงที่ว่าพอรุ่นทัน ๆ กันฝีมือจะเหมือน ๆ กัน ทำให้แยกออกยากว่าของใครเป็นของใคร ถึงขนาดบางท่านต้องทำ ๓ ห่วง ๔ ห่วงให้ยุ่งไปหมด เพื่อที่จะได้ไม่เหมือนกัน

เบี้ยแก้ตัวนี้เป็นของหลวงปู่เจือ ปกติตัวใหญ่แบบนี้จะเป็นเบี้ยเปลือย แต่นี่ลูกศิษย์คงขยันถักให้ อาตมาเคยได้มาใหญ่ประมาณนี้ตัวหนึ่ง ท่านจารให้เต็มตัวเลย เอาออกกระทู้คนมีเงินฯ คราวที่แล้ว เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือระยะหลังเล่นยาก เพราะพวกลูกศิษย์ที่ท่านให้ช่วยทำ ก็ทำขึ้นมาขายแข่งอยู่ตรงนั้นเอง ฉะนั้น...เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือ ถ้าจะเอาของแท้ ต้องรับจากมือท่านเอง"

เถรี 18-08-2016 19:37

"วันก่อนอาตมาเอาปัจจัย ๕๐,๐๐๐ บาทไปถวายพระครูสถิตปุญญเขต เจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้ว เพราะพระอาจารย์มหาทรงกลดท่านสั่งไว้ ให้ถวายที่นั่นสัก ๕๐,๐๐๐ บาท พระลูกศิษย์ที่ไปด้วยก็รี่เข้าไปหาเบี้ยแก้ อาตมาบอกว่า "เอ็งไม่ต้องไปหาเลย ถ้าหลวงปู่เจือไม่อยู่แล้ว เอ็งอย่าไปเอาให้เสียเวลา"

ถาม : ลูกศิษย์ท่านทำเกินหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ทำเกิน แต่เขาตั้งใจทำเลย ปกติหลวงปู่เจือท่านกรอกเบี้ย ตีหุ้มเสร็จก็จารแล้วให้ลูกศิษย์ถัก คราวนี้ลูกศิษย์ประเภทหุ้มกันเอง ถักกันเอง ทำออกมาขายกันข้างกุฏินั่นแหละ อาตมามีของหลวงปู่เพิ่มหลายตัว ยังพกของหลวงปู่เจือแทน เพราะที่หลวงปู่เจือท่านทำ มีตัวเล็ก ๆ ประมาณหัวแม่มือเท่านั้น

(ปรอทจากเบี้ยแก้ร่วง)ต้องเคาะให้ร่วงให้หมด ถ้าร่วงไม่หมด เดี๋ยวอันตราย พวกนี้เผลอกินเข้าไปก็ปางตายเลย เขาจะอุดด้วยชันโรง คราวนี้ชันโรงตัวนี้น่าจะอุดไม่แน่น หรืออุดแน่นแต่น้ำหนักปรอทเยอะเพราะตัวใหญ่ ก็เลยกดจนกระทั่งไหลออกมา เลยต้องมากดชันโรงให้แน่นใหม่

ชันโรงเป็นรังผึ้งชนิดหนึ่ง ตัวเล็ก ๆ ชอบทำรังอยู่ใต้ดินหรือต้นไม้ รังเหนียว ๆ เอามาอุดของต่าง ๆ ได้ดี

เถรี 18-08-2016 19:46

สมัยเด็ก ๆ อาตมาพกเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มนะ แต่ที่พกเพราะผู้ใหญ่เขาบอกว่าเอาไว้กันฟันผุ หลอกกันชัด ๆ...! พกขนาดไหนฟันก็ยังผุอยู่ดี

ถาม : จริง ๆ แล้วเอาไว้กันอะไรคะ ?
ตอบ : เอาไว้กันอาถรรพ์ กันคุณไสย กันผี อะไรทำนองนั้น อธิบายแล้วเด็กไม่รู้เรื่อง บอกว่าเอาไว้กันฟันผุ...ง่ายดี เด็กไม่อยากปวดฟันก็ต้องยอมพกของดี ถ้าตอนนี้ใครบอกว่าพกเบี้ยแก้ไว้กันฟันผุ มึงโดนหลอกเหมือนกูแน่เลย...!

ท่านหุ้มผ้าแดงให้ด้วยแล้วค่อยถัก อาตมาเอาไปชุบสีเสียหน่อยดีกว่า อันนี้ถักแล้วไม่ได้ใส่ห่วงเพราะรู้ว่าพกไม่ไหว เบี้ยตัวเท่ากำปั้น ขืนเอาไปใส่ห่วงพกก็น่าเกลียดเกินไป

เถรี 18-08-2016 19:58

(โยมกำลังเก็บปรอทที่หล่นบนเก้าอี้ แต่เก็บไม่ขึ้น พระอาจารย์ต้องเก็บให้ดู) "จะเล่นกับปรอทต้องรู้ว่าทำอย่างไร ปรอทเป็นโลหะอาถรรพ์ ทางวิทยาศาสตร์เรียก Quick Silver เป็นของเหลว ทางไสยศาสตร์ถือว่าเป็นโลหะธาตุที่มีชีวิต"

เถรี 18-08-2016 19:59

ถาม : วันก่อนนั่งสมาธิแล้วตัวลอยขึ้นไปครับ ?
ตอบ : ตั้งสติรับรู้ไว้เฉย ๆ จะลอยไปไหนก็ไปไม่ไกลหรอก ถ้าหากว่าสมาธิคลายก็จะลงมาเอง แต่ถ้าตกใจจะตกตึ้ง...! ถ้าสมาธิคลายจะค่อย ๆ ลงที่เดิมเป๊ะเลย เขาเรียกว่าปีติ ถ้าเลยไปหน่อยจะเริ่มทรงฌานได้แล้ว แต่ครั้งต่อไปอย่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ถ้าอยากเป็นก็จะไม่เป็นอีก


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:22


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว