กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   ตูมันอ้วน!! (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=480)

ตัวแสบจำเป็น 12-06-2009 12:55


 
พระพุทธเจ้าท่านเห็น ก็เลยตรัสพระคาถาว่า

"บุคคลบริโภคอาหารอย่างมีสติ รู้จักประมาณ
ย่อมมีอาพาธน้อย ร่างกายก็แข็งแรง"


พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ยิน ก็เลยคิดว่า เออ.. เป็นคำเตือนสติที่ดี
พอหายเป็นลมก็เลยให้มหาดเล็กคนสนิทคือ สุทัศนมาณพ บอกว่า
ไปขอเรียนคาถาบทนี้ไว้ เวลาที่พระองค์เสวยพระกระยาหารให้ท่อง
คาถานี้ด้วย จะได้เตือนสติได้ สุทัศนมาณพนั้นถือพระแสงขรรค์ชัยศรีอยู่
ก็ถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า แล้วจะมอบพระแสงขรรค์ชัยศรีนี้ให้ใครถือ เพราะว่า
เบญจราชกกุธภัณฑ์ ก็คือเครื่องหมายความเป็นพระมหากษัตริย์
มีอยู่ ๕ อย่างด้วยกัน มีพระมหาพิชัยมงกุฎ, ฉลองพระบาท,
พระแสงขรรค์ชัยศรี, วาลวีชนี และก็ แส้จามรี

พระเจ้าปเสนทิโกศลพอบอกแก่สุทัศนมาณพเรื่องให้คนถือพระแสงขรรค์ชัยศรีเสร็จแล้ว
สุทัศนมาณพก็ไปกราบพระพุทธเจ้า ขอเรียนคาถาบทนี้ สุทัศนมาณพนี่
เป็นสุดยอดมหาดเล็กเลย เจ้านายสั่งแค่นั้น ยังถามละเอียดมาก
ถามพระพุทธเจ้าว่าควรจะท่องคาถานี้เวลาไหน เมื่อท่องคาถานี้เสร็จแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วต้องทำอย่างไรต่อไป เป็นเราคงไม่ถามถึงขนาดนี้หรอก

ตัวแสบจำเป็น 12-06-2009 13:00


 
พระพุทธเจ้าบอกว่า เวลาเช้า-กลางวันไม่ต้อง ให้ท่องเฉพาะมื้อเย็น
ให้ท่องตอนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลกำลังจะเสวยคำสุดท้าย เมื่อพระองค์ได้สติ
จะวางข้าวคำสุดท้ายลง สมัยก่อนเขารับประทานด้วยมือใช่ไหม ให้ดึง
เอาถาดทองนั้นมา แล้วนับดูว่ามีข้าวกี่เมล็ด แล้วรุ่งขึ้นให้ลดข้าวสาร
จำนวนลงเท่านั้น ในมื้อเย็นมื้อเดียว แล้วทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ ทุกวัน
เท่ากับลดข้าวลงวันละคำเดียว

สุทัศนมาณพก็ไปทำอยู่แบบนั้น พอท่องคาถา พระเจ้าปเสนทิโกศล
ได้สติก็วางข้าวลง สุทัศนมาณพก็นำถาดทองออกไปข้างนอก ไปนับข้าวดู
ว่ามีกี่เม็ด รุ่งเช้าเคยตวงข้าว ๓ ทะนานก็ลดลงเหลือแค่นี้
๒ ทะนานก็ลดลงเหลือแค่นี้ ๑ ทะนานก็ลดลงเหลือแค่นี้ แล้วแต่ว่าเท่าไหร่
ก็ปรากฎว่า พอลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น ก็ไม่ทรมานมาก ก็แค่คำเดียว
วันละคำเดียว ร่างกายมันปรับทัน

พอเวลาผ่านไปหลายเดือน พระเจ้าปเสนทิโกศลก็เริ่มเพรียวลง หุ่นดี
ในวันนั้นพอลูบพุงก็ 'อ้าว.. หายไปแล้ว' พระองค์ท่านก็ตรัสสรรเสริญ
พระพุทธเจ้าว่า

พระตถาคตเจ้า ทรงยังประโยชน์ให้ทั้งในกาลปัจจุบัน และอนาคตเบื้องหน้า

ไอ้คำว่า กาลปัจจุบันก็คือ ตอนนี้เห็นอยู่ว่าตอนนี้ผอมลง แล้วอนาคต
เบื้องหน้าเป็นอย่างไร ไอ้กำลังใจในการละความอยากในอาหาร มันเท่ากับ
กำลังใจที่ห้ามตัวเองไม่ให้ละเมิดศีล ถ้าเราห้ามปากตัวเอง ไม่ให้กินของชอบได้
ไอ้เรื่องห้ามตัวเองไม่ให้ไปทำผิดศีลนั้น กำลังใจมันเท่ากัน

ตัวแสบจำเป็น 12-06-2009 13:14


 
เพราะฉะนั้น หากยังห้ามปากตัวเองไม่ได้นี่
เรื่องศีลมันยังไม่แน่นอน
ต่อให้รักษาได้ก็ไม่แน่ว่าจะขาดเมื่อไหร่


หลังจากท่านเทศน์เรื่องนี้เสร็จ ท่านก็ย้ำอีกถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา
ในภายหลัง ว่าให้หยกไปทำแบบพระเจ้าปเสนทิโกศล :fea27916:

แล้วหยกก็พบว่า พี่ป้าน้าอาแถว ๆ บ้านอนุสาวรีย์นั้น ล้วนแต่
เป็นผู้มีเมตตา พากันมาให้กำลังใจหยกใหญ่เลย บางคนก็บอกว่า
"วันละคำเอง" บางคนก็บอกอีกว่า "ค่อย ๆ ทำนะ" และอีก
หลาย ๆ คนก็ให้กำลังใจกันเป็นการใหญ่ ขอบพระคุณค่ะพี่น้อง :875328cc:

แต่พี่น้องค่ะ.. หลังจากนั้นอีก ๒ วัน หยกไปกราบท่านจิตโต
ที่บ้านสบายใจ ท่านบอกว่า ให้รักษาศีล ๘ ค่ะพี่น้อง :onion_beg:
(เมื่อเดือนที่แล้วยังบอกอยู่เลย ว่ากินไปเถอะ อยากกินก็กินไป T^T)

หลังจากใคร่ครวญแล้ว ก็พบว่า ทั้งสององค์ ต่างก็บอกให้หยกรักษาศีล ๘
(อันนี้ไปปรึกษากุ๋ยที่หลังไมค์ กุ๋ยก็บอกว่า แบบนี้เหมือนหลวงพ่อเล็ก
สั่งให้ไปรักษาศีล ๘ ได้แล้ว) เพียงแต่หลวงพ่อเล็กใจดีกว่านิดหนึ่ง
ตรงที่ให้หยกค่อย ๆ อดวันละ ๑ คำ :a471739513as2:

หลังจากนี้นะคะพี่น้อง ใครเห็นหยกกินอะไรหลังบ่ายสอง ช่วยเดินมา
"โบก" หัว (ศัพท์วัยรุ่นน่ะค่ะ แหะ แหะ) เตือนสติด้วยนะคะ
("เอิ่ม.." แต่ช่วยเบา ๆ มือหน่อยนะคะพี่น้อง :875328cc:)

ประกาศมันกลางกระทู้นี่ล่ะ (วะ) จะได้อาย ๆ ถ้ากลับไปกินข้าวเย็น :fea27916:

ตัวแสบจำเป็น 22-07-2009 13:04

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลูกอิน (โพสต์ 12515)
สวัสดีค่ะคุณหยก คือลูกอินก็มีกรรมเป็นคนอ้วนเหมือนกัน และเมื่อปฏิบัติธรรมไประลึกถึงหลวงพ่อจรัญ ก็เห็นกรรมตัวเองคือเคยไปใส่ยาพิษในอาหารให้คนเขาทานแล้วตาย เรากินอะไรก็เป็นพิษกับเรา แต่เมื่อเจ้ากรรมปล่อยเวรกรรมแล้ว ยังมีกรรมต่อเนื่องอีกคือเคยเกิดเป็นหมอทำแท้ง และเอาเขาไปทำลูกกรอก กุมารทอง ก็เลยเป็นอาการบวมทั้งตัว และเมื่อไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท ๒ หมอบอกว่าเรามีแต่น้ำเยอะมาก หมอก็แนะนำให้ปรึกษานักโภชนาการนะค่ะ คุณหยก ลองทานอาหารแบบลูกอินไหมค่ะคือ
๑ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มมี

คุณลูกอินยังเขียนไม่ครบใช่ไหมคะ? ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ
เรื่องอ้วน ๆ นี่ หยกปลงไปนานแล้วค่ะ :a47173957fi0:

เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคมที่ผ่านมา ไปวัดพระนอนจักรสีห์ เพื่อร่วมถวายทอง
สำหรับติดที่องค์พระนอน (เอ้า! ขาบุญทั้งหลาย.. เชิญโมทนากันค่ะ :d16c4689:)
กับคณะของท่านจิตโต

ในวันนั้น มีพี่ชายท่านหนึ่ง หยกได้ทักพี่เขาว่า
"ผอมลงนะนี่ ไปทำอะไรมา?"

พี่ชายท่านนั้นก็ตอบมาว่า
"ไม่สบาย"

หยกก็บ่น ๆ กับน้องว่า กลับบ้านไปเป็นไข้บ้างดีกว่า เผื่อจะผอม
(ฮ่า ๆ คิดได้อีก เรื่องแบบนี้ :154218d4:)

หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้ยินท่านจิตโตถามว่า
"หิวไหม? หิวกันหรือยังล่ะ?" (นี่ท่านถามทุกคนที่ไปนั่งนะคะ ไม่ใช่ถามหยกโดยเฉพาะ)
"คุยกันอีกหน่อยนะ" ท่านพูดต่อ
"เดี๋ยวค่อยไปกินนะ กินให้อร่อย" (ก็ "อะ-หย่อย" นั่นแหละค่ะ :55318906:)
"กิน ๆ ไปเถอะนะ กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย อ้วนก็ตาย ไม่อ้วนก็ตาย
สวยก็ตาย ไม่สวยก็ตาย หิวก็กินไปเถอะนะ" :onion_emoticons-18:

คิดดูสิคะ แอบคุยท่านยังรู้อีก ว่าคุยแบบนี้ แถมยังย้ำด้วยว่า
กินไปเถอะ! ขันธ์ ๕ นี่ ไม่ต้องไปสนใจมันมากหรอก เดี๋ยวก็ตายแล้ว
ถึงอย่างไร ชาตินี้ก็เป็นชาติสุดท้ายของเราแล้ว ขันธ์ ๕ นี่ ไม่ต้องสน
เมื่อท่านยืนยันแบบนี้แล้ว หยกคงต้องปลงใจแล้วค่ะ ว่าช่างเถิด
เอาแค่มันไม่เป็นภาระในการมีชีวิตอยู่ของเรามากก็พอ

ถ้าใครไปบ้านสบายใจทุกเดือน คงจะเข้าใจหยกดี :onion_beg:

หลังจากที่ท่านจิตโตเทศน์เรื่องอาหาเรฯ เมื่อคราวนั้น ท่านก็จะ
"อะ-หย่อย" ออกไมค์ทุกเดือน ๆ ที่เราไปกัน จนมีบางคนถึงกับ
ออกปากถามหยกว่า ทำเรื่อง "อาหาเรฯ" ไปถึงไหนแล้ว :onion_emoticons-18:

ไม่อยากจะบอกว่า หยกก็ทำถึงตรง "อะ-หย่อย" อย่างไรเล่าคะ ๕๕
ก็ในเมื่อท่านบอกว่า ให้คิดเสมอว่า กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย
เราก็เอาแค่นั้น กิน ๆ ๆ เข้าไป ชาติสุดท้ายแล้ว กินไปเถิด..

ป้านุช 22-07-2009 14:03

อ่านแล้วคิดถึงที่หลวงตาวัชรชัยท่านเทศน์ให้ฟัง ที่โรงหล่อพรหมรังสี

"เอาจิตเราไปข้างบนอยู่กับสมเด็จพ่อนะ สองมือเราจับเท้าพ่อไว้ อ๊อกติดเลยก็ได้ (หัวเราะ)
แล้วสองเท้าของเราก็เกี่ยวไอ้ตัวเรา(ขันธ์ ๕ ) ไว้ พอเราตาย เราก็ปล่อยมันลงไป แต่เราไปอยู่กับสมเด็จพ่อนะ"

คุณ๓ 06-04-2010 14:59

อ่านแล้ว.. รู้สึกขอบใจ
ขอบใจนะ..ที่ทำให้เรารู้ทุกข์จากขันธ์
ขอบใจนะ..ที่ทำให้เราเข้าใจว่าขันธ์พร้อมแรงกรรมทำหน้าที่ได้ดียิ่ง
ขอบใจนะ..ที่ทำให้เราแตกต่างกับคนอื่นเฉพาะขันธ์ แต่หาใช่ที่ใจไม่

ขอบใจนะ.. ขอบใจ

ชนินทร 25-04-2011 16:53

กราบโมทนากับทุกคำสอนของครูบาอาจารย์ทุกท่านเจ้าค่ะ...

ขอบพระคุณคุณหยก และผู้ร่วมกระทู้ทุกท่านด้วยค่ะ... คุณหยกและทุกท่านเขียนได้สนุกมากเลยค่ะ... และมีสาระมาก ๆ ด้วย... ^___^

กราบโมทนากับความตั้งใจในการสร้างบารมีและตั้งใจที่จะเกิดเป็นชาติสุดท้ายด้วยค่ะ คุณหยกและทุก ๆ ท่าน...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:37


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว