กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=62)
-   -   สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล ตอนที่ ๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4604)

สุธรรม 21-09-2015 14:49

สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล ตอนที่ ๒
 
1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1442821718
ครบ ๒๘ ปีเต็มขึ้นปีที่ ๒๙ แล้ว

วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ อาตมาบวชที่วัดจันทาราม (ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี แปลว่าครบ ๒๘ ปีเต็ม ขึ้นสู่ปีที่ ๒๙ ได้ “ฉลองวันเกิด” แบบไม่ได้ตั้งใจ ด้วยการเดินทางไปต่างประเทศ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ “ธรรมะจัดสรร” จริง ๆ...

อาตมาตื่นตีสองครึ่ง หยิบเอา “เรื่องสั้นนอกเหมืองแร่” ของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ออก เอาไปแค่ “อาปา” ของจิตรา ก่อนันทเกียรติ เล่มเดียว แล้วสรงน้ำ แต่งตัว มาเข้าเว็บวัดท่าขนุนเพื่อรอเวลา เจอ PM บานตะเกียง ต้องรีบตอบเป็นการด่วน...

น้องเล็กมาเคาะประตูเรียก บอกว่าลูกเหมียวมาแล้ว พลางช่วยหิ้วกระเป๋าลงไปด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงเบานัก ? ลูกเหมียวมาตรงเวลามาก บอกว่าวันก่อนไปสำรวจเส้นทางมาแล้ว ว่าจะต้องหลบหลีก “ม็อบนกหวีด” อย่างไรบ้าง พวกเรา Happy Birthday ให้ท่ามกลางความดีอกดีใจของเจ้าของวันเกิด แล้วช่วยกันยกกระเป๋าใส่ท้ายรถ...

สุธรรม 22-09-2015 03:09

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1442866063
รีบเผ่นเข้าประตูนี้ก่อนที่หัวจะขาด..!

ฝากบ้านกับพระภูมิเจ้าที่ แล้วลูกเหมียวออกรถมาทางสาทร ขึ้นทางด่วนมาลงงามวงศ์วาน ด่านเก็บเงินทำไมไม่เก็บทีเดียวก็ไม่รู้ ? ต้องเสียเวลามาจ่ายเป็นสองขยัก ถ้าชั่วโมงเร่งด่วนก็จะทำให้รถติดโดยใช่เหตุ “ขี้บ่นเหมือนเดิม” เสียงหลวงพ่อวัดท่าซุงดังขึ้นเหนือหัว อาตมารีบกราบครูบาอาจารย์ด้วยความดีใจ ท่านบอกว่า “แค่มาดูเฉย ๆ ว่าแกเป็นอย่างไรบ้าง ? ที่เหลือเป็นหน้าที่ของหลวงปู่นะ..” ท่านหันไปทาง “ท่านพ่อ” ที่โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ ?

“น้อมรับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ พระเจ้าข้า” “ท่านพ่อ” เล่นของสูงไปเลย ครูบาอาจารย์คู่นี้เคยเกิดเป็น "วังหลวง" กับ “วังหน้า” คู่กันมา ทำเอาวังหลวงเงื้อไม้เท้า วังหน้าทำท่า “ขอชีวิตไว้ก่อน” สนุกสนานเฮฮากันสองคน โดยที่อาตมานั่งตัวลีบ เพราะกลัว “หัวขาด” แทน..!

เลี้ยวซ้ายมาออกถนนวิภาวดีรังสิต ลูกเหมียวไม่เห็นช่องเล็ก ๆ สำหรับเข้าทางด่วน เพราะช่วงนั้นค่อนข้างมืด จึงวิ่งยาวไปจนกระทั่งเจอทางเข้าใกล้สนามบินแล้ว แต่ก็ยังเข้าเสียหน่อย แล้วขึ้นสะพานเข้าสู่สนามบินนานาชาติดอนเมือง จอดให้พวกเราลงที่อาคาร ๑ ประตู ๓...

สุธรรม 22-09-2015 14:22

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1442906501
สมัยนี้ไม่ต้องฝึกอภิญญาก็บินได้

บอกขอบคุณล่ำลากันดีแล้ว ลูกเหมียวก็นำรถกลับบ้านตอนตีสี่ห้านาที พวกเราหิ้วกระเป๋าเข้าประตูอัตโนมัติไป เมื่อเข้าไปในรั้วสเตนเลสแล้ว ต้องผ่านเครื่อง X-ray ก่อน ของอาตมาที่หิ้วขึ้นเครื่องเอง เจ้าหน้าที่ยกมือไหว้แล้วปล่อยให้ผ่านไปเลย...

มายืนคอยน้องเก๋อยู่พักหนึ่ง เพื่อรอฝากกระเป๋าพร้อม ๆ กัน จะได้ช่วยกันเฉลี่ยน้ำหนัก แต่ก็ไม่เห็นโผล่มา อาตมาให้น้องเล็กโทรไปตาม เสียง “ง่องแง่ง” ของลิงสองตัว (ปีวอกทั้งคู่) ดังอยู่พักหนึ่งจับใจความว่า “เพิ่งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ จะรีบไปให้เร็วที่สุด แกจะรีบไปไหนวะ ? บ้านฉันอยู่แค่นี้เอง”

“เออ..รู้ แต่หลวงพี่รอแกอยู่โว้ย..!”

“ฉิบอันตรธาน..! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

นี่ขนาดรีบแล้วนะ ยายจี๋ยังมาถึงก่อนตั้งนาน เมื่อกราบสวัสดีทักทายกันแล้ว พวกเราเห็นว่ายายจี๋ยังไม่ได้เช็คอินเลย จึงให้ไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์หมายเลข 2K ทางปลายเคาน์เตอร์ด้านบนมีตัวหนังสือภาษาอังกฤษว่า Now Everyone Can Fly เออ..ตูโง่เอง ที่เสียเวลาไปฝึกกสิณอภิญญาจนแทบล้มประดาตาย สู้วิชชามัยฤทธิ์สมัยนี้ก็ไม่ได้..!

สุธรรม 23-09-2015 03:25

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1442953496
ถ่ายรูปหมู..เอ๊ย..รูปหมู่เป็นที่ระลึกก่อน

อาตมาถ่ายรูป Now Everyone Can Fly เอาไว้ดูให้เจ็บใจเล่น แล้วมาถ่ายรูปพวกเราไว้เป็นที่ระลึก เห็นบนพื้นมีน้ำที่น่าจะเป็นกาแฟหกเรี่ยราดอยู่ ยายจี๋บอกว่าเป็นฝีมือของนักท่องเที่ยวจีนที่ทำหกให้เห็นคาตา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนเหล่านี้ ที่ไปไหนก็สร้างปัญหาให้กับที่นั่น เมื่อไม่นานมานี้ก็ให้เด็ก ๆ ฉี่ในห้างสรรพสินค้าที่ฮ่องกงโดยไม่ยอมพาไปเข้าห้องน้ำ โดน “เม้นท์” ด่าสนั่นโซเซียลเน็ตเวิร์กไปเลย ยังมีหน้ามาบ่นว่าคนจีนด้วยกันแท้ ๆ ทำไมต้องมาด่ากันด้วย..?

พวกเรายืนคุยกันแท้ ๆ แต่บรรดา “ฝรั่ง” มายืนต่อแถวเฉยเลย ซ้ำยังทำท่าสงสัยว่าทำไมพวกเรายืนต่อกันเป็นกลุ่มแบบนี้ จึงต้องย้ายหลบไปยืนข้างเสาแทน ตีสี่ห้าสิบนาทีน้องเก๋ก็โผล่มาถึง จึงพากันไปฝากกระเป๋าที่ช่อง 2P เฉลี่ยกันแล้วยังขาดน้ำหนักอีกตั้ง ๑๐ ก.ก.น่าจะขนมาเพิ่มได้อีกนะนี่ อาตมาส่ง Boarding pass ใบเท่ากระดาษ A4 ให้น้องเก๋ไปรับบัตรขึ้นเครื่องใบเล็ก อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้อง เขาใช้ใบนี้แหละ ฮ่วย..จะประหยัดเกินไปแล้วมั้ง ?

ฝากกระเป๋าเสร็จพวกเราก็ไปตรวจประทับลงตรา เพื่อเดินทางออกนอกประเทศ เพิ่งเดินไปต่อคิวเจ้าหน้าที่ก็มาพาอาตมาไปยังช่องพิเศษ เจ้าหน้าที่ชื่อ “นรากร รัตนประทีป” เอาหนังสือเดินทางของอาตมาใส่เข้าไปในช่องสแกน แต่เครื่องไม่ยอมอ่าน ขลุกขลักอยู่พักหนึ่งก็หันไปถามเพื่อนที่ช่องข้าง ๆ เพื่อนดูแล้วก็ส่ายหน้า บอกว่าไม่รู้ปัญหา ตกลงว่าตูจะได้ไปไหมนี่ ?

สุธรรม 23-09-2015 17:19

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443003527
คนอื่นต้องต่อแถวยาวเหยียด ส่วนพระไปเข้าช่องทางพิเศษ

ทีแรกนึกว่าเป็นเพราะไม่ได้ขอวีซ่าไว้ก่อนจึงไม่ผ่าน ปรากฏว่าไม่ใช่ สาเหตุเพราะในหนังสือเดินทางของอาตมาเป็นสมณศักดิ์ติดกันเป็นพืด ไม่มีนามสกุลปรากฏให้เห็น เครื่องจึงไม่ยอมอ่านให้ จนผู้กองหญิงคนสวยแห่งกองตรวจคนเข้าเมืองมาช่วยดู แล้วบอกให้คุณนรากรเคาะเว้นวรรค ให้อาตมาเป็นพระครูวิลาศ นามสกุล กาญจนธรรม ไอ้เครื่องแสนฉลาดจึงยอมปล่อยให้ผ่านไปได้...

ขนาดช้าแล้วยังเสร็จก่อนทางคณะ อาตมาจึงยืนรออยู่ด้านหลังช่องพิเศษ ถ่ายรูปการทำงานของเจ้าหน้าที่ไปด้วย แล้วเลยไปถ่ายรูปป้ามอยกับน้องเล็กที่กำลังตรวจประทับตราอยู่ ผู้กองหญิงคนสวยเดินเข้ามาบอกว่า “ตรงนี้ห้ามถ่ายรูปนะคะ กรุณาช่วยลบรูปที่ถ่ายไปแล้วด้วยค่ะ”...

เธอทำท่าเหมือนกับว่าเป็นความผิดของเธอเอง ที่บริเวณนี้ไม่มีป้ายห้ามถ่ายรูปติดไว้ให้รู้ อาตมาจัดการกดลบรูปให้เธอดูจนหมดทั้งสามรูป ผู้กองหญิงคนสวยยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเดินไปแก้ปัญหาที่ลูกน้องวิ่งมารายงานว่า มีผู้จะเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่มีหนังสือเดินทาง เธอจึงเชิญหญิงวัยกลางคนร่างท้วม ต้นตอของปัญหาเข้าไปสัมภาษณ์ในห้องใกล้ ๆ นั่นเอง...

สุธรรม 24-09-2015 03:02

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443038509
เรียกผิดหน่อยเดียวมีงอน..หนีไปซ่อนเสียนี่..!

อาตมายืนรอพวกเราอยู่ตรงข้างห้อง เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ยังชื่นชมอยู่ในใจ ว่าทุกคนใจเย็นดีมาก รับมือกับปัญหาอย่างมีสติ อะไรไม่รู้ก็ถามเพื่อน หรือรายงานผู้บังคับบัญชาทันที แต่การมายืนอยู่แบบนี้กลับเป็นปัญหา เพราะทำให้คนอื่นเอาอย่างมายืนรอคณะของเขาบ้าง จนชักจะกลายเป็น “มวลมหาประชาชน” ไปแล้ว อาตมาจึงชวนยายจี๋ ป้ามอย น้องเล็ก เดินเข้าไปก่อน ปล่อยให้น้องเก๋กับลูกปุ๊กที่ยังไม่เสร็จเรื่องตามเข้าไปทีหลัง...

เอากล้องใส่ไว้ในกระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้ววางให้ผ่านเครื่อง X-ray ไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ส่วนตัวเดินผ่านเครื่องไปแบบสบายใจ เพราะงานนี้ “ท่านพ่อ” สั่งปลดอาวุธเกลี้ยงตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน บอกว่าถ้าติด “มีดหมอชาตรี” หรือ “มีดบ้านจ่าตุ่ม” ไปด้วยงานนี้มีปัญหาแน่ ๆ อาตมาจะเอา “ท่านเหลือง” ไปด้วย อีกฝ่ายก็เล่นตัว บอกว่าเป็นเครื่องรางอันดับหนึ่งของประเทศ ดันไปเรียกจนเหมือนหมา เลยหนีไปซ่อนเสียที่ไหนก็ไม่รู้ ? กลับไปคงต้องตามง้อกันอีกพักใหญ่...

เมื่อน้องเก๋กับลูกปุ๊กตามมาครบแล้ว พวกเราก็มองหาร้านอาหารที่จะฝากท้องเอาไว้ ตอนแรกว่าจะไปกินข้าวกันที่ร้าน S&P แต่มีผู้ประท้วงว่ายุ่งยาก เอาแค่แฮมเบอร์เกอร์ดีกว่า (มัก) ง่ายดี จึงชักแถวเข้าร้าน Mcdonald’s ซึ่งอาตมาเดินเข้าไปก็งง ๆ ว่า ตกลงนี่เป็นร้านขายอาหารหรือร้านขายกาแฟกันแน่ ? ปรากฏว่าเขาขายทั้งสองอย่าง...

สุธรรม 24-09-2015 14:32

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443079905
หน้าตาดูดีและแพงมาก แต่ข้าวแข็งเหมือนกับหัวอ้ายโจร..!

ป้ามอยอธิบายว่า ร้าน Mcdonald’s หลายแห่ง แบ่งพื้นที่ให้กับทางร้าน Sub Way เหมือนกับ “Co” กันว่า ถ้าลูกค้าที่ต้องการซื้อทั้งแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟ จะได้ไม่ต้องไปหาร้านอื่น อาตมานั่งลงที่เก้าอี้ว่าง พลางบอกให้สั่งอาหารเผื่อด้วย...

พักใหญ่แฮมเบอร์เกอร์ก็มาตั้ง ๒ อัน ราคาจะแพงเท่าปารีสหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ที่นั่นราคาอันละ ๖ ยูโร (๒๔๐ บาท) แต่ใหญ่ประมาณ ๒ เท่าของที่นี่ น้องเล็กเอาแบบอันใหญ่มาเปลี่ยนของอาตมาไป ๑ อัน น้องเก๋ส่งข้าวกล่อง Grab & Go ที่น่าจะเป็นหมูทอดกระเทียมมากล่องใหญ่ ฉันของอื่นในร้านเขาจะโดนไล่หรือเปล่าหว่า ?

ลูกปุ๊กเอาพายสับปะรดมาถวายอีก ๑ ชิ้น ถ้าฉันทั้งหมดมีหวังจุกตายแน่ อาตมาจึงเริ่มจากข้าวกล่องที่หน้าตาดูดีมาก ๆ แต่รสชาติไม่เอาอ่าวเลย ซ้ำข้าวยัง “แข็งเหมือนกับหัวอ้ายโจร” กว่าจะกระเดือกลงไปได้หมดก็เกือบจะสิ้นชีวา...

สุธรรม 25-09-2015 02:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443124296
ป้ามอยเชียร์ยี่ห้อนี้สุดใจขาดดิ้น (ตูจะไปเก็บค่าโฆษณา..!)

เมื่อบ่นเรื่องข้าวแข็งก็เป็นทีของป้ามอย ที่สาธยายว่าข้าวของ CP ที่ทั้งร้อนทั้งนุ่มนั้น มีสูตรพิเศษอะไรบ้าง อาตมาจัดการกับแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นเล็กไปได้แค่ ๑ ชิ้นก็หมดสภาพ ต้องเอาที่เหลือใส่ถุง ฝากลูกปุ๊กให้หิ้วขึ้นเครื่องไปด้วย อีกโต๊ะพยายามแบ่งข้าวกันตั้งหลายคน กว่าจะกินหมด ได้ยินแว่ว ๆ มาว่าราคากล่องละเป็นร้อยบาท แฮมเบอร์เกอร์ก็อันละตั้งร้อยกว่าบาทเหมือนกัน...

ลูกปุ๊กเอากระบอกไปขอน้ำร้อนจากร้านกาแฟมาให้ แล้วพวกเราเดินลัดเลาะไปยังประตูหมายเลข ๒๖ ไปถึงอาตมากำลังจะนั่งที่นั่งพิเศษ สาวเนปาลีคนสวยที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็เปลี่ยนจากนั่งเป็นนอนพอดี เล่นคนเดียว ๔ ที่นั่งยังไม่พอ ยังเอากระเป๋าถือวางไว้ที่นั่งที่ ๕ อีก ปลุกคนนอนเขาว่าเป็นบาปอย่างหนึ่ง อาตมาก็เลยตัดสินใจว่ายืนดีกว่า..!

“สวัสดีค่ะ..หลวงพ่อ” อ้าว..คุณแม่มาตั้งเมื่อไรนี่ ? แม่ป๋อมบอกว่ามาได้พักใหญ่แล้ว ไปเข้าห้องน้ำจน “ประสบความสำเร็จ” มาแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเรามาก่อนหรอก ทักทายกันจนครบแล้วคุณแม่ก็ปลดกระเป๋าถือล้วงข้าวของออกมา “แบ่งสมบัติ” ให้กับทุกคน ประกอบด้วยกรมธรรม์ประกันชีวิต ยาปรับความดัน เพื่อจะได้อยู่ที่เนปาลโดยไม่แพ้อากาศ อาตมาขอไม่รับยา เพราะต้องการทดสอบว่า ลำพังสมรรถภาพร่างกายของตัวเอง พอจะสู้อาการแพ้ที่สูงได้หรือไม่ ?

สุธรรม 25-09-2015 14:22

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443165687
นั่งอยู่ดี ๆ ก็โดนย้ายที่นั่ง..!

คุณแม่นิมนต์อาตมาให้นั่งตรงที่นั่งธรรมดา ตัวเองลงไปนั่งแปะกับพื้น เลยพาให้คนอื่นนั่งแปะกันเป็นแถว แล้วล้วงเอาหนังสือ “ปรัชญาโยคะ” ที่กำลังเขียนใหม่ ออกมาปรึกษาว่า คำที่ใช้ระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษมีอะไรลักลั่นกันหรือไม่ ? และคำแปลภาษาอังกฤษบางคำ เมื่อเป็นศัพท์บาลีแล้วถูกต้องหรือไม่ ?

ตรวจแก้กันอยู่พักใหญ่คุณแม่ถึงพอใจ อาตมาถือกระบอกน้ำร้อนไปยังตู้น้ำเย็น เปิดกระบอกเทน้ำร้อนทิ้งลงในถังขยะเกือบครึ่ง รองน้ำเย็นผสมลงไปแล้วกรอกเข้าปากรวดเดียวหมดกระบอก จากนั้นเก็บกระบอกเปล่าลงกระเป๋า พอดีเขาเรียกขึ้นเครื่อง โดยให้ “ที่นั่งร้อน (Hot Seat)” คือแถวที่ ๑ ถึง ๑๕ ขึ้นก่อน เมื่อเหลือบมาเห็นอาตมา เจ้าหน้าที่รีบเรียกให้ขึ้นเครื่องก่อน เพราะเป็นที่นั่ง “ร้อนที่สุด”..!

ของอาตมาเป็นหมายเลข 17A น้องเก๋ 17B แม่ป๋อม 17C ลูกปุ๊ก 18A น้องเล็ก 18B ป้ามอย 18C ส่วนยายจี๋ไป “ที่นั่งร้อน” หมายเลข 6F อยู่ช่วงหน้าไกลเหมือนกัน น้องเก๋รอให้เจ้าหน้าที่เขาว่าง จะได้ขอเปลี่ยนที่นั่งของอาตมากับสุภาพบุรุษสักคน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชายของสายการบิน Air Asia มาพาอาตมาไปนั่งที่หมายเลข 5A แถวแรกที่ติดกับชั้นธุรกิจโดยไม่ต้องขอ กลายเป็นไปอยู่ใกล้กับยายจี๋แทน...

สุธรรม 26-09-2015 02:41

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443210063
ถึงไม่ได้จองไว้ก็มีอาหารบริการค่ะ (แล้วจองไปทำอะไรวะ ?)

เสียงประกาศแจ้งเรื่องต่าง ๆ ให้ผู้โดยสารได้ทราบ เป็นทั้งภาษายาวีและภาษาจีนกลาง สลับกันไปเป็นระยะ ส่วนมากก็เป็นเรื่องของการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่บนเครื่องบิน แต่มีที่พิเศษคือแจ้งให้ทราบว่า การนำยาเสพติดเข้าสู่ประเทศมาเลเซียนั้น มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว..!

เจ็ดโมงเก้านาที (สงสัยว่ารอเลขสวย) กัปตันศุภักษร (เขียนถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?) นำเครื่องออกสู่ทางวิ่ง พนักงานหญิงสาธิตเครื่องมือช่วยชีวิต เสร็จก่อนนกเหล็กจะทะยานขึ้นฟ้า พอเครื่องไต่ได้ระดับ สัญญาณรัดเข็มขัดดับลง พนักงานก็ประกาศว่า ท่านใดที่จองอาหารเช้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต ให้ขอรับจากพนักงานได้ ส่วนท่านใดที่ไม่ได้จอง มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มสามารถสั่งซื้อได้เช่นกัน จากนั้นก็ปิดม่านจัดการอุ่นอาหารเป็นการใหญ่...

กัปตันแจ้งสภาพอากาศและเส้นทางการบิน บอกว่าจะไปถึงสนามบินซีปัง (Sepang) ประเทศมาเลเซีย ในเวลา ๑๐.๑๕ น. ซึ่งเวลาของมาเลเซียเร็วกว่าเวลาของเมืองไทย ๑ ชั่วโมง ผู้โดยสารไม่ต้องกรอกบัตรผ่านแดน เพราะมาเลเซียใช้ระบบสแกนลายมือ ยกเว้นท่านใดมีสิ่งของ “ต้องสำแดง” ให้ไปกรอกแบบฟอร์มกันที่สนามบินเลย...

สุธรรม 26-09-2015 14:39

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443253109
ตัวจริงหล่อกว่านี้หลายเท่า..!

พนักงานบนเครื่องแจกอาหารผู้โดยสารครบแล้ว จึงเอาชานมร้อน ๆ มาถวายอาตมา ๑ ถ้วย รสชาติดีมากทีเดียว ฉันแล้วอาตมาก็หลับตาภาวนา แผ่เมตตาแก่เจ้าที่ทั้งหลายตลอดเส้นทางกรุงเทพฯ – กัวลาลัมเปอร์ ขอความสะดวกปลอดภัยตลอดเส้นทางด้วย...

อยู่ ๆ ก็มี “งิ้วหลงโรง” ปรากฏขึ้นตรงหน้า แต่งตัวในชุด “ขุนพลสวรรค์เกราะทอง” ถือง้าวเล่มเบ้อเริ่มที่เป็นทองคำอร่ามตา ประสานมือคารวะทั้งง้าว ถ้าไม่ใช่รูปหล่อแบบพระเอกหนังจีนหน้าหยกแล้ว ให้หน้าแดงหนวดยาวสักศอก อาตมาต้องคิดว่าเป็น “เจ้าพ่อกวนอู” แน่ ๆ...

“ข้าพเจ้าชื่อนาคะเทวราช “นายท่าน” สั่งให้ข้าพเจ้าและบริวาร มาดูแลคณะของท่าน จากที่นี่จนกว่าจะพ้นเขตประเทศมาเลเซียขอรับ”

“แล้วตอนนี้ท่านรับตำแหน่งใดของ “นายท่าน” ใด ?” อาตมาถาม...

“ข้าพเจ้าเป็นอินทกะของท่านท้าววิรูปักษ์มหาราช รับหน้าที่ดูแลประเทศมาเลเซียทั้งหมดขอรับ”

“ทำไมแต่งตัวเป็นงิ้วหลงโรงแบบนี้เล่า ?”

“เพราะว่าคนจีนเป็นผู้ตั้งศาลและอัญเชิญเจ้าพ่อหลักเมืองมาเลเซีย ข้าพเจ้าที่มีเชื้อสายจีนจึงได้รับคำสั่งให้มารับหน้าที่ บริวารในมาเลเซียเรียกข้าพเจ้าว่า “หลงโถว” ขอรับ”

สุธรรม 27-09-2015 02:06

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443294310
เดาเอาเองว่าที่เห็นน่าจะเป็นโรงงานปลาป่น

อาตมาขอบคุณในความเมตตาของ “หลงโถวแหย” แล้ว อีกฝ่ายก็เลือนหายไปจากนิมิต อาตมาจึงหยิบ “อาปา” ขึ้นมาอ่าน สนุกสนานไปกับชีวิตลูกจีนที่อพยพเข้ามาหากินในเมืองไทย เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเครื่องจะลงก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับมารัดเข็มขัด ปรับเก้าอี้โดยไม่ต้องให้ใครเตือน...

มองออกไปทางหน้าต่าง เห็นเกาะเล็ก ๆ กึ่งพ้นน้ำกึ่งจมน้ำ ไม่มีบ้านเรือนอะไรอยู่เลย แสดงว่าถ้าน้ำขึ้นจะต้องจมหมดแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะต้องมีใครจับจองพื้นที่ สร้างบ้านแปลงเมืองไปแล้ว ครู่ต่อมาก็เป็นชายฝั่งที่มีลักษณะโค้งคล้ายอ่าว แต่กว้างเกินกว่าจะเป็นที่หลบคลื่นลมได้ ตรงปลายสุดของอ่าวเป็นแหลมที่มีโรงงานขนาดใหญ่ ถ้าจะให้เดาก็น่าจะเป็นโรงงานปลาป่น มีปล่องขนาดใหญ่กำลังพ่นควันโขมงอยู่ทีเดียว...

เครื่องบินลึกเข้าไปในแผ่นดิน เห็นบ้านเรือนไม่ไกลจากทะเลอยู่สองหมู่บ้านใหญ่ ๆ น่าจะเป็นอำเภอได้เลย นอกนั้นมีแต่ไร่ปาล์มน้ำมันเป็นแถวเป็นแนวเต็มไปหมด กี่หมื่นกี่แสนไร่ก็ไม่รู้ แต่ส่วนมากเพิ่งปลูกใหม่ประมาณ ๓ – ๕ ปี มีถนนดินตัดผ่านเป็นช่วง ๆ บางช่วงเป็นภูเขาหินล้วน ๆ ไม่สามารถที่จะปลูกอะไรได้ จึงถูกทิ้งไว้เป็น “ทุ่งหมาหลง” อยู่กลางดงปาล์มนั่นเอง...

สุธรรม 27-09-2015 13:48

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443336448
ถึงสนามบินซีปังโดยสวัสดิภาพ

กัปตันศุภักษรนำเครื่องลดระดับลงไปเรื่อย ๆ จนมองเห็นสนามบินซีปังใหญ่โตอยู่ข้างหน้า แล้วนำเครื่องลงแตะรันเวย์แบบนิ่มนวล จากนั้นตีวงพาเครื่องเข้าสู่งวงจอด พอสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง อาตมาก็ปลดเข็มขัดลุกขึ้นยืน เก็บหนังสือลงกระเป๋าโน้ตบุ๊ก เปิดกล้องถ่ายรูปดูเวลาแล้วเก็บลงกระเป๋าอังสะ ดึงกระเป๋าเดินทางออกจากช่องเก็บของ...

เข้าแถวตามหลังหนุ่ม ๔ – ๕ คน ที่เฮฮากับการแซวเพื่อน เตือนกันว่าอย่าลืมเปิดโทรศัพท์มือถือด้วย ไม่อย่างนั้นซิมการ์ดอาจจะเสียได้ หนุ่มหนึ่งบอกว่า “ซิมของพวกเอ็งหรือจะสู้ MAXIM ของข้าได้” พอหันมาเห็นอาตมาก็รีบยกมือไหว้ขอโทษ อาตมาโบกมือให้แบบไม่ถือสา...

เมื่อประตูเปิดก็เดินตามกันออกไป อาตมาถนัดลากกระเป๋าแบบสองล้อ แต่ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอย่างลูกปุ๊กว่าให้เข็นด้านข้างไป เพื่อให้ทั้งสี่ล้อได้ใช้งานเท่ากัน จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ เพราะคุณลูกเธอขายกระเป๋าแบบนี้มาหลายปี พอเข็นไประยะหนึ่งก็เริ่มชิน สามารถเปลี่ยนมือสลับกันได้อย่างคล่องแคล่ว...

สุธรรม 28-09-2015 02:35

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443382468
รูปนี้ทำเอาคุณแม่ "เซ็งเป็ด"

สนามบินซีปังหรือสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์นี้ ตั้งอยู่ในเมืองซีปัง รัฐเซลังงอร์ ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร เปิดใช้งานแทนสนามบินสุลต่าน อับดุล อาซิซ (Sultan Abdul Aziz Shah Airport) เมื่อปี ๒๕๔๑ นี้เอง แต่ก็ยังเปิดเร็วกว่าสนามบิน ๗ ชั่วโคตรอย่างสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิของเราตั้ง ๘ ปี..!

อาตมามองหาห้องน้ำก่อนอื่น เมื่อเห็นก็ตรงเข้าไปใช้บริการทันที เสร็จแล้วออกมารอจนพวกเรามาทันกัน จากนั้นเดินตามป้าย VISA ON ARRIVAL ไป เห็นนาฬิกาบอกเวลา ๑๐.๓๔ น. ก็ยกกล้องถ่ายรูปไว้ จะได้รู้ว่ามาถึงกี่โมง เล่นเอาแม่ป๋อมทำท่า “เซ็งเป็ด” หันไปฟ้องคนอื่นเป็นการใหญ่ ว่าเห็นกล้องก็อุตส่าห์รีบตั้งท่า ดันไปถ่ายรูปนาฬิกาเสียนี่ อาตมาเตือนทุกคนให้รีบจ้ำไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง เครื่องที่จะต่อไปเนปาลออกสิบเอ็ดโมงห้าสิบนาที ด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ต้องไปเอาตั๋วเครื่องบินอยู่ที่ไหน มีคนใช้บริการมากน้อยเท่าไรก็ยังไม่รู้เลย แล้วเราจะทันไหมนี่ ?

แม่ป๋อมที่นั่งเครื่องบินเหมือนกับนั่งแท็กซี่นำหน้าให้ ทางเดินยาวเหยียดและไกลมาก แต่สองฟากข้างเป็นกระจกใส มองเห็นสนามบินในมุมกว้างได้อย่างชัดเจน อาตมาจึงถ่ายรูปสนามบินซีปังเอาไว้หลายรูป เพราะบางมุมสวยเกินกว่าจะห้ามใจ มาถึงประตูกระจกขนาดใหญ่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ แม่ป๋อมถามทางไปด่านตรวจคนเข้าเมืองสำหรับคนที่มาต่อเครื่อง เจ้าหน้าที่ผายมือให้เข้าประตูกระจกไปทางซ้าย...

สุธรรม 28-09-2015 17:35

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443436488
มาขอวีซ่าหรือบัตรขึ้นเครื่องตรงนี้

เมื่อเดินเข้าไปจึงเห็นเคาน์เตอร์ มีช่องสำหรับคนเข้าไป ๔ ช่อง ติดป้ายภาษายาวีที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Kaunter Pertukaran มีภาษาอังกฤษตัวเล็กอยู่ข้างล่าง (แสดงถึงความชาตินิยมอย่างแรง) ว่า Transfer Counter พวกเราจึงเข้าไปต่อท้ายนักท่องเที่ยวอื่น ๆ น้องเก๋รออยู่พักหนึ่ง เห็นแถวเคลื่อนที่ได้ช้ามาก จึงเดินตัดแถวเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า การต่อเครื่องบินใช่ติดต่อตรงนี้หรือไม่ ?

เจ้าหน้าที่ถามกลับมาว่า “ใช่..คุณมาขอวีซ่าที่นี่หรือเปล่า ?” ภาษาอังกฤษของเขาฟังยากแบบที่พวกเราไม่คุ้นเคย น้องเก๋บอกว่าขอวีซ่ามาแล้ว แค่มาต่อเครื่องเท่านั้น เขาจึงถามจำนวนคนในคณะ แล้วขอหนังสือเดินทางกับสำเนาตั๋วเครื่องบินไปดู เมื่อตรวจว่าชื่อตรงกันแล้ว ก็หยิบบัตรขึ้นเครื่องสอดไว้ในหนังสือเดินทางแล้วส่งคืนมาให้...

ทุกคนเห็นแบบนั้นก็โล่งใจ มีแต่อาตมาที่ยังหนักใจอยู่ เพราะไม่ได้ขอวีซ่ามากับใคร เมื่อถึงคิวอาตมาก็ส่งหนังสือเดินทางกับสำเนาตั๋วเครื่องบินให้ บอกว่า “Official, Visa on Arrival” เขารับไปสแกนกับเครื่องพรืดเดียว ก็ส่งคืนมาพร้อมบัตรขึ้นเครื่อง อาตมารับมาดูเห็นว่าต้องไปขึ้นเครื่องของแอร์เอเชีย เพื่อต่อไปยังกรุงกาฐมานฑุ (Kathmandu) ที่ประตู P-4...

สุธรรม 29-09-2015 02:59

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443470350
ไม่ให้ถือขึ้นเครื่องก็ใส่ท้องไป..!

ทุกคนได้บัตรมาแล้วก็เดินตามกันไปยังเครื่อง X-Ray อาตมาส่งกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าโน้ตบุ๊กเข้าเครื่อง ตัวเองเดินผ่านไปโดยเครื่องร้องเสียงดัง ซึ่งอาตมาไม่ค่อยจะคุ้นเคย เพราะปกติจะอาราธนาบารมีพระท่านช่วย แต่งานนี้ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย จึงปล่อยให้เป็นไปตามปกติ...

เจ้าหน้าที่ปราดเข้ามาลูบคลำตามตัว เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสงสัยก็ปล่อยให้ผ่านไป อาตมารับกระเป๋ามาแล้ว มองหาป้ายบอกทางสักป้ายก็ไม่มี จึงหันกลับมารอคณะที่ตามมา เลยได้เห็นน้องเก๋กำลังกรอกน้ำในขวดลงคออยู่อึก ๆ แสดงว่าเขาไม่ให้เอาขึ้นเครื่องเป็นแน่แท้...

ยืนงง ๆ ว่าจะไปทางไหนดีหว่า ? จนเจ้าหน้าที่สองคนเดินผ่านมา อาตมาจึงถามว่า “Where’s gate P-4 ?” เขาชี้ไปทางด้านหลังของตัวเอง ซึ่งก็คือทางซ้ายมือของอาตมา เมื่อลากกระเป๋าผ่านร้านค้าต่าง ๆ ไปได้หน่อย จึงเห็นป้าย Gate P-4 – P-21 เดินเข้าไปก็เจอเครื่อง X-ray อีกชั้นหนึ่ง พวกเราต้องส่งกระเป๋าเข้าเครื่องตรวจแต่โดยดีอีกครั้ง...

สุธรรม 29-09-2015 17:24

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443522206
ขนาดครอบฟันเครื่อง X-Ray ยังดัง แต่ตะกรุดมหาสะท้อนเครื่องไม่ยักดัง..!

อาตมาเดินผ่านโดยที่เครื่องร้องตามเคย เจ้าหน้าที่เข้ามาลูบตามตัว ไปเจอกระเป๋าจิงโจ้เข้า ก็บอกว่า “Empty your bag.” อาตมาล้วงเอาทั้งเงินบาท เงินหยวน เงินดอลลาร์ ออกมาใส่ถาดจนหมด พร้อมกับสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ ของวัดท่าซุงซึ่งเลี่ยมทองประดับเพชร ฝากใส่กระเป๋าป้ามอยเอาไว้ แล้วเดินผ่านเครื่องที่แหกปากร้องลั่นอีกรอบ...

คราวนี้เจ้าหน้าที่แทบจะล้วงควักไปทั้งตัวก็ไม่เจออะไร จนอาตมาต้องอ้าปากให้ดูว่ามีครอบฟันโลหะอยู่หลายซี่ นั่นแหละพ่อเจ้าประคุณถึงยอมปล่อยให้ผ่านไปได้ ยายจี๋บอกว่า “ดีนะที่ตะกรุดมหาสะท้อนไม่ดังตอนผ่านเครื่อง” ก็ลองยายไม่อาราธนาไว้แต่เช้าดูสิ รับรองว่าดังกว่าครอบฟันของอาตมาอีก พวกเรารับกระเป๋าได้ก็รีบเดินตามป้ายต่อไป...

โชคดีที่ประตู P-4 อยู่ไม่ไกลจากเครื่อง X-Ray มากนัก ขนาดนั้นอาตมาก็ร้อนใจเต็มที เพราะกลัวว่าจะขึ้นเครื่องไม่ทัน แม่ป๋อมบอกว่ายังเหลือเวลาอีกตั้ง ๒๐ นาที อาตมาก็ยังสงสัยว่า ทำโน่นทำนี่อยู่ตั้งนาน ทำไมยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ ? สงสัยว่าจะเป็นวัยรุ่นใจร้อนเกินไปเสียแล้ว...

สุธรรม 30-09-2015 01:32

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443551497
เดินไปหาห้องน้ำก็ถ่ายรูปไปด้วย

ในเมื่อเวลาของมาเลเซียยังไม่เกินเพล อาตมาจึงขอแฮมเบอร์เกอร์อันใหญ่กับพายสับปะรดที่ฝากลูกปุ๊กไว้มาฉัน มีแต่คนเสนอจะซื้ออาหารถวาย อาตมาปฏิเสธลูกเดียว เพราะเป็นคนฉันน้อย (ในสายตาคนอื่น) อยู่แล้ว ขืนซื้อมาเพิ่มมีหวังได้ห่อไปอีกเป็นแน่ บอกให้ทุกคนไปหาอะไรกินกันเอง ส่วนแม่ป๋อมที่ฝึกโยคะ “จำศีลกินวาตา เป็นผาสุกทุกวันคืน” ไม่ค่อยจะกินอะไรอยู่แล้ว จึงเอาส้มมาปอกถวาย อาตมารับไว้ด้วยความยินดี แต่คุณแม่ซื้อผลไม้ไม่เป็น ไปเอาส้มที่เหี่ยวแล้วมา ทำให้ปอกยากอยู่สักหน่อย...

ฝรั่งหลายคนมองงง ๆ เหมือนกับว่า พระไทย “บรรดาศักดิ์” ขนาดนี้เชียวหรือ ? กินอาหารนอกร้านยังต้องมีคนบริการให้ด้วย ยายจี๋ ป้ามอย น้องเก๋ และลูกปุ๊ก เอาขนมปังกรอบของน้องเล็กมาแบ่งกันคนละหน่อยรองท้องไปก่อน เผื่อว่าเขาแจกอาหารบนเครื่อง จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้ออาหารแพง ๆ ในสนามบินที่นี่...

เมื่อฉันเสร็จอาตมาก็รีบเดินไปหาห้องน้ำ มองซ้ายก็ไม่มีป้าย มองขวาก็ไม่มีป้าย จึงเลี้ยวขวาเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะถ้าเลี้ยวซ้ายก็กลับไปทางเครื่อง X-Ray ตามเดิม เดินไปจนถึงประตู P-9 จึงเห็นป้ายห้องน้ำ รีบเข้าไปฉี่แล้วเดินกลับที่เดิมแบบด่วนจี๋...

สุธรรม 30-09-2015 14:07

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443596786
เจ้าหน้าที่แนะนำวิธีการใช้เครื่องชูชีพท่ามกลาง "กลิ่นแขก" อบอวล

มาถึงนั่งได้ครู่หนึ่ง พอ ๑๑.๒๐ น. เขาก็เรียกขึ้นเครื่อง เสียงเจ้าหน้าที่รับบัตรร้องบอกเพื่อความแน่ใจของผู้โดยสารว่า “Kathmandu..Kathmandu” อาตมาเห็นเขายืนกันอยู่หลายคน จึงแทรกผ่านคนที่กำลังฉีกบัตรเข้าไป ส่งบัตรให้คนในสุด เขาฉีกบัตรแล้วส่งคืนส่วนเล็กมาให้...

รับบัตรมาได้อาตมาก็เข็นกระเป๋าไปตามงวงจอด เข้าสู่ตัวเครื่องบินแล้วเลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปทางท้ายเครื่อง จนถึงหมายเลข 46K ซึ่งติดริมหน้าต่างทางขวามือ ก็ยกกระเป๋าใส่ช่องเก็บของ ปรากฏว่าเสียบเข้าไปตรง ๆ แล้วล้นออกมานิดหนึ่ง จึงต้องวางขวางกินที่ชาวบ้านเขาไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะปิดฝาช่องเก็บของไม่ได้...

น้องเก๋นั่งที่ 45K ซึ่งอยู่ตรงหน้าของอาตมานั่นเอง สองที่นั่งนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ เพื่อที่จะได้ดูวิวยอดเขาเอเวอเรสต์ ส่วนคนอื่น ๆ เขาไม่ตื่นเต้นกับเรื่องอย่างนี้ จึงนั่งกันตามที่นั่งปกติทั่วไป ซึ่งเป็นแถวกลางประมาณ G หรือ H กัน แม่ป๋อมมาบ่นเรื่อง “กลิ่นแขก” อาตมาต้องปลอบใจว่า “กลิ่นเจ๊ก” หรือ “กลิ่นไทย” ของพวกเราก็ใช่ย่อย เพราะกินกระเทียม กะปิหรือปลาร้าเป็นปกติ เพียงแต่เราเคยชินจึงไม่ได้กลิ่น แต่พวกเขาอาจจะใกล้สลบแล้วก็เป็นได้..!

สุธรรม 01-10-2015 02:24

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443641034
มุมนี้ถ่ายรูปอย่างไรก็ติดปลายปีกเครื่องบิน

มุมที่อาตมานั่งนี้มองไปติดเครื่องยนต์และปลายปีกเครื่องบิน ถ้าเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์ ก็น่าจะถ่ายรูปออกมาไม่ได้เรื่อง น้องเก๋บอกว่าพยายามเลี่ยงแล้ว แต่ไม่นึกว่ายังติดเครื่องยนต์และปลายปีกอีก ครั้นไปเอาท้ายเครื่องเลยก็จะสะเทือนมาก แม่ป๋อมว่าโดยทฤษฎีแล้ว ถ้าเครื่องบินตกคนที่นั่งท้ายมีโอกาสรอดมากกว่า ก็ได้..ครั้งหน้าพวกเรานั่งท้ายสุดไปเลยก็แล้วกัน...

พนักงานบนเครื่องจัดคนเข้าที่ แล้วสาธิตการใช้เครื่องช่วยชีวิต เมื่อเสร็จแล้วอาตมาจึงแผ่เมตตา ส่งกำลังใจถึงเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย “หลงโถวแหย” พาบริวารมาเพียบเลย มีสาวงามอยู่นางหนึ่ง แต่งชุดส่าหรีสีฟ้าเข้ม รัศมีกายสว่างไสวเกือบเหมือนท้าวมหาพรหม สวยงามจนบอกไม่ถูก คนเราถ้าสวยแบบนี้จะส่งไปประกวดชิงตำแหน่งอะไรถึงจะดีหนอ ? มาถึงเธอก็วันทาอย่างงาม ขุนพลสวรรค์ที่เก็บง้าวไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ? จัดการแนะนำให้ว่า...

“แม่นางผู้นี้ชื่อ “นภิสราเทวี” เป็นอินทกะของท่านท้าววิรูปักษ์มหาราชเช่นกัน นางรับหน้าที่ดูแลเนปาลทั้งประเทศ ตลอดจนอินเดียเหนือบางส่วนที่เคยเป็นของเนปาลมาก่อน ถ้าผู้ใดบูชาเจ้าแม่กาลี ไภรวเทวี พระอุมาเทวี พระลักษมี พระสุรัสวดี ในเขตนั้น นางจะเป็นผู้รับเครื่องบูชาแทน ได้รับคำสั่งจาก "นายท่าน" ให้ทำหน้าที่ดูแลคณะของท่านตลอดเวลาที่อยู่ในเนปาล”

สุธรรม 01-10-2015 14:05

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443683042
บินขึ้นมาแล้วจึงเห็นว่าที่จอดอยู่นั้นแทบจะสายการบินเดียว

โอ้โฮเว้ย..อาตมาเองก็เพิ่งเคยพบ "เจ้าแม่หลักเมือง" เป็นครั้งแรกเช่นกัน ปกติแล้วผู้หญิงที่หลุดเข้าไปในชั้นจตุมหาราชิกาได้ ต้องเป็นสุดยอดฝีมือจริง ๆ แล้วนี่แม่นางยังเป็นอินทกะ มีสิทธิ์ขึ้นเป็นท้าวจตุมหาราชได้อีกด้วย แสดงว่าเป็นที่สุดของที่สุดทีเดียวเชียว...

อาตมาบอกกับเทวีคนสวยว่า สิ่งแรกที่ขอรบกวนก็คือ อยากเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์จากบนเครื่องบิน นภิสราเทวียิ้มหวาน "ได้เจ้าค่ะ ดิฉันจะจัดให้" เออ..เทวดานางฟ้าแถวนี้พูดไทยชัดดีเว้ย ถ้า "หลงโถวแหย" แนะนำว่า "นะพิกซารา" จนกลายเป็น เพราะอาตมาอาจจะฟังเป็น "น้ำพริกสละ" ไปก็ได้ เมื่อขอบคุณทุกท่านแล้วภาพนิมิตก็เลือนหายไปตามเคย...

กัปตันซารูดินนำเครื่องเคลื่อนออกจากงวงตรงเวลา แต่ต้องมา "รอหลีก" เครื่องอื่น ๆ ที่ทั้งขึ้นและลงอยู่นาน จนเที่ยงสิบห้านาทีถึงได้ฤกษ์ทะยานขึ้นฟ้า "หลงโถวแหย" และบริวารน้อมคารวะตามหลังมา ส่วนนภิสราเทวีหายไปไม่ได้เห็นหน้า ขืนให้เห็นนาน ๆ อาตมาอาจจะยึดปฏิปทาของท่านพระนันทเถระ ที่ปฏิบัติธรรมเพื่อแลกกับนางฟ้าก็เป็นได้..!

สุธรรม 02-10-2015 04:17

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443734197
ขายเท่านั้น..อย่าหวังเลยว่าจะได้กินฟรี..!

อาตมาบอกกับน้องเก๋ว่า กัปตันน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะเนปาลอยู่ในหุบเขาก้นกระทะ ถ้าไม่คุ้นเคยกับแรงลมและภูมิประเทศแล้ว มีสิทธิ์บินชนภูเขาตายกันยกลำเหมือนกับที่การบินไทยของเราเคยเจอมาแล้ว เช่นเดียวกับการไปลาดักของอินเดีย ถ้าไม่ใช่กัปตันสุริยาแล้ว ไม่มีใครกล้าเอาเครื่องลงสนามบินลาดัก เพราะทั้งลมทั้งหมอกทั้งหุบเขา สนามบินก็สั้นมาก ๆ สิ้นกัปตันสุริยาแล้ว คงต้องไปลาดักด้วยการนั่งรถจนตูดระบม ยายน้องตัวแสบยิ้มแบบไม่น่าไว้ใจ พร้อมกับถามว่า “แปลว่าเราต้องรีบไปลาดักกันใช่ไหมคะ ?”

เมื่อสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง พนักงานก็เข็นรถขายอาหารออกมาบริการ ฮ่า..ที่คิดจะกินฟรีนั้นฝันไปเถอะ สายการบินต้นทุนต่ำแบบนี้ เขาต้องหาทางโกยกำไรให้มากที่สุด ลดรายจ่ายให้น้อยที่สุด เมื่อพนักงานถามว่า “Do you want some food or drink ?” อาตมาจึงปฏิเสธไป น้องเก๋ถามว่า “เอาน้ำดื่มสักขวดไหมคะ ? หนูจะถวาย” อาตมาเห็นว่ากว่าจะไปถึงเนปาลอีกตั้งสามชั่วโมงเศษ จึงตอบว่า “ได้สักขวดก็ดี”...

น้องเก๋สั่งน้ำมาให้ ขวดขนาด ๖๐๐ มิลลิลิตร ถ้าจ่ายเป็นเงินริงกิตตก ๓๓.๓๓ บาท แต่จ่ายเป็นเงินไทยจึงถูกปัดเศษเป็น ๓๕ บาท เมื่อส่งน้ำให้กับอาตมาแล้ว ก็หันไปไปสั่งข้าวพะแนงไก่มาลองชิมรสชาติ เจอเข้าไปกล่องละ ๒๐๐ บาทถ้วน คงอิ่มเพราะจุกไปอีกนาน..!

สุธรรม 02-10-2015 16:19

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443777459
ดูลักษณะพื้นที่แล้วน่าจะผ่านพม่าบางส่วน อินเดีย แล้วเข้าเนปาล

ดื่มน้ำแล้วอาตมาย่องไปเข้าห้องน้ำทางท้ายเครื่อง จึงได้เห็นแม่ป๋อมกินข้าวกล่องละ ๒๐๐ บาทเหมือนกัน ส่วนป้ามอย น้องเล็กกับลูกปุ๊ก กินบะหมี่ถ้วยรสต้มยำกุ้ง ราคาถ้วยละ ๑๗ หยวน ก็ตกเก้าสิบบาท ของลูกปุ๊กเป็นรสผัก ราคาถ้วยละ ๑๓ หยวน ประมาณเจ็ดสิบบาท อาตมาได้ยินแล้วต้องรีบเข้าห้องน้ำโดยด่วน เพราะตกใจของแพงจนเกือบจะฉี่ราด..!

กลับมานั่งอ่าน “อาปา” ยังที่นั่งของตัวเอง โชคดีที่ไม่มีใครนั่งด้วย ส่วนน้องเก๋มีหนุ่มนั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ไม่สนใจ “สาวสวย” จากเมืองไทยเลย เอาแต่คุยกับเพื่อนตัวเอง อ่านหนังสือไปได้สักพัก น้องเก๋ก็ถามว่า “เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหนคะ ?” อาตมาดูแดดบ่ายที่ส่องเฉียงเข้ามาทางขวามือแล้วตอบด้วยความมั่นใจว่า...

“ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ น่าจะผ่านพม่าบางส่วน อินเดีย แล้วเข้าเนปาล” อีกฝ่ายไม่หายสงสัย “ทำไมเขาไม่บินขึ้นเหนือตรง ๆ เลยละคะ ?” เอ..? นี่เห็นตูเป็นกัปตันไปซะแล้ว ก็เพราะเขาต้องหาทางไปที่สั้นที่สุด สะดวกและปลอดภัยที่สุดนะซีเว้ย..!

สุธรรม 03-10-2015 02:55

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443815634
กำลังผ่านเขตอากาศแปรปรวน..โปรดรัดเข็มขัดนิรภัยด้วยครับ

อ่านหนังสือไปได้อีกพัก เสียงน้องเก๋ก็ดังข้ามแถวมาอีกว่า “ดูจากแผนที่เส้นทางการบินในหนังสือแล้ว เป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือจริง ๆ ค่ะ ผ่านช่องแคบมะละกาด้วย” เออ..ตูผิดเองที่ลืมบอกไปว่า ตอนเรียนวิชาทหาร ตูสอบวิชาแผนที่และเข็มทิศได้คะแนนเต็มร้อยอยู่คนเดียว..!

อ่านหนังสือต่อจนรู้สึกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป พอมองไปถึงได้เห็นว่า เมื่อหมดความสงสัยแล้วคุณน้องเธอก็หลับ ไม่สนใจหนุ่มข้าง ๆ เหมือนกัน เข้าตำรา “เงียบเป็นหลับ” จริง ๆ อาตมาจึงอ่าน “อาปา” ต่อด้วยความเพลิดเพลิน ลุ้นว่าอนาคตของไอ้หนุ่มซินตึ๊งอย่าง “ก๊กเจี่ยง” “เม้งจู” และ “ตี๋เล็ก” จะเป็นอย่างไร แต่ “เจ๊ซกลั้ง” เธอเขียนภาษาจีนกลาง แต้จิ๋ว จีนแคะ ปนกันมั่วไปหมด ดันเอาชื่อ “เม้งจู” ของผู้หญิงมาตั้งให้ผู้ชายอีกด้วย ถ้าไม่รู้ภาษาจีนเลยคงจะสนุกกว่านี้อีกมาก...

บ่ายโมงกว่าของไทย ถ้าเป็นเวลาเนปาลก็คงเที่ยงพอดี กัปตันขอให้ผู้โดยสารทุกคนรัดเข็มขัด เพราะผ่านพื้นที่อากาศแปรปรวน อาตมาจึงปิดหนังสือ “ขยัก” ไว้อ่านวันอื่น เพิ่งจะรัดเข็มขัดเสร็จเครื่องก็สั่นสะเทือนอย่างแรงเป็นระยะ แต่อย่าหวังเลยว่าน้องเก๋จะตื่น ฮ่า...

สุธรรม 03-10-2015 17:33

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443868322
แผ่นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมไปหมด

มองดูทิวทัศน์ข้างนอกหน้าต่าง เห็นแม่น้ำสายน้อยสายใหญ่ไหลลงทะเลเป็นตับ น่าจะเป็นปากน้ำอิระวดี (Ayawadee) ของพม่า แต่กระนั้นผืนดินก็ยังดูแห้งแล้งไม่มีสีเขียวเลย คงยังเป็นหน้าแล้งอยู่ จึงไม่มีการไถหว่านอะไร...

เมื่อไม่มีอะไรน่าดู อาตมาก็จับลมหายใจภาวนาแทน จนได้ยินเสียงน้องเก๋ถามว่า “ถึงเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ แต่ก็ยังมีหิริโอตตัปปะใช่ไหมคะ ?” ตื่นขึ้นมาก็สงสัยเชียว ถูกต้องแล้วครับ คำว่ามิจฉาทิฏฐิหมายถึงเห็นผิดไปจากทำนองคลองธรรม ไม่ได้แปลว่า “ชั่ว” นะจ๊ะ...

ดูนาฬิกาเห็นเป็นเวลาบ่ายสามโมงของเมืองไทย ตกบ่ายโมงสี่สิบห้านาทีของเนปาล นอกหน้าต่างเป็นแผ่นดินแห้งแล้งกรอบเกรียมที่กว้างใหญ่ไพศาล มีแม่น้ำขนาดใหญ่ที่เป็นสันดอนทรายเกือบตลอดสาย เหลือให้น้ำไหลผ่านได้แค่ช่วงที่ลึกเท่านั้น นี่คงเป็นแม่น้ำคงคา (Ganga) ของอินเดียแล้ว แผ่นดินช่างร้อนแล้งน่าหดหู่เหลือเกิน...

สุธรรม 04-10-2015 03:01

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443902396
เห็นแต่แนวเมฆ แล้ว "ยอดเขาไกรลาส" อยู่ที่ไหนหนอ ?

ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเข้ม นาน ๆ จะมีเมฆขาวสักก้อน คล้ายกับวลาหกเทพบุตรไม่คิดจะเยี่ยมกรายมาสู่แผ่นดินนี้เลย ชมพูทวีปอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน เหตุใดจึงเหมือนกับแผ่นดินต้องสาป ที่สั่งสมความทุกข์ยากนานัปการจนปานฉะนี้หนอ ?

ครึ่งชั่วโมงต่อมาแนวเมฆก็เริ่มมากขึ้น จับเป็นทางยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา อาตมาหยิบกล้องมาถ่ายรูปเอาไว้ ครู่ต่อมาเสียงฮือฮาของผู้โดยสารก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองนอกหน้าต่างเป็นตาเดียว ผู้โดยสารที่มีเพื่อนนั่งทางด้านซ้าย ก็พลอยเฮละโลมาดูด้วย...

“เอเวอเรสต์หรือคะ ?” น้องเก๋ที่เห็นปฏิกิริยาของผู้โดยสารก็เดาออก ถามมาเบา ๆ อาตมาเพ่งจนตาเหล่ก็เห็นแต่แนวเมฆยาวเหยียด ไม่รู้ว่ายอดเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงไหน “เจ้าที่รักษาแผ่นดินเนปาลเป็นผู้หญิง ชื่อนภิสราเทวี รับปากว่าจะให้ดูยอดเขาเอเวอเรสต์ รอเธอหน่อยก็แล้วกัน”...

สุธรรม 04-10-2015 16:59

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443952689
ข้างนอกแห้งแล้งกรอบเกรียม ข้างในเขียวขจีเหมือนหนังคนละม้วน

แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรโผล่มาให้เห็น “ยัยนภิสรา” มัวแต่ไปทำอะไรอยู่วะ ? คนสวยนี่หลอกยิ่งกว่าผีซะแล้ว แนวเขาแห้งแล้งกรอบเกรียมเริ่มปรากฏต่อสายตา สงสัยว่าจะอยู่ในเขต “เงาฝน (Rain Shadow)” จึงไม่ได้รับน้ำเลย แต่ไม่ใช่ “สักการะมาตา” ที่ชาวเนปาลีเรียกยอดเขาเอเวอเรสต์แน่นอน เพราะไม่มีหิมะสักนิดเดียว...

ทิวเขาแห้งแล้งแน่นขนัด มีร่องรอยของทางน้ำไหลแทรกอยู่ทั่วไปในร่องเขา แต่หาน้ำไม่ได้เลยสักหยดเดียว ผ่านไปอีก ๕ – ๖ นาทีจึงเริ่มมีต้นไม้เขียว ๆ ขึ้นมาบ้าง มีทางลูกรังลัดเลาะไปตามไหล่เขา แสดงว่าเริ่มเป็นเขตที่มีผู้คนอาศัยอยู่แล้ว...

สองนาทีต่อมาขุนเขาเขียวขจีเหมือนกับหนังคนละม้วนก็ปรากฏต่อสายตา แสดงว่าเป็นภายในหุบเขากาฏมาณฑุแล้ว บริเวณในหุบเขาที่ไม่ได้เป็นที่ราบเรียบนัก มีบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นระยะ หมู่ใหญ่บ้าง หมู่เล็กบ้างตามแต่พื้นที่จะอำนวย บางหลังก็โดดเดี่ยวเดียวดายอยู่บนยอดเขา เหมือนกับไม่ได้คิดถึงตอนขึ้นลงเอาเสียเลย...

สุธรรม 05-10-2015 01:09

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1443982107
ถนนสี่เลนสายเดียวของเนปาล

สัญญาณรัดเข็มขัดดังขึ้นพร้อมกับเครื่องบินลดระดับลงไปเรื่อย ๆ ผ่านบ้านเรือนและไร่นามากมาย ช่วงไหนเป็นเนินเขาก็มีต้นไม้ขึ้นอยู่เขียวครึ้ม บางช่วงมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้วย ใครตั้งบ้านอยู่ใกล้สระน้ำก็นับว่าเป็นโชคดีของคนนั้นไป...

ตึกรามบ้านช่องเริ่มดูสวยงามทันสมัยขึ้น แต่ก็สูงมากที่สุดเพียง ๕ – ๖ ชั้นเท่านั้น ถนนส่วนใหญ่เป็นถนนดินบดอัด มีแค่บางสายที่ลาดยาง มองจากที่สูงแบบนี้จึงเห็นชัดว่า กรุงกาฐมาณฑุมีภูเขาล้อมรอบเป็นแอ่งกระทะ มีแม่น้ำสายไม่ใหญ่นักไหลลัดเลาะไปตามชุมชน ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางหุบเขา ตึกรามบ้านช่องก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ...

เครื่องบินต่ำจนเห็นถนนสี่เลนสายเดียวของเนปาล แล้วกัปตันซารูดินก็พาเครื่องลงสัมผัสพื้นสนามบินตรีภูวัน (Tribhuvan International Airport) อย่างนุ่มนวลน่าปรบมือให้ ตอนเวลาบ่ายสามโมงสามสิบห้านาทีของเมืองไทย ตรงกับบ่ายสองโมงยี่สิบนาทีของเนปาล เกินเวลาไปยี่สิบนาที...

สุธรรม 05-10-2015 16:37

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444037780
ลงทางท้ายเครื่องแล้วไปขึ้นรถ

เครื่องจอดอยู่กลางสนามบิน พวกเราปลดเข็มขัดนิรภัย ดึงกระเป๋าออกจากช่องเก็บ ท่ามกลางเสียงของกัปตันซึ่งขอบคุณพวกเราที่ใช้บริการ อาตมาคิดว่างานนี้กว่าจะเดินถึงหัวเครื่อง ก็คงจะอ่วมเหมือนกัน ดีที่เขาเปิดท้ายเครื่องให้อีกประตู จึงเฮโลตามกันมาลงทางท้ายเครื่องแทน...

ทางสนามบินจัดรถมารับอยู่สองคัน สำหรับผู้โดยสารที่ลงทางประตูหน้า ๑ คัน และที่ลงทางประตูหลัง ๑ คัน อาตมาเดินขึ้นไปรถก็แน่นแล้ว แต่น้องเล็กเอากระเป๋าเดินทางวางกันที่ข้างประตูไว้ให้ จึงได้ที่นั่งแม้จะขึ้นทีหลังคนอื่นเขา...

รถเต็มก่อนที่คนจะหมดลำ พลขับพารถวนกลับมุ่งตรงไปยังอาคารสนามบิน ไม่ถึงครึ่งนาทีก็จอดให้ลงเดิน ฮ่วย..อุตส่าห์เอารถมารับ ตูก็นึกว่าไปไกล ที่แท้พามาส่งแค่นี้เอง พวกเราลากกระเป๋าไปตามทางเดินที่ขนานกับอาคารสนามบิน เนื่องจากคนแน่นมาก จึงต้องตามกันไปช้า ๆ...

สุธรรม 06-10-2015 03:18

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444076841
ห้องน้ำอยู่ด้านหลังทางขวามือของรูปนี้

เดินไปอาตมาก็มองหาป้ายห้องน้ำไปด้วย เมื่อโผล่มาตรงรูปวาดขนาดใหญ่ที่เป็นภาพประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานในพุทธประวัติ ก็เห็นป้ายห้องน้ำชี้ไปทางด้านหลังขวามือของรูปภาพ อาตมาเดินตามป้ายไปเจอหญิงเนปาลีสามคน ซึ่งน่าจะเป็นพนักงานทำความสะอาด นั่งพักกันอยู่บริเวณทางเข้าห้องน้ำ จึงต้องเล็งจนแน่ใจว่าเป็นห้องของผู้ชายก่อนที่จะเดินเข้าไป...

ห้องน้ำมีสภาพไม่นับว่าเลวร้าย ถึงแม้จะเก่าและกลิ่นฉุนไปหน่อย ปัสสาวะแล้วเดินออกมา เห็นน้องเล็กคว้าเอาใบผ่านแดนของเนปาลมาเป็นปึก กำลังแจกให้พวกเราอยู่ ปกติเขาแจกกันบนเครื่องบิน อาศัยเวลานั่งเครื่องนาน ๆ เขียนกันจนเสร็จ นี่เล่นให้มาหยิบเอาข้างในสนามบิน ต้องเสียเวลากรอกข้อมูลกันอีก แทนที่จะไปประทับตราหนังสือเดินทางได้เลย...

ใช้ม้านั่งเป็นโต๊ะรองเขียนหนังสือไปตาม ๆ กัน เสร็จแล้วอาตมาเดินไปยังช่องของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ถึงแม้จะมีหลายช่องแต่ก็แถวยาวทีเดียว ล้วงเอาหลักฐานสารพัดที่ใส่ซองเตรียมมาพร้อมกับเงิน ๒๐ ดอลลาร์ เพื่อจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตามระเบียบ เสียง “ท่านพ่อ” บอกว่า “เก็บไว้ตามเดิม กลับบ้านตัวเองไม่ต้องใช้..!”

สุธรรม 06-10-2015 17:02

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444125679
พระทิเบตผ่านช่องทางทั่วไป ส่วนพระไทยเส้นใหญ่ผ่านช่องทางพิเศษ

“Official ช่องโน้นค่ะหลวงพ่อ” แม่ป๋อมชี้บอก อาตมาบินเดี่ยวเข้าไปเพราะช่องนี้ไม่มีใครเลยสักคน ส่งหนังสือเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ “Official, Sir” เจ้าหน้าที่รับไปเปิดดู แล้วลอกสติ๊กเกอร์ Arrival ที่มีหมายเลขการเข้าเมืองแปะลงไป เขียนวันเดือนปีแล้วลงลายเซ็น จากนั้นประทับตราแล้วส่งคืนให้โดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว..!

“Thank you, Sir” ภาษิตกะเหรี่ยงว่า “ยกมือวันทาหมายังไม่กัด” การยกย่องคนด้วยคำพูดจัดเป็นบุญในอปจายนมัยอีกด้วย อาตมาเดินออกไปรอคณะที่ด้านนอก เห็นพระทิเบตสองรูปที่ตามมา ต้องไปลงประทับตราที่ช่องทั่วไป สักครู่ก็เดินตามกันออกมา...

น้องเก๋กับน้องเล็กออกมาก่อน เราสามคนจึงเดินไปทางที่พระทิเบตท่านไป จึงเห็นว่าเป็นบันไดเลื่อนเดินลงไปชั้นล่าง อ้าว..ที่แท้เราอยู่ชั้นบนหรอกหรือ ? เพิ่งเข็นกระเป๋าผ่านสายพานกั้นช่องทางเดินออกไปที่ประตูแคบ ๆ ยายจี๋ ป้ามอย แม่ป๋อม และลูกปุ๊กก็ลงบันไดเลื่อนตามมา...

สุธรรม 07-10-2015 02:50

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444160959
ตรงทางออกมีพระพุทธรูปแบบเนปาลที่งดงามมาก

พวกเราเดินไปรอรับกระเป๋าที่สายพานหมายเลข ๓ ตามประกาศ อาตมาเข้าไปรอเป็นเพื่อนด้วยทั้งที่ไม่มีกระเป๋าให้รับ เจ้าหน้าที่มาต้อนให้ไปยังสายพานหมายเลข ๕ ลูกปุ๊กบอกว่าต้องหมายเลข ๓ แต่เมื่อเห็นทุกคนเฮโลไปทางหมายเลข ๕ ก็ต้องแบกเป้ตามไปแต่โดยดี เล่นบอกว่าต้องย้ายสายพานด้วยวิธีนี้ก็ดีเหมือนกัน...

รับกระเป๋ามาแล้วก็เดินไปตามทางออกช่วงสั้น ๆ ที่นี่จะออกจากสนามบินก็ต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่อง X-Ray ด้วย อาตมาส่งกระเป๋าเข้าเครื่องแล้วเดินไปรอทางด้านท้าย ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่คอยดูเครื่องสักคน แล้วตรวจไปทำไมวะ ? เมื่อน้องเล็กตามมาชี้ให้ดู อาตมาจึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ซุกตัวอยู่หลังเครื่อง กำลังเพ่งจออย่างขะมักเขม้น...

รับกระเป๋าแล้วเข็นตามผู้โดยสารอื่น ๆ ออกไปทางขวามือที่เป็นประตูกระจก เห็นมีคนมารอรับญาติกันแน่นขนัด ทางซ้ายมือมีซุ้มประชาสัมพันธ์ ที่มีพระพุทธรูปงาม ๆ แบบเนปาล ขนาดหน้าตักประมาณ ๒๐ นิ้ว มีป้ายติดไว้ว่า “Birthplace of Lord Buddha, Nepal”...

สุธรรม 07-10-2015 15:27

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444206406
ร้านแลกเงินที่รับรองโดยรัฐบาลเนปาล

ซุ้มถัดไปที่อยู่ใกล้กัน เป็นร้านรับแลกเงินชื่อ “Yeti Money Exchange” มีตัวหนังสือเล็ก ๆ ในวงเล็บว่า “Authorised by Government of Nepal” แสดงว่ามีรัฐบาลเนปาลเป็นประกัน อาตมาหยุดรอทุกคน แล้วปรึกษากันว่าควรที่จะแลกเงินรูปีไว้สักเท่าไรดี ?

น้องเก๋บอกว่าค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ คิดเป็นเงินไทยประมาณคนละ ๓๕๐ บาท ให้แลกกันแค่นี้ก็พอ แต่ทุกคนตั้งใจแลกกันคนละ ๕๐๐ บาท มีอาตมากับยายจี๋ที่ใจป้ำ ขอแลกคนละ ๑,๐๐๐ บาทไปเลย ทุกคนรวบรวมเงินส่งมาให้อาตมาเป็นคนเข้าไปแลก...

น้องเก๋เดินออกไปดูว่ารถที่ทาง NAVO Tour ติดต่อไว้มาหรือยัง ? อาตมาเดินตามสาวแหม่มและหนุ่มสาวชาวจีนเข้าไปแลกเงิน เห็นที่ป้ายเขียนว่าเงินไทย ๑ บาท แลกได้ ๒.๗๐ รูปี เมื่อเห็นหน้าผู้รับแลกเงินที่ไม่ยักใช่มนุษย์หิมะ (Yeti) ก็ส่งเงิน ๔,๕๐๐ บาทให้ รับเอา ๑๒,๑๕๐ รูปีกลับมา แล้วเดินออกไปทางประตูกระจกสู่ด้านนอกของสนามบิน...

สุธรรม 08-10-2015 03:38

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444250213
รถตู้ที่ใหม่เอี่ยมน่าประทับใจ

“ไกด์ของเราอยู่ทางนี้ค่ะ” น้องเก๋ตะโกนบอกมา พลางชี้ไปที่หนุ่มเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีดำที่มีพุงพองาม ซึ่งยกป้าย “KAMALA SUWANTHAMA” ต้อนรับอยู่ พร้อมกับเดินมารับกระเป๋าเดินทางจากอาตมา “What’s your name ?” อีกฝ่ายตอบว่า “Saman (สามัญ)” แล้วยกกระเป๋าไปไว้ท้ายรถตู้ Toyota Commuter ใหม่เอี่ยมน่าประทับใจ ส่วนพวกเรามีคนช่วยยกกระเป๋าตามมาอีกสองคน...

แต่ตอนขึ้นรถแล้วนี่สิ นายสามานย์บอกว่า ให้จ่ายทิปแก่คนยกกระเป๋าด้วย เฮ้ย..แค่ไม่ถึง ๒๐ เมตรนี่ต้องจ่ายด้วยหรือวะ ? อาตมาก็คิดว่าเป็นเด็กรถของคุณ ว่าแล้วก็ล้วงกระเป๋าแบบไม่ยินยอมพร้อมใจ เงินที่แลกมาก็มีเศษแค่ ๑๕๐ รูปี นอกนั้นเป็นใบละพันล้วน ๆ...

สุดท้ายจ่ายค่าโง่ด้วยการทิปคนแรกไป ๑๐๐ รูปี คนหลังรับเงินไทยไป ๕๐ บาท แม่ป๋อมประท้วงว่ามากกว่า ๑๐๐ รูปีตั้งเยอะ ช่างมันเถอะ..ไม่มีใบเล็กกว่านี้ นึกว่าซื้อความรู้ก็แล้วกัน ซ้ำนายสามานย์ยังเปิดเครื่องปรับอากาศที่มีแต่ลมร้อนฉ่าให้อีก เล่นเอาทุกคนเครียดไปตาม ๆ กัน...

สุธรรม 08-10-2015 13:52

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444287103
ที่เดินพูดโทรศัพท์เหมือนคนปวดหูนั่นแหละ..มัคคุเทศก์ราเมศวร์

เมื่อรถจะออกตัว หนุ่มแน่นสามพันตึงที่ใส่เสื้อเชิร์ตลายน้ำเงินฟ้า นุ่งกางเกงยีนส์ที่ขึ้นมานั่งคู่กับคนขับ ก็แนะนำตัวว่าเป็นมัคคุเทศก์ อ้าว..อาตมานึกว่านายสามานย์เป็นมัคคุเทศก์เสียอีก คุณกมลาเองก็มึนไปเหมือนกัน จึงต้องถามชื่อเสียงเรียงนามกันใหม่...

“Ramesh” อ้อ..ลูกหลานของพระรามนี่เอง นายราเมศวร์พูดภาษาอังกฤษสำเนียงแขกเร็วปรื๋อว่า เนื่องจากเครื่องบินเสียเวลาไปมาก วันนี้คงไม่สามารถที่จะพาคณะของพวกเราไปพระสถูปโพธานารถ (Boudhanath) และพระสถูปสวยัมภูวนารถ (Swayambhunath) ได้ครบทั้งสองที่ ให้ไปทำวีซ่าเข้าทิเบตที่สำนักงานท่องเที่ยวของเขาก่อน แล้วค่อยไปที่พระสถูปโพธานารถแห่งเดียว จะได้ไม่เดินทางเข้าที่พักซึ่งอยู่ถึงเมืองปาทาน (Patan) ค่ำเกินไปนัก...

อยู่กับแป๊ะก็ต้องเชื่อแป๊ะ เมื่ออยู่กับแขกก็ต้องเชื่อแขก พวกเราจึงต้อง “OK” เท่านั้น อาตมาเป็นห่วงเรื่องน้ำกินของที่นี่ ซึ่งค่อนข้างจะหาน้ำสะอาดยาก น้องเก๋จึงถามว่า จะหาซื้อน้ำดื่มกับผลไม้ได้ที่ไหน ? ยังไม่ทันพูดจบรถก็วิ่งผ่านร้านขายผลไม้พอดี...

สุธรรม 09-10-2015 02:27

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444332386
กลางถนนแท้ ๆ ยังสร้างเทวาลัยไว้ให้สักการะ

นายราเมศวร์บอกว่าผลไม้มีขายทั่วไป ส่วนน้ำดื่มถ้าซื้อยกโหลจากซูเปอร์มาร์เก็ตจะราคาถูกหน่อย พวกเราจึงตกลงใจว่าไปซื้อน้ำดื่มกันก่อน นายสามานย์พารถฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นเพราะถนนแคบ วิ่งผ่านตึกรามบ้านช่องที่มีแต่เตี้ย ๆ ชั้นเดียวบ้าง สองชั้นบ้าง ขึ้นเนินลงเนินไปตามภูมิประเทศ แสดงว่าเนปาลอยู่บนพื้นที่ภูเขาจริง ๆ...

บางแห่งมีเทวาลัยตั้งอยู่กลางถนนเลย รถยนต์วิ่งผ่านไปผ่านมาแน่นขนัด ยังอุตส่าห์มีคนไปถวายเครื่องสักการะกันอีก เห็นป้ายชื่อธนาคารพระพุทธ (Buddaha Bank) ร้านสิทธารถะรับแลกเงิน (Sittharatha Exchange) แล้ว ทำให้อาตมามั่นใจว่า ถึงเนปาลจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ประกาศให้ศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ แต่อย่างไรเสียพระพุทธศาสนาต้องอยู่ในหัวใจชาวเนปาลส่วนหนึ่งซึ่งค่อนข้างมากแน่ ๆ...

คนเนปาลขับรถชิดซ้ายเหมือนกับบ้านเรา จึงไม่ต้องคอยเตือนสติตัวเองเหมือนกับไปประเทศที่เขาขับรถชิดขวา อากาศในรถเริ่มเย็นลงจนเบาใจว่า ที่ร้อนในตอนแรกเป็นเพราะจอดรถตากแดดรอพวกเรานานไปหน่อย เมื่อถามว่าช่วงนี้อากาศยังหนาวไหม ? นายราเมศวร์บอกว่าเป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ (Spring) แล้ว อากาศเริ่มร้อนขึ้น คงจะใกล้เคียงกับภูเก็ตของไทย...

สุธรรม 09-10-2015 15:32

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444379440
เหลือง ๆ กลม ๆ ทางขวาสุดนั่นแหละครับ..ลาดู

ถามว่าเคยไปภูเก็ตด้วยหรือ ? นายราเมศวร์บอกว่าไปมาหลายครั้ง ตอนนี้การเมืองของไทยเป็นอย่างไรบ้าง ? เล่นเอาทั้งอาตมาและน้องเก๋ถึงกับใบ้รับประทาน ..อึ้งครับอึ้ง.. ไม่คิดว่าจะมาเจอคำถามแบบนี้ ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ บอกว่า พวกเราเที่ยวอย่างเดียว ไม่สนใจการเมืองหรอก..!

นายสามานย์ช่วยชีวิตเอาไว้พอดี เพราะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในลานจอดรถค่อนข้างกว้าง บอกว่ามาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว พวกเราลงจากรถเดินไปที่ ”ห้องแถว” ซึ่งมีป้ายบอกทางเข้าออกเป็นภาษาอังกฤษ ทางเข้าเป็นคำว่า “Entrance” สีเขียว ส่วนทางออกเป็นคำว่า “No Entry” สีแดง เพิ่งเดินเข้าไปก็เห็นน้ำดื่มขนาดลิตรครึ่ง ตั้งอยู่เป็นตับทางขวามือ...

พวกเราขอเดินเข้าไปดูข้างในก่อนว่ามีอะไรขายบ้าง อาตมาเดินตามเข้าไปด้วย เห็นแต่ของกินของใช้เต็มไปหมด เพียงแต่หน้าตาแปลกกว่าบ้านเราอยู่บ้าง น้องเก๋สนใจขนมแห้งต่าง ๆ ถามนายราเมศวร์ด้วยความสนใจว่า ขนมข้าวปั้นสีเหลือง ๆ กลม ๆ ในกล่องสวย ๆ นั่นคืออะไร ? อาตมาตอบแทนว่า “ลาดู” นายราเมศวร์ก็ตอบว่า “Ladoo” เช่นกัน...

สุธรรม 10-10-2015 02:39

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444419469
บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าตึกแถว

ที่อาตมาตอบได้จนนายราเมศวร์แปลกใจนั้นไม่ใช่อะไรหรอก ก็เพราะตอนเรียนวิชาฟังและพูดภาษาอังกฤษ ท่านอาจารย์ ดร.นิรุธ อำนวยศิลป์ เปิดแต่หนังแขกพากษ์ภาษาอังกฤษให้ดูและฟังเกือบทั้งเทอม จึงพอที่จะรู้จักวัฒนธรรมการกินการอยู่ของชาวอินเดียมาไม่น้อย เมื่อมาเห็นข้าวของบ้านพี่เมืองน้องอย่างเนปาล ก็ต้องตอบได้อยู่แล้ว...

เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสนใจ อาตมาจึงย้อนไปคว้าน้ำดื่มมาทีเดียวสองแพ็ก (๑๒ ขวด) ป้ามอยรีบมาช่วยหิ้วให้ ๑ แพ็ก ตรงไปยังที่จ่ายเงิน พนักงานเอาเครื่องอ่านบาร์โค้ดยิงแล้ว ตัวเลขขึ้นมาที่ ๕๕๒ รูปี ตกขวดละ ๑๗ บาท ซึ่งไม่นับว่าแพง อาตมาส่งใบละ ๑,๐๐๐ รูปีไปให้ รับเงินทอน ๔๔๘ รูปีมาแล้ว จัดการหิ้วน้ำออกมาที่ลานจอดรถ...

ทั้งลานมีแต่รถเก๋งและรถกระบะ หารถตู้ของเราไม่เจอ สงสัยว่ารถคันใหญ่เกินไป จนนายสามานย์ต้องเอาไปจอดด้านนอก นายราเมศวร์โทรศัพท์หาก็ไม่รับสายซะอีก ถ้าโดนเชิดกระเป๋าไปละก็เวรแน่ เพราะนอกจากผ้าผ่อนท่อนสไบแล้ว อาตมายังใส่เงินหยวนทั้งหมดเอาไว้ในกระเป๋าเดินทางเสียด้วย อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้..!

สุธรรม 10-10-2015 20:25

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444483492
นอกจากไม่ช่วยเดินหารถแล้ว ยังมาซื้อไอศกรีมอีกต่างหาก..!

“หลวงพ่อคะ..ขอเงินรูปีหน่อยได้ไหมคะ ? มีคนอยากกินไอศกรีมเนปาล แต่เงินอยู่กับหลวงพ่อหมด” แม่ป๋อมตามมาถาม เออ..ขนาดนี้ยังมีอารมณ์อีกแน่ะ อาตมาควักส่งไปให้ทีเดียวทั้งหมด เหลือเศษเหรียญไว้แค่ ๓ รูปีเท่านั้น แล้วมาเดินงมหารถตู้ต่อ คงต้องออกไปดูข้างถนนใหญ่ด้านนอกเสียแล้ว...

“อยู่ทางโน้นค่ะ” เจ้าแม่หลักเมืองโผล่หน้ามาชี้ให้แวบหนึ่ง แล้วรีบเผ่นไปอย่างด่วนจี๋ เพราะอาตมายังไม่ได้คิดบัญชีที่เธอ “แหกตา” เรื่องจะให้ดูยอดเขาเอเวอเรสต์ เมื่อมองตามไปจึงเห็นว่า ด้านในอีกช่วงหนึ่งซึ่งมีรั้วตาข่ายกั้นไว้ ไม่น่าจะเป็นพื้นที่ของซูเปอร์มาร์เก็ต นายสามานย์ดันเอารถตู้ไปจอดไว้ที่นั่น จึงหิ้วน้ำตรงไปที่รถ...

นายราเมศวร์เดินแทรกรถเก๋งที่จอดกันแน่นตามมา ดันตัวใหญ่ไปหน่อย จึงเบียดเอากระจกรถเก๋งพับกลับหลังไปเลย สาวเจ้าของรถยืนมองตาเขียวปั๊ด มัคคุเทศก์ของเรารีบดันกระจกกลับเข้าที่ให้ ขอโทษขอโพยในความผิดของตนเอง จนสาวเจ้ายิ้มให้อาตมาถึงได้โล่งใจ...

สุธรรม 11-10-2015 02:58

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444507102
เห็นแบบนี้เข้าก็ตาลุกวาวไปตาม ๆ กัน

ฟังนายราเมศวร์ต่อว่านายสามานย์เป็นภาษาพื้นเมืองเร็วปรื๋อ อาตมาเดาว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็เถียงว่ามองเห็นหน้ากันอยู่แค่นี้ จะรับให้เปลือง "ตังค์" ไปทำไม ? พอดีพวกเราเดินมาขึ้นรถกันครบ อาตมาจึงเห็นว่า ผู้ที่เรียกร้องกินไอศกรีมเนปาลคือลูกปุ๊ก ซึ่งเป็นคนที่ท้องเสียง่ายที่สุด เห็นแล้วจะบ้าตาย..!

นายสามานย์นำรถออก วิ่งฝ่าการจราจรที่หนาแน่นยิ่งขึ้น ลงเนินไปยังที่ราบซึ่งเป็นร้านรวงแน่นขนัด แถวนี้มีร้านขายข้าวของต่าง ๆ เต็มไปหมด ทุกคนเห็นเข้าก็ตาลุกวาว วิญญาณนักช็อปปิ้งเริ่มเข้าสิงร่าง จนอาตมาต้องปรามด้วยคาถาว่า “ถ้าซื้อตั้งแต่วันแรกก็แบกตายห่..เลยนะ..!” จึงค่อยสงบลงไปได้หน่อยหนึ่ง...

เมื่อถามถึงภาษาที่ “ลุย” กับนายสามานย์ มัคคุเทศก์ของเรายิ้มแบบถูกใจ พลางอธิบายด้วยความภูมิใจว่าเป็นภาษา “เนวารี” จัดอยู่ในกลุ่มภาษาพม่า-ทิเบต เนปาลมีประชาชนถึง ๑๒๕ ชนเผ่า มีเนปาลี โภชปุริ ตามัง เนวารี เป็นต้น ในกรุงกาฐมาณฑุพูดภาษาเนวารีกันมากที่สุด...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:14


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว