กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   อยากฝึกกสิณ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2365)

โอรส 31-12-2010 01:46

อยากฝึกกสิณ
 
ถาม : ถ้าใจเราอยากฝึกกสิณ จะทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ทุกคน ถ้าใจรักอยากที่จะทำ แสดงว่าในอดีตเราเคยทำมาแล้ว

กสิณมี ๑๐ กอง เราจะฝึกกองไหนก็หาหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อวัดท่าซุงมา จากนั้นตั้งใจจุดธูปบูชาพระรัตนตรัยที่หน้าหิ้งพระของเรา

กราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ อธิษฐานว่า "กสิณกองใดที่เราเคยทำได้แล้วในอดีต ถ้าหากว่าทำในปัจจุบันนี้จะได้ผลเร็วที่สุด ขอให้เราอ่านแล้วชอบใจกองนั้นมากที่สุด"

แล้วก็อ่านไล่ไปเลย อาโลกกสิณ อากาสกสิณ ปฐวีกสิณ เตโชกสิณ อาโปกสิณ วาโยกสิณ โลหิตกสิณ ปีตกสิณ นีลกสิณ โอทาตกสิณ พอครบ ๑๐ กองแล้ว ชอบกองไหนมากที่สุดก็หาอุปกรณ์มาแล้วก็ลงมือฝึกได้เลย

การฝึกกสิณนั้นสำคัญอยู่ตรงที่ ย้ำคิดย้ำทำ ยิ่งกว่าพวกโรคจิตเสียอีก ก็คือลืมตามอง หลับตาลงนึกถึงพร้อมกับภาวนา เราจะนึกภาพนั้นได้ครู่หนึ่ง พอภาพหายไปก็ลืมตามองใหม่ พร้อมคำภาวนา ทำอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา

พอเลิกจากตรงนั้นไปห้ามทิ้งนะ ต้องนึกถึงภาพนั้นอยู่เรื่อย ๆ นึกไปพร้อมกับคำภาวนาอยู่เรื่อย ๆ แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งไว้ที่ภาพกสิณ อาจจะสัก ๒๐-๓๐% นึกถึงภาพนั้นพร้อมกับคำภาวนาอยู่ตลอดเวลา ส่วนความรู้สึกอีก ๗๐-๘๐% ก็ทำหน้าที่การงานของเราไป

โอรส 31-12-2010 01:47

ถาม : ต้องแบ่งความรู้สึกอย่างไรคะ ?
ตอบ : แบ่งความคิดเป็น ๒ ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ที่ภาพกสิณ อีกส่วนหนึ่งเอาไว้ทำกิจการงานอื่นไปด้วย รักษาภาพกสิณพร้อมกับคำภาวนาไว้ตลอดเวลา จนกว่าเราลืมตาก็เห็นภาพนั้น หลับตาก็เห็นภาพนั้น คราวนี้ก็คอยประคับประคองเอาไว้ให้ดี ถ้าภาพหายไปก็รีบนึกขึ้นมาใหม่ หายไปก็รีบนึกขึ้นมาใหม่ ไปแบบนี้เรื่อย ๆ

สมาธิที่ทรงตัวตั้งมั่นขึ้นเรื่อย ๆ ภาพนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากสีเดิมก็จะจางลง ๆ เป็นสีขาว จากสีขาวก็กลายเป็นขาวทึบ จากขาวทึบก็กลายเป็นขาวใส จนกระทั่งสว่างเจิดจ้าเหมือนกับเรามองดวงอาทิตย์

ต่อจากนั้นก็ลองกำหนดดู ถ้ากำหนดให้หายไปก็ได้ ให้มาก็ได้ หรือจะให้ใหญ่ก็ได้ ให้เล็กก็ได้ คราวนี้อธิษฐานดูว่าจะมีผลตามที่เราศึกษามาไหม ?

ถ้าเป็นอาโลกกสิณ ก็สามารถทำที่มืดให้สว่างได้ สามารถเห็นนรกเห็นสวรรค์ได้

ถ้าเป็นโอทาตกสิณ ก็สามารถเปลี่ยนสีอื่นเป็นสีขาวได้ สามารถเห็นนรก เห็นสวรรค์ได้

ปีตกสิณ ก็สามารถเปลี่ยนสีอื่นเป็นสีเหลืองได้ สามารถทำของอื่นให้เป็นทองได้

โลหิตกสิณ ก็สามารถเปลี่ยนสีอื่นเป็นสีแดงได้

นีลกสิณ ก็สามารถที่จะเปลี่ยนสีอื่นเป็นสีเขียว เป็นสีดำได้ หายตัวได้ เหล่านี้เป็นต้น

พอทำได้คล่องตัวเต็มที่ ชนิดที่นึกเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้นแล้ว เราค่อยก้าวข้ามไปทำกองใหม่ แต่ก่อนจะจับกองใหม่ก็ต้องซ้อมกองเดิมให้เต็มที่ก่อน ถ้าได้คล่องตัวแล้ว ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง ไม่ถึงสองวินาทีก็เต็มแล้ว เราค่อยฝึกหัดกองอื่นต่อไป

โอรส 31-12-2010 01:51

ถาม : แล้วคำภาวนาจำเป็นไหมคะ ?
ตอบ : จำเป็น คำภาวนาพร้อมกับลมหายใจเข้าออกนั้นสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีอานาปานุสติกรรมฐาน กรรมฐานทุกกองจะได้ประมาณแค่อุปจารสมาธิเท่านั้น ทรงฌานไม่ได้

ถาม : ความรู้สึกจะต้องได้ขนาดไหน ?
ตอบ : ถ้าภาพกสิณนั้นสว่างเจิดจ้าเหมือนกับเรามองกระจกสะท้อนแสงอาทิตย์ นั่นก็คือฌาน ๔

ส่วนเรื่องลม ๓ ฐาน ๗ ฐานอะไรนั่น เมื่อถึงตอนนั้นไม่ต้องไปคิดถึง เพราะว่าถึงเวลาบางครั้งคำภาวนาก็หายไปเฉย ๆ เราแค่กำหนดรู้ตามภาพเท่านั้นว่า ตอนนี้เป็นอย่างนี้ ตอนนี้เป็นอย่างนี้

ถาม : จำเป็นต้องทำอานาปาฯ ด้วยหรือคะ ?
ตอบ : จำเป็นต้องใช้เลย กรรมฐานทุกกองที่เหลืออีก ๓๙ กอง ถ้าไม่ได้อานาปานานุสติควบด้วย อย่างเก่งก็ได้แค่อุปจารสมาธิ

ชอบทำกสิณก็ดีเพราะว่ากสิณเป็นพื้นฐานของฤทธิ์ พอได้กสิณคล่องแล้ว ต่อไปก็เล่นสมาบัติ ๘ ต่อ สมาบัติ ๘ นี้ เว้นจากอากาสกสิณ เรายกกสิณขึ้นมากองหนึ่งแล้วเพิกภาพกสิณนั้นเสีย ฝึกทำอรูปฌานให้เกิดขึ้นต่อไป


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:05


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว