หลวงปู่กล่อม สมัยไปหาหลวงพ่อนั้น ท่านยังเป็นพระเทพวราลังการอยู่ ลงจากสองแถวก็ถือไม้เท้าเดินก๊อก ๆ ถามหากุฏิหลวงพ่อฤๅษี ทั้งพระทั้งโยมไม่มีใครรู้จัก นึกว่าหลวงตาแก่ ๆ มาจากบ้านนอกคอกนา ก็ท่านเล่นขึ้นสองแถวมานี่นา..!
อีกทีหลวงปู่ท่านบุกเข้าไปกราบหลวงปู่ธรรมชัยถึงกุฏิ(ที่วัดท่าซุง) ทั้งที่หลวงปู่ธรรมชัยยังไม่ได้เป็นพระครู และอ่อนกว่าทั้งอายุทั้งพรรษา แต่หลวงปู่กล่อมกราบหลวงปู่ธรรมชัยก่อน ท่านถามหลวงปู่ธรรมชัยว่า "พระเดชพระคุณขอรับ..กระผมปรารถนาพระโพธิญาณ แต่ด้อยวาสนาปัญญาน้อย ไม่ทราบว่ายังบกพร่องในการสร้างบารมีจุดใดบ้าง ขอพระเดชพระคุณเมตตาชี้แนะให้เกล้ากระผมด้วยเถิดขอรับ" หลวงปู่ธรรมชัยพับเพียบแต้ พนมมือตอบแบบเลี่ยงไม่ได้ว่า "วิริยะบารมีกับปัญญาบารมียังพร่องอยู่ พยายามหน่อยนะครับ.." พวกเราจะละมานะแบบหลวงปู่ได้ไหม? คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
หลวงปู่ชุ่มท่านพูดน้อยมาก ส่วนใหญ่เอาแต่นั่งยิ้ม ถามคำตอบคำ จนคนเกรงใจไปเอง แต่องค์นี้แหละ ที่หลวงพ่อฤๅษีบอกว่า เข้านิโรธสมาบัติได้ทั้งสี่อิริยาบถ..!
หลวงปู่เป็นผู้มอบแก้วจักรพรรดิให้แก่หลวงพ่อฤๅษีเอง ท่านว่าท่านหมดอายุแล้วไม่ต้องใช้อีก แต่ "หลวงน้อง" ต้องสงเคราะห์คนมาก หากมีแก้วจักรพรรดิไว้จะได้มีความคล่องตัวมากขึ้น วัตถุมงคลของหลวงปู่ยุคนั้นมี ตะกรุดปรอท ตะกรุดหนังลูกวัวตายในท้อง เหรียญหมดห่วง ท่านว่าท่านเสกปรอทให้แข็งตัวได้เท่านั้น แต่อาจารย์ของท่านเสกเป็นแก้วได้ ปรอทตัวเมียจะเป็นแก้วราหู ปรอทตัวผู้จะเป็นแก้วจักรพรรดิ คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
หลวงปู่ดาบส เดิมเป็นพระมหาสง่า สุมโน ธุดงค์มาจากจันทบุรี ขึ้นไปปฏิบัติธรรมทางภาคเหนือ ได้สร้างพระเจดีย์ที่ อ.ลอง จ.แพร่ และชักชวนคนให้มาถือศีลปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก
บรรดา "แพะ " ทั้งหลายเห็นว่ามีคนไปหาท่านมาก ต้องมีเงินมากแน่ ๆ จึงไปเรียกร้องผลประโยชน์จากท่าน ท่านบอกว่าเอาไปสร้างพระเจดีย์หมดแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ เมื่อไม่ได้อะไรจากท่านก็หาทางกลั่นแกล้ง จนในที่สุดจับท่านสึก ท่านถอดสังฆาฏิให้เขาไป บอกว่า "ถ้านี่เป็นเครื่องหมายของพระในความหมายของพวกคุณ ผมก็ขอสละให้ ต่อไปนี้ผมจะเป็นพระในความหมายของพระพุทธเจ้า อย่ามายุ่งกับผมอีก ถ้ามายุ่งอีกคราวนี้ผมจะสู้..!" ท่านได้รับนิมนต์จากทางไร่บุญรอดฯ ให้ไปสร้างสำนักอยู่ ใช้ชื่อว่า "อาศรมเวฬุวัน" เขาก็ยังตามกลั่นแกล้งท่านอีก ว่าเอาชื่อวัดแรกของทางพระพุทธศาสนามาใช้ไม่ได้ จนท่านต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "อาศรมไผ่มรกต" หลวงปู่ท่านจึงเป็น "ดาบส" และไม่พาดสังฆาฏิมาตั้งแต่บัดนั้น คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
พระอาจารย์ว่า "ทำอะไรอย่าถือว่าตัวกูของกูแล้วไม่แคร์ชาวบ้านเขา คนรอบตัวส่วนใหญ่เขาไม่พูดกันตรง ๆ หรอก เพราะเขารักตัวเองมากกว่ารักเรา เขากลัวพูดไปเดี๋ยวเราไม่พอใจเขาก็จะเสีย กลายเป็นว่าเรื่องที่ควรจะพูดจะบอกจะเตือน เพื่อประโยชน์ของเราเขาไม่พูด เวลาจะพูดก็ดันไปพูดอะไรไร้สาระไปโน่น...
เอาอย่างง่าย ๆ ลองสังเกตรอบ ๆ โต๊ะทำงานดูซิ แต่ก่อนมีใครเคยแวะเวียนอยู่รอบตัว แล้วเดี๋ยวนี้เหลือใครบ้าง ? คนที่หายไปแสดงว่าเขาทนเราไม่ได้แล้ว ที่เหลือก็ไม่ได้แปลว่าเขาเห็นว่าเราดีนะ เพียงแต่เขายังพอทนเราได้บ้าง จงหมั่นสังเกตถือเอาปฏิกิริยาของคนรอบข้างเป็นกระจกเงาส่อง แล้วนำมาคิด นำมาปรับปรุงตัวเอง เพราะถ้าเขายังต้องอยู่กับเราด้วยความอดทน ถึงเวลาเรามีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าจะไม่มีใครสนับสนุนส่งเสริม ไม่มีใครอยากทำงานด้วย ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความแต่เฉพาะที่ทำงานนะ ให้สังเกตดูเรื่อย ๆ ตลอดชีวิต ประเภทตัวกูของกูแล้วไม่สนใจเรื่องของชาวบ้านเขาเลย นี่เป็นประเภทปลงใส่หัวกบาลชาวบ้านเขา..อย่าให้มี นี่ดูอย่างวันนี้ที่มาวัดท่าขนุนนี่สิ ไอ้เจ้า...ได้เข้ามากราบแล้วก็ทำให้เขาก็มีกำลังใจ ถามว่าอาตมาจะไม่มาได้ไหม ? ก็ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องของเราโดยตรง เราไม่มาเขาก็บวชกันได้ แต่รู้ว่ามาแล้วทำให้เขาดีใจ อิ่มใจ มีกำลังใจที่จะอยู่ในผ้าเหลืองได้ดีขึ้น มีโอกาสจะได้บุญได้บารมีเพิ่มขึ้น เราก็พยายามมาให้เขาเห็น.. ที่ด่าเยอะ ๆ ชมน้อย ๆ นี่ก็ขอให้นึกถึงว่าเป็นปกติโลก เพราะโลกเราโหดร้ายจะตายไป เวลาทำดีสิบครั้งเขาจะมองเห็นหรือชมสักครั้งก็แสนยาก แต่ทำเลวครั้งเดียวเอาไปด่าเป็นหลายรอบได้ ถึงไม่มีปัญหาอะไรก็ต้องหมั่นสำรวจตัวเองอยู่เสมอ ๆ ว่า สิ่งที่ดีกว่าที่เป็นอยู่..ที่ทำอยู่นี่ยังมีอีกหรือไม่ ถ้ามีก็แก้ไขปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะเข้าถึงความดีสูงสุดได้" จากนั้นพระอาจารย์ท่านหันไปดูหนังสือพิมพ์ที่มีรูปดาราถ่ายเซ็กซี่..แล้วก็เปรยว่า "เขียนเชียร์กันเข้าไป เซ็กซี่..อึ๋ม..สวย ให้เด็ก ๆ แห่กันเอาอย่าง" คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
พระอาจารย์ท่านว่า พระพุทธเจ้าทรงความรู้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ใครเติมเข้าก็เกิน ใครตัดออกก็ขาด
การเรียนเพิ่มเติมทางโลกก็ดี แต่เป็นการเอาเปลือกไปหุ้มแก่น แล้วมาหลงระเริงว่าเปลือกดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ พอนานไปเปลือกหนาเข้าก็จะหาแก่นไม่เจอ ทุกวันนี้ที่วุ่นวายก็เพราะมีแต่เปลือกนี่แหละ..! เราปฏิเสธความทันสมัยไม่ได้หรอก แต่ต้องอยู่กับเขาอย่างมีสติ ให้เทคโนโลยีหนุนเสริมเรา แต่ไม่ใช่ให้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
พระอาจารย์ท่านว่า "คนสมัยนี้ชอบเอาพระเป็นบันไดไปนรก ด่าพระได้จะรู้สึกว่าตัวเองเก่งกว่านักบวช เป็นการยกตนข่มท่าน แสดงว่าไม่มีธรรมะที่แท้จริงอยู่ภายในใจ ถ้าเขาอยากลงต่ำก็ปล่อยเขาไป เราอย่าโดดตามไปด้วยก็แล้วกัน"
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
พระอาจารย์ท่านสารพัดจะสรรหากีฬาสมาธิมาให้ลูกศิษย์เปลี่ยนบรรยากาศอยู่เสมอ ถ้าใครมาฝึกกรรมฐานที่บ้านอนุสาวรีย์คงจะทราบดี ที่เด็ดกว่านั้น..ขนาดเครื่องปั่นจักรยานท่านยังใช้ฝึกสมาธิได้
เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกศิษย์ถวายเครื่องปั่นจักรยานมาให้ท่านออกกำลัง เนื่องจากหมู่นี้ท่านเรียนหนักจนไม่มีเวลาเดินธุดงค์ ท่านเมตตาเล่าให้นางมารร้ายกับพริกขี้หนูฟังว่า ท่านปั่นอย่างไรหัวใจก็เต้นช้า เพราะสภาวะที่ทรงฌานอยู่เป็นปกติ อ้าว..! แล้วร่างกายจะแข็งแรงหรือคะ ? นางมารร้ายสงสัย ท่านบอกว่าก็ต้องแข็งแรงสิ คนแข็งแรงหัวใจจะเต้นช้า ถ้าเราถอยเข้าออกฌานได้คล่อง ผลของชีพจรจะเป็นตัวยืนยัน เช่น จาก ๑๐๐ ลดลงเหลือ ๕๐ ทั้งที่ยังถีบจักรยานอยู่ และจาก ๕๐ เพิ่มเป็น ๘๐ ทั้งที่หยุดถีบไปแล้ว เป็นต้น ไม่กี่วันหลังจากนั้น..ท่านอาจารย์ก็ทำเอาเครื่องปั่นร้องปี๊ดไปเลย พอเราไปมุงดูกันก็ตกใจ ทั้ง ๆ ที่เท้ายังปั่นอยู่แต่ชีพจรวัดได้ศูนย์ค่ะ นางมารร้ายเลยรู้แล้วว่า คราวหน้าคราวหลัง ใครมาโม้ว่าได้ฌานสี่..จะขอวัดชีพจรก่อนเลยค่ะว่าหยุดเหลือศูนย์ได้หรือเปล่า... หวังว่าข้อมูลนี้คงช่วยขจัดปัญหาที่ถกเถียงกันได้หลายกรณีนะคะ คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
และที่บ้านอนุสาวรีย์อีกเช่นเคย พระอาจารย์เตือนสติว่า การเตรียมรับมือวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ให้พวกเรามีสติ ซื้อแต่ของที่จำเป็นจริง ๆ และซื้อของที่คุณค่าใช้สอยที่แท้จริงของสิ่งนั้น
สังเกตไหมว่ามือถือนี่..รุ่นใหม่ ๆ ทำได้สารพัดอย่าง แต่คุณค่าใช้สอยจริง ๆ อยู่ที่การรับเข้าโทรออก..ใช่ไหม ? สินค้าอื่น ๆ เช่นกัน อย่าไปหลงกระแสโฆษณาซื้อของแพงเพื่อเอาคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นมาให้สิ้นเปลือง มีโยมคนหนึ่งถามว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจแกจะดีไหม ? ได้ยินพระอาจารย์ตอบว่า ถ้าท่องคาถาเงินล้านได้วันละ ๑๐๘ จบละก็...จะดีกว่าปีที่แล้วอีก คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
ยกช้างเสี่ยงทายที่พระพุทธบาท จ.สระบุรี พระอาจารย์ท่านว่า " ยังไม่มีเรื่องอะไรที่ถามแล้วไม่สำเร็จ "
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
จงคิดถึงความสุขของคนอื่นก่อนตัวเอง จงผ่อนปรนต่อผู้อื่นแต่เข้มงวดต่อตนเอง
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
อันว่าพระขรรค์โสฬสนั้น ถ้าจะสร้างเอาตามตำราเป๊ะ ๆ ก็ต้องประกอบไปด้วยโลหะหลายประการ ขนาดความยาวทั้งด้ามทั้งตัวเล่มรวมกันประมาณ ๑๖ นิ้ว และปลุกเสกตามฤกษ์เฉพาะ
พระอาจารย์ท่านบอกว่า จะเป็นมีดปังตออะไร ทรงอะไร ยาวเท่าไร ก็เอามาเข้าพิธีโสฬสได้ ถ้าจะให้ถูกต้องตามตำราคงเป็นบ้ากันพอดี เพราะต้องมีโลหะยอดเจดีย์ โลหะยอดปราสาท ฯลฯ กว่าจะหาได้มาครบ คงได้เข้าโลงไปก่อน ร้านมีดที่พระอาจารย์ไว้ใจ สั่งทำมีอยู่เจ้าเดียวคือจ่าตุ่ม ตอนนี้ป้าสุ(ภรรยา)กับพี่หมี รับช่วงสืบทอดต่อมา ฝีมือสุดยอดค่ะ ตอนนี้ป้าไม่ว่างทำเว็บไซต์แล้ว ต้องไปดูไปสั่งเองที่อุทัยธานี มีดที่นี่ทำด้วยเหล็กกล้าราคาแพง ใช้เหลาตะปูได้ และรับประกันตลอดชีพ คุ้มมากค่ะ คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
วิธีการดูโฉลกอาวุธ (ดาบ มีด อาวุธอื่น ๆ)
ใช้นิ้วหัวแม่มือทาบขวางลงบนใบอาวุธ เริ่มจากหัวแม่มือขวาก่อน แล้วเอาหัวเเม่มือซ้ายซ้อนทับหัวเเม่มือขวา ทับซ้ายทับขวาไปเรื่อย ๆ จนหมดความยาวของอาวุธ ถ้ายังไม่สุดความยาวก็นับวนใหม่จนหมด ตกข้อไหนก็ดูคำทำนายเอา นับไล่ลำดับไปดังนี้ ๑. ศรีวิชัย เป็นอาวุธคู่บารมี ชนะในทุกที่ ๒. ภัยนิรันดร์ พาเจ้าของเดือดร้อนตลอดเวลา ๓. สุพรรณลาภ จะได้แก้วแหวนเงินทอง ๔. ปราบนคร จะได้บ้านเมืองมาเป็นข้าขอบขัณฑสีมา ๕. จรประสิทธิ์ ไปไหนก็พบกับความสำเร็จทุกที่ ๖. ฤทธิเดช เป็นมหาอำนาจ ศัตรูคร้ามเกรง ๗. วิเศษสมบัติ จะร่ำรวยมหาศาล ๘. พลัดบ้านเมือง จะตกระกำลำบาก พลัดบ้านพลัดเมือง ๙. เลื่องลือยศ จะมีชื่อเสียงเกียรติคุณขจรขจาย คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
ครูบาเหนือชัยท่านบวชมาเพื่อปฏิบัติ แต่ทำไปทำมาไม่ก้าวหน้า ท่านเลยตัดสินใจว่า นั่งสมาธิให้ตายไปเลยดีกว่า..! คนตัดอาลัยในร่างกายได้ มักจะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น พอถึงวันที่ ๗ หลวงพ่อฤๅษีก็มาชี้แนะหนทางการปฏิบัติให้ ต่อมาหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ก็มาสอนในสมาธิอีก ส่วนครูบาเหนือชัยท่านทรงความดีไปถึงไหนแล้วผมไม่บังอาจรู้ ลองไปสัมผัสเองก็แล้วกันครับ
สำหรับการดูหมอนั้นมีหลายวิธีครับ ถ้าหลับหูหลับตาดูเขาเรียกว่าดูด้วยทิพจักขุญาณ ถ้าใช้วันเดือนปีเวลาตกฟากประกอบ หรือดูโหงวเฮ้ง ทายไพ่ยิปซี เขาเรียกว่าดูตามตำรา การดูด้วยทิพจักขุญาณจะรู้แน่ประมาณ ๘๐ % ส่วนการดูตามตำรา(ถ้าเก่งจริง) ได้ประมาณ ๖๐ % ผมเองเลิกดูหมอทุกวิธี หันมาดูพยาบาลอย่างเดียว..! คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
พระอาจารย์ท่านบอกว่า สาเหตุที่เริ่มจับกล้อง เพราะว่าท่านคุยไปคุยมา แล้วหลวงพ่อหยิบกล้องมาถ่ายท่าน แต่ท่านเองกลับไม่มีกล้องจะถ่ายหลวงพ่อ ก็เลยไปเสาะหากล้องปัญญาอ่อนได้ยี่ห้อ pentax มา จึงเริ่มถ่ายหลวงพ่อ ท่านบอกว่า ถ่ายไปถ่ายมาถึงรู้ว่าที่ปัญญาอ่อนน่ะเราเองต่างหาก กล้องมันเก่งจะตาย..!
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
บางคนเวลาถ่ายรูป ภาพที่ออกมาจะเหมือนมีม่านแก้วปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ พระอาจารย์บอกว่าเวลาพุทธาภิเษก บารมีพระที่สงเคราะห์ลงมาจะเป็นม่านเหมือนละอองฝนบาง ๆ คลุมลงมา ถ้าคนถามเขาไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ให้บอกว่าลืมเช็ดหน้ากล้องค่ะ
คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
ศีลแปดข้อวิกาลโภชนา เวรมณี หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่า สมัยก่อนคนโบราณดูเงาเอียงพ้นตัวไปไม่เกิน ๒ นิ้ว เทียบแล้วประมาณบ่ายสองโมง แต่ไทยเราไปตีความว่าเป็นเวลาเที่ยง ฆราวาสจะถือเอาเวลาบ่ายสองก็ได้..
ข้อนี้มีไว้เพื่อสำรวมการกิน (ไม่ใช่กินตั้งแต่เช้าไปหยุดเอาเวลาบ่าย) ให้กินแต่พอประมาณ ถ้าหิวช่วงนั้นให้กินน้ำร้อน น้ำหวาน นม (บาลีว่าเนยข้น เนยใส) ส่วนน้ำผัก น้ำธัญพืช เช่น น้ำเต้าหู้นั้นถือเป็นอาหาร น้ำมหาผล (ผลไม้ที่ขนาดใหญ่กว่ากำปั้น) ก็ห้าม นักวิทยาศาตร์เพิ่งค้นพบหลังว่า น้ำมหาผลนั้นมีฮอร์โมนสูง กินก่อนนอนจะทำให้คึกคัก รักษาศีลข้อสามคืออพรหฺมจริยาได้ยาก ห้ามที่นอนสูงเกิน..ตามบาลีว่า ๑ คืบ เทียบสมัยนี้จริง ๆ ก็เป็นศอก วัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้นอนเพลิน เพาะนิสัยเกียจคร้าน ฆราวาสเอาตามสมควรแล้วกัน เรื่องน้ำหอมและการแต่งหน้า เพื่อไม่ให้ไปแต่งตัวยั่วเพศตรงข้าม การแต่งหน้า ทาโรลออนเพื่อเข้าสังคม เพื่อปฏิบัติงานตามหน้าที่อย่างมั่นใจนั้นไม่เป็นไร เป็นแอร์โฮสเตสแล้วไม่แต่งหน้าคงตกงาน..อดมาทำบุญต่อแน่เลย..! ห้ามดูห้ามเสพสิ่งบันเทิงเริงรมย์ มีไว้เพื่อไม่ให้มัวเมาในโลก เพื่อไม่ให้เสพในอารมณ์โลก ถ้าดูโดยรักษาอารมณ์ไม่ให้สนุกสนานเพลิดเพลินไปได้ก็ไม่เป็นไร สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ พระรูปอื่นดูมวยก็โดนหลวงพ่อด่า แต่ผมดูหลวงพ่อท่านกลับไม่ว่า เพราะท่านรู้ว่าผมทำกำลังใจทดสอบอารมณ์ตัวเอง ดูว่าผลมวยจะออกมาแบบที่ "รู้สึก" หรือไม่ ? คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
ศีลแปดนั้นเหมาะกับกำลังใจระดับพระอนาคามี หรือผู้ที่ต้องการละโลก จึงต้องสำรวมการกิน..การนอน..การเสพกาม..การบันเทิง ถ้ายังต้องเข้าสังคมในโลก อาจปฏิบัติได้ไม่สะดวกเท่ากับไปที่วัด
ท่านยังบอกว่า การมีพรหมวิหาร ๔ ทำให้รักษาศีลและกรรมบถ ๑๐ ได้ง่าย ถ้าเรารักและปรารถนาดีต่อผู้อื่น เราคงไม่คิดเบียดเบียนเขาด้วย กาย วาจา ใจ แน่นอน ไม่ต้องไปนั่งท่องให้เสียเวลา หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนว่า การจะเริ่มรักษาศีลหรือกรรมบถ ๑๐ นั้น ให้กำหนดเป็นเวลา เช่น ทุกวันตั้งแต่เวลา ๘ โมงเช้าถึง ๙ โมงเช้า จะรักษาศีลไว้ไม่ให้บกพร่องเป็นอันขาด เมื่อทำได้แล้วก็ค่อยเพิ่มเวลาขึ้น ถ้าทำแต่ตอนนอนจะไม่ได้การฝึกกำลังใจ การทำความดีเหมือนว่ายทวนน้ำ ต้องออกแรงฝืนสักหน่อย ส่วนการทำชั่วเหมือนลอยตามน้ำ เผลอเป็นร่วงไหลไปเรื่อย อย่าเสียเวลาท้อใจ เริ่มใหม่ได้เรื่อย ๆ คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
วันที่ไปรับสังฆทานที่สุไหงโกลก มีลูกศิษย์คนหนึ่งพาเพื่อน ๆ และนักเรียนที่โรงเรียน มาขอบูชายันต์เกราะเพชร เพราะเขาไปเล่าให้พวกนี้ฟังว่า ลูกศิษย์พระอาจารย์ทุกคนยังอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีใครเป็นอะไร เขาเลยเลื่อมใส ตามมาขอถึงที่ พระอาจารย์ก็เมตตาแจกผ้ายันต์ให้ พร้อมกับบอกให้ท่องอิติปิโสฯ อาราธนาทุกวัน
พอได้ยินดังนั้น พวกเขาก็ทำหน้าเอ๋อ ๆ เด๋อ ๆ เพื่อนเขาก็หัวเราะคิกคัก สักพักก็เฉลยให้พระอาจารย์ฟังว่า ที่มากันสิบกว่าคนนี่เป็นอิสลามจ้ะ..! หลังจากหัวเราะกลิ้งไปมาได้รอบหนึ่ง นางมารร้ายจึงถามพระอาจารย์ไปว่า ทำไมเขาไม่สวดหาอัลเลาะห์เขาละคะ ? พระอาจารย์ตอบว่า คนมันกลัวตาย เห็นอะไรยึดได้คว้าได้ก็คว้าไว้ก่อน แล้วเขาเห็นคนของเราปลอดภัยก็เลยมั่นใจ ก็อย่างบังนทีที่รับใช้หลวงพ่อฤๅษี พวกนี้ถ้าไม่ใช่รูปพระ เป็นผ้ายันต์ หรือลูกแก้ว ถ้าเขามั่นใจว่าดีก็เอาหมด จบข่าวค่ะ...อยากรู้จริง ๆ นะนี่ ถ้าไม่มีข้อห้ามบังคับไม่ให้ศึกษาศาสนาอื่น ไม่ให้เปลี่ยนศาสนา จะเหลือคนศรัทธาอยู่เท่าไร แล้วถ้าของดีจริงแน่จริงทำไมต้องห้ามคนเปลี่ยนใจด้วยล่ะ คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
สมัยหลวงพ่อฤๅษียังอยู่ ท่านพยายามปิดบังวันเกิดเป็นที่สุด ท่านว่าถ้าใครเอาวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงไปทำไสยศาสตร์ ก็จะมีผลมากกว่าปกติ
สำหรับพระอาจารย์ท่านบอกว่า "ในเมื่อเขาหวังดีแต่ขาดเฉลียว ข้าก็ยอมรับกฎของกรรม..!" คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
พระอาจารย์เคยบอกว่า จะบูชาพระองค์ไหนปางไหน ก็พระพุทธเจ้าเหมือนกัน อานิสงส์เหมือนกัน
ถ้ากำลังใจเรายึดในพระรัตนตรัยมั่นคงพอ ที่อยู่ในตู้นี่(ท่านชี้ที่ตู้วัตถุมงคลบ้านอนุสาวรีย์) องค์เดียวก็เหลือแหล่ ถ้าไม่มั่นคงจะพกไปเป็นกล่องให้อุ่นใจก็ยังไหว คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:11 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.