กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5597)

เถรี 11-05-2017 19:43

พูดถึงการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก "ตอนนี้อายุน้อยยังลดง่ายอยู่ ต้องรีบลดเสียก่อนอายุไปถึงระดับคุณแม่ ความจริงคุณแม่ก็ยังลดได้ แต่ไม่มีกำลังใจ ถ้ามีกำลังใจต้องลดได้อยู่แล้ว ประเภทกลับบ้านมา ๒-๓ ทุ่มก็ปั่นจักรยานไปสักครึ่งค่อนชั่วโมง ถึงได้บอกว่ากำลังใจไม่พอ แบบเดียวกับอยากหมดกิเลส อยากไปพระนิพพาน แต่กำลังใจไม่พอ ก็เลยได้แค่อยาก

สมัยก่อนอาตมากลับมาดึกขนาดไหนก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระ ทำกรรมฐานก่อนแล้วค่อยนอน ไปนึกถึงท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชปริยัติโมลี วัดพระงาม (เจ้าคุณอาจารย์โสภา) ออกไปกิจนิมนต์หรือออกไปงานใกล้ไกลขนาดไหน กลับมาดึกแค่ไหนก็ต้องทำวัตรก่อนแล้วค่อยนอน กำลังใจต้องยึดมั่นอย่างนั้น ฉันทะถึงจะพอเพียง

ถ้าฉันทะพอเพียงทำอะไรก็สำเร็จ เพราะว่าถ้ามีฉันทะ วิริยะจะตามมาทันที ในเมื่ออยากทำ ความเพียรก็จะมี กำลังใจก็จดจ่อปักมั่น เพราะใจอยากทำอย่างนั้น ที่เขาประสบความสำเร็จกันก็แค่นี้เอง ไม่ได้ยากอะไรหรอก


หรือไม่ก็ชวนแม่เป็นเพื่อนเต้นแอโรบิกด้วยกัน หรือไม่ก็เต้น T๒๕ วันหนึ่ง ๒๕ นาทีเอง ยกแข้งยกขาตามเขาไปก็เหงื่อท่วมตัวแล้ว ความจริงอาตมาไม่รู้หรอก มีคนมาทำให้เห็นพอดี ถามว่าทำอะไร ? เขาบอกว่าเต้น T๒๕ ถามว่าเป็นอย่างไร ? เขาบอกว่าออกกำลังตามตัวอย่าง ๒๕ นาที

ต้องมีวินัย ก็คือทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นจึงจะเกิดผล ไม่อย่างนั้นแล้วทำไปวันสองวันยังไม่ทันจะเกิดผลเลย ด้วยการที่ออกกำลังก็เลยทำให้กินหนักกว่าเดิมอีก คราวนี้ก็อ้วนจนหมดสภาพ"

เถรี 11-05-2017 21:26

ถาม : ขอคำแนะนำเรื่องที่ดิน ?
ตอบ : อาตมาไม่มีอารมณ์จะแนะนำ เรื่องของที่ดินเราต้องเชื่อกะเหรี่ยง พะตีจอนิ โอโดเชา บอกว่า “อาจารย์มีที่ดินซื้อเก็บไว้นะ ซื้อเพิ่มไปเรื่อย ๆ” ถามว่าทำไม? “ที่ดินปลูกไม่ได้” “ปลูกไม่ได้แล้วซื้อทำไม ?” “ไม่ใช่...ที่ดินปลูกแล้วไม่งอก”

ความคิดของกะเหรี่ยงอย่างอื่นปลูกขึ้นทั้งนั้น แต่ที่ดินปลูกไม่ได้ ในเมื่อไม่มีที่จะเพิ่มขึ้นมาอีก เราก็ควรที่จะหาไว้


ถาม : ที่บ้านจะขายที่ดิน ทำอย่างไรจะขายออกครับ ?
ตอบ : ก็ขายถูก ๆ สิ

ถาม : อยากได้ราคาที่พอใจครับ ?
ตอบ : ถ้าราคาเป็นที่พอใจของเรา แต่ไม่เป็นที่พอใจของคนซื้อ เราจะตกลงกันได้ไหม ? เขาบอกแล้วว่าคำเสนอต้องพ้องกับคำสนอง การทำนิติกรรมสัญญาจึงจะเกิดขึ้น นี่อยู่ในวิชากฎหมายคณะสงฆ์ บังเอิญว่าเรียนมาแล้วไม่ค่อยลืม

อย่างเช่น นายแดงเสนอขายรถในราคานี้ นายดำเห็นว่าเป็นราคาที่พอใจ จึงทำนิติกรรมสัญญาซื้อรถจากนายแดง ผลของนิติกรรมสัญญาทำให้ ข้อ ๑ มีข้อผูกพันตามกฎหมาย ข้อที่ ๒ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสิทธิ ก็ขายให้เขาแล้ว ในเมื่อโอนให้เขาสิทธิในการใช้รถก็เป็นของเขาไป


ถาม : ทำอย่างไรให้หาผู้ซื้อให้ได้คะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าขายถูก ๆ ถ้าขายถูก ๆ รับรองว่าขายได้ทันที

เถรี 11-05-2017 21:45

ช่วงนี้อาตมามีคนมายื่นขายที่ดินให้เยอะมาก ข้างวัดจะเอาไร่ละ ๕ แสนบาท บอกว่าเอ็งไปค่อย ๆ คิดให้ดี ถ้าลดได้มากกว่านี้แล้วค่อยมาใหม่ ราคาประเมิน ๒ แสนบาท จะขายอะไรให้นึกถึงพระนึกถึงเจ้าบ้างสิ...! จะขูดรีดอะไรนักหนา แต่รอบวัดทุกวัดก็เป็นอย่างนี้หมด ขายให้พระต้องโก่งราคาสุดชีวิต

ถาม : เขาคิดว่าพระรวย ?
ตอบ : เขาคิดกันอย่างนั้น ที่คิดว่าพระรวยเพราะว่ามีคนมาทำบุญ แต่คนคิดไม่เคยทำบุญเลย ต้องบอกว่าเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วพวกนินทาว่าร้ายพระ มักจะไม่เคยเข้าวัดทำบุญ คนเข้าวัดทำบุญเขารู้บาปบุญคุณโทษ เขาไม่เสียเวลามานินทา

เถรี 11-05-2017 21:51

ที่ดินข้างวัด ๔๐ ไร่หลุดจำนอง ตอนอาตมาไปขอซื้อ ธนาคารเขาจะเอา ๔๐ ล้านบาท แล้วไม่ยอมแบ่งขายด้วย เพราะอาตมาต้องการแค่ที่วัด ๖ ไร่ครึ่งคืนมา อุตส่าห์ประชุมบอร์ดกันอยู่ ๒ วันแล้วก็ส่งข่าวมาว่า ไม่สามารถที่จะอนุเคราะห์ตามที่พระคุณเจ้าขอมาได้ เขาจะขายทั้งผืน ๔๐ ล้านบาท

ปรากฏว่าพออาตมาไม่ซื้อ หลังจากนั้น ๒ ปี เขาขายให้คนอื่นแค่ ๑๐ ล้านบาทเอง อาตมาบอกว่า ถ้าหากว่า ๑๐ ล้านนี่กูซื้อทันทีเลย แล้วทำไมมึงไม่บอกกู ? อาตมาต้องการ ๖ ไร่ครึ่งให้ ๖ ล้าน
แสนบาท เขาไม่ยอมขายเฉพาะแค่นั้น เขาจะขายทั้งหมด

เถรี 12-05-2017 16:40

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันก่อนไปหาหลวงพ่อบ๊ะ มีโยมอยู่ ๓ คนกำลังโดนท่านด่าโขมงโฉงเฉง “ไอ้ห่..อยากรู้ไปทุกเรื่อง พอกูพูดไปก็ไม่เข้าใจ แล้วมึงจะถามไปทำไมวะ ?” ท่านบอกว่า “เรื่องแบบนี้เขาเรียกว่าอจิณไตย เข้าใจไหม ?” พวกนั้นก็เอ๋อ อจิณไตยคืออะไรวะ ? ท้ายสุดท่านก็เลยคว้าหนังสือพิมพ์ “ไปขี้ดีกว่าโว้ย” ก็คือเขาชอบถามแต่ไม่มีพื้นฐานความรู้สักอย่าง พอท่านพูดมาก็ไม่เข้าใจสักเรื่อง ทั้ง ๆ ที่พวกเราฟังออกจะสนุกสนาน

อาตมาไปถึงท่านก็นิมนต์ก่อน แอบกระซิบบอกว่า "อยู่ชั้นบนของพระราชวังโปตาลา ลองขอ
เขาดูว่าจะให้เข้าไปดูไหม ?" อาตมาตั้งใจจะไปดูว่าซากเก่า ๆ ของตัวเองว่ายังอยู่หรือเปล่า ? ไปทิเบตตั้งใจไปดูว่าสังขารที่ทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ชาติโน้นยังอยู่ไหม เข้าสมาธิตายแล้วเขาก็หุ้มทองเก็บเอาไว้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาให้ขึ้นไปดูหรือเปล่า

วันก่อนหาข้อมูลดูเขาบอกว่าไม่ให้ขึ้นชั้นบนของพระราชวังโปตาลาแล้ว แต่บางเสียงก็บอกว่าต้องจ่ายค่าตั๋วต่างหาก ราคาแพงด้วย ก็ลองดู...ถ้าหากไม่เกิน ๒๐๐ ดอลลาร์ก็น่าขึ้นไปดูหน่อย แค่อยากจะไปรู้ว่าซากเก่า ๆ ของตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรเท่านั้นแหละ

เป็นเรื่องอะไรที่ง่ายดี คือไม่ต้องเสียเวลาคุย ถึงเวลาท่านบอกเลย อาตมากะว่าถ้าไม่อยู่ที่พระราชวังโปตาลา ก็ต้องอยู่วัดโจคัง มีอยู่ ๒ ที่นี้เท่านั้น"

เถรี 13-05-2017 08:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ตั้งแต่เช้ายันบ่ายมีแต่พระ มีแต่เด็กวัด มาเบิกค่าเรียน ช่วงนี้เดือนหนึ่งต้องจ่ายเฉพาะค่าเรียนแสนกว่าเกือบ ๒ แสนบาท ถ้าเดือนไหนค่าเทอมออกก็ ๘ แสนบาท เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมอาตมาถึงต้องมานั่งอยู่อย่างนี้ ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีเงิน

ได้ยินว่าค่าเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกจะขยับขึ้นไปอีก สรุปว่าความรู้ของบ้านเราราคาแพงมาก ย้ายไปอยู่เยอรมันกันดีกว่า รัฐบาล
เยอรมันสนับสนุนเรียนฟรียันปริญญาเอกเลย"

เถรี 13-05-2017 09:05

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานนี้อาตมาแวะไปวัดชัยชนะสงคราม ของหลวงปู่มหาอำนวย เนื่องจากเมื่อวานซืนกำลังรับสังฆทานอยู่ที่หาดใหญ่ หลวงปู่ท่านแวะมาตอนประมาณเกือบทุ่มหนึ่ง กราบท่านแล้วถามหลวงปู่มีธุระอะไร ? ท่านบอกว่า "นิมนต์ไปดูที่ให้หน่อย" มีคนสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์มหาราชทั้ง ๕ ของประเทศไทย มีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น ไปถวายไว้ที่วัดหลวงปู่

หลวงปู่ท่านบอกว่า "ช่วยหาที่ซึ่งประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์แล้วเป็นมหาอำนาจ ทำให้คนเกรงใจ ไม่กล้ามารุกรานหรือข่มเหงรังแกวัด รบกวนช่วยไปดูให้หน่อย" ก็เลยต้องไปกวนท่านตั้งแต่เช้า เพราะว่าเครื่องขึ้น ๗ โมงกว่า ตอน ๖ โมงก็ไปถึงวัดท่าน สรุปว่าให้ตั้งที่บริเวณหน้าโบสถ์นอกกำแพงแก้ว"

เถรี 13-05-2017 09:15

โยมมาเบิกวัตถุมงคลแต่หาไม่เจอ "ที่อาตมาเบื่อพวกของขลังก็เพราะอย่างนี้ พอถึงเวลาท่านนึกอยากจะไป ท่านก็กลับไปนอนที่วัด อาตมาก็ต้องวิ่งกลับไปนิมนต์มาใหม่

ตอนแรกเวลาท่านหนีไปอยู่ในถุงโน้นบ้างถุงนี้บ้าง อาตมาก็ยังงง ๆ ว่าไปได้อย่างไร ? มานึกถึงตอนที่หลวงปู่ปานท่านเสกสายสิญจน์ให้แม่ที่เด็กตายในท้องกินลงไปพร้อมกับน้ำมนต์ เสร็จแล้วเอาสายสิญจน์ไปคล้องคอเด็กออกมา แบบนั้นเข้าไปได้อย่างไร ? เพราะว่าอวัยวะคนละส่วนกันเลย มดลูกกับกระเพาะไม่ได้เกี่ยวกันสักหน่อย

ก็คงจะลักษณะเดียวกัน คนละถุงคนละไถ้ก็วิ่งข้ามไปข้ามมาได้ อาตมาตรวจใส่ถุงทีละเบอร์ ไม่พลาดอยู่แล้ว แต่ท่านก็เล่นของท่านสนุกอยู่เรื่อยแบบนี้ งวดที่แล้วก็งงว่าหายไปไหน ปรากฏว่าหนีไปอยู่ในถุงของท่านเจ้าคุณปิง นั่งยิ้มแป้นอยู่ในนั้น พอโดนบ่อย ๆ จนชินก็ไม่ตื่นเต้นแล้ว

มีพระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ของหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ท่านก็เล่นสนุกของท่านอย่างนี้ ถึงเวลาก็หนีไปโน่นหนีไปนี่ วันนั้นอาตมารำคาญไม่ไปตามหา ท่านก็เลยโวย "ทำไมไม่ตามวะ ?" "อยากไปเองก็มาเองสิครับ" ตามหลายทีแล้ว ท้ายสุดตอนวางศิลาฤกษ์โบสถ์วัดรัตนานุภาพ อาตมาเลยเอาใส่หลุมวางศิลาฤกษ์ไปเลย วัดนั้นอยู่ในเขตอันตรายก็เลยให้หลวงปู่ท่านไปคุ้มครองที่นั่นดีกว่า"

เถรี 13-05-2017 18:51

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงปู่มหาอำนวยเป็นพระเถระรัตตัญญู ก็คือมีอายุมาก มีประสบการณ์มาก อายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว โดยเฉพาะว่าท่านแข็งแรงมาก ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างพวกเรา อายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว ยังเดินเหินไปไหนมาไหนด้วยตัวเองได้

ท่านไปนิมนต์ว่าให้แวะวัดท่านหน่อย ให้ไปดูที่สำหรับตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ สรุปว่าให้ท่านทำอาคาร ๒ ฝั่งด้านนอกกำแพงแก้วของโบสถ์ แต่ท่านมีพระบรมราชานุสาวรีย์อยู่ ๕ องค์ เวลาตั้งแล้วน้ำหนักไม่เท่ากัน ท่านก็เลยจะสร้างรัชกาลที่ ๙ อีกองค์หนึ่ง

หลวงปู่อำนวยเป็นพี่ใหญ่ หลวงป๋าวิวัฒน์เป็นน้องเล็ก น้องเล็กอายุ ๘๐ กว่าปีแล้ว พี่ใหญ่อายุ ๙๐ กว่าปี แต่พี่น้องบ้านนี้เข้าวัดเข้าวากันหมด ท่านเป็นพี่น้องท้องเดียวกันจริง ๆ แต่หลวงปู่อำนวยท่านบวชตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี ส่วนหลวงป๋าวิวัฒน์มาบวชหลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว

ต้องไปขอดูหนังสือสุทธิของหลวงปู่อำนวย เป็นรุ่นเก่าปกแข็งสีน้ำตาล ๆ ที่มีระบุไว้ว่าจบนักธรรมชั้นไหน เมื่อไร จบบาลีประโยคไหน เมื่อไร ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่มี ปัจจุบันลงรายละเอียดว่าบวชวันเดือนปีอะไร บวชที่ไหน ใครเป็นผู้บวช บวชเวลาเท่าไร ชื่อฉายาอะไร แต่เขาไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจบนักธรรมอะไร จบบาลีอะไร เพราะถือว่าเพิ่งบวช ยังไม่ทันได้เรียน"

เถรี 14-05-2017 19:30

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพี่อาจินต์ (พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์) ท่านทิ้งทุกอย่างมาบวช นายทหารอากาศหนุ่ม ๆ อนาคตไกล ๔-๕ คนทิ้งมาบวชพร้อม ๆ กันหมดเลย มีใครบ้าง ? ชโลทัย อรัญ ทรงฤทธิ์ ชัยศรี อาจินต์ สมัยนี้ไม่เหลือแล้ว เหลือหลวงพี่อาจินต์ท่านเดียว ท่านบวชมามีเรื่องทดสอบอารมณ์เท่าไร หลวงพี่อาจินต์ก็ผ่าน

ปรากฏว่าวันนั้นพวกเราไปทำพระกัน พระวิสุทธิเทพรุ่นที่อาตมาทำ หลวงพี่อาจินต์เดินหอบจีวรหน้าเครียดมาเชียว อาตมาถามว่า "เป็นอะไรไปครับ ?" "พี่โกรธฉิบหายเลยว่ะ..เล็ก" "ไม่เคยเห็นโกรธ พี่โกรธใครครับ ?" "น้องชายตัวเอง" ถามว่าทำไม ? "มันเอากระบี่ของพี่ไปจำนำ" โอ้โฮ...โกรธมากเลย ของพระราชทานจากในหลวง อุตส่าห์ไว้บนหิ้งบูชาเสือกเอาไปจำนำ..!

เห็นหลวงพี่ท่านโกรธก็ครั้งนั้นแหละ แสดงว่าคนเรานี่มีมุมของตัวเอง ใครไปแตะถูกหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถ้าแตะไม่ถูกก็ใจเย็นอยู่ตลอด นั่นก็ไม่ได้ด่าใครนะ แต่เดินหน้าเครียดมาเชียว ไม่รู้ว่าจะไประบายกับใคร อุตส่าห์เดินมาถึงศาลา ๓ ไร่ที่พวกเราอยู่ชั้นบน กำลังทำพระกันอยู่ ซึ่งที่นั่นไม่ค่อยมีใครไปหรอก"

เถรี 14-05-2017 19:37

เสืออากาศรุ่นนั้นแต่ละคนมีวีรกรรมเยอะทั้งนั้น ตั้งใจบวชเข้าไปเพื่อถวายการรับใช้หลวงพ่อวัดท่าซุง พี่ทรงฤทธิ์สึกใหม่ ๆ เพื่อนไปรับกลับ “กูขับเอง” ขับรถกลับกรุงเทพฯ เพื่อน ๆ บอก “เฮ้ย ๆ มึง...๑๖๐ แล้ว” พี่ทรงฤทธิ์บอกว่า “กูยังไม่รู้สึกเร็วเลย” ก็คนขับ F5 มาจะไปรู้สึกเร็วอะไร รถวิ่งแค่ ๑๖๐ เท่านั้น

พวกนี้สายตาเขาเร็ว ความเร็วของเครื่องที่เร็วเหนือเสียง ไวขนาดไหนสายตาเขายังจับภาพทัน เพราะฉะนั้น...แค่ความเร็ว ๑๐๐ กว่า ไม่ถึง ๒๐๐ นี่สบายของเขาเลย

เถรี 14-05-2017 19:42

ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ของเราตอนที่ยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พยายามฟิตพระวรกายทดสอบเพื่อให้ผ่าน ตั้งพระทัยจะขับ F16 แต่ไม่เคยผ่าน ทั้ง ๆ ที่พระองค์ท่านมีชั่วโมงบินตั้ง ๒,๐๐๐ กว่าชั่วโมงแล้ว เพราะว่า F16 แรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางอยู่ที่ระดับ ๙ ร่างกายคนเราทนได้แค่ระดับ ๗ เพราะฉะนั้น...ไม่มีใครเสี่ยงให้พระองค์ท่านขึ้นไปหรอก

พอเหวี่ยงแรง ๆ อวัยวะของเราของอาจจะหลุดออกจากที่ ฉีกขาดหลุดออกจากที่ ก็เลือดตกใน โอกาสที่จะตายมีมากกว่ารอด


ถาม : แล้วคนที่ขับ F16 ได้ล่ะคะ ?
ตอบ : ก็เขาก็เอาจากพวกขับ F5 นี่แหละ พอชั่วโมงบินคุณถึงก็มาทดสอบกัน ทั่วประเทศเรามีผ่านแค่ ๒๒ คน ตอนนี้อยู่ใต้ฐานบินโคราชโน่น นอนห้องปรับอากาศอย่างดี ประจำการ ๒๔ ชั่วโมง ๒๒ คนนี้ถ้าหาเพิ่มไม่ได้นี่ เกษียณเมื่อไรก็แย่ เพราะว่า F16 ฝูงหนึ่งตั้ง ๑๘ ลำเข้าไปแล้ว เครื่องจอดอยู่เฉย ๆ ค่าบำรุงรักษาชั่วโมงละเป็นหมื่น

ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ พระองค์ท่านอยากขับ F16 มาก พระองค์ท่านเองก็เป็นนักบิน F5 ชั่วโมงบินเพียงพอแล้ว แต่ทดสอบพระวรกายเท่าไรก็ไม่ผ่าน แต่พระองค์ท่านดีมากเลย...ไม่ดื้อ ถ้าพระองค์ท่านบอกว่าจะขับให้ได้ ก็คงไม่มีใครกล้าขัด

เถรี 14-05-2017 19:50

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านซ้อมวิ่ง ข้าราชบริพารก็ไล่ตามลิ้นห้อย จนกระทั่งพลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร ตอนนั้นยังเป็นพันตำรวจเอกพิเศษอยู่ ถามว่าทำไมพระองค์ท่านต้องฟิตขนาดนี้ทุกวัน ? พระองค์ท่านตรัสว่า "ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ก็ดูแลประชาชนไม่ได้เต็มที่"

ในชีวิตที่รู้สึกโชคดีที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นความบังเอิญก็คือ พาหลวงพ่อวัดท่ามะขามไปรับพัดยศพระเทพเมธากรที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ตอนแรกด้วยความที่ไม่รู้ อาตมาก็เลยพาท่านเข้าไปก่อนนานมาก พอเข้าไปก็ไม่รู้ว่าคนที่ไปหลัง ๆ สามารถจอดรถหน้าพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัยได้ พวกเราไปก่อนก็ต้องไปหาที่จอดให้เรียบร้อย ก็เลยไปจอดตรงข้างพระที่นั่งศิวโมกขพิมานโน่น แล้วก็พาหลวงพ่อท่านเดินมาเพื่อลงทะเบียน

พอรับเสร็จก็ทุ่มกว่า ต้องเดินกลับเพื่อที่จะไปเอารถของพวกเรา ปรากฏว่าพอเดินปุ๊บทหารเขากันไว้ “นิมนต์หยุดก่อนครับ ขบวนเสด็จ” เลยได้เห็นครบถ้วนทุกพระองค์เลย อยู่ห่างแค่เอื้อมถึง นาน ๆ ในชีวิตจะมีโอกาสเห็นครบอย่างนั้นสักที ปกติก็เห็นทีละพระองค์

บางทีการที่เราทำอะไรผิด ๆ พลาด ๆ กลับได้ผลดีอย่างคิดไม่ถึง จอดรถไกลแต่กลายเป็นว่ามาแล้วได้เห็นขบวนชัด ๆ เลย ไม่อย่างนั้นก็จะได้เห็นในหลวงพระองค์เดียว เพราะว่าตอนนั้นในหลวงท่านมาพระราชทานเอง

เถรี 14-05-2017 20:02

เรื่องของทหาร ตำแหน่งจอมทัพสำคัญที่สุด ก่อนหน้าที่จะปลดล็อกให้ผู้หญิงสามารถมีตำแหน่งเกินพันเอก เป็นที่น่าเสียดายว่า "สมเด็จย่า" ติดพันเอกตลอดชีวิต มี ตชด. ถวายพลตำรวจเอกให้ก็ไม่ได้ทรงออกงาน เพราะว่าไปถวายเมื่อสวรรคตแล้ว

ตอนช่วงนั้นสังคมยังไม่เปิดกว้างพอ ผู้หญิงจะเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ชายย่อมเป็นไปได้ยาก พอเขาถวายพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก พลตำรวจเอกให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ ตำแหน่งก็ค่อย ๆ มีให้ผู้หญิง ทางด้านทั่วไปก็ขยับขึ้นเป็นนายพลกันบ้าง อย่างมาดามติ้ง (พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ)

เถรี 14-05-2017 20:06

ไปนึกถึงขุนทัพหญิงฮัวมู่หลาน และบรรดานางสิงห์ตระกูลหยางอย่างมู่กุ้ยอิง นำทัพออกรบทุกคน สร้างชื่อติดไว้ในประวัติศาสตร์ ก็แสดงว่าผู้หญิงเก่ง ๆ มีอยู่มาก แต่สภาพของคนช่วงนั้นยังไม่ยอมรับ ที่หลุดมาได้จึงหายากมาก

แบบเดียวกับพระนางบูเช็กเทียนเป็นจักรพรรดินี ช่วงนั้นแผ่นดินจีนเจริญรุ่งเรืองมาก แต่สังคมผู้ชายเป็นใหญ่ ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่ยอมรับ แต่โดนกดอยู่ใต้อำนาจ จึงใช้วิธีบิดเบือนประวัติศาสตร์ ไปตำหนิท่านว่าเป็นผู้หญิงมากราคะ สะสมแต่ผู้ชายเต็มไปหมด ลืมไปว่าฮ่องเต้มีสนมตั้ง ๓,๐๐๐ ท่านเองถือว่าเป็นฮ่องเต้ผู้หญิง จึงหาผู้ชายมาเก็บไว้บ้าง แค่นั้นแหละ ไปกล่าวหาจนลืมดูไปว่าตัวเองทำอะไร

แต่ถ้าไปเจอหวงอี้นี่เขียนเสียจนพระนางบูเช็กเทียนกลายเป็นสุดยอดวรยุทธ ถึงขนาดต้องแกล้งสวรรคตเพื่อที่จะแสวงหาทางหลุดพ้น

เถรี 14-05-2017 20:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลบางอย่างที่ลงในกระทู้คนมีเงินฯ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรากำลังไม่ถึง ก็เป็นเพราะไม่รู้ว่าในท้องตลาดต้องการขนาดไหน อย่างพระปิดตาพิมพ์ปั้น หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ที่ออกสมัยท่านยังอยู่วัดปากทะเล ราคาในท้องตลาดนี่ ๑๐ ล้านบาทขึ้นไป อาตมาลงให้ร่วมทำบุญไว้ ๓ แสนบาท มีแต่คนกระพริบตาปริบ ๆ แต่ถ้าไปขายเขาก็กดราคานะ ระดับ ๑๐ ล้านนี่เขาให้เราล้านเดียวก็ดีตายชักแล้ว

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือตะกรุดของหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ถ้าถามว่าหลวงพ่อเชื้อเป็นใคร ? ต้องบอกว่าถ้าไม่มีหลวงพ่อกวย หลวงพ่อเชื้อจะดังระเบิด บังเอิญว่าท่านอยู่ยุคเดียวกัน หลวงพ่อกวยก็เลยดังกลบไปหมด แต่ว่าหลวงพ่อเชื้อท่านศึกษามามีครูบาอาจารย์ใกล้เคียงกันหมด หลวงพ่อเชื้อจะทำตะกรุดโทนดอกยาว ๘ นิ้วตลอด ถามว่าทำไมต้องยาวขนาดนั้น ? ท่านบอกว่าเรียนอะไรมาก็ควรที่จะใส่ลงไปให้หมด

เครื่องรางชิ้นแรกในชีวิตที่อาตมาตะเกียกตะกายหาก็คือ มีดหมอของหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ไม่น่าเชื่อว่าในสมัยนั้นอาตมาจะตะกายหาของท่านเป็นคนแรก เพราะว่ามีพี่อยู่คนหนึ่งเอารถมอเตอร์ไซค์ไปล้ม คราวนี้ถนนเป็นลูกรัง พี่ชายของอาตมาเองล้มยังต้องไปให้หมอคีบลูกรังออกทีละเม็ด นอนร้องโอย ๆ แล้วก็ทายาแดงไปซีกหนึ่ง แต่พี่คนโน้นนี่เอามอเตอร์ไซค์คว่ำมุมเดียวกันเลย แม้แต่รอยถลอกก็ไม่มี ทั้งเนื้อทั้งตัวพกมีดหมอหลวงพ่อเชื้อเหน็บเอวอยู่เล่มเดียว ปกติพวกเราก็ว่ามีดหมอเอาไว้ถอนของ เอาไว้ไล่ผี มีดหมอหลวงพ่อเชื้อนี่อยู่ยงคงกระพันอีกด้วย"

เถรี 14-05-2017 21:48

ถาม : หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์ ลูกศิษย์ของใคร ?
ตอบ : ลูกศิษย์ของใคร ? ก็มา ๒ สาย ก็คือเป็นหลานศิษย์หลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก ไม่ใช่ลูกศิษย์ เพราะว่าอาจารย์ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก แล้วก็เรียนวิชาจากพระอาจารย์อีกท่านหนึ่ง นึกชื่อไม่ออกตอนนี้ ท่านจึงเป็นรุ่นพี่ของหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง

หลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสังเป็นพระเกจิฯ รุ่นใหม่ ที่คนต้องการวัตถุมงคลมากเป็นพิเศษ เพราะว่าทุกชิ้นรับประกันความเหนียว เพิ่งจะดังไม่นาน ช่วงที่ท่านมีชีวิตอยู่ของไม่ดัง เพราะว่าคนได้ของไปอมกันเงียบหมด ไม่มีหลุดไปมือคนอื่นได้เลย เห็นตัวเล็กเอาสมเด็จหลังอุหลวงปู่แก่นไปลง มีใครรู้หรือเปล่า ? ราคาร้อยเดียว จองกันทันไหม ?

ท่านอายุ ๙๐ กว่าปีแล้ว เป็นรุ่นน้องหลวงปู่อำนวยแค่ปีเดียว เรียนบาลี
รุ่นที่แปลธรรมบท ๘ ภาคเหมือนกัน สมัยนี้เรียนเบาลง เรียนแค่ ๔ ภาค เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าจะพระหรือทหารก็เหมือนกัน คือ วิชาการอ่อนลงไปเรื่อย ๆ

ถาม : รู้จักหลวงปู่แก่น ตั้งแต่วัดท่าซุงหรือคะ ?
ตอบ : รู้จักกันตั้งแต่ตอนบวชใหม่ ๆ ท่านจะไปวัดท่าซุงกับหลวงพ่อวัดท่ามะขาม ท่านเป็นคู่หูกัน คราวนี้พอพระอาคันตุกะไปวัดท่าซุง อาตมามีหน้าที่ต้อนรับก็เลยรู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ตอนนั้น

เถรี 14-05-2017 21:54

ถาม : รู้จักแม่ชีณัฐทิพย์ไหมครับ ?
ตอบ : รู้จักตั้งแต่ตอนบวชใหม่ ๆ เหมือนกัน ตอนนี้ท่านเปลี่ยนเป็นสำนักภิกษุณีไปแล้ว ธัมมทีปาภิกษุณี ตอนบวชเป็นภิกษุณีอาตมาก็เพิ่งไปเยี่ยมมา แต่จะว่าเพิ่งไปเยี่ยมก็ ๒ ปีแล้วนะ

ไม่ว่าจะลูกศิษย์สายไหน ถ้าหากสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้ก็ดีทั้งนั้น

เถรี 14-05-2017 22:04

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปหาดใหญ่เที่ยวนี้เจอโยมผู้หญิงคนหนึ่งชื่ออารีรัตน์ อารีรัตน์มองใครเห็นเป็นโครงกระดูกหมด อย่างชนิดที่เดินไปก็เห็นเป็นโครงกระดูกทั้งเมือง เขาบอกว่าถามพระมาหลายรูปแล้ว แต่บอกไม่ได้ว่าจะให้ทำต่ออย่างไร อาตมาก็เลยสอนวิธีพิจารณาอัฏฐิกอสุภให้ แล้วต่อด้วยวิปัสสนาญาณ บอกตรงนั้นแกก็นั่งทำตรงนั้นเลย

คนลักษณะอย่างนั้นถ้าไม่ใช่กำลังใจมั่นคงจริง ๆ ก็จะกลัวเพี้ยน มองไปทางไหนก็มีแต่โครงกระดูกทั้งเมือง แสดงว่าของเก่าต้องมีติดตัวมาเยอะมาก

พูดถึงของเก่าติดตัวมา มีใครได้รับแชร์คลิปน้องโฟมที่ต่อว่าพ่อหรือยัง ? น้องโฟมบอกพ่อว่า ถ้าพ่อมีเมียน้อยเมื่อไรเราขาดกัน ตัดพ่อตัดลูกเลย พ่อบอกว่าตัดได้จริงหรือ ? “ได้” เด็ดขาดสุดยอด แล้วเด็กอะไรตัวเปี๊ยกเดียวพูดเป็นเหตุเป็นผลไปหมด ลักษณะอย่างนั้นของเก่าตามมาแน่ โดยเฉพาะในด้านของสมาธิ เกิดมาชาตินี้กำลังใจก็เลยมั่นคงเข้มแข็งมาก

ขนาดเด็กตัวแค่นั้นยังบอกว่าตัดพ่อได้ คาดว่าอีกไม่นานก็คงได้รับแชร์กันทั่ว ยังขำ ๆ อยู่ตรงที่พ่อเขาก็แกล้งถามไปเรื่อย ๆ ลูกก็พูดไปเรื่อย พูดเป็นเหตุเป็นผลทุกอย่างเลยนะ ลักษณะของคนมาสูงจะเป็นแบบนั้น ท้ายสุดก็บอก “แม่อย่าถ่ายสิ” เพราะว่าแม่ถ่ายคลิปพ่อลูกคุยกัน"

เถรี 15-05-2017 22:28

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงปู่มหาอำนวยเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงรุ่นแรก ๆ เลยที่เปิดวัดสอนมโนมยิทธิ หลวงป๋าวิวัฒน์น้องชายท่านก็สุดยอดเซียนมโนมยิทธิ สมัยฆราวาสพระครูแสงไปขอเรียนด้วยก็เลยสนิทสนมกันมา อาตมาเองรู้จักท่านครั้งแรกก็พระครูแสงแนะนำ ท้ายสุดอาตมาก็มาบวช กลายเป็นรุ่นหลังท่านไกลมาก เพราะว่าหลวงปู่อำนวยท่านพรรษาก็ ๗๐ กว่าแล้ว ไม่ใช่อายุนะ พรรษาพระ ๗๐ กว่า ส่วนของอาตมาพรรษาเพิ่งจะ ๓๐ กว่า ยังไม่ได้ครึ่งของท่านเลย

พอถึงเวลาท่านมาขอให้ช่วยก็ต้องไป ความจริงท่านดูเองก็ได้ แต่ของหลายอย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้แล้วว่า อย่าดูเพื่อตัวเอง ถ้าดูเพื่อตัวเองโอกาสเฝือจะมี เพราะคนเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเอง ท่านก็เลยมานิมนต์ อาตมาบอกว่า “หลวงปู่แค่โทรมาก็พอแล้ว” ท่านทำตามมารยาทคนรุ่นเก่า อุตส่าห์มานิมนต์เอง ตั้งทุ่มกว่าแล้ว อาตมาก็ว่าอีกสักครึ่งชั่วโมงก็จะขึ้นพักแล้ว เพราะว่านั่งรับโยมมาทั้งวัน ที่ไหนได้...หลวงปู่เปิดประตูเดินเข้ามาเฉยเลย"

เถรี 15-05-2017 22:35

ถาม : เคยไปเขาอ้อไหมครับ ?
ตอบ : ก่อนหน้าที่หลวงปู่กลั่นท่านยังอยู่ อาตมาแวะทุกครั้ง จนสนิทสนมคุ้นเคยกับท่าน ท่านอยากจะให้ไปเป็นเจ้าอาวาส สายเขาอ้อตอนหลวงปู่กลั่นยังอยู่ พ่อปู่ขุนพันธ์ฯ ก็ไปที่นั่นประจำ อาตมาก็รู้จักมักคุ้นกับพ่อปู่ท่านตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ตามไปบ้านพ่อปู่ขุนพันธ์ฯ ที่นครศรีธรรมราชด้วย

อาตมามีความเห็นว่า ถ้าทุกสำนักคิดแบบเขาอ้อจะเจริญไปเรื่อย เพราะว่าสายเขาอ้อไม่หวงวิชา ไม่คิดว่าจะต้องเป็นคนของวัดตัวเอง ถ้าคุณมีความสามารถ เขาให้มาศึกษาวิชาเลย แล้วก็พร้อมจะยกตำแหน่งเจ้าอาวาสให้ด้วย หลวงปู่กลั่นขอแล้วขออีก “ท่านมาอยู่เถอะ มาเป็นเจ้าอาวาส ผมก็อายุเยอะแล้ว” ท้ายสุดท่านมรณภาพตอน ๙๐ กว่าปี

ท่านไม่หวงจริง ๆ คิดดู...อาตมาเป็นใคร ? มาจากไหนก็ไม่รู้ ? แต่พอท่านเห็นว่ามีความสามารถ มีสมาธิดี ท่านก็ขอให้อยู่ด้วยเลย พร้อมที่จะสอนวิชาให้ แถมยังจะยกตำแหน่งเจ้าอาวาสให้ด้วย การทำแบบนี้ทำให้ไม่เสื่อม เพราะว่าคนเราร้อยพ่อพันแม่ ใครจะไปรู้ว่าคนที่มีของเก่าติดมาจะไปเกิดอยู่ที่ไหน พอเจอตัวก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าต้องบวชจากเขาอ้อ ต้องหลุดมาจากโบสถ์นี้ถึงจะใช่ แต่สายนี้เห็นใครมีความสามารถก็เอาเลย

เถรี 15-05-2017 22:41

แบบเดียวกับท่านอาจารย์พระมหาอุทัย วัดดอนศาลา ก่อนหน้านี้ท่านอยู่วัดหาดใหญ่ใน (วัดมหัตตมังคลาราม) อาตมาไปช่วยงานที่นั่น ไปช่วยท่านบวชเณร ฯลฯ มาเจออีกที เฮ้ย...ทำไมมาอยู่ที่นี่ ? ท่านบอกว่า "ผมโดนย้ายมาครับ" ก็บอกกับท่านว่า ทางด้านผมย้ายข้ามอำเภอก็ยากแล้ว นี่ของท่านย้ายข้ามจังหวัดเลย ย้ายจากสงขลาไปเป็นเจ้าอาวาสที่พัทลุง นั่นแหละ...เขาต้องการคนมีความสามารถ เขาไม่ได้หวงตำแหน่ง

วัดดอนศาลา วัดเขาอ้อ วัดบ้านสวน ฯลฯ เป็นเครือเดียวกัน ในเมื่อเครือเดียวกันแนวปฏิบัติก็แบบเดียวกัน คุณเก่งคุณมาได้เลย เขารับได้เดี๋ยวนั้นเลย

ตอนนี้ทางสายเขาอ้อทางด้านพระนี่ยังไม่เห็นตัว แต่ทางด้านฆราวาสนี่ท่านอาจารย์ประจวบ คงเหลือ ถ้ายังอยู่ก็ยังสืบสายอยู่
ได้

เถรี 15-05-2017 22:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนกรุงเทพฯ ต้องตื่นเช้าขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อหนีรถติด เพราะบ้านเราไม่มีมาตรการในการจำกัดจำนวนรถ ซื้อได้ไม่อั้น บางบ้านมี ๔-๕ คัน พ่อคันหนึ่ง แม่คันหนึ่ง ลูกคนละคัน บ้านเราไม่จำกัดจำนวนรถทั้ง ๆ ที่รถยนต์ทั้งประเทศ ถ้าออกมาสู่ท้องถนนพร้อมกันก็จะไม่มีถนนให้วิ่ง ก็เพราะว่าบรรดาบริษัทจำหน่ายรถ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนายทุนให้กับพรรคการเมือง

เราจะเห็นว่าบ้านของเรานั้น ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนถ่างกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากเรื่องของรถยนต์ รถออกมาราคาแพงแค่ไหนมีคนซื้อ ออกสู่ถนนให้ได้เห็นภายในไม่กี่วัน ตีโฆษณาวันนี้ พรุ่งนี้มีวิ่งบนถนนแล้ว รถราคา ๔๐-๕๐ ล้านบาท ขับไปทำไม ? ยกเว้นว่าไว้ไล่ทับชาวบ้านเขา คุณภาพถนนของบ้านเรานั้นยังรองรับไม่ได้ รถมีความเร็ว ๓๐๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเอาถนนที่ไหนมาวิ่ง ? วิ่งในกรุงเทพฯ ก็ไปได้ ๔๐-๕๐ กิโลเมตรเท่า ๆ กับรถตุ๊กตุ๊ก

ถ้าบ้านเราจะจำกัดจำนวนรถ อันดับแรกเลยก็คือห้ามออกทะเบียนใหม่ ทันทีที่ห้ามออกทะเบียนใหม่ คนต้องการรถคันใหม่ ต้องเอาคันเก่ามายุบเป็นเศษเหล็กก่อน ถ้าลักษณะอย่างนั้นเต็นท์รถมือ ๒ มือ ๓ มือ ๔ มือ ๕ จะหมดไปจากประเทศไทยเลย เพราะว่าคนจะแย่งกันซื้อ เพื่อจะเอาทะเบียนมาออกรถใหม่ พรรคการเมืองไหนจะเอาแนวคิดไปใช้ก็ได้ อาตมาอนุญาต...ไม่สงวนลิขสิทธิ์"

เถรี 16-05-2017 01:00

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ครูบาบุญยังโทรมาให้ไปงานวัดของท่าน ท่านส่งฎีกานิมนต์แล้วยังโทรศัพท์ตามอีก เวลาหลวงปู่หลวงพ่อระดับนั้นท่านให้ความเมตตาต้องการให้ไป อาตมารู้สึกปลื้มใจก็ใช่ จะว่าหวาดเสียวก็เชิง เพราะว่าครูบาอาจารย์ระดับนั้น ความดีของท่านสูงมาก อายุกาลพรรษาสูงมาก แต่ท่านก็ให้ความเมตตา ให้เกียรติ ส่งหนังสือนิมนต์แล้วก็ยังอุตส่าห์โทรมาด้วยองค์ท่านเองอีก

ไปนึกถึงสมัยหลวงปู่ครูบาอ่อน หลวงปู่ครูบาผัดท่านยังอยู่ พวกเราก็เห็นเป็นครูบาผู้เฒ่า ไปทำบุญกัน บางคนก็ไม่รู้จักท่านด้วยซ้ำไป มรณภาพแล้วเผาวันนั้นอัฐิก็เป็นพระธาตุวันนั้นเลย ใจหายกันวาบเลย..!

หลวงปู่ครูบาอ่อนกับหลวงปู่ครูบาผัดช่วงนั้นท่านเป็นสหายสนิทกัน อีกรูปหนึ่งก็คือหลวงปู่ครูบาครอง วัดท่ามะเกว๋น ยังนึกถึงตอนที่หลวงปู่ครูบาอ่อนพาอาตมาไปไปกราบ และปิดทองที่หน้าแข้งหลวงปู่ครูบาครอง ท่านเองท่านก็ขำ ๆ ที่ปิดทองถวาย ท่านบอกว่า "ครูบาผู้เฒ่า ความดีสูงมาก ควรแก่การปิดทองแล้ว" ผู้ที่มรณภาพเผาแล้วกระดูกเป็นพระธาตุทันทีพูดอย่างนั้น

แต่ที่ขำที่สุดก็คืองานศพของหลวงปู่ครูบาครอง อาตมาไปถึงพระที่นั่นก็มาต้อนรับ นึกว่าเป็นเจ้าคุณมาจากกรุงเทพฯ ท่านบอกว่าคุ้นหน้ามาก แต่จำไม่ได้ว่าใคร พอเดิน ๆ ไปเจอรูปอาตมาที่บอร์ดใหญ่เบ้อเริ่มเลย อ๋อ...รูปอยู่ตรงนี้เองแต่ก็ไม่จำ"

เถรี 16-05-2017 19:13

"ทางด้านสายเหนือของเรา ต้องบอกว่าซ่อนเสือซ่อนมังกร ครูบาอาจารย์ดี ๆ มีมาก แต่ส่วนหนึ่งก็มักน้อย สันโดษ เก็บตัว หรือไม่ก็ครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ไปอยู่ในป่าลึก ๆ คนก็ตามตัวได้ยาก แต่สายเหนือกับสายของหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษีฯ เกื้อกูลกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จนมาถึงรุ่นของอาตมาก็ยังคงเหมือนเดิม ครูบาอาจารย์สายนั้นท่านยังให้ความรักความเมตตาเป็นปกติ

ไปนึกถึงสมัยที่ยังไม่ได้บวช หลวงปู่ครูบาชุ่ม หลวงปู่ครูบาคำแสนใหญ่ หลวงปู่ครูบาคำแสนเล็ก หลวงปู่ครูบาพรหมจักร พอมาถึงรุ่นที่ท่านบอกว่าเป็นลูกศิษย์ ก็คือ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย หลวงปู่ครูบาวงศ์ ท่านให้ความเมตตาถ่ายทอดสารพัดความรู้ให้ ตอนที่ศึกษาอยู่ก็ไม่ได้นึกว่าตัวเองจะต้องบวช ศึกษาไปเพราะว่ารักท่าน เห็นความเมตตาของท่านที่มีต่อคนหมู่มาก เห็นปฏิปทาของท่านแล้วก็เกิดความรัก ว่าท่านเองทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก

หลวงปู่ครูบาคำแสนใหญ่ วัดสวนดอก นั่งสมาธิมรณภาพ เสียดายว่าสายโน้นมีค่านิยมในการเผา ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะมีสังขารพระสุปฏิปันโนสายเหนือเหลืออยู่เยอะมาก อย่างหลวงปู่ครูบาพรหมจักร วัดพุทธบาทตากผ้า อาตมาก็มีโอกาสที่ได้ไปกราบสังขารเปลี่ยนผ้าครองให้ท่าน ก่อนเผาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเน่า แต่เขาก็เผากันตามธรรมเนียมนิยม"

เถรี 16-05-2017 19:21

"หลวงปู่ครูบาธรรมชัยกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์เป็นรุ่นหลัง ๆ ที่ลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯ หรือทางใต้ มีสิทธิ์มีเสียงมากกว่า (ท่านเรียกคนที่อยู่ภาคอื่นว่าคนใต้) เขาถึงได้เก็บสังขารของท่านเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นก็หมด ไม่เหลือหรอก หลังจากนั้นก็ยังได้ยินว่า ทางลูกศิษย์หลวงปู่ครูบาธรรมชัยเขาอยากจะเผาอยู่นั่นแหละ

หลวงปู่ครูบาบุญยังเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์รุ่นแรก ๆ ถ้าเปรียบกับอาตมาท่านก็คล้าย ๆ กับพระครูบ่าว ก็คือเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของอาตมา ที่ท่านก้าวขึ้นไปถึงเจ้าอาวาส ไปถึงพระครูสัญญาบัตร ดูไปอายุก็ไม่ได้ไกลกับอาจารย์เท่าไร เพียงแต่ว่าประสบความสำเร็จเร็วหน่อย

หลวงปู่ครูบาบุญยังก็แบบเดียวกัน หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์มอบหมายให้ไปดูแลวัดห้วยน้ำอุ่น ท่านก็เริ่มขึ้นมาจากไม่มีอะไรเลย ทำจนกลายเป็นวัดเป็นหลักเป็นฐาน ทั้ง ๆ ที่อยู่กลางป่าคนก็ยังไปมาหาสู่กันมาก เมื่อครู่ท่านโทรมาบอกว่า "วันงานไปให้ทัน ๙ โมงครึ่งนะ มีบวงสรวง" สงสัยว่าจะโดนครูบาผู้เฒ่าโยนภาระให้อีกแล้ว

ครูบาทางเหนืออีกรูปหนึ่งที่ตอนนี้ยังเป็นห่วง เพราะว่าอายุกาลผ่านวัยมากเหลือเกินก็คือ ครูบาอินสม สุวีโร ตอนนี้ท่านก็เป็นหลักให้ญาติโยมได้พึ่งพิงอยู่ ถ้าหากว่าสิ้นท่านนี่ ทางด้านภาคเหนือฝั่งตะวันตกก็ว่างโล่งเลย รู้จักภาคเหนือฝั่งตะวันตกไหม ? ออกไปทางด้านแม่ฮ่องสอน อะไรประมาณนั้น"

เถรี 16-05-2017 22:08

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีโยมท่านหนึ่งถวายวัตถุมงคลสำคัญ ๆ มีตรีศูลด้ามงาของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เหรียญธรรมจักรของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย มีมหาสังข์ ตลอดจนพระสำคัญ ๆ ประเภทเบญจภาคี ขออนุโมทนา อาตมาไม่ได้ประจานนะ แต่อยากจะบอกให้ทราบว่า ใครเป็นคนหามาให้ก็เลิกคบได้แล้ว เพราะว่าเป็นของปลอมล้วน ๆ...!

อันดับแรกเลย ตรีศูลของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อเดิมท่านไม่เคยทำตรีศูล ด้ามงาช้างก็ไม่ใช่งา แต่เป็นกระดูกซี่โครง อายุโลหะก็ไม่ได้

อันดับที่ ๒ หลวงปู่ครูบาศรีวิชัยไม่เคยทำเหรียญอื่น ไม่ทราบเหมือนกันว่าไปเอาเหรียญธรรมจักรมาจากไหน ? ส่วนมหาสังข์ไปดูได้ตามร้านขายของเก่า ของปลอมมีเป็นร้อย ๆ เลย

พระรอดลำพูน พระทุ่งเศรษฐี พระผงสุพรรณ สมเด็จจิตรลดา เก๊ดูง่ายชนิดห่าง ๑๐๐ เมตรก็รู้ ที่บอกนี้ไม่ใช่ทำลายศรัทธาของโยม แต่บอกให้รู้ว่า ถ้าโดนใครเขาเอาของเหล่านี้มาให้ แล้วคิดราคาแพงด้วย ก็เลิกคบคนนั้นได้แล้ว

ของบางอย่างญาติโยมอาจจะเสียเงินมาก แล้วเอามาถวายพระด้วยความปลื้มใจว่า ได้ของดี ของแพง ของมีคุณค่า มีราคา ปรากฏว่าไปโดนคนอื่นเขาหลอกมาก็จะเสียอารมณ์ โทษใครไม่ได้หรอก เพราะว่าโยมเป็นผู้หญิง ผู้หญิงมีนิสัยค่อนข้างจะเชื่อข่าวลือได้ง่าย

เพราะฉะนั้น...นักเล่นวัตถุมงคลเขาถึงได้มีคำพูดว่า “ให้เล่นด้วยตา อย่าเล่นด้วยหู” คำว่าเล่นด้วยตาก็คือดูของให้เป็น อย่าไปเล่นด้วยหูคือฟังเขาเป่าหูมา ประวัติดีอย่างนั้น ประสบการณ์ดีอย่างนี้ แล้วก็ไปซื้อของที่ไม่ใช่สักอย่างหนึ่งมา อาตมาเสียดายแทน ต่อให้โยมจ่ายเงินไม่มากแล้วได้มาก็เถอะ เงินของเราแท้ แต่ของที่ได้มาไม่แท้ ต้องเรียกว่าคุณค่าแทนกันไม่ได้เลย"

เถรี 16-05-2017 22:11

"ส่วนบรรดาพระธาตุต่าง ๆ ที่ให้มานั้น จะแท้หรือเทียมไม่ได้เป็นสาระ สาระอยู่ที่ว่าเราระลึกถึงหรือเปล่า ? ถ้าเราระลึกถึงได้ต่อให้เป็นของเทียมก็เหมือนกับของแท้

สมัยนี้เป็นสมัยของเทคโนโลยีในการปลอมของ ขนาดพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม ที่ท่าพระจันทร์มีให้เป็นเข่ง ๆ แทบทุกร้าน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสร้างบารมีมาขนาดไหน ทั้งชีวิตได้มาแค่ ๒ องค์ พอถ่ายรูปให้เห็นเท่านั้นแหละ มีคนผลิตออกมาเป็นคันรถเลย

ญาติโยมเอามาถวายอาตมาทีหนึ่งเป็น ๕ ลิตร ๑๐ ลิตร อาตมาก็ชอบใจเพราะช่วงนั้นกำลังสร้างพระอยู่ ใช้ผสมคอนกรีตเทพระไปเลย เราต้องนึกถึงบ้างว่าตัวเราเป็นใคร ? เรามีบารมีขนาดไหน ? อยู่ ๆ พระธาตุสมเด็จองค์ปฐมมาทีเป็นถัง เป็นไปได้ไหม ?"

เถรี 16-05-2017 22:22

"การเล่นวัตถุมงคลบางอย่างต้องใช้การอนุมานเอา อย่างวัวปิดตาของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว มีจำนวนน้อยมาก จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นของหลวงพ่อดิ่ง ?

อันดับแรก คือ วัดของท่านชื่อวัดบางวัว อันดับที่ ๒ ฝีมือช่างเป็นคนเดียวกัน อันดับที่ ๓ อายุของวัตถุมงคลได้ในระดับนั้น จึงพอที่จะอนุมานได้ว่าเป็นของท่าน ถ้าหากว่าไม่มีของที่เป็นหลักฐานได้ในลักษณะอย่างนี้แล้ว เราขืนไปเล่นของนอกมาตรฐานก็เดี้ยง"

เถรี 17-05-2017 18:43

ลูกศิษย์เอามีดหมอมาให้ดู "คุณจำไว้เลยนะ ด้ามงาแท้สีจะไม่สม่ำเสมออย่างนี้ จะต้องมีอ่อนบ้าง แก่บ้าง ถ้าสม่ำเสมอลักษณะนี้ ถ้าไม่โดนรมควันก็ทอดน้ำมันมา

พวกงา เขา กระดูก สีจะไม่สม่ำเสมอ ถ้าเราพกด้านไหนติดตัวก็จะสีเข้ม ด้านที่ไม่ได้ติดตัวก็จะสีอ่อน เป็นธรรมชาติของเขาเลย ถ้าอยู่ ๆ ประเภทสีเสมอกันทั้งหมดนี่ไม่ใช่แน่ อีกอย่าง...บางทีคนปลอมก็ลงอักขระเลขยันต์ไม่ดูสำนัก ถ้าอักขระเลขยันต์คนละสายครูบาอาจารย์กัน นี่ก็ไม่ใช่แล้ว

ถ้ายันต์ค่ายกลหลวงพ่อกวย กับยันต์องค์พระของหลวงพ่อเดิมนั้นไปกันได้ เพราะว่าท่านเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน แต่นี่ไปลงยันต์เฑาะว์ของทางหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หรือไม่ก็หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคไปเลย แล้วจะแท้ได้อย่างไร ?

ดูที่ด้ามสิ...ให้เห็นว่าของปลอมเขาจะทำดีจนเกินไป แบบนี้ถ้าเขาไม่รมควันก็จะทอดน้ำมันมา สีจึงสม่ำเสมอ ถ้าทอดน้ำมันสีจะเข้มกว่านี้ อันนี้คาดว่าน่าจะรมควัน แต่เอาไปเข้าพิธีเสาร์ห้าก็ใช้ได้เหมือนกัน

วันก่อนไปประชุมอยู่ที่วัดไร่ขิง อาจารย์ ดร.ภูริวัจน์มาช้า พอเข้ามาถึงท่านก็บอกว่า "ขออภัยครับ มัวแต่ส่องพระอยู่" อาจารย์ ดร.โยตะท่านบอกว่า “ส่งให้ท่านอาจารย์เล็กจับพลังก็จบแล้ว” จึงบอกท่านไปว่า “ผมไม่ได้เล่นจับพลัง จับพลังผมรู้อยู่คนเดียว ต้องเล่นของที่เป็นสากล คือใคร ๆ เขาดูก็ต้องใช่” แหม...เล่นจับพลัง หาเรื่องชัด ๆ แล้วอาตมาจะไปพลังอะไรได้ ? จับอะไรก็มีพลังไปหมด

ตอนแรก ๆ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอน ก็พอที่จะจับพลังได้ ตอนหลังพอมั่นใจในคุณพระรัตนตรัย จับอะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งรูปพระในเศษกระดาษ หยิบขึ้นมาก็ใช้ได้ ตายละวา...แล้วตูจะตรวจสอบอย่างไร ? ท้ายสุดก็เลยต้องหัดดูของเอง"

เถรี 17-05-2017 18:52

"เดี๋ยวรอกลับจากทิเบตก่อนนะ จะเทวัตถุมงคลลงในกระทู้คนมีเงินฯ สัก ๗๐-๘๐ รายการ ให้ไปแย่งกันเอาเอง

อาตมามีแมลงภู่คำงาช้างอยู่ตัวหนึ่ง ยังไม่อยากปล่อย ปกติแมลงภู่คำนี่ส่วนมากเขาจะทำด้วยไม้ดุมเกวียน เพราะว่าล้อเกวียนหมุนไปเรื่อย เหมือนกับนำความเจริญก้าวหน้ามาให้ แต่ดุมเกวียนเป็นตัวควบคุมล้ออีกทีหนึ่ง โห...หลักการเคล็ดลับของเขาสุดยอดมาก"

เถรี 17-05-2017 19:31

มีโยมถวายนิตยสารมวย "นิตยสารมวยเล่มนี้บอกว่า การไหว้ครูเป็นสิ่งที่แสดงถึงศิลปะมวยไทยและความเคารพต่อครูบาอาจารย์ เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน

เวรกรรมเลย...อธิบายไว้แค่นี้ การไหว้ครูนอกจากวัตถุประสงค์ที่เขาว่ามาแล้ว หลัก ๆ เลยก็คือเป็นการอบอุ่นร่างกายตัวเองให้พร้อมชก เท่ากับว่าได้ยืดเส้นยืดสายก่อน สมัยอาตมายังเด็ก ๆ ถ้าผล พระประแดง หรือว่ารักเร่ ศรีหนุมาน ไหว้ครูนี่ นอนรอได้เลยตื่นหนึ่งกว่าจะไหว้ครูจบ

อีกประการหนึ่ง สมัยก่อนเขาชกกันบนสังเวียนธรรมชาติ อย่างเช่นลานวัดหรือสนามที่กว้างพอ ก็เลยต้องมีการสำรวจพื้นที่ เพื่อที่จะชิงความมีเปรียบหรือป้องกันความเสียเปรียบ การไหว้ครูเท่ากับเป็นการสำรวจพื้นที่อย่างหนึ่ง ดูแดด ดูลม อาศัยความได้เปรียบของธรรมชาติช่วยในการชนะการต่อสู้ครั้งนั้น เพราะว่าบางกระบวนท่า อย่างการกระโดดตัวลอยตีศอก คือสับศอกใส่กระหม่อมคู่ต่อสู้ คู่ต่อสู้แหงนหน้าขึ้นมาเพื่อป้องกัน เจอแสงตะวันเต็ม ๆ ตาก็ซวยเลย ต่อให้รอดจากท่านั้นไปได้ ก็มองไม่เห็นคู่ต่อสู้ไปชั่วคราว

คราวนี้นิตยสารมวยอธิบายคำไหว้ครูไว้แค่นั้นก็จบเลย ส่วนสำคัญอื่น ๆ ไม่ได้พูดถึงสักนิด"

เถรี 17-05-2017 19:41

"การฝึกศิลปะการต่อสู้ทุกอย่าง เราจะกลัวไม่ได้ กลัวเมื่อไรโอกาสที่จะเจ็บหรือตายมีสูงมาก สายตาต้องจ้องคู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา ต่อให้อาวุธมาถึงข้างหน้าก็กระพริบตาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะมองไม่เห็นท่าตาม ไม่เห็นกระบวนอื่น ๆ ของเขา จะทำให้ได้ขนาดนั้นก็ต้องอาศัยสมาธิเข้าช่วย

ฉะนั้น...การฝึกฝนวิชาการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นมวย เป็นดาบ เป็นกระบี่กระบอง ส่วนหนึ่งที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนย้ำนักย้ำหนาเลยก็คือ ต้องทำสมาธิทุกวัน"


ถาม : ทำไมเวลาอยู่กับสมาธิจึงไม่มีความกลัว ?
ตอบ : ถ้าจิตใจอยู่กับสมาธิ ความกลัวจะลดน้อยถอยลง เกิดความฮึกเหิมและมั่นใจมากกว่า

ถาม : เวลากังวล จะปลอบตัวเองว่าอย่ากลัว ?
ตอบ : ปลอบได้ถูกแล้ว เพราะว่ากังวลก็คือกลัว เพียงแต่ว่ายังกลัวไม่มากเท่านั้น

เถรี 17-05-2017 19:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "ร้อยวันพันปีอาตมาจะเป็นโรคอื่นนอกจากมาลาเรียสักที เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน - ๔ พฤษภาคม ไปอยู่ที่ภูเก็ตกับหาดใหญ่ เริ่มเจ็บร้าวไปทั้งแขนซ้าย เจ็บปลายประสาท ชนิดที่โดนไม่ได้เลย ปรากฏว่าเมื่อวันศุกร์มีตุ่มขึ้นมาที่ท่อนแขนตุ่มหนึ่ง อาตมานึกว่าเป็นเรื่องปกติก็บี้แตก ที่ไหนได้...ขึ้นไล่ไปตามแขนจนเป็นแผลใหญ่เลย น่าจะเป็นเริมที่โบราณเรียกว่า "ขยุ้มตีนหมา"

พวกเริม งูสวัด ขยุ้มตีนหมาก็คือพวกเดียวกัน ทำให้ปลายประสาทอักเสบ ส่วนใหญ่จะไข้จับ เป็นรสชาติของชีวิตมาก แต่ว่าตอนนี้การอักเสบปลายประสาทเกือบหมดแล้ว เพราะว่าปะทุออกมาข้างนอก ถ้าหากว่าไม่ปะทุออกมาข้างนอกนี่ อาตมามีสิทธิ์เดี้ยงเลย"


ถาม : ปะทุแล้วไปไหนคะ ?
ตอบ : หาย...พวกนี้พอร่างกายเราแข็งแรงขึ้นก็จะค่อย ๆ หายไปเอง แต่เชื้อไวรัสพวกนี้ฆ่าไม่ตาย อาตมาเคยเป็นแถวมุมปาก ในปาก เหมือนแผลร้อนใน พวกนั้นก็เชื้อนี้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าคนละประเภทกัน ที่โบราณบอกว่า งูสวัดถ้าขึ้นรอบตัวแล้วจะตาย อันนั้นจริง ๆ แล้วก็คือ ทนการอักเสบไม่ได้ ฉะนั้น...ช่วงนี้ชีวิตของอาตมาจะมีสติมากเป็นพิเศษ

ถาม : เป็นไปได้ไหมครับ ว่าเป็นเพราะกินยาจินดามณีแล้วโดนยาขับออกมา ?
ตอบ :
ก็น่าจะมีส่วนว่าโดนยาขับออกมา ถ้า ขับออกมาก็พักเดียว เดี๋ยวก็หายแล้ว แต่ก็ดีกว่าให้อยู่ในตัวเรา แบบเดียวกับหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ท่านนั่งกรรมฐานอยู่ก็ทราบว่ามะเร็งจะขึ้นที่ตับ ท่านบอกว่า “ให้ออกมาข้างนอก อย่าไปเป็นข้างใน" ก็เลยมาเป็นอยู่ที่ใต้กรามของท่าน


เถรี 17-05-2017 20:14

ถาม : ลูกสาวจะไปเรียนที่อเมริกาค่ะ ?
ตอบ : หาอะไรเหนียว ๆ ให้ลูกพกไปบ้างนะ สมเด็จองค์ปฐมก็ได้ เหรียญพุทธบารมีจะใหญ่ไปหน่อย แต่ต้องสวดมนต์เอาไว้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นถ้าโดนระเบิดเละคารถไฟใต้ดินอาตมาไม่รู้ด้วยนะ ?

เถรี 17-05-2017 20:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงพ่อมณฑลสมัยที่ท่านไปรบเวียดนาม อธิษฐานกับพระแก้วมรกตว่า ถ้าลูกรอดกลับมา ไม่ตาบอด ไม่แขนขาด ไม่ขาขาด ก็จะบวชถวาย ท่านก็บวชมาจนป่านนี้แล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๓ พอบวชแล้วไปฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่ฝั้น ก็เลยติดใจบวชยาวมาเลย ช่วงที่มาอยู่วัดท่าขนุนกับหลวงปู่สายก็สอบนักธรรมชั้นโทได้

ความจริงวัดของท่านนั้น พระธรรมยุตเตรียมยึดแล้ว เพราะถือว่าหลวงพ่อมณฑลเป็นธรรมยุตครึ่งหนึ่ง ปรากฏว่าท่านยกให้พระอาจารย์เล็กเฉยเลย ตูจะโดนธรรมยุตหมายหัวอีกแล้ว เพราะว่าพื้นที่เป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติ ๖,๐๐๐ กว่าไร่ หลวงพ่อมณฑลท่านไปดูแลไว้ จนไม่มีใครกล้าเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าหรือล่าสัตว์ ท่านอัดเอาจริง ๆ ตบร่วงแล้วก็หักปืนทิ้งเลย

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รู้จักกัน ก็เพราะว่าเขาแอบยิงท่านก็ยิงไม่ออก ท่านพกวัตถุมงคลเยอะ ก็เลยใช้วิธีทำไสยศาสตร์ ท่านบอกว่าอยู่ ๆ ท้องก็โตขึ้น ๆ หายใจไม่ออก อึดอัดเหมือนกับจะขาดใจ บอกชีดาวว่า “หลวงพ่อเป็นอะไรไม่รู้เว้ย ดูซิ...ท้องมันโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างนี้ หายใจจะไม่ออกอยู่แล้ว” ชีดาวก็เลยเอาน้ำมันที่เข้าพิธีเสาร์ห้าวัดท่าขนุนไปทาให้ พุงก็ยุบทันตา ท่านถามว่าเอามาจากไหน ? ชีดาวบอกว่า "ของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน" ท่านก็เลยอยากรู้จัก ขอมาดูตัว...เลยสนิทกันตั้งแต่ตอนนั้น"

เถรี 17-05-2017 20:30

"พระครูบ่าวไปอยู่ที่โน่นบอกว่า "ใจคอตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เขาเล่นหลวงพ่อมณฑลไม่ได้ ผมจะโดนแทนไหม ?" ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวอาตมาจะหาของดีไปให้

อาตมาเองขนาดบวชเป็นพระแล้ว ยังไม่ได้รู้สึกว่ามีธรรมยุตหรือมหานิกายเลย เพราะว่าหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านที่รู้จัก ท่านเองไม่ได้มีการแบ่งแยก เพราะว่าส่วนใหญ่ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติถึง ๆ ทั้งนั้น ตอนแรกอาตมาก็ไม่รู้ รู้อยู่อย่างเดียวว่าชอบใจแนวทางของท่าน ก็ไปศึกษาหาความรู้ มารู้เอาทีหลังว่า โห...ระดับสุดยอดทั้งนั้นเลย

ท่านที่ปฏิบัติถึงแล้ว ไม่มีธรรมยุตไม่มีมหานิกายหรอก มีแต่เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน"

เถรี 17-05-2017 22:27

มีโยมมากราบรายงานความคืบหน้า เรื่องการขอพระราชทานวิสุงคามสีมาวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ปรากฏว่ามีส่วนที่ยังติดขัดอยู่

"ทุกวันนี้งานการศาสนาของเราไปได้ยาก ก็เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วพระไปเกรงใจญาติโยม โดยเฉพาะนักการเมือง พอนักการเมืองวิ่งไปหาขอให้ช่วย แทนที่จะเข้าข้างพระด้วยกัน กลับไปเข้าข้างฆราวาส ทั้ง ๆ ที่พระไม่ผิด

ทางทองผาภูมิ ถ้าโยมฟ้องพระเมื่อไร อาตมาจะคิดว่าพระเป็นฝ่ายถูก เพราะว่าพระมีศีลเยอะกว่า แต่ถ้าสอบสวนแล้วหลักฐานบ่งชี้ไปทางด้านไหน ก็ค่อยว่ากันไปตามนั้น ถ้าทำในลักษณะอย่างนี้จึงจะตรงไปตรงมา แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่ ไปเกรงใจกัน คนโน้นเป็นนายกเทศมนตรี คนนี้เป็นนายก อบต. คนนั้นเป็นกำนัน คนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ถ้าไม่เอาใจไว้ เดี๋ยวเขาจะไม่ให้ญาติโยมเข้าวัด

เท่าที่อาตมาสังเกตมา แต่ละคนที่มีเรื่อง มีปัญหากับวัด ส่วนใหญ่ไม่เคยเข้าวัดหรอก คนเข้าวัดไม่เคยมีปัญหากับพระ

นักการเมืองท้องถิ่นที่ฉลาดต้องพยายามเกาะวัดเอาไว้ เพื่อให้ญาติโยมที่สนับสนุนวัดเป็นฐานเสียงของตัวเอง แต่เท่าที่พบเห็นในปัจจุบัน พวกนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น มักจะครอบงำวัด เอาวัดเป็นแหล่งผลประโยชน์ของตนเอง

หลายที่กำนันผู้ใหญ่บ้านจะตั้งตัวเป็นกรรมการวัด โดยที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าอาวาส พอถึงเวลามีกฐินมีผ้าป่าก็เก็บเงินไว้เอง อ้างเสียสวยหรูว่าเก็บรักษาเอาไว้ให้วัด ถ้าหลวงพ่อต้องการเมื่อไรก็มาเบิกได้ แต่ไม่เคยเบิกได้ ไม่รู้ว่าจะเอาไปเก็บไว้ทำอะไร ? กว่าจะรู้อีกทีก็ใช้หมดเกลี้ยงไปแล้ว"

เถรี 17-05-2017 22:34

"ที่วัดท่าขนุนไม่มีแบบนี้ เพราะว่าทันทีที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาส ก็เรียกประชุมไวยาวัจกรและกรรมการวัดเก่าทั้งหมด ประกาศอย่างชัดเจนว่า "โดยกฎหมายแล้ว พอเจ้าอาวาสเก่าพ้นตำแหน่ง พวกคุณก็พ้นไปด้วยทั้งหมด แต่อาตมาจะแต่งตั้งให้ใหม่" แล้วอาตมาก็ออกตราตั้งทับตำแหน่งเดิมให้ทั้งหมด เรียกประชุมปีละ ๒ ครั้งตามปกติ

กรรมการเก่าวัดท่าขนุนมีอยู่ ๗๒ ราย เรียกประชุมเมื่อไรก็มีมาประมาณ ๓๐ ราย อีก ๔๐ กว่ารายไม่เคยมา พอผ่านไป ๓ ปี อาตมาประกาศว่า ต่อไปถ้าใครไม่มาประชุม จะถอดออกจากการเป็นกรรมการวัด เขาคงคิดว่าไม่เคยมีการปฏิบัติในลักษณะนี้ ก็ยังคงทำตัวเหมือนเดิม

พอหลังการประชุมครั้งล่าสุด อาตมาออกคำสั่งเจ้าอาวาส ปลดคณะกรรมการเก่าที่ตั้งไว้หมดเกลี้ยงทั้ง ๗๒ คน แล้วแต่งตั้งใหม่เฉพาะคนที่มาประชุมเท่านั้น ฝากเขาไปบอกว่า "พวกที่โดนปลด ถ้าหากว่าสงสัยว่าทำไมโดนปลด ให้บอกไปว่า "ถ้าไม่มีเวลาให้วัด มึงก็ไม่ต้องมาเป็นกรรมการ"

พอโดนไปอย่างนั้นก็เข็ดไปตาม ๆ กัน เรียกประชุมครั้งต่อไป ทั้ง ๆ ที่เขาโดนปลดไปแล้ว ยังทะลึ่งมาประชุม ถามว่าแล้วจะมาทำอะไร ?

ปัจจุบันนี้เวลาเรียกประชุม มีจำนวนเกินคณะกรรมการไปเยอะ แต่อาตมาไม่แต่งตั้งใหม่ ปล่อยไปอย่างนั้น อยากมาก็เรื่องของเอ็ง ไม่มาก็เรื่องของเอ็ง เพราะว่าก่อนหน้านี้ให้เวลามาเยอะมากแล้ว

ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสไม่เด็ดขาด ส่วนใหญ่แล้วพวกกรรมการหรือไวยาวัจกรก็มักจะขี่คอพระ คิดว่าจะทำอย่างไรก็ได้ แต่พอโดนปลดออก ระดับการเมืองท้องถิ่นจะรู้สึกเสียหน้า จะพยายามดิ้นรนหาทางกลับเข้ามาเป็นใหม่ "ขอโทษ..ไม่แต่งตั้งว่ะ..!"

เถรี 17-05-2017 22:53

"เรื่องของศาสนากับชาวบ้าน ใช้คำพูดง่าย ๆ ว่า 'เป็นเรื่องของสามัญสำนึก' ในเมื่อเป็นเรื่องของสามัญสำนึก ก็เลยทำให้เห็นว่าในปัจจุบันนี้ ความเคารพในศาสนา ความเคารพในพระรัตนตรัย กระทั่งลงมาถึงความเคารพในพระสงฆ์ มีน้อยลงไปเรื่อย ๆ คนห่างจากศาสนาไปเรื่อย

อย่างวันก่อนที่พระมีเรื่องกับรถตู้ใช่ไหม ? ถ้าไม่มีคนออกมาบอกความจริง พระก็เสียหาย พอมีคนออกมาบอกความจริง ในสายตาสังคมพระก็ผิดไปแล้ว กลายเป็นว่าท่านมีจุดเดือดต่ำ

สิ่งที่เขาเห็นก็คือ นอกจากญาติโยมที่เป็นผู้หญิงด่าพระเสีย ๆ หาย ๆ ใช้คำว่ามึงว่ากูแล้ว ผู้ชายก็ยังชกต่อยทำร้ายพระด้วย เป็นเรื่องที่น่าห่วงว่า เรื่องเหล่านี้จะขยายเป็นวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ถ้าไปดูสุบินนิมิต ๑๖ ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล ก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่เกิดในปัจจุบันนี้แทบทั้งนั้น

อาตมาก็ยังหวาดเสียวว่า ตัวเองจะกลายเป็นหมาจิ้งจอกเยี่ยวรดถาดทองคำ อย่างในสุบินนิมิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลหรือเปล่า ?"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:56


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว