กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   กระทู้ธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=2)
-   -   สิ่งละอัน พันละน้อย ค่อย ๆ สะสม (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1290)

ตัวแสบจำเป็น 11-11-2009 11:02

สิ่งละอัน พันละน้อย ค่อย ๆ สะสม
 
กระทู้นี้ หยกตั้งขึ้นมา เพื่อรวมรวมธรรมะต่าง ๆ จากการที่หยกได้ไปกราบครูบาอาจารย์
แล้วท่านเมตตามอบธรรมะให้มาปฏิบัติ จึงได้รวบรวมขึ้นมาแบ่งปันเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ
ผู้เป็นสหายธรรม เป็นเพื่อนยาก เพื่อนตายในการปฏิบัติ ฝ่าฟันเพื่อให้ข้ามพ้นวัฏสงสาร

หากธรรมะเหล่านี้ จะมีประโยชน์กับพวกท่านเพียงใด ขอมอบคุณความดีทั้งหมดนี้
ถวายแด่ครูบาอาจารย์ทุก ๆ พระองค์ ทุก ๆ องค์ โดยมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุก ๆ พระองค์เป็นประธาน หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด
:875328cc:

ตัวแสบจำเป็น 11-11-2009 11:04

หลวงพี่เอก
 
มีอะไรต้องศึกษาก่อน ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ต้องไปด้วยกัน

หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 11-11-2009 11:05

เวลามีงานวัดนี่ บางทีโยมมันกลัวคนเยอะแยะ มันก็เลยไปกินข้าวก่อนพระ
มันไม่ได้เลยนะ ต้องให้พระท่านอนุญาตก่อน เพราะองค์หลวงพ่อเคยบอกไว้
ว่ากินข้าวก่อนพระ หรือกินข้าวพร้อมพระ มันจะจน นี่ต้องจำไว้นะ..
บอกลูกบอกหลาน


หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 11-11-2009 11:09

ก่อนจะเห็นว่า ใครไม่สวย ใครไม่หล่อ ใครไม่งามนี่ มันต้องหลอกตัวเองก่อน
เพราะใจมันนี่ ใจมันชอบสวย ๆ ทุกคน ชอบงาม ๆ กันทุกคน เราต้องฝึก
หลอกตัวเองก่อน เป็นวิปัสสนึกก่อน
"ไม่สวย ๆ ๆ ๆ" ย้ำไปย้ำมา
กลายเป็นวิปัสสนา พอมันเข้าใจถ่องแท้แล้ว ญาณมันถึง มันจะเป็นวิปัสสนาญาณ
มันต้องผ่าน ๓ อย่าง ตอนหลังจะเห็นอะไรก็เฉย แต่ยากหน่อยนะ แต่มัน
ต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็ไปนิพพานไม่ได้


หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 12-11-2009 09:26

หลวงพี่เอก
 
ทุกวันนี้ มันมีสิ่งอำนวยความสะดวก ในเรื่องให้คนหลงใหลใฝ่เพ้อในกามคุณ
เมื่อหลงไปแล้วมันถอนยาก เมื่อก่อนมันไม่มีอะไร

เพราะฉะนั้น ในเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ในการที่จะละ ต้องกำลังใจสูงกว่าคนแต่ก่อนเยอะ
สมัยก่อนมีทุ่งนาวัวควาย สมัยนี้มีสิ่งล่อลวงให้หลง มันมาแล้วกับมือถือ มันมาแล้วกับ
อินเตอร์เน็ต ยาก.. มันพูดได้ว่า ถ้ายังเป็นฆราวาสอยู่นี่ โสดาฯ ยังเป็นยากเลย มันไม่มี
เวลาจะเอาใจไปเกาะอนุสติ ๖ เดี๋ยวก็ต้องทำงาน ใช่ไหม? งานก็อยู่กับคอมพิวเตอร์
อยู่กับอะไรต่ออะไร


หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 12-11-2009 09:30

หลวงพี่เอก
 
ใครไม่มีลูก ไม่มีผัว ไม่มีเมียน่ะดีแล้ว เราอย่าเป็นชนวนบาป อย่างบวชเป็นพระ
เป็นเณรน่ะมันดี ใครจะมาเป็นลูก บริจาคเป็นทานไปเลย ใครจะมาเป็นเมีย
เราถือว่าเราบริจาคให้ เป็นปรมัตถบารมี เราจะเป็นเชื้อชนวนเกิดได้อย่างไร
เราจะเข้าวัดวาอารามฟังธรรม ฟังเทศน์

ฆ่ามดไปกี่ตัว โกหกผิดศีล ๕ ไปเท่าไหร่? ใช่ไหม? นี่ถ้าไปมีลูกมีหลาน
มันไปตบมด ตียุง เราต้องมีเอี่ยวบาปตลอด เพราะเราให้มันเกิดมา บาปทั้งนั้น
เด็กไปโกหกใคร ไปเที่ยวที่ไหน อย่างไร เราบาปด้วยตลอด เพราะอะไร
เพราะเรารักลูก รักหลานเรา มันเลยผูกบาปไปด้วย แล้วมันก็ยาก
ยากที่จะหลุดพ้น จะไปนิพพานไปอะไร


หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 16-11-2009 09:06

หลวงพี่เอก
 
เดี๋ยวนี้หาง่าย อย่างกับหนอน ผู้หญิงนี่ เหมือนหนอนตอมขี้ ทุกวันนี้นะ ผู้หญิงกับผู้ชายนี่
มันหลง.. ขี้ก็ไปเกาะหนอน จูบกันอย่างดูดดื่ม นึกถึงขี้ ๆ แล้วก็นึกถึงหนอน จุ๊บ ๆ ๆ ๆ
หนอนมันตอมขี้

ถ้าเรามองเห็นตัวเราเป็นขี้ เราผู้หญิงนี่ เห็นผู้ชายเป็นหนอน ผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นหนอน
เห็นตัวเองเป็นขี้ มันก็ไม่มีราคะ กรอบนอกนุ่มในน่ะ ขี้หมาตากแห้งน่ะ.. นึกถึง ๆ


ทุกคนเคยโง่อย่างนี้หมดแหละ มันโง่ทั้งนั้นแหละ เขาเรียกว่ารู้ทั้งรู้

หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 16-11-2009 09:08

หลวงพี่เอก
 
จะละอะไรมันต้องค่อย ๆ ไป ถ้าจะละทีเดียวแบบที่เขาเรียกว่า หักด้ามพร้าด้วยเข่า
กำลังใจมันต้องสูง ต้องตั้งสัจจะ จะตั้งสัจจะต้องดูกำลังบุญ กำลังกุศลด้วย

หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 17-11-2009 09:19

หลวงพี่เอก
 
ไม่ใช่ไปติดตามตำราอย่างเดียวนะ "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" น่ะ มันบาปน่ะ เราไปใส่บาตรให้
พวกนี้กินนี่ อานิสงส์ยังไม่เท่าคลุกข้าวให้หมาเลย มันหลอกลวงพระพุทธเจ้านะ พวกนี้.. เยอะ

ถึงแม้เราไปทำเป็นสังฆทาน ถ้าไปเจอพระที่มีนิวรณ์นี่ ทำไป ๑๐ บาทนี่ จะได้สักเฟื้อง
หรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่มันได้นะ อานิสงส์นี่ แต่มันแล่นช้า


หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 17-11-2009 09:20

หลวงพี่เอก
 
บุญต้องทำมาดี ถึงจะเจอพระดี

หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 17-11-2009 09:21

หลวงพี่เอก
 
เวลานึกถึงรูปพระพุทธเจ้า ต้องให้เกิดปีติซาบซึ้งขึ้นมา อย่าไปสนใจจำภาพ
พวกได้มโนฯ มักไปจำภาพ พอไปจำภาพเสร็จแล้วอารมณ์มันไม่ได้


หลวงพี่เอก ที่วัดเขาแร่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

ตัวแสบจำเป็น 24-11-2009 09:55

ท่านจิตโต ที่บ้านสบายใจ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
 
วิปัสสนูปกิเลสกับวิปัสสนาญาณต่างกันตรงที่ วิปัสสนูปกิเลสเกิดจากการที่
เราตั้งใจคิด ตั้งใจตรึกไตร่ตรอง คือเอาธรรมมาคิด มาตรึกไตร่ตรองนะ
แล้วก็ไม่ได้เกิดญาณอันเป็นเครื่องรู้ขึ้นมาเอง
แต่ถ้าเป็นวิปัสสนาญาณ
หมายถึงว่ามันตรึกไตร่ตรองแล้วเกิดญาณอันเป็นเครื่องรู้ขึ้นมาเอง
อันนั้นเขาเรียก วิปัสสนาญาณ ญาณที่แปลว่าเครื่องรู้

วิปัสสนูปฯ มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นเครื่องรู้ มันต่างกันตรงนี้ อุปมาว่า คล้ายกับ
ทิพจักขุญาณ ทิพจักขุนี่คือสิ่งที่มองความเป็นทิพย์ใช่ไหม? แต่ถ้าไม่มีญาณ
อันเป็นเครื่องรู้ขึ้นมา ก็ไม่ถือว่าเป็นทิพจักขุญาณ อย่างกับว่าเดามั่วเอา
ที่เรียกว่านึกไปเอง

แต่ถ้าญาณ ก็คือมันเกิดมาจากความสงบ แล้วมันผุดเกิดขึ้นมาเอง เขาเรียก
ว่าญาณ ในวิปัสสนาญาณก็คือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเองในจิตใจของเรา อาจจะ
เกิดขึ้นมาแค่แวบสั้น ๆ แค่คำ ๒ คำ แต่เราเกิดความเข้าใจในคำนั้น แล้ว
ก็ทำให้สิ่งที่เป็นความเคลือบแคลงสงสัยของเรามันจบไป
ญาณก็เกิดแบบนี้
เขาเรียกวิปัสสนาญาณ

แต่ถ้าเป็นวิปัสสนูปกิเลสนี่ มันเป็นเรื่องที่เราอยากได้มรรค ได้ผล เราก็ทำ
มันไป เอาธรรมมาใคร่ครวญอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ พอใคร่ครวญแล้วก็คิดว่า
ตัวเองเข้าใจในธรรมนั้น ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เข้าใจหรอก เพราะมันเป็น
เรื่องของสัญญา มันไม่มีญาณ
จำไว้นะ มันต้องมี ญาณ


ท่านจิตโต ที่บ้านสบายใจ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

กาแฟ 24-11-2009 11:50

กาแฟ
 
อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลัก...ยิ้ม (โพสต์ 26404)
ขอนำข้อความบางชุดไปเผยแพร่ต่อได้ไหมหยก ลงกระทู้งานบุญเจ้เองนะ


ขอด้วยคนนะครับ

ตัวแสบจำเป็น 21-12-2009 09:22

ท่านจิตโต ที่บ้านสบายใจ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
 
ที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้องกันจริง มีแต่กรรมที่มันเนื่องไป
ให้เป็นไปแบบนั้น ทุกภพทุกชาติ แต่ว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เราเป็นคนดี
คือระลึกนึกถึงคุณที่เขาดีกับเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร


ท่านจิตโต ที่บ้านสบายใจ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

สไบเงิน 26-05-2010 12:31

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลัก...ยิ้ม (โพสต์ 45512)
ผ่านไปเกือบถึงครึ่งปีแล้ว ยังนอนไม่ตื่นอีกหรือ คิดถึง ๆ ๆ ๆ

โอ้โห:d582d79f::d582d79f:

อุตส่าห์ขุดกระทู้ขึ้นมาทวง

นับถือ นับถือ:f449b82c:

ตัวแสบจำเป็น 26-10-2010 11:57

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓
 
โยม: เมื่อวานมีคนชมว่าหลวงพี่หล่อ
หลวงพี่เอก: อนิจจัง... เห็นพระหล่อนี่มันบาป
โยม: อ้าว.. แต่ว่าพระหล่อจริง ๆ นี่คะ จะให้พูดว่าอะไร?
หลวงพี่เอก: เห็นพระสวย อ้าว.. ภาษาโบราณ โบราณเขาเรียกว่าพระสวย จะพระพุทธรูปก็ตาม
๑๑๑๑๑๑๑๑๑พระสงฆ์ก็ตาม เรียกว่า สวย สวยหมด คำว่าสวยในภาษาโบราณแปลว่า งาม
โยม: แล้วถ้าพระหล่อเล่าคะ?
หลวงพี่เอก: ก็เรียกว่า สวย
โยม: แล้วแบบนี้ไปชมพระว่าหล่อจะมีอานิสงส์อะไรไหมคะ?
หลวงพี่เอก: ก็ไม่มีหรอก เพราะมันเป็นรูป โบราณถึงว่า กราบพระ.. พระทองคำ.. ที่สุโขทัยก็มี
๑๑๑๑๑๑๑๑๑กราบพระธรรมค้ำใบลาน ค้ำอยู่นั่นแหละ กราบพระสงฆ์ลูกหลานชาวบ้าน พระงาม เณรงาม
๑๑๑๑๑๑๑๑๑มันก็เท่านั้น มันไม่ได้ธรรมะ ไม่ได้ตัวแก่น ได้แต่กระพี้ ไปหาหลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงตา
๑๑๑๑๑๑ ๑๑ครูบาอาจารย์องค์ไหนก็ตาม เอาแต่แก่นธรรมที่ท่านให้

๑๑๑๑๑๑๑๑๑แต่อย่างว่า ของแบบนี้ ต้องอิงกับจริตตัวเองด้วย ใช่ไหม? ก็การน้อมนำจริตของเรา ตามจริต
๑๑๑๑๑๑๑๑๑แบบที่เราชอบ แต่อย่าไปติดใจ ไปติดใจองค์ท่านก็เป็นสังฆานุสติ..นั่นได้ แต่อย่าไปติดว่า ท่านงาม
๑๑๑๑๑๑๑๑๑ท่านน่ารัก ท่านอย่างนู้นอย่างนี้ แต่ถ้าติดใจ มันก็กลายเป็นยินดีได้ เหมือนกับว่า พอมีโกรธ ก็มีชังได้
๑๑๑๑๑๑๑๑๑หาตรงกลางไม่เจอ ท่านน่ารัก ท่านเทศน์ดี เกิดวันหนึ่งท่านลองกำลังใจเรา ท่านเอ็ดให้
๑๑๑๑๑๑๑๑๑เราก็หายหัวเลย เหมือนที่องค์หลวงพ่อท่านลอง ตอนกรณีแม่ชม้อยอะไรนั่น

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 27-10-2010 16:59

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓
 
ในสายหลวงพ่อแล้ว มักจะเกินกำลัง มันเป็นเหตุ เป็นปัจจัย เพราะเราทำกันมาเยอะแล้ว
ทั้งทาน ศีล ภาวนา เราทำกันมาเยอะแล้ว พอมาฟังหลวงพ่อเทศน์ก็เลยง่าย มันเข้าถึงใจ
ปฏิบัติง่าย เพราะเราตามท่านมา อะไรก็ทำมาเยอะแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปเดินธุดงค์จนตีนแตก
เท้าปอก อะไรประมาณนั้น เหมือนครูบาอาจารย์สายอื่น แต่อย่างนี้ มันจะยังความประมาท
ให้กับจิตได้เยอะ

นี่หลวงพ่อไปแล้ว เดี๋ยวเราตายตามหลวงพ่อไป หลวงพ่อก็มารับ การที่หลวงพ่อจะมารับได้
ครูบาอาจารย์จะมารับได้ ท่านจะทำนิมิตให้เห็นก่อนตาย แต่เราจะไปได้อย่างไร? มันต้อง
เกิดจากการอธิษฐาน ว่าตายเมื่อไหร่ เราจะไปอยู่กับหลวงพ่อ จะไปอยู่กับพระพุทธเจ้า จะไป
พระนิพพาน มันต้องหมั่นอธิษฐาน บางทีจิตอาจจะเผลอบ้าง แต่ตอนจะตาย พอหลวงพ่อมา
จิตจะจับอารมณ์เดิม ว่าตายเมื่อไหร่ ขอไปอยู่กับหลวงพ่อ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันต้องหมั่นนึกไปทุกวัน ตรึกไปทุกวัน คือตัวอธิษฐานบารมีต้องมีทุกวัน
เป็นแกนนำของจิตถึงจะไปได้ ไม่อย่างนั้นก็ไปไม่ได้ พอเห็นหลวงพ่อมา แล้วจิตเราหมั่นนึก
ตัดขันธ์ห้าตามสภาวะที่พึงมี พึงเป็น พึงนึก พึงอบรมใจไปทุกวัน เป็น วิปัสสนาญาณ ถ้าจิตมัน
ไล่เบี้ยไปอย่างนั้นแล้ว พอเจอหลวงพ่อปั๊บ ไปตามหลวงพ่อ เพราะขันธ์ห้าเราไม่เอา ตามที่เคย
อบรมภาวนามาทั้งวี่ทั้งวัน

คนมักจะไม่เข้าใจกัน มักจะคิดว่า อย่างไรหลวงพ่อก็มารับ ก็เลยประมาท ทำความชั่ว
ดูของโป๊ไป จนจิตมันติด


หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 28-10-2010 17:02

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓
 
ทำความดีมักมีมาร.. มารคือตัวอกุศลกรรม บางทีมันเกิดจากกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่เราสะสม ขวางคนทำบุญ อะไรต่ออะไร


หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 28-10-2010 17:08

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓
 
อะไรที่เป็นการเสริม เติม แต่ง จิตวิญญาณให้ไปในทางซ่อง จงหยุดมันเลย ในเมื่อเราจะไปชาตินี้
จิตเดิมเราปักลงไปว่าจะไปชาตินี้ อะไรที่จะเป็นเหตุให้แก้วของเรามีรอยหมอง รอยร้าว รอยขีดข่วน
อย่าไปเจอ คอยหลบไว้ ใช้สมถะหลบ ๆ มันไว้ พอได้ที่ กำลังของแก้วมันหนาขึ้นมาแล้ว
ยิ่งหนาขึ้น ๆ ๆ จนอยู่ใกล้อีโต้ยังไม่สะเทือนเลย จับมันเลย ให้แก้วเรามันท้าอีโต้ได้เลย
ท้ารถบดถนนให้บดมันเลย ให้มันไม่มีรอยเลย ให้แข็งแกร่ง

ถ้าเป็นแก้วโค้ก แก้วเบียร์ มันไม่แข็งแกร่ง แป๊บเดียว ปาเดี๋ยวก็แตก เพราะมันใสนอก กลวง
ข้างใน แต่ถ้าเป็นแก้ววิสุทธิ เป็นรัตนะอันประเสริฐ มันหนา รถบดถนนก็บดไป แต่แก้วก็ยัง
กลิ้งไปได้ เลี่ยงหลบ หลบหลีกในโลกได้ ไม่ไปหวั่นไหวกับโลกที่เปลี่ยนไป กลิ้งไปเป็นร้อยเมตร
พันกิโลเมตรนี่ก็ไม่เป็นไร เล่นไปตามนั้น ไม่มีรอยขีดรอยข่วน เพราะผ่องใส ไร้มลทินโทษต่อใคร


หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 10-11-2010 12:29

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓
 
ในหนังสือ "สมบัติพ่อให้" หลวงพ่อก็บอกอยู่แล้ว วิธีเจริญกรรมฐาน ๙ ข้อ ๑๐ ข้อ ไปเปิดดู
ทำตามนั้นน่ะ ท่านอธิบายไว้หมดแล้ว

ตื่นเช้ามา จับพรหมวิหาร ๔ ก่อน พอจับพรหมวิหาร ๔ แผ่ไปทั่วโลกธาตุแล้ว ก็จับมรณานุสติ
พอจับมรณานุสติเสร็จ ก็จับกายคตาฯ กับอสุภะ คู่กันเลย เป็นข้อ ๓ พอข้อ ๔ ตัดอัสมิมานะ
การถือตัวถือตน มันก็คือตัวสักกายทิฏฐิในตัวละเอียดลงไป พอทำอันนี้ได้ดี ก็จับอารมณ์
ขีณาสวาอนิยตา ก็คือ ไปกราบพระ ก้มลงกราบ ๆ แล้วก็นิพพานะ สุขขัง คืออิ่มอกอิ่มใจรับ
กระแสอารมณ์สภาวะพระนิพพาน นิพพานะ สุขขัง แล้วก็แผ่เมตตา แล้วก็อุทิศส่วนกุศล


หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 10-11-2010 12:33

หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓
 
การปฏิบัติต้องเอาให้มันจริงจัง เวลาหัวเราะก็หัวเราะไป เวลาสนุกก็สนุกไป แต่ไม่หลง
ไม่ใช่ไปนั่งทื่อ.. เพื่อนหัวเราะกัน แต่เรามัวคิดว่า "ไม่ได้ ๆ" อันนี้มันมีอารมณ์อวด
อยากให้เขารู้ว่า ฉันกำลังปฏิบัติ

มันก็เป็นธรรมชาติธรรมดา หัวเราะมาก ๆ ก็ไม่เที่ยง หัวเราะมาก ๆ ก็ทุกข์ อย่างนี้แหละ
จับหยาบ ๆ ก่อน แต่ทำไมต้องหัวเราะ ก็เพื่อให้เป็นยา


หลวงพี่เอก ที่บ้านมีนบุรี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๓

ตัวแสบจำเป็น 11-11-2010 11:26

ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ
 
..เวลาเธอขยันปั๊บ กิเลสเข้า ตั้งใจมากนี่ กิเลสเข้าเลยนะ กิเลสตัวนี้เขาเรียกว่า อุปกิเลส
ไม่ใช่กิเลสเบื้องต้น แต่เป็นมันกิเลสขั้นกลาง ๆ ที่มันเข้ามาสิงสู่ในใจของเรา โดยที่เรา
ไม่รู้ตัวหรอก หนึ่งคือมันจะมีมานะ มันค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา กลายเป็นมานะ..
ถือตัวถือตน

นั่น.. เราเคยทำได้ เราเคยอย่างนั้น เราเคยอย่างนี้ แค่นี้เราต้องทำได้ แบบนี้ แบบนั้น
มันเป็นมานะโดยเราไม่รู้หรอก เราคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเรากำลังเอาใจใส่
กับที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาให้เราปฏิบัติ ถูกไหมล่ะ? เราก็ทุ่มเท เอาใจอยู่กับเรื่องแบบนี้
มาก ๆ แต่ว่า ทำไป ๆ สักระยะหนึ่ง มานะมันจะค่อย ๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กลายเป็น
การถือเนื้อถือตัวถือตนสูงมาก

ทีนี้จะมาชำระไอ้ตัวเลวแบบนี้ยาก เพราะว่ามันติดตรงที่ว่า เรากำลังทำดี ใครพูดไม่ได้ ใครเตือน
ไม่ได้ ใครมาแก้ทางปฏิบัติไม่ได้ ก็จะรู้สึกว่า ไม่ชอบ มาว่านิดก็ไม่ชอบ เตือนหน่อยก็ไม่ชอบ
ใช่ไหม? มันขึ้นถึงขั้นสูงแล้วล่ะ ถึงขั้นที่มันแสดงอาการไม่ชอบขึ้นมาแล้ว นี่มานะ.. เห็นไหม?

จริง ๆ แล้ว ถ้าเราปฏิบัติไม่ตั้งใจมากเกินไป ตัวมานะมันก็จะไม่เกิดขึ้นมาได้ง่าย ๆ
ในเรื่องของตัวเลวตัวหนึ่งนะ ถึงเป็นมานะที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติดี ตั้งใจเอาดี
แต่มานะตัวนี้ ร้ายยิ่งกว่ามานะตัวใด ๆ มันทำลายความดีตัวเองก็ง่าย มันทำลายความดีของ
คนอื่นก็ยิ่งพริบตาเดียวเลย รู้จักหน้ามันไหมล่ะ? ใครเคยโดนมันสิงบ้างไหม?


ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ

ตัวแสบจำเป็น 12-11-2010 16:44

ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ
 
จุดสำคัญอยู่ตรงที่ว่า การตั้งใจเกินไปเป็นส่วนเสีย เป็นสิ่งที่เสียมากต่อการปฏิบัติ
นี่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราตั้งใจเกินไป หรือว่าเราตั้งใจน้อยไป เขาเอาอะไรมาเป็น
เครื่องวัด ข้อแรก.. ขาดเมตตา ขาดกรุณา ขาดมุทิตา แล้วก็ขาดอุเบกขา
นี่คือสิ่งที่เป็นเครื่องวัดข้อแรก จำไว้นะ ว่าเรากำลังตั้งใจเกินไป

คนตั้งใจปฏิบัติเกินไป มันจะไม่สนใจคนอื่น พอเราไม่สนใจคนอื่น เราไม่ใส่ใจที่ใคร
จะเป็นอะไร ยินดีก็ไม่ยินดีกับเขา เมตตามันก็ไม่มี สงสารก็ไม่มี วางเฉยก็ไม่วางเฉย
กับใครหรอก ก็ไม่ได้เมตตาตั้งแต่แรก จะไปวางทำไมล่ะ เป็นอย่างนั้น ก็เลยเอาแต่
เรื่องของตัวเองเป็นหลัก พอเอาตัวเองเป็นหลัก ก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องของใครเขา

ใครเขาอย่างนั้น ใครเขาอย่างนี้ ก็เหมือนกับ.. แตะเราไม่ได้นะ แตะต้องเราไม่ได้
แตะแล้วเราขึ้นน่ะ อา... แตะเป็นขึ้นก็แล้วกันล่ะ นี่เครื่องวัดข้อที่หนึ่งนะ เอาไปวัดใจเรา
คนปฏิบัติเธอไปดูเอาเถอะ ไม่ว่าใคร เขาไม่วัดกันที่ว่า ใครมีความรู้ความสามารถ หรือว่า
ใครมีทิพยจักขุญาณเก่งกาจ รู้โน่นรู้นี่ พยากรณ์เรื่องนั้น พยากรณ์เรื่องนี้ ถูกแม่นยำ
มันจะแม่นก็ได้ ไม่แม่นก็ได้ ก็แล้วแต่เถอะนะ แม่นบ้างไม่แม่นบ้างมันก็มีแหละ
บางทีมันฟลุกแม่นขึ้นมาล่ะ มันก็มีถูกไหมล่ะ?

แต่ถ้าพรหมวิหาร ๔ ไม่มีนะ นั่นแสดงว่าเธอน่ะ กำลังถูกครอบเข้ามาอยู่ในขอบข่ายของ
อุปกิเลสเต็ม ๆ สามารถยกตนข่มคนอื่นก็ได้ ตีตัวเสมอคนอื่นก็ได้ ลบหลู่คนอื่นก็ได้
ถูกไหมล่ะ? มันมีแล้วนี่ คือไม่มีคำว่ามุทิตาแล้วน่ะ และไม่มีเมตตาและกรุณากับใครเขาน่ะ
เอาแต่เรื่องของตัวเอง แล้วก็ยกตัวเองขึ้นมาให้มันสูงขึ้นกว่าคนอื่นเขา หลังจากนั้นก็จะแสดง
อาการเหมือนเชิดน่ะ ก็เดินเชิด (หัวเราะ) รู้จักเดินเชิดไหม? เชิดเลยเรา


ท่านจิตโต ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ณ บ้านสบายใจ

ตัวแสบจำเป็น 02-04-2012 11:48

หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
 
บุคคลใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร ย่อมที่จะทนอยู่ได้ในพระศาสนานี้

หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕


++++++++++++++++++++++++++

โดนทวง "ยิก ๆ" น้องนำมาลงให้แล้วนะ (เจ๊ยิ้ม) :onion_wink:

ตัวแสบจำเป็น 18-04-2012 20:10

หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
 
มรรคผลนิพพานเป็นเรื่องละเอียดลออมาก
ถ้าใจเรายังหยาบคายอยู่ไม่มีทางหรอก.. ไม่มีทาง
ดังนั้นก็ต้องเพียรระวัง ระวังใจตัวเองเอาไว้


หลวงพี่เอก ที่อาศรมโยคี ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕

ตัวแสบจำเป็น 25-04-2013 22:09

ความกลัวทำให้มีกาลเวลา กาลเวลาทำให้มีการเกิด
ถ้าเราเป็นคนที่ไม่มีกาลเวลา เราก็ไม่ต้องมีการเกิด


หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

หมายเหตุ คำสอนนี้ได้จากสัญญาน้อย ๆ ของข้าพเจ้า มิได้มีการถอดข้อความจากเสียงบันทึกใด ๆ หากมีการผิดพลาด ข้าพเจ้าขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ตัวแสบจำเป็น 28-09-2013 15:52

หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
พอเรายอมรับว่ามันเป็นอย่างนี้เอง แล้วเราจะเย็นเอง ไม่ต้องไปบังคับ
หรือควบคุมอะไรเลย ไม่ต้องหาอะไรไปแก้มัน พอเรารู้ตัวปั๊บ แสดงว่า
เรามีสติ สติตัวนี้มันเกิดขึ้นได้สำหรับคนที่มีสมาธิ เพราะตระหนักรู้
อยู่ในตัวเอง จึงใช้ได้ แล้วก็จะเย็นเอง


๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

สายท่าขนุน 28-09-2013 22:27

ความเงียบ คือความงาม คือความที่เป็นจริง คือสัจธรรม

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

หมายเหตุ :
หลวงพ่อเมตตาเขียนข้อธรรมต่าง ๆ ลงกระดาษโปสเตอร์ให้พวกเราหลายคน

สายท่าขนุน 28-09-2013 22:39

เรื่องของคนอื่น ไม่ต้องไปยุ่ง ไม่ต้องไปช่วย... อย่าได้คิดว่าเราเป็นคนเก่งจากเรื่องแบบนี้...
ระวังใจตัวเองให้ดี เห็นเรื่องของคนอื่น ก็เห็นแล้ววางไว้ที่นั่น...
ถ้าคิดว่า 'เรา' ถูก 'เรา' หวังดี ก็จะ 'โกรธ' ที่เขาไม่ฟังเรา...
ถ้าคิดว่า 'เรา' ทำผิด 'ใจ' เราก็จะ 'ชอกช้ำ'

ปัญหาทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่ใคร อยู่ที่ 'ใจ' เราที่เดียว ไปรับไว้ ไปปรุงแต่ง...
ฝึก 'หยุดคิด' ให้ได้นะ ทำให้ชิน ครั้งละวินาทีก็ยังดี
หยุดคิดไม่ได้ ก็ไม่หลุดไม่พ้นวัฏสงสารไปได้หรอก


หมายเหตุ :
บันทึกจากความจำ ในขณะที่กราบเรียนถามประเด็นของโยมท่านหนึ่งที่เห็นว่าคนรอบข้างทำไม่ถูก แล้วอยากแนะนำ
ส่วนเราเองก็มีประเด็นหมองใจ จากการคิดว่าตัวเองทำผิด


๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

ตัวแสบจำเป็น 29-09-2013 16:43

หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน ๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
 
ที่ใจเราเศร้าหมอง เพราะเราไปขัดแย้งความเป็นจริง เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 29-09-2013 16:51

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
ปัญญานี่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร มันเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ที่เรียกว่าปัญญา แล้วก็ไม่ได้เป็นของคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นของฉัน
ไม่ใช่เป็นของโยม ไม่ใช่เป็นของใคร ๆ แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นอิสระ
ถ้าเราเข้าถึงมัน มันจะมีความปลอดภัยในหัวใจ ไม่รู้จะใช้ศัพท์อะไร
ที่มันเหมาะ

คำว่าปัญญานี่ มันช่างวิเศษเหลือเกิน ถ้าเราเข้าถึงปั๊บ ใจมันจะเยือกเย็น
และปลอดภัย สมบูรณ์แบบทุกอย่างเลย โยมจะไม่มีอันตราย
พอเข้าถึงปัญญาปั๊บ โยมจะไร้ปัญหาเพราะความวิตก


๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

สายท่าขนุน 29-09-2013 20:49

โยม : ความคิดส่วนใหญ่เกิดจากกิเลส ?
หลวงพ่อ : เกือบทั้งหมดนั่นละ คงมีน้อยมากที่เกิดจากปัญญา

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

สายท่าขนุน 29-09-2013 20:57

ปฏิบัติธรรม อย่าไปบังคับ ไม่ต้องไปหาวิธีการ
อ่านแล้วมาทำก็ไม่ได้หรอกมันแค่ตัวหนังสือ คำพูดหรือตัวหนังสือ มันอธิบายธรรมะไม่ได้หรอก
ฝึกหยุดคิดให้ได้ ตามดูมันไป ใจเย็น ๆ ... ปฏิบัติธรรม ต้องใจสบาย ใจร้อนรุ่มไม่ได้

ดูสิว่า มีอะไรเที่ยงบ้าง สังขารเราก็ไม่เที่ยง สังขารคนอื่นก็ไม่เที่ยง วัตถุสิ่งของก็ไม่เที่ยง
ความคิดเราก็อยู่กับสิ่งที่ไม่เที่ยงนี้ทั้งนั้น แล้วความคิดเราจะไปเที่ยงได้อย่างไร
จะเอาสาระ ถูก ผิด ได้ที่ไหน
...

ดูมันไปเฉย ๆ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องไปชอบ หรือไม่ชอบ อะไรกับมัน

หมายเหตุ :
บันทึกจากความจำ และนำมาเรียบเรียงเก็บไว้ในบันทึกของตัวเอง

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

สายท่าขนุน 29-09-2013 21:10

โยม : หลวงพ่อสอนให้ฝึกหยุดคิด... ตอนนี้โยมฝึกจับลมหายใจ ก็ยึดลมหายใจ
ที่ถูกแล้วต้องตามรู้ลมหายใจ ถูกต้องหรือไม่ ?

หลวงพ่อ : ไม่ถูก ที่ถูกต้องตามรู้ความคิดของเราเอง
แต่ไม่ให้เอาสาระจากความคิดเรา ไม่เอาถูก ไม่เอาผิด...
ตามดูมันไปอย่างนั้น เรียกว่ามีอุเบกขากับความคิดตัวเอง


หมายเหตุ :
บันทึกจากความจำ และนำมาเรียบเรียงเก็บไว้ในบันทึกของตัวเอง

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน

ตัวแสบจำเป็น 30-09-2013 13:04

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
ไม่มีใครทำให้เราเกิดปัญญา แม้แต่คุยกันนี่ ฉันก็ไม่สามารถทำให้โยม
มีปัญญาได้ นอกจากโยมใช้การพิจารณาของโยมเอง ปัญญาถึงจะเกิด


แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ทำให้โยมมีปัญญาเองไม่ได้

เพียงแต่โยมหยั่งคิดด้วยจิตเป็นอิสระ โยมจะเข้าใจของโยมเอง เขาเรียกว่า
หยั่งรู้ พอหยั่งรู้ ความรู้นั้นมันสามารถกำจัดปัญหาทั้งหมดได้ นั่นแหละ "ปัญญา"



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 30-09-2013 13:11

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
โยมจะมีศีลหรือไม่มีศีล ถ้าตอนนั้นโยมหยุดนิ่งก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว
ศีลโยมจะสมบูรณ์ เพราะโยมไม่ได้คิดร้าย คิดอิจฉา คิดอาฆาตพยาบาท
คิดมีเมตตา ตัวนี้คือตัวนำซึ่งศีล ตัวนำของทางซึ่งปัญญา


ถ้าวันใดวันหนึ่งโยมไม่มีเมตตา ไม่มีความรัก เกื้อกูล
โยมจะเข้าถึงปัญญาไม่ได้
ให้โยมอ่านตำราสักเท่าไร ก็ไม่ได้
นี่เรียกว่าหยั่งรู้



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 30-09-2013 13:21

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
แล้วก็ธรรมะเหมือนกัน ถ้าโยมมองดูด้วยใจคอมุ่งหวัง อยากได้
อยากเป็น อยากรู้ อยากเห็น โยมจะไม่ได้


โยมต้องวางอารมณ์สบาย ๆ ด้วยความนิ่มนวล ความรู้สึกของใจว่า
ไม่มีอะไรในหัวใจ สบาย ๆ เป็นคลื่นที่ถี่ โยมจะรับธรรมะได้
ธรรมะนี่เป็นธรรมชาติ มันเยือกเย็น



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 01-10-2013 16:47

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
คำสอนของพระพุทธองค์ทั้งหมด มีไว้เพื่อการแก้ทุกข์ เพื่อความปลอดภัยของชีวิต
และศาสนามีไว้เพื่อ ถ้าเข้าถึงคือการไร้ปัญหาทั้งหมด ไม่ใช่มีเอาไว้เพื่อรบราฆ่าฟันกัน



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 01-10-2013 16:49

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
ถ้าเราเข้าถึงในปัจจุบันได้ ไม่ต้องกลัวหรอกว่า อนาคตจะเข้าไม่ถึง


๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต

ตัวแสบจำเป็น 01-10-2013 16:52

๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ หลวงพ่อวิชา รติยุตโต ที่วัดชอนทุเรียน
 
โยมปล่อยใจ อย่าไปผูกไว้ อานิสงส์แรงกว่าไปปล่อยปู ปล่อยปลา
ปล่อยหมา ปล่อยโค อย่าผูกมัดหัวใจตัวเอง ทำใจตัวเองให้รื่นเริง
เบิกบาน กว้างขวาง นั่นคือการปล่อยทุกข์ ใหญ่กว่า ยิ่งใหญ่กว่า
ตัวใหญ่กว่า มหาศาลกว่า



๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดชอนทุเรียน
หลวงพ่อวิชา รติยุตโต


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว