กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=21)
-   -   หลวงปู่คำคะนิงพบหลวงปู่ปาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=952)

เถรี 26-08-2009 11:34

หลวงปู่คำคะนิงพบหลวงปู่ปาน
 
http://i398.photobucket.com/albums/p...u/75b63f45.jpg
หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี วัดถ้ำคูหาสวรรค์


ย้อนหลังไปสัก ๒๐ ปีที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พระหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านนามว่า คำคะนิง จุลมณี แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภิกษุรูปนี้ได้ยึด "ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ”

หลวงปู่คำคะนิงนั้น ท่านเป็นภิกษุที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเป็นฤๅษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี จึงค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ด้วยการธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา

อย่างครั้งหนึ่ง...ที่เมืองเชียงตุง หลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา ได้พาคณะศิษย์ท่องธุดงค์ในเขตป่าของเมืองนี้ ได้ปะหน้ากับชีปะขาวคำคะนิง

เถรี 26-08-2009 11:40

หลวงพ่อปานเห็นสารรูปคนผู้นี้ถึงกับตะลึง เพราะตอนนั้นคำคะนิงมีผมยาวถึงเอว หนวดเครารกรุงรัง ห่มผ้าขาดวิ่นมองไม่ออกว่าเป็นสีอะไรจึงกล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า “นี่พระหรือคนนี่”

ชีปะขาวคำคะนิงได้ยินเกิดอยากลองภูมิกับพระรูปนี้ ถามออกไปว่า “ไอ้พระนั้นมันอยู่ที่ไหน”

หลวงพ่อปานโต้กลับ “ก็เห็นผมยาวเสื้อผ้าขาดปุปะมองไม่ออกว่าสีเป็นอะไร แล้วใครจะรู้ว่าพระหรือคน”

คำคะนิงตั้งคำถามใหม่ “พระมันอยู่ที่ผมหรือ”

หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่”

คำคะนิง “พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือเปล่า”

หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่”

ชีปะขาวคำคะนิงใช้คำถามจี้ “อ้าว..แล้วพระมันอยู่ที่ไหนกันเล่า”

หลวงพ่อปานตอบฉับพลันทันที “พระอยู่ที่ใจสะอาด”

คำคะนิงยิ้มก่อนบอกออกไป “แล้วมาถามทำไมว่าพระหรือคน”

หลวงพ่อปานยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “เห็นผมเผ้ารุงรังใครจะไปรู้พระหรือคนกันแน่”

ชีปะขาวคำคะนิง “พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี เห็นทีต้องเห็นดีกัน”

ชีปะขาวคำคะนิงกล่าวเสร็จก็คว้าหวายยาวร่วมวา ขว้างไปเบื้องหน้าหลวงพ่อปาน จากหวายก็กลายเป็นงูใหญ่ท่าทางดุร้ายเตรียมฉกกัด หลวงพ่อปานท่านทำจิตเป็นสมาธิ เอาใบไม้ขว้างขึ้นสู่อากาศกลายเป็นนกขนาดใหญ่ โฉบเฉี่ยวเอางูขึ้นไปสะบัดฟัดเหวี่ยงบนอากาศอยู่พักใหญ่ งูพลัดตกลงสู่ดินกลายเป็นช้างตัวใหญ่มหึมากำลังตกมัน ส่วนนกถลาลงสู่พื้นกลายเป็นเสือโคร่งใหญ่มีความดุร้ายไม่แพ้กัน สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดเข้าโรมรันพันตูกันฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่จู่ ๆ สัตว์ทั้ง ๒ กลับสลายหายไป ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกไฟเข้าเผาผลาญ อีกฝ่ายกลายเป็นพายุฝนเข้าแก้ทางกัน

ทั้งพระและชีปะขาวต่างหัวเราะด้วยความชอบใจในอิทธิฤทธิ์อภิญญาของกันละกัน ต่างฝ่ายต่างชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน แต่ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ร่วมธุดงค์มาด้วยรู้ดีว่า
ท่านทั้ง ๒ ต่างมีอภิญญาด้วยกันทั้งคู่


http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=6662


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว