กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   ความรู้สึกและเรื่องราวจากการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่าน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3079)

มัคคนายก 06-12-2011 07:24

ความรู้สึกและเรื่องราวจากการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่าน
 
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการบอกเล่าความรู้สึกของท่านหลังจากผ่านการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่านทั้งหลาย ว่าท่านมีความรู้สึกอย่างไร
ขอให้บอกเล่ากันโดยธรรมฉันพี่น้อง และสหธรรมมิกที่ปรารถนาซึ่งความบริสุทธิ์หลุดพ้น เพื่อปัญญาและเพื่อพระนิพพานร่วมกันนะครับ

:4672615: เริ่มได้ ณ บัดนี้

ชินเชาวน์ 06-12-2011 07:44

เดิมทีนึกว่ารอบนี้ (รอบที่ ๙) หลวงพ่อจะไม่ได้อยู่วัดเสียอีก ก็เลยลืมเอาเครื่องอัดเสียงและกล้องถ่ายรูปไปด้วย พอท่านทิดทักขึ้นมาว่า
"เฮ้ย...ไม่มีอะไรอัดเสียงท่านไว้สักหน่อยหรือ...?" จึงบอกไปตามตรงว่าไม่ได้เอามา ซึ่งสิ่งที่หลวงพ่อเทศน์ก็มีเนื้อหาที่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง จึงมีความเสียดายที่ไม่ได้ทำการถ่ายทอดต่อไปให้คนอื่น ๆ ได้ฟังด้วย

ส่วนอากาศจะหนาวหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว รู้สึกว่าเย็นกำลังดี ถ้าเย็นกว่านี้มากไปก็รู้สึกจะหนาวเกินไปแล้ว แต่บังเอิญว่าแอร์ที่ทำงานของผมเย็นกว่านี้ "บรื๋ออออ..." :cebollita_onion-08:

ดีใจที่ได้นอนคนเดียว (กลัวคนอื่นจะรำคาญเสียงกรน) พยายามนอนภาวนาไปเรื่อย ๆ ประคองสติไม่ให้หลับโดยไม่รู้สึกตัว (เพราะจะกรน) แต่ผิดคาด พอเริ่มภาวนา พุท ยังไม่ทันถึง โธ เลย ก็หลับไปเสียแล้ว... :b210e58c:

ส่วนเสียงกรนดังแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันรุ่งขึ้นหลวงพี่ข้างห้อง หอบผ้าหนีไปนอนกับเณรที่ตึกแดงแทน !!!
:onion_emoticons-17:

ตอนนี้เริ่มจะเชื่อชีกุ๋ยแล้วว่านอนวัดแล้วมีความสุข เพิ่งรู้สึกมีความสุขชัด ๆ อย่างนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ...:4672615:

ชยาคมน์ 06-12-2011 09:18

ความรู้สึกบางอย่างบอกออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้ครับ แต่ ๓ เรื่องที่บอกออกมาได้ คือ

๑. โชคดีที่ได้พบพระพุทธศาสนา

โชคดีที่ได้เกิดในเขตพระศาสนา ได้เกิดในแผ่นดินที่ในหลวงปกครองอยู่ แม้จะเกิดไม่ทันพระพุทธองค์ แต่ก็มีโอกาสได้พบพระอริยสงฆ์มากมาย แม้จะเกิดทันหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง (ไม่เคยพบท่าน) แต่อย่างน้อยก็ได้พบลูกศิษย์ของท่านอย่างพระอาจารย์เล็ก ท่านจิตโต หลวงตาวัชรชัย ฯลฯ และได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ทำให้กลับเนื้อกลับตัวได้ (เมื่อก่อนเกเรครับ)

๒. ได้เข้าใจในสิ่งที่พระอาจารย์เล็กสอนว่า "ทำดีเพราะอยากทำ" และ "ให้เคารพและเกรงใจเหมือนวันแรกที่เคยรู้จักกัน"

ที่ผ่านมาได้มีโอกาสทำงานบุญอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำ และโชคดีที่ทำสำเร็จ โดยเฉพาะการพาคนไปบวชเนกขัมมะ ครบทุกรุ่นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ นี้ และได้มีโอกาสพาคนใหม่หลายคนไปวัดท่าขนุน

หลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนกลายมาเป็นขาประจำวัดท่าขนุน หลายคนเริ่มหันมาสนใจศึกษาและปฏิบัติมากขึ้น ขณะที่ตัวเองก็ได้ปฏิบัติมากขึ้น (แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ)

ถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณ "ทิดตู่" อีกครั้ง เพราะจำได้ว่า วันนั้นได้เจอกันที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) มีพิธีหล่อพระอัครสาวก ๔ พระองค์ (ถ้าจำไม่ผิด) วันนั้นเป็นอีกหนึ่งวันที่พระอาจารย์เล็ก หลวงตาวัชรชัย และท่านจิตโตมาพร้อมกัน ซึ่งผมกำลังนั่งคิดอยู่ว่า ตั้งแต่ ธ.ค. ๕๓ ได้จัดทริปไปวัดท่าซุงทุกเดือน เพื่อพาคนไปกราบหลวงพ่อฤๅษี และไม่ได้ไปที่วัดท่าขนุนเลย เนื่องจากวันเสาร์ ๕ ที่วัดท่าซุงและบ้านสบายใจจัดงานตรงกัน ตอนนั้นรู้สึกห่างเหินกับวัดท่าขนุนมาก และบ้านอนุสาวรีย์ก็มีโอกาสไปไม่นาน จึงคิดว่า "อยากจะทำงานอะไรถวายพระอาจารย์เล็ก" แต่จะเข้าไปของานทำก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าทีมงานของวัดท่าขนุนก็ทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว

โชคดีที่วันนั้นทิดตู่มาบอกว่า "พี่จัดทริปบ่อย น่าจะจัดทริปพาคนไปบวชเนกขัมมะ ที่วัดท่าขนุน" ดังนั้นจึงประกาศไปว่า จะจัดทริปพาคนมาบวชเนกขัมมะทุกรุ่นที่วัดท่าขนุนในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์เล็กเป็นอย่างสูงในการบวชทุก ๆ รุ่น

หลังจากจัดทริปไปบวชเนกขัมมะ วัดท่าขนุนแล้ว บ้านวิริยบารมีก็เปิดขึ้น หลายคนเดินทางไปลำบาก โดยเฉพาะคนใหม่ ๆ ก็เลยปรึกษา "ทิดตู่" ว่าจะจัดรถตู้บริการ โดยได้ทำมาจนถึงปัจจุบัน และจะพยายามทำจนกว่าสถานีรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จ

เครดิตในการจัดทริปวัดท่าขนุนและบ้านวิริยบารมีในปีนี้ จึงขอยกให้กับ "คณะสะพานบุญ" และ "กัลยาณมิตรทุกท่าน" ที่ร่วมกันทำให้เกิดขึ้นและทำให้สำเร็จได้ด้วยดี

ขอบคุณตัวเองที่ "อยากทำ" เพราะถ้าตัวเอง "ไม่อยากทำ" คนอื่นมาหว่านล้อมอย่างไร ก็ไม่มีวันที่ "จะลงมือทำ"

อีกสิ่งหนึ่งที่จะนำไปใช้ คือ "ผู้นำต้องมีความเด็ดขาด และผู้ตามต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด" ในการบวชเนกขัมมะรอบนี้ได้เห็นความเด็ดขาดของพระอาจารย์ในการ "ด่าออกไมค์" เนื่องจากมีผู้หวังดีทำหน้าที่เกินคำสั่ง แม้ว่าผู้หวังดีท่านนั้นจะเป็นผู้ที่ทำงานใกล้ชิดก็ตาม ซึ่งทำให้นึกถึงคำสอนของพระอาจารย์เล็กที่ว่า "ให้เคารพและเกรงใจเหมือนวันแรกที่เคยรู้จักกัน" บางครั้งหลายท่านอาจจะเคยชินและหวังดี จึงทำอะไรบางอย่างโดยพลการ (เปลี่ยนแปลงคำสั่งของพระอาจารย์) ด้วยความหวังดี แต่มันอาจจะทำให้แผนที่วางไว้คลาดเคลื่อน และคนที่ปฏิบัติตามท่านอื่นสับสนในคำสั่งได้

ที่ยกมาเล่า มิได้ต้องการตำหนิใคร แต่อยากจะขอบคุณผู้หวังดีท่านนั้นที่เป็น "ครู" ครับ เพราะในการทำการสิ่งใดก็ตาม โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก จะต้องมีผู้ตัดสินใจเพียงคนเดียว คำสั่งนั้นจะต้อง "เด็ดขาด" และ "ศักดิ์สิทธิ์" ที่สำคัญ คือ "ผู้นำจะต้องปฏิบัติตนต่อผู้ตามทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ลำเอียงเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว" ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่พระอาจารย์เล็กทำให้เห็นในการบวชครั้งนี้ครับ

๓. สิ่งที่พบในการบวชเนกขัมมะ ทุกรุ่น

สิ่งสำคัญมาก คือ ได้พบเจอกัลยาณมิตรใหม่ ๆ มากมาย รุ่นที่ ๙ นี้เป็นรุ่นที่ไปกวาดต้อนมาจาก Facebook มาสิบกว่าคน และสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ คือ แม้ Facebook จะมีคุณอนันต์ (หากใช้อย่างถูกต้อง) และมีโทษมหันต์ (หากใช้ในทางที่ผิด) ที่อย่างน้อยถ้าเรานำคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ในเรื่อง "มงคล ๓๘ ประการ" ข้อที่ ๑ การคบมิตรที่ดี ผมเชื่อว่า เราจะมีความสุขในการใช้ Facebook

ดังนั้น ทริปบวชเนกขัมมะ รุ่น ๙ นี้ จึงขอมอบเครดิตให้กับ "ชีกุ๋ย" ที่ขยันโพสต์ธรรมของพระอาจารย์เล็กอยู่เรื่อย ๆ และที่สำคัญ คือ ยินดีให้ผมไปลอกมาเผยแพร่ต่อ ทำให้เพื่อน ๆ ที่มาบวชเนกขัมมะ รุ่น ๙ นี้ได้อ่านคำสอนของพระอาจารย์เล็ก และอยากมาปฏิบัติธรรมกับท่าน

อาจจะยาวไปนิดนะครับ แต่ก็ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ เมื่อวานนี้หลังจากออกจากวัดท่าขนุน ได้พาเพื่อน ๆ ไปกราบพระที่วัดทองผาภูมิ และเจ้าพ่อทองผาภูมิ เนื่องจากตลอดปี ๒๕๕๔ ไม่เคยพาคนไปกราบเลย นอกจากนั้น ยังพาเพื่อน ๆ ขึ้นไปชมนิทรรศการวันพ่อที่ห้องประชุมหลวงปู่สาย ชั้น ๓ เทศบาลตำบลทองผาภูมิ ซึ่งพระอาจารย์เล็กชมว่าจัดได้ดี เนื่องจากบางคนไม่ได้ไปชมในช่วงเช้า

ดังนั้นจึงออกจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ ๑๔.๔๐ น. และมาถึงอนุสาวรีย์ฯ เวลา ๒๐.๓๐ น. รวม ๕ ชั่วโมง ๕๐ นาทีครับ (มาทางพระราม ๒ และใช้เวลาเติมแก๊สประมาณ ๓๐ นาที)

โมทนา

ลูกเต่า 06-12-2011 13:03

สาธุ ขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านเช่นกันนะคะ ลูกเต่ารู้สึกดีมาก ดีใจที่ได้ไป ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้ไปน่าจะดี ตั้งแต่พอทราบข่าว เลยวางแผนลางานล่วงหน้าเกือบเดือน (ลากิจ) ไม่ได้เบี้ยขยัน แต่นับว่าการไปครั้งนี้คุ้มค่ามากค่ะ ขนาดว่าตั้งใจจะไป คนที่คิดว่าจะได้ไปด้วยกัน ก็ไม่ได้ไปติดงาน ที่นี้คิดว่าทำอย่างไรดีนะจึงจะได้ไป คิดไปก็คิดไม่ออกว่าจะชวนใครไป แล้วถ้าชวนเขาจะไปกับเราไหม ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ?

เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ ๒ วัน จึงนึกขอบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์, ขอครูบาอาจารย์, และขอบารมีของพระอาจารย์เล็ก ขอหมดเลย ว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้ไปปฏิบัติธรรมบ้าง (เพราะอยู่บ้านไม่ได้ปฏิบัติ)

ปรากฏว่าหลังจากนั้นอีก ๑ วัน ได้โทรไปหาเพื่อน ซึ่งไม่เคยได้คุยกันน่าจะประมาณ เป็นปี โทรไปเพื่อนตกลงไปด้วยดีใจ และเพื่อนอีกคนลองชวนดูก็ตัดสินใจไปด้วย

เพื่อนที่ได้ไปด้วยกันรู้สึกว่าชอบเหมือนกัน ถ้าบุญพอมีอีกก็อยากไปอีก รู้สึกอิ่มบุญค่ะ

ป้านุช 06-12-2011 17:26

:4672615: การไปบวชเนกขัมมะแต่ละครั้ง นอกจากจะได้ทำวัตรสวดมนต์ร่วมกับหลวงพ่อแล้ว
(ตั้งแต่สวดมนต์ทำวัตรมาหลายวัด มาติดใจลีลาการสวดมนต์ทำวัตรของวัดท่าขนุน เพราะสวดได้จังหวะไม่เร็ว ไม่ช้าเกินไปและมีช่วงเสียงสูงต่ำ ทำให้บทสวดมนต์ฟังเพราะมาก บ่อยครั้งรู้สึกเหมือนกำลังนั่งทำวัตรเช้าเย็นอยู่ "ข้างบน" )
เรายังได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่หลวงพ่อนำมาเล่าให้ฟัง คิดตามที่หลวงพ่อพูดแล้วจะได้ "อะไร ๆ" ไปเยอะมาก...

:4672615:ได้เห็นจริยาวัตรของหลวงพ่อที่ "เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด" ที่เราควรปฏิบัติตาม

:4672615:ได้พบเห็นกำลังใจของแต่ละคนที่มาอยู่ที่วัด แม้จะในระยะเวลาแค่ ๒-๓ วัน แต่คนมาเยอะจากต่างที่ ต่างจิตใจ ต่างความคิด การกระทำจึงแตกต่างไปด้วย แล้วได้ฝึกใจตัวเองให้ยอมรับในสิ่งที่แต่ละคนเป็น

:4672615: ได้ดูใจของตัวเองด้วยว่า เมื่อมีอะไร สิ่งใด หรือการกระทำของคนอื่นมากระทบ ใจของตัวเองเป็นอย่างไร....:onion_yom: จะรับมือกับใจตัวเองอย่างไร ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาตั้งหลักใหม่ :54bd3bbb:

:4672615: แรก ๆ มาวัด กว่าจะหลับได้บางทีตีหนึ่ง เดี๋ยวนี้หัวถึงหมอนภาวนา พุท คำเดียวก็หลับแล้ว และสามารถหลับแบบ "สะสมทรัพย์" ได้ตลอดเวลา คือมีเวลา แค่ ๑๐ ๒๐ หรือ ๓๐ นาที ก็สามารถหลับเก็บแรงออมไว้ได้โดยง่าย:54bd3bbb:

:4672615: สุดท้ายได้บุญที่ยิ่งใหญ่น้อมถวายกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมตลอดถึงอุทิศให้กับทุกคนที่เรารักด้วย
:d16c4689:

ตัวเล็ก 06-12-2011 20:08


ลูกกวาง 06-12-2011 23:23

รู้สึกโชคดี และมีความสุขมาก ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสมาบวชค่ะ :msn_smilies-22:

สายท่าขนุน 07-12-2011 00:28

รู้สึก งง ๆ ว่า นี่ตูมาบวชได้อย่างไรนี่ ทั้งที่ไม่เคยนึกอยากจะบวช ไม่ว่าชี หรือ ชีพราหมณ์...

ไม่ชอบอยู่วัด เพราะกลัวทำตัวไม่เหมาะสม ไม่ชอบนอนกับใคร ไม่นอนกลางสาธารณชน ไม่ชอบใส่ชุดฟอร์ม...
นี่แค่ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาว ('แค่เสื้อขาวก็พอ ข้างล่างอยากลายอย่างไร ก็ตามใจ') ก็มาบวชแล้ว
ตื่นเช้าสวดมนต์อีก ถึงไม่ใช่คนตื่นสาย แต่ก็งงกับตัวเองที่รีบตื่นมาทำวัตรทุกครั้ง
...ครั้งแรกก็ว่า สักครั้งนะ ถวายในหลวง ปรากฏว่าสบายไป (มีโต๊ะจีนเลี้ยงด้วย)
ทำให้ครบ ๓ ครั้งก็แล้วกัน... ครบสามครั้งแล้วก็ติดใจ มีครั้งที่สี่
คลับคล้ายคลับคลาว่าเว้นครั้งที่ห้า แล้วก็มาอีก ครั้งหลัง ๆ นี่ติดใจ คิดถึงวัด คิดถึงพระอาจารย์

...อ้อ ลืมเล่าไปว่า คราวแรก คนเคยกินแต่ข้าวกลางวัน หนักมื้อเย็น ไม่กินข้าวเช้า
หิวสิ..ช่วงค่ำ ก็กินนมบ้าง โอวัลตินบ้าง... พอครั้งที่สอง ไม่กินแล้วดีกว่า ก็ไม่ได้หิวมากแล้ว
ก็พระอาจารย์ชวนคราวที่สองนี้เอง (ที่จริงก็ชวนคราวแรกด้วย ให้ถือศีลแปดต่อ แบบเฉพาะวันก็ได้)
ที่ทำให้ถือศีลแปดมาถึงทุกวันนี้... ท่านชักชวนแบบ "จูงใจ" มาก
ถึงกับเคลิ้มตามทีเดียว... นึกว่าก็เคยตั้งใจถือเมื่อหลายปีมาแล้ว
ข้อไหน ๆ ก็ไม่เห็นลำบากเกินไป...นี่เรารออะไรอยู่ หรือจะรอกินข้าวเย็นอีกสักพัก

..บางรอบก็มีโอกาสแอบเดินถอยหลัง (จะ 'โดน' ฐานเลียนแบบไหมนะ)
ทำให้รู้ว่า เดินเฉย ๆ ไม่ยากอะไร แต่เดินให้รู้ว่าจะชนใครหรือยังนี่สิ..???
...บางรอบก็แอบหลับตาเดิน นี่สิยากจริง..'ทำใจ'..ไม่เป็นสักที
ที่สำคัญและขอกราบงาม ๆ คือ หลวงปู่สาย ท่านเมตตาเราทุกครั้งที่มีปัญหาตั้งกำลังใจตอนทำกรรมฐาน

...ไป ๆ มา ๆ ก็มาถึงครั้งที่เก้านี้ที่เว้น ก็งงตัวเองอีกว่า เลข '๙' เชียวนะ
ช่วงวันเฉลิมฯ พอดี มีกิจกรรมดี ๆ ใบประกาศฯ เขาก็สะสมกัน ยังลายเซ็นที่จะเปลี่ยนอีก
กลับรู้สึกเฉย ๆ ... ไม่ยักเหมือนที่ไปรอดักถ่ายรูปพระอาจารย์ขากลับจากบิณฑบาตเลย
...ใคร ๆ เขาเลิกถ่ายแล้ว ยายก็ยังไปดักทุกที คงชอบตรงที่ต้องเดินให้พอดีกับแถวพระที่ไล่หลังมา
(มีใครรู้ไหมนี่ว่า ยายเดินดูดีเชียว แต่ยังทั้ง 'เมา' ทั้ง 'กลัว' ข้ามสะพานแขวนอยู่ ๕๕๕)

อะไรต่ออะไรที่ดี ๆ ทยอยได้มาเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ไปบวช... รออ่านของท่านอื่นด้วย
...สรุปว่า รู้สึกงง ๆ ว่า นี่ตูมาบวชได้อย่างไรนี่..?

วายุภัทร 07-12-2011 23:11

ผมได้ไปร่วมบวชเนกขัมมะ ๒ รุ่น เพราะอยากปฏิบัติภายใต้การนำของท่านพระอาจารย์และได้ถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงด้วย ระหว่างบวชมีกำลังใจในการปฏิบัติมาก ด้วยมีศรัทธาต่อองค์ท่านอาจารย์อยู่แล้ว ชอบดูจริยาวัตรของท่านที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย และได้ฟังธรรมจากท่านอย่างใกล้ชิด

ตอนบวชเนกขัมมะรุ่น ๗ ได้จำคำสอนท่านอาจารย์มาฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้

๑.โลกันตมหานรก มีโทษ ๔ เท่าของอเวจีมหานรก มีความผิดอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ทำผิดโดยการสอนผู้อื่นให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท่านถามเทวทูตที่นำไปชมว่า ทำไมถึงร้ายแรงนัก เทวทูตชี้แจงว่า เมื่อคนที่เราสอนไปแล้ว เป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็จะทำอกุศลกรรม จนทำให้ตกไปสู่อเวจีมหานรกได้ เมื่อนั้นโทษบาปกรรมทั้งหมด จะทำให้ตกนรกทุกขุม เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ต้องชดใช้ทั้งหมด ในเมื่อเป็นเหตุให้เขาห่างจากความดีได้มากขนาดนี้ จึงมีโทษหนักลงโลกันตมหานรก ท่านจึงเตือนว่า ต้องระวังกาย วาจา ใจ อย่าใช้อัตโนมติของตัวเองแนะนำผู้อื่น ถ้าไม่รู้จริงในพระธรรม ก็อย่าไปสอนเขา แนะนำให้ไปอ่านในพระไตรปิฎกหรือคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงแทน

๒.เรื่องของทิพจักขุญาณ มารจะแทรกเสมอ จงอย่าเชื่อถือ ท่านยกตัวอย่าง พระอุปคุตมหาเถระ ที่หลงไหว้รูปพุทธนิมิตอันพระยามาราธิราชแสดง หรือสุดยอดมโนมยิทธิอย่างหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ถูกมารหลอกมาแล้ว ท่านสรุปว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่คือ ครูที่ดีที่สุด

๓.ภาระใหญ่ที่สมเด็จพ่อฯ ฝากไว้ คือ การปฏิบัติให้ได้มรรคได้ผล จนสามารถเป็นทนายแก้ต่างแทนพระพุทธศาสนา ลบล้างคำปรามาสของบุคคลที่ไม่นับถือได้ พุทธบริษัท ๔ ไม่ใช่มีแต่ภิกษุ ภิกษุณี ยังมีอุบาสก อุบาสิกา ด้วย ดังนั้น จึงไม่ใช่หน้าที่ของท่านและคณะเท่านั้น (อันนี้ ฟังแล้ว ได้คติเตือนใจมากว่า การที่เราจะกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพ่อฯ ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเราอย่างยิ่งนั้น คือ การเร่งความเพียรในการปฏิบัติให้เกิดมรรคเกิดผล นั่นเอง)

มีเรื่องหนึ่งประทับใจผมมาก คือ ได้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกับท่านพระอาจารย์ โดยผมได้ยืนชิดองค์ท่านเลย แต่ก่อนจะได้ภาพที่ภาคภูมิใจนี้ก็ต้องโดนดุก่อน เพราะผมไม่กล้ายืน ด้วยคิดว่าจะปรามาสท่าน ท่านว่า "ให้ยืน" เราก็ยังนั่งลง ท่านจึงว่า "บอกให้ยืน..นี่พูดเป็นภาษาไทยชัด ๆ แล้วนะ" จึงได้คติว่า ถ้าครูบาอาจารย์สั่งอะไร ให้ทำอย่างนั้น เพราะท่านได้พิจารณาว่าเหมาะสมแล้ว

มัคคนายก 02-01-2012 20:15

สำหรับท่านใดที่มีประสบการณ์จากการบวชเนกขัมมะเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๑/๒๕๕๕ กรุณาเล่าสู่กันฟังด้วยจ้ะ

ชินเชาวน์ 03-01-2012 05:55

2 Attachment(s)
:4672615: งานนี้ขอยืนยันด้วยภาพ

ก่อนขึ้น "วี้ดว้าย...สู้ตายค่ะ !"
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1325545072

ขาลง (สงบเสงี่ยม เจียมตัว ไม่พูดและสุงสิงกับใคร มีบันไดเป็นที่พึ่ง และหน้าซีด ๆ ชอบกล)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1325545072

ชยาคมน์ 03-01-2012 12:17

รุ่น ๑/๒๕๕๕

ยืนยันว่า "ลิ้นห้อย" (ส่งท้ายปีเก่าด้วยการเดินจงกรมขึ้นเขา)
ตามด้วย "อดนอน" ข้ามปี (สวดมนต์ข้ามปี) และ
ปิดท้ายรับปีใหม่ด้วยการ "แสดงพลังอึด" (จงกรมรอบวัด)

สรุปว่า รุ่นนี้จัดหนัก "สะใจดี" คนถ่ายภาพอย่างคุณหนุ่มชินเชาวน์ลิ้นห้อย
ทราบมาว่า "ขึ้นไม่ถึงยอดเขา" ๕๕๕

ป้านุช 03-01-2012 22:06

:4672615:การได้ปฏิบัติกรรมฐานเดินขึ้นเขาดีมาก แต่ความกว้างและความสูงของบันไดทางขึ้นไม่เอื้อต่อการยกหนอเหยียบหนอเอาเสียเลย

:4672615:การเดินรอบวัดจึงน่าจะดีกว่าหากจะก้าวกันยาวกว่าที่ผ่านมา หรือจะปล่อยให้แต่ละคนปฏิบัติกันเอง หามุมเดิน มุมนั่งกันเองในบริเวณลานธรรมก็น่าจะดีเช่นกัน:4672615:

ณญาดา 04-01-2012 10:26

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ชยาคมน์ (โพสต์ 83857)
รอบนี้ตรงกับงานที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ด้วย และพระอาจารย์รับนิมนต์หลวงตาไว้แล้ว ดูจากเว็บวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

ก็วิ่ง ๒ ที่ซิจ๊ะ ถ้ากำหนดการวัดท่าขนุนสึกตอนเช้า ก็วิ่งรถไปวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ต่อ เพราะกำหนดการที่วัดเขาวงเป็นช่วงบ่าย น่าจะทัน วิ่งไปท่องคาถาย่นระยะทางไปพลาง พี่เองเคยวิ่ง ๒ ที่อยู่ครั้งตอนงานเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อหลายปีก่อนจากวัดท่าขนุนไปวัดท่าซุงก็ "เอาอยู่" คิดว่าระยะทางน่าจะพอ ๆ กัน แต่ต้องเลี่ยงการเข้ากรุงเทพฯ จ้ะ

หมายเหตุ
การเดินทางแบบนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ก็ไม่แนะนำให้เลียนแบบสำหรับคนที่ชอบการเดินทางแบบสบาย ๆ หรือนุ่มนวล เพราะลูกบ้าพี่มันเยอะ พอเจอคนขับรถที่บ้าพอกันก็เลยลุยกันไปได้ทุกทิศแบบค้านสายตาคนดู ฮิ ฮิ ฮิ :onion_no:

ชยาคมน์ 04-01-2012 11:50

ขออนุญาตแบ่งปันความรู้สึกในการบวชเนกขัม รุ่นที่ ๑/๒๕๕๕

ในปี ๒๕๕๔ เมตตาคนอื่นมากไป ทำให้จิตกังวลในเรื่องการถ่ายภาพ
รวมทั้งกังวลเรื่องคนที่มาบวชเนกขัมมะ ครั้งแรก

แต่การจัดทริปปี ๒๕๕๕ ให้ความสำคัญกับ "จิตของตัวเองมากขึ้น"
โดย "เมตตาตัวเองมากขึ้น" และมองว่า คนที่มาร่วมทริป คือ คนร่วมจ่ายค่ารถมาบวชร่วมกัน
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ และไม่จำเป็นต้องดูแลความรู้สึกของผู้ร่วมทริปมากนัก

กล่าวคือ ทุกคนควร "ดูแลใจตัวเอง" และเรียนรู้ว่า คนหมู่มากกำลังทำอะไรอยู่
แต่ได้กำชับผู้ร่วมทริป ๒ เรื่อง คือ "เรื่องเสียงมือถือ" และ "เรื่องการตรงต่อเวลา"

สำหรับความรู้สึกส่วนตัวในการบวชรอบนี้

๑. รู้สึกว่า ตัวเอง "วาง" ในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ เรื่องถ่ายรูป ผมถ่ายบ้างนิดหน่อย
เพื่อเอาไปโพสต์ในคนโมทนาในเว็บพลังจิต เป็นต้น แต่รอบนี้ "หมอเสือ" ดันเบี้ยวผม ๕๕๕

๒. บวชรอบนี้ รู้สึกว่า "นั่งสมาธิได้ลึกขึ้น นิ่งขึ้น" แม้จะยังไม่ถึงขั้นที่ใช้งานได้ก็ตาม
แต่รู้สึกว่า "จิตไม่ต้องแบก" โดยได้กลับมาทบทวนพื้นฐานของการนั่งกรรมฐานที่พระอาจารย์เคยสอนไว้
คือ "จับภาพพระ และจับลมหายใจเข้าออก"

๓. เริ่มวางกำลังใจแบบที่พระอาจารย์สอนไว้ ใจความโดยสรุป คือ

"ต้องให้กำลังใจตัวเองในการปฏิบัติ" เช่น เราต้องการไปเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราอยู่กาญจนบุรี
ถ้าเรามองว่า ระยะทางอีกไกล เราจะหมดกำลังใจ แต่ถ้าเรามองไปยังคนที่อยู่นราธิวาส
เราจะเห็นว่า เราอยู่กลางทางแล้ว เราอยู่ใกล้เชียงใหม่มากกว่าคนที่อยู่นราธิวาส"

๔. ผมรู้สึกและเชื่อว่าได้รับการสงเคราะห์จาก "พระ" ไม่ว่าจะเป็น
"เสียงตามสายของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง" "การเทศน์สอนของพระอาจารย์เล็กในการบวชเนกขัมมะ"
และ "เสียงของท่านจิตโต ซึ่งผมนำมาฟังด้วย"

"หลาย ๆ คำถามในใจ" มีคำตอบออกมาครับ

ถือว่า "คุ้มค่ามาก" ที่ได้ไปบวชเนกขัมมะตลอดปี ๒๕๕๔ ต่อเนื่องมาถึงปี ๒๕๕๕

เด็กอนุบาล 04-01-2012 12:01

ได้รับความประทับใจจากการบวชรุ่นหนึ่งปีนี้หลายประการครับ

๑. ได้ฝึกใจให้ห่างรัก โลภ โกรธ หลง ได้นานที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในชีวิต....เมื่อก่อนผมจะเป็นคนที่จับลมหายใจเข้าออกยากมาก แค่ห้านาทีก็ยังรากเลือดเลย แต่ทริปนี้ทำได้เกินสิบนาที....ต้องขอบพระคุณที่พระอาจารย์ท่านจัดหลักสูตรให้มีการเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ อีกทั้งมีการสวดมนต์ทำวัตรเข้ามาช่วยประคองการสะสมกำลังสติ ทำให้ทุกอย่างเกื้อกูลให้การนั่งสมาธิของผมทำได้สงบขึ้น ได้ระยะเวลานานขึ้นมากเลย

๒. ประทับใจที่สุดกับการสวดมนต์ข้ามปีที่วัดท่าขนุน....ปีที่แล้วผมเบี้ยวกิจกรรมนี้ไป ปีนี้เลยฮึดว่าเอาอย่างไรเอากัน ผลของการไม่ตามใจกิเลสก็คือได้รู้ว่า การสวดมนต์นาน ๆ สามารถสร้างความสุขสงบใจได้อย่างน่าอัศจรรย์...และประทับใจกับพรอันประเสริฐที่พระอาจารย์ได้ให้เราในช่วงท้ายด้วย...สรุปว่าปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเราแน่นอน

๓. ประทับใจที่สุดของที่สุดกับการที่ได้จุดเทียนสืบชะตาและอธิษฐานขอพร ทำถวายแด่องค์ในหลวงและคุณพ่อคุณแม่ของผม ในช่วงเช้าของวันปีใหม่...ปีที่แล้วก็จุดครับ แต่จุดขอพรให้ตัวเอง เลยไม่ประทับใจมากเท่าปีนี้

๔. ได้เลขที่วุฒิบัตรที่เชื่อว่าจะนำโชคให้ผมในระยะเวลาอีกไม่กี่งวดนี้...ปีที่แล้วก็บวชได้เลขที่วุุฒิบัตรมา แต่ด้วยการขาดวิริยบารมี ทำให้ไม่หมั่นเพียรนำเลขไปใช้ให้ต่อเนื่อง ผลคือเลขดังกล่าวได้สร้างความรํ่ารวย (ให้คนอื่น) ในอีกไม่กี่งวดหลังจากผมเลิกตาม...ที่สุดจึงเชื่อที่พระอาจารย์ท่านเคยบอกอย่างสนิทใจว่า พวกเราขาดวิริยบารมีกัน

โยคียุ้ย 04-01-2012 16:50

พระอาจารย์ ท่านสอนในช่วงทำวัตร ประมาณว่า...

(๑) ถ้าเห็นคนอื่นที่เขาปฏิบัติได้แล้ว ทำตัวตามสบาย ก็อย่าไปคิดเลียนแบบเขา...เพราะถ้าเรายังทำไม่ถึง ใจเราก็ไม่ได้สบายเหมือนเขา (ท่านเคยปรารภว่า เรื่องของสมบัติเศรษฐี ใครอยากได้ ก็ต้องทำเอง)

(๒) เรื่องกิเลส ต้องทน ต้องฝืน เพื่อให้มีสติ พร้อมรับมือกับแรงกดดัน และการกระทบกระทั่งทุกชนิด...เหมือนกับทหาร ที่ถูกฝึกให้ผจญความกดดันและความลำบากทุกอย่าง เพื่อให้สามารถควบคุมสติได้ยามมีภัย (ท่านเล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหารให้ฟัง–ต้องฝึกทั้งร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่กลัวความตาย)

*ขอสาธุ...กับความตั้งใจของทุกท่านด้วยครับ*

ณญาดา 05-01-2012 07:23

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ชยาคมน์ (โพสต์ 83881)
บวชรอบนี้ระยะเวลาเพียง ๒ วัน หลายคนตั้งใจมาบวชเพื่อปฏิบัติจริง ๆ
ปีนี้ "ความบ้า" ในการจัดทริปผมลดลงไปเยอะ มีแต่ "ความบ้า" ในการนำวัตถุมงคลออกมาทำบุญ ๕๕๕

วิ่ง ๒ ที่พี่หมายถึงในกรณีที่ถ้ากำหนดการวัดท่าขนุนสึกตอนเช้า เพราะพี่เห็นว่างานที่ครูบาอาจารย์สายหลวงพ่อจะมานั่งอธิษฐานจิตร่วมกันได้มากขนาดนี้เป็นโอกาสที่หายากมากขึ้นทุกวัน ถ้ามีเวลาพอกับการได้เดินทางไปและได้กราบด้วยก็เป็นอะไรที่สุดยอด..... โดยเฉพาะเมื่อหลังจากการบวชเนกขัมมะเสร็จก็ยิ่งเป็นอะไรที่สุดยอดมากขึ้นค่ะ :d16c4689:

:onion_emoticons-01:ยกกรุมาเลยคุณน้อง ได้ข่าวว่าเก็บไว้เยอะนี่

กล้วยไม้ 05-01-2012 21:34

ดีใจที่ได้เจอที่พักพิงทางใจเพื่อเพิ่มพลังในการไปสู้ทางโลก ขอบคุณคุณคมน์และพี่หญิงที่มีการจัดรถตู้เพื่อให้คนที่จะไปวัดเดินทางไปกลับได้โดยสะดวกค่ะ
หลังจาก ๑ ปีที่ผ่านมาได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนกับพระอาจารย์ ถึงจะไม่ได้ไปทุกครั้งที่ท่านจัด แต่ก็พยายามไปให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวยให้ค่ะ ทำให้เราได้มีสติขึ้น ปีนี้ก็ตั้งใจเช่นเดิมว่าขอให้มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ

ณญาดา 11-01-2012 09:07

ทดแทนทุกความรู้สึกที่ได้รับของตัวเอง
 

ชยาคมน์ 17-04-2012 10:00

ขออนุญาตแบ่งปันความรู้สึกการบวชเนกขัมมะ รุ่น ๔/๒๕๕๕ ครับ

ภาพชุดที่ ๑ (๑๓-๑๔ เม.ย. ๕๕)
http://www.facebook.com/media/set/?s...3&l=d8c9f1fb75

ภาพชุดที่ ๒ (วันที่ ๑๕ เม.ย. ๕๕)
http://www.facebook.com/media/set/?s...3&l=c1d936c6dc

ภาพชุดที่ ๓ (๑๖ เม.ย. ๕๕)
http://www.facebook.com/media/set/?s...3&l=5c13e19272

คลิปอุ้มพระ (สงฆ์) สรงน้ำ วัดท่าขนุน ปี ๒๕๕๕
http://www.youtube.com/watch?v=OfnGN...ature=youtu.be

ชยาคมน์ 17-04-2012 10:28

ความรู้สึกจากการบวชรุ่น ๔/๒๕๕๕

๑. ความเสียสละและความมีน้ำใจของเพื่อนร่วมทริป

รถตู้บริการจากเว็บพลังจิตมีผู้ร่วมทริป ๓๓ คน (ปกติจัดให้นั่งคันละ ๑๐ คน) ดังนั้นจึงต้องจัดที่นั่งให้บางคนนั่งเบียดแถวหลัง ๔ คน ซึ่งคนที่ต้องนั่งเบียดก็เต็มใจและยินดีที่จะลำบาก เพื่อให้เพื่อน ๆ อีก ๓ คนได้ไปบวชด้วย นอกจากนั้นหลาย ๆ คนยังได้แบ่งโควต้าพระปิดตา จัมโบ้ ให้ผมและพี่ ญ.ผู้หญิง เพื่อนำไปต่อบุญ บางคนให้สิทธิ์ บางคนให้พระ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่เราเริ่มต้นปีใหม่ไทยด้วยความรู้สึกแบบนี้ครับ

๒. การมีโอกาสทำบุญร่วมกันกับกัลยาณมิตรทั้งหลาย

หลายครั้งที่ผมมักจะเอาป้ายเว็บพลังจิตไปใช้ในการถ่ายรูปเพื่อสร้างภาพ ซึ่งเหตุผลสำคัญ คือ การประชาสัมพันธ์ให้คนที่กำลังใจอ่อนเข้าใจว่า การมาวัดไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อและเป็นเรื่องสนุก โดยเฉพาะการมีเพื่อนใหม่ และได้ร่วมบุญกับเพื่อนใหม่ ซึ่งหลายท่านกลายเป็นเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในอนาคต

http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...90470973_n.jpg

http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...57144942_n.jpg
ร่วมกันปักให้เต็มต้นผ้าป่าครับ

http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...87513001_n.jpg
ร่วมกันชำระหนี้สงฆ์ก่อนกลับ ๓,๖๐๐ บาท

๓. การได้รับการชี้แนะจากครูบาอาจารย์

รอบนี้พระอาจารย์เล็กเมตตาควบคุมการฝึกกรรมฐานด้วยตนเอง ท่านเมตตาแนะนำตั้งแต่การนั่ง การหายใจ การพิจารณา ฯลฯ ตัวผมเองโดนท่านสะกิดไป ๓ รอบ รอบละ ๒ ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่ท่านสะกิดนั้น ภาพพระทองคำก็ปรากฏขึ้นที่หน้า (ถ้าโดนท่านเตะ สงสัยจะจำติดตา ติดใจแน่ ๆ ๕๕)

๔. ค้นพบกิจกรรมใหม่นอกวัด

หลังจากทดลองพาผู้ร่วมทริปซื้อปลาที่ตลาดไปปล่อยที่แม่น้ำ (จุดชมวิว) ซึ่งต่อมาก็มีการรวมกลุ่มกันไปปล่อยปลา ปล่อยกบ ฯลฯ เป็นจำนวนมาก โดยผมคิดว่า เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากครับ


หมายเหตุ : ส่วนพี่ ญ.ผู้หญิง เตรียม "ปล่อยพระ (ให้เช่า)" เพื่อต่อบุญ ซึ่งอานิสงส์สูงมาก ๆ ครับ

๕. เป็นทริปที่อยากจะบอกว่าเหนื่อยมาก ๆ

แม้ทริปนี้จะปฏิบัติเพียง ๒ รอบ แต่อากาศร้อนมาก ๆ ดังนั้นหลายท่านจึงเป็นไข้ ไม่สบาย แต่ทุกท่านวางกำลังใจที่จะปฏิบัติบูชา

http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...42787661_n.jpg
ก่อกองทรายก็เหนื่อยเหมือนกัน

๖. สิ่งประทับใจสุดท้าย คือ มีโอกาสแสดงความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์

ในวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๕ พวกเราได้ร่วมกันถวายทองคำครึ่งสลึง เพื่อบูชาครู (พระอาจารย์เล็ก) แม้จะเป็นทองคำเพียงครึ่งสลึง แต่สำหรับพวกเราแล้ว มันมากมายมหาศาล

ท่านจิตโตเมตตาสอนไว้ ซึ่งผมสรุปจากความจำได้ว่า ทองคำเป็นธาตุบริสุทธิ์เป็นของเลิศที่พวกเราจะหาได้สำหรับการบูชาครู และทองคำที่เราตั้งใจถวายไว้ในพระศาสนานั้น แม้จะสิ้นสุดศาสนานี้ไป แต่ทองคำเป็นธาตุที่เสื่อมสลายยากและจะคงอยู่ในโลกใบนี้ ซึ่งวันหนึ่งก็จะถูกนำกลับมาใช้บูชาคุณพระรัตนตรัยในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ ไป ดังนั้นการถวายทองคำจึงมีอานิสงส์มาก

ดังนั้นการมีโอกาสถวายทองคำเพื่อบูชาคุณพระอาจารย์เล็ก จึงเป็นเรื่องที่เป็นมงคลสำหรับพวกเราในฐานะลูกศิษย์

http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...54655421_n.jpg
ขอบคุณพานสวย ๆ ฝีมือ "ป้านุช" และสมุนครับ

http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...28286913_n.jpg

สำหรับผมนั้น "ทองคำ" มีความหมายว่า เป็นสิ่งบูชาครูที่มาจากเงินของพวกเราคนละเล็กละน้อย หนึ่งบาท สองบาท ห้าบาท ฯลฯ จะเหรียญเก่าเหรียญใหม่ แบงค์เก่า แบงค์ใหม่ แต่สุดท้ายเมื่อเรานำมันมารวมกันก็จะเป็นทองคำบริสุทธิ์ ที่สามารถนำมาใช้บูชาครูได้ครับ ดังนั้น เพื่อทำความดีถวายครูบาอาจารย์ของเรา "พวกเราต้องรักกันให้มาก ๆ ครับ" หรือ "ถ้าทำใจให้รักกันไม่ได้ ก็อย่าสร้างความลำบากใจให้กันและกันนะครับ"

๗. เรื่องสุดท้ายที่อยากทำ คือ "คู่มือบวชเนกขัมมะ วัดท่าขนุน"

ช่วงหลัง ๆ เริ่มปล่อยผู้บวชเนกขัมมะที่มาพร้อมทริปดูแลตนเอง แต่เกรงจะสร้างความวุ่นวายให้กับคนในวัด ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะหาเวลาว่างนั่งเขียนคู่มือการปฏิบัติตนเล่มเล็ก ๆ ในวัดว่า เมื่อมาบวชแล้วจะต้องทำอะไรบ้าง และไปที่ไหนได้บ้าง คนจะได้อ่านแล้วเข้าใจ ซึ่งจะช่วยลดภาระให้กับผู้ดูแลและลดการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมในวัดได้ครับ

เรื่องนี้ตั้งใจจะทยอยเขียนให้เสร็จก่อนเข้าพรรษา (ต้นทุนผลิตแบบถ่ายเอกสารน่าจะเล่มละ ๕ บาทครับ เดี๋ยวผลิตและแจกฟรีให้)

เขียนเท่านี้ก่อนครับ เพราะวันนี้ยกแขนไม่ขึ้นครับ ปวดร้าวไปทั้งตัว

แถม "ปวดใจ" ด้วย ๕๕๕ (ขำ ๆ กันวันละนิดนะครับ)

ชินเชาวน์ 17-04-2012 10:46

ครั้งนี้ถึงรอบการปฏิบัติจะไม่เยอะ แต่ความทนทานของร่างกายต้องใช้มากเป็นพิเศษ เพราะอากาศร้อนอบอ้าวสุด ๆ รู้สึกไข้จับนิด ๆ ตั้งแต่วันแรก เพลียและอ่อนล้าเพราะเสียเหงื่อไปมาก
แต่ก็มีน้ำเก๊กฮวยเค็มให้ดื่มกัน แหม...ทีแรกผมก็งง ๆ ว่าทำไมวันนี้ฝีมือตก...ดื่มแทบไม่หมดกันเลยทีเดียว ๕๕๕ :70bff581:

ชยาคมน์ 17-04-2012 10:55

เหตุผลที่ "ขายไม่ออก"

http://a6.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...87496730_n.jpg
เข้าคิวรอการคัดเลือก

http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...66347095_n.jpg

จูบกบจนหมดถุง แต่ยังไม่เจอ "เจ้าชาย" สงสัยจะเป็นกบตัวเมีย ดังนั้นคาดว่า เมนูต่อไป คือ "แกงเลียงกบ" ฟันธง !!!

หมายเหตุ : รอบหน้าต้องให้ชินเชาว์จูบแทน จะได้ตามหา "เจ้าหญิงในนิยายเจอ"
ส่วนท่านใดจะตามหาพี่ ญ.ผู้หญิง ไม่ต้องตามหานะครับ เพราะเธอขึ้น "สวรรค์" กลายร่างเป็น "เซียน (พระ)" ไปแล้ว ๕๕๕

ป้านุช 17-04-2012 11:08

:4672615:ชื่นใจกับกำลังใจของทุกคนที่มาบวช แสดงให้เห็นชัดเลยว่า แม้จะอยู่กับสิ่งสมมติ อยู่บนโลก อยู่กับเหตุการณ์ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ แต่ทุกคนก็ไม่ติดโลก ไม่หลงไปกับเรื่องราวรื่นรมย์ที่ไม่มีเรื่องของบุญมาเกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะพระปิดตาจัมโบ้ :54bd3bbb: )

ซึ่งพระอาจารย์บอกว่าการบวชปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนแพงมาก คนละ ๒,๐๐๐ บาท (ได้พระปิดตาจัมโบ้คนละ ๔ องค์):4672615: แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็แย่งกันไปบวช :54bd3bbb: เพราะตอนนี้พระปิดตารุ่นนี้ เพิ่มคุณค่าเป็นองค์ละ ๕,๐๐๐ บาทแล้วจ้ะ

ปีนี้พระเจดีย์ทรายมีเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมาก ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สนุกสนานกันมาก แต่รุ่งขึ้น ปวดร้าวไปทั้งตัว แขนและขาแทบจะยกไม่ขึ้น สนุกจนลืมสังขารตัวเองไปชั่วขณะ! :54bd3bbb:

ชยาคมน์ 17-04-2012 12:18

มาถึงรายการ "เผา"

http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...87932411_n.jpg

มีคนบอกว่า ๓ ท่านนี้คล้ายกัน ผมก็ไม่รู้ว่าคล้ายกันตรงไหน ?
ขอเชิญ "ทิดตู่" มาเป็นกรรมการตัดสินครับ ๕๕๕

http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...77396364_n.jpg
เจดีย์ทรายพันปีวัดท่าขนุน (นับอายุคนสร้างรวมกันครับ)

http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...03882633_n.jpg
คณะสะพานบุญกำลังขุดหาพระกรุวัดท่าขนุนครับ (เจอพระปิดตา ชุบทอง พ่นทราย เพียง ๑ องค์)

http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...84517366_n.jpg
รางวัลชนะเลิศครับ ปีนี้ผมวางแผนตีสนิทกับกรรมการแล้วครับ ปีหน้ารางวัลที่ ๑ เป็นของผมแน่ ๆ ๕๕๕

http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot..._5617394_n.jpg
สงครามกลาง (วัด) ครับ

http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...23581964_n.jpg
เด็กคนนี้เรียกผมว่า "พี่อ้วน" มันน่า "เขกหัวจริง ๆ" หรือว่าน้องจะจำผิด คิดว่าผมเป็น "ชินเชาวน์" ๕๕๕ คนซ้ายสุด "ใส่บาตรที่เมืองไทย" แต่ขออานิสงส์ไปไกลถึง "ออสเตรเลีย" ส่วนสามคนกลาง "ไม่มีคำบรรยาย" ๕๕๕

http://a1.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...80265504_n.jpg
จับคนขโมยข้าววัดได้แล้ว

http://a2.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...78990962_n.jpg
เด็กอภิญญา แยก ๓ ร่าง ก่อนเข้ารับพระปิดตาจัมโบ้ เอ๊ย !!! รับประกาศนียบัตร ๕๕๕

ชยาคมน์ 17-04-2012 12:23

ยอมให้เหมือนก็ได้ครับ

น่ารักเหมือนกันทุกคนครับ หลักฐาน คือ

คนซ้าย = หนุ่ม ๆ โทรหาทั้งวัน (ขอเช่าพระปิดตา จัมโบ้)
คนกลาง = เหมือน (คน) ไม่โสด
คนขวา = มีเจ้าบัวเป็นเครื่องยืนยัน

หมายเหตุ : ห้ามน่ารักไปกว่านี้นะครับ ๕๕๕

พิชัยสงคราม 17-04-2012 16:04

เข้าร่วมการปฏิบัติธรรมครั้งนี้เห็นผลของทานบารมีและผลของพระคาถาเงินล้านที่พระอาจารย์ทำมาอย่างชัดเจน

พระอาจารย์ลุกจากที่นั่งทำวัตรหรือลงนั่งประจำโต๊ะที่ให้โยมทำบุญเมื่อใดก็จะมีคนเข้าไปรุมถวายปัจจัยกับท่าน

ราวกับว่าท่านตั้งโต๊ะแจกเงินคนละ ๑๐,๐๐๐ ทุกครั้งไป (รวมทั้งตัวผมเองด้วย :54bd3bbb:)

ที่สำคัญวันสุดท้ายที่ได้มีโอกาสได้ไปเป็นลูกศิษย์วัดเดินตามพระอาจารย์ออกบิณฑบาตยิ่งเห็นชัด

อาหารที่ได้จากการบิณฑบาตเยอะเสียจนคิดในใจว่า สงสัยจะเลี้ยงคนได้ทั้งตำบล :onion_emoticons-17:


บุญใด ๆ ที่หลวงพ่อได้กระทำมาแล้ว ลูกขออนุโมทนากับหลวงพ่อด้วยนะครับ :875328cc:

สวัสดิกะ 17-04-2012 18:34

พี่คมน์เห็นพระทองคำ เหมือนกันเลยครับพี่

ผมก็เห็น ตอนแรกเห็นพระพุทธชินราช ส่วนอีกวัน

เห็นพระปางสมาธิ ไม่มีฉัพพรรณรังสี แต่สีทองเช่นเดียวกัน

ส่วนวันสุดท้าย ผมเห็น ทั้งสององค์ อยู่คู่กัน ก็เลยทรงภาพท่าน

เวลาทำสมาธิ สวดมนต์


ต้องกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะ หลวงพ่อเล็ก

เป็นที่สุด ครับ สาธุ สาธุ สาธุ

สำราญใจ 17-04-2012 21:45

ในคืนวันที่ ๑๔ สองทุ่มกว่า ๆ มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกันในวัด ชวนขึ้นไปนอนบนเขา ขึ้นไปกันทั้งหมด ๙ คน ก่อนจะขึ้นไป เณรที่อยู่ตรงข้ามที่พักตรงตึกแดง ได้บอกให้เอาหมาขึ้นไปด้วย เดินไปปรบมือไป เดี๋ยวหมามันจะตามไปเอง เณรบอกว่ากันงู ซึ่งหมาก็ตามขึ้นไปด้วยจริง ๆ ประมาณ ๔-๕ ตัวเดินขึ้นไปพัก ๓ รอบได้ หันมาดูอีกทีหมามันหยุดตามเราแล้ว..!

ทางขึ้นข้างหน้าก็มืด ไอ้เราก็นึกว่าหมาจะปูทางให้เรา จึงเดินขึ้นไปโดยให้เพื่อนอีกคนสาดไฟฉายไปเรื่อย มีหมาตามหลัง..ฮา..ขึ้นไปถึงเสร็จสรรพก็ไหว้พระเจดีย์ ไหว้สมเด็จองค์ปฐม นั่งกรรมฐานแล้วก็คุยกัน สักพักต่างคนก็เตรียมตัวนอน (แต่ละคนแบกเสื่อ หมอน ผ้าห่ม ของวัดขึ้นไปด้วย นอนที่ตรงคล้าย ๆ ศาลาปูนเล็ก ๆ ตรงเจดีย์ หันหัวไปทางวัด หันปลายเท้าไปทางออกนอกวัด ) ลมเย็นสบายมากครับ

แล้วสักพักลมเย็นแปลก ๆ ก็มาพร้อมเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ ผมนึกในใจว่า เอาแล้ว..พี่อีกคนหนึ่งก็บอกตกแน่ ๆ เลยว่ะ ลมแรงมาก ลมเย็น ๆ ด้วย ทั้งลมทั้งฟ้าร้อง ต่างคนก็ต่างนอนกัน คิดว่าตกก็ตก..เปียกแน่..ลงก็ไม่ได้แล้ว ผมก็นอนแอบอธิษฐาน บอกหลวงพี่ขออย่าให้ตกเลยครับ ผมเสียว..กลัวฟ้าด้วย ลมเย็นก็ยังแรงอยู่

สักพักลมเย็นที่แรง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นลมธรรมดาเหมือนจะอุ่น ๆ ด้วย แต่ก็ยังแรง ฟ้าร้องเบา ๆ สักพักก็เงียบหมด เลยหลับสบายเลยครับ ตื่นมาตี ๓ พร้อมกับเพื่อน ๆ ลงเขามาล้างหน้าไปทำวัตรเช้ากันต่อ ประทับใจมากเลยครับที่ได้นอนบนเขาครั้งแรก ดาวสวยมากด้วย อากาศเย็นสบายสุด ๆ

ป้าเม้า 18-04-2012 15:47

ค้นพบ


มีเม็ดทรายนับไม่ถ้วนจำนวนทราย

คนทั้งหลายนับไม่ถ้วนมีคุณค่า
เม็ดทรายแกร่ง..ก็เพราะผ่านกาลเวลา
คนมีค่า..ก็เพราะผ่านการอดทน


การบวชเนกขัมมะแต่ละครั้ง ต้องใช้พลังและความอดทนสูง ที่ผ่านมา..ถึงเวลานั่งสมาธิเมื่อใด ป้าเป็น "หลับ" เมื่อนั้น แต่..สำหรับครั้งนี้ (ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕) "ความเมตตาในรูปแบบใหม่" พระอาจารย์ท่านเดินตรวจแถวเข้ม และมีร่มด้ามสั้นอยู่ในมือของท่านด้วย ใช้สำหรับคนง่วง ทำให้ปัญหาเรื่องการนั่งหลับขณะทำสมาธิของป้าพังทลายลงไปในพริบตา ซึ่งป้าพยายามแก้ปัญหานี้มาหลายครั้งแล้ว ทั้งหยิก ทั้งตบหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนัก สุดท้ายมาได้ "ร่มวิเศษ" ในมือพระอาจารย์นี่เอง อานุภาพรุนแรงมากค่ะ ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัส..แค่เพียงป้าเห็นอยู่ในมือ
ท่าน..ป้าก็ "ตาสว่าง" ขึ้นมาทันที



กราบขอบพระคุณที่เมตตา "จัดคอร์ส"
"เพชฌฆาตความง่วง"



:875328cc:


ลัก...ยิ้ม 18-04-2012 17:12

ถ้าจำไม่ผิดก็คือ มีช่วงวันแรกที่นั่งทำสมาธิ อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหลวงพี่ท่านลอยลม (ใช้คำว่าลอยลม เพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า หรือน้ำหนักเท้าท่านใดเดินมาใกล้ตัว) มาว่า "เดี๋ยวเตะกระเด็นเลย" (น้ำเสียงนุ่มนวล แต่น่ากลัวว่าคอจะหลุด ลมหายใจจะหาย) ประมาณนี้ล่ะ

ตกใจหมดเลย ก็สงบใจนั่งรออยู่นิ่ง ๆ .. อ๋อ เรายังไม่กระเด็น แสดงว่าย่อมไม่ใช่เรา แต่ใจนะเกือบกระเด็นออกไปแล้ว..!!! และยิ้มก็หางหดตั้งแต่นั้นมาตลอดจนออกจากวัดในวันสุดท้าย

พรมใต้กระโถน 18-04-2012 19:55

ผมรู้สึกว่าอยู่บ้านสบายกายแต่ใจมันทุกข์ อยู่วัดไม่สบายกายแต่ใจเป็นสุข

สายท่าขนุน 19-04-2012 00:33

ครั้งนี้ว่าจะมาเล่าสักหน่อย เพราะที่ไปบวชนี้ มี ๒-๓ เหตุหลัก คืออยากไปสรงน้ำพระอาจารย์เป็นอันดับแรก:baa60776:
อยากให้ป้ายิ้มได้ไปบวชช่วงที่มีงานสงกรานต์ที่วัด เป็นอันดับที่ ๒
(ขอบอกแบบภาษาตัวเองว่าพระอาจารย์ "สั่ง":54bd3bbb: ไว้ให้ป้าแกบวชสักรอบ ๕๕๕)
และสุดท้ายก็เหมือนท่านอื่น ๆ คือจะบูชาพระปิดตาด้วย:onion_wink:
...ลุ้นมากทีเดียวว่าจะไปได้หรือเปล่า เพราะที่บ้านต้องมีคนอยู่บ้าน ช่วงวัดหยุดยาวนี่ลุ้นทุกรอบ:msn_smilies-20:

พบว่า สมาธิช่วงกรรมฐานของยายสู้ครั้งก่อนไม่ได้ ยังดีที่ระหว่างวันไม่เผลอไหลไปมากนัก

เที่ยวนี้ดูจะสนุกสนานกัน (เอง) มากกว่าทุกคราว แต่ก็ยังได้รับคำชมจากพระอาจารย์ว่าคนที่มาบวชรุ่นนี้เป็นคนคุณภาพ
...นอกจากสารพัดบุญสะสมที่ทำให้ได้มาปฏิบัติกัน โดยไม่ค่อยสนใจความสนุกสนานทางโลกกันแล้ว
ยังมีความมุ่งมั่นจะบูชาพระไปเป็นพุทธานุสติอย่างยิ่ง:onion_eiei:

มองทีไร ก็เห็นว่าพระอาจารย์ดูร่างบางลงมาก ๆ แต่ท่านก็ดูแช่มชื่นมาก... ทั้งให้กำลังใจ ทั้งเคี่ยวเข็ญ พวกเราโดยตลอด
ทั้งขู่ ทั้งปลอบ... ยายสะดุดหู เรื่องอายุยืน กับรถประจำตำแหน่งของท่าน ถึงท่านจะเมตตาหัวเราะเล่นด้วยก็ตาม
คำเทศน์ รออ่านอีกครั้งจากท่านที่จะสงเคราะห์ต่อไป...
คำอธิษฐาน ที่ท่านนำ กราบขอพรให้ในหลวงและพระราชินี กับทั้งพวกเรา ได้ "อยู่รอดในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ" ก็ยังติดหู
ถึงพระสวดพาหุง ก็ขอให้ "ชนะ" อุปสรรค ดั่งเช่นพระพุทธองค์... ขึ้นชยันโตฯ ก็ขอให้ "สำเร็จ" เฉกเช่นพระพุทธองค์
...ช่วงอุทิศส่วนกุศล ก็เป็นช่วงสำคัญของพวกเราทีเดียว พระอาจารย์ท่านว่ามีผู้มาโมทนามากมาย
ด้วยเหตุที่ เราอุทิศให้ "ทั้งที่เป็นญาติ และมิใช่ญาติ"... ทำตัวให้ดี กอปรบุญไว้เสมอ ก็จะช่วยคนอื่นเขาได้ด้วย

ตอนที่เห็นร่มที่ท่านใช้เป็นอาวุธตรวจตราพวกเราช่วงกรรมฐานนั้น
เป็นช่วงที่ท่านเพิ่งเดินผ่านหน้ายายไป ในสภาพที่ยายต้องยืดขาออกไปทำสมาธิ
ลืมตาขึ้นเพื่อหันไปมอง ก็เห็นท่านคล้อยหลัง พร้อมร่มในมือ...
ก่อนเริ่มปฏิบัติธรรมรอบนั้น ท่านมาดูแลเปิดไฟ-เปิดพัดลม ให้พวกเราอยู่ตรงหน้ายาย
...พลันก็มีสิ่งของหล่นแล้วกลิ้งหลุน ๆ ผ่านหน้ายายไปหาน้องที่นั่งข้างหน้า:efb50fe2:
เลนส์แว่นข้างขวาของท่านหลุดลงมา...
ตอนท่านกลับไปนั่งเพื่อสอนพวกเรา ท่านก็หัวเราะว่าแว่นที่ใส่ตอนนั้นมีเลนส์ข้างเดียว

แม่ชีทุกท่านแสนเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้เราได้อยู่สบาย อาหารรสเลิศ น้ำปานะพร้อมตลอด
ยังจะญาติโยมที่มาร่วมบุญกันเต็มวัดอีก
...ยายได้รับบทเรียนมากมาย จากการใช้ชีวิตที่วัดคราวนี้ไม่น้อยเลย
ได้เห็น "จุดบอด" ของปฏิสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกัน... ซึ่งแต่ละคนมีจุดประสงค์ที่ดีด้วย
ยายได้มีโอกาสรู้จักกับคนใหม่ ๆ หลายคน... ได้เห็นญาติโยมท้องถิ่นร่วมงานบุญเบิกบานใจ
ขยะก็น้อยกว่าปีก่อนมาก แบบต่างกันราวฟ้ากับดิน...
พระอาจารย์ว่า เคล็ดอยู่ที่ ท่านเดินเก็บเอง พอเห็นเขาทิ้งปุ๊บ ท่านก็เก็บแล้วเอาไปทิ้งขยะต่อหน้าเลย:onion_emoticons-17:
แปลกใจตัวเองน้อยลงแล้วที่ยายกลับอยู่ในสภาพชอบใจมาแต่ครั้งก่อน คือ "อยู่คนเดียว สบายดี"

แม้ครั้งนี้ จำนวนพระทรายจะมีมากกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ก่อกันเงียบ ๆ ไม่เอิกเกริก...
ยกเว้นคณะที่ชนะเลิศ:70bff581: ที่ต้องชื่นชมว่า สนุกสนาน เฮฮามาก อย่างที่เห็นกันนั่น
ยายได้ร่วมก่อพระทราย กับกลุ่มคนต่างกลุ่มกันไม่ต่ำกว่า ๔ กลุ่ม... ยังรู้จักชื่อไม่ครบไม่กี่คนนั่นเลย
และยังได้ไปช่วยก่อพระทรายของแม่ชี ที่เป็นองค์สุดท้ายด้วย
(จึงพลาดช่วงตัดสินไปได้:onion_no: ๕๕๕...
กรรมการตัวน้อยมาทำหน้าสลดตอนยายกลับมาที่พระทรายแล้วถามว่า เจดีย์ของป้าหรือ:msn_smileys-07:)

ยายได้ร้องเพลงชาติที่ศาลา แบบงง ๆ ว่าทำไมมีตูร้องอยู่คนเดียว:154218d4:... ก็ท่านชวนว่า "ร้องด้วยสิ"

ได้กราบสมเด็จองค์ปฐมที่พระเจดีย์บนเขา ร่วมถวายแผ่นทองคำเปลว ฯลฯ
เตรียมน้ำสรงพระอาจารย์ พระ เณร ที่วัด... ขวดใหญ่ แบ่งน้อง ๆ และหลังจากสรงผู้อาวุโสที่วัด โดยทั่วแล้ว
ยังเลยมาถึงรดน้ำขอพรขอขมาคุณแม่... แล้วต่อด้วยสรงน้ำขอขมาหลวงพ่อใจ วันถัดจากกลับจากวัด หอมฟุ้งติดใจ

สรุปว่า ขอกราบบูชาคุณพระอาจารย์ ที่ทำให้ยายได้มีโอกาสอันประเสริฐนี้:875328cc:

นางมารร้าย 19-04-2012 11:41

4 Attachment(s)
รูปต่อไปนี้ เป็นฝีมือน้องบัวล้วน ๆ ค่ะ ยกเว้นรูปที่มีตัวเขาเอง


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334810146
หลอกสาวไม่สำเร็จ หลอกเด็กดีกว่า คนละ ๒๐ บาทเอง ฮ่า ๆ ๆ


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334810146
ที่ถักเปียนั่น คือโมจิ ประธานกรรมการตัดสินพระเจดีย์ทรายปีนี้ค่ะ


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334810146
น้องปริ๊นท์ หนึ่งในคณะกรรมการของโมจิ


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334810761
ป้านุช หัวหน้าทีมก่อพระเจดีย์ที่ชนะเลิศ สวยเข้าตาคณะกรรมการ

ป้าเม้า 19-04-2012 11:57

1 Attachment(s)
ประธานกรรมการตัดสิน

น้องโมจิ

ขณะอยู่ในกองประกวด

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334811783

ขอบคุณแม่ชีกุ๋ยและคนถ่ายภาพที่ส่งมาให้ค่ะ

นางมารร้าย 19-04-2012 12:37

10 Attachment(s)
รายการต่อไปนี้ เป็นลุงป้าน้าอาที่โดนน้องบัวไปเก็บรูปมาค่ะ ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายนะคะ คิดเอาเองแล้วกันค่ะ ๕๕๕๕


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334813751
ป้าโม


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334813751
พี่น้ำ


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334813751
น้าอุ้ย ป้ามุก


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
พี่โอ๋สุดสวย


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
ป้าเปี๊ยก ป้านี้


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
ป้ามอย


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
ลุงเบญ


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
ลุงกับป้า


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
ไพศาล หัวหน้าแก๊งเด็ก


http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1334814167
รูปยาย...เอ๊ย...ตากล้องเองค่ะ

ชยาคมน์ 19-04-2012 17:35

ขออนุญาตเล่าต่อครับ

การบวชรุ่นนี้ ผมตั้งใจปฏิบัติมาก เรียกได้ว่า ปกตินั่งขัดสมาธิฟังธรรม
แต่รุ่นนี้พยายามนั่งพับเพียบให้สมกับเป็น "สุภาพบุรุษ" (แบบว่าอายเด็ก ๕๕๕) รวมทั้งพยายามกราบให้สวย

แต่ด้วยสภาพร่างกายอัน "บอบบาง" และอากาศร้อนอบอ้าว ประกอบกับฝนตก
(คืนวันที่ ๑๓ ฝนตกหนักมากและน้ำฝนสาดเข้ามาที่พักใต้ตึกแดงฝั่งที่ผมนอนพอดี ก็รับละอองฝนไปเต็มพิกัด)

อาการไข้ที่เริ่มก่อตัว ประกอบกับไม่เจียมสังขารโดยวันที่ ๑๕ ช่วงเที่ยงได้ขึ้นยอดเขาท่ามกลางแดดร้อน
และเริ่มรู้สึกว่า "งานเข้า" เพราะร่างกายอ่อนล้า แต่ก็พยายามอดทนจนบวชเนกขัมมะเรียบร้อย

วันต่อมาไปทำงาน ก็เริ่มหมดแรง อาการ คือ แขนขาไม่มีแรงและกล้ามเนื้อเกร็งตัว
โดยช่วงเช้ายังเดินไปไหนมาไหนได้ แต่ช่วงบ่ายนั่งเก้าอี้ทำงานและลุกขึ้นไม่ได้ แต่ก็พยายามกระเสือกกระสนกล้บบ้าน

พอจะเดินขึ้นตึกมีบันได ๒ ขั้นก็พยายามก้าวขึ้น แต่ "ขาพับ" เพราะไม่มีแรงและเสียหลักล้ม
ทำให้ "หัวฟาดพื้นคอนกรีต" อีกครั้ง (หลังจากปีที่แล้วรถล้มหัวฟาดพื้นมาแล้วครั้งหนึ่ง)
มารเขาเก่งจริง ๆ เผลอปุ๊บ สอยเราปั๊บ

ในใจคิดว่า "ตายแน่ ๆ" เพราะร่างกายไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน
แต่ก็พยายามรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายพาสังขารกลับไปถึงห้องจนได้

วันต่อมา ลุกไม่ขึ้น แขนขาไม่มีแรงแม้จะจะลุกขึ้นนั่ง ยืนก็ไม่ได้ เดินก็ไม่ได้
น่าเศร้าจริง ๆ ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต จึงเริ่มสำรวจร่างกายและแยกอาการออกเป็น ๒ ส่วน คือ

๑. อาการจากการปฏิบัติ เพราะผมนั่งผิดท่า แถมนั่งท่านางฟ้า (ลืมคิดไปว่าน้ำหนักตัวผมไม่ใช่น้อยนั่งกดทับนานขนาดนั้น กำลังขาคงทนไม่ไหว) แถมขึ้นเขาไปไหว้พระกลางแดดอีก

๒. อาการจากการล้มหัวฟาดฟื้น ผมคิดว่า ไม่น่าจะมีผลมาก เพราะผมไม่มีกำลังก่อนที่จะล้มอยู่แล้ว และผลข้างเคียงเรื่องตาพร่า ปวดหัว และอาเจียนไม่ปรากฏ

๑ วันอันแสนทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะไม่ได้ถ่ายหนัก ๒ วัน และเวลาฉี่ต้องฉี่ใส่ถุงพลาสติก
ข้าวก็กินไม่ได้ เพราะกลัวปวดท้องถ่ายหนัก ในแต่ละมื้อต้องกินขนมปังมื้อละ ๑ แผ่น คิด ๆ แล้วสมเพชตัวเองจริง ๆ

แต่ก็ไม่วายไปอำพี่ ญ.ผู้หญิงว่า "ตายแล้ว" ทีนี้พี่หญิงโทรหาแม่ถามว่าคมน์เป็นอย่างไร "งานเข้า"
เพราะเป็น "หลานยาย" คนเดียวของตระกูล ทุกคนก็เตรียมยกกองทัพมาเยี่ยม

วันนี้แม่ทัพใหญ่ (พ่อ) มาเยี่ยมและจับส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่า "อาการปกติ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร"
(คิดในใจว่า "บารมีพระ" เพราะเรารับยันต์เกราะเพชรมา) วันพรุ่งนี้รองแม่ทัพ (แม่) มา พร้อมญาติอีกจำนวนหนึ่ง

ในวันที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และรู้สึกแย่ ก็เริ่มทบทวนสิ่งที่พระอาจารย์เล็กสอนจากความจำ ซึ่งสรุปได้ว่า

"มารเขาเก่ง เวลาเราไปปฏิบัติธรรมและกำลังจะพ้นเขตที่เขาทวงได้ เขาจะรีบมาทวงและมาทำให้เราเข้าใจผิด เช่น บางคนมาปฏิบัติธรรมและกลับไปเจอเรื่องที่ไม่ดี บางคนเจอปัญหาครอบครัว บางคนเจอปัญหาเรื่องงาน บางคนเจอเหตุการณ์ที่ไม่ดี ฯลฯ ทำให้หลายคนเข้าใจว่า เข้าวัดแล้วเจอเรื่องไม่ดี ทำให้เลิกปฏิบัติ หากท่านใดเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขอให้รู้ว่า เรากำลังจะได้ดีแล้ว ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติต่อไปอีกนิด เขาก็จะตามทวงเราไม่ได้ ดังนั้นใครที่เจอเรื่องแบบนี้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติต่อไป"


ที่มาเล่า ไม่ใช่ว่า ผมทำได้ดีแล้ว แต่มาเล่าเพื่อให้ทุกท่านที่จะไปบวชรุ่นต่อไปวางแผนและเตรียมร่างกายให้ดี
โดยเฉพาะคนที่น้ำหนักมาก ต้องระมัดระวังครับ ที่สำคัญ คือ อย่าเผลอในทุกวินาทีเพราะมารเขารอเล่นงานเราตลอดเวลาครับ

แล้วเจอกันรุ่นต่อไปนะครับ

หมายเหตุ : ขอบคุณคน ๆ หนึ่งที่อดทนฟังนิทานครับ

ชยาคมน์ 20-04-2012 12:45

ลงภาพเบื้องหลังบ้างครับ

http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...00444194_n.jpg
สองสาวช่วยกันทำพานเพื่อให้พระอาจารย์เล็กใช้สำหรับสรงน้ำพระ
ทราบมาว่า หลวงพี่เอกฝากน้ำอบสำหรับสรงน้ำพระมาด้วยครับ
ใส่เสื้อ "หลวงตา" เอาน้ำอบ "หลวงพี่เอก" มาทำพานให้ "หลวงพี่เล็ก" เข้าใจคิดครับ

http://a3.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...33110499_n.jpg
สุภาพบุรุษส่งพี่ทิดไปช่วยสุภาพสตรีทำความสะอาด
ส่วนสุภาพบุรุษทั้งหลายยืนให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ๕๕๕

http://a8.sphotos.ak.fbcdn.net/hphot...11789586_n.jpg
กองกำลังติดอาวุธวัดท่าขนุน พร้อมออกไปทำสงคราม (น้ำ) ที่ตลาด

สายท่าขนุน 16-05-2012 21:41

บวชเนกขัมมะครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เป็นอีกครั้งที่ควรมาเล่าสู่กันฟัง

เริ่มจากกำหนดการ "จัดเต็ม" ๕ วันเช้า-บ่าย รวม ๙ รอบ พระอาจารย์ก็เมตตา "คุมเข้ม" เกือบทุกช่วงกรรมฐาน:875328cc:
พร้อมด้วยเปลี่ยนอาวุธเป็นกล้องถ่ายรูป ไว้คอยดันใครที่หลับสัปหงก ที่ครั้งนี้มีหลายคนอยู่
จำนวนคนกลับมากกว่าครั้งที่ ๔ อากาศเย็นสบายขึ้น แม้มีฝนบ้าง แต่ระบบน้ำอาบน้ำใช้ก็ซ่อมทำแล้วเรียบร้อย
แม่ชีทุกท่านยังคงทำงานหนักเพื่อให้ผู้บวชอยู่สบายเช่นเคย งานครัวกระชับขึ้นโดยทำอาหารง่าย ๆ ไม่มากอย่าง
และพระอาจารย์ประกาศให้โยมที่มีฝีมือทำอาหารไปช่วยงานครัวอีกด้วย
แต่แม่ชีทุกท่านก็ต้องขึ้นบนศาลาเพื่อขานชื่อ (ชื่อแรก ๆ ด้วย) ก่อนเวลาให้ทัน เช่นเดียวกับท่านอื่น ๆ

...ยายก็เพิ่งทราบตัวอย่างหนึ่งหลังจากกลับมาแล้ว ที่ยืนยันว่า ทุกท่านที่ได้ไปบวชมีบุญหนุนส่งระดับหนึ่งแน่นอน
คือ น้องที่ทำงานที่ยายชวนให้ไปบวชไว้ ซึ่งเขาจัดเวลายากมาก เพราะมีกิจกรรมครอบครัวและงานบุญประจำทุกวันหยุด
เขาเล่าว่า ลางานไว้แล้ว ๒ วัน จัดกระเป๋าแล้ว แต่ลาฟรี ไม่ได้ไปเพราะรถที่จะไปเต็มทั้งหมด
ยายก็ถามว่าทำไมไม่โทร. หา เพราะวันเดินทาง ยายกลับจากวัดเขาวงมารับป้ายิ้มที่กรุงเทพฯ และยังพอมีที่
เขาบอกว่า มือถือเขาเพิ่งเปลี่ยนที่หาย:onion_no: ไม่มีเบอร์โทร. ที่เก็บไว้ และไม่ได้อยู่ในจังหวะที่จะตรวจสอบถามหาได้สะดวก

ตอนไปถึงวัดมืดแล้ว ยายก็กราบพระ พรหม เทวดา หลวงปู่... พอถึงตรงศาลาแม่พระธรณี อ้าวท่านแม่หายไปไหน
ยายก็จอดรถ ลดระดับกระจกออกดู จึงเห็นว่าพระแกะสลักจากหินเขียวแม่น้ำโขงประดิษฐานอยู่ตรงนั้น:baa60776:
(ยายเคยจำเอาไว้ว่า พระอาจารย์เคยเล่าถึงว่าเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใด
แต่ก็มีคนฟังมาแตกต่างกันออกไปอีกถึง ๒ คน... ยายก็เลยไม่แน่ใจ)
ยิ่งดีใจมากขึ้น เมื่อเห็นว่าแม่ชีใหญ่กำลังจัดเตรียมบายศรีเพื่อบวงสรวงและดอกไม้บูชาพระ และยายได้รับคำชวนให้ช่วย
จึงรีบไปดูที่นอนให้เรียบร้อยก่อน เพราะดึกแล้ว... อาบน้ำเสร็จก็ทันได้ช่วยบูชาครูทำดอกไม้บ้างด้วยความชื่นใจ
เสร็จแล้วก็เดินไปวางพานดอกไม้ถวายที่กุฏิหลวงปู่พุก แล้วไปกราบที่องค์พระหินเขียว...
ช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น จะได้บวงสรวงรับพระองค์ท่าน เป็นฤกษ์โสฬสวันเสาร์อีกด้วย
มีคนเตรียมไปหาน้ำมันเลียงผามาเข้าพิธี ยายก็ฝากซื้อขวดเล็ก เพื่อไม่ให้หนัก และจะนำถวายพระอาจารย์
ช่วงเช้าตรู่ เขาไปหาซื้อที่ร้านประจำ ร้านยังไม่เปิด เขาก็ถึงกับเคาะเรียกได้มา

ร่ายยาวมานี่ ก็เพื่อชะลอที่จะเล่าถึงส่วนการปฏิบัติ เพราะส่วนนี้ยายได้รับคำสั่งสอน ระดับ:msn_smileys-13: “เจ็บเลือดซิบ” ทีเดียว
ยายไม่ได้ไปบวชทุกครั้ง จึงเพิ่งมีโอกาสได้ฝึกกราบช้า ๆ กับเคลื่อนมือแทนการเดินจงกรม
ยายชอบกราบแบบนี้มาก แม้ว่ามักทำผิดท่าตอนที่กราบครบแล้วจะกลับมาท่าทางเดิม… เพราะทำให้รู้สึก “ตั้งใจ”:af48944b: กราบมาก ๆ
การเคลื่อนมือแบบหลวงพ่อเทียนนี้… เด็ก ๒ พี่น้องที่เมื่อง่วงแล้วรู้จักแก้ปัญหาโดยหันมาทำอิริยาบถนี้แทน
ครั้งนี้ ไม่มีเด็กกวนผู้ใหญ่เลย มีแต่ที่จะให้ผู้ใหญ่ได้อาย… พวกเราได้กราบฟังว่า แฝดสามตัวน้อย
ตอนที่เด็ก ๆ ที่แยกกันนั่งนี้ เขาเบื่อแล้วมองนั่นนี่ไปบ้าง ก็ไม่ขยับออกนอกวงส่วนตัวรบกวนใครกันเลย
คนพี่เด็กหญิงอีกคน ที่ล้มตัวลงนอนฟุบไปนั้น พระอาจารย์ท่านก็ไม่ให้ไปปลุกหรือจับ
เพราะเราจะดูไม่ออกว่าเขาหลับหรือเป็นมโนฯ เต็มกำลังกันแน่… ไปจับรบกวนเข้าก็อาจจะเกิดโทษได้

ได้มีโอกาสเดินจงกรมรอบวัด ๑ รอบ… เป็นรอบที่พระอาจารย์บอกว่า
ไม่มีสักคนเดียวที่รักษากำลังใจได้ตลอดทาง หลุด ๑๐๐% เต็ม !!! และคนที่รู้ตัวมีไม่ถึงจำนวนนิ้วมือข้างหนึ่ง
เมื่อท่านเทศน์ ระหว่างปฏิบัตินั้น … ท่านย้ำอีกครั้งว่าข้อเสียของการปฏิบัติของพวกเราก็คือทำแล้วทิ้ง
ไม่พยายามรักษาอารมณ์ใจไว้ให้ได้ ข้อเสียนี้มีผลร้ายแรงถึงไปพระนิพพานไม่ได้:onion_emoticons-17:
ยายฟังแล้วก็สยองขวัญ แต่ “เรื่อง” ที่เกิดขึ้น ก็ยิ่งย้ำให้ยาย “สยอง” ต่อมากระทั่งทุกวันนี้…
ที่ยายก็ยังหัด “รักษากำลังใจ” ได้ไม่ดีขึ้นนัก:onion_smileys06:

เอาตรงเรื่องเดินรอบวัดนี้ก็ “เจ็บ” มากแล้ว…
พวกเราตัดสินใจออกเสียงกันว่าจะไปเดิน ตอนที่แดดแรงมาก แต่พอเริ่มออกเดินแดดก็ร่ม
…วุ่นวายจัดแถว พอเริ่มออกเดิน ก็ไม่สมานสามัคคีเท่าไรนัก และเดินค่อนข้างเร็ว
ตรงยายก็ใช้วิธีสังเกตฝีเท้าแถวพระที่นำหน้า แล้วว่าคำเดินจงกรมตาม
มีหยุดจัดขบวนใหม่ ๒-๓ ครั้ง ในที่สุด พระอาจารย์บอกให้ต่างคนต่างกำหนดในใจกันเอง
เพราะแถวข้างหลังบีบคั้นให้แถวนำหน้าต้องเร่งฝีเท้าแทบหายใจไม่ทันกันทีเดียว

เดินกันมาสักพักก็พบต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางทางอยู่ ก็ค่อย ๆ เดินออกข้างกันไป… ช่วยเหลือกันไปตามสภาพ
ข้างที่ยายผ่านมีรังมดแดงตัวโตแตกรังมาพอให้ได้ปัดออกจากหัวหู
แถวเดินผ่านจุดต่าง ๆ ไป… ตอนนี้เสียง ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ เงียบลงแล้ว
ยายก็เพลินดูสองข้างทาง ไม่ถึงกับสอดส่าย แต่ก็มี "เผลอ" ไปบ้าง...
นี่ยายภาวนาพร้อมกับทำอย่างอื่นอีกแล้ว
โดยเฉพาะที่มะดำเทินขวดน้ำไว้บนหัวระหว่างเดิน เป็นเหตุให้เป็นจุดสนใจ…
ยายเห็นมะตอนที่พระอาจารย์ท่านขึ้นเนินปูนไปถ่ายรูปเอาไว้...
ก็หันไปมองพระอาจารย์ก่อนนั่นแหละ แล้วจึงมองตามทิศทางที่ท่านมองต่อ
ท่านว่ามะสมาธิดีที่สุด เผ่าพันธุ์นี้เป็นเองโดยกำเนิด:4672615:…
มีคนพูดว่าเหมือนพวกนางแบบ ท่านก็ว่า เขาเกิดมาเป็นนางแบบกันได้ทุกคน
ผ่านหน้าจุดก่อสร้างฐานสมเด็จองค์ปฐมด้านหน้าวัด ยายก็ยกมือขึ้นไหว้

พอเดินเลี้ยวกลับเข้ามาทางหน้าวัด ผ่านปากทางขึ้นพระเจดีย์
พระอาจารย์ท่านก็เล่าถึงศาลาตรงนั้นที่เคยเป็นทรงไทย แล้วต่อมาก็สร้างเป็นทรงสเปน
ซึ่งภายหลังสภาพทรุดโทรมเกินกว่าจะบูรณะ จึงกลับมาเป็นทรงไทยใหม่
ถึงยายจะเคยฟังเรื่องนี้แล้ว… แต่ความที่ยายฟังไม่ค่อยได้ยิน จึงเงี่ยหูตั้งใจฟังท่านเล่า:onion_wink:
เห็นท่านเดินถือโทรโข่งพูดหันไปทางด้านหน้า และท่านเดินอยู่ด้านข้างบริเวณค่อนไปทางหัวแถว
ยายก็นึกว่า ทำไมท่านจึงไม่หันโทรโข่งมาทางด้านหลัง คนในแถวจะได้ยินชัดขึ้น…
ทำไมหนอ” ท่านไม่ลืมแน่นอน ท่านต้องมีเหตุผลสิ
ทันทีที่นึกออก !!! ยายก็กลับมาที่ฝีเท้าแล้วนึกว่า “ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ” ทันที
แต่ตอนนั้นเราก็ใกล้ถึงศาลาแล้ว:4519626a:

ยาวจัง ขออภัย… ยายขออนุญาตเอาเรื่อง “น่าละอาย” (และน่าสยองขวัญขึ้นอีก) ของยาย มาเล่าต่ออีกนะ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:53


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว