กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3463)

เถรี 06-08-2012 14:31

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕
 
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดท่าขนุนถือปฏิปทาหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นหลัก ก็คือ อธิษฐานพรรษาในวันอาสาฬหบูชา แล้วไปปวารณาพรรษาวันตักบาตรเทโว คร่อมปิดหัวปิดท้ายไปเลย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ตามพระวินัยระบุไว้ว่า ภิกษุที่จะรับกฐินได้ ต้องจำพรรษาถ้วนไตรมาส.." ถ้าเราไปอธิษฐานวันเข้าพรรษา ก็ไม่เต็มสามเดือน เพราะวันแรกคุณเสียไปแล้ว แล้วก็ไปปวารณาวันออกพรรษาวันสุดท้าย ก็ไม่ได้เต็มวันอีก

ในเมื่ออธิษฐานพรรษาตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา พอเช้านี้อาตมาจึงมีสิทธิ์ลามารับสังฆทานที่นี่ได้ ถ้าไม่ได้ถือปฏิปทาตามหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คงต้องเลื่อนวันรับสังฆทาน"

เถรี 06-08-2012 14:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "จังหวัดนครปฐมมีคนนับถือศาสนาคริสต์มาก ตอนแรกเขาตั้งนามสกุลว่าคริสต์เลย แต่ทางอำเภอเขาไม่ยอม นามสกุลที่เขาตั้งว่าคริสต์บุญชู เขาเปลี่ยนเป็นกิจบุญชู ส่วนกิจเจริญ ก็คือ คริสต์เจริญ นายทะเบียนเขาเก่ง เปลี่ยนนามสกุลพวกนี้หมด ก็เลยทำให้นามสกุลประหลาด ๆ ในสมัยนั้นยังไม่โผล่ขึ้นมา

แล้วที่อัศจรรย์ก็คือ พวกชาวคริสต์นครปฐมเป็นคนจีนทั้งนั้น เขาน่าจะนับถือคริสต์มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษที่อพยพมา ช่วงนครปฐมกับบางนกแขวกก็ไม่ได้ห่างกัน พอออกแม่น้ำท่าจีนก็ถึงกันได้ มีแต่ชาวคริสต์แทบทั้งนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าว่า พวกคริสต์บางนกแขวกแขวนพระหลวงปู่ปานกันเกือบทุกคน"

เถรี 06-08-2012 16:23

ถาม : การฝึกกสิณ ถ้าเพ่งให้เกิดนิมิต ตอนแรกต้องนึกภาพกสิณที่เรามองใช่ไหมครับ หรือว่าไม่ต้องนึก แค่มองภาพกสิณแล้วก็ภาวนาให้ภาพเกิดขึ้นเองครับ ?
ตอบ : ถ้าสามารถภาวนาให้เกิดภาพขึ้นมาเองได้ก็เก่งเกินพระพุทธเจ้าแล้ว

การเพ่งกสิณ ก็คือ การลืมตามองดูวัตถุที่ใช้เป็นองค์กสิณ แล้วหลับตาลงนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับคำภาวนา ถึงเวลาถ้าภาพเลือนไป ก็ลืมตาขึ้นมองใหม่ หลับตาลงแล้วนึกถึงใหม่พร้อมกับคำภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าภาพนั้นจะติดตาติดใจของเราเอง แล้วเราก็ประคับประคองเอาไว้อย่างนั้น

เถรี 06-08-2012 16:30

ถาม : ในเรื่องของการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คุณบิดา-มารดา และคุณครูอาจารย์ ในฐานะของนักปฏิบัติ เราสมควรยกพระคุณไหนขึ้นก่อน หรือถือไว้สูงสุด ? เพราะพระคุณทั้งสามนั้น ล้วนแต่สำคัญสำหรับทุกคนทั้งสิ้น
ตอบ : แสดงว่าคนถามต้องแก่เกินแกง ไม่เคยเรียนอนุบาลแน่เลย เขามีพระคุณที่หนึ่ง พระคุณที่สอง พระคุณที่สาม ขึ้นต้นด้วยพ่อแม่ ตามด้วยพระอุปัชฌาย์ ตามด้วยครูบาอาจารย์ พ่อแม่ถือว่าให้การเกิดในทางโลก พระอุปัชฌาย์ถือว่าให้การเกิดในทางธรรม ครูบาอาจารย์ คือ ผู้ที่สั่งสอนวิชาความรู้เพื่อให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เขาระลึกกันไปตามลำดับดังนี้

ถาม : แล้วคุณพระรัตนตรัยสูงสุดอยู่แล้ว ?
ตอบ : คุณพระรัตนตรัยสูงสุด เป็นที่พึ่ง กำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง

เถรี 06-08-2012 18:13

ถาม : การที่ลูกศิษย์ของพระสงฆ์ จัดทำนาฬิกาแบบแขวนและกระป๋องออมสิน ในรูปผลิตภัณฑ์นั้นเป็นพระสงฆ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะเหมาะสมหรือจะเกิดโทษกับผู้จัดทำ และผู้ที่ขอบูชาต่ออีกทอดหรือไม่คะ ?
ตอบ : อาตมาก็กลายไปนาฬิกาเรือนหนึ่งแล้ว..!

ถาม : แสดงว่ายังไม่ได้เป็นกระป๋องออมสิน ?
ตอบ : สมัยก่อนมีคนทำรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงใส่ในนาฬิกา เสร็จแล้วค่อยไปขออนุญาตท่าน หลวงพ่อท่านบอกว่า "มิน่าล่ะ..ระยะนี้รู้สึกเวียนหัวผิดปกติ"...(หัวเราะ)... เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะทำจ้ะ ไม่สมควรอย่างไรก็นึกเอาเองแล้วกัน

เถรี 06-08-2012 19:13

ถาม : ถ้าจะอัดรูปพระปัจเจกพุทธเจ้าในเว็บวัดท่าขนุนใส่กรอบบูชาไว้ที่ร้าน จะเป็นการปรามาสท่านหรือไม่คะ ?
ตอบ : ต้องไปถามท่านเอง...(หัวเราะ)...ถ้าทำด้วยความเคารพก็ไม่เป็นไร การบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าจริง ๆ ไม่ต้องมีรูปก็ได้ ให้ตั้งใจนึกถึงท่านแล้วสวดบูชาด้วยคาถาเงินล้าน ให้ทำโดยสม่ำเสมอ

แต่ถ้ามีรูปแล้วเป็นเครื่องยึดโยงใจของเราได้ดีกว่า ก็ทำไปเถอะ อย่าถึงขนาดไปอัดรูปแจกนะ เพราะคนที่ไม่เคารพ เกิดไปปรามาสเข้า จะเกิดโทษแก่เขา

เถรี 06-08-2012 19:16

ถาม : ในโลกนี้มีสัตว์ที่ไม่มีวิญญาณหรือไม่ครับ ? ถ้ามีการฆ่าสัตว์เหล่านั้นเป็นบาปหรือไม่ ? และการฆ่าสัตว์เหล่านี้ เช่น แมงกะพรุน หรือหอยประเภทต่าง ๆ เป็นบาปหรือไม่ ?
ตอบ : หาเรื่องลงนรกแล้ว..! พูดง่าย ๆ ว่า สัตว์นั้นจะมีวิญญาณหรือไม่มีวิญญาณก็ไม่ต้องเสียเวลาไปเสาะหาคำตอบ ถ้าคุณคิดจะฆ่าใจก็เศร้าหมองแล้ว เพราะฉะนั้น..อย่าหาเรื่องลงนรก จะสัตว์เล็กสัตว์น้อยขนาดไหนก็ตาม ให้คิดว่าเขาเป็นดวงจิตดวงหนึ่งก็แล้วกัน จะได้ไม่เผลอไปทำกรรมชั่วเข้า

ถาม : อย่าตั้งเจตนาให้เป็นอกุศล ?
ตอบ : ไม่ใช่ไปตั้งใจว่า ไม่มีวิญญาณนี่กูเอาแน่..!

เถรี 07-08-2012 07:33

ถาม : เวลาปรารถนาหรืออยากได้สิ่งใด กำลังใจระหว่างรอคอยสิ่งนั้นมีผลหรือไม่ ? เพราะบางครั้งอยากได้มากกลับไม่ได้ แต่บางครั้งทำเฉย ๆ เสีย ไม่สนใจ กลับได้มาโดยง่าย
ตอบ : สำหรับเรื่องอื่นไม่รู้ แต่ถ้าในเรื่องของธรรมะการปฏิบัติ คนที่อยากจะไม่ได้ เพราะความอยากนั้นทำให้ใจยังฟุ้งซ่านอยู่ ในเมื่ออารมณ์ใจฟุ้งซ่าน สมาธิไม่ทรงตัว ก็เข้าไม่ถึงการปฏิบัติตามลำดับที่ตนเองต้องการได้ เรื่องทางโลกก็เหมือนกัน อย่างเช่น คาถาเงินล้าน ถ้าใครสวดเพราะอยาก โอกาสได้ก็ยากเต็มที แต่หมดอยากเมื่อไร จะไหลมาเทมาเมื่อนั้น

ถาม : วางกำลังใจไม่ให้อยากนี่ยากครับ เพราะอยากถึงได้สวดครับ ?
ตอบ : อยากได้..แต่ถึงเวลาภาวนาให้เลิกอยาก เรามีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว อะไรจะเกิดขึ้นก็แล้วแต่ท่านจะเมตตาสงเคราะห์

ถาม : ใช้วิธีสวดจนหายอยากได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..แต่อาจจะหลายปี อาตมาเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุด ตอนสมัยเรียนมัธยม อาตมาอ่านประวัติของหลวงปู่โต วัดระฆังแล้วเลื่อมใสมาก อยากได้พระสมเด็จวัดระฆัง มีคนบอกว่า ถ้าอยากได้พระสมเด็จวัดระฆัง ให้ตั้งใจสวดคาถาชินบัญชรทุกวัน แล้วท่านจะเสด็จมาเอง

อาตมาก็ว่าคาถาชินบัญชรเป็นปกติ ปีแล้วปีเล่าผ่านไปก็ไม่ได้สักที เพราะว่าสวดด้วยความอยากได้ ผ่านไป ๑๑ ปีไม่มาเสียที หมดความอยากเลย คิดแค่ว่าเรามีหน้าที่สวดภาวนาของเราไป ส่วนพระองค์ท่านจะเสด็จมาโปรดหรือไม่โปรดก็แล้วแต่ท่านเถิด ปรากฏว่ามาอยู่เรื่อย ดังนั้น..ถ้าอยากก็ยังไม่ได้ ไม่อยากเมื่อไรจะได้เอง


ถาม : ๑๑ ปีไม่ใช่น้อยนะครับ
ตอบ : สวดด้วยความอยากนำหน้า ตัณหานำทางมาตลอดก็อย่างนั้นแหละ

เถรี 07-08-2012 07:48

ถาม : เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมีอาชีพรับราชการ อายุราชการยังน้อยอยู่ ทำงานปกติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ (ช่วงสิ้นงบประมาณแผ่นดิน) มีเจ้าหน้าที่ส่วนงานอื่นที่เคยติดต่อประสานงานกัน นำเงินใส่ซองมาให้ บอกว่าให้เป็นเงินค่าขนม ซึ่งเราเองไม่ได้เรียกรับหรือแสดงท่าทีว่าอยากจะได้เงินในส่วนนี้เลย เงินในลักษณะนี้ปกติจะได้รับในระดับหัวหน้าส่วนขึ้นไป

เราพยายามปฏิเสธการรับเงินแล้วหลายครั้ง แต่ถูกหัวหน้าหน่วยงานคะยั้นคะยอให้รับ จนต้องยอมรับมาก่อน สุดท้ายได้นำเงินก้อนนั้นไปแบ่งแจกจ่ายให้น้อง ๆ ในหน่วยงานส่วนหนึ่ง เก็บไว้ส่วนหนึ่ง อยากทราบว่าเงินที่เรารับมานี้มีความผิดข้อหาเป็นการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือไม่ ? หรือจะถูกจารึกชื่อในบัญชีคดีความของนายบัญชีในนรกหรือไม่ ? เพราะเกิดความไม่สบายใจในเงินที่ได้รับมาครับ

ตอบ :ผิดข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวงเต็ม ๆ เอาเป็นว่าคราวหน้ารับมาแล้วบริจาคเข้ามูลนิธิที่เป็นสาธารณกุศล อย่างเช่น ราชประชานุเคราะห์ สายใจไทย ชัยพัฒนา หรือศิลปาชีพก็ได้ เท่ากับว่าคืนหลวงไป ถ้าเราไม่รับ ต่อไปจะอยู่ยาก

ถาม : แล้วถ้าบริจาคให้พระศาสนา ?
ตอบ : คนละเรื่องกัน เงินอะไรที่เกี่ยวข้องกับราชการก็คืนให้กับราชการไป

เถรี 07-08-2012 08:22

ถาม : แหวนจักรพรรดิ (ทองคำ) สมัยพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เป็นรุ่นที่เขียนใต้ท้องแหวนว่า "พระราชพรหมยาน" ถ้าไม่ใช่แบบท้องตัด (ขยายขนาดใส่ได้ทุกขนาดนิ้ว) จะถือว่าเป็นของแท้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าท้องไม่ตัดแสดงว่าเป็นของแท้ แต่ถ้าท้องตัดเป็นของปลอม เพราะของแท้ที่มีจารึกชื่อ จะไม่มีการตัดใต้ท้อง แต่ถ้าตัดใต้ท้องจะไม่มีการจารึกชื่อ ส่วนใหญ่ตัดใต้ท้องจะเป็นโลหะชุบทอง แต่ถ้าไม่ตัดใต้ท้องและมีจารึกชื่อ จะเป็นแหวนทองคำแท้

เพราะฉะนั้น..ถ้าจารึกชื่อแล้วตัดใต้ท้องมา ปลอมแน่นอน แต่ถึงจารึกชื่อแล้วไม่ตัดใต้ท้อง ก็ไม่แน่ว่าจะแท้


ถาม : หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็เขาทำเลียนแบบได้

เถรี 07-08-2012 08:27

ถาม : ขอคำแนะนำเรื่องการแขวนพระครับ คือผมมีพระหลายองค์ ผมอยากแขวนพระองค์เดียว แต่ก็มีความรักพี่เสียดายน้องครับ ที่เสียดายเพราะเรื่องอานุภาพครับ องค์นั้นดีอย่างนั้น องค์นั้นดีอย่างนี้ องค์นั้นเด่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ พระอาจารย์พอจะมีวิธีแนะนำการอาราธนาคุณพระ มาอยู่ในพระเครื่องเพียงองค์เดียวได้ไหมครับ ?
ตอบ : ยาก..เอาวิธีง่าย ๆ ดีกว่า ทำสลากขึ้นมา แต่ละวันก็จับสลากว่าจะแขวนพระองค์ไหน..!

ถาม : อย่างนี้มีวิธีไหมครับ ?
ตอบ : มี..แต่คนถามยังทำไม่ได้หรอก

ถาม : เผื่อคนทำได้ครับ
ตอบ : ถ้าคนทำได้ ก็ตั้งพิธีบวงสรวง อาราธนาพระท่านมาสงเคราะห์ทีเดียว ก็เท่ากับทำพิธีพุทธาภิเษกนั่นแหละ

ถาม : อย่างนี้เวลาพุทธาภิเษกเราอาราธนาเข้ามาในขันธ์ ๕ เลือดเนื้อ กระดูกร่างกายได้ไหมครับ ?
ตอบ : ท่านก็ให้ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

เถรี 07-08-2012 08:30

ถาม : ผมได้ตะปูสังขวานรมา ว่าจะนำไปทำมีดหมอ โดยไม่เอาไปหลอม เอาตัวตะปูเป็นตัวมีดเลย แล้วไปให้เขาทำปลอกและด้ามมีดไว้ ไม่ทราบว่าต้องนำไปเข้าพิธีอีกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ความเชื่อมั่น เพราะตะปูสังขวานรส่วนใหญ่จะใช้ยึดประตูโบสถ์ หรือประตูวัง ประตูตำหนัก เขาถือว่าเป็นของขลังในตัวอยู่แล้ว ถ้าเรามีความเชื่อมั่นก็ไม่ต้องนำไปเข้าพิธี แต่ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นก็ให้เอาไปเข้าพิธีด้วย

แต่อยากจะแนะนำว่า ให้เอาไปหลอมแล้วตีใหม่จะดีกว่า เพราะส่วนใหญ่ตะปูสังขวานรเป็นของเก่า มีสนิมขุมกินตัวอยู่ ทำเป็นมีดเลยก็แปลว่าต้องขยันเช็ด ขยันขัดถูอยู่ทุกวัน เผลอหน่อยเดียวก็สนิมขึ้นแล้ว


ถาม : เขามีความเชื่อว่าตะปูสังขวานรเป็นของทนสิทธิ์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าอยู่กับโบสถ์ เจดีย์ คนสวดมนต์ไหว้พระอยู่ทุกวัน พลังจิตจะบันทึกเข้าไปเอง ในส่วนของวังหรือตำหนัก เขาถือว่าผู้มีบารมีอาศัยอยู่ พลังของผู้มีบารมีย่อมแผ่มาถึงด้วย

ถาม : ถ้ามีความเชื่อไม่ต้องเข้าพิธี ?
ตอบ : ถ้ามั่นใจก็ไม่ต้อง

เถรี 07-08-2012 08:36

ถาม : ผู้ที่มีเงินมากเป็นถึงมหาเศรษฐี แต่ตระหนี่กับตัวเอง เป็นเพราะทำกรรมอะไรคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ตระหนี่กับตัวเอง ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่รอบคอบ จ่ายในสิ่งที่สมควรจ่าย ถ้าถามว่าทำกรรมอะไรไว้ ? ไม่ใช่กรรม..แต่เป็นสันดานของตนเอง เขาเรียกว่า มัจฉริยะ มีความตระหนี่ถี่เหนียวอยู่ในกมลสันดาน แบบเดียวกับพิฬารกเศรษฐี หรือไม่ก็มัจฉริยเศรษฐี ประเภทข้าวสามมื้อรวบกินเป็นมื้อเดียว ถึงเวลาจะทำขนมก็ต้องแอบไปทำกินอยู่คนเดียว อันนี้ไม่ได้ทำกรรมอะไรไว้ เป็นสันดานของเขาอย่างนั้นเอง

ถาม : ที่เขารวยมาได้เพราะอาจจะเคยทำบุญ ?
ตอบ : รวยมาได้เพราะเคยทำบุญใหญ่มาก่อน อย่างเช่น เศรษฐีที่ใช้ของดีไม่ได้ ใช้ผ้าใหม่ไม่ได้ นั่งรถหรือยานใหม่ไม่ได้ เพราะทำบุญโดยใช้ของเหลือของตัวเองแล้ว ที่เรียกว่าทาสทาน ต่อให้รวยแค่ไหนก็ใช้ของดีไม่ได้ ถึงเวลากินข้าวก็ต้องกินข้าวปลายเกวียน ก็คือปลายข้าวนั่นแหละ อาหารดี ๆ อย่างข้าวมธุปายาสกินไม่ได้ ต้องกินข้าวต้มกับน้ำผักดอง

พวกนี้ทำบุญผิดประเภท สละให้ด้วยของเหลือจากตนเองกินหรือใช้แล้ว ส่วนความขี้เหนียวนั้นเป็นนิสัยเฉพาะตัว ว่ากันไม่ได้

เถรี 07-08-2012 09:08

ถาม : คุณตาเพิ่งเสียไปเดือนที่แล้วครับ อย่างนี้เวลาที่เราถวายสังฆทานต้องระบุชื่อเจาะจงทุกครั้งหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เจาะจงหรือไม่เจาะจงก็ได้จ้ะ แต่ถ้าเพื่อความมั่นใจเราเจาะจงไปก่อน หลังจากนั้นเราค่อยอุทิศทั่วไป จะให้ใครก็ได้

เถรี 07-08-2012 09:13

ถาม : ศาลเพียงตาที่มีอยู่สูง ส่วนศาล ๔ เสาเตี้ย แล้วเราจะต่อเสาไม้ขึ้นไปประมาณนิ้วครึ่งได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่เกรงใจชาวบ้านจะหาว่าเราบ้า ก็ไม่เป็นไร ต่อไปเถอะ โดยทั่ว ๆ ไปแล้วคนเขาไม่เข้าใจกัน เขาจะตั้งศาลอากาศเทวดาเตี้ยกว่าศาลพระภูมิ กลายเป็นเจ้านายอยู่เตี้ยกว่าลูกน้อง ถ้าสถานที่นั้นเป็นหน่วยงาน จะทำให้ลูกน้องไม่ฟังเจ้านาย ทำตัวใหญ่กว่า ถ้าเป็นบ้านเรือนที่พักอาศัย เด็ก ๆ ก็ไม่ฟังผู้ใหญ่ แต่ว่าน้อยรายที่จะรู้ว่าศาล ๔ เสาเป็นศาลอากาศเทวดา ส่วนใหญ่เขาเรียกศาลตายายกัน

ถาม : แล้วเราจะต่อไม้ขึ้นไปสักนิ้วครึ่ง ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ หนุนให้พื้นศาลสี่เสาสูงกว่าพื้นศาลเพียงตาก็แล้วกัน

เถรี 08-08-2012 09:36

ถาม : หลวงพ่อ...บอกว่า อดีต ๕ กิโล อนาคต ๕ กิโล ปัจจุบัน ๕ กิโล ไม่เอาอดีตกับไม่เอาอนาคต ก็หมดไป ๑๐ กิโล เหลือปัจจุบันท่านบอกให้ทิ้ง ปัจจุบันเหลือ ๕ กิโล แล้วปัจจุบันทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : สักแต่ว่ารับรู้เฉย ๆ

ถาม : แล้วที่ว่าสักแต่รับรู้เฉย ๆ คือนิโรธ หรือนิโรธสัญญา ?
ตอบ : อยู่ที่ตัวเรา ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่ปรุงไม่แต่งอะไรเลยก็เป็นนิโรธ ถ้าหากว่าปรุงแต่งอยู่เป็นบางครั้ง ก็ได้แค่นิโรธสัญญา

ถาม : แล้วนิโรธสัญญายังปรุงแต่งอยู่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จำได้ว่าต้องละ แต่ว่ายังต้องอาศัยอยู่ ก็เลยเป็นนิโรธสัญญา

ถาม : เหมือนลืมชั่วคราวใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถึงเวลาก็ทำหน้าที่ของเราไป ทำหน้าที่เสร็จก็วางทิ้งไปเลย

เถรี 08-08-2012 09:47

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้วิหารพระศาสดาเปิดนะจ๊ะ ปีหนึ่งเปิดครั้งเดียวคือวันเข้าพรรษา แต่เจ้าหน้าที่ขอร้องว่าให้ไปช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้ใหญ่ไปกราบพระศาสดากัน

วิหารพระศาสดา วัดบวรนิเวศวิหาร อยู่เลยพระเจดีย์ไพรีพินาศไป ถัดจากพระเจดีย์ไพรีพินาศเข้าไปจะเป็นวิหารเก๋ง แล้วถัดไปจะเป็นวิหารพระศาสดา หลังวิหารพระศาสดาจะเป็นพระนอนที่สวยที่สุดในประเทศไทย องค์เล็ก ๆ ยาวประมาณ ๑ วา แล้วด้านหลังของวิหารพระนอนก็เป็นเรือนโพธิ์"

เถรี 08-08-2012 09:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "ผู้ใหญ่ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง แล้วเด็กเขาจะตาม เรานั่งอ่านหนังสือทั้งวัน เด็กก็สงสัยว่ามีอะไรดี ก็เอามาอ่านบ้างเท่านั้นเอง"

ถาม : ตอนนี้เขาอ่านมากขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังอ่านแต่หนังสือการ์ตูน
ตอบ : ไม่เป็นไร..จะเป็นการ์ตูนหรือเป็นหนังสืออะไรก็ได้ แรก ๆ เขาจะชอบอย่างนั้น เดี๋ยวโตขึ้นเขาพัฒนาได้เอง สมัยเด็ก ๆ อาตมาก็ดูแต่การ์ตูน สมัยนั้นการ์ตูนก็มีแค่ หนูจ๋า เบบี้ ตุ๊กตา อย่างอื่นก็ไม่มี

เถรี 08-08-2012 10:00

พระอาจารย์พูดถึงไข่แก้วว่า "อาตมาข้ามไปฝั่งพม่าแล้วผีมาบอกว่า ให้ช่วยมาเอาแก้วลูกนี้ไปที เขาจะไปเกิดแล้ว ไข่แก้วที่เอามาหน้าตาเหมือนกับไม้กลายเป็นหิน อะไรทำนองนั้น พอส่องดูออกเขียว ๆ แต่เมื่อเกลาออกมาใสปิ๊งเลย

สรุปว่าน่าจะเป็นมรกตนะ แต่สภาพความแข็งดู ๆ แล้วเหมือนพวกยางไม้ที่เป็นอำพันมากกว่า นี่ยังไม่รู้ราคาจริง ๆ เลย ถ้าเป็นมรกตจริง ๆ เขาบอกกะรัตละ ๘๐,๐๐๐ บาท"

เถรี 08-08-2012 19:16

ถาม : ตอนนี้นั่งสมาธิได้ดีขึ้น อยากได้สมาธิลึก ๆ ค่ะ
ตอบ : อย่าอยาก..ถ้าอยากจะไม่ได้ ทำใจสบาย ๆ ว่า เรามีหน้าที่เพียงภาวนา จะเป็นสมาธิลึกตื้นอย่างไรก็ช่าง เพราะว่าตัวสมาธิจะต้องมีอุเบกขาอยู่ด้วย ตัวอุเบกขาก็คือตัวช่างหัวมัน ทำไปเรื่อย ๆ เรามีหน้าที่ทำ จะเป็นหรือไม่เป็นเรื่องของเขา คิดอย่างนี้จึงจะได้เร็ว

เถรี 08-08-2012 19:38

ถาม : ผมเคยไปฝึกมโนมยิทธิมา ระหว่างที่เรากลับมาฝึกที่บ้าน หลวงพี่ท่านหนึ่งเคยบอกว่าเรานั่งอยู่ ให้เรานึกว่าเราไปที่วัดท่าซุง แต่ผมจำวัดท่าซุงไม่ได้ ผมจึงนึกถึงวัดสระเกศ ขึ้นไปที่พระบรมบรรพต ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ใช้ได้..แรก ๆ ให้เอาสถานที่ซึ่งเราจำได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยไปสถานที่ซึ่งเราจำไม่ได้ ระหว่างที่ใจของเราค่อย ๆ ไปทีละน้อย ๆ ก็เก็บรายละเอียดไปเรื่อย ถ้าที่เราจำไม่ได้ ไม่รู้จักมาก่อน อยู่ ๆ ก็เห็นชัด ให้จำว่าลักษณะเป็นอย่างไร แล้วไปดูด้วยตัวเอง ถ้าหากว่าตรงกับที่เห็นก็แปลว่าใช่ เราวางกำลังใจได้ถูกต้องแล้ว ให้ใช้กำลังใจอย่างนั้นทุกครั้ง

ถาม : ตอนแรกที่เราฝึก อย่างไปวัดสระเกศ เรารู้ว่าห้องไหนมีอะไรบ้าง หลังจากนั้นที่เราฝึก.. ?
ตอบ : หลังจากนั้นก็ลองวน ๆ ดูที่ซึ่งไม่เคยไปแถว ๆ นั้น พอได้รายละเอียดมากขึ้น ความเห็นชัดเจนปรากฏขึ้น เราก็จำเอาไว้แล้วก็ไปดูด้วยตาว่าใช่หรือไม่

ถาม : เรื่องเห็นหรือไม่เห็น ไม่ผิดปกติใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มโนมยิทธิเป็นห้วงนึก ถามว่าเห็นใช่ไหม ? ไม่เห็น..เพราะไม่ได้เห็นด้วยตา แต่ว่าเห็นด้วยใจ เหมือนกับเรานึกถึงบ้าน เราเห็นบ้านชัด ๆ แต่ตาเห็นไหม ? ไม่ได้เห็นหรอก..หรือว่านึกถึงคนที่เรารู้จัก เห็นชัด ๆ เลยในห้วงนึกแต่ก็ไม่ใช่ตาเห็น

ถาม : ปกติถ้าเรานึกถึงภาพพระ อย่างผมจะนึกถึงสมเด็จองค์ปฐมปางนิพพานครับ นึกถึงท่านอยู่เหนือศีรษะ ?
ตอบ : ดีแล้ว..นึกว่าท่านอยู่เหนือศีรษะเราตลอดเวลา พระนิพพานก็อยู่แค่นั้นแหละ ไม่ได้ไกลเกินกว่านั้นหรอก

ถาม : บางทีท่านไม่ได้อยู่เหนือศีรษะ บางทีท่านอยู่ด้านหน้า ?
ตอบ : จะอยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นไร ให้เรานึกได้ก็แล้วกัน

เถรี 08-08-2012 20:43

พระอาจารย์กล่าวสอนแม่ของเด็กว่า "เคยได้ยินคำว่า "ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ" ไหม ? อย่าไปใส่ใจ พักเดียวเดี๋ยวเขาก็เลิก ถ้าไปให้ความสนใจทุกเรื่อง เด็กเขาเรียกร้องความสนใจด้วยการทำไปเรื่อย ถ้าเราทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจ คุยกับคนอื่นไป เดี๋ยวเขาก็กลับแล้ว เราเป็นคุณแม่ลูกสองแล้ว แต่ยังไม่รู้ธรรมชาติของเด็กเลย"

เถรี 09-08-2012 05:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "การขัดแต่งสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอกนั้น มีอยู่ ๒ จุดที่ต้องสกัดออก แล้วเสริมใหม่ พวกบรรดาวิศวกรที่มาบวชเขาแนะนำว่าให้ใช้กัมกรีตแทน เพราะนอกจากจะปิดรอยต่อแล้ว ยังรับน้ำหนักได้ด้วย ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางวัสดุอย่างหนึ่ง

คราวนี้ที่เทคอนกรีตแล้วออกมาไม่ดีเพราะว่าคนช่วยเยอะเกินไป แทนที่จะยกตรง ๆ ขึ้นไปยังองค์พระแล้วเทเลย กลับต้องวนรอบองค์พระแล้วค่อยเลื้อยขึ้นไป กลายเป็นว่าหินตกลงก้นถัง ปูนกับน้ำก็ลอยหน้าไป ถ้าเทปูนออกมาจากรถโม่แล้วยกขึ้นเลยจะไม่มีปัญหา คนที่มาช่วยงานอยากได้บุญกันทุกคน ก็เลยใช้วิธีวนให้ครบทุกมือก่อน จึงทำให้เทพระออกมาไม่ได้ดีอย่างใจ ต้องมาซ่อมกัน

แต่เห็นแล้วก็ปลื้มใจอยู่อย่างว่า คนที่ยินดีในบุญยังมีมากมหาศาล แต่ละคนที่มานั้นไม่ต้องเรียกร้อง ตอนแรกพระท่านบอกว่า ให้ไปขอแรงทหารตำรวจมาช่วยกันเท อาตมาบอกว่าไม่ต้อง ถ้าหากว่าเป็นงานของ "พระท่าน" คนจะไม่ขาด แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พวกบรรดาญาติโยมที่ขับรถผ่านไปผ่านมา พอเห็นก็จอดรถทิ้งไว้ มาเทปูนกันก่อน รถเกะกะหน้าวัดเต็มไปหมด

อาตมาเห็นว่าทำให้การจราจรไม่สะดวก แต่พอออกเสียงตามสายว่าไป ตำรวจบอกว่า "ไม่เป็นไรครับ
อาจารย์..เดี๋ยวผมดูแลให้" สรุปว่าตำรวจเขายินดีให้เกะกะ ก็เลยช่วยกันทำ ช่วยกันเท ช่วยกันมากจนเกินเหตุ น่าจะเป็นองค์เดียวที่เสร็จภายใน ๙ วัน เพราะที่อื่นเทกันเป็นเดือน ๆ ทั้งนั้นเลย

ที่อื่นเรื่องวัสดุก่อสร้างกับแรงงานไม่เต็มที่เหมือนของวัดเรา อย่างคอนกรีตเราสั่งแค่ข้ามถนนมาเอง เขาอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้าวัด แรงงานที่เกินมามากคือเด็กนักเรียน จะไปใช้งานหนักกับเด็ก ๆ ก็ไม่กล้า ต้องให้ไปหิ้วกระป๋องเปล่าแทน"

เถรี 09-08-2012 05:23

"การบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก ต้องบอกว่าบรรจุไปนับองค์ไม่ถ้วน เฉพาะของส่วนตัวที่ใส่โถเบญจรงค์ไปก็ ๔ โถ แล้วยังของญาติโยมที่ถวายมาทั้งเจดีย์อีก แต่ว่าของมีค่าที่ถวายเป็นพุทธบูชานั้น ต้องบอกว่าอลังการมาก เสียดายไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปเพราะมีจำนวนมากจนเกินไป นอกจากพวกแก้วแหวนเงินทองแล้ว ก็ยังมีพระสำคัญ ๆ อีก

คุณกิจพัฒน์ ศรีสุโข ถวายสมเด็จวัดระฆังกรอบทองมา ๑ องค์ ลูกสาวคือคุณจิตรัตน์ ศรีสุโข ถวายสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ เลี่ยมทองมา ๑ องค์ คุณปิยมงคล โชติกเสถียร นอกจากเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการสร้างองค์พระแล้ว ยังถวายเหรียญพระแก้วมรกตทองคำเลี่ยมทอง ๑ เหรียญ ผอบทองคำ ๑ ใบ และพระแกะสลักจากอัญมณีอีกหลายองค์ ป้าติ๋มถวายพระนาคปรกทองคำ ๑ องค์ ส่วนทิดจิตรถวายพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่น ๒ เนื้อทองคำเลี่ยมทองด้วย ปลดจากคอมาถวายเดี๋ยวนั้นเลย เห็นกำลังใจแล้วน่าโมทนาอย่างยิ่ง

พระพุทธรูปที่บรรจุลงไปน่าจะหลายคันรถกระบะ ตอนแรกเห็นเขาวางตั้ง ๆ ไว้ คิดว่ารถสิบล้อไม่พอขนแบบนี้จะบรรจุไหวหรือ ? ปรากฏว่าลงไปหมดแล้วยังเหลือที่ว่างอีกตั้งเยอะ แสดงว่าพระเศียรท่านมโหฬารมาก ดูจากข้างล่างเห็นว่าเล็กนิดเดียว พระพุทธรูปนาคปรกฉลอง ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตี ลงไปทั้ง ๒ รุ่นเลย นาคไทยลงไป ๒ องค์ และนาคขอมลงไปองค์หนึ่ง ไม่รู้ว่าของใครบ้าง รู้สึกว่ามีลูกกวางเป็นเจ้าของนาคไทยองค์หนึ่ง

พี่น้องมอญพม่าไปบูชาพระอุปคุตในลักษณะที่เรียกว่าพระบัวเข็ม
หน้าตัก ๙ นิ้ว บรรจุลงไปน่าจะ ๔๐ - ๕๐ องค์เห็นจะได้ ต้องบอกว่านั่นเขาตั้งใจบูชามาเพื่อบรรจุโดยตรงเลย ส่วนอาตมาจะเก็บเอาพระสังฆทานทั้งหมดที่ญาติโยมถวายมาบรรจุลงไป ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะหมด ปรากฏว่ายังเหลือพอให้ลงไปได้อีกเป็นคันรถกระบะเลย แต่ของหมดเสียก่อน จึงทำการผูกเหล็กปิดแล้วเทคอนกรีตทับไป"

เถรี 09-08-2012 05:28

"มีอยู่ส่วนหนึ่งที่บรรจุไป ก็คือ พวกเพชรพลอยที่ญาติโยมถวายมาบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว อาตมาตั้งบูชาให้เขามาเป็นปี ๆ แล้ว คราวนี้การที่จะเก็บข้าวของพวกนี้ไว้ก็เก็บยาก จะบรรจุลงในเจดีย์ร่วมกับพระบรมธาตุก็ไม่มีสถานที่ ไม่เหมือนกับสร้อยทองคำซึ่งแขวนได้ ท้ายสุดก็เลยคิดว่าในเมื่อบูชาท่านมานานเนกาเลแล้ว ก็ถือว่าสมเจตนาของเขาแล้ว ที่เหลือจึงเอาบรรจุสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ไปเลย ไม่ได้แปรเจตนาของเขาหรอก แค่ย้ายที่เก็บเท่านั้น..!

โดยเฉพาะเพชรถ้าหลุดไปสักเม็ดหนึ่ง อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะหาคืนมาอย่างไร มีโยมท่านหนึ่งถวายมา ๑๐๘ เม็ด เม็ดละ ๑ กะรัต อีกท่านหนึ่งถวายพลอยเขียวส่องของจันทบุรีมา ๒๐ เม็ด ของราคาสูง ๆ แบบนี้ต้องรีบลงบรรจุเสียก่อน ถ้าอยู่กับอาตมานานไปเดี๋ยวดูแลรักษายาก ตอนนี้ก็เหลือแต่ตกแต่งและทำสถานที่ ก็คือแท่นตั้งองค์พระให้เรียบร้อยเท่านั้น"

เถรี 09-08-2012 15:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ที่วัดกำลังสั่งสร้างกุฏิมือถือ ไม่ได้แปลว่าถือได้นะจ๊ะ แต่หมายถึงกุฏิสำเร็จรูปที่ประกอบง่าย ๆ เพราะว่าปีนี้พระเกินจำนวนกุฏิ หลวงปู่สายท่านสร้างกุฏิไว้แค่ ๔๐ ห้อง แต่ปีนี้พระของเรา ๕๑ รูป เณรอีก ๑ รูป ล้นจนต้องไปนอนที่ตึกแดง ก็เลยสั่งกุฏิมือถือเขาไป ๑๐ หลัง

เขาบอกว่าแต่ละหลังใช้เวลาประกอบประมาณ ๔ วัน แต่ว่ามาแล้วไม่ใช่พระใหม่จะได้ ตามพระวินัยต้องให้พระเก่าก่อน ส่วนพระใหม่ก็รอ ถ้าพระเก่า ย้ายออกจากห้องแถวเมื่อไรก็เสียบแทนไป"

เถรี 09-08-2012 16:02

พระอาจารย์บอกว่า "งานวันที่ ๑๒ สิงหาคมนี้มีหนังสือใหม่แจก ๑ เล่ม ถ้าไม่ไปก็ต้องไปซื้อเอาทีหลัง หนังสือชื่อ สัพเพเหระ ๑ จะมีเล่มต่อไปเรื่อย ๆ "

เถรี 10-08-2012 11:56

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีโยมส่งรูปงูกินงูมาให้ดู เขาบอกว่าตกใจ..ไม่เคยเห็น แสดงว่าเกิดมาไม่เคยอยู่บ้านนอกเลย งูกินงูนี่เป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะงูจงอางจะเลือกกินงูพิษด้วย เวลางูจงอางอยู่ที่ไหน งูอื่นไม่ค่อยเหลือหรอก โดนกินเกลี้ยงเลย

ตอนนี้ที่วัดท่าขนุนไม่ต้องไปหางูอื่นหรอก เหลือแต่งูจงอางกับงูเห่า คู่นี้ก็ไม่รู้เมื่อไรจะกินกันเองเสียที..!

เวลางูกินกัน บางตัวก็สู้ อยู่ในลักษณะต่างคนต่างงับหางอีกฝ่ายได้ ปกติเวลางูจงอางกินงูอื่นจะกัดเขาก่อน ถ้าพิษออกเร็ว งูอื่นจะหมดแรงแล้วก็ตายให้งูจงอางกิน แต่บางทีเป็นงูพิษต่องูพิษด้วยกัน ต่างคนต่างงับอีกฝ่ายหนึ่งได้ กินจากปลายหางเข้าไป กินไป ๆ จนกระทั่งสุด ก็กลายเป็นวงกลม

ทางพวกเล่นของขลังธรรมชาติเขาหากันนักหนา เรียกว่า นาคบาศ นาคบาศเขาถือว่าเป็นบ่วงบาศที่เกิดจากพญานาค
เป็นอาวุธของท้าวเวสสุวรรณ เอาไว้ปราบผี เขาจะเอามาลงเลขลงยันต์ปลุกเสกตามตำรา แล้วก็เอาไว้กันผี ก่อนจะทำก็ต้องไปปิ้งให้แห้งก่อน"

เถรี 10-08-2012 12:01

เคยดูคลิปวิดีโองูจงอางกินงูเหลือม งูเหลือมเสร็จงูจงอางเพราะพิษสู้เขาไม่ได้ งูจงอางกัด งูเหลือมรัด งูจงอางไม่สนใจหรอกว่าจะโดนรัด กัดคาไว้แล้วนอนนิ่งเลย สักพักหนึ่งพิษออกฤทธิ์ งูเหลือมหงิก ก็โดนจงอางเขมือบ

ถาม : เคยเห็นเขาจับงูเหลือม เอาเชือกกล้วยคล้องแล้วงูเหลือมตัวใหญ่ทีเดียว หมดแรงไปเลย แต่ไม่เคยเห็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นเพราะอะไร ?
ตอบ : อธิบายไม่ได้ ของแพ้ทางกัน แบบเดียวกับอีแร้งกับไม้โสน แร้งเป็นนกที่อึดมาก ต่อให้ตีด้วยกระบองเต็ม ๆ ก็เอาไม่อยู่ แต่พอโดนไม้โสนตีแล้วอยู่หมัด เป็นของที่แพ้กัน เด็กบ้านนอกจะรู้

เด็กบ้านนอกสมัยก่อนซนวิตถารทั้งนั้นแหละ เอากลอยมาตำผสมน้ำแล้วไปราดไว้ที่หมาตาย พอแร้งมากินหมาก็เมา ค่อยเอาไม้โสนไปไล่ตี ถ้าเอาไม้อื่นตีนกแร้งจะหนีไปได้ ถ้าเอาไม้โสนตีจะเสร็จอยู่ตรงนั้นแหละ เด็กก็ตีไปเรื่อย หกล้มหกลุก ตอนนั้นเอาแต่สนุกอย่างเดียว ไม่รู้เรื่องของบาปบุญอะไรหรอก

เถรี 10-08-2012 12:15

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก..แสดงว่าบ้านเราเย็นดี เขาเลยมาอาศัยอยู่ โบราณเขาว่าสัตว์เข้าบ้านเป็นมงคล เพียงแต่ถ้าไม่อยากให้เขาเข้าบ้านก็ดูแลรอบบ้าน ถ้าโล่งเตียนเขาก็ไม่มารบกวน ถ้ารอบบ้านรกเขาจะมาถึงที่เลย วันก่อนที่บ้านวิริยบารมีก็เพิ่งจะตัดต้นโสนไป พอกิ่งพาดขึ้นบนกำแพงแล้ว งูฝั่งนั้นก็เลื้อยข้ามมาเที่ยวบ้านเราอยู่ทุกวัน ถ้าบ้านไม่รกเขาก็ไม่มาหรอก ถ้ารกเมื่อไรก็มาเมื่อนั้น

แล้วที่อัศจรรย์ก็คือ งูเหลือมที่กรุงเทพฯ ตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น มีหมามีแมวเป็นอาหาร ที่นี่วันก่อนก็มีงูเหลือมมาตัวหนึ่ง ใหญ่ประมาณแขน ถือว่าเป็นลูกงูเหลือมอยู่ แต่ตัวขนาดนี้รัดคนตายได้สบาย

มีชาวบ้านที่เขาจับงูเหลือมได้ โดยที่เขาไม่รู้ว่างูเหลือมจริง ๆ แล้วมีนิสัยดุ จับได้แล้วเอามาพันคอเล่น งูก็เลยรัดเสียตายเลย ทั้ง ๆ ที่งูเหลือมตัวประมาณแขนนี่แหละ ที่เขาเอามาพันคอเล่นส่วนใหญ่เป็นงูเลี้ยง แต่นี่เป็นงูธรรมชาติ โดยเฉพาะกำลังตื่นเต้นที่คนไปไล่จับ มีโอกาสก็รัดเลย

ปกติแล้วงูมักจะนอนเกือบทั้งวัน งูที่นอนอยู่เราเอาไปพันอะไร ก็พันอยู่นั่นแหละ เพราะว่ายังหลับอยู่ แต่คนไม่รู้ว่างูหลับเพราะว่างูไม่มีเปลือกตา อย่างมากก็มีหนังบาง ๆ อยู่ชั้นหนึ่ง ถึงเวลาเลื่อนลงมาปิดตา ถ้าไม่สังเกตคนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น..ตอนงูหลับเราจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถึงเวลาลูบ ๆ ให้รู้ตัวหน่อยแล้วค่อย ๆ ดึง พาไปไหนก็ไปได้ เขาจะเลื้อยตามไปเรื่อย แต่ถ้างูตื่นอยู่เต็ม ๆ นี่ไวอย่าบอกใครเลย

เถรี 10-08-2012 12:22

เมื่อช่วงที่อาจารย์สมพงษ์ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่ งูเหลือมใหญ่เข้ามากินไก่ รัดไก่ตายไป ๔ ตัว พระจะเข้าไปจับงู ปรากฏว่าโดนงูไล่ฉกจนต้องเผ่นกันหมด ท่านแป๊ะกับท่านไก่เผ่นเข้ากุฏิอาจารย์สมพงษ์แล้วดันล็อกประตูไว้ คนอื่นเข้าไม่ได้ก็วิ่งกันกระเจิง

พระครูน้อยวิ่งไปเรียกอาตมาที่กุฏิเรือนไทย บอกว่า "อาจารย์ครับ..งูเหลือมไล่..!" อาตมาก็เลยต้องออกมาจับงูใส่กระสอบ เวลาที่คนไปวิ่งสับสนแล้วงูจะตกใจ พออาตมาไปถึง งูยกหัวขึ้นจะฉก อาตมาเอามือตบหัวงูทีหนึ่งแล้วก็วางกระสอบลง งูเห็นมืด ๆ ก็มุดเข้าไป ท่านวสันต์เห็นตอนที่งูยกหัวขู่ อาตมาก็ยกมือตบบอกว่า “ทะลึ่ง..! เข้าไป” งูก็มุดเข้าไป ท่านวสันต์บอกว่า “ผมรู้คาถาของอาจารย์แล้ว คาถาอาจารย์คือ ทะลึ่ง..! เข้าไป”

ขนาดเอางูไว้ในกระสอบแล้วเขายังไม่กล้าหิ้วกันเลย เพราะตัวใหญ่มาก ถ้าเราไปพรวดพราดโดยคิดจะทำอันตราย งูเขาสัมผัสได้ เขารู้เขาจะป้องกันตัว ถ้าเราไม่คิดร้ายเขา อาการเคลื่อนไหวจะเป็นคนละอย่างกัน แต่งูเขารู้ สัตว์ทุกชนิดจะดูออก

เถรี 10-08-2012 12:26

ถาม : พระคำข้าวของหลวงพ่อ ท่านบอกว่ากันรังสี..(ไม่ได้ยิน)..จะกันคลื่นโทรศัพท์ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ก็อธิษฐานขอเอาสิ อย่างอื่นยากกว่านั้นยังป้องกันได้เลย อยู่ที่เราอธิษฐานขอให้ช่วยป้องกันให้ด้วย

ถาม : สร้างพระแล้ว...(ไม่ได้ยิน)...แก้ไขอย่างไร ?
ตอบ : คงแก้ไม่ได้แล้วเพราะสร้างเสร็จไปแล้วนี่ เหลืออย่างเดียวก็คือ หาทางชำระหนี้สงฆ์เอาก็แล้วกัน เพียงแต่ว่าโทษย้ายเจดีย์โดนไปเต็ม ๆ แล้ว

ถาม : ถ้าสร้างพระหน้าตัก ๔ ศอกแทน จะแก้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : แก้ได้ไม่หมด ส่วนที่เป็นหนี้สงฆ์แก้ได้ แต่ส่วนที่เป็นโทษการย้ายเจดีย์ ที่เราเอาเงินเขาไปทำอย่างอื่นนั้นแก้ไม่ได้

ถาม : โทษย้ายเจดีย์ปรับเฉพาะพระหรือฆราวาสด้วยครับ ?
ตอบ : ใครทำก็โดนทั้งนั้น

ถาม : สองคนก็เกี่ยงกันว่าหน้าที่ใคร
ตอบ : ปล่อย..เดี๋ยวลงข้างล่างก็รู้เอง..!

เถรี 10-08-2012 13:14

พระอาจารย์กล่าวถึงพระไพรีพินาศว่า "ถ้าหนังสืออนุญาตจากวัดบวรฯ มาถึงก็จะสร้างเลย จะสร้างฉลองสมเด็จพระสังฆราชครบ ๑๐๐ พรรษา ซึ่งจะครบรอบปีหน้า คราวนี้กาญจนบุรีเป็นชาติภูมิ ก็คือเป็นที่เกิดของสมเด็จพระสังฆราช เพราะฉะนั้นวัดต่าง ๆ ของกาญจนบุรีก็ได้รับการขอร้องว่า ถ้ามีความสามารถพอให้ทำโครงการถวายสมเด็จพระสังฆราช ๑๐๐ ปีด้วย

คิดว่าทำขนาด ๙ นิ้ว , ๓ นิ้วก็พอนะ องค์ ๙ นิ้วทำไว้กันผีหลอกสัก ๑๐๐ องค์ก็พอ"

เถรี 10-08-2012 13:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา การเข้าพรรษานั้น คือ การที่พระจะต้องอยู่ประจำที่ ในช่วงฤดูฝนตลอด ๓ เดือน แต่บ้านเราถือฤดูกาลตามอินเดีย ซึ่งทำให้ไม่ตรงกัน เพราะว่าฤดูฝนของอินเดียจะมาช้ากว่าของเรา เนื่องจากประเทศอินเดียแล้งมาก ประเทศเราฝนมาตั้งแต่เดือน ๖ แล้ว แต่อินเดียฝนมาเดือน ๘ ก็เลยช้ากว่ากันไป ๒ เดือน

คราวนี้การที่พระจำพรรษา ถ้ามีกิจจำเป็นพระพุทธเจ้าอนุญาตให้ไปได้ แต่ว่าไปได้ไม่เกิน ๗ วัน ก็คือ ถ้าพ่อป่วย แม่ป่วย ครูบาอาจารย์ป่วย ไปช่วยรักษาพยาบาล ช่วยดูแลได้ เพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดจะสึก ไปเพื่อห้ามปรามได้ ข้อนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ปัจจุบันนี้ไม่ต้องไปห้ามหรอก ปล่อยให้สึกไปเถอะ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระไปห้ามในครั้งนั้น เพราะท่านทราบว่าพระรูปนั้นถ้าบวชอยู่ต่อไปจะบรรลุอรหัตผล
สมัยนี้อยากสึกให้เขาสึกไป

ข้อต่อไปคือ วัดชำรุด ไปหาทัพพสัมภาระมาเพื่อซ่อมวัด สมัยนี้ไม่ต้อง โทรศัพท์สั่งร้านวัสดุก่อสร้างก็มาส่งถึงที่เลย ข้อสุดท้ายคือ ได้รับกิจนิมนต์ไปเพื่อเจริญศรัทธา เพราะสมัยก่อนเดินทางกันไกล เดินเท้าเป็นส่วนใหญ่ อย่างดีก็ขี่เกวียนไป แล้วระยะเวลาบางทีหลายวัน อย่างการมารับสังฆทานนี่ก็ถือว่าอยู่ในการมาเจริญศรัทธาญาติโยม"

เถรี 10-08-2012 13:42

"มีบางอย่างที่ปัจจุบันนี้พระขอสัตตาหะ แล้วเกิดการสงสัยว่าไม่ได้อยู่ในพระบรมพุทธานุญาต อย่างเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วไปอยู่โรงพยาบาล และการลาไปเพื่อศึกษาเล่าเรียน ความจริงพระพุทธเจ้าท่านมอบมหาปเทส ๔ ก็คือข้ออ้างใหญ่ ๔ อย่าง ไว้สำหรับตีความพระธรรมวินัย เหมือนกับการตีความกฎหมาย

มหาปเทส ๔ ท่านกล่าวไว้ว่า
สิ่งใดที่ไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร
สิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร
สิ่งใดสมควร พิจารณาแล้วสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร
สิ่งใดสมควร แต่พิจารณาแล้วไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร


เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล โดยสัตตาหะกรณียะ เราพิจารณาดูว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อนุญาต แปลว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร ก็คือควรที่จะไปได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตายคาวัด..!

การลาไปศึกษาเล่าเรียน ส่วนใหญ่พระไปศึกษาเกี่ยวกับหลักธรรมวินัยต่าง ๆ เพื่อเอามาปฏิบัติเองบ้าง ศึกษาเข้าใจแตกฉานแล้วไปสอนคนอื่นต่อบ้าง เป็นการเกื้อพระศาสนาด้วย ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตไว้ ถือว่าไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าทำไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ดังนั้นก็สมควรที่จะอนุญาตให้ไปได้

แต่ปัจจุบันนี้พระไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าจะไปก็สัตตาหะไว้ก่อน กลายเป็นว่าผิดพระวินัยโดยเจตนา"

เถรี 11-08-2012 07:49

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอยู่วัดท่าซุงมีเรื่องตลกอยู่ ก็คือ ในพรรษาพระอยากกลับบ้าน คิดถึงบ้าน แต่ไปไม่ได้เพราะข้ออ้างไม่มี ก็เลยเขียนจดหมายไปบอกทางบ้านว่า ให้ส่งจดหมายมานิมนต์ด้วย เพราะสมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ พอพระไปขออนุญาตลา หลวงพ่อท่านก็พูดดักคอเอาไว้ พระก็อายจนกระทั่งไม่กล้าไป เพราะหลวงพ่อรู้ว่าไปขอให้ทางบ้านเขียนจดหมายมานิมนต์

สมัยนั้นอย่างดีก็มีโทรศัพท์บ้าน แล้วโทรศัพท์บ้านก็ขอยากเย็นเข็ญใจมาก วางมัดจำไป ๓,๐๐๐ บาท รอไป ๗ ชั่วโคตรกว่าจะได้ โทรศัพท์มือถือรุ่นแรกที่มาใหญ่ประมาณกระเป๋าเอกสาร มีตัวโทรศัพท์เกาะอยู่ข้างกระเป๋า จำได้ว่าเป็นยี่ห้อฮ็อตไลน์ ของอิริกสัน ตอนนั้นเครื่องละ ๘๐,๐๐๐ บาท ต้องตั้งเสาที่วัดก่อนถึงจะมีสิทธิ์ใช้ได้

ตอนที่ตั้งเสา พอช่างตั้งเสร็จสรรพเรียบร้อยก็จะบอกวิธีใช้ ซึ่งวิธีใช้สลับซับซ้อนมาก จำเป็นที่จะต้องมีคนศึกษาและจดจำเอาไว้ให้ได้ เพื่อถึงเวลาจะได้ไปกราบเรียนหลวงพ่อวัดท่าซุงให้ทราบว่าเครื่องนี้ใช้อย่างไร พระทั้งวัดก็ชี้นิ้วมาที่อาตมา “เอ็งจำแม่น..ไปเลย”

เถรี 11-08-2012 07:55

"อาตมาก็ไปฟังเจ้าหน้าที่อธิบาย เสร็จเรียบร้อยก็ทวนวิธีใช้ แล้วก็ทำให้เขาดูว่าถูกต้องหรือไม่ พอเขาก็ยืนยันว่าถูกต้อง เขาก็กลับกรุงเทพฯ ไป พอหลวงพ่อท่านรับสังฆทานที่กรุงเทพฯ วันอังคารเดินทางกลับมา อาตมาเห็นท่านพักผ่อนพอแล้ว จึงเข้าไปกราบเรียนท่านว่า ช่างเขามาติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แล้ว จะขออนุญาตกราบเรียนบอกวิธีใช้งานให้ หลวงพ่อท่านก็ “เออ..ว่าไป”

อาตมาก็ทวนวิธีใช้งานแต่ละอย่าง ๆ ให้ท่านทราบ เสร็จสรรพเรียบร้อย “ไหน..ว่าใหม่อีกทีซิ” ก็
เสร็จทวนเรียบร้อยอีกรอบ “เออ..ใช้ได้ ช่างไปบอกข้าที่สายลมแล้ว” เกือบตาย..! ช่างไปกราบเรียนบอกวิธีใช้ให้หลวงพ่อที่บ้านสายลมเรียบร้อยแล้ว แต่ท่านเองมาทดสอบว่าอาตมาจำได้จริงหรือไม่ เจอไป ๒ รอบ ถ้าบอกผิดนี่โดนแน่ ๆ เลย มานึกถึงตอนนี้แล้วยังรู้สึกว่าน่าสยดสยองมาก ว่าถ้าเกิดลืมนี่แย่แน่..!"

เถรี 11-08-2012 07:59

ถาม : พระเล่นหวยใต้ดินผิดไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเล่นตรงก็ไม่ผิด ถ้าเล่นไม่ตรงก็ผิด อย่างเช่นงวดที่ผ่านมา ถ้าเล่น ๕๐ หรือ ๙๐ ก็ไม่ผิด..(หัวเราะ)..ถามมาพระก็ตอบตรงไปตรงมา

ถ้าพระเล่นหวยเขาปรับอาบัติปาจิตตีย์ ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัยได้ ปรับกระทำสิ่งประหนึ่งฆราวาสได้ ปรับข้ออเนสนา หาเลี้ยงชีพในทางมิชอบได้ เพราะฉะนั้น..ศีลขาดไปแล้ว

อาตมาเองโดนโยมเขาชวนซื้อหวยออกจะบ่อยไป ก็บอกโยมว่าซื้อไม่ได้หรอก เจ้าอาวาสวัดนี้โหดมาก ถ้าหากว่าพระเล่นหวยนี่ไล่ออกจากวัดเลย ญาติโยมก็มักจะถามว่าวัดไหน ? อาตมาก็บอกวัดท่าขนุน เขาก็อยากรู้จักเจ้าอาวาส อาตมาก็บอกว่าลองไปวัดดู..เดี๋ยวก็เจอเองแหละ..!

เถรี 11-08-2012 08:03

ถาม : กระผมจะมีอาจารย์ร่วมสายบุญ ที่สามารถสั่งสอนให้ถึงมรรคผลได้เมื่อไรครับ ?
ตอบ : ชอบใจหลักธรรมอะไรทำไปก่อนจ้ะ เพื่อให้เป็นพื้นฐานส่งเราไปเจออาจารย์ที่ดี ๆ ไม่ใช่รอจนกว่าจะเจอแล้วค่อยทำ ถ้ารอจนกว่าจะเจอแล้วค่อยทำ บางทีตายฟรีไปชาติหนึ่ง ฉะนั้น..ให้เร่งทำไว้ก่อน

เถรี 11-08-2012 08:10

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการออกธุดงค์ว่า "เมื่อสิบกว่าวันที่ผ่านมา มีพระธุดงค์คณะหนึ่งประมาณ ๓๐ รูป เดินทางจากสำนักสงฆ์ที่นนทบุรีมาขอค้างคืนที่วัด อาตมาก็ถามว่าจะเดินธุดงค์เข้าทุ่งใหญ่หรือเปล่า ? เขาบอกไม่ใช่ เขาเดินไปด่านเจดีย์สามองค์ แล้วอาจารย์จะเอารถทางวัดมารับกลับ

อาตมาก็เลยบอกว่า ส่วนใหญ่พระที่มาที่นี่ ท่านมักจะเดินเข้าทุ่งใหญ่ หรือไม่ก็เดินลัดทุ่งใหญ่เข้าไปอุ้มผาง ส่วนจะตัดลงห้วยขาแข้งหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าเวลามากน้อยเพียงพอหรือเปล่า แต่ถ้าเดินตามถนนอาตมาก็ไม่ต้องห่วงเขา เพราะอย่างไรก็ไม่หลง ถ้าเดินป่าจะได้บอกทางให้

สอบถามดูแล้วปรากฏว่า หัวหน้าทีมแค่ ๒ พรรษา ที่เหลือเป็นพระเพิ่งจะบวช สมัยนี้เขาเข้มข้นขนาดนี้แล้วหรือ ? ยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรก็ออกธุดงค์กันแล้ว..!

วัดท่าขนุนอุปสมบทหมู่เมื่อวันที่ ๑๙ ที่ผ่านมา แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นพอบวชเสร็จแล้วจะขอไปอยู่ที่อื่น อาตมาบอกว่าที่นี่ไม่มีนโยบายอย่างนั้น เพราะพระใหม่บวชแล้วจำเป็นต้องอยู่กับครูบาอาจารย์อย่างน้อย ๕ พรรษา ตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้ ไม่อย่างนั้นออกไปอยู่ที่อื่น ไปทำผิดพลาด คนที่ส่งไปคือครูบาอาจารย์ก็ต้องมีส่วนในการรับผิดชอบด้วย ท่านก็เลยขอกลับไปบวชวัดแถวบ้านตัวเอง จึงหายไปหลายรูปเหมือนกัน"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:21


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว