กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=21)
-   -   พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=921)

มายา 23-07-2010 23:53

ไปธุดงค์เพื่ออะไร

พระเณรบางกลุ่มหลังจากออกพรรษาแล้ว นิยมพากันออกเที่ยวธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ
มีการตระเตรียมบริขาร หรือชุดธุดงค์กันอย่างครบเครื่อง แต่ในการไปนั้น
มีอยู่หลายรูปที่ไปแบบผิดเป้าหมาย เช่น ทรงเครื่องกัมมัฏฐานไปรถทัวร์บ้าง รถไฟบ้าง
เที่ยวไปเยี่ยมเพื่อนฝูงตามสำนักต่าง ๆ บ้าง

หลวงปู่จึงกล่าวท่ามกลางคณะสงฆ์ว่า

"การกระทำตนเป็นพระธุดงค์รูปงามนั้น ย่อมไม่ควร ผิดวัตถุประสงค์ของการเดินธุดงค์ ทุกองค์พึงสำเหนียกให้มากว่า
การประพฤติธุดงคกัมมัฏฐานนั้น มุ่งการฝึกฝนขัดเกลาจิตใจให้ปราศจากกิเลสประการเดียวเท่านั้น
การไปธุดงคกัมมัฏฐานแต่ตัวส่วนใจไม่ไปนั้น ไม่เป็นการประเสริฐเลย"

มายา 27-07-2010 21:37

ละเอียด

หลวงพ่อเบธ วัดป่าโคกหม่อน ได้เข้าสนทนาธรรมกับหลวงปู่ถึงการปฏิบัติสมาธิภาวนา
โดยท่านเล่าว่า สามารถทำให้จิตเข้าถึงอัปปนาสมาธิได้เป็นเวลานาน ๆ
ครั้นถอยออกมาจากสมาธิ บางทีก็เกิดความสุขอิ่มเอิบอยู่เป็นเวลานาน
บางทีก็เกิดความสว่างไสวสามารถเข้าใจสรรพางค์กายได้อย่างครบถ้วน
แล้วจะมีสิ่งใดต้องปฏิบัติต่อไปอีก

หลวงปู่ว่า

"อาศัยพลังอัปปนาสมาธินั่นแหละมาตรวจสอบจิต แล้วปล่อยวางอารมณ์ทั้งหมดอย่าให้เหลืออยู่"

มายา 27-07-2010 21:49

ว่าง

ในเวลาต่อมา หลวงพ่อเบธพร้อมด้วยพระสหธรรมิกอีกสองรูป และคฤหัสถ์อีกหลายคนเข้านมัสการหลวงปู่
หลังจากหลวงปู่ได้แนะนำข้อปฏิบัติแก่ผู้ที่เข้ามาใหม่แล้ว หลวงพ่อเบธได้ถามถึง
ข้อปฏิบัติที่หลวงปู่แนะนำเมื่อคราวที่แล้วว่า การปล่อยวางอารมณ์นั้น ทำได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
หรือชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจรักษาให้อยู่ได้เป็นเวลานาน

หลวงปู่ว่า

"แม้ที่ว่าปล่อยวางอารมณ์ได้ชั่วขณะหนึ่งนั้น ถ้าสังเกตจิตไม่ดี หรือสติไม่สมบูรณ์เต็มที่แล้ว
ก็อาจเป็นได้ว่า ละจากอารมณ์หยาบไปอยู่กับอารมณ์ละเอียดก็ได้ จึงต้องหยุดความคิดทั้งปวงเสีย
แล้วปล่อยจิตให้ตั้งอยู่บนความไม่มีอะไรเลย"

มายา 27-07-2010 21:59

อุบายคลายความยึด

เมื่อกระผมทำความสงบให้เกิดขึ้นแล้ว ก็พยายามรักษาจิตให้ดำรงอยู่ในความสงบนั้นด้วยดี
แต่ครั้นกระทบกระทั่งกับอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง จิตก็มักจะสูญเสียความสงบที่พยายามทรงไว้นั้น

หลวงปู่ว่า

"ถ้าเช่นนั้น แสดงว่าสมาธิของตนเองยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ถ้าเป็นอารมณ์แรงกล้าเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะอารมณ์ที่เป็นจุดอ่อนของเราแล้ว ต้องแก้ด้วยวิปัสสนาวิธี
จงเริ่มต้นด้วยการพิจารณาสภาวธรรมที่หยาบที่สุด คือ กาย แยกให้ละเอียดพิจารณาให้แจ่มแจ้ง
ขยับถึงพิจารณานามธรรมอะไรก็ได้ทีละคู่ ที่เราเคยแยกพิจารณามา
ก็มีความดำความขาว ความมืดความสว่าง เป็นต้น"

มายา 31-07-2010 21:39

ความหลังยังฝังใจ

ครั้งหลวงปู่ไปพักผ่อนที่วัดป่าโยธาประสิทธิ์ มีพระเณรจำนวนมากมากราบนมัสการหลวงปู่
เพื่อขอฟังโอวาทจากหลวงปู่ หลวงตาพลอย ผู้ที่มาบวชเมื่อแก่ได้ปรารภถึงตนเองว่า
"กระผมบวชมาก็นานพอสมควรแล้ว ยังไม่อาจตัดอารมณ์ห่วงอาลัยในอดีตได้
แม้จะตั้งใจอย่างไรก็เผลอจนได้ ขอทราบอุบายวิธีอย่างอื่นเพื่อปฏิบัติตามแนวทางนี้ต่อไปด้วยครับกระผม"

หลวงปู่ว่า

"อย่าให้จิตแล่นไปสู่อารมณ์ภายนอก ถ้าเผลอ เมื่อรู้ตัวให้รีบดึงกลับมา
อย่าปล่อยให้มันรู้อารมณ์ดีหรือชั่ว สุขหรือทุกข์ ไม่คล้อยตาม และไม่หักหาญ"

มายา 31-07-2010 21:49

หยุดต้องหยุดให้เป็น

มีนักปฏิบัติกราบเรียนหลวงปู่ว่า กระผมพยายามหยุดคิด หยุดนึกให้ได้ตามที่หลวงปู่เคยสอน
แต่ไม่เป็นผลสำเร็จสักที ซ้ำยังเกิดความอึดอัดแน่นในใจ สมองมึนงง
แต่กระผมก็ยังศรัทธาว่าที่หลวงปู่สอนไว้ย่อมไม่ผิดแน่ ขอทราบอุบายวิธีต่อไปด้วยครับ

หลวงปู่ว่า

"ก็แสดงถึงความผิดพลาดอยู่แล้ว เพราะบอกให้หยุดคิดหยุดนึก
ก็กลับไปคิดที่จะหยุดคิดเสียอีกเล่า แล้วอาการหยุดจะอุบัติขึ้นได้อย่างไร
จงกำจัดอวิชชาแห่งการหยุดคิดหยุดนึกเสียให้สิ้น เลิกล้มความคิดที่จะหยุดคิดเสียก็สิ้นเรื่อง"

มายา 31-07-2010 22:07

เมื่อกล่าวถึงสัจธรรมแล้ว ย่อมลงสู่กระแสเดียวกัน

มีหลายท่านชอบถามว่า คำกล่าวหรือการเทศน์ของหลวงปู่ ดูคล้ายนิกายเซ็น
หรือคล้ายมาจากสูตรเว่ยหล่างเป็นต้น อาตมาเรียนถามหลวงปู่ก็หลายครั้ง ในที่สุดหลวงปู่ก็กล่าวว่า

"สัจธรรมทั้งหมดมีอยู่ประจำโลกอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัจธรรมนั้นแล้ว
ก็นำมาสั่งสอนสัตว์โลก เพราะอัธยาศัยของสัตว์ไม่เหมือนกัน หยาบบ้าง ประณีตบ้าง
พระองค์จึงเปลืองคำสอนไว้มากถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
เมื่อมีนักปราชญ์ฉลาดสรรหาคำพูดให้สมบูรณ์ที่สุด เพื่อจะอธิบายสัจธรรมนั้น
นำมาตีแผ่เผยแจ้งแก่ผู้มุ่งสัจธรรมด้วยกัน เราย่อมจะต้องอาศัยแนวทางในสัจธรรมนั้น
ที่ตนเองไตร่ตรองเห็นแล้วว่าถูกต้อง และสมบูรณ์ที่สุดนำแผ่ออกไปอีก
โดยไม่ได้คำนึงถึงคำพูด หรือไม่ได้ยึดติดในอักขระพยัญชนะตัวใดเลยแม้แต่น้อยเดียว"

มายา 04-08-2010 20:52

มีอยู่จุดเดียว

ในนามสัทธิวิหาริกของหลวงปู่ มีพระมหาทวีสุขสอบเปรียญ ๙ ประโยคได้เป็นรูปแรก
ทางวัดบูรพารามจึงจัดฉลองพัดประโยค ๙ ถวาย

หลังจากพระมหาทวีสุขถวายสักการะแก่หลวงปู่แล้ว หลวงปู่ได้ให้โอวาทว่า

"ผู้ที่สามารถสอบเปรียญ ๙ ประโยคได้นั้น ต้องมีความเพียรอย่างมาก และมีความฉลาดเพียงพอ
เพราะถือว่าเป็นการจบหลักสูตรฝ่ายปริยัติ และต้องแตกฉานในพระไตรปิฎก
การสนใจทางปริยัติเพียงอย่างเดียวพ้นทุกข์ไม่ได้ ต้องสนใจปฏิบัติทางจิตต่อไปอีกด้วย

พระธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์นั้น ออกไปจากจิตของพระพุทธเจ้าทั้งหมด
ทุกสิ่งทุกอย่างออกจากจิต อยากรู้อะไรค้นได้ที่จิต"

มายา 04-08-2010 21:05

โลกกับธรรม

วันที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงปู่ไปพักผ่อนอยู่ที่วัดถ้ำศรีแก้ว ภูพาน สกลนคร
ค่ำวันสุดท้ายที่หลวงปู่จะเดินทางกลับ ท่านอาจารย์สุวัจ พร้อมพระเณรในวัด
ได้เข้าไปกราบหลวงปู่เพื่อเป็นการอำลาหลวงปู่

หลวงปู่กล่าวว่า "พักผ่อนอยู่ที่นี่สบายดี อากาศก็ดี ภาวนาก็สบาย นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ เมื่อสมัยเที่ยวธุดงค์"

แล้วหลวงปู่ก็ได้กล่าวธรรมโอวาทมีความตอนหนึ่งว่า

"สิ่งใดซึ่งสามารถรู้ได้ สิ่งนั้นเป็นของโลก สิ่งใดไม่มีอะไรจะรู้ได้ สิ่งนั้นคือธรรม
โลกมีของคู่อยู่เป็นนิจ แต่ธรรมเป็นของสิ่งเดียวรวด"

มายา 05-08-2010 21:16

ละอย่างหนึ่งติดอีกอย่างหนึ่ง

ลูกศิษย์ฝ่ายคฤหัสถ์ผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่ง เข้านมัสการหลวงปู่
เพื่อรายงานผลการปฏิบัติให้หลวงปู่ฟังด้วยความภาคภูมิใจว่า

"ปลื้มใจอย่างยิ่งที่ได้พบหลวงปู่วันนี้ ด้วยกระผมปฏิบัติตามที่หลวงปู่เคยแนะนำ
ก็ได้ผลไปตามลำดับ คือ เมื่อลงมือนั่งภาวนาก็เริ่มละสัญญาอารมณ์ภายนอกหมด
จิตก็หมดความวุ่น จิตรวม จิตสงบ จิตดิ่งสู่สมาธิ หมดอารมณ์อื่น เหลือแต่ความสุข
สุขอย่างยิ่ง เย็นสบาย แม้จะให้อยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ก็ได้"

หลวงปู่ยิ้มแล้วพูดว่า

"เออ ก็ดีแล้วที่ได้ผล พูดถึงความสุขในสมาธิมันก็สุขจริง ๆ จะเอาอะไรมาเปรียบไม่ได้
แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้น มันก็ได้แค่นั้นแหละ ยังไม่เกิดปัญญาอริยมรรคที่จะตัดภพชาติ ตัณหา อุปาทาน ได้
ให้ละสุขนั้นเสีย แล้วพิจารณาขันธ์ห้าให้แจ่มแจ้งต่อไป"

มายา 05-08-2010 21:28

ปรารภธรรมเปรียบเทียบ

"จิตของพระอริยเจ้าชั้นโลกุตตระนั้น แม้จะยังอยู่ในโลกคลุกคลีกับสิ่งแวดล้อมโดยสถานใด
ก็ไม่อาจจูงจิตของท่านให้ไขว้เขวเจือปนกับสิ่งเหล่านั้นได้ คือ โลกธรรมไม่อาจครอบงำจิตได้เลย
คือ จิตไม่กลับกลายไปเป็นจิตปุถุชนได้อีก ไม่อาจกลับไปอยู่ใต้อำนาจของกิเลสตัณหาได้อีก

เปรียบเหมือนกะทิมะพร้าวที่คั้นออกมาแล้ว
เอาไปสำรอกหรือเคี่ยวด้วยความร้อนจนเป็นน้ำมันออกมาได้แล้ว
ย่อมไม่กลับกลายไปเป็นกะทิเหมือนเดิมอีก แม้จะเอาไปปะปนระคนกับกะทิอย่างไร
ก็ไม่อาจทำให้น้ำมันนั้นกลายเป็นกะทิเหมือนเดิมได้"

มายา 05-08-2010 21:44

ภายนอกกับภายใน

เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๔ หลังจากหลวงปู่กลับจากราชพิธีในพระราชวัง
กำลังพักผ่อนอยู่ที่พระตำหนักทรงพรต วัดบวรนิเวศฯ
มีท่านเจ้าคุณซึ่งเป็นนักปฏิบัติรูปหนึ่งได้เข้าไปเยี่ยมสนทนาธรรมกับหลวงปู่
โดยขึ้นต้นด้วยคำถามว่า "เขาว่าคนที่เป็นยักษ์ในชาติปางก่อน
กลับมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้นั้น เรียนคาถาอาคมอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ไปทุกอย่าง เป็นความจริงแค่ไหนครับผม"

หลวงปู่ลุกขึ้นนั่ง แล้วตอบว่า

"ผมไม่เคยได้สนใจเรื่องอย่างนี้เลย ท่านเจ้าคุณเคยภาวนาถึงตรงนี้ไหม
หสิตุปบาท คือ กิริยาที่จิตยิ้มเอง โดยปราศจากเจตนาที่จะยิ้ม
เกิดในจิตของเหล่าพระอริยเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสามัญชน
เพราะพ้นเหตุปัจจัยแห่งการปรุงแต่งแล้ว เป็นอิสระด้วยตัวมันเอง"

มายา 16-08-2010 20:56

หวังผลไกล

เมื่อมีแขกหรืออุบาสกอุบาสิกาไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่หลวงปู่มีปกติไม่เคยถามถึงเรื่องอื่นใด
มักจะถามว่า "ญาติโยมเคยภาวนาบ้างไหม" บางคนตอบว่าเคย บางคนตอบว่าไม่เคย
ในจำนวนนั้นมีอยู่คนหนึ่งฉะฉานกว่าใคร เขากล่าวว่า
"ดิฉันเห็นว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องมาวิปัสสนาอะไรให้มันลำบากลำบนนัก
เพราะปีหนึ่ง ๆ ดิฉันก็ฟังเทศน์มหาชาติจบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ตั้งหลายวัด
ท่านว่าอานิสงส์การฟังเทศน์มหาชาตินี้จะได้ถึงศาสนาพระศรีอาริย์
ก็จะพบแต่ความสุขความสบายอยู่แล้ว ต้องมาทรมานให้ลำบากทำไม"

หลวงปู่ว่า

"สิ่งอันประเสริฐที่มีอยู่เฉพาะหน้าแล้วไม่สนใจ กลับไปหวังไกลถึงสิ่งที่เป็นแต่เพียงการกล่าวถึง
เป็นลักษณะของคนไม่เอาไหนเลย ก็ในเมื่อมรรค ผล นิพพานในศาสนาสมณโคดมในปัจจุบันนี้
ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กลับเหลวไหลไม่สนใจ เมื่อถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็ยิ่งเหลวไหลมากกว่านี้อีก"

มายา 16-08-2010 21:11

การปฏิบัติธรรมนั้นเพื่ออะไร

หลวงพ่อเบธ ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดของหลวงปู่ อยู่ที่วัดโคกหม่อน แม้ท่านจะบวชเมื่อวัยชรา
แต่ก็เคร่งครัดต่อการปฏิบัติธุดงคกัมมัฏฐานอย่างยิ่ง หลวงปู่เคยยกย่องว่าปฏิบัติได้ผลดี
วันหนึ่งท่านอาพาธหนักใกล้จะมรณภาพแล้ว ท่านปรารภว่า อยากเห็นหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อลาตาย
เมื่อหลวงปู่ไปถึงแล้ว หลวงพ่อเบธลุกกราบหลวงปู่แล้วล้มตัวนอนตามเดิมโดยไม่ได้พูดอะไร
แต่มีอาการยิ้ม และสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะนั้น สุรเสียงอันชัดเจนและนุ่มนวลของหลวงปู่ก็มีออกมาว่า

"การปฏิบัติทั้งหลายที่เราพยายามปฏิบัติมา ก็เพื่อจะใช้ในเวลานี้เท่านั้น
เมื่อถึงเวลาที่จะตาย
ให้ทำจิตให้เป็นหนึ่ง แล้วหยุดเพ่งปล่อยวางทั้งหมด"

มายา 16-08-2010 21:24

ไม่เคยเห็นหวั่นไหวในเหตุการณ์อะไร

เวลา ๔ ทุ่มผ่านไปแล้ว เห็นหลวงปู่ยังนั่งพักผ่อนอยู่ตามสบาย
จึงเข้าไปกราบเรียนว่า "หลวงปู่ครับ หลวงปู่ขาวมรณภาพเสียแล้ว"

หลวงปู่แทนที่จะถามว่า ด้วยเหตุใด เมื่อไร ก็ไม่ถามกลับพูดต่อไปเลยว่า

"เออ ท่านอาจารย์ขาว ก็หมดภาระการแบกหามสังขารเสียที
พบกันเมื่อ ๔ ปีที่ผ่านมาเห็นลำบากสังขาร ต้องให้คนอื่นช่วยเหลืออยู่เสมอ
เราไม่มีวิบากของสังขาร เรื่องวิบากสังขารนี้ แม้จะเป็นพระอริยเจ้าชั้นไหน
ก็ต้องต่อสู้จนกว่าจะขาดจากกันได้ ไม่เกี่ยวข้องกันอีก แต่ตามปกติสภาวะของจิตนั้น
มันก็ยังอยู่กับสิ่งเหล่านี้เอง เพียงแต่จิตที่ฝึกดีแล้วเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นย่อมละและระงับได้เร็ว
ไม่กังวล ไม่ยึดถือ หมดภาระเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านั้น มันก็แค่นั้นเอง
"

มายา 01-06-2011 20:58

จริงตามความเป็นจริง

สุภาพสตรีชาวจีนคนหนึ่ง ถวายสักการะแด่หลวงปู่แล้วกราบเรียนว่า
ดิฉันจะต้องไปอยู่ที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำมาค้าขายและอยู่ใกล้ชิดกับญาติทางโน้น

ทีนี้บรรดาญาติ ๆ ก็เสนอแนะว่า ควรจะขายของชนิดนั้นบ้าง ชนิดนี้บ้าง ตามแต่เขาจะเห็นดีว่าอะไรขายได้ดี
ดิฉันยังมีความลังเลใจ ตัดสินใจเองไม่ได้ว่าจะเลือกขายของอะไร
จึงให้หลวงปู่ช่วยแนะนำด้วยว่า จะให้ดิฉันขายอะไรจึงจะดีเจ้าคะ

หลวงปู่ว่า

"ขายอะไรก็ดีทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนซื้อ"

มายา 01-06-2011 21:07

ไม่ได้ตั้งจุดหมายไว้

เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๒ คณะนายทหารประมาณ ๑๐ กว่านาย
เข้านมัสการหลวงปู่เมื่อเวลาค่ำแล้ว ในคณะของนายทหารเหล่านั้น มียศพลโทสองท่าน
หลังจากสนทนากับหลวงปู่เป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก็ถอดเอาพระเครื่องจากคอของแต่ละท่าน
รวมใส่พานถวายให้หลวงปู่ช่วยอธิฐานแผ่เมตตาจิตให้ ท่านก็อนุโลมตามความประสงค์แล้วก็มอบคืนให้ไป
มีนายพลท่านหนึ่งถามหลวงปู่ว่า ทราบว่ามีเหรียญหลวงปู่ออกมาหลายรุ่นแล้ว
อยากถามหลวงปู่ว่ามีรุ่นไหนดังบ้าง

หลวงปู่ตอบว่า

"ไม่มีดัง"

มายา 01-06-2011 21:19

หลวงปู่กับเกจิอาจารย์

เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๒๐ หลวงปู่รับนิมนต์ไปร่วมพิธีกรรมที่วัดธรรมมงคล สุขุมวิท
ในงานนี้ ท่านรับนิมนต์เข้าไปนั่งปรกในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลด้วย
เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ออกมานั่งพักที่กุฏิเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง สนทนากับเหล่าศิษยานุศิษย์
ที่เข้ามาศึกษาเล่าเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนหลายรูป
และมีพระรูปหนึ่งคงไม่เคยเห็นการเข้าพิธีพุทธาภิเษกมาก่อน
เพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรก จึงถามหลวงปู่ว่า นั่งปรกเขาทำอย่างไร

หลวงปู่จึงว่า

"อาจารย์องค์อื่น ๆ เขานั่งปรกนั่งพุทธาภิเษกอย่างไร เราไม่รู้
ส่วนตัวเรานั่งสมาธิอย่างเดียว ตามแบบฉบับของเรา"

มายา 19-10-2011 21:08

อยากเรียนเก่ง

หนูได้ฟังคุณตาสรศักดิ์ กองสุข แนะนำว่า
ถ้าใครต้องการเรียนเก่งและฉลาด ต้องหัดนั่งภาวนาทำสมาธิให้ใจสงบเสียก่อน
หนูอยากจะเรียนเก่งเรียนฉลาดอย่างเขา จึงพยายามนั่งภาวนาทำใจให้สงบ
แต่ใจมันก็ไม่สงบสักที บางทีก็ยิ่งทวีความฟุ้งซ่านมากขึ้นก็มี
เมื่อใจไม่สงบเช่นนี้ ทำอย่างไรจึงจะเรียนเก่งเจ้าค่ะ

หลวงปู่ว่า

"เรียนอะไร ก็ให้มันรู้อันนั้น เดี๋ยวก็เก่งเองแหละ
ที่ใจไม่สงบก็ให้รู้ว่ามันไม่สงบ เพราะอยากสงบ มันจึงไม่สงบ
ขอให้พยายามภาวนาเรื่อย ๆ ไปเถอะ สักวันหนึ่งก็จะได้สงบตามต้องการ"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว