กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   อดีตที่ผ่านพ้น (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=25)
-   -   อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๑๖ : เสียงสยองขวัญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=346)

คิมหันต์ 03-04-2009 12:38

อดีตที่ผ่านพ้นตอนที่ ๑๖ : เสียงสยองขวัญ
 
๑๖. เสียงสยองขวัญ

ขึ้นชื่อว่าเสียงแล้ว ย่อมเป็นที่พอใจ และไม่พอใจของคนเราแตกต่างกันไป เสียงที่คนพอใจเป็นอิฏฐารมณ์นั้น ต้องเป็นเสียงที่ไพเราะน่าฟัง อย่างเสียงจากเครื่องดนตรี หรือเสียงหวานจากเพศตรงข้ามเป็นต้น เสียงดนตรีนั้นถ้ามีฝีมือจริง ๆ แล้ว จะสามารถแสดงผลได้เป็นที่น่าอัศจรรย์

ขณะเข้าชมภาพยนตร์เรื่อง "นางพญาจิ้งจอกขาว" อาตมาเผลอหลับ พอเสียงขลุ่ยเปิดตัวนางเอกดังขึ้น อาตมาถึงกับหูตาสว่างโพลง ความง่วงเหงาหาวนอนหายไปสิ้น ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะเบิกบานอะไรเช่นนั้น กระตุ้นความรู้สึกให้คึกคักกระปรี้กระเปร่า นึกถึงสายน้ำรี่ไหล สกุณาระเริงไพร ทุ่งหญ้าแมกไม้เขียวขจี...

อานุภาพของเสียงดนตรีนั้น "สุนทรภู่" เปรียบไว้ว่า "อันดนตรีมีคุณทุกสิ่งไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์" แต่เสียงดนตรีแม้จะมีพลานุภาพเพียงไหน ยังแพ้เสียงออดอ้อนเว้าวอนของเพศตรงข้าม จิตใจที่แข็งแกร่งดังเหล็กเพชรก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟมานักแล้ว ดังนั้น...ผู้ถือพรหมจรรย์จึงไม่ควรให้เพศตรงข้ามมาเว้าวอนมากนัก ไม่อย่างนั้นมักเสียท่า ถูกสมิงสาวแห่งป่ากิเลสงาบไปรับประทานซะเยอะแล้ว...!

ส่วนเสียงที่เป็นอนิฏฐารมณ์อันไม่น่าพอใจ ได้แก่เสียงอันเป็นปฏิปักษ์กับอารมณ์ของเราในขณะนั้น ๆ เช่น กำลังฟังเพลงอยู่อย่างสุดมันในอารมณ์ คุณแม่ก็บ่นว่าหนวกหู ฟังอะไรก็ไม่รู้เสียงยังกับควายออกลูก...! เช่นนี้เสียงเพลงก่อให้เกิดความไม่พอใจแก่คุณแม่ และเสียงบ่นของคุณแม่ก็ไม่เป็นที่ชอบใจของคุณลูกเช่นกัน หรือท่านที่ปฏิบัติกรรมฐานย่อมไม่ต้องการเสียงอึกทึกครึกโครม เพราะเป็นศัตรูกับสมาธิเป็นต้น

อาตมาชอบป่าเขาลำเนาไพรเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกว่าบรรยากาศในป่าเขาก่อให้เกิดความสงบวิเวกอย่างบอกไม่ถูก เสียงลมพัด เสียงน้ำไหล เสียงกิ่งไม้ใบไม้หล่น เสียงนก เสียงสัตว์ป่าร่ำร้อง เสียงจั๊กจั่นเรไรหรีดหริ่งลองไนกรีดเสียง ชวนให้จิตใจสงบเยือกเย็น คงเป็นเพราะเสียงเหล่านี้เป็นเสียงของธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่ง สภาพจิตอันเป็นธรรมชาติมาแต่เดิมจึงยอมรับได้ง่าย ไม่ดิ้นรนส่งส่ายไปสู่อารมณ์อื่น...

เสียงธรรมชาติที่เป็นศัตรูของความสงัด ส่วนใหญ่เป็นเสียงคน และต้องเป็นเสียงที่เราฟังเข้าใจด้วย จิตจะนึกคิดปรุงแต่งไปตามคำพูดของเขา เลยวุ่นวายหาความสงบไม่ได้ อาตมาเคยไปอาศัยกับกะเหรี่ยงในป่าเขา ฟังภาษาเขาไม่เข้าใจก็เหมือนกับฟังเสียงนกเสียงกา เขาพูดอะไรมาเราสั่นหัวท่าเดียว จิตใจจึงไม่ฟุ้งซ่าน แต่พอสาวกะเหรี่ยงมาพูดบ้าง เสียงนกเสียงกาก็ชักจะฟังรู้เรื่อง เสียงเพศตรงข้ามจึงทรงมหิทธานุภาพที่สุด...!

เสียงอีกประเภทหนึ่งเป็นเสียงที่เราไม่ทราบที่มา ไม่ทราบว่าต้นเสียงเป็นอะไร ทำให้ขวัญหนีดีฝ่อเอาง่าย ๆ เช่นเวลาอยู่ในป่ามีเสียงคนแก่คุยกัน เสียงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดโหยหวน ถ้ามีกันหลายคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเผ่นเข้ากลางวง ถ้าอยู่คนเดียวมีหวังเผ่นป่าราบจับไข้หัวโกร๋น หมดสิทธิ์ใช้หวีตลอดชาติ...!

บางทีอาตมาได้ยินพระนับร้อยนับพันสวดมนต์ดังกระหึ่มน่าเลื่อมใส แต่หาแหล่งที่มาไม่เจอ ขณะรับราชการอยู่ที่กองพลทหารราบที่ ๙ ค่ายกาญจนบุรี (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นค่ายสุรสีห์) วันดีคืนดีจะมีเสียงโห่ร้องเอาวา เสียงช้างม้าโกญจนาท เสียงขับพลเข้าประจัญบาน เสียงอาวุธปะทะกัน เหมือนกับมีกองทัพโบราณกำลังรบราห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย และไม่ใช่ได้ยินกันแค่คนสองคน บางทีทหารทั้งกองพันได้ยินพร้อม ๆ กัน แต่เมื่อตามหาเข้าจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าดังมาจากไหน ?

หลวงพ่อท่านไปธุดงค์ มีขบวนทิพย์ดุริยางค์ตามขับกล่อมไปตลอดทาง เมื่อเห็นว่าไม่สนใจจริง ๆ พวกเล่นโผล่มาทั้งขบวนเลย ทั้งโห่ทั้งแห่พร้อมสรรพ หรือพระบางท่านกำลังอดอาหาร ได้ยินเสียงขูดมะพร้าว ตำน้ำพริกอยู่ใกล้ ๆ แต่เดินตามไปเถอะ...เหนื่อยแทบขาดใจไม่ถึงซักที ไม่ทราบว่ามาจากฟากฟ้าป่าหิมพานต์ไหน...?

ชีวิตทหารชายแดนนั้นอยู่ท่ามกลางแสงสีศิวิไลซ์อย่างน่าอิจฉา แสงจากปากกระบอกปืนและพลุส่องสว่าง สีเขียวแดงเหลืองของระเบิดควันและกระสุนส่องวิถี เสียงสนั่นลั่นป่าของอาวุธสงครามนานาชนิดไงล่ะพระคุณท่าน...ใครว่าห่างไกลแสงสีอย่าไปเชื่อเชียว...เสียงสยองขวัญสั่นประสาทอาตมาก็เจอมาแล้ว...เรื่องมันเป็นอย่างนี้...

คืนนั้นอาตมากับสิบตรีมาโนต วานะวงศ์ และ สิบตรีรัว สุดใจ อยู่เวรดึกที่หน้าฐานตามเคย ประมาณตีหนึ่งเศษ ๆ เสียงประหลาดอย่างหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน มันโหยหวนแซ่ส่ำไปหมด เหมือนกับมีกองทัพปิศาจนับหมื่นนับแสนรายล้อมเข้ามารอบด้าน เสียงหมาในหมู่บ้านทัพเซียมที่ห่างไปเล็กน้อย หอนประสานรับกันระงมทั้งหมู่บ้าน...!

อาตมาคว้าเอ็ม.๑๖ คู่มือ ร้องบอกหมู่มาโนตที่ผวาลุกอย่างขวัญหายว่า "ฉายไฟเร็วข้าจะยิง...!" แสงไฟฉายขนาดห้าท่อนสว่างจ้า นิ้วที่แตะไกปืนของอาตมาชะงักค้าง เสียงไอ้ผีนรกหายวับไปเหมือนฟิวส์ขาด... เบื้องหน้ามีแต่ต้นไม้กับทุ่งหญ้า เจ้าของเสียงที่กะว่าบุกเข้ามาห่างไม่ถึงวาไม่รู้ว่าอันตรธานไปไหน...!

ท่านผู้อ่านช่วยบอกหน่อยได้ไหม...? ว่ามันเป็นเสียงอะไรกันแน่...?

๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:31


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว