กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6115)

เถรี 20-04-2018 09:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปปราสาทพระเทพบิดรมาหรือยัง ? แต่งชุดไทยไปได้เลย จะนุ่งโจงฯ นุ่งซิ่นอย่างไรก็ได้ เพราะว่าปีหนึ่งเปิดครั้งเดียว ยกเว้นว่ามีพระราชพิธีสำคัญก็มีเปิดเพิ่มให้ เพียงแต่ว่าที่แน่ ๆ เปิดวันที่ ๖ เมษายนแน่นอน"

ถาม : วันนี้ท่านเสด็จด้วยค่ะ ?
ตอบ : ท่านเสด็จเราก็เฝ้าด้วย จะไปยากอะไร

ถาม : ช่วงที่เสด็จก็จะไม่ได้เข้า
ตอบ : เขาก็ประเภทนั่งเข้าแถวกันรอบกำแพงวัง เรื่องของคนไทยเรากับสถาบันพระมหากษัตริย์ ผูกพันลึกซึ้งมาตั้งแต่ไม่รู้ยุคไหนสมัยไหน ขอให้ได้เข้าเฝ้าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน จะมีความสุขมาก นั่งร้อนเท่าไรก็ทนได้ ฝนตกลงมาก็ทนได้

เถรี 20-04-2018 09:40

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : บาลีก็มีบอกไว้ ที่เอามาแต่งเป็นโคลงโลกนิติ ว่า

เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้..............สุขสบาย
เย็นญาติทุกข์สำราย ............กว่าไม้
เย็นครูยิ่งจันทร์ฉาย.................กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่มพระเจ้าให้.................ร่มฟ้าดินบน
ท้ายสุดก็คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าเย็นที่สุด

ไปฟังพระพม่าเทศน์แล้วเขามีคนที่รู้ภาษาไทย เขาแปลเป็นไทยฟังแล้วเครียด ท่านเทศน์เรื่องนี้แหละ แม่เจ้าประคุณแปลว่า ของต้นไม้ร่มเงา ก็คือแปลแบบพม่าแท้เลย เพราะภาษาพม่าแปลจากข้างหลังมาข้างหน้า ของเราจากข้างหน้าไปข้างหลัง คราวนี้เขาถนัดพูดแบบพม่า ก็เลยแปลจากข้างหน้าไปข้างหลัง ลืมไปว่าต้องแปลหลังไปหน้า

อย่าง "ทะมินซา" ทะมินก็ข้าว ซาก็กิน เขาแปลเป็นข้าวกิน ต้องแปลกลับว่ากินข้าว เพราะฉะนั้นร่มเงาของต้นไม้ เขาเล่นแปลแบบพม่าเป็นของต้นไม้ร่มเงา อาตมาฟังแล้วเครียด คิดว่ากูแปลเองเสียดีกว่ากระมัง ?

เถรี 20-04-2018 09:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหากุลวัฒน์ธนะ กตธัมโม วัดเทพลีลา ขาประจำเว็บวัดท่าขนุน ปีนี้ได้สอบได้ประโยค ๙ ส่วนท่านเจ้าคุณพระปริยัติธรรมเมธี วัดบุรณศิริมาตยาราม ท่านเป็นเจ้าคุณไปแล้ว ลูกศิษย์เป็นเจ้าคุณกันไปหมดแล้ว อาจารย์ก็ยังอยู่แค่เดิม เรื่องของบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้ ท่านได้เราก็ดีใจด้วย พอถึงเวลาท่านรายงานว่า “ผมเป็นเจ้าคุณแล้วครับ” อาจารย์ฟังแล้วก็ชื่นใจ ต้องบอกว่าบ้านเรายังให้ราคาเปรียญสูงกว่าอย่างอื่นเยอะ"

เถรี 21-04-2018 20:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณูปการของบุพเพสันนิวาส ทำให้รากเหง้าความเป็นไทยกลับคืนมามาก อาจจะเป็นเพราะว่ามาได้ถูกจังหวะ คำว่าถูกจังหวะก็คือ พอสิ้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ เหมือนอย่างกับว่าความเป็นชาติไทยของเราล่มสลายไป พอมีอะไรที่แสดงออกซึ่งความเป็นไทยชัด ๆ ขึ้นมา จึงกลายเป็นกระแสที่ไม่ต้องปลุกก็ขึ้น

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหตุการณ์ในอดีตที่เขาย้อนกลับไป เป็นเหตุการณ์ในช่วงที่มีการหักเล่ห์ชิงไหวพริบ
ต่าง ๆ กันอยู่ในราชสำนัก แม้กระทั่งต่างชาติก็จะมาครอบงำบ้านเมืองของเรา ก็ทำให้คนติดใจได้ โดยเฉพาะนางเอกเป็นคนยุคใหม่กลับเข้าไป ก็เลยทำให้มีอารมณ์ร่วมได้เยอะ ทำให้เราไม่รู้สึกว่าตกยุค เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็ยุคเดียวกับนางเอกนั่นแหละ เพียงแต่ว่านางเอกหลงยุคไป

ในส่วนนี้สร้างเลียนแบบไม่ได้ ถ้าหากว่าทำอีกก็ต้องทำเรื่องอื่นไปเลย ภาคต่อก็จะไม่ได้อย่างนี้ แล้วก็ใครที่มีการใฝ่ฝันว่าจะส่งออกละครไทยในลักษณะนี้ไป ไม่เกิน ๓ เรื่องก็เฟ้อแล้ว ถ้าจะทำต้องทำในลักษณะอื่น อย่างเช่นว่า อาจจะเป็นประวัติวีรกษัตริย์ หรือว่าวีรบุรุษของเรา หรือไม่ก็อาจจะดึงตัวละครที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ มาผสมกับประวัติศาสตร์ก็ได้ จะเอาลักษณะย้อนยุคอย่างนี้ก็ได้

มาได้ถูกช่อง มาได้ถูกจังหวะ โดยเฉพาะงานอุ่นไอรักที่ลานพระรูป แหม...ไปกันแบบไม่ต้องบังคับเลย ชุดไทยเพียบ..!"

เถรี 21-04-2018 21:47

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันพุธอาตมาขึ้นไปตรวจงานสร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน พอดีบรรดามหาเปรียญเขากลับไปเยี่ยมวัด ก็เลยพาเดินขึ้นไป ขาลงฝนกระหน่ำ เดินข้ามถนนนี่ลมแรงจนเกือบจะเซ ก็ว่าเออ...นี่ก็เข้าเค้าพายุฤดูร้อน ปรากฏว่ารุ่งเช้าไปบิณฑบาตในตลาด หลังคาเปิงไปตั้งหลายบ้าน แสดงว่าแนวที่แรงที่สุดก็คือแนวในตลาด เพราะว่าร่องลมมากับแม่น้ำ ส่วนทางด้านหน้าวัดของเรามีร่องลมเฉพาะตรงถนน ก็เลยแรงเฉพาะตอนที่เราข้ามถนน แล้วช่วงนั้นไม่มีบ้านคน บ้านคนส่วนใหญ่ไปเลาะอยู่ริมแม่น้ำ พอลมแม่น้ำมาก็เรียบร้อยเลย หลังคาเปิดเปิงไปหลายบ้าน

ปีก่อนโน้นพายุแรงมาก อาตมาตั้งใจอาราธนาธงพิชัยสงคราม ซึ่งไปอยู่ที่ไหนก็จะเอาไปติดด้วย ขอให้ลมขึ้นสูงไป จะได้ไม่ทำอันตรายกับพื้นที่ ปรากฏว่าโยมในตลาดโทรมาบอกว่า “หลวงพ่อ...ศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย” โอ้โฮ...แรงขนาดนั้นเลยหรือ ? บอกไปว่า "ขออภัย...อาตมาเองก็ป้องกันแต่วัด ลืมโยมไปเลย" บ้านโยมศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย

ปีที่แล้วพายุฤดูร้อนที่บ้านเติมบุญนี่ พอเห็นลมแรงอาตมาก็อธิษฐานขอธงมหาพิชัยสงครามเหมือนเดิม ก็คือให้พายุพัดขึ้นสูงไป เรื่องของธรรมชาติอย่าไปห้าม เพราะว่าธรรมชาติอย่างไรก็ต้องเจอ มีทางเดียวก็คือให้ไปซ้ายไปขวา ไปบนไปล่างได้ ปรากฏว่าบ้านเติมบุญไม่เป็นอะไร แต่สถานีรถไฟฟ้าฝ้าเพดานบินไปหลายแผ่น"

เถรี 21-04-2018 22:07

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปหาอาจารย์บ๊ะ พระลูกวัดของท่านเอาชาร้อนมาให้ บอกเลยว่า “ร้อนมากนะครับอาจารย์” ก็เลยบอกท่านว่า “เอามาเถอะ” ว่าแล้วก็ซดเกลี้ยงส่งถ้วยคืนไป โยมจับถ้วยแล้วสะดุ้ง บอกว่า “ร้อนขนาดนี้ "เทค" เข้าไปได้อย่างไร ?” ก็ไม่รู้สิ อาตมารู้สึกว่าพอดีนี่นา"

ถาม : คนสมัยนี้กินเย็นเป็นปกติ ?
ตอบ : กินเย็นเป็นปกติก็เลยไม่ค่อยจะชินกับของร้อน ไม่ว่าไอศกรีมหรือน้ำแข็งหรือน้ำเย็น อาตมากินลงไปแล้วปวดขมับ เพราะว่าเส้นเลือดหดตัว เลยถนัดแต่น้ำร้อน

เวลาไปวัดอื่น ส่วนใหญ่ก็เอาน้ำเย็นมาถวาย อาตมารับแล้วก็วางไว้ มีบางวัดเขาก็จะสังเกตเห็นว่าอาจารย์ไม่ฉันน้ำเย็น ก็บอกว่าถ้าหากเป็นไปได้ขอน้ำร้อน วัดไหนไม่ถามก็ไม่บอก ปล่อยเขาไป ส่วนใหญ่เขาจะเป็นน้ำเย็นแก้วใหญ่ น้ำชาถ้วยหนึ่ง อาตมาบอกว่า "คราวหน้าเอาน้ำชาใส่ถ้วยใหญ่มาเถอะ น้ำเย็นไม่ต้องมีก็ได้" มาระยะหลังเวลาไปพุทธาภิเษก ถ้าที่ไหนไปซ้ำเขาจะจำได้ เขาจะจัดน้ำร้อนมาให้

เถรี 22-04-2018 22:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระโหราธิบดีเป็นสุดยอดหมอดู ท่านทายว่าเวลาเที่ยงตรงจะไฟไหม้พระราชวัง ให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเตรียมความพร้อม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็อพยพสาวสรรกำนัลในลงกองเรือไปลอยอยู่กลางแม่น้ำ ให้บรรดาทหารและมหาดเล็กเตรียมน้ำเตรียมครุอะไรไว้

ปรากฏว่าพอเที่ยงตรงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ทรงตรัสว่า “สงสัยว่าเคราะห์จะผ่านพ้นไปแล้วกระมังเจ้าคุณ ?” พระโหราธิบดีทูลตอบว่า “ยังขอรับ...ยังต้องรอเสียงฆ้องดังก่อน” พอเสียงฆ้องบอกยามเที่ยงดัง ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางยอดปราสาท...ไฟไหม้ แต่คราวนี้มีเตรียมการพร้อม ก็ดับได้ทัน ในจดหมายเหตุบอกว่า ดีบุกที่ดาดหลังคาไหลลงมาเหมือนฝนตก ร้อนจนละลาย

อีกครั้งหนึ่งพอสมเด็จพระนารายณ์มหาราชล้างพระพักตร์ตอนเช้า หนูตกจากเพดานลงมา พระองค์ท่านก็เอาขันล้างพระพักตร์ครอบไว้ แล้วเรียกพระโหราธิบดีมา ตรัสว่า "ลองทายดูสิว่าในขันนี้มีอะไร ?" พระโหราธิบดีลงเลขยามเสร็จกราบทูลว่า "สัตว์สี่เท้าพระเจ้าข้า" “เออ..ใช่ แล้วมีกี่ตัว ?” กราบทูลว่า ๕ ตัว สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระสรวลตรัสว่า “ทีนี้ผิดแล้วอาจารย์ เพราะว่ามีหนูอยู่ตัวเดียว” เปิดขัน
ออกมาปรากฏว่าหนูคลอดลูกในนั้น ๔ ตัว รวมแม่เป็น ๕ ตัว แม่หนูท้องแก่ ตกลงมาแล้วคลอดเลย ท่านแม่นของท่านจริง ๆ"

เถรี 22-04-2018 22:47

"บันทึกสมัยราชวงศ์โจวของจีนบอกว่า มีรัศมี ๕ สีมาจากทางด้านตะวันตกของประเทศจีน ปรากฏว่าปุโรหิตาจารย์ทำนายให้พระเจ้าโจวเหวินหวังว่า มีอัจฉริยบุคคลกำเนิดขึ้นทางด้านทิศตะวันตกของจีน หลังจากนั้นมาอีก ๓๐ กว่าปี มีรัศมีสีทองส่องสว่างมาอีก เกิดปรากฏการณ์พิเศษก็คือ น้ำขึ้นในเวลาที่น้ำลง แหล่งน้ำทุกแห่งมีน้ำเต็มขอบบ่อหมด ปุโรหิตาจารย์บอกว่า อัจฉริยบุคคลท่านนั้นสำเร็จเป็นพุทธะ อะไรจะเก่งปานนั้น

พอหลังจากนั้น ๔๕ ปีมีแผ่นดินไหว มีรัศมี ๕ สีส่องมา ปุโรหิตาจารย์บอกว่า กายหยาบของพุทธะดับสลายลง อีก ๑,๐๐๐ ปีข้างหน้า หลักธรรมของพระองค์ท่านจะมาถึงประเทศจีน เก่งเกินคนไปไหม ? ต้องบอกว่าทิพจักขุญาณสุดยอดมาก คราวนี้จีนเขาขยันบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ก็เลยสามารถค้นย้อนหลังไปได้เป็นพัน ๆ ปี"

เถรี 22-04-2018 22:53

"เจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่ดูแลคลังความรู้ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุ๋นระดับ ๔ หน้าที่หลักสำคัญเลยก็คือ รวบรวมคณะลูกศิษย์คัดลอกบันทึกเก่า ๆ เล่มไหนมีทีท่าว่าจะหมดอายุก็เขียนใหม่ทันที เพื่อไม่ให้สูญหาย แล้วก็จะมีลงบันทึกเอาไว้ว่า ต้นฉบับเขียนมาตั้งแต่ยุคไหน มาสมัยนี้เขียนใหม่ใครเป็นคนเขียน วันเดือนปีเท่าไร บอกเอาไว้หมด เพราะฉะนั้น...สามารถค้นย้อนหลังได้ พอเล่มเก่าสลายไปเล่มใหม่ก็ยังอยู่

เสียดาย...ตอนปฏิวัติวัฒนธรรมจีนนี่ โดนทำลายไปเกือบหมด"

เถรี 22-04-2018 23:01

พระอาจารย์สอนลูกศิษย์ที่นั่งรับใช้อยู่ข้าง ๆ "ทำให้ดูเห็น ๆ ก็เลียนแบบสิวะ...! สมัยนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมามีหน้าที่อย่างเดียวคือทรงอารมณ์มองพระ ถึงเวลาท่านจะทำอะไร หรือโยมถามอะไร ท่านจะทำออกมาลักษณะไหน หรือตอบอย่างไร ถ้าพยายามแล้วท้ายสุดก็จะได้คำตอบ รู้เลยว่าเขาถามอย่างนี้หลวงพ่อท่านจะตอบอย่างไร อย่างปัจจุบันนี้ที่มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็คืออารมณ์ช่วงนั้นแหละ พอถึงเวลาจะรู้ว่าถ้าทรงอารมณ์อย่างนี้คำตอบที่ได้มาจะใช่ เพราะฉะนั้น...อย่ามานั่งเฉย ๆ

สมัยนั้นอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อท่านก็ซ้อมอยู่ตลอด ถึงเวลาโยมถวายปัจจัยมานี่ต้องหยิบวัตถุมงคลให้ เขามีแจกวัตถุมงคลตามราคา ถวาย ๑๐๐ บาท แจกอย่างนี้ ถวาย ๕๐๐ บาทแจกอย่างนี้ ถวาย ๑,๐๐๐ บาทแจกอันนี้ หยิบให้ไปเรื่อยแหละ บางทีลุงเอี๊ยงก็ตกใจเปิดซองดู แอบเช็กอยู่เรื่อย ว่าอาตมาไม่เปิดซองเลยแล้วรู้ได้อย่างไร ?

มีอยู่เที่ยวหนึ่งพอโยมส่งซองมา อาตมาฉีกแควกลงถังขยะ แล้วก็หยิบแหนบให้เขาไปอันหนึ่ง ลุงเอี๊ยงตะปบหมับเลย รีบเปิดดูว่าอะไร โยมเขาอยากได้วัตถุมงคล ก็เลยฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งใส่ซองมา พอมาถึงจะมีประโยชน์อะไร ส่งให้เขาไปก็เสียเวลาแกะอีก ฉีกสองท่อนหย่อนลงถังไปเลย คราวนี้ลุงเอี๊ยงอยู่ข้าง ๆ เขาตกใจ อะไร..ส่งเงินมาแล้วฉีกทิ้ง ก็เลยรีบเปิดดู

เพราะฉะนั้น...คนรุ่นเก่า ๆ ที่อยู่วัดท่าซุงจะรู้ สงสัยอะไรถามพระอาจารย์เล็ก...จบ แต่หลายท่านก็ไม่จบ ถามแล้วไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุงอีกรอบ"

เถรี 22-04-2018 23:03

"เวลาอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์บางทีกำลังของท่านมาถึง เท่ากับว่าบังคับเราให้กิเลสน้อยลงโดยอัตโนมัติ ความสะอาดของจิตจะมีมากขึ้น เราต้องฉวยโอกาสใช้ให้เยอะที่สุด ไม่ใช่นั่งบื้ออยู่ วัน ๆ ทำแต่งาน แบบนั้นก็สมควรโดนถีบ...!

ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเราตั้งกำลังใจได้ก็เหมือนกับที่พูดไป ๆ นั่นแหละ ใช่ทั้งนั้นแหละ แล้วรู้ได้อย่างไร? ก็อารมณ์นั้นใช่"


ถาม : ต้องขี้ตรงร่องให้ได้ ?
ตอบ : นั่นแหละ...เอาให้ได้ก็แล้วกัน

เถรี 22-04-2018 23:10

ถาม : ถ้าเราเพ่งภาพโครงกระดูก เราจะมีหลักในการเพ่งหรือพิจารณาอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราว่าจะเอาแบบไหน ถ้าจะพิจารณาให้เห็นจริง ก็แค่มองดูแล้วนึกว่าตัวเราก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าจะเอาเป็นกสิณเลยก็มองดู หลับตานึกถึง พอภาพเลือนไปก็ลืมตาดูใหม่ แต่ขอโทษ...ถ้าเริ่มถึงอุปจารสมาธิโครงกระดูกจะเต้นได้ ที่นี้อยู่ที่เราว่าจะกลัวไหม ก็คือจะเคลื่อนไหวของเขาเอง ไม่ว่าอย่างไรโครงกระดูกก็ต้องขยับ คราวนี้เราจะกลัวไหม ?

เราก็ทำได้ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือพิจารณาว่าตัวเราก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าจะประเภทกำหนดภาพ อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง ก็ลักษณะคล้าย ๆ กับกำหนดกสิณ ก็คือลืมตามอง หลับตานึกถึง ภาวนา อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง ๆ ไปเรื่อย เดี๋ยวพอสมาธิทรงตัวภาพก็จะติดตาไปเอง

ถาม : แบบแรกนี่ ?
ตอบ : แบบแรกจะเป็นวิปัสสนาญาณมากกว่า แบบหลังไปทางเรื่องฤทธิ์เรื่องเดชมากกว่า ทำไปทั้ง ๒ แบบนั้นแหละ หมดเรื่องหมดราวไปเลย

อาตมาเองอยู่กับโครงกระดูกจนกระทั่งโครงกระดูกทนไม่ไหว ประเภทออกมาเป็นตัว ๆ เลย ต้องบอก
เขาว่าไปห่าง ๆ หน่อย เพราะว่าอย่างไรแกก็เป็นผู้หญิง ถึงจะมาชุดไม่เหมือนชาวบ้านขนาดไหนก็เป็นผู้หญิง คนเขารู้เห็นเข้าจะไม่ดี เขาก็ยืนยันว่าคนอื่นจะไม่เห็น ท้ายสุดก็ไปถามหมออี๊ด (บุณฑริกา) ว่าโครงกระดูกนี่ผู้หญิงใช่ไหม? หมออี๊ดเขามาดู ๆ เขาบอกว่าใช่ ถามว่าดูออกอย่างไร ? หมอเขาบอกว่าสันคิ้วไม่มี ถ้าผู้ชายจะมีสันคิ้ว อาตมาก็อ๋อ...ที่แท้เราก็รู้ถูกเหมือนกัน

เถรี 22-04-2018 23:19

ถาม : เวลาที่เรามีจิตสละออกกับจิตสาธารณประโยชน์ เป็นเรื่องเดียวกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...จิตที่เราสละออกเป็นจาคานุสติ ถ้าหากว่าได้สละไปเลยเป็นทานบารมี แต่จิตสาธารณประโยชน์นั่นเป็นเมตตากรุณาของพรหมวิหาร เพราะว่าตั้งใจช่วยคนอื่น คราวนี้เมตตาพรหมวิหารที่เป็นหลักนั้น ทำให้เราต้องไปสละทรัพย์ สละแรงกาย แรงใจอีก เพราะฉะนั้น...เป็นคนละตัวกัน อย่าไปมั่วกรรมฐานจนผิดกอง

ถาม : อย่างนี้เวลาเราทำทาน เป็นจิตสละออกหรือจิตสาธารณประโยชน์ ?
ตอบ : ทานนี่เป็นสละออก แต่คราวนี้ว่าจะสละออกเพื่ออะไร ถ้าเราไปเห็นเขาทำงานสาธารณประโยชน์อยู่ เกิดเมตตากรุณาอยากสงเคราะห์เขา เราก็จะกลายเป็นพรหมวิหารนำจาคานุสติ แต่ถ้าหากว่าอยากจะสละออก พอดีว่าเขาสละออกเพื่อส่วนรวม ก็จะกลายเป็นเรื่องของจาคานุสตินำ เป็นจิตสละออก

ถาม : อานิสงส์ละครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ขึ้นอยู่กับสภาพจิตตอนนั้นของเรา ถ้าหากว่าเป็นพรหมวิหารนี่อานิสงส์สูงกว่ามาก

เถรี 22-04-2018 23:28

ถาม : โอกาสที่จะมีการหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม ยากไหมครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่ายากสุด ๆ เลย ตั้งแต่อาตมาคลุกคลีตีโมงอยู่ในวงการมา ก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพไม่กี่ปีที่ท่านพูดถึงสมเด็จองค์ปฐม ถึงได้มีรูปเปรียบท่านเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ทุกคน

มีอยู่วัดหนึ่งอย่าให้เอ่ยชื่อวัดเลย อยู่กาญจนบุรีเหมือนกันนี่แหละ สร้างสมเด็จองค์ปฐมเหมือนกัน ช่างคณะเดียวกันกับของทางวัดท่าขนุน แต่ประเภทเทแล้วเทอีก หล่อแล้วหล่ออีกมา ๔ วาระแล้วยังไม่สำเร็จเลย เพราะที่สำคัญที่สุดก็คือไม่รู้ว่าสมเด็จองค์ปฐมคือใคร เขาว่าองค์ปฐม ตูก็ว่าด้วย...แค่นั้น ในเมื่อไม่รู้ว่าคือใครแล้วจะไปขออนุญาตใคร ? ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ทั่วไป


ถาม : ถ้าเราอยากจะสร้างพระพุทธรูปที่ไม่ใช่สมเด็จองค์ปฐม มีวิธีแบบโบราณไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าเอาแบบโบราณเลยก็คือ บายศรี ๑ ชุด บอกกล่าวขออนุญาตสร้าง แต่คราวนี้ที่แน่ ๆ ก็คือสร้างแล้วต้องมีที่ประดิษฐานให้สมพระเกียรติของพระองค์ท่านด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าต้องดูวัดที่ท่านมีสถานที่เหมาะสมด้วย

อาตมาเจอวัดอยู่วัดหนึ่ง วางพระองค์ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ไว้เต็มพื้นศาลาเลย แล้วก็ฝุ่นจับเต็มไปหมด บางทีอาตมาทนไม่ได้ต้องไปทำความสะอาดให้ท่าน ก็แบบเดียวกับที่วัดบางนมโค ไปถึงนี่ประเภทเจอต้นโพธิ์ต้นหญ้าขึ้นเต็มพระเจดีย์ไปหมด ด้วยความที่อาตมาเห็นว่า เป็นสิ่งที่หลวงปู่ของเราสร้างมา ก็ไปช่วยถก ช่วยดึง ช่วยทึ้งลงมากองเบ้อเร่อ ปรากฏว่าเขาด่าเอา เขาอยากให้ขึ้นเยอะ ๆ พระเจดีย์พังเขาจะได้เอาพระออกมาขาย อาตมาดันไปทำความสะอาดให้เขา

๒๒๐ ปี๊บออกมานี่ไม่ต้องอะไร แค่องค์ละหมื่นก็รวยตายชักแล้ว สมัยนี้พระหลวงปู่ปานราคาแสนขึ้นไปทุกพิมพ์เลย

เถรี 22-04-2018 23:32

ถาม : พระสรีระที่เป็นพระธาตุของพระพุทธเจ้า ในประเทศไทยมีที่ไหนบ้างครับ ?
ตอบ : เอาแน่ ๆ ก็พระธาตุพนม ตำนานพระอุรังคธาตุระบุไว้ชัดเจนที่สุด แล้วก็วัดสระเกศ อันนี้ชัดเจนเลยว่าเขาถวายในหลวงรัชกาลที่ ๕ มา ที่อื่นเราเองถ้าหากว่ากำลังใจไม่ถึง อยากได้ของแท้ ๆ แน่ ๆ ก็เอาที่ประวัติชัด ๆ ไปเลย

เถรี 22-04-2018 23:42

ถาม : เราสงสารหมู ก็เลยตั้งใจไม่กินหมูตลอดชีวิต อย่างนี้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ได้อยู่ ก็เป็นตัวเมตตาบารมีเฉพาะของเรา แต่อย่าไปตำหนิคนอื่นเขา เพราะว่าในลักษณะอย่างนั้นก็คือการทำความดีเฉพาะตัว ถ้าจะเอาหลักที่ถูกต้องก็ต้องอย่างพระพุทธเจ้าที่ว่า ไม่รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเราก็กินได้ เพราะต่อให้เราไม่กินเขาก็ยังฆ่ากันอยู่เป็นปกติ

หากเราเองต้องการจะดึงตัวให้พ้นไปเลย ก็เอาอย่างหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ท่านฉันเจมาตั้งแต่เด็กเลย เพราะด้วยความที่วิสัยพระโพธิสัตว์ของท่านเมตตาสรรพสัตว์เป็นปกติ ขนาดตอนเป็นเด็กเข้าป่าไปหาพวกหัวเผือกหัวกลอย ไปเจอสัตว์ติดบ่วงอยู่ ท่านก็เอาพวกหัวเผือกหัวกลอยใส่ให้แทน แล้วปล่อยสัตว์ไป เพราะฉะนั้น...ถ้าเป็นเมตตาส่วนตัวเราก็ทำได้ แต่อย่าไปตำหนิคนอื่นเขา


ถาม : อย่างนี้ท่านที่กินเจ ควรกินอย่างไร ?
ตอบ : ท่านกินในลักษณะอย่างนี้แหละ ก็คือเพื่อความเมตตา ไม่ใช่กินแล้วก็ไปทะนงตนว่าเราบริสุทธิ์กว่า เราดีกว่า ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะเป็นสีลัพพัตตุปาทาน ก็คือยึดมั่นในหลักปฏิบัติว่าของเราดีกว่า เหมือนอย่างกับพระบางสายในประเทศของเรา ซึ่งโอกาสที่จะหลุดพ้นมีน้อยมาก เพราะว่าไปยึดเสียแล้ว

เถรี 22-04-2018 23:49

ถาม : ทำไมขุนหลวงพะงั่วไม่สามารถเอาเมืองสุโขทัยได้เหมือนพระยาลิไทได้ ?
ตอบ : ความสามัคคี พระยาลิไทได้ใจชาวบ้านสุด ๆ เพราะว่าพระองค์ท่านเสด็จออกบวช พูดง่าย ๆ คือชาวบ้านสมัยก่อนได้มอบกายถวายชีวิตให้พระศาสนา พระองค์ท่านเสด็จออกบวช พอสึกออกมาก็ทำนุบำรุงพระศาสนา ถึงขนาดเขียนไตรภูมิพระร่วง ต้องเรียนนานแค่ไหน ? สร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา เพราะฉะนั้น...ในเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทำในสิ่งที่ชาวบ้านเขาเห็นว่าดี ทุกคนก็ทุ่มเทมอบกายถวายชีวิตให้ สามัคคีอย่างเดียวก็กินขาดแล้ว

รู้สึกว่าท่านจะบวชอยู่นานถึง ๘ เดือนกระมัง ? แต่ต้องบอกว่าเก่งมาก ๘ เดือนศึกษาถึงขนาดเขียนหนังสือได้เป็นเล่ม พระยาลิไทมีนามจริง ๆ ว่าพระเจ้าศรีทรงธรรมปิฎก บางคนก็เรียกพระร่วง บางคนก็เรียกพระยาลิไท

เถรี 22-04-2018 23:53

ถาม : ขอความเมตตาช่วยด้วย จะขายที่ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ขายที่จะไปยากอะไร ก็ขายถูก ๆ ไปดูในกระทู้ท่านอาจารย์บ๊ะ ท่านจะบอกให้ไปไหว้พระที่ไหนก็ไปตามนั้นแหละ

เถรี 22-04-2018 23:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "แถวปทุมธานี นนทบุรี เกจิอาจารย์จะมีเชื้อสายมอญ ส่วนใหญ่แล้วเก่งมาก ๆ

พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว เพราะฉะนั้น...ชื่อเมืองเก่ากับชื่อเมืองใหม่ต้องแยกให้ออก ปทุมธานีก่อนนั้นคือเมืองสามโคก แบบเดียวกับพระนครศรีอยุธยาก็คืออโยธยา พิษณุโลกก็สองแคว สระบุรีก็ปากเพรียว ลพบุรีก็ละโว้ อ่างทองก็วิเศษไชยชาญ"

เถรี 22-04-2018 23:57

"ช่วงแผ่นดินอยุธยาในบุพเพสันนิวาส เป็นช่วงที่การค้ากับต่างชาติของเรารุ่งเรืองที่สุด แม้กระทั่งในการรับราชการของเราก็มีกองอาสาทหารญี่ปุ่น กองอาสาทหารโปรตุเกส แล้วก็มีพวกทหารอาสาแขกอิสลาม

ปัจจุบันอิสลามรุ่นนั้นก็อยู่แถวคลองตะเคียนอยุธยานั่นแหละ ต้องบอกว่าแขวนพระกันแทบทุกคน ไม่มีอะไรอย่างน้อยก็ต้องมีตะกรุดของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช สมัยก่อนนี่เล่นกริ่งคลองตะเคียนกันหมดเลย มาระยะหลังราคาดีก็ปล่อยกันหมด ไปใช้ตะกรุดหลวงปู่เทียมแทน"

เถรี 24-04-2018 08:45

สนทนากับพระ "ความจริงตำแหน่งวิชาการมีไปก็ไม่ได้เพิ่มอะไรขึ้นมา จะว่าไปแล้วสำคัญตรงที่เราทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ของเรามากกว่า อาตมาเองเป็นอาจารย์คนเดียวที่ไปนั่งรอลูกศิษย์ในห้องเสมอ ตั้งแต่สมัยเรียนมาถึงสมัยสอนถ้าตรงกับวันเรียนวันสอนจะไม่รับกิจนิมนต์เลย สำคัญแค่ไหนก็ไม่รับ ยกเว้นอย่างเดียวว่างานหลวง ถ้างานหลวงไม่รับนี่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ไปไม่ได้ งานอื่นจะไม่รับกิจนิมนต์เลย

จนกระทั่งอาจารย์ท่านถามว่า "นี่ไม่รู้จักใครเลยหรือ ? ไม่เห็นใครเขานิมนต์" บอกว่า "เขานิมนต์แต่ไม่ไปครับ" สมัยนี้ครูบาอาจารย์เขาให้ทำงานเอกสารเสียมาก จนกระทั่งเวลาเตรียมการสอนก็ไม่ได้เต็มที่

การเรียนจบปริญญาเอกดีอยู่อย่าง คือ ทำให้รู้ว่าเรารู้อยู่นิดเดียวจริง ๆ เพราะว่าเราจะรู้ลึกอยู่เรื่องเดียวที่เราทำ เรื่องอื่นถ้าไม่ขวนขวายเองก็ได้แค่นั้นแหละ"

เถรี 24-04-2018 08:59

ถาม : ย้ายที่อยู่ใหม่ ควรจัดอะไรถวายท่านเจ้าที่ค่ะ ?
ตอบ : พานดอกไม้ธูปเทียน ใส่หมากพลูบุหรี่ไปด้วย พร้อมกับสตางค์ ๑ บาท เอาไปตั้งไว้มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน บอกเจ้าที่เขาว่าลูกขออนุญาตมาอยู่ด้วย ขอให้ช่วยปกปักรักษาดูแลให้ครอบครัวนี้อยู่เย็นเป็นสุข แล้วเราทำบุญอะไรให้เขาโมทนาด้วย

ถาม : เจ้าที่แรงค่ะ ?
ตอบ : เจ้าที่ยิ่งแรงเท่าไรยิ่งดีกับเราเท่านั้น อาตมากลัวเจ้าที่ไม่มาหา นี่เจ้าที่มาหาแล้วกลัว ถ้าเจ้าที่ไม่มาหานี่ก็คือเราโดนเมิน..!

เถรี 24-04-2018 09:04

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าวันที่ ๕ พฤษภาคม ทำบุญบ้านครั้งที่ ๒ เพราะว่าท่านผู้เป็นกำลังใหญ่ในการสรรหาบ้านเติมบุญ ก็คือคุณณัฐพล สุขวัฒนศิริ เกิดเดือนพฤษภาคม ก็เลยบอกว่าคุณทำบุญวันเกิดเดือนนี้ไปก็แล้วกัน

วันทำบุญบ้านอย่างของบ้านวิริยบารมีเราทำบุญปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นเดือนที่บ้านเสร็จเรียบร้อยพร้อมเปิดใช้งาน ส่วนของทางด้านบ้านอนุสาวรีย์ฯ ที่ผ่านมา อาตมาทำบุญวันเกิดโยมแม่ ถึงเวลาก็เลี้ยงวันเกิดแม่ ให้แม่ได้ประเคนอาหารพระ เจอพระมา ๒๐-๓๐ รูปก็ประเคนกันเข้าไป อย่างน้อยคนแก่ได้ทำบุญ จิตใจเกาะยึดบุญกุศลอยู่ พักเดียวโยมแม่ก็ตายครบ ๑๐ ปีแล้ว ถ้าอยู่ปีนี้ก็จะอายุ ๙๕ ปี

วันก่อนไปงานศพคุณแม่จ้าย วงษ์ไทยผดุง โยมแม่ของพระครูโสภิตปัญญากร เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) จังหวัดระยอง นั่นเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน โยมแม่ท่านอายุ ๙๓ ปี ก็เลยยังเป็นที่ขำ ๆ อยู่ว่า ตกลงว่าแม่เราแก่กว่า แต่แม่ตายก่อน ตายตอน ๘๕ ถ้าอยู่มาถึงปีนี้ก็ ๙๕ ปี"

เถรี 24-04-2018 09:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน คราวนี้น่าจะเปิดขึ้นนมัสการอย่างเป็นทางการประมาณช่วงปลาย ๆ เดือนมิถุนายน เหตุที่ต้องรอเวลานั้นเพราะว่าบันไดพันกว่าขั้น ถ้าขึ้นประมาณเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมก็ได้เป็นลมตายกันพอดี เพราะว่าอากาศร้อนมาก

แจ้งทางด้านนายอำเภอกับนายกเทศมนตรีไว้แล้วว่า เมื่อถึงเวลาเปิดจะเชิญท่านมาร่วมงานด้วย เพิ่งแจ้งไปได้ไม่ถึงชั่วโมง นายอำเภอส่งหน้าห้องมา บอกว่าขอรายละเอียดหน่อยครับ จะได้ทำหนังสือเชิญหัวหน้าหน่วยราชการทั้งหมดมาร่วมงานด้วย เรียนท่านไปว่า “เหลืออีกตั้งสองเดือนกว่า กลัวว่าเขาจะลืม รอใกล้ ๆ ก่อนก็แล้วกัน” นายอำเภอท่านใจร้อนกว่า ...(หัวเราะ)..."

เถรี 25-04-2018 19:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระทองคำจาก ๒๑ นิ้ว ช่างขอลด ๒ นิ้ว เพราะว่าขนาดจะได้เข้ากับสถานที่ ต้องขออภัยญาติโยมบางท่านตั้งใจสร้างพระ ๒๑ นิ้ว แล้วขาดหายไป ๒ นิ้ว แต่ดีตรงที่ว่าเราใช้ทองคำน้อยลง ขนาดน้อยลงยังราคาร้อยกว่าล้านบาท"

เถรี 25-04-2018 20:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังจะออกวัตถุมงคลใหม่ ตอนนี้ของเก่าจะหมด ของใหม่เป็นผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวรรณนี่พวกยันต์พวกคาถาทำตามตำราหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ ซึ่งท่านศึกษามาจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านอุตส่าห์เขียนลายไว้ให้งามสุด ๆ อาตมาก็เลยเลียนแบบตาม แต่ขอโทษ...ท้าวเวสสุวรรณท่านบอกว่า อย่าย่อเข่าได้ไหม ? ท่านเมื่อยแล้ว ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นท่ายืนตรงแทน

ปกติถ้าท่ายักษ์ต้องย่อขาใช่ไหม ? นี่ไม่เลย ยืนตรงเลย เป็นท้าวเวสสุวรรณที่ไม่เหมือนใคร "กี่คน ๆ ก็ให้ย่อ กูเมื่อยแล้ว" ท่านให้ทำตั้ง ๑๐,๐๐๐ ผืน โอ้พระเจ้า...ต้องรอดูตอนเสกว่าท่านให้อะไรพิเศษ แต่คาดว่าต้องมี ไม่อย่างนั้นคงไม่สั่งเยอะขนาดนั้น

ตอนแรกอาตมาทำเหรียญรอยพระพุทธบาท ให้อาจารย์แบงก์ออกแบบ อาจารย์แบงก์ถามว่าจะใส่รูปใครข้างหลัง ? ท้าวเวสสุวรรณมาบอกว่าเอารูปท่านก็แล้วกัน เพราะว่าท่านเป็นเทพพิทักษ์พระพุทธศาสนาอยู่ด้วย ไป ๆ มา ๆ อาจารย์แบงก์ทำมาสวย เสียดายแบบ เพราะว่าย่อลงในเหรียญแล้วไม่ชัด เลยทำผ้ายันต์ไปเลย ผืนเท่าครึ่งแผ่นกระดาษ งานเป่ายันต์ฯ นี้น่าจะออกได้"

เถรี 25-04-2018 22:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้โครงการใหญ่ที่อาตมาจะเปิด ก็คือ ประกวดมารยาทไทยในโรงเรียน พูดง่าย ๆ ก็คือ คนแปลกหน้าตั้งแต่เดินเข้าประตูโรงเรียนมา จะได้รับการต้อนรับขับสู้ขนาดไหน ? มีการแสดงออกอย่างไร ? เด็กจะกราบจะไหว้ถูกต้องตามแบบฝึกหรือไม่ ? จะใช้วิธีส่งคนไปโดยไม่ให้รู้ แล้วให้คะแนน ที่ ๑ ได้รางวัล ๓๐,๐๐๐ บาท ที่ ๒ ได้รางวัล ๒๐,๐๐๐ บาท ที่ ๓ ได้รางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท มีหวังแย่งกันตายเลย..!

คราวนี้ของที่เน้นก็คือ ส่วนใหญ่ของโรงเรียนต้องทำได้ ส่วนใหญ่นี่ก็น่าจะต้องเกิน ๖๐ เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป หรือถ้าใครได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ก็ยิ่งดี พูดง่าย ๆ ว่าเห็นคนแปลกหน้าเข้ามา เด็กต้องรู้จักเดินไปต้อนรับ ต้องรู้จักแนะนำตัว ถามเขาว่ามีธุระอะไร ? ต้องการจะไปหาใคร ? ต้องการจะดูสถานที่ไหม ? โรงเรียนตัวเองมีจุดเด่นอย่างไร ? ต้องบอกได้ เป็นการฝึกทั้งมารยาทและการเป็นมัคคุเทศก์ไปด้วย

๓๐ กว่าโรงเรียน ประกวดไปเถอะ...เดี๋ยวก็ได้รางวัลครบทุกโรงเรียนไปเองแหละ มีข่าวโรงเรียนอะไรนะ ? ที่ครูเขาให้เด็กได้ที่ ๑ ทั้งโรงเรียน ก็ความสามารถคนละอย่างกัน คนนี้เก่งที่สุดในเรื่องนี้ก็ให้ที่ ๑ ทางด้านนี้ เป็นแนวคิดที่ยอดมาก"

เถรี 25-04-2018 22:08

"จริง ๆ แล้วการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี แต่บ้านเรามองแต่คนชนะ ไม่ได้มองคนแพ้เลย เคยไปนั่งที่บ้านโยม รายการแข่งขันอะไรมีเด็กหญิงอ้วน ๆ คนหนึ่งเรียกว่าชบาแก้ว แล้วคนที่ชนะคือคณะคนที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ เด็กคือเด็กจริง ๆ เลย น่าจะอยู่ประมาณ ป.๓ ป.๔ เท่านั้น พอถึงเวลาทุกคนก็ไปเฮอยู่กับคนชนะ แล้วนี่เป็นเด็กเล็กด้วย ถูกทิ้งอยู่คนเดียว

ถ้าหากว่าอาตมาเป็นคนชนะ คงโดดอุ้มเด็กไปด้วยเลย "ขอโทษนะ...เขาตัดสินให้พี่ชนะ แต่พี่ว่าหนูเก่งมากเลย คราวหน้าพยายามใหม่นะ" แต่นี่ทุกคนแห่ไปอยู่กับผู้ชนะหมด แล้วเขาจะรู้สึกอย่างไรในขณะที่ผู้แพ้แค่นิดเดียว ไม่ได้รับการเหลียวแลอะไรเลย

ดังนั้น...การแสดงออกแบบนั้นผิด เราต้องให้เกียรติคนแพ้เขาด้วย แต่ก็อย่างว่าแหละ...นี่คือโลก ถ้าทำได้อย่างใจเราทุกอย่างก็ทุกข์น้อย เดี๋ยวจะไม่อยากไปพระนิพพานกัน ดังนั้น...ต้องทุกข์ให้เยอะ ๆ หน่อย ไปหลบหลีกกันเอาเอง"

เถรี 25-04-2018 22:11

ถาม : (จะขายตึก ขอคำแนะนำ)
ตอบ : ขายตึกจริง ๆ ไม่มีคำแนะนำนะ ถ้าเราขายถูกหน่อยก็ขายได้ เพียงแต่ว่าเราอยากได้ราคาที่เราต้องการ...ใช่ไหม ? ลองไปบนเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ดู ไปหาวิธีบนในอินเตอร์เน็ต บนขอให้ท่านช่วยขายตึกได้

เถรี 25-04-2018 22:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "อย่าขี้โมโห ขี้โมโหแล้วหน้าจะเหี่ยวเร็ว"

เถรี 25-04-2018 22:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเรา ถ้าใจสู้ก็สู้ได้ทุกเรื่อง ถ้าใจไม่สู้ก็เฉา บาลีบอกว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา ทุกสิ่งทุกอย่างมีใจเป็นหัวหน้า เริ่มต้นที่ใจ สูงสุดที่ใจ สำเร็จก็ที่ใจ ถ้าเราคิดว่าทำได้สู้ได้ ก็ทำได้ ถ้าคิดว่าไม่ได้ ๆ ก็ท้อถอยตั้งแต่แรก ไม่มีความพยายาม ลักษณะเหมือนมืออ่อนตีนอ่อนตั้งแต่แรก แล้วจะไปทำงานหนักได้อย่างไร ต้องประเภทคนอื่น ๑๐ นิ้วเท่ากัน เขาทำได้เราก็ต้องทำได้

ต้องไปดูไอสไตน์ สุดยอดอัจฉริยะของโลก ตอนเด็ก ๆ ถูกครูไล่ออกจากโรงเรียน แต่ไอสไตน์ไม่รู้ ครูส่งจดหมายไปถึงแม่ แม่เห็นนี่น้ำตาคลอเลย ลูกก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แม่บอกว่าครูส่งจดหมายมาบอกว่า "ลูกเป็นคนที่พิเศษมาก ความรู้ของครูไม่มากพอที่จะสอนได้ ฉะนั้น..ให้แม่สอนลูกที่บ้านเอง" ไอสไตน์ก็อ๋อ...ที่แท้เราเป็นคนพิเศษ เราเป็นคนเก่งมาก จึงตั้งหน้าตั้งตาเรียน จนกระทั่งกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในที่สุด

แต่วันที่แม่ตาย เขาไปค้นเจอจดหมายฉบับนั้น ที่บอกว่า "ลูกของคุณโง่เกินกว่าที่โรงเรียนจะรับได้ ฉะนั้นเอากลับบ้านไปเถอะ" คือไอสไตน์เป็นคนชอบคิดหาเหตุหาผล ถึงเวลาถามอะไรก็ไม่ตอบ ในสายตาครูจึงเป็นแค่เด็กเหม่อลอย"

เถรี 25-04-2018 22:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงฝนฟ้าก็ตกตามฤดูกาลของเขานั่นแหละ ช่วงนี้เป็นช่วงฝนชะลาน ฝนชะช่อมะม่วง แล้วต่อด้วยฝนสงกรานต์ เพียงแต่ว่าความผิดเพี้ยนของอากาศทำให้ตกมากกว่าปกติ แต่คราวนี้กำลังใจพวกเราประเภทไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ก็เลยมาทุกข์กับธรรมชาติ ทั้งที่เป็นของธรรมดา"

เถรี 26-04-2018 23:58

ถาม : (ที่ไปยุโรปแล้วถึงเร็วผิดปกติ)
ตอบ : โดนผีติดจรวดให้ อาตมาช่างสังเกตก็เลยรู้ตัว คนไม่ช่างสังเกตจะไม่รู้เรื่องเลย แบบเดียวกับที่ไปทองผาภูมิครั้งแรก ๆ บอกกับคณะว่า "เฮ้ย...ถึงเร็วผิดปกติ ช่วยกันเล็งดูหน่อยว่าหลักกิโลเมตรตอนนี้กิโลเมตรที่เท่าไร" เป็นหลักอีก ๒๐ กิโลเมตรถึงทองผาภูมิ ปรากฏพอวิ่งไป หลักต่อไปเหลือ ๑๒ กิโลเมตรถึงทองผาภูมิ หายไปช่วงละ ๘ กิโลเมตรเลยนะ ลองคิดดูว่าเขาช่วยได้ขนาดนั้น คนทั้งรถตู้ช่วยกันมองนะ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องลองสังเกตดู

ตอนไปยุโรปนั้นอาตมาลืมไปว่าเพล ส่วน "ท่าน" ไม่ลืม ก็พยายามช่วย ๑๕ กิโลเมตร ๓ นาที นาทีละ ๕ กิโลเมตร ตก ๓๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง บินไปหรืออย่างไร ? ปรากฏว่าอีกช่วงหนึ่งเร็วกว่านั้นอีก ความเร็วรถดูเหมือนกับปกติ แต่ทางเหมือนกับหายไปช่วงใหญ่

วันก่อนออกจากหาดใหญ่ เครื่องบินดีเลย์ บอกกับเจ้าที่ว่าเครื่องบินดีเลย์เท่าไรไม่ว่า แต่ต้องถึงตรงเวลา ท่านก็ช่วยได้ถึงตรงเวลาเป๊ะเลย แล้วที่จากอินโดนิเซียไปสิงคโปร์ เจ้าพ่อประคุณไปถึงก่อน ๒๐ นาที คนไปรับวิ่งกันตับแลบ ถึงได้บอกว่าให้กัปตันเรือไปขับเครื่องบินก็อย่างนี้แหละ ...(หัวเราะ)...

เถรี 27-04-2018 00:02

ถาม : ปรอทสึกครับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ ปรอทจะสึกไปเรื่อย ๆ เพราะว่าจะซึมเข้าไปในตัวของเรา

ถาม : สรุปว่าปรอทสำเร็จดีหรือไม่ดี ?
ตอบ : ถ้าเป็นปรอทสำเร็จก็ดี แต่ถ้าประเภทปรอททั่วไปมีแต่จะร้าย เพราะว่าพิษยังไม่หมด ปรอทสำเร็จเขาฆ่าพิษมาแล้ว

ถาม : ช่วยด้านไหนครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ช่วยป้องกันพวกโรคภัยไข้เจ็บ ไปอยู่ในที่ที่คนอื่นเขาป่วยกันง่าย ๆ เราจะไม่ค่อยเป็น

เถรี 27-04-2018 00:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่จองไม้ครูวัดท่าขนุนรุ่นนี้เอาไว้ ถือว่าโชคดีสุด ๆ เพราะอาตมาไปค้นเจอผงสร้างพระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวเข้าพอดี ปกติเวลาข้าวของเยอะ ๆ ยัดไว้ที่ไหนหาไม่เจอหรอก คราวนี้พอจะบรรจุไม้ครู ก็หาผงครูบาอาจารย์ต่าง ๆ มาเพื่อที่จะบรรจุ จึงไปเจอเข้า ทั้ง ๆ ที่เก็บจนลืมไปแล้ว

ผงนี้เป็นของก๋งพ้ง แซ่โค้ว หรือที่เปลี่ยนนามสกุลเป็นไทยว่าบัวขม คนบ้านหนองบัวนามสกุลจะเกี่ยวข้องกับบัวหมด จะใบบัว ดอกบัว ก้านบัว ฝักบัว อะไรก็ช่าง ต้องมีบัวสักคำ คราวนี้ก๋งพ้งรับใช้หลวงปู่ยิ้มอยู่ในสมัยนั้น เป็นคนช่วยพิมพ์พระปิดตาหลวงปู่ยิ้มด้วย ได้เก็บผงส่วนหนึ่งเอาไว้

คราวนี้ทางด้านหลานหรือเหลนก็บอกไม่ถูก คือ พลตรีละเอียดรัช เกิดศรัทธาอะไรอาตมาไม่รู้ เอาผงมาถวายให้ ๒ ขวด ส่วนอีกผงหนึ่งเป็นผงโลหะ ผงโลหะเขาไปตะไบพระแสงคู่พระหัตถ์ของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (วังหน้าพระยาเสือ) มา ความจริงคณะที่เขาไปเอามาตั้งใจให้อาตมาสร้างมีดหมอ แต่อาตมาดูท่าจะเลิกสร้างมีดหมอแล้ว เลยเอามาบรรจุไว้ในไม้ถือแทน

ต้องบอกว่าไม้ครูที่ทำได้ไม่กี่อันเพราะว่าจำกัดด้วยวัสดุ ต้องขออภัยท่านที่อยากได้แล้วไม่ได้ ตอนนี้เห็นว่าราคาประมูล
ใบจองกันขึ้นกระฉูดเลย ขนาดหัวท้ายชนวนที่อาตมาให้จองด้วยทองคำแท่ง ๕ บาท ตอนนี้มีคนบอกว่าถึง ๑๐ บาทก็สู้"

เถรี 27-04-2018 00:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นที่น่าเสียดายว่าแต่ละเดือนมีผู้ทำบุญกันเยอะมาก โดยเฉพาะการถวายทองคำ รายชื่อยาวเป็นหางว่าว ไม่สามารถเอามาแสดงให้ญาติโยมดูได้ เพราะว่าตั้งแต่เปิดโครงการมาจนถึงตอนนี้ รายชื่อทำบุญไม่ถึง ๑๐๐ หน้ากระดาษเอสี่ก็ใกล้เคียง"

เถรี 27-04-2018 23:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "พออาตมาอายุเหยียบ ๖๐ ปีก็ชำรุดหมดทั้งตัวเลย โดยเฉพาะฟัน ยังดีที่ท่านอาจารย์บ๊ะแนะนำยาสีฟันโบราณชื่อสีทนต์ สมัยก่อนมียาสีฟันวิเศษนิยมของคุณโยมแม่ผิน แจ่มวิชาสอน พวกเราเกิดไม่ทัน อาตมาเกิดทัน เขาผลิตยาสีฟันขายจนกระทั่งสร้างโรงเรียนคืนกำไรให้สังคม มารุ่นหลัง ๆ ก็มีคนทำกันต่อ ๆ มา

ทางด้านพระสายวัดป่าก็ทำยาสีฟันตามตำรับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดถ้ำขาม ยาสีฟันของท่านจะมีส่วนผสมของสารส้ม ซึ่งสารส้มจะทำให้เนื้อรัดตัว ทำให้เหงือกแน่น ตอนนี้อาตมาต้องใช้อยู่ ไม่อย่างนั้นกลัวเขี้ยวแก้วจะหลุด

มีบุคคลบางประเภทที่จะมีเขี้ยวขึ้นที่เพดานปาก โบราณเรียกว่าเขี้ยวแก้ว ถือว่าเป็นของเฉพาะตัว อาตมาเองก็ไม่รู้หรอก ตอนเด็ก ๆ ตกใจว่าทำไมฟันขึ้นที่เพดานปาก ไม่เหมือนชาวบ้านเขา พอฟันน้ำนมตรงเขี้ยวหลุด ซี่นี้ค่อย ๆ เลื่อนมาแทนเขี้ยวที่หลุดไป เออ...เขาก็หาที่ลงของเขาได้เหมือนกัน

พอวัยรุ่นซ้อมมวยกับพระครูแสง ตอนนั้นก็ยังวัยรุ่น ศึกษาวิชาการสารพัด ศึกษามวยไทยหมัดเท้าเข่าศอกแถมศีรษะด้วย ออกอาวุธกันอุตลุด พระครูแสงเป็นคนชอบประยุกต์ ที่เขาศอกกลับลักษณะปลาดุกยักเงี่ยง แกไม่ทำหรอก แกหมุนตัวตีจากล่างขึ้นบนลักษณะที่เขาเรียกศอกสอยมะม่วง

อาตมาเองเห็นเข้าแต่กันไม่ทันแล้ว ไขว้มือกันไม่ทัน เพราะถ้าไม่ได้รับตั้งแต่ต้น น้ำหนักมือไม่พอที่จะกดศอกเขาอยู่ เขาก็ตีผ่าเข้าปลายคางพอดี ด้วยความที่รับไม่ทัน ฟันล่างกระทบฟันบน เขี้ยวบิ่นไปหน่อย เลยเหลือเขี้ยวแก้วบิ่น ๆ อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งไปหาหมอฟันให้เขากรอให้"

เถรี 27-04-2018 23:24

"พระที่รู้จักมีอยู่รูปหนึ่ง คือ หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว วัดเขาแหลมทางปราจีนบุรี ท่านบอกว่าวัตถุมงคลของท่านเอาปืนไปลองได้เลย เพราะท่านจับเขี้ยวแก้วเสกทุกครั้ง มั่นใจเรื่องอยู่ยงคงกระพัน อาตมาเป็นทหารก็อยากลองอยู่แล้ว ตอนเป็นทหารอยู่ที่วัฒนานคร ๓ เดือน อยู่ที่อรัญประเทศ ๓ เดือน อยู่ที่ตาพระยาเกินระยะกำหนดคืออยู่ไป ๕ เดือนกว่า เพราะการรบติดพัน เปลี่ยนกำลังพลไม่ได้ ทางนั้นมีพระท่านมั่นใจว่าของเขาดีจริง แบกปืนไปลองได้เลย อาตมาก็ไป

ปรากฏว่าราคาตะกรุดของท่านแพงมาก สมัยนั้น ๘๐๐ บาท แพงก็แพงวะ ถ้าเหนียวจริงก็เอา ขอลองหน่อย เปรี้ยงเดียวเกือบขาดครึ่ง...! อาตมาลืมไปว่าหลวงปู่มีเขี้ยวแก้ว อาตมาก็มี และที่มีมากกว่าหลวงปู่คือลายมือคัดของ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ลายมือแบบนี้เหนียวแค่ไหนก็ยิงออก หลวงปู่กาหลงเลยเสียของฟรี ๘๐๐ บาทก็ไม่ได้ แต่ว่าตะกรุดดอกนั้นอาตมาเก็บกลับมา จนกระทั่งไปเจอวัดที่เขาหล่อพระ ก็หย่อนลงเบ้าหล่อพระไปด้วย ของท่านอาจจะดีจริง แต่ไปเจอคนที่บ้าเกินชาวบ้านเลยกันไม่ได้"

เถรี 27-04-2018 23:35

"หลวงพ่อวัดท่าซุงสมัยที่ท่านขึ้นจากเรือรบแล้ว เพราะเรือไปโดนฝรั่งเศสยิงจมที่เกาะช้าง ท่านไม่มีเรือประจำการ ทางด้านกรมตำรวจเห็นว่าหลวงพ่อ ๓ ท่านมีฝีมือ ก็ขอตัวจากทหารเรือข้ามเหล่ามาเป็นมือปราบให้กับทางกรมตำรวจ หลวงพ่อท่านมีคาถาคัดของ ผู้ร้ายต่อให้เหนียวแค่ไหนก็ยิงออก อาตมาเรียนมาก็จริงแต่ไม่เคยใช้

หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านมีลายมือคัดของด้วยและมีคาถาคัดของด้วย ไปเจอผู้ยิ่งใหญ่ที่อยุธยา คนนี้ไม่ใช่โจรแต่เท่ากับเป็นคนสนับสนุนโจรทั้งหลาย ก็คือถ้าโจรขโมยควายบ้านไหนไป ก็จะมาบอกกับเขาไว้ว่าเอาไปไว้ทางด้านไหน ถ้าเจ้าทรัพย์มาตาม ให้บอกว่าเอาค่าไถ่เท่าไร ถ้าเขายอมจ่ายค่าไถ่ก็ให้บอกว่าเอาควายไปซ่อนไว้ที่ไหน กลายเป็นว่าตัวเองไม่ใช่โจรแต่เป็นเจ้าพ่อโจรเลย

ตำรวจจะปราบก็ทำไม่สำเร็จเพราะไม่ว่าจะหลับจะตื่น จะยืนจะนั่ง ยิงเขาไม่ออกทั้งนั้น พ่อเจ้าประคุณก็ไม่มีอะไรหรอก ถือดาบอยู่บนชานเรือน กวักมือเรียก แน่จริงให้ขึ้นมา ตำรวจกูก็จะฟันให้ขาด ๒ ท่อน แล้วตำรวจที่ไหนจะขึ้นไปเล่า ? กรมตำรวจเห็นหมดท่า ก็ไปขอให้หลวงพ่อไปช่วยจัดการให้หน่อย หลวงพ่อท่านไป เห็นปุ๊บก็รู้เลยว่าคนนี้ฆ่าไม่ได้ จึงอยากได้ตัวมาใช้งาน"

เถรี 27-04-2018 23:41

"พอไปที่รั้วบ้านก็มีเสียงตะโกนถามว่า "ไอ้หนูมาทำไมวะ ?" หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "ขอเลือดลุงเซ่นปืนหน่อย" เล่นเอาเจ้าพ่อหัวเราะ บอกว่า "ถ้ามึงยิงกูให้เลือดออกได้แค่แมลงวันกินอิ่ม จะให้กูทำอะไรกูก็ยอม" หลวงพ่อท่านบอกว่า ตามบุญกุศลที่รักษาเขา อย่างไรเราก็ฆ่าเขาไม่ได้ แต่ถ้ายิงให้เลือดออกนี่ได้

หลวงพ่อท่านก็ชักปืนยิงเฉียดสะโพกไปแค่เลือดออก เจ้าพ่อก็เลยต้องยอมวางดาบกราบ เขาบอกว่าเขายอมตั้งแต่ยิงออกแล้ว ไม่ต้องให้เลือดออกก็ยอม เพราะปกติแล้วไม่มีใครยิงออก จะหลับจะตื่นยิงไม่ออกทั้งนั้น หลวงพ่อก็เลยชวนให้เป็นข้าราชการตำรวจ ปราบบรรดาเสือปล้นแทน เพราะว่ารู้เส้นสายดีที่สุด

เป็นตำรวจขึ้นมา พูดคำเดียวลูกน้องก็ต้องเลิกปล้น ถ้าไม่เลิกก็เจอกับลูกพี่ตัวเอง ตอนหลังจำได้ว่าได้ราชทินนามเป็นร้อยตำรวจเอกขุนบำราบปรปักษ์ ก็ถือว่าเป็นนายตำรวจมือดีของทางกรมตำรวจทีเดียว

ตรงจุดนี้หลวงพ่อท่านบอกว่า นอกจากใช้คาถาแล้วท่านยังมีลายมือคัดของด้วย ส่วนอาตมาเองก็ลืมไปว่าตัวเองมีเขี้ยวแก้วแบบหลวงปู่กาหลง แล้วยังมีลายมือคัดของอีกด้วย หลวงปู่ก็เลยเสียของฟรี

ส่วนอีกท่านหนึ่งคือครูบาอาจารย์ของครูบาอาจารย์ คือหลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงปู่โหน่งมีเขี้ยวแก้วขึ้นที่เพดานเหมือนกัน ตอนแรกไม่มีใครรู้หรอก พอท่านอายุมากแล้วฟันเริ่มหลุด ฟันคลอนก็ปวด ก็ขอให้พระลูกวัดช่วยถอนฟันให้ พอท่านอ้าปากให้ถอนพระลูกวัดเห็นถามว่า "อะไรที่เพดานปากหลวงพ่อ ?" เลยโดนหลวงพ่อโหน่งตบกบาลบอกว่า "หุบปากไว้ อย่าเสือกไปบอกใคร" พระที่ไปถอนฟันให้ท่านบอกว่า เป็นฟันลักษณะเหมือนกับเม็ดข้าวโพดติดอยู่ที่เพดานปาก"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:44


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว