กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=43)
-   -   การรักษาชีวิตไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งจำเป็น (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2901)

ลัก...ยิ้ม 14-09-2011 09:19

การรักษาชีวิตไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งจำเป็น
 
การรักษาชีวิตไว้เพื่อปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งจำเป็น

เรื่องโดยย่อมีอยู่ว่า ในสมัยพระพุทธกัสสปมีพระ ๗ องค์ได้ตั้งสัจจะต่อกันว่า จะใช้วิริยะ ขันติและสัจจะบารมี บำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษฏ์ โดยใช้บันไดปีนขึ้นเขาชันเพื่อไปภาวนาอยู่ในถ้ำ เมื่อขึ้นไปได้แล้วก็ทำลายบันไดนั้นเสีย ทุกท่านอธิษฐานว่าหากไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ก็ขอตายอยู่บนนั้น (คล้าย ๆ กับสมเด็จองค์ปัจจุบันอธิษฐานจิตที่โคนต้นโพธิ์)

วันแรก พระ ๑ องค์ บรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหาะไปบิณฑบาตนำอาหารมาเลี้ยงพระอีก ๖ องค์ แต่ทุกองค์ปฏิเสธอาหาร ยอมตายดีกว่าเสียสัจจะ

วันที่ ๒ พระอีก ๑ องค์ บรรลุเป็นพระอนาคามีผลพร้อมปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหาะไปบิณฑบาตนำอาหารมาเลี้ยงพระอีก ๕ องค์ ทุกองค์ก็ปฏิเสธแบบวันแรก

ในที่สุดอีก ๕ องค์ก็เสียชีวิตเพราะขาดอาหาร ไปเกิดยังเทวโลกและพรหมโลก

ในวันแรก พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านสอนธรรมะกับพระอีก ๖ องค์ มีความสำคัญดังนี้

๑. การฉันอาหาร จุดประสงค์ก็เพื่อยังอัตภาพร่างกายให้คงอยู่ จิตที่อาศัยร่างกายอยู่จะได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมให้บรรลุมรรคผลได้

๒. การบรรลุมรรคผลอยู่ที่จิต มิได้อยู่ที่กาย แต่ต้องอาศัยร่างกายเป็นฐานของการปฏิบัติธรรม

๓. การพ้นทุกข์นั้นต้องพ้นทุกข์ที่จิต ไม่ได้พ้นที่กาย จิตต้องพ้นทุกข์ให้ได้ก่อนที่กายจะพัง มิใช่ให้กายพังก่อนแล้วจิตจะพ้นทุกข์ได้ (คำแนะนำทั้ง ๓ ข้อนี้ เป็นคำสอนที่ปราศอุปาทาน เพราะท่านหมดกิเลส ตัณหา อุปาทานและอกุศลกรรมแล้ว)

๔. การตายของกายไปแต่ละครั้ง ก็ไม่แน่ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะมีได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก การเกิดแต่ละครั้งก็แสนยาก ยิ่งได้มาเกิดพบพระพุทธเจ้า พบพระพุทธศาสนาก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก จึงไม่สมควรทำร้ายหรือเบียดเบียนร่างกายด้วยการอดอาหาร สู้รักษาชีวิตไว้ปฏิบัติธรรมดีกว่า

๕. ร่างกายเมื่อถึงเวลาของมัน มันก็ตายเองโดยเราไม่ต้องไปเบียดเบียนเขา กายเขาไม่มีทางรอดอยู่แล้ว ซึ่งที่เราจะต้องพยายามทำให้รอด ก็คือจิตและอารมณ์ของเราต่างหาก

๖. กายกับจิตต่างต้องอาศัยกันและกัน หากร่างกายดีก็ทำให้อารมณ์จิตดี หากร่างกายไม่ดีมีเวทนาสูง ก็ดึงให้อารมณ์จิตไม่ดีตามไปด้วย ดังนั้นเราจึงต้องพยายามอย่าเบียดเบียนตนเอง (จิตตนเอง) และพยายามอย่าเบียดเบียนผู้อื่นด้วย (กายที่จิตอาศัยอยู่) จัดเป็นพรหมวิหาร ๔ ทั้ง ๔ ข้อ

ลัก...ยิ้ม 15-09-2011 10:31

หลวงพ่อฤๅษี ท่านเมตตามาสอนว่า

๑. “พวกเอ็งอย่าไปตำหนิพระทั้ง ๕ องค์ ที่ไม่ยอมฉันอาหารว่าโง่ เพราะไม่รู้คุณค่าของชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในสมัยพุทธันดรนั้น เพราะพวกเอ็งยังโง่ยิ่งกว่าท่านทั้ง ๕ องค์ เพราะเวลานี้ท่านไปพระนิพพานกันแล้วเป็นส่วนใหญ่ แต่พวกเอ็งยังไม่ได้ไปนิพพานเลย

๒. “อนึ่ง สมัยนั้นเพราะกฎของกรรมบังคับ วาระบรรลุธรรมมันยังไม่ถึง ทำอย่างไร ๆ ก็บรรลุไม่ได้


ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่มที่ ๘
รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:06


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว