พระขุนแผนเกราะเพชร (๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
https://www.watthakhanun.com/webboar...1486183094.jpg จำนวนสร้าง พิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดทองคำ..... ๓,๐๐๐ องค์ https://www.watthakhanun.com/webboar...1486183096.jpg จำนวนสร้าง พิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดนาก........ ๓,๐๐๐ องค์ https://www.watthakhanun.com/webboar...1486183099.jpg จำนวนสร้าง พิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดเงิน......... ๓,๐๐๐ องค์ https://www.watthakhanun.com/webboar...1486183103.jpg จำนวนสร้าง พิมพ์เล็ก (ไม่ได้ฝังตะกรุด)... ๓๐,๐๐๐ องค์ พุทธาภิเษกครั้งที่ ๑ ............วันเสาร์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๙ (พิธีฝ่าวิกฤต) พุทธาภิเษกครั้งที่ ๒ .............วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ (เสาร์ห้า) |
ฉะนั้น...รุ่นนี้ก็ถือว่าเป็นวัตถุมงคลรุ่นฝ่าวิกฤติก็แล้วกัน คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง เพราะว่าพวกเราพกอาวุธมาเต็มตัวขนาดนี้ต้องไปได้ ไปได้ยังไม่พอนะ แก้วอินทนิลของท่านเองนี่เด่นเรื่องมหาลาภ มหาปราบ เรื่องนี้ท่านจะถนัดมาก ก็แปลว่าไปรอดแล้วยังต้องรวยอีกด้วย"
"ถ้าถามว่าวัตถุมงคลที่เข้าพิธีวันนี้มีอะไร ? ก็มีขอสับช้างของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ที่เป็นต้นเรื่องเลย มีขนาดใหญ่กับขนาดเล็ก ตุ๊พ่อท่านบอกว่าเหลือไว้ให้อย่างละ ๑๐๐ นอกนั้นเขาจองไว้แล้ว ขนาดเล็ก ๙๐๐ บาท ขนาดใหญ่ ๑,๒๐๐ บาท ขึ้นราคาหน่อยได้ไหม ? ...(หัวเราะ)... หลังจากพุทธาภิเษกเสร็จ กราบเรียนตุ๊พ่อท่านว่าเอาจำหน่ายตรงนี้เลย โยมที่ต้องการจะได้ไม่ต้องไปจองในเว็บ ไม่ต้องไปถึงวัด มีอย่างละร้อยด้ามเท่านั้น ห้ามจองคนเดียว ๙๙ ด้าม..! ส่วนของวัดท่าขนุนมีพระขุนแผนเกราะเพชร ที่จะออกในงาน ๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษี ขุนแผนรุ่นนี้ทำด้วยผงยานัตถ์ุของหลวงพ่อฤๅษีที่อาตมาเก็บสะสมไว้ ก็จะมี พิมพ์ใหญ่ ฝังตะกรุดหัวใจขุนแผน เนื้อทองคำ ๓,๐๐๐ องค์ เนื้อนาก ๓,๐๐๐ องค์ เนื้อเงิน ๓,๐๐๐ องค์ กำลังคิดว่าจะขูดรีดโยมเท่าไรดี ? ...(หัวเราะ)... ส่วนพิมพ์เล็กไม่มีตะกรุด เพราะว่าขนาดตะกรุดถ้าฝังลงไปแปลว่าล้นองค์พระ พิมพ์เล็กมี ๓๐,๐๐๐ องค์ เป็นเนื้อผงยานัตถุ์อย่างเดียว แล้วก็มีวัตถุมงคลเก่าของวัด ก็มีเหรียญของขวัญปีใหม่ เนื้อตะกั่ว ๔,๐๐๐ เหรียญ ๔,๐๐๐ เหรียญนี่ตัวเล็กเอาไปออกในกระทู้งานอุปสมบทหมู่ ๑๐๐ ปีหลวงพ่อฤๅษีไปแล้ว ๑,๐๐๐ เหรียญ ใครจองไว้ถือว่าเฮงมากเลยเพราะตอนนั้นลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง พอเอาเข้าพิธีแล้วคงต้องเพิ่มราคาขึ้นครึ่งหนึ่ง..! แล้วก็มีเหรียญฉลองพระอุปัชฌาย์ เนื้อเงิน ๓,๐๐๐ เหรียญ ที่จองกันไป ๑,๐๐๐ เหรียญแล้ว เนื้อทองคำ ๓๐๐ เหรียญ จองกันไป ๑๐๐ กว่าเหรียญแล้ว ใครไม่ได้จองไม่ต้องเสียใจเพราะอาตมาตั้งใจขึ้นราคาอยู่แล้ว..! แล้วก็มีผงงาช้าง ๖๐ กิโลกรัม จะเอาไว้สร้างพระ ผงงาช้างได้มาจากงาน OTOP ที่จังหวัดสุรินทร์ ปกติเขาขายกันแพงมาก แต่คณะของคุณหญิง (ณญาดา) ไม่รู้ไปตีซี้อีท่าไหน ? ไปโกยมาหมดเลย บอกว่าเอามาให้หลวงพ่อไว้สร้างพระ ซึ่งอาตมายังไม่มีอารมณ์จะสร้าง ยังนึกลูกเล่นไม่ออกว่าจะสร้างเป็นอะไรดี" อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ พระอาจารย์กล่าวว่า "งานเป่ายันต์เกราะเพชร อาตมาจะเอาพระขุนแผนเกราะเพชรมาเข้าพิธี กำลังตัดสินใจว่าจะให้โยมร่วมบุญไปเลยไหม ? ส่วนปลายเดือนต้องรอให้ท่านเจ้าคุณประเสริฐหรือท่านเจ้าคุณพระภาวนาพิศาลเมธี เปรียญธรรม ๘ ประโยค พุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา จะดูว่าท่านให้ลาไหม ? ถ้าไม่ให้ลา ญาติโยมก็ช่วยกันทำบุญบ้านวิริยบารมี โดยที่อาตมาเอาใจช่วยอยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าท่านให้ลา ก็จะมานั่งเป็นประธานในงานทำบุญ ส่วนเดือนเมษายนก็น่าจะงานหนัก เพราะโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ระยะที่ ๓ กำลังเร่งรัดเข้ามา เดือนพฤษภาคมกำลังให้เขาทำโปรแกรม อาตมาจะไปปากีสถาน ให้ตาลีบันจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ยังไม่รู้ว่าจะไปปลายเดือนเมษายนหรือว่าจะไปต้นเดือนพฤษภาคมดี" อ้างอิงจากเก็บตกงานหล่อสมเด็จองค์ปฐม - หลวงปู่ปาน - หลวงพ่อวัดท่าซุง "รุ่นปัจจุบันที่ทำอยู่นี้ คือ ขุนแผนเกราะเพชร ใช้ผงยานัตถุ์จากหลวงพ่อวัดท่าซุงสร้าง คือหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเป่ายานัตถุ์เป็นประจำ ต้องยี่ห้อลูกสาวหมอมีด้วย ยี่ห้ออื่นก็ไม่เอา ญาติโยมก็เอาไปถวายท่านมาก พอถวายท่านมาก ยานัตถุ์ต่อให้บรรจุดีขนาดไหนก็ตาม ก็จะต้องมีรั่วมีซึม ท้ายสุดกลิ่นก็เริ่มหมด สีก็จะเปลี่ยนจากสีค่อนข้างดำเป็นสีน้ำตาลอ่อน ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็ให้รื้ออออกมาแล้วเลือกเอาขวดที่ยังดีอยู่ให้ท่าน ที่เหลือท่านก็ส่งให้ บอกว่า "แกจะเอาไปทำอะไรก็เอาไป" อาตมาก็เทรวม ๆ กันใส่แกลลอนเอาไว้ เทไปเทมาได้เป็นแกลลอนเลย เพราะว่ารื้อให้ท่านอยู่หลายปี เฝ้าหน้าห้องท่านอยู่ ๖ ปี รื้อกันอยู่ทุกปี ปีละหลายครั้ง" อ้างอิงจากเก็บตกงานหล่อสมเด็จองค์ปฐม - หลวงปู่ปาน - หลวงพ่อวัดท่าซุง พระอาจารย์พูดถึงพระขุนแผนที่จะสร้างว่า "จะไม่เหมือนที่อื่น จะเป็น "ขุนแผนเกราะเพชร" เตรียมรบ รบกับอะไร ? รบกับเศรษฐกิจ เห็นท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านบอกว่า ถ้าไม่สงบก็อาจถึงปิดประเทศ...ใช่ไหม ? ใครอยู่ใกล้ ๆ ช่วยเรียนท่านที บอกว่าไม่ต้องปิดหรอก ปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีใครเขาคบหาอยู่แล้ว..! โลกที่วิ่งไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา เราไปฝืนโลกจะเป็นไปได้ที่ไหน ระบบประชาธิปไตยของเราไม่ใช่อังกฤษหรืออเมริกาที่มีมา ๒๐๐-๓๐๐ ปี ประชาธิปไตยของเราเพิ่งจะอายุ ๘๐ กว่าปี การเปลี่ยนผ่านยังมีอีกมากต่อมากนัก จะมาทำเป็นวัยรุ่นใจร้อน จะให้ทุกอย่างดีเหมือนอย่างกับประเทศอื่นเขาก็เป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เขาไม่ได้มาเริ่มจากการบังคับคนโต ญี่ปุ่นเขาเริ่มตั้งแต่ประมาณ ๔๐ ปีที่แล้ว ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับเด็กและเยาวชนของเขา ปัจจุบันรุ่นนี้พอขึ้นมาเป็นผู้นำหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ หรือผู้บริหารบริษัทห้างร้าน จะมีจริยธรรมสูงมาก พอถึงเวลาอะไรผิดนิดหน่อยก็ลาออกเพื่อรับผิดชอบ ถ้าเราต้องการอย่างนั้น เราต้องยอมเสียเวลา ๓๐-๔๐ ปีเหมือนกับเขา เมื่อเดือนก่อนมีคลิปที่เขาทดสอบจริยธรรมของเด็กญี่ปุ่น แกล้งทำกระเป๋าเงินตก เด็กญี่ปุ่นร้อยละร้อยเลยที่แจ้งให้เจ้าของทราบ ก็คือรีบเตือนให้รู้ว่ากระเป๋าตก หรือไม่ก็หยิบไปส่งคืนเลย ของเราก็ต้องเริ่มต้นอย่างนี้ ถ้าไม่เริ่มต้นปลูกฝังอย่างนี้ ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขทุกอย่างได้ ถ้าหากบอกว่าพระอย่างอาตมามีหน้าที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของเด็ก ต้องบอกว่าไม่เพียงพอ เรื่องเหล่านี้ต้องเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ ต้องให้กำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาลเลย หรือถ้าจะให้เป็นมติของคณะรัฐมนตรีก็ได้ ว่าต้องทำเรื่องนี้เป็นอันดับแรก ไม่ใช่ถึงเวลาจะมาสั่งไม้แก่ให้ซ้ายหันขวาหันเหมือนระบบทหาร ไม้แก่ดัดยาก จึงเป็นไปไม่ได้ คนคิดต่างไม่ใช่คนผิด ความคิดต่างมีอยู่ในทุกสังคม เพียงแต่ว่าส่วนไหนที่เขาคิดต่างแล้วดี เราก็รับเอามาประยุกต์ใช้ร่วมกัน อ้างอิงจากเก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างขุนแผนเกราะเพชร ต้องบอกว่ารวมทั้งสายลุยและเมตตาเข้าด้วยกัน ...(หัวเราะ)... พระขุนแผนบ้านกร่างหรือขุนแผนกรุวัดใหญ่ชัยมงคล โดยเฉพาะขุนแผนบ้านกร่าง เป็นพระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้สร้างเพื่อให้ทหารในกองทัพติดตัวไปรบกับพม่า ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนที่ขุดกรุเจอถึงให้ชื่อว่าพระขุนแผน อาจจะเป็นเพราะว่าบ้านกร่างอยู่ศรีประจันต์ก็ได้
แต่จะว่าไปนางศรีประจันต์ก็ไม่ใช่แม่ขุนแผน แม่ขุนแผนคือท่านย่าทองประศรี แต่เนื่องจากว่าพระชุดนั้นมีทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว เขาก็เลยมี พลายคู่ พลายเดี่ยว ซึ่งบรรดาตระกูลพลายก็เริ่มตั้งแต่ขุนแผนที่ชื่อว่าพลายแก้ว ลงไปลูก ๆ ก็พลายงาม พลายบัว พลายยง พลายเพชร คาดว่าบรรดาเซียนพระเขาคงมีเหตุผลที่ดีที่ตั้งชื่อพระว่าขุนแผน พอมากรุวัดใหญ่ชัยมงคล สร้างบรรจุพระเจดีย์ที่สร้างเพื่อฉลองชัยชนะที่มีต่อกองทัพพม่า มีเวลาทำมากกว่า ก็เลยกลายเป็นขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรุบ้านกร่างหรือว่ากรุวัดใหญ่ชัยมงคลก็ราคาแพงสาหัสพอกันในปัจจุบัน" "แล้วขุนแผนอีกสำนักหนึ่งที่ดังระเบิดเถิดเทิงด้วยความสามารถเฉพาะตนเลย ก็คือ ขุนแผนพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่งท่านศึกษาวิชาการทำพระมาจากหลวงปู่ของท่านเอง หลวงปู่ของหลวงปู่นี่ถ้าเป็นรุ่นเราก็น่าจะเป็นปู่ทวด ก็คือหลวงปู่สังข์ วัดละหารไร่ หลวงปู่สังข์ขลังขนาดไหนไม่รู้ คนเขาร่ำลือกันว่าหลวงปู่สังข์บ้วนน้ำลายลงพื้นนี่พื้นแตกเลย..! ท่านขลังได้ขนาดนั้น ตำราก็ตกสืบมาถึงรุ่นหลวงปู่ทิม ก็ถือว่าได้รับการใช้งานและเกิดผลสูงสุด ฉะนั้น...ขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิมถึงได้ดังมาก ราคาปัจจุบันแพงจับไม่ติด ก็คือถ้าไม่ได้เลขหกหลักขึ้นไปอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็น ก็เลยมีคนไปเล่นประคำผงพรายกุมาร ก็คือ ถ้าได้ประคำมาเส้นหนึ่งก็แกะแบ่งกันคนละเม็ด ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านก็ยืนยันว่าของท่านเม็ดเดียวพอแล้ว แล้วก็ไปเล่นลูกอมผงพรายกุมาร ซึ่งลูกอมก็เหลือจากพิมพ์พระ พอถึงเวลาเหลือเศษก็เอามาปั้นกลม ๆ ก็คือเนื้อเดียวกับขุนแผนพรายกุมาร เพียงแต่ว่าขุนแผนมีหลายพิมพ์ที่ฝังตะกรุด พิมพ์ที่ฝังตะกรุดมากที่สุดคือ ๙ ดอก" "คราวนี้ในส่วนของการสร้างพระขุนแผน ถ้าจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับขุนแผนจริง ๆ ก็น่าจะเป็นของวัดท่าขนุนนี่แหละ เพราะว่าตำราอื่นเขาเรียกขุนแผนเพราะว่าเป็นพิมพ์ ๕ เหลี่ยม แต่ของวัดท่าขนุนต้องบอกว่า โดยสายเลือดอาตมาก็เป็นลูกหลานเมืองสุพรรณฯ ที่เป็นบ้านเกิดของท่านย่าทองประศรี โดยที่อยู่ปัจจุบันก็ไปอยู่กาญจนบุรีที่ขุนแผนท่านเป็นเจ้าเมือง สรุปแล้วถึงได้บอกว่าถ้าสร้างขึ้นมากลัวของเก่าอยู่แค่ ๒ สำนักเท่านั้น คือขุนแผนเข้ากรุที่เป็นวัดใหญ่ชัยมงคลหรือบ้านกร่าง และอีกสำนักหนึ่งคือหลวงปู่ทิม อาตมาได้ไปอัญเชิญขุนแผนตัวจริงไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าวันพุทธาภิเษกขอให้มาช่วยด้วย ยังไม่รู้ว่าจะออกมาแบบไหน แต่งานนี้ก็เน้นส่วนผสม ผงชนวนต่าง ๆ โดยเฉพาะผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่อาตมาเก็บใส่ไว้เป็นแกลลอน แล้วเอาไปเข้าพิธีพร ๓๐ ประการที่วัดท่าซุงมาแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดบางนมโค ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน เป็นที่พุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงปู่ปานด้วย ท่านเจ้าอาวาสเขารื้อ พอดีหลวงพี่ติงลี่ไปจำพรรษาอยู่ที่นั่น ไปช่วยเขาบูรณะสร้างโน่นซ่อมนี่ ก็เลยขอกระเบื้องมาทำเป็นผงชนวนไว้ ให้อาตมามาขวดใหญ่ ถ้าว่าใหญ่แค่ไหนก็ประมาณขวดโอวัลติน" "มีคนถามว่าคนจองกันเยอะแยะขนาดนั้น ทำไมยังมีพระเหลือ ? อาตมาบอกว่าตั้งใจทำให้เหลือ เพราะว่าก่อน ๆ นี้สร้างวัตถุมงคลยอดก็คือ ๓,๐๐๐ องค์ ขุนแผนเกราะเพชรนี่พิมพ์เล็ก ๓๐,๐๐๐ องค์ แต่ดูท่าว่าจะเหลือน้อย เพราะว่าจองไปเกินครึ่ง อาตมาแนะนำก็คือจองพิมพ์เล็กไว้ ไม่ต้องไปสนใจกับตะกรุด เพราะถ้าท่านสงเคราะห์ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ จองตะกรุดไปก็แพงเปล่า ๆ ตะกรุดนั้นลงคาถาหัวใจขุนแผน คือ สุนะโมโล ไว้ มาจากตัวคาถาปลุกที่ว่า เอหิมะมะ สุนะโมโล นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ ก็คือการเรียกหัวใจขุนแผนพร้อมกับธาตุ ๔ การเสกวัตถุมงคลถ้าเรียกธาตุ ๔ อาการ ๓๒ ได้ก็จะขลังกว่าปกติ ส่วนใหญ่สมัยนี้เขาจะเรียกธาตุ ตั้งธาตุ หนุนธาตุกันไม่เป็น ยิ่งอาการ ๓๒ ยิ่งไม่ค่อยมีใครอยากจะเสกเพราะว่าคาถายาวมาก ความจริงคาถายาวทำให้สมาธิดี แต่คนก็มักจะไม่ชอบเพราะคาถายาว แบบเดียวกับหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง สร้างตะกรุดมหาโสฬสต้องเสก ๓ ปี เหตุที่ต้องเสก ๓ ปีเพราะว่าต้องเสกด้วยโองการมหาทมื่น ๑๐,๐๐๐ จบ ถ้าถามว่าโองการมหาทมื่นเป็นคาถายาวขนาดไหน ? ก็ประมาณ ๑ หน้ากระดาษเอ ๔ ฉะนั้น...ถ้าใครมีตะกรุดมหาโสฬสของวัดสะพานสูง ตั้งแต่หลวงปู่วาสน์ขึ้นไปถึงหลวงปู่ทองสุข หลวงปู่กลิ่น หลวงปู่เอี่ยม ก็เก็บเอาไว้ก็แล้วกัน ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ขลังทั้งนั้น หลวงปู่วาสน์ก็เพิ่งจะมรณภาพไป อายุ ๑๐๐ ปีพอดี รุ่นต่อไปก็คงจะมีแต่ตะกรุด หาความขลังยาก เพราะว่าขี้เกียจเสก วัตถุมงคลเสก ๓ ปีนี่บังคับเลยว่าต้องขลัง อาตมายังเคยเอาไปออกในเว็บวัดท่าขนุนไปหนึ่งดอก" อ้างอิงจากเก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นเรื่องแปลก...พระขุนแผนเกราะเพชรคนกลับไม่นิยมที่ฝังตะกรุดเนื้อนาก ทั้ง ๆ ที่ตะกรุดเนื้อนากนอกจากจะทำยากที่สุดแล้ว ยังเป็นโลหะถอนอาถรรพ์ได้ เพราะสมัยก่อนเทคนิคการผสมโลหะยังไม่ค่อยดี บรรดาพวกคนที่ทรงฌาน ทรงสมาบัติ ก็สร้างตัวคาถาขึ้นมาบ้าง วิชาบ้าง ที่สามารถป้องกันอาวุธได้ แต่คราวนี้อาวุธที่ป้องกันได้นั้นมักจะทำจากโลหะชนิดเดียว เขาก็เลยต้องมีการทำโลหะผสมขึ้นมา โลหะผสมที่ทำขึ้นมาก็เพื่อที่จะใช้แก้เรื่องการป้องกันพวกนี้แหละ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ทำอะไรเขาไม่ได้
ในเรื่องของนากก็เหมือนกัน ที่สมัยก่อนเขาเล่นแร่แปรธาตุกันขึ้นมาจนได้โลหะนาก ซึ่งมีส่วนผสมของเงิน ทองแดง ทองคำ ฯลฯ ถ้าใช้ถอนอาถรรพ์ต้องจัดอยู่ในส่วนของตรีโลหะ คือ ผสม ๓ อย่าง แล้วก็มีปัญจโลหะ ผสม ๕ อย่าง สัตตโลหะ ผสม ๗ อย่าง นวโลหะ ผสม ๙ อย่าง อย่างหอกที่ใช้แทงชาละวัน พญาจระเข้หนังเหนียว อาวุธอะไรก็ทำไม่ได้ ต้องเล่นถึงสัตตโลหะ อยากกันได้หลายอย่างดีนัก ก็ล่อเสีย ๗ อย่างไปเลย นวโลหะเป็นผลพลอยได้ของการเล่นแร่แปรธาตุ เขาอยากจะทำทองคำ แต่ปรากฏว่าทองคำจริง ๆ เป็นสัตตโลหะ ผสม ๗ อย่างก็ได้ทองคำ ส่วนนวโลหะ ผสม ๙ อย่างได้เป็นนาก อันนี้อุตส่าห์ผสมทำตะกรุดนาก ม้วนยากม้วนเย็น กลับจองกันมาหน่อยเดียว ดู ๆ แล้วก็ขำ ของที่ทำยากและมีอานุภาพแปลกประหลาดกว่าเพื่อน กลับไม่มีใครใส่ใจ แต่ไม่เป็นไรหรอก....อย่างไรเสียอาตมาก็ไปเชิญ "ขุนแผน" มาเรียบร้อยแล้ว" อ้างอิงจากเก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ |
การพุทธาภิเษกครั้งนี้วัตถุมงคลที่เป็นหลักเลย ก็คือ พระขุนแผนเกราะเพชร อาตมาสร้างเนื่องในวาระ ๑๐๐ ปีเกิดของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ โดยได้ไปทำพิธีอัญเชิญและขออนุญาตท่านขุนแผน ให้มาร่วมในพิธีพุทธาภิเษกเรียบร้อยมาเป็นเดือน ๆ แล้ว
พระขุนแผนรุ่นนี้จะมีอยู่ ๔ รายการด้วยกันคือ องค์ใหญ่ฝังตะกรุดทองคำ จำหน่ายในราคา ๓,๐๐๐ บาท องค์ใหญ่ฝังตะกรุดนาก จำหน่ายในราคา ๒,๐๐๐ บาท และองค์ใหญ่ฝังตะกรุดเงิน จำหน่ายในราคา ๑,๐๐๐ บาท พร้อมกับองค์เล็กไม่ได้ฝังตะกรุด จำหน่ายในราคา ๑๐๐ บาท ราคานี้ยืนถึงวันนี้เท่านั้น พ้นจากวันนี้ไปจะขึ้นราคาตามระเบียบของวัดท่าขนุน ส่วนผสมที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ที่อาตมาเก็บสะสมอยู่ตลอด ๑๑ ปี เนื่องจากว่าเวลาหลวงพ่อท่านเป่ายานัตถุ์ ถ้าญาติโยมถวายมามาก ๆ ใช้ไม่ทันก็จะมียานัตถุ์ที่เสื่อมคุณภาพ ท่านใช้ครั้ง ๒ ครั้ง ถ้าเห็นไม่ได้เรื่องท่านก็จะโยนมาให้ แล้วท่านก็ไปหาขวดใหม่ที่ใช้งานได้ อาตมาก็เอามาเทเก็บรวม ๆ กันไว้เป็นแกลลอน ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้งาน ได้นำเอาเข้าพิธีสำคัญของวัดท่าซุงตั้งแต่พิธีที่ท้าวมหาราชท่านแจ้งว่า พระท่านให้พรถึง ๓๐ ประการด้วยกัน แล้วก็เอาเข้าพิธีมาเรื่อย ๆ ท่านที่รับขุนแผนเกราะเพชรไปแล้ว คาถาปลุกพระ อาตมาอุตส่าห์ศึกษามาจากสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ก็คือพระคาถาหัวใจขุนแผน หนุนด้วยธาตุ ๔ แต่ปรากฏว่าตอนพุทธาภิเษกใช้งานไม่ได้ พระท่านให้ใช้พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ก็คือ อิติ ปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญู มาคะตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จะ เตนะโม ต่อด้วย นะโมพุทธายะ ปีนี้ภัยธรรมชาติของบ้านเราจะรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วม สามารถขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้ผ่อนจากหนักเป็นเบาได้ ด้วยการภาวนาพระคาถานี้ไว้ทุกวัน อธิษฐานภาพพระให้ครอบตัวเรา หรือว่าบ้านเรือนของเรา หรือว่าคนในครอบครัวของเราเอาไว้ทุกวัน ภัยธรรมชาติเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็เกิดจากกรรมเก่าในอดีตที่พวกเราได้สร้างเอาไว้ ถึงเวลาแล้วตามมาทัน ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น โดยเฉพาะญาติโยมที่บ้านเรือนอยู่ปักษ์ใต้ ปีนี้ให้ระมัดระวังเรื่องน้ำท่วมให้จงหนัก ถ้าเป็นอาตมาเอง สักปลายกันยายนถึงต้นตุลาคม จะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว อยากจะท่วมก็ให้ท่วมแต่บ้านไป อย่าลืมที่พระท่านสั่งไว้นะให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ อธิษฐานภาพพระครอบตัวเรา หรือบ้านเรือนของเรา หรือว่าครอบครัวของเราไว้ทุกวัน เราจะผ่อนหนักเป็นเบาหรือจากเบาเป็นหายได้ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิจิตของเราและความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถบอกกล่าวกันได้ทุกครั้ง บางอย่างถึงท่านบอกมา อาตมาก็ไม่สามารถที่จะบอกต่อได้ บางอย่างท่านบอกมาร้อยหนึ่ง สามารถบอกได้แค่สิบยี่สิบเท่านั้น เพราะว่าเกี่ยวเนื่องด้วยวาระกรรมของคนหมู่มาก เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านทั้งหลายที่มีโอกาสได้รับรู้รับทราบ ก็แปลว่าถึงกรรมของเราจะหนัก ก็ยังมีโอกาสผ่อนหนักเป็นเบาได้ แต่ว่าต้องขยันภาวนาเอาไว้ทุกวัน อาตมาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า วันนี้อยู่ดี ๆ ทำไมลิ้นแตกจนพูดไม่ชัด อาจจะเป็นเพราะท่านไม่อยากให้บอกใครก็ได้ อ้างอิงจากงานบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษก-เป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องน้ำท่วมที่อาตมาเคยบอกไว้นานแล้ว มาช้าไปหน่อยหนึ่ง ตอนนี้ท่วมรอบสอง...หนักกว่าเดิม แต่อาตมาก็ยังยืนยันว่านี่แค่น้ำจิ้ม ส่วนอาหารจานหลักจะมาเมื่อไร...ให้รอดูไป ไม่รู้ว่าปีนี้หรือปีหน้า บางทีแผ่นดินสกปรกมาก ก็ต้องให้แม่คงคาช่วยล้างออกไปบ้าง
พวกเราก็ภาวนาคาถาควบกับขุนแผนเกราะเพชรไปก็แล้วกัน ท่านสั่งเอาไว้ว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วจะปลอดภัย ของทุกอย่างเป็นของนอกกาย ถ้าชีวิตรอดก็สามารถหาใหม่ได้ ตามที่ท่านบอกเอาไว้ว่า เรื่องของภัยพิบัติเกิดจากกรรมใหญ่ที่คนสร้างเอาไว้รวมกัน ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าจะชะลอให้ช้าลงบ้าง แต่ท้ายที่สุดก็ยังเกิดอยู่ดี ในส่วนนี้ก็ต้องบอกว่าพยายามช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปตามกำลังของตน เดี๋ยวอาตมาก็จะไปแจ้งท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ให้ท่านเป็นหัวแรงรับบริจาคช่วยน้ำท่วมปักษ์ใต้ แล้วทางวัดท่าขนุนก็จะเปิดคลังไปช่วย ตัวเองหมดไม่เป็นไร ให้คนลำบากเขาอยู่ได้ก่อน" อ้างอิงจากเก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๐ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:43 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.