กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   การเพ่งโทษผู้อื่น (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1390)

เถรี 10-12-2009 13:10

การเพ่งโทษผู้อื่น
 
ถาม : หลวงพ่อคะ การเพ่งโทษคนอื่น ทำอย่างไรจึงจะหายขาดคะ ?
ตอบ : เป็นพระอนาคามีเมื่อไรก็หาย ถึงเวลานั้นตัวกู ของกูเหลือนิดเดียวแล้ว ไม่เพ่งคนอื่นแล้ว เพ่งแต่ตนเอง

ถาม : ต้องกดไว้ก่อนหรือคะ ?
ตอบ : กดไว้ก่อน ถ้าสติยังไม่สมบูรณ์ ก็เอาจนได้แหละ
กิเลสบางตัวแฝงอยู่ลึกมาก อยู่ในลักษณะว่าเป็นห่วงเป็นใยเขา ทำไมเขาทำอย่างนั้น ทำไมเขาทำอย่างนี้ แล้วทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้ หวังดีเต็ม ๆ คิดว่าเมตตากรุณา แต่จริง ๆ คุณกำลังเพ่งโทษคนอื่นอยู่ โปรดระวังให้ดี กิเลสหลอกให้คิดว่าเรากำลังปฏิบัติธรรมะ หารู้ไม่ว่าเขาลากเราจนจะถึงก้นเหวอยู่แล้ว

ยกตัวอย่าง ทำไมเลี้ยงหมาอย่างนั้น ทำไมไม่เลี้ยงหมาอย่างนี้ ทำไมไม่เอาแชมพูดี ๆ มาฟอกให้ ท่าทางดูเหมือนว่าเราเมตตาหมามากเลย แต่จริง ๆ แล้ว เรากำลังเพ่งโทษว่า เจ้าของเลี้ยงหมาได้ไม่ดีเท่าเรา เห็นหน้ากิเลสไหมว่าน่าเกลียดน่าชังแค่ไหน ? มองเห็นแล้วรู้ทันนี่เซ็งในอารมณ์เลย สุดยอดจริง ๆ กลายเป็นว่าเอาความหวังดี ปรารถนาดีไปให้คนอื่นเขา จนกระทั่งอาตมาสรุปว่า หวังดีแต่ประสงค์ร้าย กว่าจะสรุปได้แต่ละข้อนี่นาน ขอยืนยันว่านาน พวกเราถือว่าโชคดีที่มีคนให้ถาม

เถรี 10-12-2009 13:14

ถาม : หนูเพิ่งเห็นตัวนี้เมื่อเดือนที่แล้วเองค่ะ พอรู้ตรงนี้แล้วเซ็งมาก ที่เราคิดว่าดี ดี ดี ปรากฏว่าทำไมโง่อย่างนี้ เลวอย่างนี้ ไป ๆ มา ๆ ยิ่งทำไปทำไมยิ่งเห็นว่าเลว ?
ตอบ : เคยสรุปไว้ตอนนั่งเถียงกับกิเลสมาร บอกว่าถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ากูจะกราบมึง มึงโคตรเก่งเลย หลอกกูได้ขนาดนั้น ที่เคยบอกไว้ว่า มารกับความดีเดินมาพร้อมกัน มาก้าวเดียวกันเลย เพียงแต่ว่าอยู่ที่ก้าวสุดท้าย ซึ่งความดีพาเราก้าวขึ้นข้างบน แต่ความชั่วจะพาเราลงข้างล่าง ถ้าเราเห็นตรงจุดนี้แล้ว จะเห็นว่ากิเลสกับความดีขี่คอกันมาเลย หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่สำคัญอยู่ที่ก้าวสุดท้ายว่าจะเลี้ยวไปทางไหน

ถาม : เมื่อวานนั่งคุยกับพี่ คิดไปคิดมา เอ๊ะ การโมทนาก็เป็นกิเลสนี่ เพราะโมทนาในความรู้สึกที่ว่า เราอยากได้บุญอย่างเขา แล้วก็มาคิดว่า โมทนาอย่างไรไม่ให้เป็นกิเลส หรือโมทนาในลักษณะมุทิตาจิต คือ ยินดีที่เขาทำความดี ?
ตอบ : อย่างที่อาตมาสรุปว่า กูจะเอา จริง ๆ แล้ว จะต้องเกิดความยินดีจากน้ำใสใจจริงว่า โอ..หนอ ขณะที่เราไม่มีโอกาสที่จะได้ทำในบุญกุศลนั้น ๆ แต่คนอื่นเขามีโอกาส ช่างน่ายินดี ช่างน่าชื่นใจเหลือเกิน ความรู้สึกอย่างนี้จะขึ้นมาเต็ม ๆ ถ้าหากว่าไม่ใช่อย่างนี้แล้วไปสาธุ ก็แฝงความหมายว่า "กูจะเอาของมึง" ทั้งนั้น ค่อย ๆ ตามดูไปเถอะ

ถาม : ค่ะ
ตอบ : การปฏิบัติพอถึงระดับหนึ่ง เคยเปรียบเทียบไว้ว่า เหมือนกับเราตัดต้นไม้ใหญ่ เราโค่นลงได้ ล้มลงมาฟ้าสะท้านดินสะเทือน รู้สึกว่าเราได้อะไรเยอะแยะเลย ทีนี้ลองขุดตอดู เจอรากเยอะกว่ากิ่งข้างบนอีก ยิ่งขุดก็ยิ่งเจอ ทำไมเยอะอย่างนี้ ท้ายสุดก็จะแค่ เหลือดูที่ตัว แก้ที่ตัว ไม่ต้องสนใจใครแล้ว ตั้งหน้าตั้งตามุ่งไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางของเรา

เถรี 10-12-2009 13:17

ถาม :หลวงพ่อคะ ยังติดใจเรื่องการเพ่งโทษอยู่ค่ะ หนูก็มานั่งคิดดู เวลาเราเพ่งโทษ เขาก็ไม่ได้มาทำอะไรเรา เป็นเราต่างหากที่ไปเพ่งโทษเขาเอง ?
ตอบ : ก็ใช่นะสิ

ถาม : ก็เลยคิดว่าแล้วเราจะตัดอย่างไร
ตอบ : สติต้องรู้เท่าทัน ทีนี้สติจะรู้เท่าทัน สมาธิจะต้องดี สำคัญก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา จะได้ไม่ไปเพ่งโทษกับใคร เพราะจิตมีงานทำแล้ว

ถาม : ถ้าเผลอไปแล้ว เราจะมาคิดหักล้างได้อย่างไร
ตอบ : คิดไปก็กลับมา...คิดไปก็กลับมา ระยะแรกก็จะดึงกันไปดึงกันมา แต่พอนานไป ๆ เราพิจารณาเห็นโทษแล้วว่า การเพ่งโทษคนอื่นนอกจากไม่ช่วยให้เจริญขึ้นแล้ว ยังทำให้ใจของเรามันเสื่อมทรามตกต่ำไปอีก พอเห็นโทษ ก็จะค่อย ๆ คลายออก แล้วก็ไม่ไปยุ่งด้วย

ถาม : คือ ต้องบอกกับใจให้ได้ ให้ยอมรับว่าไม่ดี ?
ตอบ : ไม่ต้องไปบอกหรอก แต่ต้องเห็นจริง ๆ ว่าสิ่งนั้นไม่ดี


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ถาม-ตอบ ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:05


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว