กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5826)

เถรี 19-10-2017 21:09

พระอาจารย์กล่าวถึงบทกลอน

"ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร โบราณว่า
น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า อัชฌาสัย
เราก็จิต คิดดูเล่า เขาก็ใจ
ผูกอะไร ผูกไมตรี ดีกว่าพาล

ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร ความหมาย ก็คือ ผู้ชายอยู่ที่ไหนก็แพร่พันธุ์ไปเรื่อย ผู้หญิงหุงเสร็จก็จบเลย"

เถรี 19-10-2017 21:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนจีนจะมีหลานนอก มีหลานใน ก็คือ ลูกของลูกชาย เรียกว่า หลานใน ลูกของลูกสาว เรียกว่า หลานนอก บางคนรับไม่ได้ โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก็หลานเหมือนกัน ทำไมต้องมีหลานนอกหลานในด้วย"

เถรี 22-10-2017 23:53

ถาม : การใช้ชื่อแซ่ การนับญาติกัน ทำให้คนจีนเหนียวแน่นเช่นเดียวกับการที่มุสลิมเขานับถือกันเป็นพี่น้อง ?
ตอบ : ความเหนียวแน่นที่ว่ายังสู้มุสลิมไม่ได้ ที่คนจีนเหนียวแน่นกันมากโดยเฉพาะในบ้านเรา เพราะเขาพลัดบ้านพลัดเมืองมา ถ้าไม่รักกัน ไม่ช่วยเหลือกัน ก็อยู่ไม่รอด จึงต้องมีสมาคม มีตระกูลแซ่ มีมาจากบ้านโน้นบ้านนี้ ไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน

แบบเดียวกันคนมอญกับคนกะเหรี่ยง ดูแค่ทองผาภูมิของเราเวลาจัดงาน คนมอญแห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน สำนึกในความเป็นคนมอญรุนแรงและสูงมาก เพราะคนมอญรู้สึกว่าตัวเองพลัดบ้านพลัดถิ่นมา ถ้าไม่สามัคคีเหนียวแน่นกันไว้ อาจจะโดนคนอื่นเบียดเบียนเอาได้

แต่คนกะเหรี่ยงไม่ใช่อย่างนั้น คนกะเหรี่ยงอยู่ในประเทศไทยเรามา ๒๐๐ - ๓๐๐ ปีแล้ว ได้รับการยอมรับ มีบัตรประชาชน เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนกะเหรี่ยงด้วยซ้ำไป บางที่เขาคิดว่าเขาเป็นคนไทยแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนั้น สำนึกในความเป็นชาติพันธุ์จึงไม่ได้เหนียวแน่นรุนแรงเหมือนกับทางมอญเขา เพราะรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ได้รู้สึกว่าพลัดบ้านพลัดเมืองมา

สำหรับมุสลิม ใครเป็นมุสลิมก็เป็นลูกพระอัลเลาะห์เหมือนกัน ดังนั้น...มุสลิมเขาเหนียวแน่น ต้องบอกว่าเป็นโดยธรรมชาติของเขาเลย คนจีนที่เหนียวแน่นกันเพราะพลัดบ้านพลัดเมืองมา สู้มุสลิมเขาไม่ได้ มุสลิมเขาแข็งแกร่ง เข้มแข็งกว่า

เถรี 23-10-2017 08:51

ถาม : หลักการที่ว่า เป็นลูกหลานของหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกันละคะ ?
ตอบ : อยู่ในลักษณะของการยึดว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเดียวกัน ก็ยังมีการแบ่งเป็นกลุ่ม เป็นก้อน ไม่ได้เหนียวแน่นอะไรมากมายหรอก ถ้ามีอะไรแทรกกลางเข้ามาเมื่อไรก็แตกกระจายไปตาม ๆ กัน

เถรี 23-10-2017 20:59

ถาม : โลกวัชชะ ตีความได้ว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : โลกวัชชะ ก็คือการที่พระทำผิดพระวินัย อาจจะมีโทษทางโลกด้วย อย่างเช่นอาจจะโดนกฎหมายทางโลกลงโทษได้ และชาวบ้านก็ติเตียน เช่น ถ้าภิกษุไปเสพยาเสพติด นอกจากเป็นโลกวัชชะคือชาวบ้านติเตียนแล้ว ยังมีโทษทางโลกทางกฎหมายเล่นงานได้อีก กินความกว้างไปถึงโน่น ถ้าตีความแค่ว่าโลกติเตียนอย่างเดียวก็จะเบาไป

ถาม : กรณีในสิทธิทางโลก .....อย่างนี้เราจะตีในโลกวัชชะได้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่ใช่ โลกวัชชะต้องมีการทำผิดพระวินัย คือ ศีลของพระพุทธเจ้า ทำผิดแล้วมีการติเตียนจากส่วนรวม

ถาม : แล้วคนทั่วไป ?
ตอบ : ไม่ใช่พระ ไม่มีโลกวัชชะ เพียงแต่ว่าคนบางคนถ้าทำผิด อย่างคุณลุงที่ขับรถแล้วทับหมา อันนั้นก็คือนอกจากทางกฎหมายจะมีความผิดในข้อหาทารุณสัตว์แล้ว คนทั่วไปเขายังตำหนิติเตียนเอา ชัดเลยว่านั่นคือโลกวัชชะ ไม่มีอะไรจะทำ หมานอนอยู่ก็ไปไล่ทับ

เถรี 23-10-2017 21:06

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้กฐินปลดหนี้ไปอีสาน ปีหน้าจะไปภาคไหนดี ? ...(ตะวันออกค่ะ)... ตะวันออกเรายังไม่เคยไป ได้เลย...วัดหนองน้ำขุ่น จังหวัดระยอง เตรียมตัวเอาไว้"

เถรี 23-10-2017 21:50

ถาม : (พระร่วง)
ตอบ : คำว่า ร่วง แปลว่า เจริญรุ่งเรือง รุ้งร่วงธำมรงค์เรือนครุฑ ต้องบอกว่าแหวนเป็นประกายสว่างรุ่งเรืองมาก

คำว่า ร่วง ของโบราณ ก็คือรุ่ง ฉะนั้น...พระร่วงก็คือผู้ที่รุ่งเรืองยิ่ง พอมาสมัยของเรา คำว่า ร่วง ความหมายเริ่มผิดไป ตอนนี้ถ้าร่วงก็คือหล่นเลย

เถรี 23-10-2017 22:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้โยมถวายสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงมา เขียนว่า "ถวายหลวงพ่อ" คนอื่นอดไปเลย

ความจริงสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง รุ่น ๑ อาตมาจะต้องมีมากกว่าใครเพื่อน เพราะว่าจองไว้ ๑๐๐ องค์ แต่คราวนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งสร้าง ๓๐,๐๐๐ องค์ ช่างทำได้แค่ ๓,๐๐๐ องค์ เพราะว่าส่วนใหญ่พอถอดแบบแล้วซุ้มจะหัก กลายเป็นชำรุด...ใช้งานไม่ได้ จาก ๓๐,๐๐๐ องค์ เหลือ ๓,๐๐๐ องค์ ก็อนาถแล้ว สรุปว่าพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงพ่อวิรัชโดนญาติโยมทึ้งจนกะรุ่งกะริ่งไปหมด

ส่วนของอาตมาเองพอพุทธาภิเษกเสร็จก็เบิกมา ๑๐๐ องค์ เพราะว่าจ่ายเงินล่วงหน้าไปหลายวันแล้ว แต่เวลายัดใส่ย่ามดันมีคนเห็น สรุปก็คือโดนทึ้งเหมือนกัน

ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เพราะว่าโยมไม่ฟังเสียงเลย สารวัตรทหาร ๔-๕ คน ช่วยกันกั้นก็ไม่อยู่ เป่านกหวีดเท่าไรก็ไม่ฟัง โยมจะเอาให้ได้ ถึงขนาดโดดข้ามโต๊ะขายของเข้าไปเลย"


ถาม : รุ่นที่เขาทุบกระจกเอาไปละคะ ?
ตอบ : รุ่นที่เขาทุบกระจกเอาไปนั่นเป็นแบบแขวนหน้ารถ ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คือของตลาด ท่านไปสั่งของในตลาดมาเข้าพิธี คราวนี้คนสั่งก็สั่งได้แค่ ๕๐๐ องค์ แล้วก็หาไม่ได้อีก คนที่ได้ไปดันไปแขวนให้เขาเห็น ก็เลยมีรายการทุบกระจกแล้วเอาเงินวางไว้ให้ ขอพระไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

เถรี 24-10-2017 14:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันศุกร์พระที่ท่านเรียนปริญญาเอกมาสัมภาษณ์ มีปัญหาก็คือคำถาม ไม่รู้ผ่านอาจารย์ที่ปรึกษามาได้อย่างไร ถ้าในสายตาอาตมาแล้วจัดเป็นคำถามที่ไม่ใช่ แต่ในเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาเขาให้ผ่านมา ก็ต้องว่ากันไปตามเพลง จึงตอบไปด้วย แล้วก็ชี้แจงเขาไปด้วยว่าตรงไหนที่บกพร่อง ควรที่จะปรับแก้คำถามเสียใหม่

ส่วนอีกท่านหนึ่งที่มานั้น ต้องบอกว่าความรู้ยังไม่กว้างพอ ในเมื่อจะสรุปก็เลยไม่มีอะไรให้สรุป ความรู้ต้องกว้างขวางพอถึงจะสรุปได้

ในเรื่องของการเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกนั้น ทางมหาวิทยาลัยจึงมักจะให้ทำงานไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาเรียน เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ พอมาเรียนแล้วสามารถวิเคราะห์จับจุดแล้วก็สรุปได้แม่นยำขึ้น เพราะฉะนั้น...ถ้าจบตรีต่อโทเลย บางทีประสบการณ์ไม่มี ความรู้ไม่กว้างพอ ถึงเวลาจะสรุป ไม่รู้ว่าจะจับตรงไหนมา อุตสาห์ทำวิจัยจะเป็นจะตาย ไม่รู้หรอกว่าผลทำวิจัยหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วจะไปเอาองค์ความรู้ใหม่มาจากไหน ?

แบบเดียวกับที่พระครูหน่อยท่านมาปรึกษาว่า การปกครองคณะสงฆ์ ๖ ด้าน ต้องใช้หลักธรรมอะไรประกอบ อาตมาก็บอกว่าหลักธรรมบางข้อใช้ได้ทุกด้าน แต่อยู่ที่เราเขียนอธิบายโยงไปให้ถึง สมมติว่าพรหมวิหาร ๔ ด้านการปกครอง คุณต้องมีความเมตตา แต่เมตตาต้องยึดถือกฎระเบียบเป็นหลัก ผ่อนผันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ไม่ใช่เสียหลักการ

แต่พอมาด้านการศึกษา ความเมตตาของคุณ ก็คือ ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ต่อไปเรื่องของการเผยแผ่ก็คือทำด้วยใจรัก อธิบายไปคนละทิศคนละทาง แต่ก็คือหลักธรรมข้อเดียวกัน"

เถรี 24-10-2017 14:40

"พอไปสาธารณูปการ คือ การก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ จะเมตตาอย่างไร ? ก็คือทำเพื่อประโยชน์คนอื่น ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง ไม่ใช่เราทำกุฏิทรงสเปนติดแอร์ ขณะที่พระหรือเณรลูกวัดต้องไปนอนศาลา อยู่ที่เราจะเขียนอธิบาย

ฉะนั้น...ถ้าประสบการณ์หรือความรู้ยังไม่กว้างพอ การเรียนระดับปริญญาโท ปริญญาเอกจะไปไม่ได้ แบบเดียวกับรุ่นพี่ของอาตมาที่เรียนรุ่น ๑ อาตมาเรียนรุ่น ๒ แล้วไปจบก่อน เวลาเข้าหาอาจารย์ที่ปรึกษาอาตมาไปทีหลัง นั่งดูอาจารย์อธิบายให้ท่านฟัง ๗-๘ รอบ อธิบายจนกระทั่งอาตมาจับเคล็ด จับจุดได้หมด ไม่มีอะไรสงสัยแล้ว แต่หลวงพ่อไม่รู้เรื่องเลย ยังบอกว่าอาจารย์ช่วยอธิบายอีกครั้งหนึ่ง อาจารย์ต้องผลักโครงร่างหนีเลย บอกว่า "ผมอธิบายมา ๗-๘ ครั้ง เหนื่อยเต็มทีแล้วครับ"

ทำด้วยความรัก ทำด้วยความเมตตา คือทำเพื่อประโยชน์ผู้อื่น ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเอง สาธารณสงเคราะห์นี่ชัดเลย เมตตากรุณาถึงได้ไปสงเคราะห์เขา ศึกษาสงเคราะห์ก็ชัดเจน เพราะฉะนั้น...หลักธรรมบางอย่างหัวข้อเดียวกันก็ใช้ได้ แต่ขึ้นอยู่กับการอธิบาย เขาถึงได้บอกว่า หลักธรรมของพระพุทธเจ้าต้องประยุกต์ใช้ได้จึงจะถือว่าเข้าถึง ถ้าประยุกต์ใช้ไม่ได้ก็กลายเป็นแค่รู้เฉย ๆ รู้ไว้แล้วไม่ก่อประโยชน์"

เถรี 24-10-2017 14:46

ถาม : พรหมวิหารตรงอุเบกขา บางคนเข้าใจว่าไปเพิกเฉย ?
ตอบ : เราต้องเข้าใจด้วย ถ้าเราไม่เข้าใจจริง ๆ อธิบายไปไม่ได้ อย่างอุเบกขา วางเฉย กูไม่ยุ่งกับมึง แต่จริง ๆ กูไม่ยุ่งกับมึงนั้นแฝงความไม่พอใจเอาไว้ ไม่ใช่อุเบกขาในเมตตา ไม่ใช่อุเบกขาในกรุณา กลายเป็นปล่อยวางแบบวางใส่หัวคนอื่น

เถรี 24-10-2017 14:51

ถาม : คนเรียนหมออย่างไรก็ได้หลักธรรมอยู่แล้ว ?
ตอบ : เป็นหมอ ถ้าปฏิบัติธรรมจะเห็นได้ง่าย เพราะว่าอยู่กับกองทุกข์ตลอด นอกจากเราแล้วคนที่มาก็ป่วย ก็ทุกข์ทุกคน

เถรี 24-10-2017 14:54

มีโยมมาถวายสังฆทาน หมาเพิ่งตายไป "เป็นอย่างไร เจอฝนไล่ลูกค้าหมดหรือเปล่า ? ไอ้สิงห์มาอยู่ข้างหลัง มาเอาบุญด้วย ต้องบอกว่าเลี้ยงหมาเก่ง หมาตายแล้วไปดี

พวกนี้ชอบตอนเราเผลอ ถ้าเราตั้งใจดูบางทีก็ไม่เจอ พอเราเผลอก็มานั่งด้วยทันทีเลย"

เถรี 24-10-2017 15:00

ถาม : (เห็นกุมารทองในลักษณะห่มจีวร)
ตอบ : น่าจะไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเป็นพระคงไม่มีใครเชิญมาเป็นกุมารทองได้ อาจจะแสดงให้เห็นในลักษณะว่าเขาถือศีล แต่ส่วนใหญ่ถ้าถือศีลจะมาชุดขาวมากกว่า อยู่ที่เราเห็นผ้าขาวเป็นผ้าเหลืองหรือเปล่า ?

บ้านเราต้นตำรับกุมารทองจริง ๆ แล้วต้องหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จากนั้นมาก็เป็นหลวงปู่แย้ม หลวงปู่แย้มก็เพิ่งมรณภาพไปไม่กี่วัน อายุ ๑๐๒ ปี อยู่นานจริง ๆ กุมารทองของสำนักอื่น ๆ ทำมาก็ไม่เด่นเหมือนของหลวงพ่อเต๋

อย่างของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วก็ทำกุมารทอง ทั้งไม้แกะ ทั้งงาแกะ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวนก็มี แม้กระทั่งสายใต้อย่างวัดเขาอ้อก็มี เพราะว่าวิชาการพวกนี้มีแต่โบร่ำโบราณมา สำคัญที่ว่าใครทำ เพียงแต่ว่าหลวงพ่อเต๋ท่านเน้นตะกรุดกับกุมารทอง ท่านก็เลยดัง อย่างของหลวงปู่บุญท่านทำได้ทุกอย่าง แต่เบี้ยแก้ดัง กดทุกอย่างเงียบไปเลย

เถรี 24-10-2017 15:04

ถาม : ของหลวงพ่อกวยล่ะคะ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วของหลวงพ่อกวย ถ้าไม่ใช่รุ่นแรก ที่เหลือเป็นของตลาด แต่ท่านเสกให้ก็เหมือนกัน ของตลาดนี่ต้องระวัง ถ้าที่มาไม่ดีเจอของปลอมเลย เพราะว่าเขาทำมาขายเป็นร้อยเป็นพัน ที่มาต้องเชื่อถือได้ด้วย

เดี๋ยวปีหน้าอาตมาไปเสกให้ ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง เพราะว่าท่านเจ้าคุณสุธีวราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดชัยนาท ส่งฎีกาไปให้วันก่อน กว่าจะถึง ๒๑ มกราคม ไม่รู้ว่าหลวงปู่หลวงพ่อบางท่านที่นิมนต์ไว้ จะไปเสียก่อนหรือเปล่า ?

เถรี 25-10-2017 01:52

ถาม : พระอาจารย์ครับ ?
ตอบ : ตกลงว่าไม่มีอะไรก้าวหน้าเลยใช่ไหม ?

ถาม : มีอยู่ครับ แต่ต้องปรับหน่อย ?
ตอบ : ถ้าก้าวหน้าขึ้นจะไม่มาถาม

ถาม : ถ้าเรามีอารมณ์ เราไม่มีขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา กับที่รู้สึกแค่ว่าขันธ์ ๕ ไม่สบาย อย่างนี้ก้าวหน้าไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย ก็อยู่แค่นั้นแหละ การที่เรารู้สึกกับการที่เราเห็น ต่างกันไหม ?

ถาม : ต่างครับ ?
ตอบ : ของเรายังแค่รู้สึก การเห็นเป็นการเห็นด้วยปัญญา ถ้าหากว่าเห็นด้วยปัญญา สภาพจิตยอมรับ เราก็ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ? เห็นคือปัญญา จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ

เถรี 25-10-2017 02:06

ถาม : การที่เรารักษาจิตให้ผ่องใส เป็นวิปัสสนาหรือเป็นสมาธิครับ ?
ตอบ : การปล่อยวาง รักษากำลังใจให้ผ่องใสขั้นต้น ต้องอาศัยกำลังสมาธิ แต่เป็นไปลักษณะของวิกขัมภนวิมุตติ ผ่องใสได้เพราะว่าโดนกำลังสมาธิกดกิเลสเอาไว้ หลังจากนั้นเราต้องค่อย ๆ พิจารณา ค่อย ๆ ปลด ค่อย ๆ ปล่อย ค่อย ๆ วางไปทีละส่วน ก็จะผ่องใสไปตามลำดับจนเราละได้ แล้วกระทั่งท้ายสุด ไม่เอาอะไร ไม่เหลืออะไร ถึงจะจบ

ถาม : หมายถึงว่าตอนวิปัสสนา...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : การยอมรับไม่ใช่วิปัสสนา เพราะว่าบางทีเราเองไม่ใช่รับได้ แต่ใช้กำลังใจกดเอาไว้ คือ ทุกข์ยังไม่เกินกำลังที่เราจะแบก ตัวที่เป็นวิปัสสนาจริง ๆ คือเห็นชัดว่าทุกข์เป็นอะไร ในเมื่อสภาพของทุกข์เกิดขึ้นจากไหน ถ้าเราไม่ไปแตะต้องสาเหตุของทุกข์ ทุกข์นั้นก็เกิดไม่ได้ ในเมื่อเห็นชัดขนาดนั้นแล้ว ถ้าไม่สร้างเหตุ ทุกข์ก็ไม่เกิด

ถาม : เหมือนเราไปเอาจิตรับเข้ามาเอง ก็รับทุกข์ไว้เอง ?
ตอบ : เราอยากได้ไอโฟน ๘ เราก็เลยต้องตะเกียกตะกายหาเงิน เหนื่อย ลำบาก ทุกข์ สาเหตุคือความอยากได้ ทำอย่างไรที่เราจะเลิกอยาก ก็ไม่ต้องทุกข์ เพราะฉะนั้น...ในส่วนของวิปัสสนาจริง ๆ เป็นความถึงพร้อมด้วยสติ สมาธิ และปัญญา

ถาม : ทุกข์แบบนี้ต้องไปเจอเองหรือคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าสภาวทุกข์ เกิดมาแล้วต้องแก่ เกิดมาแล้วต้องเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดมาแล้วตายแน่ ๆ

ถาม : แต่จริง ๆ เราก็พลาดอยู่ดี เพราะกรรมก็ทำให้เราเกิด ?
ตอบ : ไม่ต้องมองไกลขนาดนั้น พูดง่าย ๆ ว่าถ้าสภาวทุกข์มีอยู่พร้อมกับร่างกายนี้อยู่แล้ว นิพัทธทุกข์ มีอยู่พร้อมกับร่างกายนี้อยู่แล้ว สันตาปทุกข์ คือ ทุกข์ที่แผดเผาเรา สามารถเบาบางลงได้ ถ้าเรายอมรับแล้วไม่ไปสร้างเหตุ

เถรี 25-10-2017 02:09

ถาม : ถ้าเราสร้างเหตุแล้วก็ยอมรับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่ายังโง่อยู่ รู้อยู่ว่าตัวเองจะเดือดร้อนแล้วยังพยายามไปทำ รู้ว่าผัดกะเพราพริกกะเหรี่ยงเผ็ดมากก็ยังจะกิน แค่การดิ้นรนจะให้คนอื่นยอมรับว่ากูดีก็ทุกข์ตายห่...แล้ว

ถาม : ถ้าเป็นอย่างนี้ ปัญญาผมก็ไม่ก้าวหน้าขึ้นเลย ?
ตอบ : บอกแล้วว่ายังห่วยแตกอยู่เหมือนเดิม ถ้าก้าวหน้าขึ้นจะไม่เสียเวลามาถามหรอก มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำไปแล้ว

ของเราเป็นแค่ "คิดว่า คาดว่า" เป็นแค่ "จำได้ ไม่ใช่ทำได้" อะไรที่ยังคิดว่าเป็นอย่างนั้น คาดว่าเป็นอย่างนั้น เห็นว่าเป็นอย่างนั้น แสดงว่าเป็นอย่างนั้น ใช้ได้ไหม ? ก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น เป็นแค่ความจำ เป็นแค่สัญญา ยังไม่ใช่ปัญญาจริง ๆ

เถรี 25-10-2017 10:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำหนดวันหล่อหลวงพ่อนากไว้แล้ว คือ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถ้าหากว่านับไปก็อีกประมาณ ๔ เดือนครึ่ง สามารถมาถึงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว"

เถรี 25-10-2017 23:53

ถาม : ท่านที่สงเคราะห์คนแบบเซียนแปะโรงสี ถือว่าเป็นสายพระโพธิสัตว์ไหมคะ ?
ตอบ :ใครที่ทำงานลักษณะนั้น ก็คืองานของพระโพธิสัตว์ทั้งนั้น


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:39


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว