กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6377)

เถรี 08-11-2018 09:25

ถาม : พระอาจารย์บอกว่ามโนมยิทธิแค่นึกก็ถึง ถ้าเรานึกว่าเราไปแตะเขา เขาก็จะโดนเราแตะจริง ๆ หรือเปล่าคะ หรือมีกระแสเราหรือพลังงานเราไปสัมผัสเขาจริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง สำคัญว่าคนรับนั้นรับได้ไหม ? ถ้าคนรับนั้นรับไม่ได้ หูหนวกตาบอดอยู่ ถึงเราลูบ ๆ คลำ ๆ ไปเขาก็ไม่รู้สึกรู้สา

เถรี 08-11-2018 22:41

ถาม : ฝันถึงการร่วมเพศ กามราคะ แล้วร่างกายเราก็รู้สึกตามไปด้วย ให้ความรู้สึกว่าเราเป็นผู้ถูกกระทำเสียเอง ไม่ใช่แค่เหมือนดูหนังลามกอนาจาร พอร่างกายเรารู้สึกไปด้วย ทำให้จิตตก เหมือนความฝันที่โดนข่มขืน ดังที่เล่ามาข้างต้น ฝันต่อเนื่องยาวนานแบบนี้มาเกือบสิบปีแล้วค่ะ ทำอย่างไรจึงจะหยุดฝันแบบนี้คะ ?
ตอบ : ถ้าทรงความเป็นพระอนาคามีได้ก็จะจบเลย เพราะฉะนั้น..ให้รีบเร่งตัวเองเข้า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของปุถุชน ถามดูเถอะ..ที่นี่มีใครบ้างที่ไม่ฝันเรื่องอย่างนี้ คิดว่าบ้าอยู่คนเดียวหรืออย่างไร ?

ถาม : ถ้ายังไม่ถึงพระอนาคามี ?
ตอบ : ก็ทนฝันต่อไป...! ก็แค่ก่อนนอนภาวนาทรงฌานไว้ ตั้งใจให้สมาธิคลายออกตอนตื่น ถ้าสมาธิไม่คลายออกก็ไม่ฝันอยู่แล้ว

ถาม : เคยเข้าใจว่า ทำบุญแล้วขอพรพระเทวดาให้ป้องกันฝันประเภทนี้ แต่ก็ไม่ได้ผล ทั้งที่พระอาจารย์บอกว่า เทวดารับเงินเดือนแล้วต้องทำงาน ?
ตอบ : บอกตอนไหนวะ ? แล้วจ่ายเงินเดือนเมื่อไร ?

ถาม : ขณะคนชั่วมีบุญ ขอพรเทวดาแล้ว เทวดาต้องดลบันดาลให้ แต่นี่หนูไม่ได้ขอพรเรื่องชั่ว...?
ตอบ : นี่เขาเรียกว่ามั่วเอาเอง...! อาตมาบอกว่า ต่อให้คนที่ทำชั่วอยู่ ถ้าใช้อธิษฐานเป็น ผลก็จะบังเกิดขึ้นตามที่อธิษฐานนั้น เพียงแต่ต้องแสดงความเป็นจริงที่เรียกว่าสัจจะออกมา นี่ก็จับแพะชนแกะไปเรื่อย ถึงขนาดจ่ายเงินเดือนเทวดา เกินกว่าที่อาตมาพูดไปเยอะเลย

ถาม : มีเทคนิคที่ขอเทวดาให้ช่วยปกป้องรักษาหนูให้ห่างไกลจากกามราคะไหมคะ ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังไม่ถึงพระอนาคามี ไม่ต้องหวังว่าจะหาย เป็นกันทุกคนนั่นแหละ

เถรี 08-11-2018 22:55

ถาม : นอกจากฝันร้ายแล้วก็ยังมีฝันอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่ได้คิดไปเอง ไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่เหมือนมีใครต้องการให้ไปรับรู้เรื่องราวของคนอื่นหรือมาเข้าฝัน มาบอกเรื่องราวของเขาที่ไม่เกี่ยวกับเรา เราไม่อยากจะรับรู้ ฝันทุกคืน คืนละหลายเรื่อง จะต้องตัดการรับรู้เรื่องราวนี้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ไหน ๆ ก็จะประกาศตนรบกันแล้ว ใช้พระคาถาของหลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุย ไปเลย ก่อนนอนตั้งนะโมฯ สามจบ นึกขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ท่านสงเคราะห์ แล้วว่า ตะรัง เม ยาจามิ โบกมือไล่ไปทั้งสี่ทิศ ถึงเวลาเขาจะได้มาไล่ "ตื้บ" ตอนนอนแทน ก็จะมีรสชาติของชีวิตไปอีกอย่างหนึ่ง

ถาม : นอกจากหลับฝันแล้ว ก็ยังเห็นภาพหลอน...?
ตอบ : พอได้แล้ว...ตอนที่มาถามด้วยตัวเอง ก็โดนอาตมาไล่ไปแล้วนะ นี่ยังอุตส่าห์มาเขียนถามขนาดนี้อีก เขาเรียกว่าพวก "เวิ่นเว้อ" ไม่รู้จักจบจักสิ้น...!

คำถามคนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร นอกจากประกาศความฟุ้งซ่านของตนเอง รักษาใจตัวเองไม่ได้ก็ไปไล่ถามคนอื่น ไม่ได้มีความพยายามในการรักษาใจให้เป็นสมาธิเลย เอาแต่ฟุ้งซ่านไปสารพัดเรื่อง รักษาใจไม่ได้เกิดโทษขึ้นกับตัวเอง ก็เที่ยวไล่โทษคนอื่นทั่วประเทศไทย พรหมเทวดาก็พลอยโดนไปด้วยหมด

เถรี 08-11-2018 23:10

คำถามฟังดูเหมือนอยากจะดี แต่ไม่พยายามทำอะไรให้ตัวเองดี นอกจากฟุ้งซ่าน เมื่อเป็นลักษณะอย่างนี้ ไปถามที่ไหนก็เหมือนกัน

ส่วน
คำถามที่ไม่ควรถามอีกประเภทหนึ่งก็คือ เอาคำสอนสำนักหนึ่งไปถามอีกสำนักหนึ่ง ให้สังเกตว่าอาตมาจะเตะลงถังขยะหมด ก็คือให้ไปถามที่สำนักนั้นเอง เพราะว่าถ้าตอบไปแล้วไม่ตรงกันเมื่อไร คนถามก็จะเอาคำตอบนี้แหละไปงัดกับสำนักนั้น กลายเป็นสองสำนักขัดกันเองโดยอัตโนมัติ ต่อให้เจ้าสำนักไม่ขัดกัน แต่บรรดาลูกศิษย์ก็จะไม่ชอบใจ ท้ายสุดก็จะเกิดการแตกสามัคคีขึ้นมา เพราะฉะนั้น...สงสัยคำสอนของท่านใด ให้ไปถามตรงกับท่านนั้น

เถรี 08-11-2018 23:14

สิ่งที่ดีที่สุดที่อาตมาเคยบอกไว้คือให้ตั้งใจทำไม่ใช่ถาม ถ้าทำแล้วจะได้คำตอบในการปฏิบัติเอง ถามว่าถ้าทำแล้วไม่ได้ผล ? ทำแล้วไม่ได้ผลเพราะว่าคุณยังทำไม่จริง

ในเมื่อทำแล้วจะได้คำตอบก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่ใช่เอาแต่ถามอย่างเดียว เพราะว่าพอถามไปแล้วก็เอาไปฟุ้งซ่านต่ออีก แทนที่จะน้อมรับไปโดยเคารพ ก็กลายเป็นว่าไปคอยคิดว่าไม่ตรงกับกิเลสตัวเองตรงไหน แล้วก็หาข้อขึ้นมาเถียง ประเภทนี้นอกจากไม่ได้ประโยชน์แล้วยังเกิดโทษแก่ตัวเองด้วย

เถรี 08-11-2018 23:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "การล้มในห้องน้ำของในเมืองไทยบ้านเรา ร้อยละ ๘๐ ล้มเพราะอ่างอาบน้ำ ซึ่งอาตมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตั้งอ่างอาบน้ำไปทำไม ? บ้านเราไม่ใช่ฝรั่ง ฝรั่งบ้านเขาเป็นเมืองหนาว ถึงเวลา ๓-๔ เดือนถึงอาบน้ำครั้งหนึ่ง เขาก็เลยต้องนอนแช่อ่างเพื่อจะให้ขี้ไคลลอก

คนไทยร้อนจะตายชัก อาบน้ำอยู่ทุกวัน ดันไปมีอ่างอาบน้ำ คราวนี้พอมีอ่างอาบน้ำ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปนอนแช่แบบเขา ไปยืนอาบในอ่าง เวลาเจอสบู่แล้วลื่นเข้าก็ล้มหัวฟาดพื้น ตายกันไปเยอะเพราะเหตุนี้แหละ

ฝรั่งสมัยก่อนเวลาอาบน้ำ อาบทั้งบ้านต่อ ๑ อ่าง เป็นเพราะน้ำหายากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? โดยเฉพาะหน้าหนาวต้องมีฟืนมีถ่านหินสำหรับต้มน้ำให้อุ่นก่อน ถึงเวลาพ่ออาบเสร็จก็ต่อด้วยแม่ แล้วก็ลูกทีละคนจนกว่าจะหมดบ้าน อ่างเดียวกันนั่นแหละ ถ้าเป็นบ้านเราก็เปิดทิ้งไป ๘ รอบแล้ว

จำไว้ว่าอ่างอาบน้ำมีไว้สำหรับคนที่จะลอกขี้ไคลตัวเอง แช่กันนาน ๆ หน่อย ถามว่าทำไมฝรั่งถึงไม่อาบน้ำบ่อย ๆ ? บ้านเขาหนาว อาบน้ำบ่อย ๆ ก็คันตายชัก ส่วนคนไทยเราติดนิสัยไปบ้านเขาหิมะตกก็จะอาบน้ำ เอ้า...อาบก็อาบวะ พระอาจารย์เล็กนะหรือ ? วิ่งผ่านน้ำแล้วก็ไป แต่สมัยเด็ก ๆ ไม่ได้วิ่งผ่านน้ำ ตักน้ำแล้วก็สาดข้ามไหล่ไป เสียงโครม ๆ ให้พ่อแม่ได้ยิน แล้วก็วิ่งพรวดไป ทำท่าว่า “อาบน้ำแล้ว” พวกเราก็ต้องเคยทำกันบ้างแหละ จำได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง"

เถรี 08-11-2018 23:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "รู้จักตะวันอ้อมข้าวไหม ? สมัยก่อนเขาทำนากันมาก อยู่ ๆ ดวงตะวันที่เคยขึ้นด้านหนึ่งก็วิ่งมาอยู่ทางด้านนี้ เขาก็เลยคิดว่าดวงตะวันก็เคารพแม่โพสพ มีการอ้อมหนีเพื่อจะได้ไม่ข้ามแม่โพสพ เขาจึงเรียกว่าตะวันอ้อมข้าว ตะวันอ้อมข้าวก็คือช่วงฤดูหนาวของเรา ที่ดวงตะวันจะเปลี่ยนทิศทางการโคจร

เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา อาตมาเดินทางกลับวัด ก็เจอตะวันอ้อมข้าว ถามว่าทำไมถึงรู้ ? เหตุที่รู้ชัด ๆ เพราะว่า การเดินทางไปกาญจนบุรีจะสวนตะวันตรง ๆ หน้า แต่ว่าเมื่อวันที่ ๓๐ ตะวันไปอยู่ซ้ายมือ โดยปกติเขาบอกว่า คนทองผาภูมิอย่าเข้าเมืองกาญจน์ฯ ตอนเช้า แล้วอย่ากลับทองผาภูมิตอนบ่าย เพราะว่าจะเดินทางสวนตะวันตลอด ขับรถยาก อยู่ ๆ ตะวันที่สวนด้านหน้าไปอยู่ทางซ้ายมือแทน สบายคนขับแต่ไม่สบายคนนอน เพราะว่าส่องหน้าพอดี"

เถรี 08-11-2018 23:39

มีโยมถวายหนังสือ สู้มหาพิบัติภัย "อาตมาว่าภัยพิบัติในวัฏสงสารน่ากลัวที่สุด ภัยพิบัติอื่น ๆ เป็นไปตามธรรมชาติ

โบราณเขาบอกว่า คนขี้ขลาดตายหลายครั้ง
คนกล้าตายครั้งเดียว สมัยที่เขาอพยพขึ้นเหนือไปซื้อที่แถวนั้น ว่าจะได้พ้นจากน้ำท่วมโลกปี ๒๐๑๒ ก็ประมาณ ๘-๑๐ ปีมาแล้ว

รุ่นของอาตมานั้น ในปี ๒๕๑๘ เขาบอกว่าอีก ๑๐ วันโลกจะแตก..! มีเพื่อนหลายคนเลิกเรียนหนังสือ รีบลาออกไปแต่งงานกัน ตอนนั้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ สมัยนั้นเรียกกันว่า มศ. ๓ มัธยมศึกษาปีที่ ๓ อายุประมาณ ๑๖ ปี ออกไปแต่งงานเสียเป็น ๑๐ คู่เลย โรงเรียนหวิดจะร้าง ผ่านไป ๑๐ วันก็รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด ก็ต้องทนรับกรรมไป ข่าวลือพวกนี้มีมาเป็นระยะ ๆ

ถ้าเรามั่นคงในพระรัตนตรัยก็จะไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ว่าด้านดีหรือด้านไม่ดี จะรับมืออย่างมีสติ สำคัญที่สุดคือให้ตั้งกำลังใจอยู่กับปัจจุบัน ตอนนี้เป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไร เอาเฉพาะหน้าเท่านั้น เรื่องเกินจากตอนนี้เดี๋ยวนี้ไม่เสียเวลาไปคิด เพราะว่าเป็นการฟุ้งซ่านถึงอนาคต อดีตเลยไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ถ้ารักจะเดินทางข้ามวัฏสงสาร ต้องไปรถเที่ยวปัจจุบัน คือตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น ถ้าหยุดกำลังใจอยู่กับปัจจุบันได้จะมีความสุขมาก

ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ที่เราทุกข์ ร้อยละ ๙๙ ทุกข์เพราะความคิดตัวเอง คิดล่วงหน้า คิดถอยหลัง พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในภัทเทกรัตตสูตรว่า อะตีตัง นานวาคะเมยยะ นัปปะฏิกังเข อะนาคะตัง อย่าไปฟุ้งซ่านถึงอดีต แล้วก็อย่าไปครุ่นคิดถึงอนาคต ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง อยู่กับปัจจุบันธรรมนี้ ตัตถะ ตัตถะ วิปัสสะติ ถึงจะสามารถเห็นแจ้งได้ หลุดจากตรงนี้ไปเมื่อไรก็เจ๊งเมื่อนั้น"

เถรี 10-11-2018 09:02

วันเสาร์มีคนเลี่ยมแผ่นยันต์เกราะเพชรไว้ที่คอแล้ว "เร็วมาก บูชาไปเมื่อวาน วันนี้เลี่ยมแขวนมาแล้ว

ใครบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นไปได้ให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน ตั้งใจนึกขอบารมีพระท่านคุ้มครองตัวเรา ถ้าหากว่าอยู่ในรถก็คุ้มครองยานพาหนะที่เราโดยสาร ถ้าหากว่าอยู่ในบ้านก็ขอให้คุ้มครองทุกคนที่อยู่ในบ้าน

วัตถุมงคลทุกอย่างมีพลังงานเต็มที่อยู่แล้ว สำคัญตรงที่ใจเราต้องเปิดรับ หรือว่ามีกุญแจในการเปิด กุญแจในการเปิดก็คือการอาราธนา หรือการสวดมนต์ภาวนาตามแบบที่ท่านกำหนด

ถึงเวลาแล้วให้สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง คือ อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ตั้งใจขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านช่วยสงเคราะห์ ถ้าจะระลึกถึงตามสายครูบาอาจารย์ ก็นึกถึงหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง สูงขึ้นไปก็หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถัดไปก็หลวงปู่เนียม วัดน้อย สูงขึ้นไปอีกก็หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ถามว่าเกี่ยวอะไรกับวัดระฆังด้วย ? หลวงพ่อวัดระฆังเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เนียม วัดน้อย หลวงปู่เนียม วัดน้อย เป็นอาจารย์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ไล่กันลงมาตามสายนี้"

เถรี 10-11-2018 09:07

พูดถึงการต่อแถวบูชาแผ่นยันต์ "ถ้าไม่ได้คิดจะบูชาวัตถุมงคลก็อย่าไปเข้าแถว ไม่ใช่มารยาทดีเห็นเขาเข้าแถวเราก็เข้าบ้าง ญาติโยมลองไปเดินแถววัดพระแก้วหรือวัดโพธิ์ พอถึงเวลาเราเดินต่อแถวกันสัก ๓ คน จะมีคนที่ ๔ มาต่อทันที รับประกันว่านั่นคนญี่ปุ่นแน่นอน

ความจริงน่าจะเปิดให้บูชาสัก ๓ วัน พอตื่นเช้าติดกัน ๓ วัน ต่อไปก็จะตื่นได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นปกติบางคนกว่าจะมาได้ก็เพลแล้ว

จำหน่ายที่นี่ยังดี จำหน่ายให้พระเณรที่วัด เจอแต่ธนบัตรใบละ ๒๐ บาท นับกันแทบตาย เพราะว่ามาจากงานตักบาตรเทโวฯ

เดือนหน้าจะมีทองเหลืองแผ่นใหญ่ แผ่นละ ๒๐๐ บาทมาให้ ใหญ่กว่าแผ่นเล็กตั้ง ๔ เท่า เอาไว้สำหรับผู้ชายที่ต้องการตะกรุดดอกใหญ่ ๆ ไปม้วนเอา หรือไม่ก็ติดกระเป๋าสตางค์ ติดรถ ติดบ้าน ใหญ่กว่าแผ่นเล็กประมาณ ๔ เท่า ทยอยมาจะได้ไม่ลำบากในการบูชา ไม่อย่างนั้นมาทีเดียวตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเอาหรือไม่ รักพี่เสียดายน้อง

สมัยก่อนบ้านส่วนใหญ่เขามีลูกสาวหัวปีท้ายปี หรือไม่ก็ปีเว้นปี พี่กับน้องอย่างเก่งก็อายุห่างกันปีเดียว เต็มที่ก็ ๒ ปี ถึงเวลาเป็นสาวสะพรั่ง พี่ ๑๘ ปี น้อง ๑๖ ปี ไม่รู้ว่าจะเลือกใครเลย ก็เลยกลายเป็นสำนวนว่า รักพี่เสียดายน้อง"

เถรี 10-11-2018 09:10

"มีใครมารอตั้งแต่ตี ๓ บ้าง ? เมื่อคืนอาตมาตื่นตอน ๐๑.๕๒ น. ถามว่าทำไมต้อง ๕๒ นาที ? เพราะคิดว่าหวยจะออก...! เมื่อคืนตื่นตี ๑ กว่ามาลงสารพัดบัญชี โดยเฉพาะบัญชีทองคำ มีทั้งทองรูปพรรณ ทองแท่งที่โยมถวายมาหล่อพระ มีเงินสดที่โยมถวายมาหล่อพระ มีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร มีเงินสังฆทาน มีเงินส่วนตัว ลงกันจะเป็นจะตายอยู่ทุกวัน

แจ้งให้ญาติโยมทราบว่า ท่านที่บริจาคผ่านคิวอาร์โค้ด กรุณาสงสารคนลงบัญชีหน่อยเถอะ ประเภทบริจาควันละ ๑ บาทแล้วมีเศษ ๓ สตางค์ อาตมาลงบัญชีจนจะบ้าอยู่แล้ว ลงก็ลงให้ยอดเต็ม ๆ หน่อย จะได้ไม่ลำบากคนลงบัญชี เพ
ราะว่าการบริจาคผ่านคิวอาร์โค้ด กรมสรรพากรเขาคุมอยู่ แม้แต่สตางค์เดียวอาตมาก็ผิดไม่ได้ ดังนั้น..กรุณาอย่าใส่เศษสตางค์มา ให้ลงท้ายเป็น ๕ บาท ๑๐ บาทไปเลยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง"

เดือนที่แล้วมีคนหนึ่งบริจาค ๓ สตางค์ กับ ๑๔ สตางค์ ลงบัญชีไปเสร็จก็นั่งกุมหัว แล้วตูจะลงตัวเลขอย่างไรวะ ? เพราะว่าเราเติมก็เติมไม่ได้ บัญชีที่ญาติโยมบริจาคอย่างอื่นมา ถ้ายอดไม่ลงตัว อาตมาจะควักเงินส่วนตัวเติมให้ แต่อันนี้บริจาคผ่านคิวอาร์โค้ดที่กรมสรรพากรเขาคุมอยู่ อาตมาเติมเป็นยอดเต็มไม่ได้ ลงบัญชีลำบากมาก จึงต้องขออนุญาตว่า ถ้าท่านใดบริจาคผ่านคิวอาร์โค้ด ให้ลงเป็น ๕ บาท ๑๐ บาทจะดีที่สุด"


เถรี 10-11-2018 09:21

พระอาจารย์บอกกับผู้จำหน่ายวัตถุมงคลว่า "ให้เขาวนไปเถอะ เพราะว่าของอะไรที่ทำมา ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ทำใหม่อีกหรือเปล่า ก็ต้องตุนเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะใครจะเอาไปหล่อพระต่อนี่สบายเลย

อาตมาถือสาที่สุดก็คือรูปพระพุทธหรือว่ารูปพระสงฆ์ หรือว่าเหรียญในหลวง ใครเอามาหล่อพระนี่เก็บหมดเลย เพราะถ้าทำอย่างนั้นคือการทำลายพระพุทธ ทำลายพระสงฆ์ ส่วนรูปในหลวงนี่คือการทำลายพระบรมสาทิสลักษณ์ โดนมาตรา ๑๑๒ แน่นอน ไม่ใช่ถึงเวลาเห็นหล่อพระทองเหลือง ก็เอาเหรียญในหลวงไปหล่อกัน ทำอย่างนั้นจะพาเจ้าอาวาสท่านติดคุกไปด้วย..!"

เถรี 10-11-2018 09:23

"ยันต์เกราะเพชรทองคำไม่ได้เอามา ยังอยู่ที่วัดอยู่เลย รอดูก่อน เดือนหน้าคงจะไม่ลืม ถ้าลืมก็อดอีก เดี๋ยวทองคำจะตอกโค้ดให้สักหน่อย จะได้ต่างจากของคนอื่น จะดูว่ามีเวลาทำไหม ? มัวแต่วิ่งเรื่องกฐินปลดหนี้อยู่ ทองคำมีแค่ ๒๐๐ กว่าแผ่นเท่านั้น"

ถาม : ยันต์เกราะเพชรมีไว้เพื่ออะไร ?
ตอบ : ไว้เพื่ออะไร ? ติดตัวไว้ โดยเฉพาะป้องกันไสยศาสตร์ ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้ต่อต้านไสยศาสตร์ ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ จบทุกวัน นึกถึงบารมีพระท่านสงเคราะห์ ถ้ารู้สึกว่าใหญ่เกินไปก็ม้วนเป็นตะกรุดเล็ก ๆ ก็ได้ เก็บใส่กระเป๋าสตางค์ก็ได้ แขวนติดตัวก็ได้ ติดรถก็ได้ ติดบ้านก็ได้ ใช้ยันต์เกราะเพชรห้ามกินเหล้ากับห้ามขโมย ใครกินเหล้าหรือขโมย ยันต์เสื่อม ยันต์ไม่ชอบคนกินเหล้ากับไม่ชอบคนขโมย

เถรี 10-11-2018 09:25

พูดถึงพระแก้วมรกต วัดศรีหมวดเกล้า "หลวงพ่อเกษมท่านเสกให้เต็มที่เลย ใครอยากบูชาหลวงพ่อเกษมก็ลงไปบูชาที่ชั้นล่างเลย เขาทำเป็นรูปพระแก้วมรกต

ที่เห็นว่าเปื้อนดินเป็นเพราะว่าเขาใส่ลังเอาไว้ ใส่ลังกระดาษเอาไว้แล้วโดนปลวกขึ้น แต่ยืนยันได้อย่างว่าเป็นของเก่าของวัดจริง ๆ ปลวกกินเสียจนลังหายหมด เหลือแต่องค์พระไว้ มีดินปลวกติดเพียบเลย"

เถรี 13-11-2018 19:03

ถาม : คนใกล้ตาย ที่ไม่เคยฝึกจิตมาก่อน อะไรเป็นเหตุให้จิตตัดสินใจทิ้งร่างกาย ไม่นับเรื่องอายุขัย ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าถ้ายังไม่หมดอาหาร ไม่หมดอายุ ไม่หมดกรรม อย่างไรก็ต้องทนอยู่

ถาม : คนที่เขากำลังจะตาย เขาจะพิจารณาอย่างไร ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งร่างกายเอง ?
ตอบ : ก็เรื่องของเขา

ถาม : คนที่ตัดสินใจทิ้งร่างกาย เขาพิจารณาอย่างไร จึงตัดสินใจว่าไม่เอาร่างกายแล้ว เช่น ถูกบีบให้เจ็บมาก ๆ ?
ตอบ : นั่นเป็นอาการของเวทนามาบีบคั้น ที่ไม่มีเวทนาก็มี คือร่างกายหมดสภาพ หมดสิ่งหนุนเสริมต่าง ๆ ก็ดับไปเฉย ๆ

เถรี 13-11-2018 19:08

ถาม : ถ้าอาราธนาคุณพระไปที่วัตถุข้าวของ ต้องทำอย่างไร ต้องสื่ออย่างไร จึงจะทำอย่างนั้นได้ ?
ตอบ : แล้วแต่ท่านจะบอกว่าให้ทำอย่างไร แปลว่าอย่างน้อยต้องได้ทิพจักขุญาณแจ่มใส จนรู้ว่าพระท่านสั่งอะไรบ้าง

เถรี 13-11-2018 19:18

ถาม : หนูปรามาสพระรัตนตรัยค่ะ ?
ตอบ : เรื่องปรามาสพระรัตนตรัยขอขมาก็จบ ไม่มีอะไรมากมายนักหนา

ถาม : ผลกรรมจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ขอขมาแล้วเป็นอโหสิกรรม ก็หมดกันไป ยกเว้นว่าไปเริ่มทำใหม่

ถาม : ไม่ตกนรกใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าอยากจะลงก็ได้อยู่...!

ถาม : ขอขมาจะเป็นอโหสิกรรมใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าโจทก์กับจำเลยต่างคนต่างเอ่ยปากอโหสิกรรมก็จบ ขี้กังวลแบบนี้แหละที่จะพาให้ลงนรก เข้าใจคำว่าจบไหม ? จบแล้วก็แล้วกัน จะถามอะไรมากมาย ?

เถรี 13-11-2018 19:20

ถาม : ถ้านึกถึงคุณพ่อคุณแม่แล้วไม่พอใจ จะเป็นบาปไหมคะ ?
ตอบ : บาปแปลว่าชั่ว ถ้าใจหมองก็คือชั่ว

ถาม : คุณแม่รีดชุดให้หนู จะบาปไหมคะ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าพิจารณาดู ถ้าใจหมองก็บาป

ถาม : หนูไม่อยากให้เขารีดให้ ?
ตอบ : ท่านทำให้ดี ๆ ดันไปคิดมากก็ลงนรกไป..!

ถาม : ถ้าจะขอขมา ใช้บทไหนก็ได้ใช่ไหมคะ บทของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ขอให้ตั้งใจขอขมาเท่านั้น บทไหนก็ได้ ภาษาไทยชัด ๆ ยิ่งดี

ถาม : หนูอยากให้คุณพ่อใช้บทสัพพังฯ ค่ะ ?
ตอบ : ทำแค่ตัวเราก่อน ถ้าหากว่าเครดิตไม่พอไปให้คนอื่นทำ เดี๋ยวเถียงกันก็ไปโกรธเขาอีก

เถรี 13-11-2018 19:25

ถาม : มีพระอาจารย์ที่หนูรู้จัก ท่านบิณฑบาตอยู่รูปเดียว พอท่านบิณฑบาตเสร็จแล้ว ท่านเอาของเหลือที่เยอะเกินถวายพระอีกวัดหนึ่ง ท่านจะเป็นอะไรไหมคะ ?
ตอบ : ถวายพระได้ ไม่เป็นไร

ถาม : ถ้าบิณฑบาตรูปเดียวแล้วให้คนอื่นละคะ ?
ตอบ : ให้คนอื่นไม่ได้ ยกเว้นแต่พ่อแม่ แต่ถ้าให้พระเณรให้ได้

เถรี 13-11-2018 19:37

ถาม : อาโกวไม่ค่อยแข็งแรงครับ ?
ตอบ : อย่าให้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเป่าใส่ตัวตรง ๆ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอย่างนี้แหละ ความจริงพวกเราเวลาร้อนก็ไม่ค่อยคิดถึงอย่างอื่น โดนความเย็นตรง ๆ ทั้งคืนร่างกายก็รับไม่ไหว ไปหาอะไรร้อน ๆ ประเภทน้ำขิง กินติดต่อกันสักเดือนหนึ่งก็น่าจะดีขึ้น คนจีนเขาบอกว่าความเย็นแทรกซึม พวกนี้พอความเย็นไปคาอยู่ข้างในจะรักษายาก ถ้าบอกว่าเป็นร้อนในมาหมอจีนนี่ยิ้มเลย กินยาถ้วยเดียวหายแล้ว แต่ถ้าเย็นในมานี่ต้องรักษากันเป็นปีเลย

เถรี 13-11-2018 19:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ราคาทองคำยังไม่ขึ้นมาก ถ้าใครมีความสามารถก็ซื้อเอาไว้บ้าง อาตมาเองซื้อไปเดือนก่อนตอนราคา ๑๘,๒๙๐ บาท ความจริงราคา ๑๘,๓๐๐ บาท แต่ซื้อทองไป ๑,๐๐๐ บาท เขาลดให้บาทละ ๑๐ บาท แสดงว่าซื้อเยอะ ๆ เขาก็มีส่วนลดให้เหมือนกัน

แล้วก็ซื้อทองอีก ๒๐๐ บาทตอนราคา ๑๘,๑๐๐ บาท หลังจากนั้นราคาก็ขึ้นพรวด อาตมาเองก็ถือสตางค์รอ เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าลงได้ถึง ๑๘,๓๐๐ บาท รออยู่ปีกว่าเกือบ ๒ ปี ปรากฏว่าพอซื้อเสร็จลดลงไปอีกเป็น ๑๘,๑๐๐ บาท อึดใจเดียวก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว

ต้องเรียกว่าชอบหาเรื่องใส่ตัว เพราะว่าตอนนี้ได้ทองเกินแล้ว ก็เลยกะว่าเดี๋ยวจะหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเพิ่มอีกองค์หนึ่ง เอาไว้กันเขื่อนแตก เพราะว่าวัดท่าขนุนอยู่หน้าเขื่อน..!"


เถรี 13-11-2018 20:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราเริ่มหาภาชนะตุนน้ำกันแต่เนิ่น ๆ นะ เพราะว่าจะแล้งมาก เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ จำไว้เลยว่าปีไหนฤดูหนาวมาเร็ว ปีนั้นแล้งนาน ฉะนั้น..ตุนน้ำไว้แต่เนิ่น ๆ หาถังบรรจุสัก ๑๐๐ ลิตร หรือ ๕๐ ลิตร เอาไว้สัก ๒-๓ ใบ ถึงเวลาประปาหายไป ๒-๓ วัน เราก็ยังมีใช้อยู่

ญาติโยมไม่ได้อยู่ในยุครองน้ำตั้งแต่ตี ๓ ได้แค่พอหุงข้าวตอนตี ๕ อาตมาเจอมาแล้ว จะได้รู้ว่ากรุงเทพฯ ของเราจริง ๆ แล้วไม่ได้น่าอยู่เท่าไรหรอก ถ้าจะซักผ้าก็รองน้ำตั้งแต่ ๕ โมงเย็น น้ำไปพอซักเอาพรุ่งนี้เช้า

หลายคนน่าจะผ่านข้าวโอชามาแล้ว และน่าจะลืมไปแล้วด้วย ตอนนั้นต้องแบ่งสันปันส่วนกันเลยนะ ไม่มีบัตรปันส่วน
ซื้อไม่ได้ด้วย ข้าวโอชาเป็นข้าวเจ้าผสมข้าวเหนียว ๓๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ละครอบครัวมีกี่คน ก็จะปันส่วนให้ตามจำนวนคนในครอบครัว ครอบครัวใหญ่ก็ซื้อได้มากหน่อย ครอบครัวเล็กก็ซื้อก็ได้น้อยหน่อย ใครเกิดไม่ทันก็ถือว่าโชคดีไป

อาตมาทันตั้งแต่ยุคข้าวยากหมากแพง ต้องกินขุยไผ่ อีกยุคหนึ่งไม่ได้กินขุยไผ่ แต่กินข้าวกล้อง กินข้าวโพด กินมันเทศ ยุคกินข้าวกล้องถือว่ายังดีที่มีข้าวกิน ยุคที่กินขุยไผ่นี่ข้าวยังไม่มีให้กินเลย

ถึงเวลารุ่นพ่อรุ่นแม่ต้องหากลอย เอาหัวกลอยมาปอกเปลือกฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ใส่เข่งเอาไปตั้งไว้ในทางน้ำไหล ๒ วัน ๓ วัน ต้องหมั่นไปพลิกบ่อย ๆ เพื่อให้น้ำขื่นน้ำเมาละลายไปกับน้ำ ต้องไปเหยียบไปอะไรกว่าจะได้ที่ก็หลายวัน แต่ก็กินไม่ค่อยอิ่มเท่าไร แถมเผลอเมื่อไรก็เมารากแตกรากแตนอีก คนที่กินกลอยแทนข้าวนานหลาย ๆ เดือน จะมีอาการเหมือน ๆ กันหมด คือผอมซี่โครงขึ้น แต่พุงป่อง ๆ ลักษณะเหมือนกับเป็นตานขโมย"

เถรี 13-11-2018 20:50

มีโยมอายุครรภ์ ๗ เดือน มาทำสังฆทาน พระอาจารย์บอกว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง "สมัยนี้เขามีอัลตราซาวด์บอกเพศ แต่อาตมาไม่ต้องใช้ ใช้วิธีดูท้องก็สามารถบอกได้เลย โบราณเขาเก่ง เขาดูท้องก็บอกได้เลยว่าเป็นผู้หญิงผู้ชาย อาตมาติดโบราณมาหน่อยหนึ่ง ยังดูเป็นอยู่ ไม่ใช่ทิพจักขุญาณนะ ดูธรรมดานี่แหละ เขาสอนให้ดู ถ้าท้องยกขึ้นจะเป็นผู้ชาย ถ้าท้องลาดลงจะเป็นผู้หญิง ต้องเอาคนท้องมายืนเทียบกัน ถึงจะรู้ว่าต่างตรงไหน ก็เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน

แบบเดียวกับที่โบราณว่า ถ้าเด็กผู้หญิงคลอดออกมาคว่ำหน้านี่เป็นหมันทุกคน ฉะนั้น..หมอตำแยปากดีคนไหน พอถึงเวลาทำคลอดเห็นเด็กผู้หญิงคว่ำหน้าออกมา ถ้าไปปล่อยข่าว ลูกสาวบ้านนั้นขายไม่ออกหรอก สวยแค่ไหนก็ไม่มีใครเอา ก็เป็นเรื่องประหลาดดี ธรรมชาติทำมาอย่างนั้น คนช่างสังเกตหน่อยก็จับเคล็ดได้เร็ว

แต่สมัยนี้ผ่าออกทั้งนั้น เพราะว่าหมอเขาขี้เกียจรอ บางทีปวดท้อง ๒ วัน ๓ วัน ทำให้คุมเวลาไม่ได้ ผ่าออกได้เงินเยอะกว่าด้วย ถึงเวลาก็ขู่ว่ามดลูกเปิดแล้ว น้ำคร่ำจะแห้งแล้ว พ่อแม่ก็ประสาทกิน ยอมผ่าจนได้ ถ้าเราทำไม่รู้ไม่ชี้ไป หมอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

การผ่าออกก็มีข้อเสียเยอะ ถ้าเด็กคนต่อไปตัวใหญ่ แม่มีสิทธิ์แย่เลย มดลูกจะแตก คือมีรอยผ่ามีรอยเย็บอยู่ ถึงเวลาก็ยืดตัวไม่ได้เต็มที่ แต่สมัยนี้ก็ไม่ได้ต้องการลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองอยู่แล้ว มีกันแค่คนสองคนก็ผ่าไปเถอะ"

เถรี 13-11-2018 21:09

"บางคนก็หาหมอดูผูกดวงเลย ผ่าออกตอนไหนถึงจะดีที่สุด สมัยก่อนเขาเรียกว่า "ตกฟาก" สมัยนี้ไม่มีการตกฟาก เพราะว่าไม่มีฟากให้ใช้แล้ว ฟากก็คือไม้ไผ่ผ่าที่เขาเอามาปูพื้น คลอดเด็กออกมาถึงพื้นเรียกว่าตกฟาก สมัยนี้ไม่มีตกฟาก มีแต่เวลาผ่าออก พอหมอถามเวลาตกฟาก ก็บอกว่าไม่ได้ตก

มีโยมอยู่คนหนึ่ง ถามว่าเกิดที่ไหน คืออยากจะรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร บ้านช่องอยู่ไหน เขาดันตอบว่าเกิดที่โรงพยาบาล จบเลย...คุยต่อไม่ได้ ถ้าไปคุยกับชาวเขาก็ลำบากหน่อย ถึงเวลาก็ไปถามชาวเขาว่าเกิดที่ไหน คือบ้านไหน ปรากฏว่ายายนั่นก็ปากจัด “หมอบ้าหรือเปล่า ? ใคร ๆ ก็เกิดมากจากที่เดียวกันนั่นแหละ เกิดที่อื่นไม่ได้หรอก” จบเลย ตอบได้แม่นกว่าหมอ เพราะว่าเขาเข้าใจอย่างนั้นจริง ๆ"


เถรี 13-11-2018 21:15

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อเอาผลการเรียนเก่า ๆ ให้เด็ก ๆ เขาดู มีแต่เลข ๔ พรืดไปหมด เด็กเขาบอกว่าหาความหลากหลายไม่ได้เลย หลวงพ่อก็อยากได้ความหลากหลายเหมือนกัน แต่ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยได้ดี (เกรดดี) เลย แสดงว่าหลวงพ่อเรียนไม่ดี ไม่เคยได้ดี (เกรดดี) เลย ซีก็ไม่เคยได้ แย่จริง ๆ

ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งนะ เขาบอกว่าเก่ง ดี มีสุข เราดีกับมีสุขก็พอแล้ว ได้ตั้ง ๒ ส่วนแล้ว ส่วนใหญ่แล้วคนเก่งจะประสบความสำเร็จยาก เพราะว่ามีตัวมานะที่เรียกว่าหยิ่งอยู่ในตัว คนเรียนไม่ค่อยเก่งนี่มักจะประสบความสำเร็จง่ายกว่ามาก”

เถรี 13-11-2018 21:20

พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นฤดูกาลกฐิน ‘กาล’ ตัวนี้คือกาละ ล.ลิง สะกด ไม่ใช่ ‘กราน’ ถ้ากรานมี ๒ ความหมาย ความหมายแรกก็คือแผ่ออก ลักษณะนี้เขาว่ากรานกฐินก็คือแผ่ผ้าออกมาใช้งาน อีกความหมายหนึ่งก็คือเบื้องต่ำ ข้างล่าง อย่างเช่น เชิงกราน กระดูกที่เป็นส่วนนั่งของเรา หรือไม่ก็เชิงกราน ส่วนล่างของเตาที่เอาไว้สำหรับรองรับฟืน

ฤดูกาลกฐินสมัยอาตมาบวชใหม่ ๆ เนื่องจากว่าซักซ้อมทำพระคาถาเงินล้านจนมั่นใจ แต่ละปีจะเตรียมซองกฐินไว้ ซองกฐินสามัคคีร่วมเป็นเจ้าภาพซองละ ๑,๐๐๐ บาท เจอวัดไหนก็ถวายไป ๑ ซอง แต่ละปีประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ ซอง ไม่น่าเชื่อว่าพระบวชใหม่ ๆ จะมีเงินขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าพระคาถาเงินล้านถ้าหากว่าเราทำขึ้นจริง ๆ เรื่องของเงินทองจะคล่องตัวมาก เพียงแต่เคล็ดลับสำคัญเลยก็คือ "อย่าภาวนาเพราะอยากได้เงิน" ทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าของเราไปเรื่อย ๆ ให้ใจสบายและทำให้สม่ำเสมอกันทุกวัน"


เถรี 13-11-2018 21:22

"ที่ทำอย่างนั้นเพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าใครเป็นเจ้าภาพกฐินสัก ๓ ปีติดกัน จะมีความคล่องตัวในเรื่องความเป็นอยู่มาก ท่านบอกว่า คำว่าเจ้าภาพนี้ไม่ได้หมายความว่าจัดเองคนเดียว ใครเขาทอดกฐินเราก็เป็นเจ้าภาพร่วมกับเขาไป จะ ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ก็แล้วแต่เราจะมีกำลัง แต่ให้ทำไว้บ่อย ๆ ทำน้อยแต่ทำบ่อย ๆ ครั้ง

การที่ใจสละออกอย่างคล่องตัว ถึงเวลาไหลเข้าก็จะไหลเข้าแบบคล่องตัว ท่านบอกว่าคนที่เก็บเงินเฉย ๆ ไม่รู้จักสร้างบุญ ไม่รู้จักต่อบุญ ของใหม่จะมาไม่ได้ ถามว่าทำไมของใหม่มาไม่ได้ ? ท่านบอกว่าน้ำข้างในเต็มอยู่ ถ้าไม่เทออกแล้วของใหม่ที่ไหนไหลเข้ามาได้ อาตมาก็เลยเททิ้งเกลี้ยงทุกปี ของใหม่จึงไหลมาเทมา

เพื่อนพระเขาบอกว่า "อาจารย์เล็กรวย" อาตมาตอบว่า "คุณเห็นผมใช้เงินไม่คิด คุณก็ว่าผมรวย" ถึงเวลาจริง ๆ แล้วแทบไม่เหลือเงินติดตัว แต่เป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่ ก็คือใครขอความช่วยเหลืออะไรก็ช่วยเขาได้หมด แต่ตัวเองเกือบจะไม่มีสตางค์ติดกระเป๋า

ระยะหลังที่เขาเอากรมสรรพากร เอาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมา เพื่อที่จะบีบเกี่ยวกับเรื่องบัญชีวัด บัญชีพระ วัดท่าขนุนไม่ได้หนักใจหรอก มีเท่าไรก็ใช้เกลี้ยง อยากจะตรวจก็ตรวจไป”


เถรี 13-11-2018 21:23

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของคุณพระรัตนตรัย ขอให้เรามั่นใจเท่านั้น บารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีอยู่แล้วในทุกอณูของอากาศ สภาพจิตเปิดรับได้มากเท่าไร ก็ศักดิ์สิทธิ์มากเท่านั้น ก็ขลังมากเท่านั้น ก็ได้ดีมากเท่านั้น”

เถรี 13-11-2018 21:24

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงป๋าวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตกลงว่าเขาจะไม่เผานะ เขาจะเก็บสังขารท่านเอาไว้ เรายังสามารถไปกราบสังขารท่านได้ ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วย เพราะว่าถ้าเผาท่าน พระมหาเจดีย์ศรีสมเด็จฯ อาจจะไม่สำเร็จ เนื่องจากว่าคนเราส่วนใหญ่แล้วยึดติด โดยเฉพาะในเรื่องของเจ้าอาวาสนี่ลำบากมาก เจ้าอาวาสใหม่ถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็โทรมทันตาเห็น ถึงเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ เขาก็ยังคิดถึงแต่คนเก่าอยู่ กว่าที่จะหันมาเคารพนับถือเจ้าอาวาสใหม่ ส่วนใหญ่ก็ช่วงท้าย ๆ ของชีวิตท่าน พอถึงเวลาก็ตายอีกแล้ว ...(หัวเราะ)... เจ้าอาวาสคนใหม่มาก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ต่อไป”

เถรี 13-11-2018 21:25

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถวายกฐินตามพระวินัยแต่ละวัดรับได้ครั้งเดียว ก็แปลว่าถ้าปิดยอดแจ้งยอดไปแล้ว รับซ้ำเมื่อไรก็กฐินเดาะ ขาดอานิสงส์กันทั้งวัด ดังนั้น...ญาติโยมอย่าได้ถวายส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย อย่าไปคิดว่าทำบุญตามหลังได้ อย่างอื่นตามหลังได้ แต่ยกเว้นกฐินเอาไว้ด้วย”

เถรี 13-11-2018 21:26

พระอาจารย์กล่าวว่า “ขอเชิญชวนญาติโยมทำบุญทุนการศึกษาในเว็บวัดท่าขนุน ถึงเวลาไปเปิดดูเอานะ อาตมาจ่ายปีหนึ่งหลายร้อยทุน คิดเป็นเงินหลายล้านบาท”

เถรี 13-11-2018 21:28

พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้อาตมาจะเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ที่วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดของหลวงปู่ธรรมชัย สหธรรมิกของหลวงพ่อวัดท่าซุงในอดีต ก่อนหน้านี้สมัยหลวงพ่อยังอยู่ อาตมาก็ขึ้นไปทุกปี ตอนหลังภารกิจรัดตัวมากขึ้น ออกจากวัดมาโอกาสที่จะไปก็น้อยลง

เมื่อเกิดไฟไหม้กุฏิหลวงปู่ โรงอบยาสมุนไพรก็ไหม้หมด หลวงพี่สมศักดิ์ของอาตมาท่านก็เลยโทรมาหา บอกว่าให้ช่วยหน่อย เพราะว่าต้องใช้งบประมาณถึง ๓ ล้านบาท อาตมาก็บอกว่าปกติจะช่วยปีละวัดเดียว คือเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ แล้วปี ๒๕๖๑ นี้ก็รับปากท่านอาจารย์ปู่ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิต หรือหลวงปู่พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว จังหวัดอ่างทอง ไปแล้ว ว่าจะเอากฐินไปทอดให้ท่าน ขอเลื่อนของหลวงพี่สมศักดิ์ท่านเป็นปี ๒๕๖๒

แต่ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็มีโยมโทรมาบอกว่า กฐินที่จะไปปลดหนี้วัดสระแก้วจะทอดวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนไม่ใช่หรือ ? ทำไมทางวัดขึ้นว่าเป็นวันที่ ๒๗ ตุลาคม อาตมารีบโทรไปหาท่านอาจารย์ปู่ ท่านก็ตกใจ บอกว่าลืมของท่านอาจารย์พระครูไปเลย ลืมไปว่าอาตมาจองกฐินท่านเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่คุยกันเป็นมั่นเหมาะแล้ว แต่จะว่าไปก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านอายุตั้ง ๗๘ ปีแล้ว อาตมาเองเพิ่งจะ ๖๐ ปี ก็ยังมีหลงมีลืมเหมือนกัน"


เถรี 13-11-2018 21:30

"ท้ายสุดก็ว่า เจตนาญาติโยมทำบุญมาก็เพื่อทอดกฐินวัดสระแก้ว จึงตกลงแบ่งเงินจากกองกฐิน ๑ แสนบาทไปร่วมบุญกฐินกับวัดสระแก้ว เพื่อให้เป็นไปตามเจตนาของผู้บริจาค จะได้ไม่เป็นโทษย้ายเจดีย์ ส่วนที่เหลือก็โยกเอาไปทอดกฐินปลดหนี้ที่วัดทุ่งหลวง

แสดงว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านก็คงอยากจะให้งานที่วัดเสร็จเร็ว ๆ เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ก็เลยเกิดขึ้น อาตมาก็ดีใจว่าจะได้ไปกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ ที่ท่านเคยให้ความเมตตาสงเคราะห์ ให้ความรู้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาสอยู่ โดยเฉพาะว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านถอดประคำที่ท่านใช้ประจำตัวจากคอสวมให้กับอาตมาเลย บอกว่า "ต่อไปให้เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา" อาตมาตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ดีใจว่าหลวงปู่ให้ประคำก็รับไว้ด้วยความยินดี ...(หัวเราะ)... ตอนนี้รู้แล้วว่าหลวงปู่ท่านมองการณ์ไกลกว่าอาตมาเยอะเลย

ประคำก็ไม่ได้อยู่กับอาตมาแล้ว ตอนนั้นพระครูแสง (น้องชาย) จะไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เขาบอกว่า “พี่...ขอประคำหลวงปู่ให้ผมเถอะ ผมจะไปซาอุฯ จะได้ใช้ในการภาวนา” ก็เลยยกให้น้องชายไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปัจจุบันนี้ท่านบวชพระมาจะ ๒๐ พรรษาแล้ว ยังได้เก็บของหลวงปู่ไว้หรือเปล่า ? อาตมาก็เหลือแต่พระของหลวงปู่อยู่แค่ไม่กี่องค์ ลูกประคำอีกสายหนึ่งที่บูชามาจากของท่าน ตอนนั้นราคาแพงมาก เส้นหนึ่งตั้ง ๘๐ บาท ใช้จนกระทั่งขึ้นเงาลื่นเป็นกระจก ญาติโยมก็ขอแบ่งกันไปหมดแล้ว"


เถรี 13-11-2018 21:32

"สรุปว่าสมบัติของหลวงปู่ที่เหลือติดตัวแน่ ๆ ปัจจุบันก็เหลือแค่บาตรอยู่ใบเดียว บาตร กลด และย่าม เป็นของที่หลวงปู่ธรรมชัยท่านถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงมอบให้อาตมาเป็นเครื่องบวช มีบาตร กลด ย่าม ไฟฉาย และอังสะกันหนาว ตอนนี้ที่เหลืออยู่จริง ๆ ก็คือบาตรกับอังสะกันหนาว ซึ่งอังสะก็ต้องสอยใหม่ไป ๒ ครั้งแล้วเพราะว่าใช้จนเปื่อย

เหตุที่อย่างอื่นไม่อยู่เพราะว่าพระรุ่นน้องคือทิดชาติชาย ตอนนั้นยังไม่สึก ท่านขอยืมไปธุดงค์ บอกว่า “หลวงพี่ ขอยืมกลดของหลวงปู่หน่อย ขอยืมกระติกน้ำหน่อย ขอยืมไฟฉายหน่อย” พอกลับมาพ่อเจ้าประคุณซื้อของใหม่เอี่ยมมาคืน ของหลวงปู่เขายึดไปเลย ...(หัวเราะ)... อาตมาก็เลยเหลือบาตรอยู่ใบเดียว ใช้มา ๓๐ กว่าปี กับอังสะที่พยายามทะนุถนอมเก็บไว้เป็นของต่างหน้าครูบาอาจารย์ ๒ ท่าน ก็คือหลวงปู่ธรรมชัยในฐานะเจ้าของ และหลวงพ่อวัดท่าซุงในฐานะผู้มอบให้

งวดนี้จะได้ไปทอดกฐิน แต่ว่าทอดช่วงเช้า ประมาณ ๑๐.๓๐ น. ก็ทอดกฐิน หลังจากกรานกฐิน ถวายเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็กลับ เวลานี้เป็นเวลาที่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปทอดกฐิน แล้วท่านกำหนดเอาไว้ เพราะว่าท่านต้องเดินทางกลับวัดท่าซุงในช่วงบ่าย ถ้าหากว่าช้าก็จะถึงวัดค่ำมาก ดังนั้น..ทางวัดทุ่งหลวงจึงใช้เวลาทอดกฐิน ๑๐.๓๐ น. แบบนี้มาตลอด ตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงสมัยนี้"


เถรี 13-11-2018 21:33

"ครูบาสมศักดิ์หรือหลวงพี่สมศักดิ์ของอาตมาเอง จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ตอนสิ้นหลวงปู่ใหม่ ๆ ญาติโยมทางกรุงเทพฯ ทุกคน อยากให้ครูบาสมศักดิ์เป็นเจ้าอาวาส แต่ชาวบ้านแถวทุ่งหลวงต้องการหลวงปู่อิ่นคำเป็นเจ้าอาวาส ครูบาสมศักดิ์ท่านก็เลยถอยให้หลวงปู่อิ่นคำเป็นเจ้าอาวาส ตัวท่านเองทำงานแทนเจ้าอาวาสทุกอย่าง

อาตมาถามว่า "ถ้าผมเอากฐินไปทอดให้หลวงพี่แล้ว เงินเข้าบัญชีวัด แล้วหลวงพี่จะมีสิทธิ์ใช้หรือเปล่า ? ถ้าไม่มีสิทธิ์ใช้ผมจะเอาไปเป็นผ้าป่า ยกให้หลวงพี่โดยตรง จะได้ไม่ต้องเอาเข้าบัญชีวัด" ท่านบอกว่างานวัดทุกอย่างเป็นภาระของท่าน เงินทุกบาททุกสตางค์ท่านมีสิทธิ์ใช้ทั้งหมด อาตมาถึงได้สบายใจว่าเอาเป็นกฐินไปให้ท่านได้"

เถรี 13-11-2018 21:35

"เดี๋ยววันที่ ๑๘ พฤศจิกายน เราไปประมูลวัตถุมงคลกันที่นั่น เพิ่มเงินเข้ากองกฐินกันหน่อย มี "เซอร์ไพรส์" ด้วย ...(หัวเราะ)... อยากรู้ว่าอะไรก็ไปร่วมบุญกัน แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์มากว่า กฐินวัดทุ่งหลวงกำหนดไว้วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเดียวในรอบปีที่อาตมาว่างพอดี แสดงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะจัดสรร หลวงปู่ธรรมชัยท่านก็คงอยากจะเจอหน้าลูกศิษย์คนนี้เหมือนกัน

ระยะหลังอาตมาไม่ค่อยได้ไป เพราะว่าติดธุระที่โน่นที่นี่ นาน ๆ ผ่านไปก็เข้าไปกราบศพท่าน เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็กลับ บางทีไม่ได้คุยกับหลวงพี่สมศักดิ์ด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากว่าสมัยก่อนสนิทสนมใกล้ชิดกัน ระลึกถึงกันเป็นปกติ ก็ยังมีการโทรศัพท์หรือไม่ก็พบหน้ากันในระหว่างงานอยู่ พอถึงเวลาท่านก็บอกว่า "ผมมองดูแล้วว่าไม่มีใครจะช่วยได้ เห็นท่านอาจารย์พระครูพอจะมีลูกศิษย์ พอจะมีกำลังหน่อย จึงขอรบกวนในครั้งนี้"

อาตมาก็บอกท่านว่า เดี๋ยวพอใกล้ ๆ แล้วถึงจะแจ้งยอด ว่าจะมีญาติโยมไปด้วยเท่าไร ตอนแรกท่านจะเตรียมที่นอน เตรียมอาหารไว้รอรับทั้งมื้อเย็นมื้อเช้าเลย อาตมาบอกว่าไม่ต้อง เตรียมกลางวันไว้มื้อเดียวก็พอ พวกเราไปถึงก็น่าจะประมาณ ๐๗.๓๐ - ๐๘.๓๐ น. ไปถึงเราก็ไปกราบหลวงปู่กัน แล้วก็ประมูลของหาเงินเข้ากองกฐินกันต่อไป"

เถรี 14-11-2018 19:12

"ถัดจากงานกฐินปลดหนี้หลวงปู่แล้ว ปีถัดไปจะลงไปปิดงานที่วัดรัตนานุภาพ เอากฐินปลดหนี้ไปให้พระครูสว่างอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้โบสถ์เหลือแต่ยกช่อฟ้า แล้วก็ปิดทองฝังลูกนิมิต อาตมาก็ว่าต้นปีจะไปยกช่อฟ้าให้ท่าน แล้วช่วงกฐินค่อยไปฝังลูกนิมิตกัน

ไหน ๆ ลงไปช่วยงานพี่น้องทางปักษ์ใต้แล้วก็ช่วยกันให้จบ เอาให้โบสถ์เสร็จจริง ๆ เพราะว่าแถวนั้น
เป็นหมู่บ้านคนไทยอยู่หมู่บ้านเดียว เป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง รอบข้างเป็นมุสลิมหมด พระครูสว่างท่านเป็นรุ่นน้องหลายปี คบหากันตั้งแต่สมัยเพิ่งจะ ๒ พรรษา ท่าน ๒ พรรษา อาตมาก็ ๘ พรรษา คบหากันมาตอนนี้แต่ละคนก็ ๒๐ - ๓๐ กว่าพรรษาทั้งนั้น"


เถรี 14-11-2018 19:14

"ที่ตลกมากที่สุดก็คือ ท่านเป็นพระครูสัญญาบัตรก่อนอาตมาด้วย ตั้งแต่หลวงปู่พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดยังเป็นเจ้าคณะอำเภออยู่ ท่านชวนอาตมาว่าลงมาช่วยกันหน่อย ที่นี่ตำแหน่งว่างเยอะมาก แต่ไม่มีพระ ท่านบอกว่าท่านเป็น รักษาการเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าอาวาส ...(หัวเราะ)... บอกว่าตำแหน่งเยอะมากแต่ไม่มีพระช่วยงาน เพราะฉะนั้น...พระครูสว่างท่านถึงจะเป็นรุ่นน้องนาน แต่พอยอมรับตำแหน่งเข้าก็เป็นพระครูสัญญาบัตรก่อน

และที่ตลกกว่านั้นก็คือ ได้มาสอบพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกันด้วย แทนที่จะเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันไป อาตมาเองก็เป็นประธานรุ่นอยู่ ลงไปช่วยท่านปีแรกจากพื้นดินเปล่า ๆ ไปวางศิลาฤกษ์กัน หลวงปู่พระเทพศีลวิสุทธิ์ท่านเองก็เกษียณอายุแล้ว คือ ๘๐ ขึ้น ๘๑ ปีแล้ว แต่มหาเถรสมาคมเห็นความสามารถ ก็เลยต่ออายุราชการให้เป็นกรณีพิเศษ ๓ ปี เพราะว่าเวลาหลวงปู่ท่านจัดงานนี่ ทั้งมุสลิมทั้งไทยไปเต็มวัดเลย

เป็นวิถีโบราณก่อนที่จะเกิดการแบ่งแยกจากพวกหัวรุนแรง ก็คือคนไทยคนมุสลิมรักใคร่สามัคคีเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน ถึงเวลามีงานก็ไปช่วยเหลือกัน ไม่ได้รังเกียจกัน หลวงปู่ท่านยังเป็นคนรุ่นเก่าที่ยึดถือแนวปฏิบัติอย่างนี้อยู่ สามารถรวมใจทั้งไทยและมุสลิมได้ดี ทางมหาเถรสมาคมก็เลยต่ออายุให้เป็นกรณีพิเศษ ๓ ปี อาตมาลงไปงวดนี้ปี ๒๕๖๒ ท่านเองก็ ๘๒ ปี ก็แปลว่าท่านยังไม่เกษียณอายุราชการก็คงจะได้กราบท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาได้อีกรอบหนึ่ง"


เถรี 14-11-2018 19:17

"ที่ตลกกว่านั้นก็คือตำแหน่งพระครูปลัดของท่านให้กับมหาจรูญโรจน์ ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนัทกฤต เป็นพระครูปลัดนัทกฤต วัดบ้านห้วยน้ำขาว ลูกศิษย์ที่อาตมาบวชให้ด้วยมือเองนั่นแหละ ไปได้พระครูปลัดของท่านจากนราธิวาสมา แต่ตัวอยู่ที่กาญจนบุรี ดังนั้น..ถ้าหากว่าลงไปงวดนี้ก็น่าจะต้องชวนพระครูปลัดโรจน์เขาไปด้วย จะได้ไปกราบลูกพี่ตัวเอง ...(หัวเราะ)...

แถวยะลา ปัตตานี เป็นมุสลิม ๘๐-๙๐ เปอร์เซ็นต์ นราธิวาสก็ยังเป็นมุสลิมอยู่ประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ มีคนไทยไม่มาก ตรงนั้นก็เลยกลายเป็นวัดไทยไข่แดงอยู่ตรงโคกโกนั้นกลุ่มหนึ่ง สองครั้งก่อนที่เอากฐินปลดหนี้ลงไปให้ ญาติโยมทั้งหลายก็เหมารถไฟไปกัน ๒ ตู้ ๘๐ คน ทางด้านโน้นก็ขนรถกระบะมาทั้งหมู่บ้าน มาช่วยกันรับไปส่งที่วัด

ถึงเวลาเจอทหารลาดตระเวนก็ขอเซลฟี่กันอุตลุด ไม่รู้หรอกว่าทหารเขาเครียดกันเกือบตาย เพราะว่าต้องรักษาความปลอดภัยพวกเราที่อยู่ในท่ามกลางดงก่อการร้าย ชาวบ้านก็มีน้ำใจเหลือเกิน พวกเราไปนี่ เขาตัดลองกองมาให้หมดสวนเลย ถามว่าไม่เก็บไว้ขายบ้างหรือ ? เขาบอกว่าขายก็ได้กิโลกรัมละ ๖-๗ บาท ทำบุญดีกว่า ให้มาทีหนึ่ง ๒๐๐-๓๐๐ กิโลกรัม อาตมาก็ให้แบ่ง ๆ กันไป ๘๐ คน ลองหาร ๒๐๐ ดูว่าได้คนละกี่กิโลกรัม ?

โดยเฉพาะที่สถานีรถไฟสุไหงปาดีรถจะจอดแค่ ๓ นาที ไม่เหมือนกับสถานีสุไหงโกลกที่จอดครึ่งชั่วโมง ญาติโยมก็เลยขนลองกองไปขึ้นรถไฟให้ที่สถานีสุไหงโกลก พวกเราก็เลยต้องตามไปขึ้นรถไฟที่สุไหงโกลกด้วย”

เถรี 14-11-2018 19:18

พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้ไปเหนือ ปีหน้าไปใต้ ปีถัดไปคงต้องไปอีสาน เพราะว่าเอาหลวงพี่นิลท่านไปทิ้งโดดเดี่ยวไว้ที่นั่น ...(หัวเราะ)... ปีนี้ถวายท่านไป ๕ แสนบาท ใช้หนี้ไปได้หน่อยหนึ่ง”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:48


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว