กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3088)

เถรี 30-12-2011 08:45

ถาม : พอดีหนูจะรับงานบริษัท ไม่ทราบว่าจะเหมาะสมกับงานไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเราทำได้ไหม ? เรื่องความเหมาะสมสามารถไปปรับกันทีหลังได้ ถ้าเราคิดว่าความสามารถของเราเพียงพอก็ทำไป พูดง่าย ๆ ว่าต่อให้เป็นงานที่เราไม่ชอบก็พยายามชอบ เดี๋ยวก็ดีเอง ถ้ามัวแต่ไปไล่ถามคนอื่นว่าเหมาะสมไหม ชาตินี้ไม่ต้องหางานทำหรอก..!

เถรี 30-12-2011 08:50

ถาม : การจ่ายเงินใต้โต๊ะ
ตอบ : ไม่ผิดอะไรเพราะเป็นส่วนของการอำนวยความสะดวก เพียงแต่ว่ายิ่งจ่ายก็ยิ่งเยอะ เราเอาเงินไปให้เขา ไม่ได้ขโมยเงินเขามา ถ้าหากว่าเราคิดว่าผิด ก็เท่ากับว่าเราหาความเศร้าหมองมาใส่ใจเราเอง ก็เท่ากับว่าเรากำลังสร้างอบายภูมิให้กับตัวเอง

เราก็คิดว่าจ่ายค่าอำนวยความสะดวกในการงานตามปกติไป ส่วนเขาจะเอาไปทำอะไร หรือว่าเขาเองสมควรรับหรือไม่ เราไม่ได้ใส่ใจ ต้องตัดให้เป็น ไม่อย่างนั้นจะเศร้าหมองเปล่า ๆ

เถรี 30-12-2011 11:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขนาดวันนี้อาตมาไม่จับไข้ พอสรงน้ำแล้วยังหนาวเข้าไปถึงกระดูก คนเราพอไฟธาตุหมดก็แย่ นึกถึงหลวงพ่อวัดท่าซุง สมัยก่อนเวลาท่านจะโกนผมแต่ละครั้ง หลวงพี่ประทีปต้องโกนแห้ง ๆ ให้

อาตมาถามว่าทำไมหลวงพ่อไม่สระผมก่อน ผมจะได้นิ่มโกนง่าย ท่านบอกว่า “สระได้ที่ไหนเล่า ?” ตอนนี้อาตมารู้แล้วว่าทำไมท่านสระไม่ได้ เพราะตัวเองหนาวเข้าไปในอกตอนอาบน้ำ

อย่างหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ท่านสรงน้ำปีละครั้ง อาตมาสงสัยจะต้องเอาอย่างนั้นบ้าง แสดงว่าแก่แล้วไม่มีอะไรดี แต่พระเรานี่แปลก ของอื่นพอเก่าพอแก่แล้วเขาโละทิ้ง ส่วนพระยิ่งแก่เขายิ่งใช้ อาตมากะว่าอีกไม่กี่ปีจะเกษียณตัวเอง แต่ก็ยังหาคนแทนไม่ได้"

เถรี 30-12-2011 11:38

ถาม : เวลาผมฝึกกรรมฐานที่บ้าน ระหว่างการที่ใช้วิธีเปิดเทปฟังไปเรื่อย ๆ กับการนึกเอาว่าท่านเคยสอนแบบไหนแล้วก็นึกตาม อย่างไหนดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : ใช้ปัญญาตัวเองก็เหนื่อยหน่อย ถ้าการสอนนั้นเราสามารถน้อมจิตตามไปได้เลยจะสบายกว่า เพียงแต่ว่าครูบาอาจารย์ที่จะสอนลักษณะนั้น ในประเทศไทยนับจำนวนนิ้วมือ ๑๐ นิ้วยังเหลือเลย เพราะส่วนใหญ่ท่านให้ไปขวนขวายปฏิบัติเอง ประเภทนำกันทุกฝีก้าวนั้นหายาก อาตมาเองก็เริ่มทิ้งแล้ว ไปหากินเอาเองบ้าง..!

เถรี 30-12-2011 16:07

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าว่าตามกฎหมาย เจ้าอาวาสออกใบอนุโมทนาบัตรได้ไม่เกินใบละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ถ้าเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาทแต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ต้องให้เจ้าคณะตำบลออกให้ ถ้าเกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทแต่ไม่ถึง ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ต้องให้เจ้าคณะอำเภอเป็นคนออกให้ ถ้า ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้เจ้าคณะจังหวัดเป็นคนออก เพราะฉะนั้น..ใบอนุโมทนาบัตรที่ออกอย่างถูกต้องตามกฎหมายเลย ก็คือใบละไม่เกินห้าแสนบาท

กฎของมหาเถรสมาคมนี้ออกมาในสมัยมีคดีเครื่องราชฯ เพราะมีการออกใบอนุโมทนาบัตรเป็นสิบ ๆ ล้านเพื่อให้เขาไปขอเครื่องราชฯ กัน บางครั้งก็ไม่ได้รับเงินจริง แต่ว่าออกตัวเลขให้เขาไป พอเขาได้รับเครื่องราชฯ มา ก็จะมาถวายเงินสมนาคุณ

ต้องบอกว่ากฎระเบียบต่าง ๆ มีขึ้นมาเพื่อปิดรูรั่ว แม้กระทั่งการจัดงานวัดต่าง ๆ ก็ต้องออกกฎระเบียบออกมาว่า ห้ามผู้อื่นมารับเหมาจัดงานแทนวัด เพราะว่าพวกที่มารับเหมาจัดงานแทนวัด เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยมีการพนันต่าง ๆ มาด้วย มีกระทั่งโคโยตี้มาด้วย แล้วจะไปตำหนิเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาเหมาไปแล้ว เขาก็ต้องเอากำไรให้มากที่สุด แต่ความเสียหายตกอยู่กับวัด

วันนั้นอาตมาดวงเฮงมากเลย ไปพร้อมกับหลวงพ่อพระเทพเมธากร ตอนนั้นท่านยังเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีอยู่ คนขับรถดันจอดรถเข้าไปใต้เวทีพอดี พอเงยขึ้นไป มีแต่บิกินีเต็มไปหมด..! เขากำลังเต้นกันอยู่บนเวที สงสัยคนขับรถมีแผนก็เลยจอดรถตรงนั้น

ถ้าหากว่าจัดงานไม่เกิน ๗ วัน ต้องให้เจ้าคณะจังหวัดเซ็นอนุมัติ ถ้าจัดงานไม่เกิน ๙ วันต้องให้เจ้าคณะภาคเซ็นอนุมัติ ถ้าเกินกว่านั้นต้องถึงเจ้าคณะหนใหญ่ แต่มีบางแห่งเขาจัด ๑๒ วัน ๑๒ คืน มีอยู่รายหนึ่งอยู่ทางอำเภอบ่อพลอย โดนสอบสวนเกือบจะโดนถอดจากความเป็นเจ้าอาวาส เพราะว่าจัดงาน ๗ วัน ๗ คืน คนมาดีเหลือเกิน เห็นเงินเข้าวัดมากเลยทำหนังสือขออนุญาตจัดงานเพิ่ม

แต่เขาไม่อนุมัติ ส่วนท่านเองจัดต่อไปแล้วก็เลยซวย เป็นตัวอย่างที่ฮือฮาไปทั้งจังหวัด ถึงได้บอกว่าถ้าหนังสืออนุมัติยังไม่ลงมาว่าให้จัดหรือไม่ให้จัด โปรดหยุดไว้ก่อนจะปลอดภัยกว่า"

เถรี 31-12-2011 07:52

ถาม : เขาบอกว่าหลวงปู่ละมัยอายุ ๑๓๕ ปี จริงไหมครับ?
ตอบ : ไม่จริง อาตมาเคยถามท่านเมื่อครั้งไปหล่อพระที่หนองคาย ปีไหนจำไม่ได้แล้ว งานหล่อพระครั้งนั้นหลวงปู่ท่านเป็นประธาน

อาตมาถามท่าน ท่านบอกว่าเพิ่งจะอายุ ๗๐ กว่าปี คนเขาลือกันไปเอง ตอนนี้ท่านก็น่าจะอายุ ๘๐ - ๙๐ ปีแล้ว ตอนที่ไปหล่อพระท่านนิมนต์ครูบาอาจารย์สายอีสานไปเยอะ แต่ที่สนิทกับอาตมาที่สุดคือหลวงเตี่ยสุรเสียง เพราะว่าพรรษาไล่เลี่ยกัน ไปนั่งสุมหัวคุยกันจนดึก คุยไปคุยมาหลับคอพับไปทั้งคู่..!

หลวงปู่ละมัยมาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ มาเจอท่านตอนเช้าก็ไปกราบ บอกท่านว่าเขาบวงสรวงเวลา ๐๘.๒๙ น. นะครับ ท่านบอกว่า “เออ..คุณนั่นแหละทำ” ความเฮงมาถึงจนได้ พระระดับนั้นอยู่แทนที่อาตมาจะได้อาศัยท่าน ท่านกลับปล่อยอาตมาออกเดี่ยวเสียอีก

ถาม : ทำไมคนเขาไปลืออายุท่านเยอะขนาดนั้นครับ ?
ตอบ : ท่านคุยเรื่องเก่าเป็นปกติ คนก็เลยไปคำนวณว่า ถ้าท่านรู้เรื่องนี้ดีแสดงว่าต้องอยู่ในยุคนั้น

นึกถึงหลวงปู่เทพโลกอุดร ถามท่านว่า “หลวงปู่อายุเท่าไรแล้วครับ ?” ท่านบอกว่า “จำไม่ได้ว่ะ..ปรางค์ ๓ ยอด สร้างมากี่ปีแล้ววะ” ตอบท่านว่า “๑,๔๐๐ กว่าปีแล้วครับ” ท่านก็บอก “เออ..ข้าไปยืนดูตอนเขาสร้างกันอยู่”


ถาม : แล้วหลวงพี่ไปคุยกับท่านตอนไหนครับ ?
ตอบ : ตามล่าท่านมาตลอดชีวิต จะได้เจอตัวเป็น ๆ สักทีก็แสนยาก อาตมาอยากจะเจอตัวเนื้อ ๆ ท่านไม่ยอมให้เจอเนื้อ ๆ สักที

เถรี 31-12-2011 08:05

คนที่โชคดีและโชคร้ายไปในตัวคือคุณสุดเฉลียว หลวงปู่ท่านมาบิณฑบาต แต่ท่านมาตอนบ่าย เดินเข้ามาในบ้าน โยมเพิ่งกินอาหารกลางวันไป ของใหม่ก็ไม่มี เหลือแต่ที่กินแล้ว จะบอกท่านก็อาย เลยบอกว่า “ฉันเป็นคริสต์ค่ะ”

หลวงปู่ท่านก็ไม่ว่าอะไร หันหลังเดินกลับ คุณสุดเฉลียวจึงเฉลียวใจขึ้นมาว่าพระอะไรสูงขนาดนี้ หัวค้ำเพดานเลย สงสัยแค่นั้นแหละ พอนึกสงสัยขึ้นมาก็เลยวิ่งตามไปดู บ้านคุณสุดเฉลียวเป็นตึกแถว มี ๖ ห้อง หน้าบ้านเป็นถนนใหญ่ เชื่อไหมว่าไม่มีใครเห็นพระเดินมา และไม่มีใครเห็นว่าท่านไป

ถาม : จริง ๆ ท่านตั้งใจจะสงเคราะห์เขาอยู่แล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่..ต้องบอกว่าบุญมีแต่กรรมบัง

ถาม : ทำไมท่านต้องไปตอนบ่ายครับ เพราะถ้าจะว่าไปคนที่เขาเคร่งครัดในเรื่องกฎระเบียบ เขาก็จะไม่ให้ ?
ตอบ : นั่นยังดีนะ บางทีท่านบิณฑบาตตอนเย็น ไปบิณฑบาตแต่บาตรไม่มี ชาวบ้านก็ถามว่า “หลวงตา..แล้วจะใส่บาตรอย่างไรล่ะ?” ท่านก็คว้ากะละมังข้าวหมามา "ใส่นี่แหละ" ใส่ลงไปอะไรต่อมิอะไรท่านก็คลุก ๆ รวมกันแล้วก็ฉัน ฉันเสร็จให้พรท่านก็ไป ชาวบ้านก็งง แต่พอไปดูไม่เห็นข้าวปลาไม่แหว่งเลย ท่านฉันอย่างไรของท่านก็ไม่รู้ ที่เห็นต่อหน้าต่อตาท่านฉันหมดไปครึ่งค่อนกะละมัง

ตอนท่านไปวัดท่าซุงท่านไปในสภาพเป็นเณร อาตมาก็มองหาว่าพระสูง ๑ วา อยู่ที่ไหน หาไปเถอะ ไม่เจอหรอก ปรากฏว่าท่านมาแบบเณร หลวงพ่อวัดท่าซุงถามว่า ทำไมมาเป็นเณร ท่านบอกว่า “งานแกคนเยอะ ตัวใหญ่เดินลำบาก ตัวเล็กมุดง่ายดี”

ถาม : ท่านเก่งขนาดนี้ ตอนกรุงแตกท่านช่วยไม่ได้หรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่หน้าที่ และถ้าไม่ใช่วาระกรรมเหตุการณ์ก็ไม่เป็นอย่างนั้น หน้าที่ของท่านก็คือตามเก็บบริวารให้หมด เรื่องอื่นไม่ใช่ทั้งนั้น

เถรี 31-12-2011 08:27

1 Attachment(s)
:4672615: เก็บตกเดือนธันวาคม ปี ๒๕๕๔ หมดแล้วค่ะ :4672615:



เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:40


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว