กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4958)

เถรี 11-04-2016 20:06

"วันก่อนท่านเห็นอาตมาไปปฏิบัติธรรมของพระอุปัชฌาย์ หลวงพี่แป๊ะก็บอกว่า “ปีหน้าผมจะเป็นบ้างแล้วนะ” ถามว่าเป็นได้หรือ ? “เป็นได้...เป็นแบบวิสามัญ” ต้องเฮี้ยนแบบท่านนั่นแหละ ถึงจะได้ลงหนังสือพิมพ์บ่อย

งวดก่อนทำตะกรุดยัดใส่มืออาตมามากำหนึ่ง ถามว่าตะกรุดอะไรพี่ ? ท่านบอกว่า “ตะกรุดยันต์ ๙ แถว เอาไว้สู้กับอาจารย์หนู ของอาจารย์หนูแค่ ๕ แถว” เข้าท่าดีเหมือนกัน อาตมาทำได้แต่ตะกรุดยันต์ ๘ แถว คือยันต์เกราะเพชร มากกว่านั้นทำไม่เป็นแล้ว ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวมะรืนก็เจอกันอีก เพราะว่ามีงานพุทธาภิเษกที่วัดละมุด นครชัยศรี

แถว ๆ นครปฐมต้องบอกว่าเป็นเมืองคนดีมาแต่อดีต อย่าลืมว่าทวารวดีคือยุคแรกของพุทธศาสนา ครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถจากอดีตถึงปัจจุบันนี้ ของนครปฐมมีรายชื่อเป็นบัญชีหางว่าวเลย ปัจจุบันนี้เกจิอาจารย์ก็มีหลายรูป อาตมานี่จะแหกคอก เป็นอาจารย์จากจังหวัดอื่นที่แทรกเข้าไปอยู่กลางวง ถึงเวลาก็ท่านโน้นท่านนี้วัดอยู่ในนครปฐม แล้วก็จะมีชื่อพระครูวิลาศฯ กาญจนบุรีโผล่ไปทุกที"

เถรี 11-04-2016 20:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะหลังนี้เวลาพุทธาภิเษกเสร็จ ถ้าเทียนน้ำมนต์เหลืออยู่อาตมาก็จะปั้นเป็นลูกอม ปรากฏว่าวันก่อนพุทธาภิเษกที่วัดโคกเขมา นครชัยศรีเหมือนกัน พอลืมตาขึ้นมาพระที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ฉวยเทียนไป โยมอีกคนทำท่าสะอื้น บอกว่าผมกำลังเล็งอยู่เชียว อาตมาบอกว่าเอ็งไม่ต้องสะอื้นหรอก ข้าก็เล็งอยู่เหมือนกัน...ยังไม่ได้เลย"

เถรี 11-04-2016 20:11

ถาม : ผมจะทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือ ไม่ทราบว่ามีอานิสงส์อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างอาตมาก็ไปเอามาจากโรงฆ่าสัตว์เลย ก็แปลว่าช่วยตัดกรรมใหญ่ของปาณาติบาตได้ด้วย อานิสงส์ส่วนอื่นไปอธิษฐานเอาเอง

เถรี 11-04-2016 20:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "สงกรานต์ปีนี้ญาติโยมท่าจะลำบากเพราะขันน้ำโดนยึดหมด..! ต้องบอกว่าจนกระทั่งทุกวันนี้เขาก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามคุณทักษิณไปได้ ดันไปให้ความสำคัญกับเขาเอง ถ้าไม่ให้ความสำคัญ ไม่ให้ราคาก็จบแล้ว คนอยู่นอกประเทศจะแผลงฤทธิ์แผลงเดชอะไรได้นักหนา แต่ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยแล้วจะมีคนหมดความอดทน คุณทักษิณจะโดนลอบสังหารแน่นอน..!

ปัจจุบันรัฐบาลทหารที่เข้ามา ต้องบอกว่าสิ่งใดก็ตามที่เคยว่ากล่าวเอาไว้ว่ารัฐบาลคุณทักษิณก็ดี รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ก็ดีได้ทำแล้วผิด มารัฐบาลนี้ก็ทำทุกอย่าง แต่ว่าเศรษฐกิจไม่ได้เรื่อง ก็เลยทำให้ชาวบ้านเขาคิดถึงสมัยคุณทักษิณอยู่ตลอด ต้องบอกว่ารัฐบาลของเราทำตัวเอง ประเทศชาติล้าหลังตามใครไม่ทันแล้ว

ไปนึกถึงรัฐบาลพม่า ปี ๒๕๒๔ เงินพม่า ๑ จั๊ตแลกเงินไทยได้ ๒ บาท ปี ๒๕๕๙ เงินไทย ๑ บาทแลกพม่าได้ ๓๕ จั๊ต พม่าก็รู้ตัวว่าบริหารไม่เป็น ประเทศชาติล้าหลังคนอื่นไป ๒๐-๓๐ ปี ก็เลยเปลี่ยนผ่านเอารัฐบาลจากการเลือกตั้งขึ้นมา ส่วนบ้านเรานำเขาอยู่ดี ๆ กลัวประเทศชาติจะเจริญเกินไป กลับไปปฏิวัติรัฐประหารเสียนี่ กลายเป็นประชาธิปไตยของเราไปเอาเผด็จการมาใช้งานแทน ไม่ทราบว่าเห็นดีเห็นงามอย่างไร ส่วนเผด็จการเขากลับพยายามเอาประชาธิปไตยเข้ามา ดูแล้วอนาถใจพิกล

เรื่องของการเมืองจริง ๆ แล้วไม่ไปยุ่งเกี่ยวได้แหละดี ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินไป ให้ความสนใจมากก็เครียดเปล่า ๆ เพราะว่าเป็นประเภท “ขโมยร้องจับโจร” คำว่า ขโมยร้องจับโจรเกิดจากพฤติกรรมที่เห็น ๆ กันอยู่ เป็นเรื่องที่ใคร ๆ เขาก็รู้ ไม่ต้องเสียเวลามาปรับทัศนคติหรอก"

เถรี 11-04-2016 20:26

"ในยุคของคุณทักษิณ บ้านเราจวนจะก้าวเข้าสู่ประชาธิปไตยช่วงสุดท้าย ซึ่งก็คือการมีพรรคใหญ่แค่ ๒ พรรค ถ้าก้าวไปสู่จุดนั้นเมื่อไร เราดูตัวอย่างของอังกฤษหรืออเมริกา ของเขามีแค่ ๒ พรรคแข่งกัน ถ้าใครชนะได้เป็นรัฐบาล อีกพรรคหนึ่งก็รอโอกาส ครบ ๔ ปีเลือกตั้งค่อยมาแข่งกันใหม่ ตอนช่วงคุณเป็นรัฐบาลถ้ามีผลงานอะไรดี รัฐบาลเก่าก็เอาออกมาโฆษณาให้ชาวบ้านเขารู้ พร้อมกับกำหนดแนวนโยบายใหม่ ๆ ส่วนพรรคคู่แข่งก็จะดูว่ารัฐบาลทำอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง แล้วพยายามเอามาขยายผลให้ชาวบ้านเขารู้ จากนั้นก็ยกนโยบายที่ตัวเองเห็นว่าดีขึ้นมาแสดง

ต้องบอกว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยตัวอย่างของโลก เกือบทุกประเทศก็อยู่ในลักษณะนี้ คือถึงไม่ชอบใจก็รอ อดทนอดกลั้นให้หมดเวลาไป จะมาอ้างว่าถ้ารอแล้วประเทศชาติฉิบหาย ก็ไม่เห็นสหรัฐหรือว่าอังกฤษเขาจะฉิบหายสักที เขาก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นมามีอำนาจ ขึ้นมาแสดงผลงาน

ถ้านับในเรื่องของกำลังทหาร อเมริกาก็ต้องถือว่ามีแสนยานุภาพเป็นอันดับ ๑ ของโลก ก็ไม่เห็นเขาจะใช้กำลังปฏิวัติกัน มีแต่บ้านเราเมืองเราที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว พยายามสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดการปฏิวัติจนได้ ทั้ง ๆ ที่บ้านเราเมืองเราก้าวผ่านมานานแล้ว

ในส่วนที่อาตมาเห็นว่าคุณทักษิณมีความผิดนั้น ที่เห็นชัดเจนมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งคือคุณทักษิณเป็นคนหัวแข็ง ไม่ยอมลงให้ใคร พูดง่าย ๆ ว่าเจ้าที่เจ้าทางอยู่ที่ไหน บรรดานายกฯ อื่น ๆ ไปกราบไปไหว้ แกไม่ไป ประการที่ ๒ คืออยู่นานเกินไป พออยู่นานเกินไป คนไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เกิดอาการอย่างที่คุณบรรหาร ศิลปอาชาพูด ก็คืออดอยากปากแห้ง จึงต้องสร้างสถานการณ์เพื่อให้ตัวเองขึ้นไปเป็นรัฐบาลบ้าง แต่ปรากฏว่าทหารของเราดันบ้าจี้ เห็นดีเห็นงามไปด้วย"

เถรี 11-04-2016 20:29

"ปัจจุบันนี้ในเรื่องการค้าขาย การลงทุน ถ้าประเทศของคุณไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีรัฐบาลที่มั่นคงแน่นอน ก็ไม่มีใครเขาอยากค้าขายด้วย ไม่มีใครเขาอยากลงทุนด้วย คนที่ลงทุนอยู่ก็ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น ต่อให้บรรดาทีมเศรษฐกิจมีอีก ๕ สมคิดก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะเหมือนอย่างกับว่าพอคุณสมคิดสร้างเวที คนในรัฐบาลด้วยกันโดยเฉพาะนายกฯ นั่นแหละ ก็รื้อเวทีเสียเอง สถานการณ์กำลังดี ๆ ก็ไปทำให้แรงขึ้น

โดยเฉพาะไปไล่เก็บขันชาวบ้าน...ทุเรศมากเลย..! ถ้าเป็นอาตมานี่จะซื้อเพิ่มให้อีก ๒ ใบ...! เผื่อให้ไว้ใช้ตอนสงกรานต์ปีหน้าด้วย ถ้าเห็นว่ารูปคุณทักษิณกับยิ่งลักษณ์ไม่สวยไม่หล่อพอ ก็หาที่สวยที่หล่อกว่านั้นให้ แล้วก็ลงรูปไปเลย อภินันทนาการจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เขาบอกว่าถ้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรได้ ก็จงเป็นพวกเดียวกับเขาไปก็หมดเรื่อง

พูดการเมืองนี่กำลังใจต้องนิ่งพอ ถ้าไม่นิ่งพอเมื่อไรตัวเองจะร้อนเอง เพราะฉะนั้นอย่าไปยุ่งกับมันเลย รัฐธรรมนูญใหม่ต่อให้เขียนมาดีแค่ไหนก็ตาม ใช้ไม่ได้หรอก เพราะว่าอยู่ที่คน"

เถรี 11-04-2016 20:36

ถาม : ฟังท่านพูดแล้วถูกใจครับ ?
ตอบ : เดี๋ยวก็โดนจับไปปรับทัศนคติด้วยกันหรอก เดี๋ยวนี้พระเจ้าเขาก็ไม่เว้นนะ เมื่อเดือนก่อนเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม จากสภาผู้แทนราษฎร อุตส่าห์มาถามตอนเลิกกรรมฐานว่า อาตมามีอะไรจะฝากถึงรัฐบาลไหม ? อาตมาบอกว่าไม่ฝาก เพราะรัฐบาลไม่เคยจริงใจกับพระเลย ต่อไปนี้พระจะเลิกใช้สันติวิธี แต่จะไปใช้กำลังแทน ได้ยินแบบนี้ไม่รู้ป่านนี้หัวหงอกกันหมดแล้วหรือยัง ?

เถรี 11-04-2016 20:58

ถาม : ทำไมถึงชื่อหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์คะ ?
ตอบ : ตอนแรกเขาทำหนังสือเกี่ยวกับธรรมะต่าง ๆ ที่พูดไป เลยไปนึกว่าของอาตมาเองไม่ใช่ครูบาอาจารย์ เหมือนอย่างกับนั่งฟังอยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแล้วก็จำ ๆ เอามา ก็เลยคิดว่าถ้าหลวงพ่อท่านเทศน์แล้วอาตมามีหน้าที่จำ ก็เหมือนกับกระโถนข้างธรรมาสน์ ที่คอยรองรับอะไรต่อมิอะไร จึงตั้งชื่อหนังสือแบบนี้

เถรี 11-04-2016 21:01

ถาม : ผมอยากบวชที่วัดท่าขนุนตอนอายุ ๑๒ ครับ มีกำหนดการอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : จะบวชเดือนนี้เลยไหม ? ผ้าไตรมี หลวงพ่อเป็นพระอุปัชฌาย์ บวชให้ได้

ถาม : รอครบอายุ ๑๒ ก่อนครับ ?
ตอบ : แล้วตอนนี้อายุเท่าไรครับ ?

ถาม : ๑๑ ปีครับ
ตอบ : ๑๑ ปี ๙ เดือน ?

ถาม : ๑๑ ปี ๓ เดือนครับ
ตอบ : ปิดเทอมหน้าไปบวชได้เลย ไปอยู่ที่โน่นต้องระวัง ถ้าทำอะไรผิดหลวงพ่อตีด้วยสายไฟนะ ไม่ได้ตีด้วยไม้ สามเณรที่วัดเป็นร้อย ๆ เรียบอย่างกับผ้าพับเลย แต่พอกลับบ้านไปแล้วพ่อแม่เขาต่อยอดไม่ได้

อยู่ที่วัดพระพี่เลี้ยงแต่ละรูปจะพกไม้สามอัน ตอนแรกหลวงพ่อก็สงสัยว่าทำไมพกไม้สามอัน เขาบอกว่าถ้าตีหักเดี๋ยวต้องหาไม้อันใหม่ อาตมาประกาศไว้ชัดเจนว่า ถ้าลูกมาถึงวัด เป็นสิทธิของพระ บางทีตีไปพ่อแม่ก็นั่งร้องไห้ไป "ดีแล้วครับที่หลวงพ่อตี เพราะผมก็ไม่กล้าตี" สามเณรวัดอื่นเป็นลิงเป็นค่าง แต่สามเณรวัดท่าขนุนเรียบร้อยผิดปกติ

เถรี 11-04-2016 21:05

แถวนั้นเขาไม่แปลกใจหรอก เขาว่า "อาจารย์เล็กดุอย่างกับหมา ตรงเวลาจนน่าเกลียด" คนจำนวนมากถ้าใช้พระคุณอย่างเดียวจะเอาไม่อยู่ ต้องใช้พระเดชด้วย พระวัดอื่นแค่ ๓ รูป ๕ รูป ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย พระของวัดท่าขนุน ๓๐-๔๐ รูป ไม่เห็นมีปัญหา เพราะเจ้าอาวาสดุ..!

มีโยมไปที่วัดถามว่าที่วัดมีพระกี่รูป บอกว่า “ตอนนี้ ๒๗ รูป” เขาก็ตกใจ “หา...! ทำไมไม่เห็นเลย” บอกว่า “แน่จริงออกมาสิ ถ้าไม่ใช่งานแล้วออกมาเกะกะเป็นโดน...!” เขาสงสัยว่าพระ ๒๐-๓๐ รูปหายไปไหน...เงียบสนิท

ต่างจังหวัดส่วนใหญ่พอนอกพรรษาแล้วมักจะเหลือแต่เจ้าอาวาสกับเณร หรือไม่ก็เหลือเจ้าอาวาสรูปเดียว แต่ที่วัดท่าขนุนตอนแรกพอเอาไม้โหดมาใช้ หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านบอกว่า “เดี๋ยวคุณก็ได้อยู่คนเดียวหรอก” ปรากฏว่าไม่จริง พอพ่อแม่เห็นว่าเอาลูกเขาอยู่ก็ส่งมาบวชกันใหญ่

มีอยู่ปีหนึ่งเฉพาะพระใหม่ที่มาบวช ๓๖ รูป ผู้กำกับตำรวจที่ทองผาภูมิเขาบอก “สบายใจครับ อย่างไรพรรษานี้ไม่มีเหตุอะไรแน่นอน เพราะไอ้พวกเหี้... ๆ พระอาจารย์เล็กเอาไปบวชหมดแล้ว” ไม่ได้คิดจะเอาเขามาบวช ไม่รู้เขานัดกันอย่างไร ๓๐ กว่าคน มาบวชหมดเลย กลัวว่าจะมาตั้งแก๊งค์ในวัดเหมือนกัน ความจริงเขาเต็มใจมาบวชเอง แล้วบังเอิญเป็นพวกสุดแสบทั้งนั้น ตั้งแต่นั้นมาพอมีเรื่องมีราวเขาก็เห็นอาตมาเป็นมาเฟีย คือมีหน้าที่ไปเคลียร์ให้เขา คือพอมาเป็นลูกศิษย์วัด เมื่ออาจารย์สั่งเขาก็ต้องเลิก รู้สึกประหลาด ๆ ดีเหมือนกัน

โดยเฉพาะ
ระยะนี้พวกนักการเมืองท้องถิ่น คนโน้นก็มา “อาจารย์ช่วยผมหน่อย” คนนี้ก็มา “อาจารย์ช่วยผมหน่อย” ก็เลยต้องโบ้ยไปว่า “โน่น...ไปบนหลวงปู่สายโน่น” อาตมาจะไปช่วยใครได้ ทั้ง ๒ ฝ่ายก็ลูกศิษย์วัด ต้องโยนให้เป็นหน้าที่ของหลวงปู่ ไปบนหลวงปู่เอาเอง

เถรี 18-04-2016 22:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อเดิมท่านสูง ๒ เมตร กุฏิที่ท่านทำกว้างหนึ่งวา ท่านนอนหัวท้ายชนพอดี ใครจะนึกว่าหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จะสูงขนาดนั้น แค่ยุคท่านกับเราก็ยังไม่ได้ต่างกันมาก ไปนึกถึงสมัยอยุธยา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ท่านยืนเทียบสูงแค่หน้าอกของเจ้าสามพระยาเอง"

เถรี 18-04-2016 22:41

"พูดถึงหลวงพ่อเดิมก็ต้องนึกถึงหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล หลวงพ่อรุ่งเป็นลูกของป้า ก็คือแม่ของหลวงพ่อรุ่งเป็นพี่สาวของแม่หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อรุ่งบวชก่อน ๑๑ พรรษา ไปศึกษาวิชาก่อน ส่วนหลวงพ่อเดิมบวชทีหลังจึงไปศึกษาวิชาทีหลัง ช่วงที่ศึกษาวิชาจบมา ทดสอบทำวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ก็ยังต้องเดินทางไปหาหลวงพ่อรุ่ง เพื่อขอความมั่นใจอยู่บ่อย ๆ แต่หลวงพ่อเดิมดังระเบิดทั่วฟ้าเมืองไทย ขณะที่หลวงพ่อรุ่งเป็นที่รู้จักกันเฉพาะในถิ่นเท่านั้น

แบบเดียวกับหลวงปู่กลีบสอนหลวงปู่ยิ้มมากับมือ พอบอกหลวงปู่กลีบไม่ค่อยมีใครรู้จักชื่อหรอก แต่ถ้าบอกชื่อหลวงปู่ยิ้มนี่ดังทั่วเมืองไทย เพราะว่าลูกศิษย์ของท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับหัวกระทิทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับบารมีที่ท่านสร้างมาว่าบริวารมากหรือน้อย ถ้าบริวารมาก คนไปหามาก ก็โด่งดังมาก จะว่าลูกศิษย์ล้ำหน้าอาจารย์ก็ใช่

เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า หลวงพ่อกับหลวงปู่ปาน ใครดังกว่ากัน ? กรุณาเปรียบเทียบให้หน่อย หลวงพ่อท่านบอกหลวงปู่ปานดังกว่า หลวงปู่ปานจัดงานแต่ละที เรือแพจอดเต็มหน้าวัด เดินข้ามแม่น้ำได้เลย สมัยนั้นมีแค่พายเรือไปบอกข่าว สมัยของหลวงพ่อวัดท่าซุงมีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ มีทั้งโทรศัพท์ "จัดงานทีคนของข้าประมาณ ๒ แสน ยังสู้หลวงพ่อปานไม่ได้นะ"

อาตมาตรองดูก็เห็นจริง สมัยหลวงปู่ปานหุงข้าวทีละ ๘ กระทะ หุงกันทั้งวันทั้งคืนไม่พอเลี้ยงคน อาตมาไปเจอมาที่วัดเขาตามะยะ ท่านไม่ได้หุง ๘ กระทะ แต่ท่านหุงทีหนึ่งเป็นถาดใหญ่ ๆ สูงประมาณคืบหนึ่ง แล้วเรียงเป็นชั้น ๑๐ ชั้น หุงพร้อมกันทีเดียว ๑๐ เตา ก็ ๑๐๐ ถาดใหญ่ ๆ ยังไม่ทันเลี้ยงคนเลย กับข้าวก็ทำทีละ ๑๐ กระทะใบบัว ยังไม่พอเลี้ยงคน ทั้ง ๆ ที่เป็นอาหารเจล้วน ๆ"

เถรี 18-04-2016 22:43

"ลองมาเทียบค่าของเงินที่ญาติโยมทำบุญก็ต่างกันมหาศาล ยุคหลวงปู่ปานท่านบอกว่าโบสถ์สวย ๆ หลังหนึ่ง ๕,๐๐๐ บาท สมัยก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ ตีเสียว่าชามละ ๒๐ บาท ๔๐ บาทเท่ากับ ๕ สตางค์ แล้ว ๕,๐๐๐ บาท ปาเข้าไป ๔-๕ ล้านบาท เดี๋ยวนี้ก๋วยเตี๋ยว ๒๐ บาทมีให้กินไหม ? คงไม่มีแล้วกระมัง ?

อาตมาเพิ่งไปกินก๋วยเตี๋ยวชามละ ๓๐ บาท ขอแนะนำทุกคนให้ไปกิน ถ้าผ่านไปวัดพระพุทธบาทผาหนาม หลวงปู่ครูบาอภิชัยขาวปี เป็นก๋วยเตี๋ยวโบราณ ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่แค่ไหน ? รู้แค่ว่าตะเกียบพาดปากชามเกือบไม่ได้ ตะเกียบเกือบจะสั้นกว่าปากชาม แล้วเขาให้มาเต็มจริง ๆ ราคา ๓๐ บาท กินไปเถอะ...อร่อยด้วย อาตมาไปกินมา ๒ อย่างแล้ว ครั้งแรกกินก๋วยเตี๋ยวน้ำ ครั้งต่อมากินสุกี้ผัดแห้ง เดี๋ยวครั้งต่อไปจะดูว่ามีอะไรอีก แต่ละอย่างชามใหญ่พอกัน เดินเข้าไปแล้วร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ เขาเขียนว่าก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ ลูกสาวก็ขยันอย่าบอกใครเลย แม่เป็นคนทำ ลูกเป็นคนเสิร์ฟ ไม่รู้ว่าเปิดเทอมแล้วแม่ต้องทำเองทั้งหมดหรือเปล่า ?"

เถรี 18-04-2016 22:50

"พอมาพูดถึงเรื่องบริวารแล้วก็นึกถึงหลวงปู่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการาม เปรียบกับหลวงพ่อวัดท่าซุง หลวงปู่ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ เป็นเปรียญธรรม ๙ ประโยค ตอนมรณภาพมีเจ้าภาพสวดศพเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ส่วนหลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นแค่เจ้าคุณชั้นราช ไม่ใช่เจ้าอาวาสพระอารามหลวงอย่างท่านด้วย เปรียญธรรมแค่ ๔ ประโยค ครั้นมรณภาพวันหนึ่งอย่างน้อย ๆ มีเจ้าภาพ ๒๐ รายสวดศพ ตลอด ๑๐๐ วันแทบจะเหยียบกันตาย

อาตมานี่ซาบซึ้งเลย สวดตั้งแต่ ๘ โมงครึ่งไปยันสองทุ่มครึ่ง แค่อภิธรรม ๗ บท ๑ จบ เขาบอกว่าสวดดี ๆ ๑๐ นาทีก็จบแล้ว ลองคิดดูว่า ๘ โมงครึ่งไปถึง ๒ ทุ่มครึ่ง รวมเวลาให้เขาขึ้นไปถวายปัจจัยไทยธรรม รับพรด้วย ตีเสียว่า ๒๐ นาที ชั่วโมงหนึ่ง ๓ ราย ๑๒ ชั่วโมง ประมาณ ๓๐ กว่าราย

จะว่าไปแล้วอาจจะเยอะเฉพาะเวรของอาตมาก็ได้ เพราะตอนนั้นอาตมานั่งหัวแล้วเอาพระใหม่ ๆ ต่อท้ายอีก ๓ รูป คนอื่นเขาฟอร์มทีมกันแน่นเลย ส่วนอาตมาไม่ง้อใคร ถือว่ากูสวดคนเดียวได้ ส่งพระใหม่มาก็รับเข้าทีมไป ปรากฏว่าพระใหม่รวยอู้ฟู่...กระเป๋าตุงไปตาม ๆ กัน บอกท่านว่า "คุณไม่ต้องทำอะไร คุณนึกถึงหลวงพ่อแล้วภาวนาคาถาเงินล้านเอาไว้อย่างเดียวก็พอ" เพราะอาตมาภาวนาเป็นปกติอยู่แล้ว ปรากฏว่าทำลายสถิติเขาอีกแล้ว ขึ้นสวดเมื่อไรวันหนึ่งก็ ๓๐ กว่าราย

รอบหนึ่งเขาให้ ๒๐๐ บาท วันหนึ่งประมาณ ๓๐ รอบ พอ ๓-๔ วันจะถึงรอบตัวเองครั้งหนึ่ง ๆ ก็คือเป็นเจ้าภาพรอบละ ๒,๐๐๐ บาท ถวายพระรูปละ ๒๐๐ บาท ๔ รูปก็ ๘๐๐ บาท อีก ๑,๒๐๐ บาทเข้าบัญชีวัด ตอนแรกเป็นการสวดฟรีอยู่หลายวัน พอประชุมเรื่องงาน
ทำบุญ ๗ วัน ก็เลยขอเอาไว้ เพราะว่าพระท่านเหนื่อยกันทุกรูป ต่อให้ไม่เหนื่อยสวดมนต์ ก็ต้องเหนื่อยในหน้าที่อื่น จึงขอให้พระมีรายได้บ้าง"

เถรี 18-04-2016 22:54

"ตอนแรกพระผู้ใหญ่ท่านเห็นว่า เงินเข้าวัดควรที่จะลงกองกลางทั้งหมด อาตมาบอกว่าควรจะให้พระท่านได้บ้าง โดยเฉพาะพระใหม่ ๆ โดนใช้หัวทิ่มหัวตำเลย วัดใหญ่ขนาดนั้นมีพระแค่ ๓๐ กว่ารูป แล้วคนไปเป็นหมื่นเป็นแสนอยู่ทุกวัน เขาไปเคารพศพหลวงพ่อ

ตอนแรกหลวงตาวัชรชัยเสนอไปรูปละ ๕๐๐ บาทต่อรอบ ก็คือ ๒,๐๐๐ บาท แต่พวกเราบอกว่าจะเป็นภาระแก่ญาติโยมที่เป็นเจ้าภาพมากเกินไป เลยขอลดเหลือรูป ๒๐๐ บาทก็พอ ส่วนที่เหลือก็เข้ากองกลาง ตกลงกันได้ที่เป็นเจ้าภาพรายละ ๒,๐๐๐ บาท ซึ่งญาติโยมทุกคนเขาเต็มใจอยู่แล้ว เพราะว่าผ้าไตร ๔ ชุด ก็ตีเสียว่าไตรละ ๕๐๐ บาทก็ ๒,๐๐๐ บาทแล้ว ต่อให้ไม่คิดถึงเงินถวายพระก็คุ้มเกินค่าแล้ว"

เถรี 18-04-2016 23:02

ถาม : สวดกี่วันคะ ?
ตอบ : ๑๐๐ วัน เจ้าภาพแน่นมาก ๑๐๐ วันถ้าได้สวดสัก ๒๐ วันก็รวยตายแล้ว วันหนึ่งประมาณ ๖,๐๐๐ บาท ๑๐ วันก็ ๖๐,๐๐๐ บาท ๑๐๐ วันก็แสนกว่า จบงานแต่ละคนมีเงินหมื่นเงินแสนอยู่ในกระเป๋า อาตมาเหลือแต่ตูด..! ถึงเวลาหลวงตาวัชรชัยที่ท่านเป็นแม่งานจัดดอกไม้ถวายพระ ท่านใจใหญ่มาก ไม่ยอมใช้ดอกไม้ปลอม ขอดอกไม้สดสั่งตรงจากเชียงใหม่เลย แล้วแดฟโฟดิล เจ้าประคุณเถอะ...ดอกผักบุ้งชัด ๆ..! โดนลมก็เหี่ยวแล้ว ต้องเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก เดี๋ยว ๆ หลวงตาก็มาสะกิด "เฮ้ย..เล็ก...มีเงินไหมวะ ? พี่หมดตัวแล้ว" อาตมาก็ควักให้ไปเรื่อย

สรุปว่าจัดงานเสร็จมี ๒ คนที่จนกรอบ คือหลวงตาวัชรชัยกับอาตมา ที่เหลือเขารวยกันทั้งนั้น น่าจะมีพี่ประทีปอีกคนกระมัง ? ที่ถึงเวลาฉุกเฉินหลวงตาก็ไปล้วงกระเป๋า เพราะท่านรู้ว่าสองคนนี้ไม่ค่อยเก็บเงิน มักจะทำบุญกันหมด ถึงเวลาก็มาเอา บางทีที่สวดมาได้ไม่พอ ก็ต้องควักโปะเข้าไปอีก ทหารตำรวจเดี๋ยวก็มา "หลวงพี่...ขอกระทิงแดง ๒ ลัง" "เออ...ไปลงบัญชีที่ร้านป้ากีไว้" ถึงเวลาไปจ่ายแต่ละทีนี่หน้ามืดเลย กระทิงแดง ๒ ลังมีกี่ขวด ? ตำรวจทหารทั้งวัดพอไหม ? เห็นใจเขาที่โบกรถทั้งกลางวันทั้งกลางคืน ไม่ให้ก็ไม่ได้ ครบ ๑๐๐ วันไปจ่ายนี่หน้ามืดเลย..!

สมัยหลวงพ่อท่านยังอยู่ หลวงพ่อยังมีเงินพิเศษให้เขา ของอาตมามีแค่บุหรี่กับกระทิงแดงเอง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปขอกับใคร รู้สึกว่าคนไหนของ่ายเขาก็เอากับคนนั้น เดี๋ยว ๆ ก็มา "หลวงพี่...ขอกระทิงแดง ๒ ลัง" ไปขอหลวงพี่ทีปจนโดนด่า ก็เลยแวะมาทางนี้แทน หลวงพี่ทีปแกโวยวายเอะอะไปตามแบบ "จะแดกห่..กันไปถึงไหน เดี๋ยวก็ตายห่..กันหมดหรอก...!" แต่ท่านก็ให้นะ ด่าแล้วก็ให้ แต่คราวนี้อาตมาไม่ด่า เลยมาเอาจากทางนี้มากกว่า

เถรี 18-04-2016 23:06

"ไปนึกถึงงานเก่า ๆ แล้วขำ ๆ คืออยู่วัดท่าขนุน บรรดาเพื่อนสังฆาธิการทั้งอำเภอบอกว่า อาจารย์เล็กจัดงานแต่ละทีคนมากเหลือเกิน อาตมาบอกว่านี่แค่หยิบมือเดียวของวัดเก่าผม วัดท่าขนุนจัดงานทีคน ๔,๐๐๐ – ๕,๐๐๐ คน สมัยอยู่วัดเก่า อย่างไม่มี ๆ ก็แสนคนขึ้นไป

งานที่หนักมากในสายตาของคนอื่นกลายเป็นงานสบายของอาตมา เพราะเจอคนมาเยอะกว่านั้น วัดอื่นบอกว่าได้ ๒๐๐ – ๓๐๐ คนเขาก็ดีใจตายชักแล้ว ยิ่งงานใหญ่ ๆ อย่างสงกรานต์หรือตักบาตรเทโว เขามากันทั้งอำเภอ จนกระทั่งวัดทองผาภูมิ ต้องเรียกว่าวัดลูก เพราะหลวงปู่สายท่านสร้างไว้ แล้วให้หลวงตาอาบไปเป็นเจ้าอาวาส ต้องย้ายไปจัดงานตักบาตรเทโววันอื่น ไม่มีทางจัดวันแรม ๑ ค่ำเด็ดขาด เพราะถ้าชนกับวัดท่าขนุนแล้ว ก็ไม่มีใครไปวัดทองผาภูมิ

แต่อาตมาชอบใจทางฝั่งพม่ามากกว่า ฝั่งพม่าจัดตักบาตรเทโวได้ทั้งปี คือถ้าคุณยังไม่ได้จัด ปีนี้คุณเห็นว่าวันไหนเหมาะสมก็จัดเลย เขาก็จะไปสืบว่าตรงกับวัดไหนในบริเวณใกล้เคียงกันหรือเปล่า ? ตำบลนั้น อำเภอนี้มีไหม ? ถ้าไม่มีก็ลุยเลย ญาติโยมก็แห่ไปทำบุญ ฉะนั้น...อยู่พม่าดีตรงที่มีงานตักบาตรเทโวบ่อยมาก"

เถรี 18-04-2016 23:13

"งานตักบาตรเทโวของพม่า มักจะมีงานชิงเปรต ประเภททาตัวดำ ๆ ไปปีนเสาน้ำมันเพื่อเอาสตางค์ข้างบน บางทีก็เป็นข้าวของเครื่องใช้ อาตมาเอาใบละ ๕๐๐ บาทไปเสียบไว้ข้างบน โอ๊ย...เขาแย่งกันปีนจะตาย เงินไทยใหญ่กว่าพม่าเยอะ ใคร ๆ ก็อยากได้ แล้วคนจัดก็แสบไส้เหลือเกิน เสาเป็นเสาไม้ไผ่ ด้านบนตัดครึ่งเป็นกระบอก เอาน้ำมันใส่ไว้ นอกจากทาเสาแล้ว เวลาปีนน้ำมันยังกระฉอกออกมาเป็นระยะ ๆ ลื่นจนปีนไม่ได้ กลั่นแกล้งกันเหลือเกิน

จนท้ายสุดอาตมาบอกว่า "ต่อตัวกันสิโว้ย...เขาไม่ได้ห้าม" เหยียบ ๆ กันขึ้นไปกี่คนได้แล้วก็เอาลงมาแบ่งกัน เห็นเขาปีนแล้วเหนื่อยแทน จนต้องสอนให้ พวกเอ็งนี่ซื่อเป็นบ้าเลย แต่อย่างว่า...ชาวบ้านเขาไม่ได้กะล่อนเหมือนอาตมา

แบบเดียวกับเด็กนักเรียน งวดนี้อาตมาจัดสอบชิงทุนการศึกษาสายวิทย์หนึ่งทุน สายศิลป์หนึ่งทุน ที่ ๒ ของสายวิทย์คะแนนท่วมของสายศิลป์เลยนะ แต่ให้สายศิลป์ไปแข่งกันแค่ ๔ คน แล้วไปมะรุมมะตุ้มแข่งกันที่ทุนสายวิทย์กัน อาตมาก็ปรารภไปตั้ง ๒ ครั้ง ๓ ครั้งแล้วว่า "ทำไมมึงโง่ขนาดนี้วะ ? มึงจะเรียนสายไหนก็เรื่องของมึง สมัครแข่งสายไหนก็ไปสิ ไปตบเด็กก็ได้ เราเก่งกว่าอยู่แล้ว เราไปสมัครสายศิลป์ ได้ทุนสายศิลป์
มา แล้วจะไปเรียนสายวิทย์ หลวงพ่อก็ไม่ได้ว่าสักหน่อย" แต่เขาซื่อ...แย่งกันลงสายวิทย์ก็ไปแข่งกับพวกเก่ง ๆ ด้วยกัน

อาตมาแหกคอกเก่งมาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยสนใจหรอก ถ้าหากว่ากติกาไม่ได้ห้ามก็ไปเลย แต่ว่าเด็ก ๆ พวกนี้เขาซื่อ ต้องบอกว่าครูบาอาจารย์อบรมมาดี จะเอาทุนสายวิทย์ก็ตั้งหน้าตั้งตาไปแข่งกับสายวิทย์ แล้วจะไปสู้ใครไหว มีแต่เก่งกับเก่ง"

เถรี 19-04-2016 12:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "เขาบอกว่าจะทำขุนแผนทั่วประเทศ อาตมากลัวอยู่แค่ ๒ สำนัก สำนักแรกคือขุนแผนพลายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่งท่านมรณภาพไปแล้ว อย่างไรก็สู้ของอาตมาไม่ได้ เพราะพระของท่านราคาแพงแล้ว องค์หนึ่งราคาเป็นแสน ๆ ส่วนอีกสำนักหนึ่งก็คือของวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งก็ราคาแพงสาหัสพอกัน ส่วนที่เหลือนี่ไม่ได้กลัวหรอก เพราะอาตมานอกจากเป็นลูกหลานขุนแผนแล้วดันไปอยู่กาญจนบุรีอีกต่างหาก ทำแล้วท่านไม่ช่วยให้รู้ไป ผลิตออกมารับรองว่าชนได้ทุกสำนัก"

ถาม : ขุนแผนมหาเสน่ห์หรือคะ ?
ตอบ : ขุนแผนเกราะเพชร จะมหาเสน่ห์อะไรกันนักหนา ต้องเรื่องอื่นด้วยสิ มหาเสน่ห์ถือเป็นของแถม

ถาม : พระขุนแผนของหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง มีพิเศษไหมครับ ?
ตอบ : ของที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่อาตมาไม่กลัว กลัวแค่ ๒ สำนักที่ว่ามา ซึ่งก็ไม่มีอะไรให้กลัวแล้ว เพราะของท่านขึ้นหิ้งไปเรียบร้อยแล้ว

ไปนึกถึงหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ท่านก็สร้างพระขุนแผนเหมือนกัน แต่พระขุนแผนของท่านดังสู้หลวงปู่ทิมไม่ได้ เพราะว่ามีส่วนผสมของผงพลายกุมารหลวงปู่ทิม เลยกลายเป็นว่าหลวงปู่ทิมต้นตำรับดังกว่า ทั้งที่ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รุ่นเดียวกัน แต่หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ดังเรื่องสีผึ้ง สีผึ้งนี่ท่านหวงสุด ๆ ขนาดลูกศิษย์ไปขอ ท่านควักให้อย่างเก่งก็แค่หัวไม้ขีด รับประกันว่าต้องการอะไรก็ได้ ให้รีบหามาใช้เลย

อาตมาจะพยายามตั้งราคาขุนแผนให้ต่ำสุดไว้ ขอดูค่าใช้จ่ายก่อน ถ้าค่าใช้จ่ายหารเฉลี่ยออกมาไม่โหดนัก อาจจะเหลือองค์ละ ๓,๐๐๐ – ๔,๐๐๐ บาท ยังโชคดีว่าตอนที่ทำราคาทองยังไม่ถึง ๒๐,๐๐๐ บาทดี

เถรี 19-04-2016 12:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "จังหวัดปทุมธานีมีพระเกจิอาจารย์ดังระเบิดเยอะแยะไปหมด ถ้าเอาประเภทที่อาตมาใฝ่ฝันเลยก็ต้องหลวงพ่อเจ้าคุณสว่าง วัดเทียนถวาย ทำตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่าน ถ้าได้มาหนึ่งดอกสามารถลุยได้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเลย ทำเฉพาะปีที่มีเสาร์ ๕ เสือหนึ่งตัวทำได้ดอกเดียว ทำเสร็จแล้วเสกอีก ๓ พรรษา ถึงจะแจกลูกศิษย์

อีกท่านหนึ่งคือหลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ อาตมาอยากได้ตะกรุดของท่าน แต่หายากมาก ส่วนใหญ่จะเจอที่เป็นเหรียญ จะเป็นพระ ที่เหลือก็มีดังอีกหลายรูป แต่ส่วนใหญ่แล้วท่านเป็นพระเกจิอาจารย์สายมอญที่โดนกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จะเรียกกวาดต้อนก็ไม่ใช่หรอก ท่านตามพระมหาเถรคันฉ่องเข้ามา พระมหาเถรคันฉ่องเข้ามาก็เอาตำรับตำราคาถาอาคมต่าง ๆ เข้ามาด้วยเยอะแยะ

พระเกจิอาจารย์สายมอญสมัยก่อนดังมาก เพราะว่าศึกษาจนรู้จริง ตำราทำปรอทกรอ ตำราทำเบี้ยแก้ ตำราลบผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห ส่วนใหญ่สายนี้จะถนัด เวลาหลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ ลบผง ผงทะลุกระดานหมด ถึงเวลาต้องกางผ้ารองไว้ข้างล่าง เขียนในกระดานเสร็จลบพรืด ร่วงลงไปข้างล่าง ไม่ใช่ร่วงเฉย ๆ นะ ผงของท่านวิ่งอย่างกับฝูงมด ท่านก็ทำของท่านไปเรื่อย ใครอยากดูก็ไปนั่งดู ท่านไม่ได้ว่าอะไร ลบผงได้พอ ท่านก็สร้างพระ ฉะนั้น...พระของหลวงพ่อเทียน วัดโบสถ์ ที่เขาอยากได้กันจริง ๆ จะเป็นเนื้อผง แต่อาตมาเล็งตะกรุด จนป่านนี้ยังไม่ได้มาสักดอก

พระมหาเถรคันฉ่อง ตอนหลังก็คือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ด้วยคุณูปการที่มีต่อประเทศไทย สมัยนั้นยังไม่ใช่ไทยหรอก พม่าเรียกโยเดีย อโยธยาอ่านเร็ว ๆ จะกลายเป็นโยเดีย"

เถรี 19-04-2016 22:07

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานวันที่ ๑ นอกจากเป็นวันศุกร์ เงินเดือนออกแล้ว ยังหวยออกอีกต่างหาก คนที่ไม่มาไม่ใช่หมดแรงเพราะเที่ยวนะ แต่หมดแรงเพราะหวยกิน..! เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทำอย่างไรก็ต้องเล่น

พี่ชายของอาตมาคนหนึ่ง คือ พี่สุรกานต์ ประเภทยอมกินบะหมี่สำเร็จรูป ซองละ ๓ บาท ๕ บาทเพื่อให้ได้เล่นหวย แล้วงวดหนึ่ง
ซื้อที ๕,๐๐๐- ๖,๐๐๐ บาท คุณเคยไหม ? ประเภทถูกทีก็รวยไปเลย

หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยให้หวย แต่ต้องจับให้เป็น หลวงพ่อบอกว่ามีเคล็ดอยู่ว่าให้ตาม ๑๒ งวด งวดแรกไม่ออกให้ตามงวดที่สอง เช่น งวดที่ ๑ หนึ่งร้อยบาทไม่ออก เล่นงวดที่ ๒ สองร้อยบาท ถ้างวดที่ ๒ ไม่ออก งวดที่ ๓ สามร้อยบาท งวดที่ ๔ สี่ร้อยบาท แกก็ตามไปเรื่อย จนไปออกงวดที่ ๙ ก็เลยบอกว่า "ถ้า ๑๑ งวดแล้วไม่ออกล่ะ ?" พี่เขาบอกว่า "ผมขายบ้านเล่นเลย" มั่นใจหลวงพ่อขนาดนั้น

หลวงพ่อท่านบอกว่า คนหมู่มาก วาระบุญไม่เท่ากัน คนที่บุญไม่ถึง เขาตามงวดสองงวดไม่ออกเขาก็เลิกแล้ว ส่วนคนที่บุญถึงเขาก็ตามไปเรื่อยจนถูกไปเอง"

เถรี 19-04-2016 22:14

"แบบเดียวกับสมัยก่อน หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ถ้าถามว่าหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เป็นใคร ? หลวงพ่อเนื่องเป็นอาจารย์ของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน

หลวงพ่อเนื่องให้หวยทุกงวด คนก็ถูกทุกงวด ท่านเองก็ไม่ได้สนใจ คนเอาเงินมาถวาย ท่านก็โยนโครมไปข้างหลัง พอหลวงพ่อเนื่องมรณภาพ เขาไปค้นกุฏิเจอเงิน ๒๐ กว่าล้านบาท ท่านกอง ๆ ไว้ไม่ได้สนใจเลย ถึงเวลาเขามาเบิกค่าใช้จ่าย ค่าก่อสร้างบูรณะวัด ท่านก็คว้ามานับ ๆ แล้วก็ส่งให้เขาไป เหลือเท่าไรไม่ได้เหลียวแลหรอก

ท่านให้หวยอยู่ ๓๐ กว่าปี วันหลวงพ่อเนื่องมรณภาพ ถัดไปก็ลงปาฏิโมกข์ พอเข้าโบสถ์เสร็จหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก "เออ...วันนี้มีเวลามาก มาคุยกันหน่อยไหม ? จะเอาเรื่องอะไรดี ? เอาเรื่องหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณีก็แล้วกัน"

"หลวงพ่อเนื่องเป็นพระทองคำ ไม่มีใครไปหาเพื่อขอธรรมะสักคน ไปขอหวยจนกระทั่งพระอรหันต์มรณภาพไปทั้งองค์"
หลังจากมรณภาพแล้วหลวงพ่อท่านจึงบอก ถ้ายังไม่มรณภาพท่านไม่กล้าบอกหรอก กลัวคนไปกวนท่านเยอะ

หลวงพ่อเนื่องท่านให้หวยเป็นสาธารณะ เขียนขึ้นกระดานไว้ ไปเลือกเอาตามสบายใจ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า การเล่นหวยหลวงพ่อเนื่อง ถ้าอยากถูกงวดนั้นให้ตัดท้ายเล่นตัวเดียว ถ้าอยากได้ตรง ๆ ให้ตาม ๑๒ งวดอย่างที่ว่า ท่านบอกว่าคนบุญไม่ถึงจะไม่ตาม ก็จะอดไปเอง

พี่ก้องเกียรติ พี่ชายอาตมาไป ๒-๓ ครั้ง หลวงพ่อเนื่องเขียนยัดใส่มือให้เลย ก็ตามงวดที่ ๑ ไม่ออก งวดที่ ๒ ไม่ออก งวดที่ ๓ ไม่ออก เลิกเล่นเลย งวดที่ ๔ มาตรง ๆ สามตัวบน โดนไปสองครั้ง พี่ก้องเกียรติเลิกเลย บอกว่า "กูไม่มีโชคทางด้านนี้ กูไม่เล่นแล้ว" พี่เขาคิดถูก ขนาดหลวงพ่อเนื่องเขียนให้ตรง ๆ นะ ยังเล่นไม่ถูกเลย"

เถรี 19-04-2016 22:22

ถาม : แล้วพระอาจารย์เล็กละคะ ?
ตอบ : อาตมาโดนสั่งห้าม เมื่อก่อนสมัยอยู่วัดท่าซุงเคยให้พวกแม่ครัวถูกไปหลายงวด หลวงพ่อท่านสั่งห้ามเลย บอกว่า "ไอ้พวกรู้ ๆ แล้วไปบอกเขา ข้าถือว่าไปปล้นเขา ปรับปาราชิกเลยนะโว้ย..!"

เกิดจากโยมเอี่ยม (เอี่ยมศรี อ่อนคำ) โยมเอี่ยมเป็นคนที่กำลังใจยึดมั่นกับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาก ถึงขนาดทิ้งบ้านทิ้งช่อง ทิ้งลูกทิ้งผัวมาอยู่ช่วยงานวัด เวลากลางคืนก็แบกปืนเดินท่อม ๆ เฝ้าวัด ต้องบอกว่าเป็นผู้หญิงเก่งและผู้หญิงแกร่งเลย โดยเฉพาะว่ามโนมยิทธิดีมาก ถึงเวลาเจอโน่นเจอนี่ก็มาถาม เพื่อทดสอบกันกับอาตมาว่าของแกเห็นแล้วตรงกันไหม ? พอบอกไปว่าตรง แกก็ดีอกดีใจ รีบไปปฏิบัติต่อ

ตอนนั้นแกนึกอย่างไรก็ไม่รู้ "หลวงพี่...ขอหวยตัวหนึ่งสิ" ถามว่า "เอาไปทำอะไรวะ ?" "อยากได้เงินไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ" แกอยู่วัด หลวงพ่อช่วยค่าใช้จ่ายแกเดือนละ ๑,๕๐๐ บาท แล้วแกจะทำอะไรได้ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวก็หมดแล้ว แกอยากจะถวายสังฆทานชุดละ ๕๐๐ บาทกับเขาบ้าง เลยมาขอหวย อาตมาก็ไม่เคยเล่นหวย ถามว่า "ตัวเดียวเล่นได้หรือวะ ?" แกบอกว่าได้ ในเมื่อได้ก็ให้ไป

แกถูกมา ๖๐๐ บาท ก็ไม่รู้ว่าเล่นอย่างไร แกก็ไปถวายสังฆทาน ปรากฏว่าพอใกล้หวยจะออกอีก แกเดินผ่านหน้า อาตมาถามว่า "งวดนี้จะเอาไหม ?" แกว่า "เออ...ได้ก็ดี" พอได้งวดที่ ๒ ไปเท่านั้นแหละ มากัน ๗ คน ๘ คนเลย อาตมาก็แหย่เล่น ๆ ว่า "เฮ้ย...มาเยอะอย่างนี้ต้องชักเปอร์เซ็นต์นะ" เขาบอกว่าให้ก็ได้ ปรากฏว่าหวยออก เขาเอามาให้จริง ๆ เท่านั้นแหละ...หลวงพ่อด่าหูตูบเลย รู้ว่าลูกศิษย์จะระยำแล้ว เพราะเดี๋ยวคนจะมาเยอะกว่านั้นอีก ท่านก็เลยสั่งห้ามไว้

เถรี 19-04-2016 22:26

อาตมาโดนท่านห้ามอยู่ ๒ เรื่อง คือ เรื่องบอกว่าคนตายแล้วไปไหน กับเรื่องให้หวย ท่านบอกว่าคนตายแล้วไปไหน แกห้ามบอกเพราะว่า บอกไปก็มีแต่เสมอตัวกับขาดทุน ไม่มีกำไร ถามว่าเป็นเพราะอะไรครับ ? ท่านบอกว่า คนเราทำความดีมาทั้งชีวิต ก่อนตายใจไปคิดถึงความชั่วนิดเดียวแล้วลงนรก ถ้าลูกหลานเห็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายทำดีมาทั้งชีวิต แต่เอ็งบอกว่าลงนรก แล้วเขาจะมีแก่ใจทำความดีกันไหม ?

ส่วนอีกคนหนึ่งชั่วมาทั้งชีวิต ก่อนตายนึกถึงพระได้ ดันได้ขึ้นสวรรค์ แล้วเอ็งบอกว่าขึ้นสวรรค์ ลูกหลานก็ชั่วกันบรรลัยจักรเลย เพราะคิดว่าทำชั่วแล้วขึ้นสวรรค์

ก่อนหน้านี้อาตมาเฮี้ยน บอกเขาไปเรื่อย ระยะหลังโดนสั่งห้ามก็เลยเงียบไป ไม่อย่างนั้นสร้างวัดสร้างวา ตูไม่เดือดร้อนหรอก ให้หวยสัก ๒ งวดก็ได้บานแล้ว

พวกนี้เก่งจริง ๆ นะ เขาช่างสังเกต พอเห็นป้าเอี่ยมถูกหวย ๒ งวดติดกัน ก็เดินเกาะตูดตามตลอดเลย ดูว่าป้าไปเอาหวยที่ไหน

เถรี 19-04-2016 22:30

เรื่องของมโนมยิทธิ จำไว้ว่าอย่าดูเพื่อตัวเอง ถ้าดูเพื่อตัวเอง รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นอคติอยู่ในใจจะเข้าข้างตัวเอง ทำให้พลาดได้

อาตมาดูหวย สมัยก่อนมี ๗ ตัว ดูครบ ๗ ตัวเลย ปรากฏว่ารางวัลที่ ๑ หาซื้อไม่ได้ ไปถามเขาว่าหวยใต้ดินเล่นอย่างไร เขาบอกตัด ๓ ตัวท้ายมาเล่น ดู ๓ ตัว ออก ๒ ตัว ดู ๒ ตัวไปเล่น ออกตัวหนึ่ง ดูตัวเดียวไปเล่น ไม่ออกเลย เลื่อนไปออกงวดอื่น ถามหลวงพ่อว่าทำไมเป็นอย่างนั้นครับ ? ท่านบอกว่า "ใจแกโลภแล้ว เลยเฝือ" แต่พอบอกคนอื่นแล้วก็เป็นไปตามนั้น แปลกดีเหมือนกัน ฉะนั้น...ใครจะเล่นทอง ห้ามใช้มโนมยิทธิ ตายอย่างเขียดมาเยอะแล้ว..!

เถรี 19-04-2016 22:36

พอเวลาความโลภเกิด ทั้ง ๆ ที่รู้สึกว่าไม่ใช่ แต่ใจไปปรุงว่าน่าจะใช่ พอไปตรวจสอบก็เฝือเลย หลังจากนั้นก็เจ๊งยาว หลวงพ่อวัดท่าซุงถึงได้แนะนำว่า ใครใช้มโนมยิทธิเพื่อเป็นหมอดู อย่าให้เขาซักถามต่อหน้า ประเภทที่ให้เขาถามต่อหน้าอย่างอาตมา ท่านบอกว่าจะต้องแกร่งจริง ถ้าไม่แกร่งจริงเดี๋ยวยุ่ง ถ้าเขาซักงี่เง่ามาก ๆ แล้วเราโกรธ โมโห ขัดใจ มโนมยิทธิก็เฝือ เพราะอารมณ์ใจไม่บริสุทธิ์แล้ว

มีอยู่วันหนึ่งที่วัดท่าซุง ท่านเข้าโบสถ์ลงปาฏิโมกข์ หลวงพ่อท่านก็ปรารภว่า "เออ...พวกแกทดสอบมโนมยิทธิกันดีไหมหว่า ?" อาตมาก็ "ดีครับ" พวกมองกันตาเขียวทั้งโบสถ์ ไม่มีใครอยากลอง มีไอ้บ้าอยู่คนเดียวที่อยากลอง ส่วนอีกคนคือลุงพุฒิ เป็นเพื่อนกัน ลุงพุฒิแกก็ไม่กลัวหลวงพ่อเหมือนกัน คือลองผิดลองถูกอย่างไรเราก็ได้กำไร ผิดเราก็รู้ว่าผิดอย่างไร ถูกเราก็รู้ว่าอันนี้ใช่

หลวงพ่อท่านถอนใจบอกว่า "พวกแกบอกว่าได้มโนมยิทธิ จริง ๆ แล้วยังไม่มีใครได้สักคน" อาตมาก็ "หา...ทำไมเป็นอย่างนั้นครับหลวงพ่อ ?" ท่านบอกว่า "บุคคลที่ได้มโนมยิทธิจริง ๆ ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น เพราะใจท่านบริสุทธิ์พอ ไม่มีสิ่งใดจะมาปิดบังท่านได้" ถ้าหากเป็นคนทั่ว ๆ ไปแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง ที่อยู่ในใจ ชักพาให้เสียไปเยอะแล้ว จะเรียกว่ามโนมยิทธิก็ใช่ แต่ยังไม่ใช่มโนมยิทธิที่แท้ จนปัจจุบันที่เขาบอกว่า "อย่ามามโนฯ" คือประเภทคิดเอา เดาเอาเสียมากกว่า ไม่ใช่ของจริง

เถรี 19-04-2016 22:43

ไปนึกถึงตอนที่หลวงพ่อท่านไม่สบาย แล้วขึ้นไปถามพระว่า วันนี้จะมีใครมาบ้าง ? มีกี่คนที่ต้องสงเคราะห์เขา ? แต่ละคนแต่งตัวอย่างไรบ้าง ? ปรากฏว่าเป๋เข้าป่าเข้าดง ผิดหมดเลย พอร่างกายดีขึ้น ตั้งใจขึ้นไปหาพระท่านใหม่ พระท่านว่าไม่ใช่ฉัน แกโดนหลอกแล้ว ถ้าระดับต้นตำรับยังโดนหลอก พวกเราไม่ต้องห่วง มีหวังโดนแน่ ๆ

เรื่องของมโนมยิทธิต้องใจกล้าหน้าด้าน ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ถ้าประเภทผิดแล้วฝ่อไปเลย...ไม่กล้าใช้ หรือต่อให้ถูกก็ไม่กล้าให้ใครลอง ถ้าอย่างนั้นก็เอาดียาก อาตมาโดนหลวงพ่อท่านลองอยู่ ๒ ครั้งซึ่ง ๆ หน้า ต่อหน้าพระและโยมเยอะ ๆ คือท่านถามเรื่องพระศรีสุริโยทัย กับเรื่องพระยาพิชัยดาบหัก ถามห่างกันหลายปี ปรากฏว่าตอบตรงอยู่คนเดียว

ท่านถามว่าทำไมพระศรีสุริโยทัยโดนพระเจ้าแปรฟันขาดคอช้าง ? เพราะท่านเข้าผิดจังหวะ พอเห็นพระมหาจักรพรรดิเสียหลัก ท่านก็ขับช้างเข้าไปเลย แต่ไปเข้าทางซ้ายของเขา ซึ่งเป็นด้านที่เขาถนัด จ้วงได้เต็ม ๆ เลย ลองคิดดูว่าคนถนัดขวาแล้วฟันไปทางซ้าย ถ้าถนัดขวาแล้วเราเข้าขวา เขาจะฟันไม่ถนัด นี่เข้าซ้ายพอดี เลยโดนไปเต็ม ๆ

พอมาถามว่า พระยาพิชัยดาบขวาหรือดาบซ้ายหัก เพราะเห็นอนุสาวรีย์สร้างซ้ายบ้างขวาบ้าง ? ตอบว่า "ดาบขวาครับ" คนอื่นซ้ายกันหมดเลย ถามว่าทำไมถึงหัก ? ตอบว่า "ไปรับดาบแทนเพื่อนครับ" ท่านบอกว่า "เออ...ใช่" เพราะว่าพระยาศรีสิทธิสงครามโดนเขาแอบฟันข้างหลัง ท่านยื่นดาบไปรับแทน แล้วดาบก็ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นดาบของพลทหาร ท่านเล่านอกตำราไปเยอะ

เถรี 19-04-2016 22:49

ถาม : ที่โดนปิดค่าย จนเข้าไม่ได้ ?
ตอบ : ก็คือยกทัพไปรับกองทัพพม่ากัน ปรากฏว่าข่าวศึกยังไม่มา พอตั้งค่ายเสร็จก็สบายใจ เจ้านาย ๑๐ ท่านนั่งแคร่หามเข้าหมู่บ้านไปหากระแช่กิน พอไปถึงหมู่บ้านแล้วไล่พวกคานหามกลับหมด ที่ต้องไล่กลับ เพราะเวลาเมาแล้วเหมือนหมา ถ้าลูกน้องเห็นจะไม่นับถือ เมาเสร็จตะเกียกตะกายกลับค่ายมาก็ค่ำแล้ว ตามกฎอัยการศึก กลางคืนห้ามเปิดประตูค่าย เพราะข้าศึกอาจจะหลอกให้เปิดเพื่อเข้าตี จึงต้องนอนอยู่กับพลตระเวนนอกค่าย

ปรากฏว่ายังไม่ทันจะสว่างดี ทัพข้าศึกพ้นชายทุ่งมาแล้ว ตัวเองก็รีบตีเกราะเคาะไม้แจ้งข่าว แต่อาวุธคู่มืออยู่ในค่าย คว้าดาบพลทหารได้ก็ดาหน้าเข้าประจัญบานกับเขาก่อน ดาบนายทหารสมัยก่อนทั้งหนาทั้งหนัก เพราะว่าอันดับแรก กำลังของตนดีกว่าพลทหารอยู่แล้ว อันดับสองเอาไว้จัดการกับพวกหนังเหนียว

หนังเหนียวแค่ไหนถ้าฟันไม่เข้า ทุบด้วยสันก็อยู่ ที่เขาบอกว่าดาบของขุนแผนยาว ๑ ศอกกำ สั้นเป็นอีโต้เลย ยาวแค่นั้นจริง ๆ แต่ทั้งหนาทั้งหนัก อาจารย์จักรพันธุ์วาดดาบเสียสวยเช้งวับไปเลย ที่จำเป็นต้องทำสั้น ๆ หนา ๆ เพราะเอาไว้ทุบฝ่ายตรงข้ามที่หนังเหนียว

พอตัวเองไปปะทะกับนายกองของเขา ตัวเองดันไปใช้ดาบพลทหารก็หักสิ โชคดีที่พระเจ้าตากเปิดค่ายยกทัพออกมาช่วยทัน มีความดีความชอบที่แจ้งข่าวศึกได้ทัน แต่มีความผิดที่เมาแล้วกลับเข้าค่ายไม่ได้ พระเจ้าตากชี้หน้าคาดโทษว่า "ถ้าวันนี้แพ้ กูตัดหัวหมดทุกคน" ยังโชคดีที่ชนะ..!

เถรี 19-04-2016 22:52

อาตมาดูหนังสงครามเก่า ๆ ไม่ได้ จนป่านนี้เขาเอาวีดีโอพระนเรศวรมาให้ก็ยังดูไม่ได้ เพราะว่ามีช่วงหนึ่งตามหลวงพ่อท่านไปวัดศรีรัตนาราม แล้วคุณปรีชา พึ่งแสง เอาวิดีโอสมัยที่เป็นม้วน ๆ มาให้ดู เป็นวิดีโอสงคราม ๙ ทัพ เปิดบนรถทัวร์ อาตมาไม่ได้เห็นหนังสงคราม ๙ ทัพเลย เห็นภาพซ้อนขึ้นมาเต็มไปหมด ดูไม่ได้เลย

อาตมาเคยพาเด็ก ๆ ไปดูฟาร์มจระเข้และงานแสดงช้างที่สวนสามพราน เขามีจำลองกองทัพไทยสู้กับพม่า ตอนสงครามยุทธหัตถี พอเสียงปืนใหญ่ดังตูม...! เขาไสช้างเข้าหากัน อาตมาไม่ได้เห็นตรงหน้าหรอก เห็นอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด สรุปว่าหนังพวกนี้ดูไม่ได้ ดูแล้วไปเห็นเรื่องอื่นแทน

เถรี 19-04-2016 22:54

รูปวาดพระเจ้าตากสิน อาตมายังไม่เจอที่เหมือนตัวจริงสักรูปหนึ่ง คำว่า "ตัวจริง" ก็คือตัวจริงที่อาตมาฝันเห็น ตอนที่ดูหนังสงคราม ๙ ทัพที่คุณปรีชาเปิดให้ดู เห็นสมบัติ เมทะนีเล่น ยังคิดว่าเป็นพระเจ้าตาก แต่ปรากฏว่าสมบัติ เมทะนี เล่นเป็นรัชกาลที่ ๑ หน้าตาแกใกล้เคียงพระเจ้าตากเหมือนกัน

เถรี 21-04-2016 07:58

ถาม : อัลเลาะห์ คือพระโยนกหรือครับ ?
ตอบ : อัลเลาะห์จริง ๆ คือพระโยนกธรรมรักขิต ท่านเป็นพระอรหันต์ อัลเลาะห์มาจากคำว่าอรหันต์ ลองไปดูคำสอนหลัก ๆ สิ หลักพุทธศาสนาเลย แต่คนรุ่นหลังตีความเพี้ยนไปเอง เมตตาถึงขนาดเขาตบหน้าข้างซ้าย ยื่นข้างขวาไปให้เขาตบ แล้วคิดดูว่าเปลี่ยนมาถึงขนาดนี้ได้

ลองไปศึกษาหลักการของอิสลามดู แต่ว่าอัลเลาะห์องค์ปัจจุบันคือท่านปู่พระอินทร์ นี่อาตมาเปิดเผยความลับของโลกมากเกินไปแล้ว ท่านปู่พระอินทร์ตั้งใจสงเคราะห์ ถ้าหากว่านึกถึงอย่างน้อยก็เป็นเทวตานุสติ

เดี๋ยวพวกรู้จริงก็จะว่าอาจารย์เล็กมั่วอีก แล้วไปใส่กันเละเทะในโซเชียลมีเดีย ให้เขามาใช้มโนมยิทธิแข่งกับอาตมาก็ไม่มา แต่ดันวิจารณ์เก่งฉิบหา..เลย..!

เถรี 21-04-2016 08:11

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาบอกท่านอาจารย์วิสุทธิ์ว่า หาวัตถุมงคลของหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ให้บ้างสิ เอาเฉพาะตะกรุด ท่านอาจารย์วิสุทธิ์ร้องจ๊าก บอกว่าพระดีกว่าครับ หาง่ายกว่าเยอะเลย ทั้ง ๆ ที่พระต้องลบผงต้องอะไรด้วย แต่ว่าท่านสร้างไว้เยอะ ส่วนตะกรุดท่านไม่มีเวลาจาร

ไม่มีอะไรหรอก ออกใบสั่งไว้เล่น ๆ เพราะท่านเป็นคนใจอ่อน พอของมาใครตื๊อก็ให้เขาไป อาตมาสั่งมีดหมอหลวงพ่อกวยไว้อีกเล่ม ท่านบอกว่าเพิ่งโดนเขาตื๊อไป น่าทุบจริง ๆ เลย ท่านเป็นคนใจอ่อน ใครตื๊อก็ให้เขาหมด ท่านเป็นคนที่ไม่คิดเอากำไรกับใคร เป็นคนที่น่าคบมาก เล่นวัตถุมงคลแบบมีหลักการ คือศึกษาเรียนรู้ร่วมกัน

ตอนแรกก็ไม่คิดว่าท่านจะบวชยาว คิดว่าบวชเอาพรรษาเดียว แต่พอดีท่านบวชแล้วไปอยู่กับหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ ไปเจอครูบาอาจารย์ระดับนั้นเข้าคงซาบซึ้งในพระธรรม ก็เลยอยู่มาเรื่อย ท่านเจอหลวงพ่อประสิทธิ์มาวัด.. ท่านรับดูแล เลยติดใจตามไปปฏิบัติที่วัด เป็นพรรษาเลย ช่วงนั้นพวกเราก็ลุ้นว่าท่านจะบรรลุเสียแล้ว"


ถาม: ท่านถ่ายทอดโดยไม่ปิดบังอะไร ?
ตอบ : หลักการถ้าศึกษาถึง ก็รู้ทุกคน ท่านเองก็ไม่ปิดบัง ถ้าคนรู้เยอะก็ช่วยกันยืนยันได้ แต่ถ้าวัตถุมงคลถึงมืออาตมานี่โดนแปลงโฉมหมด ประเภทไม้แห้งไม้เก่า เอามาลงน้ำมันหมด เพราะไม่คิดจะขายอยู่แล้ว

เถรี 21-04-2016 08:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจองวัตถุมงคลวัดท่าขนุนแล้วโอนเงินผิดบัญชี รับประกันว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีคืนเงินให้ จะโอนเข้าไปบัญชีทำบุญตามอัธยาศัยทันที จะได้จำไปตลอดชีวิตว่าอย่าโอนผิดอีก"

เถรี 21-04-2016 13:39

ถาม : ตอนเช้าก่อนเพื่อนไปทำงาน เขาใส่รองเท้าไปใส่บาตร จะรองเท้าหนังหรือผ้าใบเขาก็จะสวมถุงเท้า การสวมถุงเท้าใส่บาตรเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่สบายใจก็ถอดเสีย ถามไปก็ไม่สบายใจอยู่นั่นแหละ

ถาม : ถ้าไม่ถอดจะเป็นการปรามาสไหมละครับ ถ้าเขาไม่สะดวก ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามีความจำเป็นก็ไม่ต้อง แต่ถ้าทำแล้วไม่สบายใจก็อย่าทำ

เถรี 21-04-2016 15:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระเบียบเขาตั้งไว้ให้ปฏิบัติ ไม่ได้ตั้งไว้ให้ต่อรอง ส่วนใหญ่พวกที่ไม่รู้จักเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดี ก็มักจะคิดว่าระเบียบต่อรองกันได้ โทรมาบอกว่าขอลาเพิ่มอีก ๕ วัน หาเงินค่ารถไม่ทัน อาตมาบอกว่านั่นเป็นปัญหาของเอ็ง กลับมาไม่ทันก็ไล่ออก..!

ระเบียบวัดก็เหมือนกับกฎหมาย ในเมื่อเป็นกฎหมายก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่ใช่มาต่อรองกัน มีใครโดนตำรวจจับแล้วต่อรองบ้าง บ่อยเลยใช่ไหม ? จำไว้ว่าถ้าไม่ผิดตำรวจจับไม่ได้หรอก แต่ขนาดจับบิ๊กไบค์ยังต้องโทรถามเพื่อนเลยว่าผิดข้อหาอะไร ยังหาข้อหาไม่ได้แล้วทะลึ่งไปจับเขา..!

รู้สึกว่าที่วัดมีแต่โครงการบวชสามเณรภาคฤดูร้อน แล้วคณะของพวกเราก็มีแต่เด็กผู้หญิงเสียเยอะ ลองบวชชีพราหมณ์ภาคฤดูร้อนบ้างไหม ? จะได้ไปอยู่วัดกันทั้งแก๊งค์เลย

วันก่อนทำตารางให้ท่านเก่ง เลขานุการวัดท่าขนุน เอาไว้ให้ควบคุมสามเณรให้ปฏิบัติตามตาราง เณรเห็นก็ร้องโอ้โห เริ่มตั้งแต่ตี ๓ ครึ่งตื่นนอน ตี ๔ เริ่มกรรมฐาน บอกว่าถ้าใครทำไม่ได้ กลับไปหลวงพ่อจะฟาดตูด หลวมตัวเข้าวัดท่าขนุนต้องโดนบ้าง อย่าได้หลงเข้าไปเชียวนะ หลงไปเมื่อไรตีกระจาย จับบวชชีพราหมณ์แล้วยึดโทรศัพท์ เอาให้คลั่งตายไปเลย...!"

เถรี 21-04-2016 15:12

"ยกตัวอย่างไม่ใกล้ไม่ไกล ทิดตู่ของเรานี่แหละ โดนไล่ออกจากวัดเพราะว่าไปให้คนอื่นมาช่วยต่อรองให้ ไปช่วยงานท่านอนันต์ที่วัดพระธาตุ ๕ ดวง ๑๕ วัน พอวันที่ ๑๓ อาตมาก็โทรไปเตือนว่าวันลาจะหมดแล้วนะ จะเดินทางกลับก็ต้องเตรียมตัวแล้ว ปรากฏว่าพอวันที่ ๑๖ มีโทรศัพท์มา บอกว่าหลวงพี่อนันต์บอกว่าจะพูดกับหลวงพ่อให้ เลยบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก อยู่ต่อไปเถอะ ถ้ากลับมาแล้วก็เก็บของออกจากวัดไปได้เลย...!

ด้วยความข้องใจและด้วยความกล้าหาญว่าตัวเองทำอะไรไม่ผิด ทิดตู่กลับมาก็ถามว่าผมผิดอะไรบ้างครับ ? น่าเหวี่ยงไหม...?! เลยบอกว่าอันดับแรก เอ็งอยู่กับข้า แต่ดันไปฟังคำพูดคนอื่น ถือว่าผิดมารยาท อันดับที่สอง ระเบียบวัดระบุให้ลาแค่ ๑๕ วันแล้วไปเกิน ถือว่าผิดระเบียบวัด อันดับที่สาม ครูบาอาจารย์สั่งแล้วไม่ปฏิบัติตามถือว่าผิดพระธรรมวินัย ตกลงว่าผิดเยอะพอหรือยัง ?

พวกเด็ก ๆ เขายังไม่รู้ ก็คิดว่าหลวงพ่อรักพวกเขาแบบแปลก ๆ เพราะถึงเวลาเขาจะกลับบ้านแล้ว ก็บอกว่าไปเถอะ เขาก็งง ๆ ว่าหลวงพ่อไม่ง้อเขาเลยหรือ ? ตอนอยู่เห็นรักนักรักหนา ตอนจะไปง้อสักนิดก็ไม่มี เลยบอกเขาว่าตูมีอุเบกขาในเมตตา จนป่านนี้เด็ก ๆ ยังตีความไม่แตกเลยว่าอุเบกขาในเมตตาเป็นอย่างไร"

เถรี 21-04-2016 20:19

ถาม : มีคนอยากรู้ว่าหลวงพ่อลาพุทธภูมิเมื่อไรคะ ?
ตอบ : พอพวกหนูเกิดนี่แหละรีบลาเลย ตูไม่ลานี่ตูคงได้เกิดอีกยาวแน่ ...(หัวเราะ)... ดูว่าไอ้เต้ยจะมาไหม ? ถ้าเต้ยมาต้องยุ่งแน่เลย รีบลาดีกว่า...!

เถรี 21-04-2016 20:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "การประสบความสำเร็จต้องทุ่มเทความพยายาม จะนอนใต้ต้นไม้รอกระต่ายให้มาชนตายนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว"

เถรี 21-04-2016 20:21

พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้อาตมาปล่อยชีวิตสัตว์มาเป็นปีที่ ๓๑ แล้ว นับชีวิตไม่ถ้วน ตอนแรกที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าให้ไปปล่อยปลาที่เขาขายให้ฆ่าเดือนละตัวสองตัว ท่านบอกว่า “แกเป็นทหารมาทุกชาติ กรรมปาณาติบาตมีมาก ทำให้ป่วยบ่อย” ก็เริ่มทำมาตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๒๙ ปีนี้ก็ปีที่ ๓๑ พอดี”

เถรี 21-04-2016 21:27

ถาม : เส้นเลือดสมองแตกค่ะ ?
ตอบ : มีหมออยู่ทางอีสาน ถ้าหากว่าเส้นเลือดแตกใหม่ ๆ ไปหาหมอคนนี้เลย หายเกือบเป็นปกติ เขาสามารถเรียกเลือดเสียออกมาได้ แปลกดีเหมือนกัน เอาไข่ต้มไปคลึง ๆ พอแกะไข่ออกมา ข้างในมีแต่เลือด แล้วให้หมอปัจจุบันเขารักษาต่อ เขาช่วยได้แค่เอาเลือดเสียออก แต่ต้องตอนเป็นใหม่ ๆ ตอนนี้ไม่ทันแล้ว

ถาม : ผ่าไปแล้วครับ
ตอบ : ผ่าไปแล้วใช่ไหม ? ถ้าเป็นใหม่ ๆ ไปหาเขาเกือบปกติทุกคน แต่ไม่เป็นไร...อย่างน้อย ๆ ก็ยังไปไหนมาไหนได้


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:24


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว