กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6705)

เถรี 21-08-2019 21:03

"เรื่องของยศของตำแหน่ง ภาษาพระเรียกว่า ยศช้างขุนนางพระ ก็คือได้มาก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่มีอยู่จำนวนหนึ่งที่ได้มาแล้วรู้สึกว่าท่านจะตื่นเต้นหวั่นไหวมาก อยากได้มาก ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องระวังเป็นอย่างสูง

อาตมาเอง ถ้าเจ้านายให้จะรับ แต่ถ้าให้ขอไม่เคยขอให้ตัวเอง แม้กระทั่งหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ๓ รูปต่อเนื่องกันมา ท่านก็ล้วนแต่ปรารภบอกว่า "อาจารย์เล็กไม่เคยขอให้ตัวเองเลย" กราบเรียนว่า "ครับ..เพราะว่าสำหรับตัวผมเองแล้วไม่ต้องมีก็ได้ แต่ว่าพี่น้องทำงานอยู่ข้างนอก ถ้าไม่มียศ ไม่มีตำแหน่ง คนเขาไม่เกรงใจ ก็เลยต้องให้มีเอาไว้บ้าง"

ท่านก็บอกว่าทำอย่างนี้ถูกแล้ว เพราะว่าท่านก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ก็คือถ้าให้ดิ้นรนไขว่คว้านี่ไม่เอา แต่ถ้าหากว่าเจ้านายให้จะรับไว้ ก็เลยกลายเป็นว่าถูกจริตนิสัยกัน พอถึงเวลาท่านมีตำแหน่ง ท่านก็เสนอให้เองเลย อาตมาเองก็รับความเมตตาของพระเถระเอาไว้ แต่ว่าในเมื่อท่านให้ได้แค่นี้ก็ถือว่าพวกเราค่อยเป็นค่อยไป"

เถรี 21-08-2019 21:05

"อาตมาเองยังเริ่มจากตำแหน่งต่ำสุดคือพระใบฎีกา ฐานานุกรมของหลวงพ่อวัดท่าซุง แล้วตอนนั้นหลวงพ่อถวายนิตยภัตก็คือเงินเดือน ให้เดือนละ ๒๖๐ บาทด้วย หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งให้ ท่านบอกว่า ให้รับไปตลอดชีวิต

ช่วงนั้นถือว่าเป็นเงินเดือนเยอะมาก เพราะว่าช่วงนั้นหลวงพ่อท่านเป็นเจ้าคุณ ท่านรับนิตยภัตของสำนักพุทธ ฯ หรือก่อนหน้านั้นคือกรมการศาสนา เดือนละ ๔๔๐ บาท ท่านเป็นเจ้าคุณรับ ๔๔๐ บาท แล้วอาตมาเป็นฐานานุกรมต่ำสุดได้ ๒๖๐ บาท ถือว่าหลวงพ่อท่านให้เยอะมาก ท่านบอกว่าท่านให้เท่าพระครูชั้นเอก ตอนนั้นสมเด็จพระสังฆราชรับนิตยภัตเดือนละ ๓,๕๐๐ บาท คนอื่นจะไปเอาอะไรมากมาย

เพิ่งจะมาขึ้นเงินเดือนสมัยท่านนายกฯ ทักษิณ ตอนนั้นเจ้าอาวาสเงิน ๕๐๐ บาทต่อเดือน สมัยท่านนายกฯ ทักษิณ ท่านจะให้ ๓,๓๐๐ บาท งัดข้อกันไป เถียงกันมา ท้ายสุดได้มาแค่ ๑,๕๐๐ บาท ก็ยังดี เพราะว่าได้มากกว่าเดิมตั้ง ๓ เท่า"

เถรี 21-08-2019 21:08

"พอมายุคท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็เพิ่มมาให้อีก ๓๐๐ บาท เป็น ๑,๘๐๐ บาท ส่วนอาตมาเป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท กินเงินเดือน ๒,๕๐๐ บาท เยอะกว่า ก็เลยต้องเอานิตยภัตพระครูสัญญาบัตร เพราะว่านิตยภัตเจ้าอาวาสน้อยกว่า ๗๐๐ บาท

โยมอย่าไปคิดว่าเยอะนะ ค่ารถเที่ยวหนึ่งก็จะหมดแล้ว พวกเราต้องทำงานทั้งปี ยังโดนหักไปอีก ๒ เดือน เพราะว่าเดือนแรกหักเงินวัดช่วยวัด เอาเข้ากองทุนไว้ ถ้าวัดไหนเดือดร้อน น้ำท่วม ไฟไหม้ ก็เอาไปช่วยเขา แล้วมาตอนหลังก็หักเข้ากองทุนช่วยชาวพุทธอีก ๑ เดือน ก็คือเก็บเงินเผื่อว่าชาวพุทธเดือดร้อนที่ไหนก็สามารถกู้กองทุนนี้ได้ ไป ๆ มา ๆ เขาเห็นว่าเป็นกองทุนที่ห่วยแตกมาก กลายเป็นพระปล่อยกู้ ก็เลยมีการส่งเงินคืน

คราวนี้ส่งคืนมา ของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิสองแสนกว่าบาท พวกเราก็เลยว่า เงินหลุดมือไปแล้ว เอากลับมาก็เท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น..เอาเข้ากองกลางไว้ใช้ในกิจการสงฆ์ดีกว่า เพราะว่าเวลามีงานมีการอะไร เราก็เก็บจากเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภออยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เท่ากับว่าพระครูสัญญาบัตร ๒๒ รูปของทองผาภูมิแบกภาระนี้เอาไว้แทนเจ้าอาวาสทั้งหมด แบกไปจนกว่ากองทุนนี้จะหมดลงค่อยมาเก็บแบบเดิมกันใหม่

เสร็จแล้วหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอท่านก็ให้อาตมาเป็นคนถือเงิน เพราะรู้ว่าถ้าเบิกแล้วมีให้แน่ ถ้าให้คนอื่นถือเงินอาจจะหมด ได้ใช้ไปปีกว่าเงินก็หมด ปีนี้มาเริ่มเก็บใหม่ อาตมากำลังตั้งความหวังไว้อย่างหนึ่งว่า จะต้องตั้งกองทุนเพื่อบริหารงานคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ปรากฏว่ามีงานสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีแทรกขึ้นมาพอดี"

เถรี 21-08-2019 21:56

ถาม : เรื่องความมั่นใจ ในวัตถุมงคลนี่ว่ากันไม่ได้เลยนะครับ เชื่อแล้วเชื่อเลย ?
ตอบ : พวกเรื่องประสบการณ์วัตถุมงคล ส่วนใหญ่พอคนเขาพบอย่างไหนมาโดยตรง ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสมาก

ถาม : ล่าสุดนี่ชัดเจนเลย ที่หลวงพ่อเคยสอนตอนที่บวช ทำเป็นธงมหาลาภผืนครูไว้สำหรับค้าขาย ให้น้องเอาไปใช้ รุ่นพี่ของเขายืมธงนี้ไปใช้อีกที อาราธนาพกติดตัวชิ้นเดียวไปประมูลงานแข่งกับเขา ปรากฏว่าชนะการประมูล ได้มาสองพันกว่าล้าน ทีนี้เลยโดนยึดธงไปเลย เงินก็ไม่แบ่งให้ด้วย ?
ตอบ : ธงยึดไปไม่เป็นไร แต่ควรที่จะแบ่งเงินเราบ้าง...(หัวเราะ)...

ถาม : กราบขออนุญาตนำไปทำให้พระอาจารย์นิลออกเป็นกฐินของอาศรมฯ ปีนี้ เข้าพุทธาภิเษกสิ้นเดือนพร้อมกับของมูลนิธินะครับ ?
ตอบ : มั่นใจนะว่าทำทัน ? ถ้าทันก็เอาเลย จะได้มีเงินล้านกันทุกคน

เถรี 23-08-2019 21:20

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อสักครู่นี้กล่าวถึงกองทัพไทยใหญ่ว่า ส่วนใหญ่เน้นใช้เหรียญหลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพราะว่าเขารบกับพม่าเป็นประจำ มีประสบการณ์มาก โดนปืนโดนระเบิดไม่ระคายผิวเลย เขาจะหาเหรียญหรือตะกรุดหลวงพ่อทบติดตัวกัน

หลวงพ่อทบ วัดชนแดน ท่านดังช่วงสงครามคอมมิวนิสต์ เพราะว่าทหารของเรารบกับพวกคอมมิวนิสต์ มีเจ็บมีตายปีละมาก ๆ แต่ลูกศิษย์หลวงพ่อทบไม่เคยที่กระสุนหรือระเบิดจะระคายผิว บางทีทหารทั้งกองร้อยลงไปนอนเฝ้าที่วัด ให้หลวงพ่อทบท่านทำตะกรุดให้ หลวงพ่อท่านก็จาร ทำทีละดอก ๆ เสกเสร็จเอาไปลอง ถ้ายิงออกไม่ต้องเอาไป ปรากฏว่ายิงไม่ออกสักดอก ถ้ายิงไม่ออกท่านก็มาถักแล้วก็เสกทับอีกที แล้วค่อยมอบให้ทีละคน"

เถรี 23-08-2019 21:22

"สมัยนั้นเพชรบูรณ์ก็ไม่ค่อยจะมีไฟฟ้า ส่วนใหญ่ก็อาศัยแสงเทียนจารตะกรุด หลวงพ่อทบท่านเพ่งมาก ๆ ท้ายสุดก็ตาเสีย มองไม่เห็นไปเลย น่าเสียดายมาก

ต้องบอกว่าความรักลูกศิษย์ ความห่วงประเทศชาติ อยากให้ลูกศิษย์ปลอดภัย อยากให้ประเทศชาติปลอดภัย ท่านก็ทุ่มเทจนตามองไม่เห็น ตอนหลังต้องลาออกจากเจ้าอาวาสวัดชนแดน ย้ายกลับมาอยู่วัดช้างเผือกที่บ้านของท่าน แล้วก็ไปมรณภาพที่นั่น ที่ย้ายกลับมาใกล้บ้านเพื่อให้มีญาติไปคอยดูแล

แต่ว่าขนาดตามองไม่เห็น เสกของอะไรก็ขลัง ยิงไม่ติดสักชิ้น"

เถรี 23-08-2019 22:05

ถาม : วัดนาสักเดี๋ยวนี้เงียบไหมครับ ?
ตอบ : พอสิ้นหลวงพ่อมุมแล้ว ไม่มีใครต่อแล้ว

ถาม : แต่สังขารท่านยังอยู่นี่ครับ ?
ตอบ : คือพระเรามี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือยกวัด ทำให้วัดดัง อีกอย่างหนึ่งก็คือวัดยก ถ้าวัดยกไม่ลำบาก เพราะว่าใครไปอยู่ก็ต้องดัง อย่างเช่นวัดไร่ขิง วัดโสธรฯ นี่วัดยก ถ้าคนยกวัดนี่เหนื่อย

เถรี 23-08-2019 22:09

พระอาจารย์ให้พรญาติโยม "ตอนนี้หลวงพ่อเลื่อนแล้ว พวกเราจะเลื่อนอะไรก็เลื่อนเถอะ

ตอนสืบชะตา ๖๐ ปี พอพระท่านเสด็จก็เลยกราบทูลว่า "ปีนี้มีกี่รางวัล ผมเอาหมดนะครับ ผมเหนื่อย" เพราะว่าตอนนั้นขอไป ๒ - ๓ รางวัล ใครจะไปนึกว่ากระทั่งสมณศักดิ์ก็ยังมา"


เถรี 23-08-2019 22:26

ถาม : วิรุฬหะ แปลว่า อะไรครับ ?
ตอบ : แปลว่าความเจริญไพบูลย์ ก็คือสมบูรณ์พร้อมอย่างวิเศษ ก็แปลว่าเจริญพร้อมทุกด้าน

ถาม : คุณสารสมบัติ และธรรมสารสมบัติ ?
ตอบ : ธรรมสาระคือธรรมอันเป็นแก่นสาร คุณสาระคือสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างเป็นแก่นสาร

เถรี 23-08-2019 22:34

พูดถึงประคำปราบหงสาวดี "อาตมาไปเจอของพระใบฎีกาสามารถ เพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) ท่านบอกว่าสมัยโน้นหลวงปู่บุญแวะไปวัดน้อยหลายครั้ง ก็น่าจะถวายหลวงปู่เนียมเอาไว้ ก็เลยกลายเป็นสมบัติคู่วัดมา

ท่านบอกว่าราคาหนึ่งล้านบาท จะเอาไปสร้างศาลา ด้วยความที่แกนเป็นตะกั่วแร่ขี้นกเขาเปล้า หนักอย่าบอกใครเลย ทั้งเส้นลงมานี่ตึงคอเลย"


เถรี 27-08-2019 16:11

ถาม : ตั้งใจว่าจะตั้งคาถาเงินล้านตลอดเวลา ตอนแรกก็งง ๆ เบลอ ๆ จนเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ท่องไปแล้วรู้สึกว่า...
ตอบ : เป็นไปเอง ไม่ต้องบังคับ

ถาม : ใช่ค่ะ แล้วใจไม่ใช่เรา ขอแค่อยากจะท่อง แล้วก็ชัดขึ้นมา เราขับรถท่อง ๆ ไป ตาไปกระทบบ้านอยู่หลังหนึ่ง ก็ดึงความทรงจำเก่าในอดีตกลับมา อารมณ์ก็เกิด เหตุการณ์ก็เกิดว่า เราเคยโดนตำหนิ แล้วก็จบ ขับรถต่อไป เจออีกสถานที่หนึ่ง หนังก็จะเล่นอีกม้วนหนึ่ง แล้วก็จบ คืออะไรคะ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือพอสมาธิเริ่มทรงตัว ความทรงจำเก่า ๆ สิ่งที่เราเรียนรู้เก่า ๆ บางทีถึงขนาดข้ามชาติข้ามภพจะย้อนกลับมา ถ้าลักษณะนี้เหมือนอตีตังสญาณก็คือการย้อนอดีต แต่ต้องระมัดระวังให้ดีว่า เราอย่าไปยินดียินร้าย อย่าไปรัก โลภ โกรธ หลง ตามไป เรามีหน้าที่เป็นผู้ดูเฉย ๆ เหมือนที่เราดูตอนภาวนา

ตัวภาวนาเป็นเองโดยอัตโนมัติ เรามีหน้าที่ดูอย่างเดียว ฉะนั้น...เรื่องอะไรเกิดขึ้น เราดูไป ลักษณะอย่างนั้นถ้าเราไปยินดียินร้ายเมื่อไร ถ้า รัก โลภ โกรธ หลง จะเข้ามา พวกนี้ก็สลายตัวหมด


ถาม : หนูรู้สึกว่าทำคาถาเงินล้าน ถ้าปล่อยปุ๊บเหมือนข้าศึกจะโจมตี เฮเข้ามา ?
ตอบ : แน่นอน ปล่อยไม่ได้

ถาม : รู้สึกตัว ต้องรีบภาวนา ?
ตอบ : ทำถูกแล้ว ต่อไปเราก็ใช้สติระมัดระวังไว้ ทั้งหลับและตื่น ต้องอยู่กับตรงนี้ตลอด เพราะว่าตอนนี้เท่ากับเราทำตัวออกห่างจาก รัก โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว ถ้าแนวป้องกันพังเมื่อไรก็โดนซัดเยินเมื่อนั้น

เถรี 27-08-2019 16:25

ถาม : เวลาหลุด อารมณ์จะแรงค่ะ ?
ตอบ : ต้องมีหลุด หลุดแน่นอน แต่ว่าพอถึงเวลาแล้ว ให้รู้ว่าไม่ใช่เจตนาของเราที่จะหลุด อย่าไปเศร้าหมอง อย่าไปเสียดาย อย่าไปเสียเวลา ให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทันที ไม่อย่างนั้นบางคนมัวแต่ไปเสียดาย โอย...ประคองมาได้ตั้งนานแล้วไม่น่าหลุดเลย อะไรอย่างนี้ มัวแต่ไปเสียดาย มัวแต่ไปจิตตกอยู่ เสียเวลาการปฏิบัติ

ให้เรารู้ว่าเป็นธรรมดา ตราบใดที่สติเราไม่สมบูรณ์เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อาการอย่างนี้เกิดกับเราแน่ แต่เราจะพยายามยืดระยะให้นานที่สุด เราจะอยู่กับความดีให้นานที่สุด ถ้าหลุดไปเมื่อไร เราต้องรีบเริ่มต้นฟื้นตัวใหม่ทันที

เถรี 27-08-2019 18:52

ถาม : การที่เราเห็นกาย และเห็นใจ...?
ตอบ : ก็คืออาการของใจที่ทำงานอย่างหนึ่ง กับตัวใจหรือจิตที่แท้จริงอีกอย่างหนึ่ง เพียงแต่ว่าอย่าไปให้ปรุงเป็น รัก โลภ โกรธ หลง พอเริ่มจะออก ตอนช่วงนี้ปัญญาเราเริ่มมีชัด เราจะเห็นว่าจะมาในมุมไหน เพราะฉะนั้นระวังเอาไว้ ตัดเสียตั้งแต่ต้น อย่าไปแตะ

ถาม : มีคนบอกว่า ทำงานใช้สมองอย่างหนึ่ง สามารถแยกอีกตัวหนึ่งมาคิด ?
ตอบ : อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้น ถ้าไปถึงขั้นนั้นแล้วจะมีส่วนเสียทีหลังก็คือว่า
ใจหนึ่งเราทรงสมาธิได้ อีกใจหนึ่งจะไปฟุ้ง ตอนนี้อย่าเพิ่งไปเอาแบบนั้น นั่นเกินความจำเป็น อันนั้นเป็นลักษณะของการแยกจิตทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ก็คือควบคุมการทำงานปกติของเราอย่างหนึ่ง แล้วก็แยกไปคิด ไปทำ ไปภาวนา อีกอย่างหนึ่งได้

เถรี 27-08-2019 19:03

ถาม : ในอภิธรรมบอกว่าจิตมีการเกิดดับ ?
ตอบ : ก็เกิดดับนั่นแหละ แต่เพียงแต่ว่าพอถึงเวลาเราคุมเอาไว้ ใช้กำลังสมาธิคุมอีกที ของพระอภิธรรมท่านกล่าวถึงอาการปกติของจิต แต่ไม่ได้กล่าวถึงอาการของจิตที่เป็นมหคตะ ก็คือดำเนินหน้าที่ไปตามที่เราสั่งการ ต่างกันตรงจุดนั้น พวกอภิธรรมบางทีเขากล่าวถึงเบื้องต้น ไม่ได้กล่าวไปถึงรายละเอียดมากกว่านั้น คือว่าไปตามตำราก็ใช่ แต่พอถึงเวลาเราทำเกินตำรา

อย่างเขาบอกว่า ๑ + ๑ เป็น ๒ ถ้าเราไปตามตำราก็คือ ๑ + ๑ เป็น ๒ แต่พอถึงเวลาเราไปแหกคอกว่า ๒ - ๐ ก็ออกมาเป็น ๒ ได้เหมือนกัน หรือไม่ก็ ๓ - ๑ เหลือ ๒ ก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตัวนี้อยู่ที่เราพลิกแพลงไป ซึ่งจะเรียกว่านอกตำราก็ไม่ใช่ แต่ให้เรารู้ว่าเป็นไปได้


ถาม : มีคำแนะนำอื่นอีกไหม ?
ตอบ : ไม่มี ระวังสุดตัว อย่างไรก็ต้องล้มแน่ ล้มแล้วรีบลุก อย่าไปเสียดายอยู่กับของเก่า เราเคยทำได้แล้ว เราต้องทำได้อีก แค่นั้นเอง หลวงพ่อเองก็มัวแต่ไปเสียดาย เสียเวลามาเยอะแล้ว

เถรี 27-08-2019 19:05

ตรงจุดนี้อาตมาเคยพูดอยู่เสมอ แต่โยมหลายคนไปไม่ถึง ที่บอกว่าปัญหาเกือบทุกอย่างในการปฏิบัติ คำตอบจะลงตรงสมาธิ ทำถึงเมื่อไรจะหายสงสัยเอง แต่บางคนก็สงสัยหนักขึ้น เพราะอยากรู้ว่าเรียกว่าอะไร ทำไมต้องไปเรียกด้วย ? ทำได้ก็พอ ไม่ต้องไปสนใจว่าคุณเรียกว่าอะไรหรอก ให้คุณอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน

เถรี 27-08-2019 19:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นสาว ๆ จำไว้ว่าอย่ากลัวอ้วน อ้วนไม่เป็นไร อาตมายืนยัน ให้แข็งแรงเอาไว้ก็แล้วกัน ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็ไปอด ๆ ๆ บางคนไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงจะเดิน ทำงานหน่อยก็เป็นลม อดไปทำอะไร ? ร่างกายต้องการขนาดนั้นแล้วให้กินนิดเดียว

อาตมาเป็นผู้ชาย ขอยืนยันว่าผู้หญิงอ้วน ๆ หน่อย น่ารักกว่าเยอะ ไม่มีใครเขาอยากได้แฟนมีแต่หนังหุ้มกระดูกหรอก เคยได้ยินเพลงไหม ? เขาบอก มีแฟนอ้วนดีกว่า สุดโสภาเพราะไม่มีกระดูก อยู่ร่วมเรือนเหมือนได้นอนฟูกฯ เกิดไม่ทันใช่ไหม ? มาไม่ทันเพลงนี้กันใช่ไหม ?

ยิ่งคนโบราณแล้ว เขาต้องการผู้หญิงท้วม ท้วมนี่คืออวบระยะสุดท้าย คือน้ำหนักประเภท ๕๕ กิโลกรัมขึ้น เหตุที่เขาต้องการอย่างนั้น เพราะว่าผู้หญิงจะต้องมีลูก ถ้าหากว่าร่างกายไม่แข็งแรง ไม่อ้วนนี่ไปไม่รอดหรอก"


เถรี 27-08-2019 19:32

ถาม : ขอความกรุณาขอคาถากันมด ?
ตอบ : คาถากันมด ทนเอา...! มดเข้าบ้านใช่ไหม ? ฉีดยากันเอาไว้ตามขอบตึกตามขอบบ้าน ที่วัดก็มีปัญหาเดียวกัน โดยเฉพาะต้นไม้อยู่ใกล้ มดลงจากต้นไม้มาเลย ใช้วิธีฉีดยากันไว้ ต้องขยันหน่อย ๓ วัน ๔ วัน ฉีดทีหนึ่ง

เถรี 27-08-2019 19:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้ชาวบ้านร้ายมากนะ เจ้าอาวาสไม่อยู่วัด ส่งรูปมาให้ดูว่าพระที่วัดทำอะไรบ้าง...ร้ายกาจ..! อาตมาถึงได้เตือนพระ เตือนนักเตือนหนาว่าเราอยู่ในสายตาชาวบ้านเขาเสมอ เพราะฉะนั้น...ทำอะไรต้องระมัดระวังตัว อยู่คนเดียว ทำเหมือนอย่างกับอยู่หลายคน อยู่หลายคนทำเหมือนกับอยู่คนเดียว"

เถรี 27-08-2019 19:38

พูดถึงการถวายสังฆทาน "เขาถวายจนเสร็จแล้ว คุณเพิ่งจะเริ่ม ไม่ทันกินกับใครก็เพราะอย่างนี้แหละ ถึงได้บอกว่าให้มาทีเดียวพร้อมกัน ยังอุตส่าห์ไม่ยอมพร้อมกับเขาอีก กลัวว่าจะรวยพร้อมเขา ขอรวยช้ากว่าเขาหน่อย

อาตมาตั้งข้อสังเกตว่าบางคนบุญได้ยากมาก ที่ได้ยากมาก เพราะว่านอกจากจะทำช้าแล้ว ยังไม่ยอมทำร่วมกับคนอื่นอีก

ใครทำเราทำด้วย พูดง่าย ๆ คือรถคันไหนมาเราก็โดดขึ้นด้วย อย่างไรก็ไปถึงจุดหมายปลายทางเองแหละ ไม่ใช่ต้องไปรอทำของตัวเองทีละชุด ๆ แบบนั้นเหนื่อยตายชัก"


เถรี 27-08-2019 19:39

พระอาจารย์กล่าวกับคุณยาย "กลับไปเหนื่อยต่อนะ..ยายนะ ชีวิตลำบากมาตั้งแต่เกิดจนป่านนี้ ยังไม่สบายกับใครสักที แก้ไม่ได้หรอก เป็นบุญที่ทำมาอย่างนั้น"

เถรี 27-08-2019 19:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่ลืมแหวนไว้ที่วัด ตอนนี้คนเขาเอามาคืนแล้ว โปรดแสดงหลักฐานมารับคืนด้วย ของแพง ยังเหลืออีกหนึ่งวง ไม่ได้หายวงเดียว ไปเผลอถอดลืมไว้ในห้องน้ำ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ใส่อาบน้ำไปเถอะ..ไม่เป็นไรหรอก ดันไปถอดลืมเอาไว้

มีอยู่ที่เที่ยวหนึ่ง โยมลืมพระไว้ทั้งพวงเลย ๕ องค์ เลี่ยมทองไว้ ๓ องค์ ยังดีว่าของอยู่ที่วัดท่าขนุนแล้วไม่ค่อยหายหรอก คนเขาค่อนข้างที่จะเคร่งครัดต่อศีล ถึงเวลาก็เอามาคืน อาตมาก็รับไว้ ใครของหายก็ไปถามหาที่เลขานุการ ตอนนี้พระเลขาฯ เก็บไว้เป็นกองเลย

กติกาของพระก็คือ ถ้าโยมทำของตกหล่น หรือหลงลืมไว้ที่วัด ต้องเก็บรักษาไว้จนกว่าเจ้าของมาทวงคืน ลำบากตรงนี้แหละ เพราะว่าต้นตำรับเลยคือคุณย่าวิสาขา"


เถรี 27-08-2019 19:43

"คุณย่าวิสาขาอายุ ๑๒๐ ปี อายุมาก ๆ แล้วก็เผลอ ถอดเครื่องมหาลดาปสาธน์เอาไว้เพื่อที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ตอนกลับบ้านเลยลืม ลืมได้เหมือนกันนะ..ของแพงขนาดนั้น ถามว่าของขนาดนั้นราคา ๙ โกฏิ ตีเป็นสมัยนี้ก็ ๙๐ ล้านบาท แต่จริง ๆ แล้วถ้านับค่าของเงินของวัตถุ แพงกว่านั้นหลายเท่า

เครื่องมหาลดาปสาธน์เขาบอกว่าสร้างด้วยเงิน ๑,๐๐๐ แท่ง สร้างด้วยทอง ๑,๐๐๐ แท่ง อันนี้เอามารีดเป็นเส้นลวดเฉย ๆ ร้อยแก้วมณี ร้อยแก้วประพาฬ ร้อยแก้วไพฑูรย์ อย่างละ ๒๐ - ๓๐ ทะนาน แก้วมณีนี่เพชรนะ โคตรเพชรอีกต่างหาก เป็นลักษณะเหมือนอย่างกับมงกุฎรูปนกยูงรำแพน แล้วก็มีชายลงมาเป็นเสื้อคลุม น้ำหนักมากจนคนบุญไม่ถึงใส่ไม่ได้ ยกไม่ขึ้น

ในพระไตรปิฎกมีแค่ ๓ ท่านเท่านั้นที่มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ ก็คือนางวิสาขามหาอุบาสิกา นางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนา แล้วก็อีกคนหนึ่งตลกมาก เป็นเมียโจรชื่อเทวนานิยะ แสดงว่าแกทำบุญมาเยอะ แต่ต้องไปเป็นเมียโจร

ผู้หญิงที่จะมีเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์นี่ ในอดีตชาติต้องเคยถวายผ้าไตรไว้ในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะได้ถวายต่อพระพุทธเจ้า พวกเรานี่ถ้าไปเกิดใหม่พร้อม ๆ กันนี่ รับรอง..ร้านเพชรได้เจ๊งเลย สร้างเครื่องประดับชิ้นนี้ชิ้นเดียวก็ไม่มีวัตถุดิบแล้ว"

เถรี 27-08-2019 19:47

"ปรากฏว่าคุณย่าวิสาขาลืมเครื่องประดับ พระอานนท์ยกไหว เพราะว่ามีกำลัง ๗ ช้างสารเท่ากัน ในเมื่อพระอานนท์ยกไหวก็เอาไปเก็บ จึงกลายเป็นธรรมเนียมว่า ถ้าใครลืมของหรือทำของตกหล่นไว้ในวัด ต้องเก็บรักษาจนกว่าเจ้าของจะมารับคืน

นางวิสาขาพอนึกขึ้นมาได้ ก็บอกสาวใช้ว่าให้กลับไปเอาเครื่องประดับคืนให้ที นางปุณณทาสีก็สร้างบุญไว้ดี มีกำลังเท่ากับเจ้านาย สามารถแบกมาคืนได้ ไปถึงปรากฏว่าพระอานนท์เก็บเอาไว้แล้ว ซึ่งนางวิสาขาท่านก็คาดว่าเป็นอย่างนั้น เลยบอกว่า พระคุณเจ้าเป็นผู้เก็บไว้ เป็นของกึ่งกลางสงฆ์ ไม่ควรที่จะรับคืน ขอถวายท่านไปเลย

คราวนี้ถวายไปแล้วพระจะใช้อย่างไร ? ในเมื่อเป็นของที่กึ่งกลางสงฆ์ไปแล้ว นางวิสาขาก็เลยเอาไปตระเวนขาย ใครซื้อเครื่องประดับชิ้นนี้ จะเอาเงินไปสร้างวัด เอาเครื่องประดับใส่เกวียน ตอนที่สวมนี่สวมเองได้นะ ตอนคนเอาไปขาย ต้องใส่เกวียนไป ตระเวนจนทั่วเมืองไม่มีใครซื้อ เพราะนอกจากราคาแพงแล้ว ยังไม่มีใครสวมได้ แบกไม่ไหว"

เถรี 27-08-2019 19:50

"เราลองนึกถึงเสื้อคลุมมหาราชภูษิตาภรณ์ของในหลวง อันนั้นรวมเส้นทองที่ปักด้วย ๒๐ กว่ากิโลกรัม ไม่แข็งแรงจริง ๆ ไม่ต้องไปใส่หรอก ถึงเวลาเราเห็นรัชกาลที่ ๑๐ ใส่เครื่องทรง เสด็จประพาสทางสถลลมารค กว่าจะจบ..เหนื่อยแทน

นางวิสาขาก็เลยต้องซื้อเอง สรุปก็คือ ซื้อของตัวเองคืน แล้วก็เอาเงินไปสร้างวัดบุพพาราม หมดไป ๙ โกฏิ จัดงานฉลองหมดไปอีก ๙ โกฏิ รวม ๆ แล้วหมดเงินไป ๒๗ โกฏิ ประมาณ ๒๗๐ ล้านในอัตราตัวเลขปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นราคาแท้จริงก็น่าจะ ๒,๐๐๐ กว่าล้าน ก็เลยกลายเป็นอีกวัดหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่เมืองสาเกต"

เถรี 27-08-2019 20:04

"เมืองสาเกตเป็นเมืองแฝดกับสาวัตถี ใครเคยไปเชียงใหม่จะเห็นว่าเชียงใหม่กับลำพูนอยู่ติดกันเลย โดยเฉพาะถนนเส้นทางลำพูน - สารภี ติดกันจนแยกไม่ออกว่าเมืองไหน

นางวิสาขาเป็นลูกของธนัญชัยเศรษฐี ทางด้านแคว้นโกศล คือกรุงสาวัตถี ไม่มีเศรษฐีเลย อาจจะเป็นเพราะว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ค่อยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย แต่พระเจ้าพิมพิสารอำนวยความสะดวก บรรดาพวกพ่อค้า พวกเศรษฐีใหญ่ ๆ ก็เลยอยู่เต็มแคว้นมคธ ทางแคว้นโกศลไม่มีเลย

ในเมื่อแคว้นโกศลไม่มี พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทำหนังสือถึงพระเจ้าพิมพิสารว่า ขอเศรษฐีไปอยู่สักท่านหนึ่งเถอะ จะได้ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะฉะนั้น..ต้องให้นายกฯ ตู่ของเราทำหนังสือขอมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กมาอยู่ประเทศไทย เอาวอร์เร็น บัฟเฟตต์ ดีกว่านะ ดูท่าจะมั่นคงกว่า..ใช่ไหม ?"

เถรี 27-08-2019 20:07

"ในเมื่อขอไป พระเจ้าพิมพิสารก็หาอาสาสมัคร ธนัญชัยเศรษฐีที่ถือว่าหนุ่มกว่าเพื่อนก็อาสาสมัครไป ขนทรัพย์สมบัติ ขนข้าทาสบริวารไป ไปถึงบริเวณที่เป็นที่ตั้งเมืองสาเกต เห็นว่าเนื้อที่กว้างขวางใหญ่โตเพียงพอ ก็เลยส่งทูตก็คือตัวแทน เข้าไปหาพระเจ้าปเสนทิโกศล บอกว่าขออนุญาตสร้างเมืองตรงนี้ เพราะว่าถ้าเข้าไปในสาวัตถีจะทำให้เขาเดือดร้อนกันมาก เนื่องจากว่าเฉพาะบริวารที่ท่านพาไปก็สองแสนคนเข้าไปแล้ว..!

เศรษฐีสมัยก่อนส่งกองเกวียนไปค้าต่างเมือง ไปทีหนึ่ง ๓๐๐ เล่ม ๕๐๐ เล่ม เราลองนึกดูว่า ถ้าคนดูแลวัว ๑ คน คนดูแลสินค้า ๑ คน ถ้ากองเกวียนมีแค่นี้ ๕๐๐ เล่มก็ ๑,๐๐๐ คนแล้ว แล้วไหนจะต้องมีกองกำลังส่วนตัวไปป้องกันสินค้าอีก ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนโจรปล้น โดนอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ฉะนั้น...เศรษฐีสมัยก่อนจึงเหมือนอย่างกับมีกองทัพส่วนตัว

พระเจ้าปเสนทิโกศลเห็นด้วย ก็เลยยกที่ตรงนั้นให้ บอกให้ตั้งเมืองได้ตามสบายเลย ธนัญชัยเศรษฐีจึงตั้งเมืองขึ้นมาชื่อว่าเมืองสาเกตอยู่ที่ตรงนั้น นางวิสาขามหาอุบาสิกาสร้างบุพพารามที่เมืองสาเกต นิมนต์พระพุทธเจ้าไปอยู่ประจำ พระพุทธเจ้าประจำอยู่สาวัตถีแล้ว ถ้าหากว่าบิณฑบาต ชาวบ้านก็จะสังเกต ออกประตูทิศเหนือหรือทิศตะวันออก

ถ้าออกประตูทิศเหนือก็ไปวัดเชตวัน ถ้าออกทางทิศตะวันออกก็จะเป็นวัดบุพพาราม ชาวบ้านเขาจะไปฟังธรรมกัน เพราะว่าเดินถึงกันง่าย ๆ"

เถรี 27-08-2019 20:13

"เพราะฉะนั้นช่วงสุดท้าย ๒๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า ประจำอยู่ที่สาวัตถีและบุพพาราม รวมแล้ว ๒๔ พรรษา เขาแบ่งเฉลี่ยว่าไปจำพรรษาที่บุพพาราม ๙ พรรษา อยู่ที่สาวัตถี ๑๕ พรรษา เพราะฉะนั้น ในเมื่ออยู่สาวัตถีมากที่สุด เวลาเราอ่านพระสูตร พระอานนท์ท่านก็

เอวัมเม สุตัง ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้
เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่ง
ภะคะวา องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
สาวัตถิยัง วิหะระติ ประทับอยู่ที่เมืองสาวัตถี
เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม ในเชตวันมหาวิหาร อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี

ถ้าขึ้นด้วย สาวัตถิยัง วิหะระติ ก็คือจำพรรษาอยู่ที่เมืองสาวัตถี"

เถรี 27-08-2019 20:14

"ส่วนใหญ่แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์และพระอานนท์ก็จำมา ในเมื่อเทศน์สอนชาวบ้าน เนื้อหาข้อใหญ่ใจความเป็นอย่างไร ก่อนจะบอกกล่าวก็ต้องมีพาดหัวก่อน ในลักษณะใส่ข้อมูล ให้รายละเอียด เทศน์ที่ไหน เรื่องอะไร"

เถรี 27-08-2019 20:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ความจริงที่วัดท่าขนุนมีพระจำพรรษา ๕๓ รูป แต่คราวนี้ต้องแบ่งปันให้วัดอื่น ไปเป็นเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ลูกวัด ให้ยุ่งไปหมด เลยเหลืออยู่แค่ ๔๐ รูป"

เถรี 28-08-2019 22:46

ถาม : เมื่อวานเจ้านายบอกว่า หนูทำงานละเอียดแต่ช้า ต้องทำอย่างไรถึงจะทำงานละเอียดและเร็วคะ ?
ตอบ : สมาธิต้องดีกว่านี้ ถ้าสมาธิดีขึ้น ใจจดจ่ออยู่กับงาน ความละเอียดจะมี แล้วก็เร็วขึ้น

ถาม : ให้จับลมหายใจหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่จับลมหายใจ ถ้าจับลมหายใจ บางทีทำอะไรไม่ได้เลย นั่งแข็งทื่ออยู่นั่นแหละ ให้ซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้คล่องตัว ชนิดที่ว่าต้องการเข้าเมื่อไร ต้องการออกเมื่อไร ต้องได้ทันที

ถาม : สมาธิแบบนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ?
ตอบ : หน้าตาเป็นอย่างไร ? อย่างเช่นว่า รู้ลมหายใจอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับก็รู้เองได้ อย่างนี้เป็นต้น

เถรี 28-08-2019 22:50

ถาม : เวลานั่งสมาธิหรือทำอะไรจะปวดหัว ปวดหน้าผากค่ะ ?
ตอบ : นั่งสมาธิแล้วปวดหัว โดยเฉพาะปวดหน้าผาก เกิดจาก ๓ สาเหตุด้วยกัน
สาเหตุที่หนึ่ง คือเราเผลอใช้สายตาเพ่งโดยไม่รู้ตัว
สาเหตุที่สอง เขาเรียกว่าขันธมาร ก็คือร่างกายกลั่นแกล้ง
ส่วนสาเหตุที่สาม เกิดจากไฟฟ้าสถิต มันรวมอยู่ตรงจุดที่เรียกว่าตาที่ ๓ มากไป วิธีง่ายที่สุดก็คือหาอะไรเย็น ๆ มาแปะสักหน่อย หายแล้วก็เริ่มต้นใหม่


ถาม : หนูรู้สึกว่าเป็นเวทนา เข้าใจว่าคุมร่างกายไม่ได้นะคะ แต่ว่า...?
ตอบ : ไม่มีใครคุมร่างกายได้ เพียงแต่เขาไม่สนใจร่างกายเท่านั้น คำว่า คุมร่างกาย หมายถึงว่าเราสั่งงานร่างกายทุกอย่างได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ มีทางเดียวก็คือระงับ คือไม่ไปสนใจมัน ถ้าไม่ไปสนใจร่างกาย อาการจะแย่เท่าไรก็เรื่องของร่างกาย เราก็ทำงานของเราไป

เถรี 28-08-2019 22:53

ถาม : วิธีทำงานแล้วไม่ให้เครียดไปกับงาน ทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : อันดับแรกก็คือไม่ตั้งความหวัง เพราะว่าส่วนใหญ่ที่เราทำงาน ก็คือเรามีความหวัง หวังว่าจะได้เลื่อนขั้น หวังว่าจะได้ตำแหน่ง
วิธีที่สอง คืออย่าไปรับแรงกดดัน จะเร่งใช่ไหม ? ได้..นั่งรอสักพักนะ อยากเร่งก็เร่งไป เราก็ทำของเราไปเรื่อย ๆ


ถาม : แต่เจ้านายเขาคาดหวังค่ะ ?
ตอบ : ก็ปล่อยเขาคาดหวังไปสิ "รอเดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวเสร็จ" เคยเห็นไหม ? ร้านค้าบางร้านขายนี่ดีมากเลย ไอ้โน่นก็ตะโกนสั่ง ไอ้นี่ก็ตะโกนสั่ง อาแปะก็ “ฮ่อ ๆ รอเหลียว เหลียวไล่” อาแปะแกไม่รับแรงกดดันใด ๆ ทั้งสิ้น แกก็ทำของแกไปเรื่อยนั่นแหละ

ถาม : ตั้งใจทำแต่อย่าไปกดดันมากใช่ไหมคะ ?
ตอบ : อย่าไปใส่ใจกับแรงกดดัน รับปากทุกเรื่อง ส่วนทำได้แค่ไหนอยู่ที่เรา แต่ไม่ใช่นิสัยของหลวงพ่อนะ เพราะว่านิสัยหลวงพ่อคือรับปากแปลว่าต้องเสร็จ แล้วต้องดีด้วย

เถรี 28-08-2019 22:58

พระอาจารย์กล่าวว่า “บรรพบุรุษของเราเลือกกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงเพราะว่าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เนื่องจากสมัยก่อนต้องทำนา คราวนี้พวกเราเลิกทำนามาปลูกตึก ฝนก็ยังคงตกตามฤดูกาล ในเมื่อระบายไม่ทันก็มีปัญหา ต้องบอกว่าโบราณเขาเก่ง...เลือกสถานที่ได้ถูกต้อง แต่ลูกหลานเหลนอย่างพวกเราเอาไปใช้ผิดประเภท แทนที่จะทำไร่ทำนา เราก็ไปปลูกตึก

สมัยก่อนขุดคลองเอาไว้มากเพื่อจะได้ช่วยระบายน้ำ เราก็ไปถมคลองทำถนน สารพันปัญหาก็เลยตามมา แล้วบ้านเราจะทำอะไรก็ขาดการศึกษาอย่างถ่องแท้ ทำอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำก็เลยกลายเป็นสิ้นเปลืองงบประมาณเสียเปล่า ๆ แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรในการระบายน้ำเลย อุโมงค์จะระบายน้ำได้ก็ต่อเมื่อท่อย่อยไม่ตัน

คราวนี้ท่อย่อยตัน ไม่มีการเตรียมการตั้งแต่หน้าแล้ง ต่อให้เตรียมการ บ้านเราก็ยังมักง่าย ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง พอทิ้งขยะส่งเดช ถึงเวลาก็ลงท่อ รวมกันมาก ๆ ก็ท่อตัน วันดีคืนดีหลุดลงคลองไปได้ คนก็ตกใจว่าขยะมาจากไหนมากมาย มาจากความมักง่ายของพวกเรานั่นแหละ

ที่วัดท่าขนุนเคยมีเด็กตัวเล็ก ๆ น่าจะประมาณ ๓-๔ ขวบ กำมือเดินตามแม่ไปเรื่อย จนกระทั่งเจอถังขยะถึงได้ทิ้ง นั่นพ่อแม่เขาสอนมาดีมาก ว่าต้องทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ผู้ใหญ่เห็นแล้วอายเขา โดยเฉพาะที่วัดท่าขนุนเป็นถังขยะแยกประเภท ผู้ใหญ่ยังทิ้งไม่ค่อยจะถูกถังเลย”


เถรี 28-08-2019 23:00

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา อยู่ ๆ ก็เป็นข่าวดังแบบไม่รู้ตัว ก็คือพระยิงพระด้วยกันมรณภาพ เจ้าคณะอำเภอบอกว่าสายเกือบไหม้ ทั้งทางคณะสงฆ์ ทั้งทางบ้านเมือง ทั้งนักข่าวโทรมาทั้งวัน ถามว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร

ความจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว เกิดจากพระกาญจน์ที่ไปยิงเขาตาย เขามายื่นหนังสือฟ้องกับอาตมาเอง ยื่นฟ้องกับพระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ ว่าพระครูพิสุทธิ์กาญจนาภรณ์ เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๑ ทำไสยศาสตร์ใส่เขา เพราะว่าเขาเป็นตุ่มไปทั้งตัว นอนไม่ค่อยได้ คันไปหมด

อาตมาก็ว่าท่าจะไม่ดีกระมัง ท่านอาจารย์วิสุทธิ์จะทำอะไรเป็นนอกจากดูหมอ ก็เลยบอกกับท่านว่า “อันดับแรก ตั้งแต่คบหาสมาคมกันมา ไม่คิดว่าท่านอาจารย์วิสุทธิ์จะทำไสยศาสตร์ใส่ใครได้ ประการที่สอง คุณฟ้องผิดที่ วัดอู่ล่องอยู่ในเขตตำบลชะแล เขต ๑ คุณจะมาฟ้องที่ท่าขนุน เขต ๒ ไม่ได้ ถือว่าฟ้องผิดเจ้าคณะ ถ้าจะฟ้องต้องไปฟ้องหลวงพ่อพระครูอุทัย (พระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์) เจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๑”

เถรี 28-08-2019 23:01

“พระกาญจน์ท่านก็ออกจากวัดไป อาตมาก็โทรหาเจ้าคณะอำเภอกับพระครูวิสุทธิ์ ทั้งสองรูปมาตอนกลางคืนเลย ท่านบอกว่า “ท่านอาจารย์..ผมว่าท่าจะไม่ค่อยดีนะ” “ใช่ครับ ผมดูท่าว่าจะไม่ดี ท่านเหมือนกับไม่เต็ม ทำอย่างไรจะให้ท่านไปพ้น ๆ ทองผาภูมิเราไปก่อน ?” เจ้าคณะอำเภอท่านบอกว่า “คงต้องใช้ตำรวจทหารจัดการ” ก็เลยโทรไป ปรากฏว่าทางทหารเขามาช่วยเอาตัวออกนอกพื้นที่ หายไป ๒ ปีก็กลับมาใหม่

กลับมาคราวนี้ต้องบอกว่า เป็นความเฮงของท่านวันชัย เพราะว่าเขาย้อนกลับไปที่วัดโชคผาสุกิจ ซึ่งพระครูวิสุทธิ์ท่านอยู่ประจำ พอเจอท่านวันชัย ท่านก็ยิงเลย ใช้ปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ ซัดตูมเข้าไปให้ ๙ เม็ดเต็ม ๆ ตอนที่ไปงานศพท่านวันชัย ยังปรารภกับพระครูวิสุทธิ์ว่า “ท่านตั้งใจยิงคุณนะ” ท่านบอกว่า “ใช่ครับ เขาบอกตำรวจเลยว่า เจอใครก็ยิง”

ตำรวจเขาจับสึกแล้วดำเนินคดี แต่ที่เสียดายคือท่านวันชัย อายุ ๕๓ ปี พรรษา ๓๓ คือบวชตั้งแต่เป็นเณร แล้วอีกนานเท่าไรกว่าเราจะได้พระพรรษา ๓๓ มาอีกสักรูปหนึ่ง ? ญาติโยมให้ความศรัทธามาก เพราะว่าบวชตั้งแต่เป็นเณร งานศพมีโยมไปเป็นพันเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นพระลูกวัดธรรมดา”

เถรี 28-08-2019 23:03

“ส่วนทิดกาญจน์ที่สึกไป ชาวบ้านเขาวิเคราะห์ว่า ทิดกาญจน์ไปฝึกหลอมปรอท น่าจะแพ้สารปรอท ก็เลยเกิดเป็นตุ่มพุพองขึ้นมาในตัว แล้วก็ดันไประแวงว่าคนอื่นทำตัวเอง ก็คงเห็นว่าหลวงพ่อพระครูวิสุทธิ์มีญาติโยมขึ้นเยอะ มีการทำพิธีโน่นนี่ สะเดาะเคราะห์ต่าง ๆ ตามแบบของหมอดู ไอ้นี่ต้องทำกูแน่เลย เขาสรุปง่าย ๆ แบบนั้นแหละ

แล้วที่ดวงเฮงที่สุดคือพระครูวิลาศกาญจนธรรม พอขึ้นเป็นรองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิไม่กี่วันเอง ทางด้านนี้ยิงกันตาย ท่านพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แหม..กูเกือบจะซวยไปด้วย..! เพราะว่าดูแลวัดนั้นอยู่ ...(หัวเราะ)... คือวัดโชคผาสุกิจอยู่เขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลท่าขนุน เขต ๒ แต่ท่านอาจารย์วิสุทธิ์เป็นเจ้าอาวาสวัดอู่ล่อง อยู่ในเขตชะแล เขต ๑ แล้วลุงกมล ใจมั่น ถวายที่ไว้ให้ ท่านอาจารย์วิสุทธิ์จึงมาสร้างวัดโชคผาสุกิจขึ้นมา ก็เลยกลายเป็นคาบเกี่ยวกันอยู่ระหว่างสองพื้นที่ ก็คือวัดเก่าอยู่ในเขตตำบลชะแล เขต ๑ วัดใหม่อยู่ในเขตตำบลท่าขนุน เขต ๒”

เถรี 28-08-2019 23:05

“ก่อนหน้านั้นแค่ไม่กี่วัน ระหว่างที่เจริญกรรมฐานช่วงเช้า มีเสียงพระท่านบอกว่า “จะมีผู้ปองร้ายผู้ใต้บังคับบัญชาถึงตาย” อาตมาเองก็..ตายละวา..แล้วใครก็ไม่บอก เลยไล่แจกอาวุธ ก็คือแจกเบี้ยแก้ มีดหมอ ให้กับพระของวัดท่าขนุนที่ไปเป็นเจ้าอาวาส ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสหลายรูป หมดไปเยอะเลย ถ้าคิดเป็นมูลค่าตามท้องตลาดก็หลายแสน

แต่ปรากฏว่าพอเรื่องตูมขึ้นมา อาตมาก็เอ๊ะ..อ๋อใช่ ถ้ายังเป็นเจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ อยู่ ท่านวันชัยก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะว่าท่านอยู่วัดโชคผาสุกิจ ตอนนี้เป็นรองเจ้าคณะอำเภอ ท่านก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะว่าทั้งอำเภอเท่ากับอยู่ใต้การปกครอง การใบ้หวยแบบนี้อาตมาตีออกทะเลหมดเลย ...(หัวเราะ)...

เรื่องไม่คาดฝันบางทีก็เกิดขึ้นในวงการสงฆ์แบบนึกไม่ถึง ใครจะไปนึกว่าท่านจะไปตัดสินคนง่าย ๆ แล้วก็บอกตำรวจแบบไม่สะทกสะท้านเลยว่าเจอใครก็ยิง ที่น่าเสียดายมากเพราะว่าพระท่านพรรษาขนาดนั้น พวกเรากำลังเล็งมองกันอยู่ ว่าจะให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสในวัดซึ่งมีชาวมอญเยอะ ๆ เพราะว่าท่านวันชัยเป็นมอญ ยังไม่ทันจะได้ใช้งานเลย...มรณภาพเสียแล้ว”

เถรี 28-08-2019 23:06

พระอาจารย์กล่าวว่า “ใครที่เป็นฝ้า จะฝ้าเลือด ฝ้าลมอะไรก็ช่าง อย่าไปเสียเวลารักษา เพราะว่าเป็นที่เลือดลมข้างใน เอายาทาข้างนอกไปก็ไร้ประโยชน์ ให้ไปฝึกโยคะ วิธีหายใจแบบโยคะจะช่วยฟอกเลือดลมของเราให้สะอาดขึ้น แล้วฝ้าจะหายไปเอง หรือถ้าขี้เกียจฝึกโยคะก็นั่งสมาธิ ถ้าถึงปฐมฌานละเอียดขึ้นไปก็หายไปเอง เพราะว่าถึงจุดนั้นแล้ว ลมหายใจจะละเอียด ลึก และยาว ก็จะฟอกธาตุขันธ์ภายในได้เองเหมือนกัน

ถ้าไปฝึกซ้อมหายใจแบบโยคะ เขาให้หายใจเข้า ๓๐ วินาทีเป็นอย่างน้อย หายใจออก ๓๐ วินาทีเป็นอย่างน้อย หายใจลงท้อง หายใจลงปอดช่วงล่าง หายใจลงปอดช่วงบน..สารพัดเลย ถ้าไม่เคยหัด บอกไปแค่นี้คงตาย ทำกันไม่ได้หรอก ...(หัวเราะ)...”

เถรี 28-08-2019 23:08

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยก่อนคนท้องเขาให้ดูแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ สมัยนี้อาตมาว่าที่เหมาะกับคนท้องที่สุดก็คือเสียงสวดแบบทิเบต โดยเฉพาะเสียงเด็ก ๆ สวด เพราะมากเลย ฟังแล้วเพลิน ลูกในท้องพลอยได้ไปด้วย ดีไม่ดีได้ภาษาทิเบตตั้งแต่ยังไม่ทันจะคลอด ...(หัวเราะ)... เดี๋ยวนี้เขามีให้โหลดเยอะแยะไปหมด ฟังแล้วสุขภาพจิตของแม่ดี ลูกก็ดีไปด้วย ถึงเวลาก็ก่อนนอนไหว้พระ เปิดเสียงสวดไป

อย่างทางด้านเหนือเขาก็มีชินบัญชรล้านนา นั่นก็เพราะมากเลยนะ เปิดไว้ในบ้านเถอะ เทวดามาฟังกันเพียบเลย แต่ว่าเนื้อหายาวกว่าชินบัญชรภาคกลางมาก เพราะว่ามีหัวมีท้ายด้วย ชินบัญชรเป็นไส้กลางเท่านั้นเอง ต้องบอกว่าปราชญ์ทางล้านนาของเราเก่งมาก สามารถแต่งต่อปิดหัวปิดท้ายได้

นักปราชญ์ล้านนาสมัยพระเจ้าติโลกราชนี่สุดยอดมาก มังคลัตถทีปนีของพระสิริมังคลาจารย์ยังใช้งานอยู่จนทุกวันนี้ สอบประโยค ๘ เมื่อไรก็เจอมังคลัตถทีปนีเมื่อนั้นแหละ”



เถรี 28-08-2019 23:08

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถ้าไม่ไปผูกสัมพันธ์ กรรมก็ต่อไม่ได้ ก็จบอยู่แค่นั้นแหละ”


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:49


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว