กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6163)

เถรี 22-05-2018 09:16

ถาม : ทิฐิพระ มานะกษัตริย์ ใช่อุดมการณ์ที่เหนือกว่ากิเลสทั่วไปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เพียงแต่ถ้าใช้ได้ถูกก็สามารถสร้างกุศลได้มาก ถ้าใช้ผิดก็เละเลย

เถรี 22-05-2018 23:34

มีคณะโยมลูกศิษย์สายหลวงปู่ดู่มาถวายทองคำ "หลวงปู่ท่านบอกว่า “ข้าโมทนากับพวกแกด้วย” สำนวนนี้นี่ใช่เลย ตั้งแต่ยุคไหนสมัยไหนท่านก็พูดแบบนี้แหละ ตอนนี้ได้ทองมา ๑๑๑ กิโลกรัมแล้ว ใช้ประมาณ ๑๔๐ กิโลกรัม ใกล้เคียงแล้ว"

เถรี 23-05-2018 00:02

พูดถึงรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงบานใหญ่ ที่บ้านเติมบุญ ซึ่งกำลังเปลี่ยนดวงไฟใหม่ "ความจริงรูปนี้เป็นของหลวงพี่อาจินต์ ของอาตมาเองเป็นรูปเล็ก ๆ พอทำเสร็จแล้วโตประมาณกระเป๋าเอกสาร ช่างเขาเอามาส่ง หลวงพี่อาจินต์เห็นบอกว่า “เฮ้ย...สวยมากเลยเล็ก ขอพี่เถอะ จะเอาตั้งไว้หัวเตียง” อาตมาถามว่า “แล้วผมล่ะ ?” พี่ท่านก็เลยส่งรูปที่ม้วนอยู่ในมือมาให้ อาตมาเห็นว่าใหญ่กว่าของตัวเองนิดเดียวก็ส่งให้ช่างไป บอกว่าทำกรอบให้อีกอันหนึ่ง

ปรากฏว่าตอนม้วนอยู่ท่านม้วนด้านกว้าง เวลาทำเสร็จเขายกใส่รถกระบะมา อาตมาเห็นแล้วจะเป็นลม ถามช่างว่าราคาเท่าไร ? ช่างบอกว่า ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท จำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า
คราวหน้าใครให้รูปมาต้องคลี่ออกมาดูก่อน เห็นเขาม้วนอยู่แล้วก็ดันส่งให้ช่างไปเลย ของอาตมาเท่ากับกระเป๋าเอกสาร ก็นึกว่าของท่านใหญ่กว่าเรานิดเดียวเอง ไม่เป็นไรกระมัง ?

รูปนี้ต้องบอกว่าเป็นรูปสุดท้ายที่ถ่ายอย่างเป็นทางการของหลวงพ่อวัดท่าซุง หลังจากถ่ายรูปนี้ไม่นานท่านก็มรณภาพ บางคนก็บอกว่าหลวงพ่อดูอ้วนท้วนผ่องใสดี หลวงพ่อท่านบอกว่า "กำลังจะปริต่างหาก" เพราะว่าร่างกายของท่านบวมจนต้องฉันยาขับน้ำออก บวม ๆ ยุบ ๆ ๔-๕ รอบท่านก็มรณภาพ"

เถรี 23-05-2018 00:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกขายของออนไลน์ระวังไว้นิดหนึ่ง ระยะหลังเขากวดขันเรื่องภาษีมาก อย่างไรเสียทำพวกบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีแล้วก็จ่ายให้ตรงก็จะปลอดภัย"

ถาม : จะทำอาชีพนี้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำได้ทุกคน เพียงแต่ว่าต้องทุ่มเทหน่อย จะให้เขาไว้ใจก็คือจ่ายเงินแล้วของต้องถึงมือเขาให้เร็วที่สุด คุณภาพเป็นไปตามโฆษณาก็ทำได้ทุกคนแหละ

เถรี 23-05-2018 00:14

ถาม : ...(เรื่องบัดพลี)...
ตอบ : เป็นวิธีการที่เราทำอะไรบางอย่างเพื่อทดแทน เพื่อรับเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมา อย่างเช่นว่าเราไปเจอของอะไรบางอย่างซึ่งมีคุณค่าที่เราต้องการ อย่างพวกว่านยา พวกสมุนไพร ซึ่งส่วนใหญ่โบราณเราเชื่อว่าของทั้งหมดมีเจ้าของ จะเป็นผีเทวดาอะไรต่าง ๆ เขาก็จะทำเครื่องบัดพลีไปสังเวย เพื่อขอแลกเปลี่ยนของนั้นมา

เถรี 29-05-2018 21:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "ข้าวของแต่ละอย่างที่เราทำมีจิตวิญญาณของเราอยู่ ฉะนั้น...มองไปจะจำได้ว่าลายมือแบบนี้ ฝีมือแบบนี้เป็นของใคร เห็นโยมเขาถือมานี่ฟันธงได้เลยว่าเขาทำเอง เหมือนกับวัตถุมงคล ดูออกอย่างหนึ่ง ก็ดูออกทั้งหมดนั่นแหละ

แบบตา Benvenuto Cellini ที่เจอที่อิตาลี เขาบอกว่าเป็นเสียหนึ่งก็เป็นหมดนั่นแหละ อาตมาก็ว่าทำไมเขาเก่งอย่างนี้วะ ? กวีก็เป็น สถาปัตย์ก็เป็น มัณฑนากรก็เป็น เป็นทุกเรื่อง เขาบอกว่า “ชำนาญหนึ่ง ปรุโปร่งร้อย” คือเก่งเสียอย่างเดียวอย่างอื่นก็คล้าย ๆ กันนั่นแหละ"

เถรี 29-05-2018 21:50

ถาม : ปรอทกินทอง คือ เป็น...?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือทอง มีส่วนของทองผสมอยู่

ถาม : แล้วที่หลวงพ่อเคยทำ ?
ตอบ : ยังไม่ถึงขั้นนั้น อันนั้นทำได้แค่ป้องกันภัย รักษาโรค ยังไม่เกินนั้น ยังต้องศึกษาเรื่องสมุนไพรใบยาอะไรอีกเยอะ อาตมาไม่มีเวลา

ถาม : ว่านยาของเขามาเทียบกับของเรา ?
ตอบ : บางอย่างคิดชื่อเป็นภาษาไทยไม่ออก เพราะว่าบ้านเราไม่มี

เถรี 29-05-2018 21:55

ถาม : ปรอทที่ยังไม่ตาย ?
ตอบ : ที่ยังไม่ตายนี่จะลื่นมาก ใส่ไว้ในมือแล้วตะแคงหน่อยจะลื่นตกเลย มีอยู่เที่ยวหนึ่งตอนกำลังหลอม ควันขึ้นโขมงเลย คิดว่า "ฉิบหา...แล้วกู จะแก้อย่างไรดีวะ ?" ไม่เคยทำถึงขั้นนี้ พอดีมีน้ำมันชาตรีอยู่ในมือ ราดโครมลงไปหายเงียบเลย แต่ว่าชิ้นนั้นรู้สึกว่าจะให้หลวงตาน้อยไป ตอนนั้นคงจะเกรงใจน้ำมันชาตรีเลยไม่กล้าหนีกระมัง ควันขึ้นขนาดนี้ตามที่เขาบอกคือระเบิดแน่นอน แล้วถ้าระเบิดก็จะหนีไปคนละทิศละทาง ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรแล้ว พอดีมีน้ำมันชาตรีจึงรอดมาได้

ถาม : ตอนไปกราบหลวงปู่นารทะได้มาไหมครับ ?
ตอบ : ได้...ท่านให้เป็นกำเลย แต่เอามาแค่ ๒ เม็ด หลอมเป็นชนวนสำหรับสร้างวัตถุมงคลไปเม็ดหนึ่ง อีกเม็ดให้เขาบูชาไปแล้ว

ถาม : อันนี้เปลี่ยนสภาพอีกไหมครับ ?
ตอบ : อันนี้อยู่ได้เลย เพราะว่าแปลงธาตุเรียบร้อยแล้ว

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นั่นใช้อภิญญา อันนี้คือใช้ว่านยากับอำนาจจิตช่วย แต่ท่านแจกเป็นของเล่นเลยนะ ใครไปท่านก็แจกคนละ ๒ เม็ด ไม่ได้สนใจหรอกว่าใครจะวนเข้าแถวใหม่หรือเปล่า ? กูหยิบแจกอย่างเดียวเลย ทิดจิตรไปด้วยก็ได้มา ๒ เม็ดเหมือนกัน ของอาตมาท่านให้มาเป็นกำ กราบเรียนท่านว่า "ขอรับแค่ตามโควตา ๒ เม็ดครับหลวงพ่อ เกรงใจ"

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : น่าจะขายได้จริง ๆ เพราะว่าที่ท่านให้นั่นให้ไปสำหรับดำรงชีวิตเลย

เถรี 29-05-2018 21:56

โยมทำบุญด้วยธนบัตรที่ยับยู่ยี่มาใส่ขัน ท่านจึงหยิบมาคลี่จัดให้เรียบ กล่าวว่า “เคารพเงินหน่อย แล้วเงินจะมาหาเราเอง ถ้าไม่ให้ความเคารพเลยเขาก็ไม่อยากมา”

เถรี 29-05-2018 22:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมีเวลาฉันได้หน่อยเดียว ส่วนโยมได้ ๒๔ ชั่วโมง ถ้าพระไปอยู่ประเทศพม่าได้ถึงประมาณ ๕ โมงเย็น เพราะว่าบ้านเราตีความพระธรรมวินัยลักลั่น ฉันอาหารเวลาวิกาลเราไปตีความว่าหลังเที่ยง แต่เข้าบ้านในเวลาวิกาลเราไปตีความว่าพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

ของพม่าเขาจะเวลาฉันอาหารหรือเข้าบ้าน เขาตีความว่าพระอาทิตย์ตกดินแล้วทั้งคู่ ฉะนั้น...ห้าโมงหรือห้าโมงครึ่งเขายังฉันกันเป็นปกติอยู่ แต่จะว่าไปแล้วถ้าไปประเทศพม่านี่ชาวบ้านทั่วไปเขากินวันละ ๒ มื้อ มื้อสาย ๆ ประมาณ ๐๘.๓๐ น. -๐๙.๐๐ น. ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเบา อาจจะเป็นขนมจีนสักจานหนึ่ง ข้าวผัดสักจานหนึ่ง แล้วก็ไป ๑๖.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น. อีกมื้อหนึ่ง นั่นเป็นมื้อหลัก

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดหรอกว่าทำไมเขากินน้อยขนาดนั้น ดูไปดูมาแล้วถึงรู้ว่าไม่ค่อยจะมีกิน เพราะว่าบ้านเขาเศรษฐกิจไม่ดี อะไรก็หายาก ระยะหลังขนาดเปิดประเทศมากแล้วก็ยังคงลำบากอยู่ดี"

เถรี 29-05-2018 22:05

ถาม : แล้วทางพระจีน ?
ตอบ : พระจีน พระญี่ปุ่น เขาฉันในลักษณะเป็นยา เวลาฉันจึงไม่ได้ตีระฆัง ถ้าตีระฆังนี่คือฉันอย่างเป็นทางการ ทางด้านเจ้าคุณพรหมบัณฑิต ตอนนั้นยังเป็นพระเทพโสภณ ไปประเทศจีน กลับมาเรียนถามท่านว่าได้ฉันข้าวเย็นไหม ? ท่านบอกเขารู้ว่าพระไทย ไม่ฉันเลยให้แต่น้ำชากาเดียว

ถาม : แล้วอินเดียละครับ ?
ตอบ : พุทธอินเดียหมดไปตั้งแต่ปี พ.ศ. ๑๗๐๐ แล้ว พุทธอินเดียเป็นต้นแบบมหายาน ที่เคร่งครัดหน่อยก็นิกายสรวาสติวาท ยังถือวินัย ๒๒๗ ข้อ ถ้าหากว่าเป็นของสายอื่นก็ไม่ค่อยสนใจพระวินัยแล้ว

เถรี 30-05-2018 09:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "ภาวนาคาถาเงินล้านเอาไว้ทุกวัน ขอบารมีพระท่านให้กิจการของเราคล่องตัวค้าขายดี ๆ กลัวอยู่อย่างเดียวว่าพอเหนื่อยลิ้นห้อยขึ้นมาก็ไม่เอาอีกแล้ว

พี่ก้องเกียรติเปิดอู่รถ อาตมาถามว่าภาวนาคาถาเงินล้านวันละกี่จบ ? แกบอกว่า ๙ จบ แล้วทำไมไม่เอาให้เยอะ ? "แค่นี้ก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว งานเข้าจนไม่มีเวลาจะหายใจ จะไปเอาอะไรมากกว่านี้"

อย่างพี่ก้องเกียรติไม่ต้องใช้คาถาเงินล้าน ลูกค้าก็ไม่ไปไหนหรอก เพราะว่าพี่ก้องซ่อมรถให้ลูกค้าเหมือนกับทำให้ตัวเอง อะไรประหยัดได้ก็แนะนำให้ประหยัด อะไรที่สมควรเปลี่ยนถึงจะเปลี่ยนให้ แล้วก็คิดค่าแรงแบบมิตรภาพ ต่อให้แกไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวลูกค้าก็ตามไป

โดยเฉพาะเรื่องการตั้งศูนย์ถ่วงล้อนี่ ปล่อยมือขับให้ได้ทุกคันเลย คอมพิวเตอร์ยังสู้ไม่ได้เลย เพราะว่าคอมพิวเตอร์เขาเอาแค่ประเภทศูนย์ถ่วงอย่างเดียว แต่พี่ก้องมีโทอินโทเอ้าท์ ถ่างนอกถ่างในได้หมด พอให้พี่ก้องทำแล้วลองขับดู จะต่างจากที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด ต่างกับเครื่องสมัยนี้ใช้การถ่วงด้วยเครื่องเท่านั้นซึ่งได้แค่ประมาณการณ์ พวกนี้ประสบการณ์ของเครื่องยังสู้คนไม่ได้"

เถรี 30-05-2018 09:40

ถาม : ก่อนบวชท่านทำมากี่อาชีพแล้วครับ ?
ตอบ : ไม่เคยเกี่ยงงาน เป็นตั้งแต่ผู้จัดการยันกรรมกร ถ้าเราไม่เกี่ยงงาน เราจะไม่มีวันตกงาน

ไปวัดท่าซุง ๘ ปีไม่เคยบอกใครว่าทำงานเป็น เล่นเอาวันแรกที่จับกาพ่นสี หลวงพี่ทีปหันขวับเลย "เป็นใช่ไหม ?" บอกว่า "ใช่ครับ..เคยทำมา ๘ ปี" แกถีบโครมเลย "ไอ้ห่...แล้วไม่คิดจะช่วยกันบ้างเลย" บอกท่านว่า "ผมเอาแต่ภาวนาเพราะรู้ว่ากำลังใจยังไม่ดี กำลังใจดีเมื่อไรแล้วจะมาช่วยงาน" คนเป็นกับไม่เป็น แค่จับเครื่องมือขึ้นมาก็ดูออกเลย

จำไว้ว่าอย่าเกี่ยงงาน รุ่นอาตมานี่การไปฝึกงานคือไปให้เขาใช้ฟรี ๆ ทำอย่างไรจะเอาวิชาให้ได้ ต้องคอยดูในลักษณะครูพักลักจำ ถ้าเห็นลูกพี่อารมณ์ดี ๆ ก็ถามว่าทำอย่างไร ถ้าอารมณ์ดีเขาก็บอกให้ อารมณ์ไม่ดีก็เขกกบาลเอา เครื่องมือเผลอวางเมื่อไรเราต้องรีบคว้า ไม่อย่างนั้นจะไม่มีโอกาสได้หัด พอไปจับของเขาก็
อย่าให้เห็น ไม่อย่างนั้นโดนอีก จนกว่าเราจะมีเครื่องมือของเราเอง

แต่คราวนี้เครื่องมือของเราเป็นเครื่องมือผลิตจากโรงงาน เราจะไม่ถนัดมือจนกว่าจะใช้ไประยะหนึ่งถึงจะเข้าที่ ของรุ่นพี่ส่วนใหญ่ใช้จนเข้าที่แล้ว จับของเขากับจับของใหม่ ของใหม่เราจะไม่อยากได้เลย ไปให้เขาหัดคือใช้ฟรี ๆ กินก็ไม่อิ่ม นอนก็ไม่พอ แต่ทำอย่างไรก็ต้องอดทนจนกว่าจะได้ความรู้มา ไม่อย่างนั้นแล้วไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ก็ทำมาหากินไม่ได้ ต้องบอกว่าทำไปเถอะ ชิงไหวชิงพริบ ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน

เถรี 30-05-2018 09:48

ถาม : ตอนนี้ควรตั้งกำลังใจกับแม่อย่างไรดีครับ ?
ตอบ : คิดว่าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ? โดยเฉพาะตัวเราเองด้วย รีบเร่งกำลังใจให้มากเข้าไว้ เท่าที่ผ่านมาก็คงจะเห็นชัดแล้วว่า กำลังใจของเรายังไม่พอรับประทาน สถานการณ์ที่เป็นของคนอื่นซึ่งนอกตัว เรายังแย่ขนาดนี้ เมื่อมาถึงตัวเราจะแย่ขนาดไหน ?

ไม่มีอะไรที่เรารักเราห่วงมากกว่าตัวเอง นั่นแค่แม่เท่านั้น เราเองยังแพ้ทุกประตู ถ้ามาถึงตัวเองนี่อย่าหวังเลยว่าจะชนะ มีอยู่อย่างเดียวก็คือ ต้องเร่ง ศีล สมาธิ ปัญญาของเราให้มากขึ้น ต้องยิ้มรับความตายได้โดยไม่หวั่นไหว ตอนนี้พูดได้ทุกคนแหละ แต่พอมาเข้าจริง ๆ อื้อหือ...คนละเรื่องกันเลย อาตมาเองบังเอิญซ้อมตายบ่อยก็เลยเข้าใจ ที่บอกว่า "ไม่กลัว ไม่กลัว" เจอจริง ๆ แล้วกลัวแทบตาย ที่บอกว่าไม่กลัวเพราะรู้ว่าบอกอย่างนี้คือคำตอบที่ถูก แต่จริง ๆ แล้วทำไม่ได้ วิธีทำให้ได้คำตอบนั้นเราไม่รู้ จนกว่าเราจะมีวิธีทำให้ได้คำตอบนั้น ถึงจะใช่


ถาม : คิดแบบคนตายอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตั้งใจว่าพ้นตัวไปเมื่อไรก็เหมือนกับคนตาย สภาพจิตหลุดจากตัว คนตายก็หลุดเหมือนกัน แต่คนตายหลุดไปเราควบคุมไม่ได้ เราได้เปรียบตรงที่หลุดไปแล้วควบคุมได้ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะถ้าอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา ก็อาจจะไปเลยจริง ๆ ฉะนั้น...จึงต้องพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ

เถรี 30-05-2018 19:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนที่ไปบูชาพระหลวงพ่อกวย เจ้าของร้านแถมเหรียญ FAO ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาให้ เขาบอกว่าเหรียญแม่โพสพ อาตมาก็ว่าอะไรวะ...แม่โพสพ ? อ๋อ...ในหลวงกำลังหว่านข้าว"

ถาม : ผ้ายันต์ท่านท้าวเวสสุวรรณมีรอยพระพุทธบาทไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี มีแต่เหรียญ เพราะว่าผ้ายันต์ผืนใหญ่ กลัวพวกเราจะตกใจเวลาเห็นพระบาท

ถาม : ทำบุญค่าสร้างเหรียญด้วยนะครับ (หยอดเงินเหรียญทำบุญ) ?
ตอบ : ใส่ไปเถอะ แค่ ๖ แสนกว่าบาทเอง ผ้ายันต์บวกเหรียญก็ ๗ แสนกว่าบาท

เถรี 30-05-2018 20:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ อัฐิของท่านเป็นพระธาตุ ขนาดเท่าเม็ดลูกกระสุนที่เราใช้ยิงนก หลวงปู่มหาอำพันท่านสรงน้ำถวายทุกปี ถึงเวลาท่านเปิดออกมาสรงน้ำ อาตมาก็ตั้งใจดู งามขนาดเลย"

เถรี 30-05-2018 21:11

ถาม : (ตะกรุดลูกอมโลกธาตุของหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้) ?
ตอบ : หลวงปู่เปลี่ยนส่วนใหญ่ทำด้วยเนื้อตะกั่ว มีเนื้อทองแดงปนอยู่บ้าง หลวงปู่เปลี่ยนไปดังที่เหรียญรุ่นหนึ่ง ของอื่นจึงโดนกลบหมดเลย ท่านเจ้าคุณปัญญามาบอกว่า "เดี๋ยวถ้าผมทำพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ ขอแบ่งบ้างนะครับ"

หลวงปู่เปลี่ยนกับหลวงปู่เหรียญดูยาก ท่านรุ่นใกล้ ๆ กัน หลวงปู่เปลี่ยนวัดใต้ หลวงปู่เหรียญวัดหนองบัว นั่นลูกศิษย์สายตรงหลวงปู่ยิ้มเลย ทำเยอะ ทั้งตะกรุด ทั้งผ้ายันต์ แหวนพิรอด แต่ต้องบอกว่าหลุดออกมาตลาดน้อยมาก

ไปเจอ พ.ต.ท.สำรวย พลบดี (พน - บอ - ดี) มีเสื้อยันต์หลวงปู่เปลี่ยนอยู่ตัวหนึ่ง ตื๊อเท่าไหร่ก็ไม่ให้ เขาบอกว่าได้มาตั้งแต่รุ่นพ่อ พ่อเป็นตำรวจ กอดคอยิงกับเสือแก้วบนเวทีรำวง เสือแก้วตายคาเวที พ่อไม่เป็นอะไรเลย มีแต่รอยช้ำเขียว ๆ เพราะฉะนั้น...เสื้อยันต์ตัวนี้เป็นตายอย่างไรก็ให้ไม่ได้ เพราะว่าเห็นมากับตัวเอง เสือแก้วก็ถือว่าหนังดี เลยไม่กลัวตำรวจ ถึงเวลาก็ขึ้นไปรำวง ตำรวจก็ขึ้นไปปล้ำจับกันบนเวที เลยต่างคนต่างชักปืนยิงกัน

เถรี 30-05-2018 22:44

ถาม : พอขึ้นเป็นหัวหน้าคน มีหลักอะไรที่จะแนะนำในการทำงานไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เห็นมีอะไร ก็แค่ยุติธรรมเท่านั้น

ถาม : ทำงานที่จะต้องไปอยู่กับผู้ใหญ่ที่ใหญ่มาก ควรทำตัวอย่างไรให้อยู่ได้ครับ ?
ตอบ : จะใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม เอาความจริงใจและผลงานเข้าว่า มีอะไรบอกกันตรง ๆ อย่าให้ท่านต้องตีความ ถ้ามัวแต่ให้ท่านตีความอยู่เราจะอด เพราะว่าท่านไม่มีเวลา เอาก็คือเอา ไม่เอาก็คือไม่เอา บอกให้ชัด ๆ ไปเลย

ถาม : การจะฝึกสอนคนให้ทำงาน ?
ตอบ : ทำไปเลย แต่อย่าไปหวังว่าเขาจะกตัญญูกับเรา เรามีหน้าที่ทำให้เต็มที่ ส่วนเขาจะมีใจหรือเปล่าเป็นเรื่องของเขา เราทำหน้าที่ตัวเองโดยไม่ละอายใจแล้วก็พอ ส่วนเขาเองเป็นอย่างไรแล้วแต่เขา

ถาม : เวลาไปสัมภาษณ์คนเข้าทำงาน มีวิธีการอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระอะไรก็ได้ ที่ให้เขาแสดงออกซึ่งนิสัยใจคอของเขา ถามเรื่องเพื่อน ถามเรื่องบ้าน ถามเรื่องแฟน เรื่องลูก เรื่องครูบาอาจารย์ เคยไปวัดหรือเปล่า ? ไปเรื่อยเปื่อยเหมือนคุยกันเล่น ๆ

เถรี 31-05-2018 20:02

ถาม : ประเพณีที่ฆ่าคนเพื่อให้ดูแลหลักเมืองนั้น คนที่ฆ่าจะมีโทษปาณาติบาตมากน้อยแค่ไหนคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วส่วนใหญ่ทำตามหน้าที่ โทษจึงน้อย แต่ถามว่าผิดไหม ? ผิด..แต่โทษมีน้อยกว่า เพราะว่าไม่ได้ฆ่าในลักษณะของการโกรธแค้นกันมา คนสั่งฆ่าน่าจะโดนมากกว่า

ถาม : แล้วถ้าเป็นคนที่เต็มใจตาย เพื่อทำหน้าที่รักษาเมือง คนฆ่ายังมีโทษอยู่ไหม ?
ตอบ : ลักษณะอย่างนั้นต้องไปดูข้างล่างว่าเขาจะตัดสินอย่างไร

เถรี 31-05-2018 20:20

พูดถึงการเดินป่า "ถ้าเราคุ้นชินกับสภาพป่า เราจะเห็นว่าอะไรต่างกันตรงไหน ดูแล้วเหมือนอย่างกับมีป้ายบอกทาง สำคัญที่สุดคือเดินไปแล้วต้องเหลียวหลังบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นถ้าเราย้อนกลับจะจำไม่ได้ เพราะว่าเราไปจะเห็นด้านหนึ่ง ขากลับจะเห็นอีกด้านหนึ่ง ถ้าหลงทางห้ามกลัวอย่างเด็ดขาด ยิ่งกลัวก็ยิ่งเตลิด หลงทางต้องตั้งสติเลยว่า เรามาจากทางไหน แล้วค่อย ๆ สาวรอยกลับไปทีละก้าว ถ้าหลุดรอยเมื่อไรคราวนี้ไปไกลเลย

เข้าป่าส่วนใหญ่อาตมานอนกับพื้น ไม่เคยนอนเปลหรอก เมื่อยจะตายชัก นอนแบกับดินสบายที่สุด แต่ว่าบางที่ก็สบายเกิน พอนอนลง ผีมาจะหักคอ อุตส่าห์หาที่เหมาะ ๆ แล้ว เป็นเนินลาดมีแอ่งด้วย ปูผ้าอย่างดี แขวนกลดได้ ปรากฏว่าไปนอนบนหลุมศพเขาพอดี พอออกมาเจ้าถิ่นถามว่าเมื่อคืนนอนที่ไหน ? ชี้ไปทางโน้น เขาบอกว่า "ป่าช้าครับ" มิน่าล่ะ...ถึงนอนสบายผิดปกติ"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:07


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว