กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4631)

เถรี 07-10-2015 20:19

ถาม : จีวรลายดอกพิกุล ที่มาที่ไปพอจะรู้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก สมัยก่อนพอถึงเวลาญาติโยมก็ตั้งใจจะถวายของที่ดีที่สุดไว้ในพระพุทธศาสนา คราวนี้ของพระจะดีแค่ไหนก็แค่บริขาร ๘ แล้วก็ไม่สามารถที่จะประดับประดาอะไรที่เป็นเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ได้เหมือนอย่างชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านเขาอยากทำถวายพระให้ดีที่สุด เมื่อทำจีวรแล้วมีเวลาว่างก็เลยปักลายดอกพิกุลเข้าไปด้วย

จะไปยากอะไร ก็แค่ลงเข็มไขว้ ๘ ทิศเท่านั้นเอง จึงปักเสียทั่วผืนเลย ถ้าหากว่าเป็นศิลปะการสร้างพระพุทธรูป จีวรลายดอกพิกุลจะเป็นรัตนโกสินทร์ตอนต้น ถ้าเห็นมีจีวรลายดอกพิกุลเมื่อไร ก็ให้รู้ว่าเป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้นแน่นอน ไม่ได้ไกลเลย คราวนี้ก็ดูใต้ฐาน ดูความเก่า ไปกันได้ไหมกับลักษณะพุทธศิลป์ จะได้รู้ว่าปลอมหรือเปล่า คุณยังต้องอาศัยเรียนรู้ไปอีกนาน

เถรี 08-10-2015 13:55

ถาม : สังเกตว่าพระบูชายุครัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ มักจะทำฉัตรไว้ด้วย ?
ตอบ : ฉัตรนี่สร้างเพิ่มเติมได้ไม่จำกัดยุคสมัย ขึ้นอยู่ที่คนเขามีศรัทธาหรือเปล่า ถ้ามีก็สร้างเพิ่มขึ้นมาได้

ถาม : มีคติอย่างไรในการสร้างฉัตรไหมคะ ?
ตอบ : เป็นค่านิยมอย่างหนึ่ง สร้างพระแล้วก็ถวายฉัตรด้วย ถือว่าเป็นการป้องกันภัยอย่างหนึ่ง เอาอานิสงส์ที่พระโพธิสัตว์เสด็จไปใต้ต้นไทรของยักษ์ ที่ได้รับพรจากท้าวเวสสุวรรณว่า ถ้าคนหรือสัตว์เข้ามาในร่มเงาต้นไทรนี้ ก็อนุญาตให้จับกินได้ พระโพธิสัตว์ท่านเสด็จไปยักษ์จะจับกิน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้อยู่ใต้ร่มเงาของต้นไทร จะจับกินได้อย่างไร ? ยักษ์บอกว่าท่านเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว มาว่าไม่ได้อยู่ใต้ร่มเงาได้อย่างไร ? พระโพธิสัตว์บอกว่าท่านถือร่มอยู่ ยักษ์บอกว่าถ้าเหยียบแผ่นดินตรงนี้ถือว่ามีสิทธิ์จับกินเหมือนกัน พระโพธิสัตว์บอกว่า ท่านไม่ได้เหยียบแผ่นดิน ท่านยืนอยู่บนรองเท้าท่าน ชาดกเรื่องนี้ก็เลยทำให้หลวงปู่มหาอำพันท่านแนะนำในเรื่องถวายสังฆทานว่า ให้ถวายร่มกับรองเท้าด้วย จะได้ปลอดภัยเหมือนกับพระโพธิสัตว์

อย่าลืมว่ายักษ์เป็นเทวดาพวกหนึ่ง แต่พวกยักษ์ชั้นต่ำที่เป็นบริวารนั้นมักจะเป็นพวกรากษส ก็คือยักษ์พวกที่กินเนื้อ กินคน กินสัตว์อยู่ ในเมื่อเป็นอย่างนั้น จึงได้รับอนุญาตให้เฉพาะที่ มีสิทธิ์เฉพาะที่ของตนเอง แต่ถ้าสามารถแสดงหลักฐานได้อย่างชัดเจนแบบพระโพธิสัตว์ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกินท่านได้

ก็เลยทำให้คนรุ่นหลังสร้างฉัตรถวายพระ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็มาจากผ้าดาดเพดานก่อน สมัยก่อนพอถึงเวลาสร้างพระพุทธรูปที่ไหน ก็จะเห็นว่าเขาทำผ้ากั้นเพดานเอาไว้ ผ้ากั้นเพดานสมัยก่อนเขาทำเพื่อป้องกันจิ้งจกตุ๊กแกมาขี้รดองค์พระ เพราะจิ้งจกตุ๊กแกเดินบนผ้าไม่ได้ ไม่สามารถจะเกาะแบบสุญญากาศได้ เสร็จแล้วก็พัฒนามาเป็นฉัตร

เพราะสมัยหลังพระเจ้าแผ่นดินก็ดี เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงที่ได้รับพระราชทานอนุญาตให้ใช้ฉัตรได้ก็ดี พอถึงเวลาก็ถวายฉัตรไว้เป็นพุทธบูชา หรือไม่เวลามีงานถวายพระเพลิงหรือพระราชทานเพลิง ฉัตรที่ประดับอยู่ในงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นประดับโกศก็ดี หรือว่าประดับเหนือพระลองก็ตาม มักจะเอาไปกั้นถวายพระพุทธรูปเป็นพุทธบูชา พวกบรรดาช่างก็เห็นดีเห็นงาม ต่อมาก็เลยสร้างพระพุทธรูปให้มีฉัตรประกอบไปด้วย

เถรี 08-10-2015 13:58

มีมณฑปตั้งพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีในรัชกาลที่ ๕ พอถึงเวลาเคลื่อนพระศพไปพระราชทานเพลิง ก็เอามณฑปนั้นไปถวายไว้ที่วัดเทพศิรินทราวาส ปัจจุบันก็คือมณฑปที่ตั้งพระพุทธรูปประจำพระอุโบสถ สงสัยว่าทำไมสุดยอดฝีมือขนาดนั้นใช่ไหม ? ระดมช่างหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทั้งหมดมาช่วยกันทำ ของวัดท่าขนุนไม่มีช่างหลวง เอาช่างชาวบ้านนี่แหละ เดี๋ยวไปงานเป่ายันต์ฯ งวดนี้ก็จะได้เห็น มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ น่าจะประกอบยอดมณฑปได้แล้ว

เพียงแต่เรื่องของการทำสี ประดับทองปิดกระจก ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ตอนนี้มีช่วงแคบระหว่างหน้าบันที่ช่างต้องปิดทองประดับกระจกก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าใส่หน้าบันซ้อนเข้าไปแล้วจะปิดทองยาก ช่างเขาจึงต้องทำการปิดทองไปก่อน

เมื่อวานซืนเพิ่งจะจ่ายค่าแรงสร้างมณฑปงวดที่ ๕ แต่ความจริงแล้วเป็นงวดที่ ๖ เพราะช่างเบิกงวดที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๖ โดดข้ามงวดที่ ๕ ไปเพราะงานไม่เสร็จ มาครั้งนี้งานก็ยังไม่เสร็จ แต่ว่างานไม่ได้อยู่ในมือช่าง เพราะว่างานอยู่ในมือผู้ออกแบบ ผู้ออกแบบต้องนำงานส่วนนี้ไปส่งให้ช่างเขาทำ ก็เลยอนุโลมจ่ายเงินไปก่อน เวลาทำงานเราต้องเห็นใจกัน เพราะว่าช่างทำงานเขาต้องลงทุน ขณะเดียวกันก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล ส่วนใหญ่บรรดาช่างต่าง ๆ พอทำงานกับวัดท่าขนุนแล้ว ไม่มีใครอยากไปทำที่อื่น เพราะที่อื่นส่วนใหญ่เขาให้ทำ ๔๐-๔๕ วัน เบิกได้ ๓๐ วัน ของวัดท่าขนุนไม่มี ครบงวดงานหรือว่าครบเวลา ก็จ่ายทันที

เถรี 08-10-2015 14:03

วันก่อนช่างเจาะเสาเข็มสำหรับทำศาลาธรรมสังเวช ที่สร้างอยู่ด้านข้างของเมรุใหม่ ซึ่งจะทำไปพร้อม ๆ กัน เจาะยังไม่ทันจะเสร็จหรอก เขามาเบิกค่าเจาะเสาเข็มของตัวฌาปนสถานคือตัวเมรุงวดสุดท้าย ก็เลยจ่ายของด้านศาลาไปด้วย จะได้ไม่ต้องเดินทางมาอีกรอบหนึ่ง "ที่เหลือลูกน้องคุณเจาะให้เสร็จก็แล้วกัน" แล้วก็มีเรือนรับรองพระเถระ ๔ หลังโผล่ขึ้นมา ของเดิม ๒ ของใหม่ ๔ ไม่ใช่ของเดิม ๒ ของใหม่ ๒ นะ ของเดิม ๒ หลัง ของใหม่ ๔ หลัง

ตัวผู้รับเหมาเขาบอกว่า พวกประกอบเรือนไม้จำหน่ายที่เห็นตั้งอยู่ ๗-๘ รายใกล้ ๆ กันเจ๊งไปหมดแล้ว เหลือเขาอยู่รายเดียว เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี เงินเลยจมอยู่ในบ้านไม้ที่ตัวเองทำ เพราะต้องไปซื้อบ้านเก่า ต้องจ่ายค่าแรงช่าง ฯลฯ แต่ว่าขายไม่ออก เขาบอกว่าโชคดีที่หลวงพ่อเรียกใช้บริการ เลยอยู่รอดมาได้ เพราะว่าเท่าที่สั่งไปก็ ๘ หลังแล้ว เหลืออีก ๒ หลังสุดท้ายกำลังทำอยู่ ถ้าไม่มีลูกค้าเลยเขาก็น่าจะยืนหยัดไปได้อีก ๒ ปีเป็นอย่างน้อย เพราะโดยปกติปีหนึ่งจะขายได้ ๕-๖ หลังก็ยังยาก

เถรี 08-10-2015 14:14

ถาม : มีวิญญาณชั่วร้ายเข้ามารังควานคนในบ้าน ถวายสังฆทานให้เขาแล้ว เขาไม่ไป ?
ตอบ : ไปประกาศบอกเขาว่า เราแค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น บุญทานอะไรก็ทำให้แล้ว ถ้าหากว่าดีกันไม่ได้ก็จะไล่..! แล้วก็บูชาผ้ายันต์เกราะเพชรไป ขู่ไว้ก่อนว่า "จะอยู่ด้วยกันดี ๆ ได้ไหม ? ถ้าไม่ได้ก็จะติดแล้วนะ"

ถาม : สงสัยว่าทำไมเขาเข้าในบ้านได้ ?
ตอบ : เขาอยู่มาก่อน คือบางรายถ้าพูดดี ๆ กันไม่รู้เรื่องต้องข่มขู่กันบ้าง ถ้าแสดงแสนยานุภาพของเราว่าสูงกว่า เขาก็จะถอยไปเอง ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่ค่อยดื้อ

ถาม : ขู่ด้วยพระขรรค์โสฬสไปครั้งหนึ่งแล้ว หายไปไม่นานเขาก็กลับมาอีก ?
ตอบ : ก็คุณไม่เอาจริง แต่อาตมาเอาจริงนี่หว่า บูชาผ้ายันต์เกราะเพชรไป สวดอิติปิ โสฯ ไปเลย จะอยู่ด้วยกันได้หรือไม่ได้ ถ้าอยู่ด้วยกันดี ๆ ไม่ได้ จะติดผ้ายันต์แล้วนะ เข้าไม่ได้คราวนี้ห้ามโวย

ถาม : ติดรอบบริเวณบ้านหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่..ติดในบ้าน แต่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือก็ได้ เท่านั้นแหละ..คุ้มได้ทั้งบ้านเลย

เถรี 08-10-2015 14:34

มีโยมถวายรองเท้า พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนครูบาอาจารย์ท่านใส่รองเท้าเฉพาะยี่ห้อเหมือนกัน เคยกราบเรียนถามหลวงปู่มหาอำพัน ท่านบอกว่าใส่แบบไหนถนัดก็อยากจะใช้แบบนั้น แบบเดียวกับที่อาตมาถนัดรองเท้าพื้นบาง พอคุณชวงเอาที่มีส้นมาหน่อย ใส่แล้วเดินไม่เป็นเลย ของหลวงพ่อวัดท่าซุงจะเป็นตราอูฐ ที่มีห่วงคล้องหัวแม่เท้า ของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศจะเป็นยี่ห้อ Bata ของหลวงปู่มหาอำพันยี่ห้อ SCS จะเอายี่ห้ออื่นไปอย่างไรก็ไม่ใช้หรอก

อาตมาเคยขอเปลี่ยนรองเท้าของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศเอาไว้บูชา แต่ปรากฏว่าไปซื้อเอาตราอูฐแบบมีห่วงคล้องหัวแม่เท้าถวาย ท่านเดินไม่ถนัด แต่ท่านก็
อุตส่าห์เมตตาให้เปลี่ยน"

เถรี 08-10-2015 14:43

ถาม : เดินอยู่และสวดมนต์ไปเรื่อย ๆ สักพักขาเริ่มก้าวไม่ออกครับ พยายามฝืนตะโกนแต่ไม่มีเสียง ควรจะทำอย่างไรต่อดีครับ ?
ตอบ : ให้นั่งภาวนาแทน อาการแบบนั้นแสดงว่าจิตเริ่มเป็นสมาธิแนบแน่น ถ้าสมาธิเริ่มทรงตัว ประสาทร่างกายของเรากับจิตใจแยกออกเป็นคนละส่วนกัน เราจะบังคับร่างกายไม่ได้ เพราะฉะนั้น..เมื่อเราเดินภาวนาไปอย่างที่ว่านี้ จนกระทั่งรู้สึกว่าเริ่มเดินไม่ออกแล้ว ก็ให้นั่งภาวนาต่อไปเลย อย่าไปฝืน ถ้าไม่ใช่ชำนาญจริง ๆ ถึงระดับมีความคล่องตัวเป็นวสี ไม่ได้รับประทานหรอก เดิน ๆ ไปเดี๋ยวล้มทั้งยืน เพราะบังคับร่างกายไม่ได้

เถรี 08-10-2015 14:49

ถาม : บางทีอาราธนาวัตถุมงคลแล้วมีอาการเข่าอ่อนหมดแรง อย่างนี้คือกำลังเราไม่พอหรือครับ ?
ตอบ : บางทีท่านก็แสดงให้เรารู้ว่าพุทธานุภาพนั้นมีจริง เพราะฉะนั้น..ยิ่งมาแรงเท่าไรก็ควรที่จะดีใจเท่านั้น

เถรี 08-10-2015 14:52

ถาม : น้ำมันชาตรีสามารถกินได้ทุกวันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่มีใครห้าม ถ้ากินมากก็อาจจะอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าน้ำมันก็คือน้ำมัน ขนาดว่าเป็นพุทธคุณอย่างน้ำมันชาตรี ก็เท่ากับว่าเรากินไขมันเข้าไปทุกวัน หลวงพี่อาจินต์ (พระครูภาวนาธรรมนิเทศ) สมัยทำน้ำมันชาตรีใหม่ ๆ ท่านเองโดนพวกลูกหลงหางแถวไสยศาสตร์ไปเหมือนกัน ท่านฉันน้ำมันชาตรีวันละครึ่งแก้ว เดือนเดียวเท่านั้นแหละกลมไปทั้งตัวเลย ความจริงหยดสองหยดก็พอแล้ว ฉันครั้งเดียวก็พอแล้ว แต่ท่านว่าของท่านไปเรื่อย ฉันทุกวันกันเอาไว้ก่อน

ถาม : กรณีรักษาโรคภัย ?
ตอบ : ลองทาผิวของเราดู ถ้าอธิษฐานแตะแล้วรู้สึกปกติ หรือรู้สึกเย็นรักษาได้แน่ แต่ถ้ารู้สึกร้อนถือว่ารักษาไม่หาย แสดงว่าโรคนั้นกรรมยังบังอยู่

เถรี 08-10-2015 14:55

ถาม : เราจำเป็นต้องอุทิศส่วนกุศลตลอดไหมครับ ?
ตอบ : การที่เราอุทิศส่วนกุศล ช่วยให้เราปลดใจจากกรรมตรงนั้น บางทีเจ้ากรรมนายเวรเขาก็ไม่ได้อโหสิกรรมให้เราหรอก แต่ใจเราปลดจากตรงนั้นแล้ว เพราะรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่ดี ๆ คืนให้กับเขาไป ใจเราก็ไม่เป็นห่วง ไม่ไปพะวงกับกรรมเก่าตรงจุดนั้น ก็เหมือนอย่างกับว่าเราปลดโซ่ออกแล้ว เราจะไปไหนก็ได้ แต่บางทีเจ้ากรรมนายเวรก็ยังผูกตัวเองอยู่กับเสานั่นแหละ เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็คืออุทิศให้ทุกครั้ง

เถรี 08-10-2015 15:00

ถาม : ถ้าเรานำวัตถุมงคลไปวางบนพานรวมกับเครื่องบวงสรวงบูชาครูบาอาจารย์ จะทราบได้อย่างไรว่าท่านสงเคราะห์อะไรให้ ?
ตอบ : ถ้าหากท่านไม่โวยวายว่า "ไม่ทำให้โว้ย..!" ก็ถือว่าท่านสงเคราะห์แล้วกัน หัดตีขลุมด้วยความมั่นใจเสียบ้าง วันก่อนเดินทางกลับวัดท่าขนุน เพราะว่าสอนหนังสืออาทิตย์สุดท้าย ถึงเมืองกาญจน์แดดเปรี้ยงเลย น้องเล็กเขาบอกว่าอยากให้มีแดดถึงทองผาภูมิบ้าง เพราะพวกเราตากผ้าไม่แห้งสักอาทิตย์ ก็เลยบอกว่าวันนี้ทองผาภูมิมีแดด ปรากฏว่าวิ่งเลยท่าทุ่งนามาหน่อยหนึ่ง ฝนกระหน่ำมืดฟ้ามัวดินเลย น้องเล็กก็หันมาถามว่า "ไหนว่ามีแดด ?"

อาตมาตอบว่า “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม อย่าได้สูญเสียความมั่นใจในความรู้ของตนเองเป็นอันขาด ขาดความมั่นใจเมื่อไร ต่อไปความรู้นี้จะเสื่อม” ปรากฏว่าพอวิ่งเลยไปถึงเขตทองผาภูมิ ฟ้าเปิดใสแจ๋ว ไม่เห็นมีฝนสักหยด

แบบเดียวกับที่อาตมาสอนพระที่วัด ในเมื่อเขาอยากรู้ว่าห้ามฝนอย่างไรก็สอนให้ คาถาว่าอย่างนี้ วางกำลังใจอย่างนี้ แต่พอถึงเวลาเดินบิณฑบาต เขาตั้งใจภาวนาคาถาห้ามฝนเพราะว่าฝนเอาแน่ เมฆดำต่ำมาจะติดหัวอยู่แล้ว ฝนเริ่มลงเปาะแปะ ๆ แล้ว ปล่อยให้เขาทำกันเอง เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำกันหมดเลย บอกว่า "เพราะคุณขาดความมั่นใจ คุณไปคิดว่าฝนจะตกแล้ว ๆ พอคุณขาดความมั่นใจขึ้นมา คาถาก็ไม่ได้ผล"

พอรุ่งขึ้นก็อาการเดียวกัน คือฝนเริ่มลงเม็ดหนัก อาตมาบอกท่านว่า “มา...ผมทำให้คุณดู” พอเดินไปอีก ๓ ก้าวฝนก็หยุดหมด "คราวนี้คุณเห็นหรือยังว่า ความมั่นใจคืออะไร ? เราต้องมั่นคง ไม่หวั่นไหว แม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะรุนแรงขนาดไหนก็ตาม เพราะว่าเราหวั่นไหวเมื่อไรก็พัง สิ่งที่เรามั่นคงเกิดจากความมั่นใจในกำลังใจของเราเอง ถ้าขาดความมั่นใจเมื่อไรนี่พังทั้งขบวน"


ถาม : กรณีมั่นใจ กลัวว่าจะเป็นการทึกทักเอาเอง ?
ตอบ : โปรดทึกทักแบบนั้นบ่อย ๆ เดี๋ยวจะดีไปเอง ขอให้มั่นใจเถอะ

เถรี 08-10-2015 15:02

เมื่อเช้านี้ทันตแพทย์เพชรไพฑูรย์ จันทร์ชูเชิด พาลูกศิษย์มา อาทิตย์ที่แล้วลูกศิษย์ไปโดนสหบาทาไม่จำกัดมา คือปกติบริษัทต้องจำกัดหรือมหาชน แต่บริษัทสหบาทานี่กระทืบไม่จำกัด เจอไป ๒๐ ต่อ ๑ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? เขาบอกว่าจอดรถแล้วเปิดประตูไปกระทบคนอื่นเข้า ไอ้เจ้านั่นไม่ยอม พาพวกมาเหยียบ ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาพกตะกรุดมหาสะท้อนอยู่ดอกเดียว

ตอนแรกก็คิดว่าอาการสาหัส แต่พอพวกเขาเลิกกระทืบก็ลุกเดินได้ตามปกติ ก็เลยสงสัย ไม่เป็นอะไรเลย แต่อาตมาสงสัยว่าไอ้คนกระทืบ ๒๐ คนนั่นเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ? เพราะว่ายังไม่ได้ไปติดตามข่าวคราว คราวนี้เขาจะมาหาตะกรุดมหาสะท้อน เพราะพ่อแม่พี่น้องอยากได้ ก็เลยบอกว่าเหลือแต่พระกริ่ง เอาพระกริ่งไปแทนแล้วกัน เพราะว่าใส่ตะกรุดไปตั้ง ๓๐ ดอก ก็เลยเตือนเขาไปว่า คราวหน้าพกหลวงพ่อหลายวัดหน่อย ตูจะได้แก้ตัวได้ นี่เล่นพกตะกรุดดอกเดียวบ่ายเบี่ยงไม่ได้ เลยต้องยอมรับสภาพแต่โดยดี

คนอื่นอย่าไปหาประสบการณ์แบบนี้นะ ไม่สนุกหรอก วัตถุมงคลไม่ได้มีไว้ให้ลอง วัตถุมงคลมีไว้เพื่อคุ้มครองรักษาพวกเราในเวลาฉุกเฉิน ถ้าเราไปลองแปลว่าเราขาดความมั่นใจ เมื่อเราขาดความมั่นใจ กำลังที่ส่งมาเราจะรับได้ไม่เต็มที่ ถึงเวลาอาจจะน่วมจริง ๆ

เถรี 08-10-2015 18:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าโยมจะเอาโมทนาบัตรงานทอดกฐิน ให้รอวันที่ ๒๘ ตุลาคม เพราะเป็นวันรับกฐิน โมทนาบัตรกฐินของวัดทุกใบในปีนี้ จะเป็นวันที่ ๒๘ ตุลาคม แล้วญาติโยมส่วนหนึ่งมักจะช่วยให้พระผิดพระวินัย เพราะแต่ละวัดแต่ละปีจะรับกฐินได้ครั้งเดียว ถ้ารับกฐินซ้ำซ้อนเมื่อไร เขาเรียกว่า "กฐินเดาะ" พระไม่มีโอกาสใช้อานิสงส์กฐินนั้นเลย แต่ว่าญาติโยมส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจ

อย่างที่วัดท่าขนุนทอดกฐินบ่ายโมงตรง ถึงเวลาเราปิดยอดเสร็จสรรพเรียบร้อย เพื่อจะแจ้งยอดให้ญาติโยมได้ทราบ โยมมาห้าโมงเย็น เอาสตางค์มาให้ พอไม่รับก็ไปโวยวายว่าทำไมไม่รับ ? โดยที่ไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งสิ้นว่าพระจะเดือดร้อนแค่ไหน ? รู้อยู่อย่างเดียวว่ากูจะทำบุญมึงต้องรับ..! ประเภทนี้อาตมาด่าส่งไปหลายรายแล้ว

วันรุ่งขึ้นอาตมาไปบิณฑบาต ยังมาฟ้องอีกว่า "วันก่อนเอาสตางค์ไปให้ตอนเย็น โยมที่วัดไม่ยอมรับ บอกว่าปิดยอดไปแล้ว เขาทำอย่างนี้ไม่ถูกนะคะ" อาตมาบอกว่า "เขาทำถูกแล้ว โยมเองต่างหากที่ทำผิด" ก็เลยหน้าเหี่ยวไปเลย กลัวเจ้าอาวาสจะไม่รู้ ไปดักฟ้องตอนบิณฑบาต ยังโชคดีที่ตอนเช้า ๆ อาตมายังใจเย็นอยู่ ถ้าฟ้องสาย ๆ หน่อยอาจจะโดนคืนไปชุดใหญ่..!"

เถรี 08-10-2015 18:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง กฐินหลวงจะมาพร้อมผ้าไตรพระราชทาน ก็คือปัจจัย ๒,๐๐๐ บาท ผ้าไตร ๑ ไตร แล้วก็มีสบงขาว ๑ ผืน เผื่อพวกเราจะเอามาเย็บมาย้อมอะไรกันในวันนั้น เขาบอกหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า ให้ขอวัดท่าซุงยกขึ้นเป็นวัดหลวง หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าไม่เอา ปกติกฐินได้ตั้งหลายล้าน นี่เหลือแค่ ๒,๐๐๐ บาทเท่านั้น เป็นอัตราที่โหดร้ายมากเลย

อย่างที่เข้าวังสมัยนั้น ไม่รู้สมัยนี้เปลี่ยนหรือยัง ? เข้าวังสมัยก่อนปัจจัยถวาย ๒๐๐ บาท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคุณยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ๒๐๐ บาทเท่ากันหมด ไม่ไปก็ไม่ได้ จริง ๆ จะว่าไปแล้ว อัตราทั้งหลายเหล่านี้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังก็ดี หรือว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่คราวนี้เขาไม่เปลี่ยน เพราะเขาไม่อยากจะจ่ายเยอะ

อย่างหลวงพ่อสมเด็จฯ ถ้าไปออกงานที่อื่น อย่างน้อย ๆ ต้องได้รับ ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ บาท ไปงานหลวงเขาถวาย ๒๐๐ บาท ไม่ไปก็ไม่ได้ด้วยนะ ถือว่าขัดพระบรมราชโองการ ไม่ได้จะตำหนิตรงจุดนี้ เพราะว่าอัตราที่ท่านถวายนั้น เป็นสมัยอาตมายังแก้ผ้าวิ่งอยู่ แต่คราวนี้จากกรมศาสนามาจนเป็น
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตลอดจนสำนักพระราชวัง เขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอัตรานี้ แบบเดียวกับใบอนุญาตหาของป่า รู้ไหมว่าค่าธรรมเนียม ๑ บาทเท่านั้น แล้วเขาก็ขนหินไป ๒ คันรถสิบล้อ..! เขาก็พาซื่อแกล้งโง่ไปเรื่อย ทั้งที่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงได้ เพราะว่างบประมาณของตัวเองมีอยู่ ไม่ได้ดูโลกภายนอกว่าไปถึงไหนแล้ว

เดี๋ยวนี้เงิน ๒๐๐ บาทซื้อผัดกระเพราได้จานเดียวเท่านั้นเอง แหม...แต่คนขายผัดกระเพราจานละ ๑๕๐ บาท นี่เขาต้องมั่นใจตัวเองมากเลยนะ เขายืนยันว่าของเขาวัตถุดิบคุณภาพสมราคา อาตมาพูดมาตั้งแต่สมัยอยู่บ้านอนุสาวรีย์ฯ ว่า ต่อไปบ้านเราข้าวแกงจานละ ๑๐๐ บาท ปรากฏว่าไปแรงกว่าที่พูดไว้ ล่อไป ๑๕๐ บาทแล้ว สโมสร ทบ.มาก่อนเลย..ใช่ไหม ? ๑๕๐ บาท วันก่อนที่บอกว่าไปกินที่ไหนไม่รู้โวยวายมา ปรากฏว่าเขาติดป้ายไว้เหมือนกัน แต่ป้ายเป็น A๔ บอกรายการยาวเหยียดเลย แล้วใครจะไปเพ่งว่าจานละ ๑๕๐ บาท

สถานการณ์ประเทศชาติจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเราภาวนาพระคาถาเงินล้านไว้เป็นหลัก ต่อให้เขาลำบากเลือดตากระเด็นเท่าไร ก็ให้เราไปได้สบายกว่าเขาหน่อย"

เถรี 08-10-2015 19:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณประโยชน์ ตันกันภัย ถวายเงินกฐินมาหนึ่งแสนบาท กระทู้ที่เปิดให้บูชาวัตถุมงคลของตัวเล็กยอดจองอยู่ที่ประมาณ ๒ ล้านบาท ตอนนี้โอนเข้าบัญชีมาแล้วราว ๗ แสนบาท ถ้าโยมโอนมาสักครึ่งหนึ่ง ยอดกฐินก็ทะลุล้านไปแล้ว

ส่วนกระทู้ของลูกเจ้าคุณนรฯ ก็ยังเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ความจริงต้องสรุปตารางให้เขาดูวันต่อวัน แต่อาจจะเป็นเพราะภารกิจมาก เวลาที่จะทำก็เลยไม่มี กระทู้ไหนที่นิ่งหรือว่าตายไปเลย คนเขาไม่ค่อยแลกันหรอก ถ้าอยากให้กระทู้เป็นที่น่าสนใจ ก็ต้องมีการปรับกระทู้ทุกวัน แต่ก็อย่างว่า..คนเฝ้ากระทู้ก็ไม่มีเวลาจะเฝ้า อย่างที่ลง
เช้ากระทู้บ่ายกระทู้ของคุณสุธรรม ก็ยังโดนประท้วงว่าลงน้อยไปอีก"

เถรี 08-10-2015 19:07

"ถ้าลงมาก ๆ นี่ก็ต้องเห็นใจคนเขียนด้วยนะ คุณสุธรรมมีหน้าที่ลง แต่คนเขียนคืออาตมาเอง ตูเขียนไม่ทันก็ตายสิวะ..! ไม่ใช่ว่าถึงเวลาจะได้ตุนให้เขามาก ๆ บางทีก็อยู่ในลักษณะ "เบี้ยต่อไส้" หรือ "ตำข้าวสารกรอกหม้อ" ไปวัน ๆ เท่านั้น ความจริงว่าจะรอเรื่องไปเมืองจีนก่อน ปรากฏว่าเอาบันทึกไปทิ้งไว้ที่ไหนไม่รู้ น่าจะอาการเดียวกับพระครูหน่อย ปล่อยไว้นานเลยหาไม่เจอ

เรื่องของมารเขาจะทดสอบนี่ เขากลั่นแกล้งกันสารพัด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสอบไปก็ไร้ประโยชน์ เขาก็ยังสอบ มีอยู่วันหนึ่งนั่งฉันเพลอยู่ กาน้ำร้อนหาย อาตมาติดนิสัยมาจากตอนอยู่พม่า เพราะทางพม่าวัดหนองบัวอยู่ท้ายน้ำ เกือบจะปากอ่าวเมาะตะมะเลย ความสกปรกที่มากับน้ำจึงมีมาก ก็เลยใช้น้ำร้อนล้างจาน คราวนี้พอล้างอย่างนั้นบ่อย ๆ คนที่เขาไม่รู้สาเหตุ เขาก็เอาน้ำร้อนให้อาตมาตลอด แม้กระทั่งอยู่วัดท่าขนุนก็ใช้น้ำร้อน

ปรากฏว่าวันนั้นเขาไม่ได้ตั้งกาน้ำร้อน ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร...ใช้น้ำเย็นล้างก็ได้ พอว่าไม่เป็นไรเท่านั้นแหละ กาน้ำร้อนทั้งใบเด้งดึ๋งมาอยู่ข้าง ๆ ตัว พระที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร้อง "เฮ้ย..! มาอย่างไรวะ ?" เขาแกล้งได้ขนาดนั้น เขาจะดูว่าอาตมาจะโมโหด่าคนอื่นหรือเปล่า โอ้โฮ...แสบไส้มากเลย

หลายครั้งตอนช่วงที่ทำวิทยานิพนธ์อยู่ บางทีแก้ ๆ ไป ๘ หน้า ๑๐ หน้า พอเซฟก็หายวับไปกับตา ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ค้นอย่างไรก็ค้นไม่เจอ แต่พอคิดว่า "ช่างหัวมันวะ กูทำใหม่ก็ได้" เท่านั้นแหละ..พอเปิดใหม่แล้วเจอเลย น่าตายมาก..! เราจะไปคิดว่ามารเขาอยู่มาตั้งกี่หมื่นกี่แสนปี ทันสมัยขนาดนั้นเลยหรือ ? ขอบอกว่าเทคโนโลยีทุกอย่างเขาสร้างขึ้นมานะ เขาเก่งกว่าเราอีก เขาเป็นคนสร้างเพื่อให้พวกเรายึดติด บอกแล้วว่าตัวเราเขายังสร้างเลย ทำไมเขาจะใช้เทคโนโลยีไม่เป็น ? อาตมาโง่เองที่ครั้งแรก ๆ ไปคิดว่าเขาใช้ไม่เป็น ที่ไหนได้..เขาสร้างมาเองแท้ ๆ จะไม่เป็นได้อย่างไร ?"

เถรี 08-10-2015 19:10

"พอโดนเขาทดสอบอย่างนี้ก็ช่างหัวมัน ลงข้ามไปก่อนก็ได้ ก็เลยเอาเรื่องยุโรปมาลง พอเอาเรื่องยุโรปมาลง ตายห่า...นี่ตูจะไปเนปาลรอบ ๒ แล้ว ก็เลยให้เอาเรื่องเนปาลลงไปด้วย เวลาอ่านก็พยายามทำใจหน่อยแล้วกันนะ ว่าเนื้อหาเป็นอย่างนี้ คนเขียนไม่สับสนหรอก แต่คนอ่านจะสับสนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะว่าต้องอ่าน ๒ เรื่องพร้อมกัน

นักเขียนที่เก่งที่สุดในความรู้สึกของอาตมาก็คืออรวรรณ หรือถ้าชื่อจริงก็คือคุณเลียว ศรีเสวก(สี-เส-วก) คุณเลียวเขียนนิยายทีเดียว ๔ เรื่องพร้อมกันได้ แกตั้งพิมพ์ดีด ๔ เครื่องเลย ให้คนใช้เตรียมกระดาษเตรียมเครื่องดื่มไว้ พอถึงเวลาอาบน้ำอาบท่า กินข้าวกินปลาเสร็จสรรพเรียบร้อย แกมาถึงรัวพรืด ๆ ไปเลย พอได้จำนวนหน้าตามที่รับปากไว้กับทางด้านสำนักพิมพ์ คุณเลียวก็ไปอีกเครื่องหนึ่ง แล้วก็พิมพ์เรื่องนั้นต่อไปเลย"

เถรี 08-10-2015 19:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เป็นเจ้าของเอ็นซี ทัวร์ ที่จะพาเราไปเนปาลงวดนี้ ปกติคุณนวลจันทร์ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างนี้มานานแล้ว ให้แต่ลูกน้องทำ งวดนี้ด้วยความเกรงใจท่านพระครูปลัดปิง ก็เลยลงมาดูงานด้วยตัวเอง ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ใครที่มัวแต่ตัดสินใจอยู่ก็รีบหน่อย เพราะว่าเหลือแค่ ๙ ที่นั่งเท่านั้น"

เถรี 08-10-2015 19:16

ถาม : อยากจับลมหายใจสามฐานมาก แต่รู้ลมแค่ปลายจมูก สำลักลมหายใจ เหมือนกลั้นหายใจ พยายามจะหายใจ แต่ไม่ค่อยจะยอม ?
ตอบ : กำหนดรู้เฉย ๆ ว่าเราไม่หายใจแล้ว การจับลมหายใจไม่จำเป็นต้อง ๓ ฐาน จะเป็น ๓ ฐาน ๕ ฐาน ๗ ฐาน ฐานเดียวหรือรู้ตลอดกองลมก็ได้ แล้วแต่เราถนัด พอลมหายใจเบาลงให้รู้ว่าเบาลง พอลมหายใจหายไปให้รู้ว่าหายไป กำหนดใจรับรู้นิ่ง ๆ ไว้เฉย ๆ อย่าไปดิ้นรนหายใจใหม่ เพราะตอนนั้นจิตไปกับประสาทแยกออกจากกัน จะไม่ยอมรับรู้ลมหายใจ ต่อให้คุณหายใจอยู่ก็ไม่รู้

ถาม : ตัวเกร็งครับ ?
ตอบ : ตั้งใจว่าถึงตายลงไปเราก็จะไม่ทิ้งการปฏิบัติ ถ้าตัดใจอย่างนั้นได้จะได้ดีเร็ว แต่ส่วนใหญ่จะไปกลัว แล้วก็เลิกทำไปเลย

เถรี 08-10-2015 19:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนใหญ่พวกเราระยะหลังมักจะขาดศรัทธา ชอบมาถามว่าของจริงหรือเปล่า ? เรื่องของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุต่าง ๆ ไม่ได้สำคัญว่าจริงหรือเปล่า แต่สำคัญที่เราระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยหรือเปล่า ถ้าเราระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ กุศลใหญ่ก็จะเกิดแก่ตนเอง แต่ถ้าหากเราไม่ได้ระลึกถึงเลย ต่อให้เป็นของจริงก็ไม่มีประโยชน์

แล้วระยะนี้มีพวกสิ้นสติ ส่งพระบรมสารีริกธาตุไปทางไปรษณีย์ อาตมาแกะกล่องออกมา ถ้าอยู่ใกล้ ๆ นี่จะเป่ายันต์รอบพิเศษให้...! ต้อง "ยัน" ให้หนัก ๆ หน่อย ของสำคัญขนาดนั้นดันส่งทางไปรษณีย์ อะไรจะอยากได้บุญกุศลจนสิ้นสติได้ขนาดนั้น ถึงเวลาเขาก็โยนกล่องกองซ้อนทับกันไม่รู้กี่ตลบต่อกี่ตลบ ใส่ถุงใส่กระสอบเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลง เดินข้ามบ้างเหยียบบ้าง นอกจากเกิดโทษแก่ผู้อื่นที่ไม่รู้ว่ามีของสำคัญ ก็ยังเกิดโทษแก่ตนเอง เพราะกำลังใจหยาบเกินไป ไม่ได้ระลึกถึงว่าอะไรเหมาะอะไรควร แต่เชื่อเถอะ..ถึงพูดไปก็เท่านั้น เดี๋ยวก็จะมีไอ้พวกอยากได้บุญส่งไปอีก"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:56


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว