กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5289)

เถรี 10-11-2016 14:16

พระอาจารย์กล่าวถึงย่ามที่ท่านใช้เป็นประจำว่า "ในย่ามใบนี้เท่ากับมีสมเด็จพระสังฆราชอยู่ด้วย ๓ พระองค์ พระองค์แรกอยู่ที่นี่ ที่ผ้ารับประเคนตราสัญลักษณ์ ญสส. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานให้ตอนฉลองพระชนมายุ ๘๔ พรรษา แล้วก็มาองค์ที่ ๒ เป็นเจ้าของย่าม คือหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประทานให้ตอนฉลองอายุ ๘๕ พรรษา แล้วก็พระองค์ที่ ๓ เจ้าของกระเป๋าใส่สตางค์ใบนี้และเข็มกลัด คือ หลวงพ่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพราะฉะนั้น...ถือย่ามไปทีหนึ่งเท่ากับมีสมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปด้วยถึง ๓ พระองค์"

เถรี 10-11-2016 14:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของงานบวช ถ้าตั้งใจจะให้อาตมาเป็นพระอุปัชฌาย์ ต้องให้อาตมากำหนดงานเอง เพราะอาตมาไม่ค่อยจะว่าง ไม่ใช่ว่าคุณกำหนดวันที่ตัวเองว่างแล้วไป คงจะได้บวชอยู่หรอก..!"

เถรี 10-11-2016 14:41

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อเดือนก่อนวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ อาตมาเอาวัตถุมงคลต่าง ๆ ไปหลอมเพื่อทำเป็นชนวนในการสร้างวัตถุมงคลรุ่นต่อไป เกิดเรื่องมหัศจรรย์ที่ตนเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนก็คือ มีมีดหมอส่วนหนึ่งหลอมเท่าไรก็ไม่ละลาย ใช้ถ่านหินหมดไป ๓ กระสอบ เร่งไฟด้วยพัดลมหอยโข่ง ๒ ชั่วโมงเต็ม ๆ เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมละลาย

ช่างเขาใช้เหล็กเส้น ๘ หุน เป็นเหล็กข้ออ้อย กระแทกกระทุ้งจนกระทั่งใบมีดหงิกงอม้วนเป็นก้อนลงไป เหล็กเส้นยังละลาย แต่ใบมีดไม่ละลาย ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องเก็บกลับมา

ช่างเขาบอกว่า “อาจารย์หลอมนานขนาดนี้ก็ได้พลังไปเยอะแล้ว” เขาว่าอย่างนั้น ท้ายสุดก็เลยเก็บกลับมา เอาไปให้ช่างตีมีด บอกว่าช่วยตีให้กลับคืนรูปที เดี๋ยวจะเอาออกประมูลทั้งอย่างนั้นแหละ ใครอยากได้ให้เอาไปใส่ด้ามเอาเอง เพราะว่าอาตมาถอดด้ามหมดแล้ว ด้ามก็ป่นเป็นผงไปเพื่อใช้อุดตอนบรรจุแล้ว

ที่จำได้ก็มีของหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล หลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว ถ้าถามว่าสามรูปนี้เป็นใคร ? ท่านเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แล้วที่ยังไม่ละลายอีกก็มีของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว หลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะท่านทั้งหลายอยู่รวมกันเลยทำให้เล่มอื่นไม่ละลายไปด้วยหรืออย่างไร ? และกระทั่งของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ที่เป็นรุ่นลูกศิษย์หลานศิษย์ก็หลอมไม่ละลาย ที่ละลายแน่ ๆ มีอยู่เล่มเดียวคือพระขรรค์ของหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน ท่านยอมรับการขอขมา ยอมให้เอาไปทำวัตถุมงคลอื่น ๆ ได้"

เถรี 10-11-2016 14:42

"มีดหมอโบราณหน้าตาดูไม่ดี แต่คุณภาพสุดยอด แบบที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรได้รับจากหลวงปู่ยิ้มไป แล้วก็เห็นว่าของพระองค์ท่านเองมีมีดมีพระขรรค์สวย ๆ เยอะแยะ มีดหน้าตาชาวบ้านแบบนี้ดูไม่ค่อยจะดี พระองค์ท่านก็เลยโยนน้ำไป ปรากฏว่ามีดหมอลอยทวนน้ำกลับไปวัดหนองบัว..!

แล้วไม่ใช่ว่าตัวมีดไม่ละลายอย่างเดียวนะ แม้กระทั่งเหล็กรัดปลอกก็ไม่ละลาย อะไรจะปานนั้น ถามบรรดาช่างตีมีดว่าเป็นไปได้ไหมที่ความร้อนยังไม่ถึง ๑,๕๐๐ องศา ? ช่างเขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ครับ ขนาดใช้ถ่านธรรมดา ถ้าเร่งด้วยพัดลมหอยโข่งแบบนี้ความร้อนต้องเกินอยู่แล้ว แล้วขนาดเหล็กเส้น ๘ หุนยังละลาย มีดหมอบาง ๆ กลับไม่ยอมละลาย

ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นมีดกะไหล่ เข้าใจคำว่ากะไหล่ไหม ? เพราะว่าอย่างอื่นที่ละลายเคลือบหน้ามาด้วย บรรดาตะกรุดของหลวงปู่หลวงพ่อสารพัดสารเพที่หลอมไปด้วย เคลือบใบมีดมาเสร็จสรรพ ตกลงว่าท่านเอากำไร"

เถรี 11-11-2016 08:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีธนบัตรในหลวง เจอเลขสวย ๆ ให้เก็บไว้บ้างนะ ถึงเวลาเขายกเลิกจะได้มีเป็นที่ระลึก แต่ก็อย่าเก็บมาก เก็บมากเดี๋ยวจะผอม...!"

เถรี 11-11-2016 09:04

ถาม : ทำความสะอาดวัดมีอานิสงส์อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเอาอานิสงส์ทำความสะอาดอย่างเดียวก็ฉลาดน้อยไปหน่อย ทำความสะอาดเสร็จให้ไปอธิษฐานขอกับพระประธาน ขอให้เราหมดกิเลสได้ง่าย ๆ เหมือนกับที่ทำความสะอาดวัด

ถาม : แล้วพระพุทธรูปทำความสะอาดอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ได้ปิดทองก็เช็ดล้างได้ตามปกติ ถ้าปิดทองก็อย่าไปแตะ ถ้าจำเป็นก็ใช้เครื่องเป่าลมเป่าเอา

ถาม : ใช้ซันไลต์ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าปิดทองใช้ซันไลต์ก็บรรลัยหมด..!

เถรี 11-11-2016 15:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่รู้หรือว่าตอนนี้ที่บ้านเมืองเราสงบเพราะว่าในหลวงสิ้น ? เดี๋ยวรอดูถวายพระเพลิงเสร็จสิ ทุกวันนี้ที่ลุ้นอยู่คืออย่าให้ระเบิดก่อนถวายพระเพลิง..!"

เถรี 11-11-2016 15:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อกวยเป็นพระที่รักลูกศิษย์อย่างเหลือเชื่อ ถ้าเพื่อลูกศิษย์แล้วท่านทำให้ทุกอย่างจริง ๆ อาตมายังทึ่งเลยว่าพระที่รักลูกศิษย์ขนาดนี้ยังมีอยู่ พวกเราไม่ได้มาสายเดียวกับหลวงพ่อกวย

หลวงพ่อกวยท่านพระโพธิสัตว์แท้ ท่านช่วยเขาทุกเรื่อง ส่วนพวกเราถ้าเกินกำลังก็ปล่อยวาง แต่ของท่านไม่ใช่ ท่านช่วยทุกเรื่อง ต้องบอกว่าท่านเป็นหนึ่งในพระอาจารย์ในดวงใจของอาตมา เรื่องของสายธรรมครูบาอาจารย์บังเอิญทับรอยกันพอดี ถ้าได้มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็ถือว่าโชคดี ต้องทำบุญร่วมกันมากี่ชาติก็ไม่รู้"

เถรี 11-11-2016 15:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเรามาทำบุญแต่ส่วนใหญ่แล้วตั้งกำลังใจผิด มาถวายสังฆทานก็จริง แต่กำลังใจมุ่งมาว่าถวายพระอาจารย์เล็ก ถวายหลวงพ่อเล็ก

ถวายสังฆทานเราต้องนึกถึงหมู่สงฆ์ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน
ไม่ใช่นึกถึงพระอาจารย์เล็กที่นั่งอยู่ตรงนี้ อาตมาเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น เป็นแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ เท่านั้น

ฉะนั้น...ถ้าเรานึกผิด ยึดผิด เกาะผิด บางทีก็ได้บุญน้อยกว่าที่คิดนะ ยังโชคดีว่าอาตมายังไม่สิ้นสติ ไม่ว่าโยมจะนึกผิดหรือนึกถูก อาตมาก็เอาลงสังฆทานไว้เสมอ ถ้าเป็นที่อื่นเดี๋ยวก็บุญหายเท่านั้น"

เถรี 11-11-2016 16:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จริง ๆ แล้วท่านเป็นพระอาจารย์รุ่นหลัง พ.ศ. ๒๕๐๐ แต่คนกลับรู้จักท่านน้อย รู้ไหมว่าเหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เป็นเหรียญนอกเบญจภาคีที่มีโอกาสราคาขึ้นถึงหลักล้าน เขาแบ่งเป็นพระอาจารย์รุ่นหลังปี ๒๕๐๐ ความจริงท่านบวชก่อน เกิดก่อน แต่มาปรากฏชื่อเสียงช่วงหลังปี ๒๕๐๐

อย่างหลวงพ่อแดงท่านสร้างเหรียญรุ่นแรกปี ๒๕๐๓ ต้องไปถามพวกทหารแถวเพชรบุรีถึงจะรู้ว่าหลวงพ่อแดงเป็นอย่างไร แถวเพชรบุรี ถ้าเอ่ยก็ต้องหลวงพ่อโสก วัดปากคลอง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เมืองเพชรเกจิอาจารย์ดัง ๆ เยอะมาก พอ ๆ กับนครปฐม อย่างในยุคหลัง ๆ ยังมีหลวงพ่อตัด วัดชายนา หลวงพ่อแล วัดพระทรง

หลวงปู่ฉุย วัดคงคาราม
นั่นเป็นรุ่นอาจารย์ของหลวงพ่อแดงอีกที ยังมีหลวงพ่อจิตร วัดสัตตนาถปริวัตร พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ๆ ถ้าขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ส่วนใหญ่แล้วความสามารถเกินตัวทั้งนั้น ไม่ใช่แค่พอตัวนะ เกินตัวทั้งนั้น"

เถรี 11-11-2016 17:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "กระทู้ใหม่ที่จะลงมีมีดหมอของหลวงพ่อเดิมอยู่เล่มหนึ่ง ซึ่งความจริงน่าจะต้องเก็บไว้เอง ช่างตีลายเศียรพระฤๅษีชัดและสวยมากเลย ประเภทนั้นน่าจะเป็นมีดครู

แต่เราต้องเข้าใจคำว่า "ฤๅษี" ไม่ใช่ฤๅษีแบบลิเกนะ ฤๅษีก็คือฆราวาสที่นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรม ถ้าไม่มีเวลาไปตัดผมก็เกล้ามวย ก็แค่นั้นเอง แต่คนไปคิดว่าฤๅษีเป็นประเภทนุ่งห่มหนังเสือ ไปห่มแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่า ? ยิ่งคนโบราณเขาถืออยู่ว่าเป็นการเบียดเบียนสัตว์

ฤๅษีที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ที่ปรากฏ ก็คือ ฤๅษีสุกกทันต์กับฤๅษีวาสุเทพ ที่ช่วยกันสร้างเมืองเชียงใหม่กับเมืองละโว้ พระฤๅษีที่ช่วยสร้างพระผงสุพรรณ พระฤๅษีที่ช่วยกันสร้างพระท่ากระดาน โดยเฉพาะฤๅษีพิมพิลาไลย ฤๅษีนารอท ฤๅษีตาวัว ฤๅษีตาไฟ ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีตัวตนจริง ๆ หลายท่านเป็นพระอรหันต์ หลายท่านเป็นพระพรหมอนาคามี เพราะสมัยก่อนเขาปฏิบัติกันจริงจัง พอมีความสามารถก็ได้รับการอัญเชิญมาสร้างวัตถุมงคลบ้าง ช่วยสร้างเมืองบ้าง ดูทำเลตั้งเมืองบ้าง"

เถรี 11-11-2016 17:24

ถาม : ฤๅษีโบโบอ่องล่ะครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นฤๅษีทางพม่า ฤๅษีทางพม่าที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ฤๅษีโบโบอ่อง ฤๅษีโบมินข่อ ฤๅษีอูคันตี ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็แบบเดียวกัน นุ่งขาวห่มขาวปฏิบัติธรรมอยู่ โดยเฉพาะเขาโป๊บป้าสมัยก่อนไม่มีทางขึ้นนะ ไม่มีทางขึ้นลงแต่ท่านขึ้นไปปฏิบัติธรรมกันอยู่ข้างบน เป็นยอดภูเขาไฟที่อยู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมากลางทุ่งเฉย ๆ แล้วเขาขึ้นลงอย่างไร ? เรื่องนี้ต้องคิดเหมือนกัน

ฉะนั้น...ไม่แปลกหรอกว่าทำไมท่านจึงกลายเป็นที่เคารพนับถือของคนจำนวนมาก ฤๅษีทั้งหลายที่เอ่ยนามมา บางท่านก็เป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ บางท่านก็กลายเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว บางท่านก็ยังเป็นพระพรหมอนาคามีอยู่

เวลาระลึกถึงท่าน ใช้คำรวมก็ได้ ท่านเคยบอกว่า นึกถึงบรมครูฤๅษีทั้ง ๑๐๘ ตน ถ้าเรานึกถึงท่าน นึกถึงถูกองค์ ท่านก็สงเคราะห์เราได้มากกว่า ถ้าเหวี่ยงแหมั่วไปหมดก็ไม่รู้ว่าจะสงเคราะห์อย่างไร สำคัญตรงที่ต้องรู้จักท่านด้วย

แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง รู้จักสมเด็จองค์ปฐม หลังจากที่ท่านเปิดออกมา แต่ละคนก็แห่สร้างตามกันเต็มประเทศไทย เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะมหานิกายหรือธรรมยุตสร้างสมเด็จองค์ปฐมกันแหลกราญเลย ก็ดีอยู่อย่างว่าเป็นการเผยแผ่เกียรติคุณของพระองค์ท่าน แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือ ทำอะไรมักง่าย ไม่เคารพ ไม่รู้จัก ไม่มีความคุ้นเคยเลย แต่ไปเรียกใช้ท่าน

เถรี 11-11-2016 17:28

มีอยู่วัดหนึ่งทางด้านอำเภอหนองปรือ สร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ปรากฏว่าหล่อ ๓-๔ เที่ยวก็ไม่สำเร็จ ลักษณะว่าไม่รู้จักท่านจริง เห็นท่านมีชื่อเสียง ถ้าสร้างไว้จะดึงคนเข้าวัดได้ ช่างคนเดียวกันกับที่หล่อพระประธานวัดท่าขนุน เครื่องมือก็ชุดเดียวกัน ทำที่วัดท่าขนุนไม่มีปัญหา ฤกษ์เดียวกันด้วย หล่อของวัดท่าขนุนเสร็จก็ต้องวิ่งไปหล่อให้เขา วันเดียวกัน แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ เครื่องมือเครื่องไม้พังไม่พอ แบบก็พังด้วย หล่อออกมาพรุนเป็นรังผึ้งเลย ทำเอาช่างประสาทจะกิน

ถ้าเป็นงานของวัดท่าขนุนช่างชุดนั้นมอบกายถวายชีวิตให้เลย ไม่เคยเกี่ยง ทำมากี่ครั้งไม่เคยมีปัญหา แต่พองานวัดอื่นทำแล้วทำไมมีปัญหา ต้องบอกว่าปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเขาไม่รู้จักพระองค์ท่าน ในเมื่อไม่รู้จักพระองค์ท่านแล้วไปสร้างส่งเดช ไม่รู้ด้วยว่าได้ขออนุญาตถูกต้องหรือเปล่า ?

เถรี 11-11-2016 19:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงที่อาตมาเข้าพระกรรมฐาน ๓ วัน ได้เอาพระขรรค์หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือเข้าไปด้วย เพราะว่าเวลาเข้ากรรมฐาน บางทีก็มีผู้หวังดีปรารถนาดี "ส่งของขวัญของฝาก" มาให้อยู่เรื่อย อาตมาขี้เกียจรบราฆ่าฟันกับใคร จึงอาราธนาพระขรรค์หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ ไว้ที่หัวเตียง ปรากฏว่าหลวงพ่อแจ่มท่านมา เนื่องจากอาตมาบ่น ๆ ว่า "ศึกษาวิชาสายของท่านไม่ทัน"

คนรุ่นหลังมักจะคิดว่าหลวงพ่อแจ่มใช้กรดกัดเหล็กจนเป็นยันต์นูนขึ้นมา แต่ความจริงแล้วท่านเขียนยันต์แล้วแช่น้ำมนต์ ยันต์จะนูนขึ้นมาเอง ตัวยันต์บาง ๆ ขนาดนั้นจะไปเอากรดกัดอีท่าไหน

หลวงพ่อแจ่มท่านบอกว่าให้ไปหาลูกศิษย์ของท่านรูปหนึ่งที่ชุมพร ท่านบอกชื่อ บอกที่อยู่ไว้ ท่านว่าอายุมากแล้วต้องรีบไปเหมือนกัน ถ้าหากว่าไปครอบครูแล้วก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์สายของท่าน เรียนวิชาของท่านได้

แต่พระขรรค์เล่มที่ได้มาต้องบอกว่าเสียดายแทนเจ้าของ หลวงพ่อแจ่มท่านเขียนเอาไว้ชัด ๆ เลยว่า "ประจำตระกูลแซ่ตั้ง" ไม่รู้ว่าลูกหลานไม่รู้จักของดีหรืออย่างไร เอามาขายเสีย ท่านทำให้ชนิดสุดจิตสุดใจจริง ๆ ลงวิชาความรู้ไว้ครบถ้วนยังไม่พอ ด้ามแกะยังเป็นท้าวเวสสุวรรณที่สวยมาก ๆ

เมื่อไรอาตมามีโอกาสลงไปชุมพร คงไปต้องแบกบายศรีไปด้วย เพื่อไปขึ้นครู"

เถรี 11-11-2016 19:39

"หลวงตาวัชรชัยเคยชวนไปหาหลวงลุงวงศ์ หลวงตาบอกว่า "สมาธิแกดี ภาวนาคาถาไม่นานก็ได้ผลแล้ว" เลยชวนไปเรียน แต่ช่วงนั้นอาตมาไม่กล้าทิ้งหลวงพ่อวัดท่าซุง

หลวงตาวัชรชัยแต่เดิมเป็นคนอยุธยา ท่านคุ้นเคยกับหลวงลุงวงศ์ หลวงลุงวงศ์เป็นศิษย์หลวงปู่แจ่ม หลวงลุงวงศ์เรียนวิธีจารอักขระลงเนื้อเหล็กแล้วแช่น้ำมนต์ให้นูนขึ้นมา บอกให้รีบไปเรียน ปรากฏว่าถ่วงกันไปดึงกันมา ท้ายสุดหลวงลุงมรณภาพไปก่อน

ถ้าเป็นอาตมา ของที่ครูบาอาจารย์ให้ไว้เป็นของประจำตระกูล คงไม่กล้าขยับไปไหน เหมือนกับมีดหมอหลวงพ่อกวยที่ท่านทำให้เฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นพระ อาตมาก็ไม่กล้าขยับไปไหน ปูผ้าขาววางบนแท่นไว้บนโต๊ะหมู่เลย แต่ว่าพอคนรุ่นหลัง ๆ ไปแล้ว ข้าวของหลุดมาเพราะว่าลูกหลานไม่รู้จักของ ไม่เห็นคุณค่า ไม่มีประสบการณ์เหมือนกับรุ่นรุ่นปู่รุ่นพ่อ เลยเอาไปขายเอาเงินใช้ดีกว่า"

เถรี 11-11-2016 19:52

ถาม : เวลาเข้าป่า นอนกลางดินกินกลางทราย ระหว่างอิติปิ โสฯ ๘ ทิศ กับขีดแม่พระธรณีด้วยมีดหมอ อย่างไหนจะดีกว่ากันคะ ?
ตอบ : อาตมาไม่ค่อยขีดด้วยมีดหมอ กลัวลืม..ถ้าลืมตรงนั้นก็ไม่ต้องมีใครเข้ามาอีก ส่วนใหญ่จะใช้อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ เสกก้อนดินโยนไป ๘ ทิศ อธิษฐานว่าพอสว่างก็ให้หมดอานุภาพ ไม่อย่างนั้นเขตนั้นจะไม่มีใครเข้าได้ ถ้าใช้มีดหมอไปขีดเอาไว้ ถึงเวลาเจ้าของที่เขาจะลำบาก เกิดเราลืมลบขึ้นมานี่ยุ่งเลย

ถาม : ถ้าฝากแม่พระธรณี ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วอาศัยนอนอยู่บนอกแม่ก็สบายแล้ว นึกถึงท่านให้คุ้มครองก็หมดเรื่อง เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่ที่ไปด้วยกันท่านชอบนอนเปล อาตมาไม่นิยม ชอบเลื้อยกับพื้นมากกว่า มั่นใจกว่ากันเยอะ

เถรี 11-11-2016 19:59

ถาม : เรื่องศีลข้อสอง เวลาเก็บผลไม้ในป่า ใบไม้ใบหญ้า จะผิดไหมคะ ?
ตอบ : คนทั่วไปไม่เป็นไร เป็นพระอย่าไปเก็บ พระโพธิสัตว์ยิ่งไม่สมควรเก็บ

เถรี 12-11-2016 17:37


มีโยมมารับแม่นางกวัก หลวงปู่อิ่ม วัดหัวเขา พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "หายากมาก ส่วนใหญ่เป็นแบบไม้ป้ายปูน ประเภทนางกวักลอยองค์มาเดี่ยว ๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีหรอก"

เถรี 12-11-2016 17:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปสักการะพระบรมศพมาหรือยัง ? ทางทองผาภูมิคุณยายล้วน หวนประไพ บอกว่า “อาจารย์... อิฉันไปตั้งแต่ตี ๒ ยังไม่ได้คิวเลย” ออกจากทองผาภูมิไปตี ๒ ยายจะไปได้คิวอะไร คนอื่นเขานอนที่สนามหลวงกันเลย

ออกจากทองผาภูมิตี ๒ ต่อให้รถไม่ติดเลย มาถึงก็น่าจะถึงประมาณตี ๕ หรือหกโมงเช้า คนอื่นเขานอนรอกันอยู่ มีทางเดียวก็คือต้องตื๊อต่อไปเลย รอคิววันต่อไป...ห้ามกลับ"

เถรี 12-11-2016 17:46

ถาม : เป็นหูดใหญ่ค่ะ ?
ตอบ : ถ้าหูดขนาดใหญ่ก็ไม่ทันแล้ว ถ้าหูดเล็ก ๆ พวกชุมเห็ดช่วยได้ เอาใบชุมเห็ดเพสลาด (ครึ่งอ่อนครึ่งแก่)มาใบหนึ่ง ที่มีใบเล็ก ๆ เป็นแถวประมาณ ๒ นิ้วมือ เอามาย่างไฟเสียหน่อยแล้วกินเข้าไป จะถ่ายอยู่ประมาณวันหนึ่ง แล้วหูดจะยุบหมด แปลกดีเหมือนกัน

ถาม : ต้มหรือคะ ?
ตอบ : เอาไปย่าง ไม่ใช่ต้ม ย่างเกรียม ๆ แล้วก็เคี้ยวกินเข้าไป จะถ่ายอยู่ประมาณวันหนึ่ง ใครเป็นหูดแล้วสู้ไม่ไหวก็ใช้ใบชุมเห็ด แต่ก็แปลก...ถ่ายเสียจนหูดยุบหมด ที่เหลืออยู่ก็ฝ่อหล่นไปเฉย ๆ ไม่รู้ว่าแพ้อะไรกัน

เถรี 12-11-2016 18:04

ถาม : ญาติเขาป่วย เจ็บมาก ใส่เครื่องหายใจ ?
ตอบ : ก็ให้เขาพุทโธไป เพียงแต่บอกว่าให้อยู่กับลมหายใจจริง ๆ จัง ๆ ถ้าอยู่กับลมหายใจได้ ก็จะไม่เจ็บ อย่างลุงเดฟเป็นฝรั่งด้วย เป็นกรรมการวัดของอาตมา แกเป็นมะเร็ง ลุงเดฟก็ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร เพราะภาวนาเห็นภาพพระแล้วสบายใจ ลืมเจ็บหมด ลูกหลานเห็นเงียบ ๆ ก็ไปเขย่าเรียก พอหลุดจากสมาธิมาแกก็โวยว่าแกเจ็บ แล้วก็ภาวนาใหม่ ลูกหลานเห็นเงียบเมื่อไรก็ไปเขย่าเรียกอีก คนไม่รู้เรื่องนี่สมควรตายจริง ๆ...! สรุปแล้วลุงเดฟเป็นฝรั่ง ตายแล้วไปเป็นพรหม เราเป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธ ตายแล้วจะไปเป็นอะไร ?

ถาม : ต้องถึงฌานสี่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น แค่ปฐมฌานก็พอ จิตกับประสาทแยกจากกันก็ไม่รับรู้อาการร่างกายแล้ว บอกเขาว่าภาวนาก็ได้ แต่ให้ภาวนาอยู่กับลมหายใจจริง ๆ จัง ๆ ไม่ใช่ปากสักแต่ว่าพุทโธ ๆ ไป

ฝรั่งเขาได้รับการอบรมมาในลักษณะว่า ทำอะไรแล้วทำจริงจัง เพราะฉะนั้น...เวลาทำอะไรแล้วเขาก็ทำได้ผลง่ายกว่าเรา พวกเราประเภทสบายจนเกินเหตุ เหมือนกับหนูอยู่กับถังข้าวสาร ในเมื่ออยู่บนถังข้าวสารก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกินสักที รอแมวมางับหัวเมื่อไรแล้วจะรู้สึก..!

เถรี 12-11-2016 18:20

ถาม : ถ้าพื้นที่ธรณีสงฆ์ ทางวัดเอาไปทำเป็นที่พักอาศัยได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเราเช่าที่ก็ปลูกได้ เพียงแต่ว่าไม่มีทางซื้อขาดได้ เพราะถ้าเป็นชื่อวัด จะซื้อได้ต่อเมื่อออกเป็นพระราชบัญญัติเท่านั้น แปลว่าต้องเข้าคณะรัฐมนตรี สภาบนสภาล่างอนุมัติเสร็จสรรพเท่านั้น

ถาม : แต่เรามีสิทธิ์เช่าได้ ?
ตอบ : มีสิทธิ์เช่าได้ ต่อให้ไปถือครองโดยปรปักษ์โดยที่พระไม่คัดค้านเลย กี่ ๑๐๐ ปีก็ไม่สามารถเอาเป็นของเราได้ เพราะว่ากฎหมายเขาบังคับไว้ เขากลัวกรรมการวัดเอาที่วัดไปขายกระมัง ? ก็เลยออกกฎหมายกันไว้เสียขนาดนั้น

เถรี 12-11-2016 18:25

ถาม : บ้านหลังใหม่อยู่แถวไหนคะ ?
ตอบ : อยู่ข้างสถานีรถไฟฟ้าบางรักใหญ่สายสีม่วง ลงจากสถานีเดินเข้าบ้านเลย เพราะบ้านอยู่ข้างถนนใหญ่ อยู่ที่โน่นจะอบอุ่นกว่านี้เยอะ เพราะว่าบ้านทั้งหลังใส่ลงในห้องนี้แล้วยังเหลือที่ว่างของห้องนี้อีกตั้งเยอะ

ถาม : แล้วท่านย้ายไปทำไมคะ ?
ตอบ : รู้สึกว่าพวกเราห่างเหินกัน อาตมาชอบนั่งคุยกันใกล้ ๆ มากกว่า...!

ถาม : ท่านจะไปลองรถไฟฟ้าสายใหม่หรือคะ ?
ตอบ : เห็นกิจการเขาไม่ดีก็เลยย้ายไปช่วยกิจการรถไฟฟ้าหน่อย เพราะสายนั้นขาดทุน...!

ถาม : ท่านย้ายไปแล้วจะย้ายอีกไหมคะ ?
ตอบ : ก็อาจจะย้ายไปเรื่อย ๆ เพราะว่าถ้าหากว่าที่ตรงนั้นหมดสัญญา ก็ย้ายใหม่ ย้ายบ่อย ๆ จะได้ฝึกความไม่ยึดติด

เถรี 17-11-2016 14:38

ถาม : หมอเขาตรวจเจอมะเร็งครับ ?
ตอบ : จะไปกลัวอะไรกับมะเร็ง ถ้าเราไม่กลัว มะเร็งก็จะกลัวเราเอง

ถาม : จะฝากไปอยู่ทำกรรมฐานที่วัดท่าขนุน ?
ตอบ : ถ้าไปอยู่แล้วทำกิจกรรมร่วมกับเขาไม่ได้ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกมา อยู่บ้านดีกว่า ที่วัดมีระเบียบว่า ถ้าไม่ได้นอนโรงพยาบาล กิจกรรมทุกอย่างต้องทำร่วมกัน

อาตมาเจอมาหลายรายแล้ว ถึงเวลาเราไม่กลัวมะเร็ง ก็หายเอาดื้อ ๆ แม้กระทั่งตัวอาตมาเอง โดนกินจนเข้ากระดูก จะเดินไม่ได้อยู่แล้ว พอไม่สนใจทำงานไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ไปตรวจใหม่ก็หายไปเฉย ๆ ก็แสดงว่าแค่ขู่เราเท่านั้น พอเห็นเราไม่กลัวเข้ามะเร็งก็จากไปเอง

นี่แสดงว่าพวกเราเห็นอาตมาแข็งแรงดี เลยไม่รู้ว่าเคยเป็นมะเร็งมาแล้ว เป็นแล้วก็ไม่ได้บอกใคร แต่ช่วงนั้นโดนกินกระดูก กินเส้นประสาทจนจะเดินไม่ได้ แต่ยังพอขยับได้ก็ทำงานไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ใส่ใจหรอก ทำไปทำมาเดือนกว่าก็หายไปเฉย ๆ ทุกวันนี้หมอก็ยังสงสัยว่าหายได้อย่างไร ?

เถรี 17-11-2016 14:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้ราคาเงินราคาทองกระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ หาความแน่นอนไม่ได้ อาตมาก็เลยผลักภาระให้กับญาติโยมแทน ไปหามาร่วมหล่อพระคนละ ๑ กิโลกรัม

มีครอบครัวแสงอุทัย เคยถวายมาหลายกิโลกรัมแล้ว วันเกิดพ่อ วันเกิดแม่ วันเกิดลูก ถวายมาครั้งละ ๑ กิโลกรัม ครอบครัวนั้นไม่ต้องถวายก็บุญเหลือเฟือแล้ว

ตอนหล่อสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงครั้งแรก อาตมาถวายทองคำไป ๗ บาท แล้วก็มีสร้อยมรกตล้อมเพชรอีก ๑ เส้น ว่าจะเก็บไปหมั้นสาวก็หมดโอกาสแล้ว สละปัจจัยถวายบูชาพระไปเลย ต้องบอกว่าพออายุ ๓๐ ไปแล้วเรื่องคิดจะมีครอบครัวก็ชักจะหาย ๆ ไป มาตอนนี้ดีใจมากเลยที่มีลูกเยอะแยะไปหมด ต้องบอกว่าเป็นเผ่าพันธุ์ประหลาด ไม่มีเมียก็มีลูกได้"

เถรี 17-11-2016 14:55

ถาม : เวลาลูกหลานหลวงพ่อทะเลาะกัน หลวงพี่ก็ไปต่อว่าหลวงพ่อว่ามีลูกเยอะ ?
ตอบ : อันนั้นว่ากันไม่ได้หรอก ตอนโมโหอาตมาก็โทษเปะปะไปเรื่อย ความจริงอยู่ที่พวกเราสันดานเสียกันเอง ทำไมถึงรักกันไม่ได้ ต้องมีการชิงดีชิงเด่นกันด้วย ?

เถรี 17-11-2016 16:56

ถาม : มีดหมอหลวงพ่อกวยตีเองหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นรุ่นเก่าท่านทำกันเองในวัด ถ้าเป็นรุ่นหลัง ๆ สั่งทำจากพยุหะคีรี ฉะนั้นรุ่น...แรก ๆ มีเท่าไรก็เก็บไว้เถอะ เพราะว่าท่านสะสมโลหะอาถรรพ์ พอได้สมควรแล้วท่านก็หลอมกันเองตีกันเอง

คนรู้จักแต่ของรุ่นหลัง ๆ เพราะว่าท่านดังมากแล้ว ของรุ่นแรก ๆ ไม่ค่อยรู้จักกัน แต่ก็ดี...เพราะของพวกนี้จะไม่แพงมาก

เถรี 17-11-2016 18:06

พระอาจารย์กล่าวถึงพระแก้วใสเก้านิ้วทรงเครื่องว่า "งานเป่ายันต์ครั้งที่แล้วเอาเข้าพิธีไป ๙๔ องค์ อึดใจเดียวก็หมดเกลี้ยง เพราะปกติพระปิดทองคำแท้จะแพง แต่ของเราให้บูชาองค์ละ ๒,๕๐๐ บาท พักเดียวก็หมดเกลี้ยง ตอนขนเข้าพิธีว่ากันเป็นคันรถ ๙๔ องค์ ตอนบูชาโยมยังได้ไม่ถึงครึ่งแถวเลย...หมดแล้ว"

เถรี 17-11-2016 19:21

พระอาจารย์เล่าว่า "เทอมนี้เด็ก ๆ ที่วัดก็ชวดตามเคย บอกว่าถ้าหากว่าสอบได้เกรด ๔.๐๐ เทอมไหน จะให้เงินไปดัดฟัน ปรากฏว่าไม่ได้กันสักทีหนึ่ง ลดลงมาเหลือ ๓.๕๐ ก็ยังไม่ได้อีก เทอมนี้ก็ร่อแร่ได้แค่เกรด ๒ กว่า ๆ ได้ ๒.๘๕ เขาบอกว่าว่า “หลวงพ่อ...หนูหมดอยากที่จะดัดฟันแล้ว”

เวลาเห็นคนอื่นเขาเรียนกันยากลำบาก อาตมาก็สงสัยว่ายากตรงไหนวะ ? ยากตรงไม่เข้าใจใช่ไหม ? ถ้าเข้าใจก็ไม่ยาก แต่ว่าส่วนใหญ่ทำความเข้าใจในวิชาการจะยาก เพราะเขาไม่มีหลัก หลักการก็คือเรียนวิชาอะไร ให้เราศึกษา Scope ก็คือ สังเขปรายวิชากว้าง ๆ หลังจากนั้นเวลาอาจารย์อธิบายวันนี้ว่าด้วยเรื่องอะไร ? หัวข้อหลักคืออะไร ? หัวข้อรองคืออะไร ? ฟังให้เข้าใจว่าหัวข้อรองท่านอธิบายมาอย่างไร ? ถ้าเราฟังแล้วเข้าใจ ก็เท่ากับได้หมดนั่นแหละ ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม

อาตมาเรียนอยู่ชั้น ป. ๗ ถามจนคุณครูร้องไห้ คุณครูผู้หญิง ชื่อ ครูเฉลิม โพธิ์ทอง ผู้หญิงสมัยก่อนนี่เขาไม่กลัวนะว่าชื่อเฉลิมจะเป็นชื่อผู้ชาย เพื่อนเรียนชั้นเดียวกันกับอาตมา เป็นผู้หญิงสวยเช้งวับชื่อสมศักดิ์..! แม่อยากได้ลูกชาย พ่อก็อยากได้ลูกชาย ตั้งชื่อไว้ว่าสมศักดิ์ สมัยอาตมาก็ไม่ได้มีอัลตราซาวด์จะได้ตรวจดูได้ว่าลูกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ออกมาก็ตั้งชื่อลูกประชดเลย เด็กหญิงสมศักดิ์ ก็ไม่เห็นเขาจะเดือดร้อนอะไร เขาก็สมศักดิ์มาเรื่อย คนสวยเสียอย่างจะชื่ออะไรก็ได้"

เถรี 17-11-2016 19:22

"ครูเฉลิมสอนวิชาคณิตศาสตร์ อาตมาถามซอกถามแซก ถามจนครูอธิบายไม่ได้ โมโหจนร้องไห้เลย ท่านสอนเรื่องเศษส่วน เศษส่วนจำนวนเกิน เศษส่วนจำนวนคละ “แล้วเศษส่วนมาจากไหน ? ทำไมต้องมีด้วย ?” เจอลูกศิษย์สงสัยแบบนี้นี่ตายเลย เรื่องของคณิตศาสตร์เป็นการลับสมอง ให้เราหาวิธีคิดหลาย ๆ วิธี เพื่อที่จะให้ออกมาเป็นคำตอบนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็จะมีคนอยู่ประเภทเดียวเท่านั้นที่ชอบตัวเลขพวกนี้ ก็คือ พวกประเภทถ้าไม่ใช่อัจฉริยะก็ต้องบ้าไปเลย..!

วันนี้ลูกสาวมาหาแต่เช้า ลูกเจนนี่สอบคณิตศาสตร์ได้ที่ ๑ ของจังหวัด แต่เลือกเรียนสายศิลป์ ครูโกรธมาก “ทำไมเธอไม่เรียนสายวิทย์...หือ ?” เจนนี่บอกว่า “มันยากค่ะ” คนสอบคณิตศาสตร์ได้ที่ ๑ ของจังหวัดบอกว่ายาก แล้วที่เหลือจะรอดไหม ? ท้ายสุดก็กลับไปคิดตัวเลขเหมือนเดิม ปัจจุบันนี้เรียนอยู่ปี ๒ บัญชีอินเตอร์จุฬาฯ คนไม่ชอบตัวเลขต้องไปเรียนตัวเลขก็คงจะเครียดเหมือนกัน แต่ว่าโปรแกรมภาษาอังกฤษน่าจะง่ายกว่าภาษาไทย สอบเข้าทีหนึ่งติดตั้ง ๔ คณะ ทั้งจุฬาฯ ทั้งธรรมศาสตร์ ติดหมดเลย เป็นอินเตอร์โปรแกรมไป ๓ คณะ

นาน ๆ จะมีลูกที่เรียนได้อย่างใจสักที ที่เหลือต้องลุ้นเหนื่อยกว่าตัวเองเรียนเยอะเลย เด็ก ๆ เขาจะถอดใจ อาตมาบอกว่าไม่ต้องถอดใจหรอก เพราะหลวงพ่อเห็นมาเยอะแล้ว ยิ่งโตยิ่งเรียนเก่งก็มี...แปลกดี เหมือนอย่างกับว่าโตแล้วรู้จักคิด หรือมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นก็ไม่รู้ เรียนเก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนเด็กเรียนไม่รู้เรื่อง"

เถรี 17-11-2016 20:01

ถาม : วันก่อนหนูไปทำกายภาพบำบัด หมอที่ทำกายภาพบำบัดก็ทักว่าหนูเป็นสายพญานาค และมีวิญญาณตามมาเพียบเลย หนูก็ไม่เชื่อ หนูบอกเขาว่าหนูนับถือหลวงพ่อฤๅษี เขาก็บอกว่าหลวงพ่อฤๅษีก็สายพญานาคนั่นแหละ เขาทักหนูเยอะเลย ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก

ถาม : เขาจับตัวหนู จับกระดูก แล้วก็บอกว่า "ร้อนไปหมดเลย แสบไปหมดเลย" หนูก็ว่าอะไรไม่รู้ ?
ตอบ : แสดงว่าเจอหมอไม่เต็มบาท..!

ถาม : หนูก็ว่ามียันต์เกราะเพชร หนูก็มีพระกริ่ง มีอะไรเต็มไปหมด วิญญาณจะมายุ่งกับหนูได้อย่างไร ?
ตอบ :ไม่ต้องไปใส่ใจ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ขืนฟังมากเดี๋ยวก็บ้าไปกับเขาด้วย..!

เถรี 17-11-2016 20:29

ถาม : ในวัดท่าขนุนมีสวดพระอภิธรรมถวายในหลวงไหมครับ ?
ตอบ : มีสวดทุกเย็น เป็นระยะเวลา ๑ เดือน

ถาม : ท่านไม่คิดจะเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมในวังบ้างหรือครับ ?
ตอบ : ตูไม่ได้กินอิ่มขนาดนั้น รู้จักคำว่า "เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง" ไหม ? ต้องใช้หนูกี่ตัวถึงจะพอปะ ? ตูไม่ใช่หนูพุกด้วย ตูเป็นแค่หนูหริ่งตัวกระเปี๊ยกเดียว ไม่คิดที่จะไปดังขนาดนั้น

จำไว้ว่า ถ้าอยากดังก็อย่าไปหวังความสงบ หน่อยแน่...สวดอภิธรรมในวัง ชิชะ...กูยังไม่ได้สิ้นสติขนาดนั้น คนอย่างกูจะดัง ก็ไม่จำเป็นต้องไปโหนสถาบัน...!

เถรี 17-11-2016 20:40

ถาม : สวดพระอภิธรรมถวายในหลวงได้อานิสงส์อะไรครับ ?
ตอบ : อันดับแรกได้ความกตัญญู อย่างน้อยก็ได้แสดงการตอบแทนที่เรียกว่ากตเวที อันดับที่ ๒ พระได้ซักซ้อมความคล่องตัวในการสวดมนต์ อันดับที่ ๓ ถ้าแปลออกก็เท่ากับได้ปฏิบัติธรรมอยู่ทุกวัน อันดับที่ ๔ การสวดมนต์ ถ้าไม่มีสมาธิก็สวดไม่ได้ ก็เท่ากับเราปฏิบัติสมาธิภาวนาไปด้วย อันดับสุดท้าย คนสวดได้เงิน..!

เถรี 19-11-2016 09:13

ถาม : เวลาเราเกิดปัญหา ระหว่างการที่เราหนีไปไม่ให้รู้เห็น กับหยิบมาแก้ วิธีอย่างไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ไม่รับรู้ด้วยวิธีไหน ?

ถาม : ถ้าหลบไปสงบสักพักหนึ่ง กับอีกแบบหนึ่งเอามาจัดการด้วยสมาธิ หรือวิปัสสนา เขาบอกว่า....?
ตอบ : ต้องถามเขาสิ ใครบอกมาแทนที่จะถามคนนั้น ดันไปถามอีกคนหนึ่ง แล้วจะรู้ไหมว่าเขาหมายถึงอะไร ?

ถาม : ผมเข้าใจว่า เขาหมายถึง การไม่เจริญในสติปัฏฐาน ๔ ?
ตอบ : สติปัฏฐาน ๔ ในปัจจุบันทำผิดร้อยละ ๙๙ ..!

ถาม : อย่างไรครับ ?
ตอบ : เขาบอกว่าจะต้องรู้เท่าทันกับปัจจุบัน เสร็จแล้วก็ปล่อยวาง โดยการที่พยายามทำอินทรีย์ ๕ พละ ๕ ให้เสมอกัน อย่างในปัจจุบันที่เห็นอยู่คือเขาพยายามใช้แค่อุปจารสมาธิ ก็เหมือนกับให้มือเปล่าขึ้นไปต่อยกับไมค์ ไทสัน โอกาสตายมีเกิน ๑๐๐ %...!

ทุกวันนี้ที่เขาทำผิดก็เพราะบุคคลที่มีสมาธิ เขาให้คลายสมาธิออกมา แล้วไปสู้กับกิเลส ควายชัด ๆ...! ในเมื่อคุณบอกว่าอินทรีย์ ๕ พละ ๕ ต้องเสมอกัน ทำไมไม่ยกอย่างอื่นขึ้นมาให้เท่ากับสมาธิที่มีอยู่ ทำไมเสือกทะลึ่งลดสมาธิลงไปจนโดนกิเลสฟัดตายห่..! ฉะนั้น...บรรดาอาจารย์สายนี้ในปัจจุบัน สอนผิดสัก ๙๙ เปอร์เซ็นต์ เห็นแล้วสงสารลูกศิษย์


ถาม : ก็คือ ต้องปล่อยวาง ?
ตอบ : ถ้ากำลังคุณไม่พอ ตายอย่างเดียว ต้องรู้หลบรู้หลีก รู้จักผ่อนหนักเป็นเบา ฉะนั้น...ลองนึกถึงที่หลวงปู่หล้าท่านบอก ว่าหัดเป็น "นักหลบ" เสียบ้าง ไม่ใช่เป็น "นักรบ" อย่างเดียว รู้ว่ารบแล้วสู้ไม่ได้ ยังทะลึ่งไปรบเขาเรียกว่าโง่...!

เถรี 19-11-2016 09:18

ถาม : ถ้าเราเกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนา ไม่มีพระพุทธเจ้า เวลาเราทำกรรมฐาน จะถือว่าเราได้ประโยชน์หรือไม่ หรือถ้าเกิดในยุคที่มีพระพุทธเจ้า เราจะทำประโยชน์ได้มากกว่า ?
ตอบ : คุณจะทำประโยชน์อะไร ? มีประโยชน์ตน มีประโยชน์ท่าน มีประโยชน์ทั้งสองส่วน พูดง่าย ๆ ว่าถ้ารู้จักพระพุทธศาสนา เวลาปฏิบัติธรรม นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง อานิสงส์ก็ย่อมมีมากกว่าคนที่ทำสมาธิเฉย ๆ

เถรี 19-11-2016 09:22

ถาม : เวลาเราตาย ถ้าเกิดเราไม่ภาวนา แต่เราอธิษฐานเลยว่าจะไปที่นั่น ?
ตอบ : รอตายไปก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ขนาดตั้งใจไว้ก่อนตายยังพลาดมาเยอะแล้ว ทุกวันนี้ที่พระมัวแต่สอน จ้ำจี้จ้ำไชปากเปียกปากแฉะอยู่ ก็เพื่อตอกย้ำให้พวกคุณทำกันบ่อย ๆ ทำจนเคยชิน คติจะได้แน่นอนขึ้น คำว่า "แน่นอนขึ้น" ไม่ได้แปลว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ากรรมอาจแทรกระหว่างนั้นได้ แต่ก็ดีกว่าปล่อยไปตามบุญตามกรรม

เถรี 19-11-2016 09:28

ถาม : ยันต์ของหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ ที่เป็นเอกลักษณ์บนมีดไม่มีหรือครับ ?
ตอบ : ไม่มี เพราะว่ายันต์ของท่านไม่ค่อยจะเหมือนกัน ตอนนั้นอยากลงอะไรท่านก็ลงไปเรื่อย เขียนไปตามแต่พื้นที่ใบมีดที่มีอยู่ ใบใหญ่ก็ได้ไปมากหน่อย อาตมาได้มีดหมอของท่านมา ๔ เล่ม ไม่เหมือนกันสักเล่ม

เถรี 19-11-2016 09:31

ถาม : ถ้ามีคนทิ้งกระดาษที่เขาบอกว่า ให้พิมพ์แจกกระดาษนี้อีก ๑๐ แผ่น เราต้องทำตามเขาไหมครับ ? ถ้าไม่ทำแล้วจะเกิดวิบัติอย่างที่เขาว่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อาตมาไม่เคยทำตามสักทีก็ยังสบายดีอยู่ ที่แสบที่สุดคือมีอยู่ครั้งหนึ่งไปซื้อหนังสือ เขาสอดอยู่ในหนังสือว่าถึงคุณผู้โชคดี อาตมาก็ว่าอะไรวะ ? หนังสือใหม่เอี่ยมในร้านเลยดันมีไอ้นี่สอดอยู่ เปิดซองออกมาเขาบอกให้ส่งต่ออีก ๙ คน ไม่อย่างนั้นจะโชคร้ายแบบนั้นแบบนี้ อาตมาก็เลยส่งลงถังขยะตรงนั้นไปเลย

ถาม : คนที่ทำเขาจะบาปไหมครับ ?
ตอบ : จะบาปตรงไหน ? ยกเว้นว่าคุณโง่ไปเชื่อ เพราะเขาเชื่ออย่างนั้น เขาก็ส่งต่อไปเรื่อย ถ้าเราไม่เชื่อ วงจรอุบาทว์ก็จบลงแค่เรา

เถรี 19-11-2016 09:38

ถาม : สมมติเราเคยอธิษฐานในสิ่งหนึ่งและสำเร็จแล้ว พอเวลาผ่านมาอธิษฐานซ้ำได้ไหมครับ ?
ตอบ : อะไรที่ได้แล้วก็แล้วกัน แต่คำอธิษฐานสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ สามารถตอกย้ำได้

ถาม : อธิษฐานใหม่จะได้เท่ากับกำลังจิตเดิมไหมครับ ?
ตอบ : จะได้เท่าไรก็ช่างเถอะ ตอกย้ำกำลังใจให้แน่วแน่มั่นคงแล้วกัน แต่อย่าลืมที่ในหลวงท่านเตือนไว้นะ "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป" ท่านบอกนั่นเป็นอธิษฐานบารมีเลยนะ เธอแน่ใจแล้วหรือที่ว่าอย่างนั้น ถ้าเกิดตามกันไปแล้วลำบากยากเข็ญขึ้นมาก็อย่ามาโทษกัน

ถาม : อธิษฐานแล้วจะต้องได้ตามนั้น ?
ตอบ : ตั้งใจแล้วก็ต้องได้ตามนั้น ซื้อตั๋วแล้วขึ้นรถอย่างไรก็ต้องไปถึงปลายทาง เพียงแต่ว่าจะไปแบบไหน ถ้าหนทางเป็นเตาขนมครกตั้งแต่ต้นยันปลาย ก็เป็นเวรเป็นกรรมของคุณเอง...!

เถรี 19-11-2016 18:57

ถาม : ในขณะที่เรากำลังทำงานอยู่ สามารถทรงอุปจารฌาน ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทรงอิริยาบถอยู่ คนที่มีความคล่องตัว แม้แต่ฌาน ๔ ก็ทรงได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอุปจารฌานหรือว่าปฐมฌาน เพียงแต่ปฐมฌานนั้นจะครบด้วยองค์ ๕ คือ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตารมณ์ อุปจารฌานเพียงแต่เลยปีติไปหน่อยเดียวเท่านั้น


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:42


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว