กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ซัวสะเดย..เนียงลออ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=59)
-   -   ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4090)

สุธรรม 14-08-2014 02:45

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1407961069
พ้นบันไดมาแล้วก็จะเป็นมณฑปหลังนี้

น้องเล็ก ลูกปุ๊กและคุณอารีเข้ามาถ่ายรูปด้วย รอจนพี่มุกดา พี่วิไลและคุณปัญญามาถึงจึงเดินต่อ สุดบันไดทางซ้ายมือเป็นเหมือนเทวาลัยขนาดไม่ใหญ่นัก มีซุ้มจตุรมุขเป็นหน้าบันด้านละ ๔ ชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นละเอียดยิบ เยื้องเข้าอีกหน่อยเป็นอาคารที่น่าจะเป็นกุฏิพระ ลักษณะเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงไทยชัด ๆ มุงกระเบื้องลอนเล็กสีเขียว มีหน้าต่างบานเกล็ดอีกด้วย...

สุธรรม 15-08-2014 01:21

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408042427
ศาลาบนก้อนหิน

ทางขวามือเป็นพื้นที่ป่าธรรมชาติที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่ห่าง ๆ มีหินที่เหมือนกับกำแพงธรรมชาติโอบเอาไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อหันเข้าไปทางขวาเต็ม ๆ จะเป็นก้อนหินขนาดมโหฬาร ที่ด้านบนก้อนหินสร้างศาลาขนาดใหญ่เอาไว้ทั้งหลัง มีบันไดคอนกรีตเสริมเหล็กทอดขึ้นไปยังศาลาข้างบนด้วย...

สุธรรม 17-08-2014 02:51

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408220660
โผล่มาทางพระบาทของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่

พี่วิไลเดินนำขึ้นบันไดไปข้างบน บันไดตรงขึ้นไปสองช่วง แต่ละช่วงหลายสิบขั้น แล้วหักเลี้ยวขวาขึ้นสู่ศาลาหลังใหญ่ คะเนด้วยสายตาน่าจะกว้างประมาณ ๙ X ๒๑ ตารางเมตร พวกเราโผล่มาทางปลายพระบาทของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่ยาวเกือบเต็มศาลา...

สุธรรม 18-08-2014 02:32

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408305940
ด้านหลังองค์พระเหลือพื้นที่ว่างนิดเดียว

องค์พระพุทธไสยาสน์แกะจากหินธรรมชาติ ที่เป็นส่วนของยอดหินก้อนใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งศาลานั่นแหละ สัณฐานของยอดหินค่อนข้างแบน ลักษณะขององค์พระบรรทมตะแคงซ้าย เหลือพื้นที่ด้านหน้าองค์พระกับข้างฝาศาลาประมาณเมตรเศษ ๆ ส่วนด้านหลังแคบมาก ต้องเดินตะแคงข้างถึงจะผ่านไปได้...

สุธรรม 19-08-2014 02:03

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408390603
องค์พระพุทธไสยาสน์ส่วนหนึ่งดูเหมือนจมลงไปในพระแท่นบรรทม

พระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ออกไปในลักษณะศิลปะพุกาม แต่องค์พระแกะไม่เต็มพระองค์ จึงเหมือนกับจมลงไปในพระแท่นบรรทมส่วนหนึ่ง ช่วงระหว่างพระองค์กับพระแท่นบรรทมที่มีชานจากการแกะเว้าเข้าไป มีผู้เอาพระพุทธรูปขนาดหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว มาวางถวายไว้เรียงเป็นตับ ช่วงฐานของพระแท่นบรรทม แกะเป็นพระพักตร์ของพระพุทธรูปเรียงรายไว้เกือบตลอดความยาวขององค์พระพุทธไสยาสน์...

สุธรรม 20-08-2014 02:53

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408479951
ได้ดอกไม้ธูปเทียนมา ก็ไหว้พระกันตามอัธยาศัย

คุณอารีเอาดอกบัวและธูปเทียนทองที่ซื้อติดมือมาตั้งแต่เชิงบันได ส่งมาให้พวกเราคนละชุด อาตมาหลบญาติโยมชาวขแมร์ทั้งหลายที่แห่กันมากราบไหว้พระพุทธรูป ไปอยู่ทางด้านหลังองค์พระพุทธไสยาสน์ ตั้งใจถวายดอกไม้ธูปเทียนเป็นพุทธบูชา สวดอิติปิ โสฯ ๓ ห้องถวาย แล้วอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้าที่ทั้งหลาย ตลอดจนจอมคนแห่งกัมโพชที่วันนี้ไม่ "เห็นพระเศียร" เลย...

สุธรรม 21-08-2014 02:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408566346
โลกเอิวเบ๊าะของชาวเขมรหรือหลวงปู่สรวง

ภูเขาลูกนี้แต่เดิมชื่อมเหนทรบรรพต เป็นสถานที่ซึ่งถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณ สมัยก่อนหลวงปู่หลวงพ่อจากเมืองไทยถ้าธุดงค์มาเขมร จะต้องมากราบพระพุทธไสยาสน์องค์นี้กันทั้งนั้น แม้แต่ "โลกเอิวเบ๊าะ (หลวงพ่อดาบส)" อย่างหลวงปู่สรวง เจ้าของฉายานาม "เทวดาเล่นดิน" ก็ยังพาลูกศิษย์มากราบไหว้อยู่หลายครั้ง...

สุธรรม 22-08-2014 04:35

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408658935
รุมปิดทองกันที่พระพักตร์พระพุทธไสยาสน์

เนื่องจากมีญาติโยมถวายแผ่นทองมาอยู่เรื่อย ๆ อาตมาสั่งให้น้องเล็กเอาติดตัวไว้เสมอ มาถึงที่นี่จึงได้ที น้องเล็กควักออกมาแจกให้ทุกคน จึงไปรุมกันปิดทองอยู่แถวพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ ส่วนอาตมาเดินดูรอบองค์พระ เห็นมีลายเซ็นของพวก "มือบอน" ทั้งหลาย อยู่ด้านหลังองค์พระเต็มไปหมด ฝรั่งหลายคนยกกล้องถ่ายลายเซ็นเอาไว้ ไม่ทราบว่าเอาไว้ดูเล่นหรือจะเอาไปประจานกันแน่...

สุธรรม 23-08-2014 01:50

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408735434
ขึ้นทางบันไดหน้า แต่มาลงทางบันไดหลัง

วนมาจนถึงพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์ มีตู้บริจาคตั้งอยู่ด้วย อาตมาจึงหยอดตู้ไป ๒,๐๐๐ เรียล ครั้นเห็นว่าส่วนมากปิดทองกันเสร็จแล้ว อาตมาจึงเดินออกมาทางเดิม แต่เลี้ยวขวาลงบันไดทางด้านหลังศาลา มีป้ามอย แม่ป๋อม พี่มุกดา น้องเล็กและลูกปุ๊ก ตามลงมาด้วย อาตมาให้ทุกคนหยุดถ่ายรูปกันก่อน บันไดด้านนี้สูงกว่าด้านหน้าอีก ตรงเชิงบันไดเป็นสิงห์แบบขอม แกะสลักจากหินทรายตั้งอยู่คู่หนึ่ง ลงมาถึงเชิงบันไดเจอพระเจ้าถิ่นที่กลับจากบิณฑบาตพอดี...

สุธรรม 24-08-2014 01:22

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408820163
นมัสการหลวงพ่อ..สบายดีนะครับ

"จุมเรียบซัว..โลกเอิว..ซกสบายดี ?" อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยมารยาทอันดี แต่พอเห็นแม่ป๋อมยกกล้องถ่ายรูปก็รีบเดินหนี อาตมาอวยพรตามหลังไปว่า "ซกขะเพียบลออ" คุณแม่ที่ทำเสียเรื่องหัวเราะแหะ ๆ...

อาตมาเห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำ จึงเดินตรงเข้าไปปลดทุกข์เบาก่อน ห้องน้ำของเขาเป็นโถชักโครกอย่างดี แต่ประตูปิดด้วยการใช้ไม้ขัดดานเอา เป็นการประยุกต์โลกยุคเก่ากับยุคใหม่เข้าด้วยกันแบบไม่ขัดเขิน ขนาดอยู่บนเขาอย่างนี้ห้องน้ำของเขายังไม่ขาดแคลนน้ำ ต้องชมเชยทางวัดเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีระบบประปาก็แปลว่าต้องหาบน้ำมาจากเชิงเขาโน่นเลยทีเดียว ทำให้อาตมาไม่กล้าใช้น้ำมาก ตักราดไปขันเดียวพอให้สะอาดเท่านั้น

สุธรรม 25-08-2014 01:49

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408908183
ศาลาบูชาพรหมพักตร์

ออกมาเจอลูกปุ๊กที่รอคิวเข้าห้องน้ำอยู่ ในเมื่อคนอื่นยังทำธุระไม่เสร็จ อาตมาจึงฉวยโอกาสถ่ายรูปศาลาลอยฟ้าจากทางด้านหลังนี้ไปด้วย เสร็จแล้วเดินอ้อมหินใหญ่ที่ตั้งศาลาครบรอบพอดี ก็มาเจอศาลาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยบายศรีกระดาษ มีทั้งสีเงิน สีทอง สีเขียวแน่นไปหมด...

เมื่อเล็งดูดี ๆ จึงเห็นว่าที่ผนังศาลามีปูนปั้นแบบดุนนูน เป็นพรหมพักตร์อยู่ทั้งซ้ายขวา ต่ำลงมาเป็นลายมงคลอะไรก็ดูไม่ถนัด กับนกที่บินอยู่ด้านละตัว ติดขอบศาลาทั้งสองข้าง เป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้ที่เป็นรูปกระจังแข็งโป๊กลงมาตรงกลาง ข้างหน้าศาลามีตู้บริจาคเรียงราย บนตู้บริจาควางพานไว้หลายสิบใบ มีทั้งพานใส่ผลไม้และพานใส่เงิน เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะเป็นพรหมพักตร์ในศาลานั่นเอง...

สุธรรม 26-08-2014 01:11

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1408992329
พระพุทธรูปนาคปรกอยู่ในรอยเว้า

ทางซ้ายมือของศาลาซึ่งก็คือขวามือเมื่อตอนที่เดินเข้ามา เป็นผนังหินธรรมชาติโอบกว้างไปหลายสิบเมตร มีพระพุทธรูปหินทรายองค์ใหญ่กว่าตัวคนเล็กน้อยตั้งอยู่สามองค์ ถัดไปเป็นเสมาแกะสลักและพระพุทธรูปปูนปั้นลงสีอีกเกือบสิบองค์ จุดที่หินใหญ่สองก้อนมาชนกัน เว้าเข้าไปเป็นที่นั่งได้ มีพระพุทธรูปนาคปรกแกะจากหินทรายองค์ใหญ่ พระสงฆ์รูปหนึ่งกำลังนั่งพรมน้ำมนต์ให้แก่ญาติโยมที่เข้าไปทำบุญตรงนั้น ถัดไปเป็นศาลเพียงตา (ศาลพระภูมิ) สีเหลืองหลังหนึ่ง...

สุธรรม 27-08-2014 02:40

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409084086
พุทธกับพราหมณ์อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน

ตรงกลางลานหินเป็นสระน้ำคอนกรีตไม่ใหญ่นัก มีสายพลาสติกกำลังส่งน้ำลงในสระ ซึ่งล้นออกไปยังศิวลึงค์ตั้งอยู่บนอุมาโยนีข้างหน้าสระ แล้วไหลลงไปยังฐานที่เป็นรูปกลีบบัวกลีบใหญ่ จากนั้นไหลลงท่อพีวีซีที่ปลายกลีบบัวออกไปถึงไหนก็ไม่รู้ มีญาติโยมหลายคนวักน้ำไปล้างหน้าและพรมศีรษะตนเองอยู่...

สุธรรม 28-08-2014 02:26

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409169676
แม่ค้าขายลอดช่องเขมร

ถัดจากสระน้ำไป เป็นป้ายปูนแจ้งรายละเอียดของสถานที่นี้เป็นอักษรขอม บอกเวลาการสร้างป้ายอันนี้ว่า พ.ศ. ๒๕๔๘ มีแม่ค้าวางหาบขายลอดช่องอยู่หาบหนึ่ง ลูกค้าหลายคนกำลังล้อมหาบสั่งลอดช่องกันอยู่ แต่พวกเราไม่มีใครอยากกินลอดช่อง อาตมาจึงชวนเดินกลับลงไปข้างล่าง...

ขาลงถึงแม้จะสบายกว่าก็จริง แต่ความกว้างของบันไดทำให้เดินไม่ถนัด เพราะจะเดินก้าวละขั้นก็กว้างเกินไป เดินสองก้าวต่อขั้นก็แคบเกินไป จึงต้องจด ๆ จ้อง ๆ เขย่งก้าวกระโดดกันไป ตามแต่ว่าใครจะขายาวขาสั้นกว่ากัน...

สุธรรม 29-08-2014 02:30

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409256288
อยากมีประสบการณ์ก็ต้องซื้อของแพง

ลงมาถึงข้างล่างก็ต้องเดินเลาะร้านค้าเพื่อกลับไปยังลานจอดรถ ลูกปุ๊กเห็น “กุเลน” หรือลิ้นจี่ป่า ที่บ้านเราเรียกว่า “คอแลน” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “พนมกุเลน” หรือ ภูเขาลิ้นจี่ป่า จึงแวะเข้าไปถามราคา แล้วก็ต้องสะดุ้ง เพราะคนขายตอบว่า “พวงละ ๒๐ บาท” อ๊ากกก..! ไอ้ของที่บ้านเรายกให้ฟรียังไม่ค่อยมีใครเอา ที่นี่ขายกันหยิบมือละ ๒๐ บาท..!

ด้วยความที่เกิดมายังไม่เคยกินคอแลนมาก่อน เดี๋ยวมีคนถามว่าคอแลนรสชาติเป็นอย่างไร ถ้าตอบเขาไม่ได้ก็เสียทีที่เข้าป่ากับหลวงพ่อบ่อย ๆ คุณลูกจึงพยายามต่อราคา ท้ายสุดได้มา ๓ พวง ๕๐ บาท กลายเป็นจ่ายแพงหนักเข้าไปอีก แล้วเอามาแบ่งให้คนอื่น ๆ ได้ชิมด้วย...

สุธรรม 30-08-2014 02:10

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409341541
ไม่อยากเดินไกล เอาตรงนี้แหละ..!

อาตมากินคอแลนมามากแล้ว บางต้นเอาไปตำน้ำพริกแทนมะนาวได้เลย จึงหันไปสนใจของอื่นแทน มีกระเพาะค่าง เป็นต้น สำหรับกระเพาะค่างนี้ ตำรายาอายุวัฒนะโบราณเรียกว่า “พญาร้อยยอด” เพราะค่างกินยอดไม้สารพัดชนิด เมื่อตากแห้งเอามาดองน้ำผึ้ง หรือ “พญาร้อยดอก” รวมกับกระเพาะเม่น หรือ “พญาร้อยราก” เพราะเม่นกินรากไม้สารพัดชนิดเช่นกัน กินทุกวันร่างกายจะแข็งแรง หรือว่าจะแข็งแต่แรงไม่มีก็ไม่รู้ ?

เจ้าหมาสีน้ำตาลค่อนข้างผอมตัวหนึ่ง เดินเบียดอาตมาเข้าไปที่ถังน้ำใส่ดอกบัว เอาหัวซุกแหวกดอกบัวลงไปจนถึงน้ำ แล้วเลียกินอย่างกระหายจัด อาตมาชี้ให้ทุกคนดูเลยหัวเราะกันใหญ่ แม้แต่แม่ค้าขายดอกบัวก็พลอยหัวเราะไปด้วย เออหนอ..จะคนจะสัตว์ก็ทุกข์ด้วยความหิว ความกระหายพอกัน...

สุธรรม 31-08-2014 02:23

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409428687
พม่ามีศาลรุกขเทวดาที่แปะกับต้นไม้ เขมรก็มีศาลพระภูมิที่แบอยู่กับดิน

คุณราญเอารถตู้มาจอดเทียบ พวกเราขึ้นรถแล้วก็พาวิ่งย้อนเส้นทางเดิมมาได้นิดเดียว พอถึงช่วงที่เป็นลานกว้าง ก็พารถวิ่งชิดชายห้วยที่มีต้นไม้ร่มครึ้มแล้วจอด คุณปัญญาเปิดประตูให้ทุกคนลงมา กำลังงง ๆ ว่าอะไรกัน ? พี่วิไลก็บอกว่า “ลำห้วยสายนี้เป็นห้วยน้ำมนต์ พี่ปราณีให้พาพวกเรามาสักการะ ใครจะอาบน้ำมนต์ก็ได้นะคะ..”

ที่ชายห้วยมีรั้วไม้เตี้ย ๆ กั้นไม่ให้คนลงไปเล่นน้ำ ตามร่มไม้ริมห้วยมีแคร่ไม้ตั้งเรียงรายกันเป็นระยะ น่าจะเป็นที่ขายของมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแม่ค้าเหลืออยู่เลย พี่วิไลพาเดินเลียบลำห้วยไปทางซ้าย อาตมาเห็นศาลพระภูมิหลังหนึ่ง ที่เป็น “ศาลพระภูมิ” จริง ๆ ไม่ใช่ศาลเพียงตา เพราะว่าสร้างแปะไว้กับพื้น (ภูมิ) เลย จึงให้แม่ป๋อมถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนที่จะรีบเดินตามคณะไป มาถึงบริเวณที่ไม่มีรั้วไม้ น้ำตรงนี้ค่อนข้างลึก มีชิงช้าหวายสานอย่างดีห้อยอยู่ตัวหนึ่งด้วย...

สุธรรม 01-09-2014 02:23

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409515086
พระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ โปรดให้สร้างศิวลึงค์ไว้ที่ก้นแม่น้ำถึง ๑,๐๐๐ องค์

พี่วิไลบอกให้คุณปัญญาส่งเครื่องสักการะมา อาตมาจึงเห็นว่าคุณปัญญาถือถาดมาใบหนึ่งด้วย ในถาดมีกลีบดอกบัว ดาวเรือง กุหลาบ ปนกับถั่วงากองพูนอยู่ พี่เขาส่งให้อาตมาเพื่อโปรยลงไปในลำห้วย อาตมาจึงถึงบางอ้อ ที่แท้ลำห้วยนี้ก็คือต้นแม่น้ำเสียมเรียบนั่นเอง...

สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ ผู้สถาปนาอาณาจักรกัมโพช ทรงนับถือศาสนาพราหมณ์ไศวนิกาย โปรดให้สร้างศิวลึงค์พร้อมกับอุมาโยนีที่ต้นแม่น้ำเสียมเรียบบริเวณพนมกุเลน เพื่อให้แม่น้ำสายนี้กลายเป็นน้ำมนต์ไปทั้งสาย จำนวนศิวลึงค์และอุมาโยนีที่สร้างมีถึง ๑,๐๐๐ องค์ การแกะสลักในน้ำคงจะยุ่งยากน่าดู...

สุธรรม 02-09-2014 01:51

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409599583
แค่ขุดทางเบี่ยงให้น้ำแห้ง แกะสลักเสร็จก็ถมทางเบี่ยงให้น้ำไหลมาทางเดิม

“ไม่ได้ยากอะไรเลย แค่เบี่ยงทางน้ำให้ไหลไปทางอื่น แล้วแกะสลักจนเสร็จ จากนั้นก็ถมทางเบี่ยงให้น้ำไหลกลับมาในเส้นทางเดิม” สุรเสียงจอมคนแห่งกัมโพชดังขึ้น ตกใจนะนี่..นึกว่าผีหลอกกลางวัน..! แล้วนี่พระองค์ท่าน “หายพระเศียร” ไปไหนมา ?

“วันนี้เป็น “วันพระ” นอกจากรุกขเทวดาและภุมมเทวดาแล้ว ที่เหลือทั้งหมดต้องไปประชุมที่เทวสภา ขนาดข้าพเจ้ารีบกลับมาแล้ว ยังโดน “จิกกัด” แบบนี้ รู้อย่างนี้มาช้ากว่านี้ก็คงจะดี..” นั่น..มี “ทรงพระงอน” อีกด้วย ทำอย่างกับว่า “จิกกัด” ไปแล้ว พระองค์ท่านจะสะเทือนอย่างนั้นแหละ อ้อ..วันนี้วันพระหรือ ? มาจนลืมวันลืมคืนไปแล้ว...

สุธรรม 03-09-2014 02:19

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1409687681
เขาทำชิงช้าไว้ให้ถ่ายรูปด้วย

“สมเด็จพระบรมมหาปัยกาเจ้าทรงเล็งเห็นว่า ประชาชนทุกคนก็ล้วนแล้วแต่อยากได้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทว่าน้ำมนต์ที่พราหมณ์ “ผลิต” จากเทวาลัยต่าง ๆ เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ศรัทธาแล้วมีน้อยเหลือเกิน จึงทรงมีพระดำริให้ “สร้าง” แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ประดุจแม่น้ำคงคาในชมพูทวีป ไหลผ่านไปถึงไหนประชาชนจะได้มีน้ำมนต์ใช้กันโดยถ้วนหน้า” มัคคุเทศก์เถื่อนเข้าประจำที่แล้วครับท่าน...

อาตมารับถาดใส่เครื่องสักการะมาจากคุณปัญญา โปรยดอกไม้ลงไปในลำห้วย ๓ กำ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แม้จะดูแปลก ๆ ที่มาบูชาพระในแม่น้ำสายนี้ แต่ก็สำคัญอยู่ที่การตั้งใจเท่านั้น แล้วส่งถาดต่อให้คนอื่น ๆ เป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้กันบ้าง ส่วนตัวเองเดินไปนั่งที่ชิงช้าหวายให้แม่ป๋อมถ่ายรูป คนอื่นเห็นว่าเขาตั้งใจทำชิงช้าให้ถ่ายรูปอยู่แล้ว จึงมาขอถ่ายบ้าง...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:00


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว