กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6054)

เถรี 20-02-2018 22:17

"โดยเฉพาะเด็ก ๆ รุ่นใหม่ อาหารฝรั่งเข้ามามาก แคลอรี่สูง นอกจากประเภทกระตุ้นให้โตไวแล้ว ยังอ้วนง่ายด้วย บ้านเราตอนนี้คนอ้วนมีมากกว่า ๓๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว แปลว่า ๑๐ คนเดินมา อย่างน้อยต้องมีคนอ้วน ๓ คน ดูจากปัจจุบันนี้น่าจะเกิน ๓ คนแล้ว

อีกอย่างหนึ่งก็คือบรรดาอาหารโดยเฉพาะไก่ จะมีสารกระตุ้นตกค้างอยู่เยอะมาก แต่เรื่องนี้เขาไม่เอามาพูดกัน เพราะว่าถ้าเอามาพูดกันบริษัทใหญ่จะเสียหาย เขาจะต้องพยายามเร่งให้ไก่โตเร็วที่สุด ๔๐ วัน หรือ ๔๕ วัน ต้องจับขายได้ เพื่อประหยัดต้นทุนและได้กำไรสูงสุด สารตกค้างที่อยู่ในไก่ พวกเราก็กินเข้าไป เด็ก ๆ ก็เท่ากับโดนกระตุ้นให้โตไปด้วย คนแก่ไม่โตแล้ว มีแต่จะตาย ก็แปลว่าคนแก่จะอ้วน

ส่วนเด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วเพราะฮอร์โมนกระตุ้นตกค้างเหล่านี้ ก็เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็ว แล้วคราวนี้อายุยังน้อย สติสัมปชัญญะก็น้อย ความยับยั้งชั่งใจจึงน้อยไปด้วย ยิ่งห่างไกลศีลธรรม ไม่ละอายชั่วกลัวบาป ก็กลายเป็นคนสังคมในปัจจุบันของเรา ไม่ต้องไปโทษใคร เพราะว่ารัฐบาลเองก็ไม่ได้คิดที่จะช่วย
อะไร ตัวเองก็ลำบากยังเอาตัวไม่รอด ขนาดนาฬิกายังต้องยืมเพื่อนมาใช้ ก็ไม่ต้องหวังที่รัฐบาลจะไปช่วยประชาชนอะไรได้หรอก"

เถรี 22-02-2018 21:26

เด็กอ่อนกำลังร้องไห้ พระอาจารย์จึงพูดว่า "รู้ว่าลำบากแล้วยังตะกายมาเกิดอีก แล้วจะไปโทษใคร ? ทน ๆ อยู่ไปอีกชาติหนึ่งก็แล้วกัน"

เถรี 22-02-2018 21:45

ถาม : มีโยมอาการไม่ดี โดนของที่เขาฝัง ?
ตอบ : ต้องขุดของที่เขาฝังออกมา ถ้าขุดขึ้นมาได้ก็จบ ถ้าขุดขึ้นไม่ได้ เดี๋ยวเขากระตุ้นใหม่ก็กำเริบใหม่ ส่วนใหญ่เขาจะฝังไว้ทางสามแพร่งหรือใต้ถุนบ้าน สมัยก่อนมักจะฝังไว้ใต้บันได

ถาม : แต่รับยันต์เกราะเพชรแล้วนะครับ ?
ตอบ : ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้กัน ถ้าโดนมาก่อนก็ช่วยไม่ได้ โดนมาก่อนพอไปเข้าพิธีก็หายชั่วคราว พอกลับไปอยู่ใกล้ของ โดนเขากระตุ้นก็กำเริบใหม่

สมัยรัชกาลที่ ๓ รัชกาลที่ ๔ กล้องถ่ายรูปเริ่มเข้ามาในประเทศไทย มีในหลวงรัชกาลที่ ๔ ที่ยอมถ่ายรูปเป็นพระองค์แรก คนอื่นไม่ยอมถ่ายรูปเพราะกลัวว่าจะเป็นพวกฝังรูปฝังรอยหรือใช้วิชาบังฟันอะไรพวกนั้น ถ่ายรูปครึ่งตัวเดี๋ยวกูจะต้องขาดครึ่งตัว เขาถึงไม่กล้าถ่ายรูปกัน

ในหลวงรัชกาลที่ ๔ จึงได้แสดงให้เขารู้ว่าไม่เป็นอะไร เพราะว่าพระองค์ท่านทรงให้ถ่ายเองเลย แต่คนก็ยังถ่ายพระองค์ท่านเต็มองค์อยู่ดี มาภายหลังจึงกล้าถ่ายครึ่งพระองค์

เถรี 22-02-2018 22:28

พระอาจารย์กล่าวกับศิษย์ "ถ้าเห็นอาตมาเป็นครู ครูก็ขอสั่งว่ารีบไปทำ ชอบตรงไหนก็ลงมือได้ ไม่ใช่มานั่งรอครู ครูจะดีแค่ไหน ครูจะเก่งแค่ไหน ถ้าลูกศิษย์ไม่ลงมือทำก็ไร้ประโยชน์"

เถรี 22-02-2018 22:57

ถาม : อยากให้เงินคล่องตัว ?
ตอบ : จะเอาการงานคล่องตัวก็ไปภาวนาคาถาเงินล้าน เพียงแต่ให้ทำจริง ๆ ต้องคิดว่าเราชั่วก็ชั่วจริง ๆ แล้ว ตอนดีต้องดีจริง ๆ บ้าง

ถาม : ภาวนาไม่เป็นเวลาครับ ?
ตอบ : ว่าให้เต็มที่ก็แล้วกัน แบบเงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดินก็พอ อย่าไปคิดอะไรให้มากมาย

เถรี 22-02-2018 23:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "ทันโต เสฏโฐ มนุสเสสุ ทันโต = อันว่าฟัน เสฏโฐ = ประเสริฐที่สุด มนุสเสสุ = ในหมู่มนุษย์ ในหมู่มนุษย์ผู้ที่มีฟันถือว่าประเสริฐที่สุด ? ไม่ใช่แล้วล่ะ...(หัวเราะ)...

ทันโตตัวนี้แปลว่าฝึกมาดีแล้ว ทีนี้ไปคล้องกับทันตะที่แปลว่าฟัน แปลบาลีผิดก็เจ๊งเลย เด็กอ่อนกับคนแก่ไม่มีฟัน หาความประเสริฐไม่ได้...ใช่ไหม ?

ทันโต เสฏโฐ มนุสเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ที่ฝึกตนดีแล้วประเสริฐที่สุด ถามว่าฝึกอะไร ? ก็ฝึกกาย
ฝึกวาจา ฝึกใจของเรา แล้วกาย วาจา ใจฝึกด้วยอะไร ? ก็ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา

ศีลควบคุมกาย วาจาให้เรียบร้อย สมาธิควบคุมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจในเบื้องต้น ส่วนปัญญานั้นถ้าหากว่าดีจริง สามารถควบคุมกาย วาจา ใจ ได้ในระดับสูงสุด"

เถรี 22-02-2018 23:23

ถาม : (พูดถึงเหรียญ) "นะ" หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง แล้วศิษย์มาเพิ่มนะโมพุทธายะ
ตอบ : ลูกศิษย์สามารถที่จะเพิ่มเติมได้ แต่สำคัญอยู่ที่ว่าทำจริงขนาดไหน อาตมาก็นึกว่าคนไม่ค่อยรู้จักหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง แต่เหรียญท่านลงปุ๊บก็ไปปั๊บเลย

เถรี 28-02-2018 22:53

ถาม : ช่วงนี้แม่ผมเห็นภาพหลอนบ่อย เขาเห็นมดมา ผมก็โกหกบอกว่าเอายาฉีดมดตายไปหมดแล้ว ?
ตอบ : ดีมากเลย ทำให้ใจแม่คิดว่าฆ่าสัตว์...!

ถาม : ถ้าโกหกจะผิดศีลข้อนั้นไหม ?
ตอบ : โกหกก็ผิดอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผิดมากหรือผิดน้อย ส่วนกำลังใจแม่ ถ้าไปเกาะไว้ว่าเอ็งฆ่ามด แม่ก็พลอยซวยไปด้วย

เถรี 28-02-2018 23:16

ถาม : เมื่อเดือนธันวาคมไปงานฝึกมโนมยิทธิ พอเข้าไปงานรู้สึกว่าของขึ้น หนูก็เบรกเอาไว้ ตอนฝึกเหมือนตัวจะแตก อยากกระโดด มีความรู้สึกว่าไม่อยากจะปฏิบัติแล้ว อยากจะสบาย ๆ ?
ตอบ : ไปฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังเพื่ออะไร ?

ถาม : เพื่อ...?
ตอบ : แล้วพอจะไปทำไมไม่เอา ? การที่เราจะไปพระนิพพานได้ต้องตัดละ แม้แต่ร่างกายตัวเองก็ไม่ต้องการ ในเมื่อสามารถตัดละขนาดนั้นได้ ถึงจะไปได้ แล้วแค่ประเภทละความอายที่จะเกิดอาการแปลก ๆ กับร่างกาย เรายังละไม่ได้ แล้วเราจะไปได้อย่างไร ? เพราะฉะนั้น...ไปใหม่ คราวนี้อย่าไปเบรกไว้ ปล่อยไปเต็มที่ จะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ปล่อยไป

ต้องบอกว่ากลัวดี คนอื่นเขาพยายามแทบตายไปไม่ได้ แต่นี่ไปได้ กลับพยายามรั้งไว้ไม่ให้ไป เขาเรียกว่าลืมจุดหมายของตัวเองว่าไปฝึกเพื่ออะไร ฝึกเพื่อที่จะไปให้ได้ แต่พอจะไปดันไม่เอา..ไปอายเขา

เถรี 28-02-2018 23:20

อย่างญาติโยมที่ตั้งใจทำบุญสร้างบารมีเพื่อไปพระนิพพาน บางคนก็มาทั้งครอบครัว บางคนก็พาสามีภรรยา บางคนก็พาคู่รักของตัวเองมา แล้วก็ห่วงหน้าพะวงหลังกันอยู่นั่นแหละ ห่วงกันไม่แล้วห่วงกันไม่เลิก การไปพระนิพพานของเราแม้แต่ตัวเองยังห่วงไม่ได้ การที่เราต้องห่วงคนอื่น ไปแบกคนอื่นไว้ กลายเป็นภาระที่สลัดไม่ออก แล้วเราจะไปพระนิพพานอย่างไร ? เพราะฉะนั้น...โปรดคิดใหม่ให้ดี ๆ ว่าสิ่งที่เราทำกับเป้าหมายในชีวิตปัจจุบันของเรา ค้านกันหรือเปล่า ?

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย หนทางของคนเพียงคนเดียว จึงเป็นทางที่นำสัตว์ทั้งหลายไปสู่ความบริสุทธิ์ ก็คือหลุดพ้นจากความทุกข์เข้าไปสู่พระนิพพาน แต่เรามักจะประเภทมา ๒ คน มา ๓ คน มา ๕ คน มาแล้วไม่พอ บางคู่ยังมีเป้าหมายอีก ว่าจะมาช่วยกันส่งให้อีกฝ่ายหนึ่งไปพระนิพพาน แต่อาตมาดูแล้วน่าจะมาเพื่อช่วยกันถ่วงอีกฝ่ายไม่ให้ไปพระนิพพานมากกว่า...!

เถรี 02-03-2018 19:45

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อคืน ๒ วันที่ผ่านมาปวดหลังมาก ปวดเหมือนกระดูกทับเส้น ปวดแล้วร้าวเป็นเส้น ๆ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านมาสอนให้นอนแล้วเตะขาขึ้นฟ้า เตะให้ข้ามหัวได้ยิ่งดี ก็เลยลองทำดู ปรากฏว่าดีขึ้นเยอะเลย สรุปว่านี่อาตมากำลังสนับสนุนอาจารย์อ้อยใช่ไหม ? ว่าพระที่ไปพระนิพพานแล้วยังกลับมาได้ ...(หัวเราะ)... ปล่อยให้เขาทะเลาะกันไป พวกเราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย"

เถรี 02-03-2018 19:48

ถาม : เวลาภาวนาพระคาถาเงินล้านที่ศูนย์กลางกายแล้วรู้สึกแน่น ๆ ควรจะแก้ไขอย่างไร ?
ตอบ : ปล่อยไป เรามีหน้าที่รับรู้เฉย ๆ จะไปยุ่งอะไรเล่า ? ภาวนาอย่างไร ดูลมอย่างไรก็ดูต่อไป ลมเหลือแค่ไหน คำภาวนาเหลือแค่ไหนก็ยินดีแค่นั้น เรามีหน้าที่ดู ส่วนหนังจะเล่นอย่างไรก็เรื่องของเขา เรามีหน้าที่แค่ดูไปเรื่อย ๆ

เถรี 02-03-2018 20:17

พระอาจารย์กล่าวถึงซานไห่จิง คัมภีร์ของขุนเขาและท้องทะเล "หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อัศจรรย์มาก เพราะว่าเขียนมาเป็นพันปีแล้ว กล่าวถึงโลกทั้งในส่วนที่เป็นทิพย์และส่วนหยาบปะปนกันอยู่ คราวนี้บรรดาผู้คนและสัตว์ที่เขากล่าวถึงมีทั้งคนจริง ๆ มีทั้งสัตว์จริง ๆ และมีทั้งบรรดาเปรต อสุรกาย พวกเทวดาปะปนกันอยู่ แต่เสียดายอยู่อย่างเดียวว่าเขาไปวาดรูปประกอบ ก็เลยทำให้เพี้ยนหมด

อย่างเช่นเขาบอกว่า บนท้องทะเลแห่งหนึ่งห่างจากฝั่ง ๗๐๐ ลี้ มีปลาชนิดหนึ่งมีปีก ๔ ปีก เหินบินบนน้ำได้ ก็คือปลานกกระจอก

บางอย่างเขาก็เข้าใจผิด อย่างเช่นว่า บนท้องทะเลห่างจากฝั่ง ๒,๕๐๐ ลี้ มีมนุษย์เผ่าพันธุ์หนึ่งใบหน้าเป็นนก มีปีก ๒ ข้าง ไม่สามารถเหินบินได้ อาศัยยังชีพจากสัตว์ต่าง ๆ ที่หาได้จากท้องทะเล ก็คือนกเพนกวินที่ยืนสองขา เขาก็เลยไปคิดว่าเป็นคน

ในท้องทะเลบนเกาะแห่งหนึ่งมีสัตว์รูปร่างเหมือนวัว ไม่มีเขา มีเท้าข้างเดียว ชอบปรากฏตัวในขณะที่พายุคลื่นลมรุนแรง ก็คือแมวน้ำ แต่คราวนี้เขาวาดรูปประกอบเป็นวัวแล้วมีขาข้างเดียว ตูจะบ้า...! จินตนาการไปไกลเหลือเกิน"

เถรี 02-03-2018 20:54

"บางทีเขากล่าวถึงคน ว่ามีมนุษย์รูปร่างใหญ่เหมือนยักษ์ อาศัยอยู่แต่ในเรือที่แล่นไปในท้องทะเล นั่นก็พวกไวกิ้ง

เขาระบุเอาไว้หมดเลย เพียงแต่คนวาด วาดอะไรออกมาก็ไม่รู้ ก็เขาระบุไว้ชัด ๆ ว่ามีสัตว์ชนิดหนึ่งรูปร่างเหมือนวัว มีเขาข้างเดียว ก็แรดนะสิ แต่เขาวาดเป็นรูปวัวแล้วมีเขาข้างเดียว ตูจะบ้า...!

ส่วนที่พิลึกพิลั่นเพราะเป็นโลกทิพย์ซ้อนกับโลกมนุษย์ ไม่ขอพูดถึง ที่อาตมาพูดถึงคือสัตว์ทั่ว ๆ ไปที่เขาบรรยายมา คนวาดก็วาดจนเข้าป่าเข้าดงหมด คราวนี้ที่เขาว่ามาเป็นเรื่องอัศจรรย์ตรงที่ว่า เขาบอกว่าสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งรูปร่างเหมือนวัว ลำตัวสีเขียวอ่อน ไม่มีเขา มีเท้าข้างเดียว เวลาขึ้นลงท้องทะเลเกิดพายุฝนกระหน่ำ ร่างจะเปล่งประกายเจิดจ้า ตัวเปียกน้ำก็เงาวับนะสิ...! ฟังแล้วจะบ้าตาย ถ้าเขาไม่วาดรูปพวกเราจะรู้จักอีกหลายตัว "


ถาม : ที่เป็นกึ่งทิพย์นั้น ใกล้ป่าหิมพานต์ไหมคะ ?
ตอบ : บางทีมันก็ซ้อนอยู่ในโลกเรานี่แหละ

เถรี 02-03-2018 21:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งให้ญาติโยมทราบว่าหล่อพระ ๑๘ กุมภาพันธ์นี้ พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม หรือหลวงพี่มหาเอ วัดปากน้ำภาษีเจริญ รับเป็นเจ้าภาพค่าแรงหล่อพระ เงินที่พวกเราถวายปัจจัยมาก็ร่วมกันซื้อเม็ดเงิน ซื้อทองคำไป

คาดว่าครั้งนี้ค่าหล่อจะแพงกว่าครั้งที่แล้ว เพราะว่าโลหะแพงกว่ามาก การใช้ความระมัดระวังของช่างจะมีสูงกว่า ก็ตีว่าน่าจะแพงกว่าคราวที่แล้วสักเท่าตัว ไม่รู้คราวต่อไปหล่อหลวงพ่อทองคำจะเจอค่าหล่อเท่าไร"

เถรี 04-03-2018 22:02

พระอาจารย์กล่าวกับพระนิสิตว่า "ช่วงหลัง มจร.ของเราจากที่เปิดหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อเอื้อให้พระเณรได้เรียน กลายเป็นกีดกันไม่ให้พระเณรเรียน เพราะว่าค่าเทอมแพงขึ้นเยอะมาก รุ่นผมเรียนปริญญาโท ค่าเทอมเต็มที่ก็ ๑๘,๐๐๐ บาท ปริญญาโทตอนนี้ ๒๙,๐๐๐ บาทแล้ว ปริญญาเอกรุ่นนี้ ๔๕๐,๐๐๐ บาท รุ่นผม ๓๕๐,๐๐๐ บาทขึ้นมาแสนหนึ่ง แถมยังกำหนดด้วยว่าต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ต้องสอบ TOEFL ต้องสอบพื้นฐานคอมพิวเตอร์

ปริญญาโทต้องได้พื้นฐานคอมพิวเตอร์ ๑๗๐ คะแนน ปริญญาเอก ๒๒๐ คะแนน TOEFL ปริญญาโท ๓๐๐ คะแนน ปริญญาเอก ๕๐๐ คะแนน โอ้โห...สอบต่างประเทศชัด ๆ เลย จนป่านนี้มหาโก้ของทางด้านวัดป่าเลไลยก์ยังไม่จบเลย ทั้ง ๆ ที่วิทยานิพนธ์เล่มดำเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เพราะว่าติด TOEFL อยู่

เขายกระดับขึ้นมาเพื่อที่จะให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีมาตรฐานสูง จาก ๑๕๗ มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มจร. ของเราขึ้นพรวด ๆ ภายใน ๓ ปีขึ้นมาถึงอันดับ ๓๘ ถือว่าเป็นชั้นนำของประเทศเลย แต่คราวนี้กติกาที่เขากำหนดขึ้นมาเพื่อสร้างมาตรฐานให้สูงยิ่งขึ้น กลายเป็นการกีดกันพระเณรของเรา ผมพูดในที่ประชุมไป ๒ ครั้งแล้ว แต่เขาบอกว่าช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่าเป็นนโยบายเบื้องบน ลองคิดดูว่าพระเณรของเราอุตส่าห์บวชเข้ามาเพื่อจะได้เรียน กลับไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเทอมที่แพงขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว

กติกาต่าง ๆ ที่ออกมาก็กลายเป็นกีดกันพวกเรากันเอง ส่วนใหญ่พระเณรพวกเราขาดการเรียนพื้นฐานสายสามัญมา ในเมื่อไม่มีพื้นฐานแล้วจะเอาคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL ตั้ง ๕๐๐ ต่อให้คุณจบจุฬาฯ หรือธรรมศาสตร์ก็ยังจะตายเอาเลย"

เถรี 04-03-2018 22:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนพม่ามาทำงานเมืองไทยเก็บเงินจนร่ำรวย ส่วนคนไทยไปไหว้เทพทันใจที่พม่าขอให้ร่ำรวย ดูแล้วความประพฤติเพื่อให้รวยห่างไกลเหลือเกิน"

เถรี 04-03-2018 22:27

ถาม : (ยันต์ดอกบัว)
ตอบ : ยันต์ดอกบัว อันนี้เรียกยันต์บัวบาน ไม่ใช่ยันต์ดอกบัว

ยันต์บัวบานส่วนใหญ่จะไปทางเมตตา มหาเสน่ห์ ทำอะไรประสบความสำเร็จ เหมือนกับดอกบัวที่กระทบแสงอาทิตย์ก็บาน


ถาม : ยันต์ที่เป็นดวงละครับ ?
ตอบ : ยันต์ดวงส่วนใหญ่เอาดวงเจ้าของลงไป เขาเชื่อว่าจะหนุนดวงตัวเองให้ดีขึ้น

ยันต์บัวบานส่วนใหญ่ก็คือพุทธคุณ บัว ๙ กลีบก็คือ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ บัว ๕ กลีบก็คือ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ที่เราจะใช้แบบไหน

เถรี 05-03-2018 19:23

ถาม : ต่อไปบวชที่วัดพระอาจารย์ อย่างน้อยต้องบวช ๑๕ วันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น อาตมาไม่เคยบังคับ พวกนั้นอยากบังคับก็เป็นเรื่องของเขา โยมถามว่า ต่อไปนี้ถ้าบวชก็ต้องบวช ๑๕ วันใช่หรือไม่ ? อาตมาก็บอกว่าอันนั้นเป็นระเบียบ ในเมื่อเป็นระเบียบก็เรื่องของระเบียบ ไม่ใช่ข้อบังคับ ที่วัดท่าขนุนถ้าคุณขานนาคได้ จะบวช ๑ วัน ๓ วัน ๕ วัน อาตมาก็รับ เพราะว่ากติกาของวัดท่าขนุนหรือระเบียบของวัดท่าขนุนมีอยู่แล้ว

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับกองบัญชาการ วัดต่าง ๆ ก็คือแม่ทัพที่ทำศึกอยู่แนวหน้า การรบทัพจับศึกที่แนวหน้าต้องพิจารณาตามสถานการณ์ ไม่ใช่ฟังแต่คำสั่งจากส่วนกลาง เดี๋ยวนี้เขาบวชกัน ๓ วัน ๕ วัน ๗ วันก็แทบจะไม่มีเวลามาบวช แล้วจะให้บวช ๑๕ วันก็หาเรื่องกันชัด ๆ

นี่เป็นแผนการอย่างหนึ่งของศาสนาอื่น ที่ต้องการจะ "บอนไซ" พระพุทธศาสนาของเรา ให้มีบุคลากรเหลือให้น้อยที่สุด ก็เลยกำหนดกติกาที่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ
อาตมารับทราบแต่จะปฏิบัติหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย คือเจ้าอาวาสเอง เมื่อเช่นนั้นก็แปลว่า ถ้าที่อื่นถ้าไม่รับบวชแก้บน ไม่รับบวชระยะสั้นกว่า ๑๕ วัน ให้ไปที่วัดท่าขนุน อาตมาจะบวชให้

เถรี 05-03-2018 19:32

คนเขามีเวลาแค่นั้น ลางาน ๗ วันก็จะโดนไล่ออกแล้ว ยังจะเอา ๑๕ วันอีก ของบางอย่างไม่ต้องใช้หัวแม่เท้าตรองดู ก็ต้องรู้แล้วว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม หลับหูหลับตาออกระเบียบมา บอกว่าต้องการที่จะทำให้พุทธศาสนาของเรามั่นคงขึ้น บุคคลที่บวชเข้าไปได้เรียนรู้อะไรตามหลักสูตรที่เขากำหนดไว้ ไม่จำเป็น...วัดท่าขนุนหลักสูตรโหดกว่าอยู่แล้ว ไปเจอวัดที่เขา “ฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด” บวชสัก ๖ เดือน ๑ ปี ก็ไม่มีประโยชน์

การที่จะแก้ไขปัญหาคณะสงฆ์ ไม่ใช่ออกกฎให้เขาบวชยาวบวชสั้น แค่สอนให้บรรดาพระภิกษุสามเณรของเราละอายชั่วกลัวบาป รักศีลของตัวเองก็จบแล้ว
กฎระเบียบออกมาจะมีประโยชน์อะไร ถ้าหน้าด้านไม่ทำตามเสียอย่าง พระพุทธเจ้าออกมารอบคอบขนาด ๒๒๗ ข้อ ยังละเมิดกันเป็นว่าเล่น เพราะฉะนั้น...จุดสำคัญก็คือ ถ้าเราสามารถอบรมพระเณรของเราให้ละอายชั่วกลัวบาป รักศีลตัวเอง รู้จักว่าสิ่งใดทำดีทำถูก สิ่งใดไม่ควรทำก็จบ มักจะแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน แบบนั้นก็เชิญเกาต่อไปเถอะ..!


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:09


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว