กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ใต้ฟ้าอิระวดี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=42)
-   -   ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1842)

คิมหันต์ 19-05-2010 14:42

ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๖
 
1 Attachment(s)
ไอ้รถถังยกพลบุกทั้งคืน พลิกตัวทีถึงเลิกกัดที พอนอนนิ่ง ๆ ครู่เดียว มันก็ฉวยโอกาสลุยอีก การนอนเตียงเป็นทุกขลาภไปได้ คนอื่นนอนพื้นไม่โดนกัด อาตมาขึ้นมานอนบนบ้านของมัน เจ้าของบ้านที่ดีย่อมต้องต้อนรับหนักหน่อยเป็นธรรมดา ขยับตัวบ่อย ๆ ก็เกรงใจคนอื่น เพราะเตียงมันลั่นเอี๊ยด ๆ น่ารำคาญหยอกใครซะเมื่อไร...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274332723
พิธีสรงน้ำพระพักตร์หลวงพ่อพระมหามุนี จะมีตอนตีสี่ครึ่งของทุกวัน

ย่องออกมาที่มณฑปหลวงพ่อพระมหามุนีตั้งแต่ตีสาม ประตูกี่บานต่อกี่บานมันปิดล็อกซะหมด แต่ไม่มีปัญหาสำหรับอาตมา(อดีตลูกขุนแผน) ย่องเข้าไปจนถึงหน้ามณฑปช่วงใน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าซึ่งมีที่พักอยู่ที่นี่เริ่มเปิดร้าน มีทั้งดอกไม้ ธูปเทียน และอาหารสำหรับถวายเป็นพุทธบูชา...

เจ้าหน้าที่ของวัดยืนอยู่ ๒ – ๓ คน ทุกคนทำหน้าประหลาดใจที่เห็นอาตมาเข้ามาได้ แต่เจ้าหน้าที่เขาเฉย ๆ ไม่ได้มาสอบถามอะไร อาตมาก็ปล่อยเลยตามเลย ยืนอยู่ข้างประตูน้อมจิตกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เห็นสมเด็จพระพุทธสิขีทศพลที่ ๑ เสด็จลงมาประทับนั่งซ้อนกับองค์ของหลวงพ่อพระมหามุนี ตรัสถามด้วยพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ว่า “ต้องการอะไรหรือลูก ?

คิมหันต์ 20-05-2010 12:26

1 Attachment(s)
อาตมาน้อมกราบลงแทบพระบาทด้วยความปีติยินดีเหลือที่จะกล่าว นี่เป็นครั้งแรกที่สมเด็จองค์ปฐมเสด็จมาด้วยพระองค์เอง กราบทูลว่า “เกล้ากระผมประสงค์จะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหามุนีอย่างใกล้ชิด และร่วมพิธีสรงน้ำพระพักตร์ด้วย ขอได้โปรดเมตตาด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า...” พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ ตรัสว่า “ได้ซิลูก...

น้อมจิตกราบลงแทบพระบาทในพระมหากรุณาธิคุณ รู้สึกว่ามีมือมาสะกิดที่บ่า หันมาพบเจ้าหน้าที่ร่างสูงใหญ่ล่ำสันกินหมากปากแดง ถามเป็นภาษาพม่า อาตมาตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “อาตมาเป็นพระไทย มากราบหลวงพ่อพระมหามุนีจ้ะ...” หนุ่มร่างยักษ์บอกเป็นภาษาไทยตะกุกตะกักว่า “ผมพอพูดไทยได้ครับ...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274428057
ผู้คนมาถวายสักการบูชาหลวงพ่อพระมหามุนีกันแน่นขนัดทุกเช้า

สอบถามดูทราบว่าชื่อ “อาไข่” เคยไปทำงานอยู่เมืองไทยมาสามปี อาตมาถามว่าจะเข้าไปกราบหลวงพ่อพระมหามุนีถึงด้านใน และถ่ายรูปพิธีสรงน้ำพระพักตร์จะได้หรือไม่ ? อาไข่บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการให้ แล้วขอตัวไปจัดตั้งคนโท ขันน้ำ สำหรับคนที่ทยอยกันมาได้ใส่น้ำหอมสำหรับสรงพระพักตร์ ประดับดอกไม้และไฟกระพริบอย่างสวยงาม...

พอเขาเปิดประตูออกเท่านั้น ญาติโยมที่มาอออยู่ก็เฮละโลกันเข้ามาแน่นไปทั้งวิหาร บ้างกราบไหว้ บ้างสวดมนต์ บ้างเอาดอกไม้ ถวายใส่ถาด บ้างเทน้ำหอมลงในขันที่เขาเตรียมเอาไว้ บ้างก็ซื้ออาหารมาอธิษฐานเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อเสียงระฆังดังระรัวขึ้น พระมหาเถระรูปหนึ่งเดินนำพราหมณ์ชุดขาวแปดท่าน มาพร้อมเครื่องมือสรงพระพักตร์...


คิมหันต์ 21-05-2010 21:44

1 Attachment(s)
อาไข่เปิดประตูชั้นในสุดออกให้อูปัญญาวังสะ พระมหาเถระผู้ทำหน้าที่ชำระพระพักตร์และพราหมณ์ทั้งแปดเข้าไป พร้อมกับดึงแขนอาตมาส่งตามเข้าไปด้วย โดยที่ตัวเองยืนเป็นนายประตู บอกกับอาตมาทั้งที่หันหลังให้ว่า “ถ่ายรูปได้ตามสบายนะครับ...” อาตมาเห็นป้ายภาษาอังกฤษที่เขียนว่า “นักท่องเที่ยวจ่ายคนละ ๖ ดอลล่าร์ กล้องถ่ายรูปอันละ ๕ ดอลล่าร์” แล้วก็ได้แต่ยืนงง...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274453073
พราหมณ์ทั้งแปดช่วยกันตั้งนั่งร้านเตรียมไว้สำหรับทำการสรงพระพักตร์

พราหมณ์ทั้งแปดช่วยกันตั้งนั่งร้านเตรียมไว้สำหรับทำการสรงพระพักตร์ รับน้ำหอมสำหรับสรงพระพักตร์ และนำผ้าสำหรับเช็ดพระพักตร์ที่ชาวบ้านถวายมาเป็นตั้ง ๆ เข้ามาข้างใน อาตมาเลี่ยงไปมุมที่ไม่เกะกะการทำงานของเขา กราบหลวงพ่อพระมหามุนีอย่างใกล้ชิด พอเข้ามาถึงด้านใน จึงเห็นชัดว่าองค์ท่านใหญ่โตเพียงไร ทั้งองค์ปิดทองทับซ้อนกันจนเป็นตะปุ่มตะป่ำ จับไปตรงไหนก็นิ่มไปหมด...

คิมหันต์ 22-05-2010 21:18

2 Attachment(s)
กราบถวายบูชาสวดอิติปิโส ๓ จบ เจ้าหน้าที่เขาเอาผ้าแพรผืนใหญ่ห่มคลุมองค์หลวงพ่อ ตั้งนั่งร้านเอาแผ่นเหล็กพาดผ่านพระเพลา ให้อูปัญญาวังสะที่ยืนสวดมนต์ทรงอารมณ์อยู่ ได้ปีนขึ้นไปเพื่อทำพิธีสรงน้ำ อาตมาฉวยโอกาสตามขึ้นไปด้วย พราหมณ์ทั้งแปดไม่ได้ว่าอะไร แต่ชาวบ้านทั้งชายหญิงมองด้วยความอัศจรรย์ใจว่า พระรูปนี้เป็นใคร ? มาจากไหน ..!?
ท่านนาวินคงเห็นอาตมาตอนนี้เอง แหวกคลื่นมหาชนตรงเข้ามา พออาตมาโบกมือเรียก เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยเข้ามาทันที แต่ท่านพร ท่านกุสะละ ท่านกุมาระ และคนอื่น ๆ นั้น เขาไม่ให้เข้า ท่านนาวินเข้ามากราบพระบนฐานชุกชี ตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว พร่ำพูดแต่ว่า “ท่านอาจารย์บารมีดีเหลือเกิน ผมเองยังไม่เคยได้เข้าถึงด้านในนี่เลย..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274538405 http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274538405
หลวงปู่ปัญญาวังสะทำหน้าที่สรงพระพักตร์มา ๓๐ ปีเศษแล้ว

เสียงระฆังสัญญาณดังขึ้นอีกชุด อูปัญญาวังสะหยิบเอากระบอกน้ำหอม ฉีดจนทั่วพระพักตร์อันใหญ่โตของหลวงพ่อพระมหามุนี พลางสวดมนต์เสียงดังไปด้วย ท่ามกลางเสียงสาธุการของฝูงชนที่กระหึ่มก้องไปทั้งวิหาร เจ้าหน้าที่พราหมณ์ทั้งแปด นอกจากจะช่วยกันระวังนั่งร้าน และส่งของให้อูปัญญาวังสะแล้ว ยังแนะนำมุมที่จะถ่ายรูปได้ดี ๆ แก่อาตมาด้วย...

คิมหันต์ 23-05-2010 22:35

2 Attachment(s)
เมื่อฉีดน้ำหอมทั่วพระพักตร์แล้ว ก็มีการชำระพระทนต์ก่อน ไม้สีพระทนต์ทำด้วยทองคำแท้ เส้นผ่าศูนย์กลางเกือบนิ้ว ยาวเป็นคืบ ฝังอัญมณีแพรวพราวทั้งอัน อาตมาดูอยู่ใกล้ชิดเพิ่งสังเกตว่า พระมหามงกุฎของหลวงพ่อพระมหามุนี ฝังเพชรพลอยเต็มจนไม่มีที่ว่าง ภายในห้องวิหารทั้งห้องเขาบุทองคำ ประดับอัญมณีทั่วไปหมด..!

เสร็จจากชำระพระทนต์แล้ว อูปัญญาวังสะใช้ฟองน้ำชุบน้ำหอมในขันทองคำที่ชาวบ้านเทรวมกัน เช็ดพระพักตร์หลวงพ่อ ที่เป็นขวดก็ใช้วิธีฉีดโดยตรงเลย มิน่าว่าเขาต้องห่มผ้าองค์หลวงพ่อก่อน เพราะน้ำหอมเมื่อมาก ๆ เข้าก็ไหลนองไปหมด อูปัญญาวังสะเองก็เปียกโชกไปทั้งตัว และปล่อยแห้งไปเอง วันรุ่งขึ้นก็ครองผ้าผืนเดิมมาทำพิธีใหม่...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274629194 http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274629194
สรงพระพักตร์เสร็จแล้ว มีการถวายข้าวพระและประโคมดนตรี

จากนั้นผ้าซับพระพักตร์เป็นตั้ง ๆ ถูกส่งขึ้นไป อูปัญญาวังสะหยิบเอาไปลูบเป็นพิธี แล้วส่งคืนแก่เจ้าของเดิมเอาไปบูชา เหลือเพียงผืนท้าย ๆ เท่านั้น ที่เช็ดถูแบบจริงจังและละเอียดลออ เสร็จแล้วเอาพัดโบกให้แห้งสะอาดจริง ๆ อีกที อาตมาถ่ายภาพพิธีการไปทุกขั้นตอนแบบไม่ต้องกลัวฟิล์มหมด มีโอกาสแล้วต้องเอาให้คุ้ม..!

สุดท้ายเป็นการปิดทองถวายเป็นพุทธบูชา “อูมิ้ว” พราหมณ์อาวุโส พาอาตมาไปซื้อทองคำเปลวแท้ที่ร้านหลังมณฑป ๕ แผ่น ๑๕๐ จั๊ต กลับเข้ามาพอดีเขาเก็บนั่งร้าน และผ้าห่มองค์พระเสร็จ พร้อมกับเอาผ้ากำมะหยี่ที่คลุมปิดพระอุระและพระเพลาออกด้วย ช่องที่โดนเจาะเขาอุดเรียบร้อยแล้ว เสียงชาวบ้านสาธุการดังกระหึ่มจนอาตมาขนลุกไปทั้งตัว บางคนดีใจจนน้ำตาไหลพราก ๆ..!

คิมหันต์ 24-05-2010 16:51

1 Attachment(s)
ตั้งแต่โดนเจาะพระอุระไปเมื่อปีที่แล้ว เขาก็เอาผ้าปิดมาตลอด เหมือนกับพ่ออันเป็นที่รัก ที่เป็นขวัญและกำลังใจของลูก ๆ ทั้งประเทศมาป่วยหนัก บัดนี้เขาเอาผ้าออกคล้ายกับว่าท่านหายป่วย กลับมาเป็นมิ่งขวัญของลูก ๆ ตามเดิมแล้ว ทุกคนย่อมต้องดีใจมากเป็นธรรมดา อาตมาที่เข้ามาอยู่ในบรรยากาศนี้ พลอยปีติตื้นตันไปด้วย...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274764889
ปิดทองถวายเป็นพุทธบูชา ผลบุญนี้จงถึงแก่ผู้อ่านทุกท่านด้วยเถิด..!

กราบอธิษฐานปิดทองที่พระอุระ พระหัตถ์ซ้ายขวา พระบาทซ้ายขวา พอดีทองหมด อาไข่พาอาตมาและคณะหลบผู้คนเข้าไปที่โต๊ะทำงาน เอาน้ำหอมที่สรงพระพักตร์หลวงพ่อมามอบให้เป็นแกลลอน...ปากก็พร่ำว่า “present…present” อ๋อ..เขาถวายเป็นของขวัญยามพบหน้า ท่ามกลางความอิจฉาและเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งของผู้พบเห็นทั่วไป ซึ่งได้แต่ประหลาดใจว่า พวกนี้เป็นใครกันแน่ ?

คิมหันต์ 25-05-2010 19:05

1 Attachment(s)
ทั้งอูมิ้วและอาไข่ถามว่า อาตมามีพระแก้วมรกตติดมาบ้างหรือไม่? เขาอยากได้ไว้บูชา เพราะทั้งพระแก้วมรกตและพระมหามุนี เป็นพระพี่พระน้องกัน ประวัติการสร้างไล่เลี่ยกัน มีปาฏิหาริย์คล้ายคลึงกัน เป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่งของประชาชนทั้งสองประเทศเช่นเดียวกัน อาตมาสัญญาอย่างแข็งขันว่า โอกาสหน้าจะเอามาฝากอย่างแน่นอน...

ร่ำลากันดิบดีแล้วยกขบวนกลับไปที่รถ อาตมาบอกทุกคนให้หาภาชนะมาแบ่งน้ำสรงพระพักตร์ไปตามใจชอบ วินจีดึงแขนท่านนาวินไปมุมหนึ่ง ปรึกษาหารืออะไรกันอย่างเคร่งเครียดพักใหญ่ เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ไปกราบลาหลวงปู่ชฏิละเจ้าอาวาส จากนั้นออกเดินทางไปฉันเช้าที่หน้าวัดเขามัณฑะเลย์ เกิดการวงแตกขึ้นมาตอนนี้เอง...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274844724
ยอดเขามัณฑะเลย์ ร้านอาหารที่เข้าไปฉันเช้าอยู่ทางขวามือ

อาตมา ท่านนาวิน ท่านพร นั่งโต๊ะหนึ่ง ท่านกุสะละ ท่านกุมาระ และวินจีนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง เมื่ออาตมาถาม ท่านนาวินจึงสารภาพว่า เมื่อกี้นี้วินจีมาล็อบบี้ขอเงินคืน บอกว่ามาตอนแรกไม่ได้บอกว่าต้องเสียเงิน มาเก็บกันกลางทางแบบนี้เขาไม่เห็นด้วย ท่านนาวินยอมคืนให้ครึ่งหนึ่ง บอกว่าเหลือเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นค่าอาหาร รู้สึกว่าเขาจะไม่พอใจจึงแยกวง...

อีแบบนี้ซิน่า จะว่าไปแล้วอาตมาก็ไม่ได้เชิญใครสักคนเลยนี่หว่า..! ล้วนแล้วแต่เป็นความกะล่อนของนายเกลี้ยงแกทั้งนั้น เที่ยวไปบอกคนโน้นคนนี้ให้ไปด้วย อย่างกับตัวเองเป็นเจ้ามืออย่างนั้นแหละ อยากจะไปทีครึ่งค่อนเดือนซะด้วย มาตอนนี้ช่วยออกค่าใช้จ่ายขึ้นมาหน่อยดันมางอแง ไอ้คนลักษณะแบบนี้มันคบไม่ได้ตามโบราณว่าจริง ๆ..!

คิมหันต์ 26-05-2010 23:54

1 Attachment(s)
บอกท่านนาวินว่าคืนเงินเขาไปให้หมด เราไปได้แค่ไหนเอาแค่นั้นก็แล้วกัน ท่านนาวินหัวเราะบอกว่า นาน ๆ จะแคะอ้อยออกจากปากช้างได้สักที เรื่องอะไรจะคืนให้โง่..! ตั้งแปดพันจั๊ต เป็นค่ารถค่าน้ำมันฉุกเฉินได้ตั้งเป็นวัน ถ้าใครมาทวงคืนซ้ำอีก จะไล่ให้กลับเองซะเลย ดูซิว่าจะมีใครยอมกลับเองบ้าง..!

ว่าอะไรว่าตามกันถึงจะไปกันได้นาน แต่รู้สึกกินใจแปลก ๆ พิกล ทีเราจ่ายเท่าไรเท่ากันเขาไม่เคยคิด พอต้องจ่ายเองบ้างพ่อคิดละเอียดยิบเชียว ท่านนาวินบอกว่า “เขาอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่มานานกระมัง ? ท่านอาจารย์ใหญ่เวลาให้เงินใครไปทำธุระอะไร จะจ่ายซื้อข้าวของหรือค่ารถเท่าไรไม่ว่า แต่กลับมาต้องคืนครบเท่าที่ให้ไปตอนแรก..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274942298
ปากทางขึ้นยอดเขามัณฑะเลย์ ตรงซุ้มมณฑปเป็นที่ซึ่งคุณคนสวยขายตั๋ว

แล้วไอ้แบบอย่างดี ๆ ทำไมเขาไม่จำมาใช้บ้างวะ..? มีเรื่องหนักสมองเข้าอาหารเลยไม่เป็นสับปะรด โต๊ะข้าง ๆ เป็นหญิงสาวสวยแต่งตัวแบบพม่าเต็มยศนั่งดื่มน้ำชาอยู่ นึกว่าเธอจะแต่งตัวเต็มที่ขนาดนี้ไปทำอะไร? พอดีเธอจ่ายเงินเรียบร้อย ลุกขึ้นหยิบมงกุฎจากถุงข้างตัวมาสวม แล้วนวยนาดไปประจำร้านที่ปากประตูวัด..!

ที่แท้เป็นนางงามของพม่าเขานี่เอง คงมาช่วยขายบัตรผ่านประตูการกุศล พม่าเขาชอบสาวหุ่นบึ้ก ๆ แบบเดียวกับอาตมาเลย พวกผอมเพรียวหุ่นนางแบบมาหากินที่นี่ไม่ได้หรอก เสียดายที่ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปเอาไว้ เพราะมันไม่น่าดู พระใช้กล้องคนก็เขม่นจะแย่อยู่แล้ว ขืนไปถ่ายรูปสาว ๆ เข้าด้วย เดี๋ยวก็โดนประชาทัณฑ์เท่านั้นเอง..!

คิมหันต์ 27-05-2010 22:08

1 Attachment(s)
โซยุนท์พาปู่เขียววิ่งสั่นงั่ก ๆ ขึ้นบนยอดเขา แม้ทางจะสูงชันและมีโค้งที่หักข้อศอกกลับหลังก็ตาม ปู่เขียวแกซิ่งผ่านได้ทุกโค้งซิน่า..! อากาศบนยอดเขาเย็นสะท้านกาย เห็นแต่หมอกขาวคลุมไปทั้งเมืองมัณฑะเลย์ ตั้งใจจะขึ้นมาดูวิวของตัวเมือง กลับไม่ได้เห็นอะไร อาตมาแยกไปซ้ายมือหามุมถ่ายรูป คนอื่นเขาขึ้นบันไดไปทางขวา...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1274972818
วัดเขามัณฑะเลย์ มุมนี้หาดูได้ยาก เพราะระเห็จขึ้นไปถ่ายบนยอดมณฑป..!

บนยอดเขานี้ทั้งหมดสร้างเป็นวัด ด้วยความสามารถของอูคันตี (ท่านขันติ) ซึ่งเป็นฤๅษีไม่ใช่พระ (ทางพม่านับถือฤๅษีกันมาก) วัดเขามัณฑะเลย์มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต คิดเป็นเงินไม่หนี ๒๐ ล้านบาทไทยเป็นอย่างต่ำ และท่านไม่ได้สร้างแค่วัดนี้วัดเดียว มีอีกหลายวัดที่ท่านสร้าง สัญลักษณ์ว่าเป็นวัดของอูคันตีคือ สิ่งก่อสร้างจะเป็นโครงเหล็กแทบทั้งนั้น

คิมหันต์ 29-05-2010 22:54

2 Attachment(s)
ตามเขามากราบพระเจดีย์คู่บนยอดสุดของเนินเขา นอกจากพระประธานขนาดใหญ่ทั้งสี่ทิศแล้ว ยังมีรูปหล่อโลหะเท่าองค์จริงของท่านอูคันตี และรูปปั้นงูเห่ายักษ์ ๒ ตัว ที่มาอยู่กับท่านอูคันตีสมัยสร้างวัดยังไม่เสร็จ ชาวบ้านกลัวงูกันมากทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไร อูคันตีเลยบอกให้เขาเข้าป่าไป โดยปั้นรูปเอาไว้แทน...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275200050
รูปปั้นงูเห่ายักษ์บริวารของอูคันตี

เดินลงมาตามทางที่เป็นโครงหลังคาคลุมบันไดยาวเป็นไมล์ ๆ ตามรายทางมีร้านขายของที่ระลึกไปตลอด แค่ทางขึ้นเขาส่วนนี้ก็หมดเป็นสิบล้านแล้วกระมัง..? เดินจนขาอ่อนกว่าจะมาถึงปากทางขึ้นที่คุณนางงามแกขายตั๋วอยู่ โซยุนท์เอารถมารออยู่แล้ว พาพวกเราอ้อมมาชมมหาศาลาอะตูมาชิ (ไร้เทียมทัน) รูปทรงแปลกตามโหฬาร...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275148241
มหาศาลาอะตูมาชิ (ไร้เทียมทัน)

ทรงศาลาลดหลั่นจากใหญ่ขึ้นไปหาเล็ก เสาปิดทองต้นมหึมาเรียงเป็นตับ สมกับชื่อไร้เทียมทานจริง ๆ เพดานเป็นไม้ประดับดาวทองทั้งหลัง มีพระประธานที่ในหลวงพระราชทานมากับกฐินหลวง เมื่อ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ นี่เอง ป้ายยินดีต้อนรับเป็นภาษาไทยยังติดอยู่เลย เพียงแต่เขียนชื่อวัดเขาผิดไปเท่านั้น...

คิมหันต์ 30-05-2010 13:23

2 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275276546
พระตำหนักชุยนานดอ (สุวรรณมเหสี)

ไม่ไกลกันนักเป็นวัดชุยนานดอ (สุวรรณมเหสี) ศาลาไม้แกะสลักของวัดนี้ ทำเอาอาตมาสติแตกไปเลย..! เป็นไม้สลักทั้งหลังด้วยฝีมือช่างระดับบรมครูอย่างแท้จริง ลายไม้ทุกชิ้นแทบจะพลิ้วตามลม..! ประวัติว่าเป็นที่ประทับเก่าของพระเจ้ามินดง ถวายวัดมาเพื่อเป็นพุทธบูชา ทั้งข้างนอกข้างในแกะสลักแทบทุกตารางนิ้ว..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275200602
หอประชุมมหาวิทยาลัยสงฆ์มัณฑะเลย์

ข้ามถนนไปเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์มัณฑะเลย์ สิ่งก่อสร้างใหญ่โตโอฬาริก เกิดจากเงินทุนที่รัฐบาลไทยช่วยมา ท่านนาวินลงไปหาท่านมุนิวะระ เพื่อนกันที่เป็นอาจารย์สอนบาลีอยู่ที่นี่ เนื่องจากเป็นเวลาที่พระนักศึกษากำลังเข้าห้องเรียนอยู่ และเขามีนักศึกษาถึงสามพันรูปเศษ ทำให้หากันไม่พบ เพียงแต่ทราบจากพระที่อยู่นอกห้องเรียนว่า ท่านเป็นถึงหัวหน้าคณะเรียนด้วย..

คิมหันต์ 31-05-2010 22:48

2 Attachment(s)
เลี้ยวกลับมาใจกลางเมืองเพื่อเข้าชมพระราชวังมัณฑะเลย์ ขนาดใหญ่โตแค่ไหนบอกไม่ถูก เห็นแค่คูเมืองยาวด้านละ ๒ ไมล์ รวมเป็นพื้นที่ ๔ ตารางไมล์ ก็หายบ้าแล้ว..! บนกำแพงเมืองเป็นหอรบเรียงรายอยู่เป็นระยะ รถของเรามาติดอยู่ที่กองรักษาการณ์ของทหารตรงปากทางเข้าพระราชวัง เจอแต่ทหารเด็ก ๆ มาเยอะ คราวนี้เป็นปู่ทหารผมขาวทั้งหัว ดูแปลกตาพิกล...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275321846
คูเมืองรอบพระราชวังมัณฑะเลย์ ยาวด้านละ ๒ ไมล์

คุณปู่แกซักละเอียดยิบ แทบจะเอาต้นตระกูลสิบแปดชั่วคนเลย ก่อนจะให้ลงลายเซ็นและยึดใบขับขี่เอาไว้เป็นประกัน พร้อมกับให้ม้วนธงฉัพพรรณรังสีเก็บไว้ด้วย เพราะแกเกรงว่าเจ้านายจะว่าเอา ที่ปล่อยนักแสวงบุญเข้ามาเพ่นพ่านข้างใน รถวิ่งเข้าด้านในแล้วเลี้ยวขวาเลียบเลาะไปตามทาง ที่แต่เดิมเป็นเส้นทางของราชรถ เขตด้านนอกที่เคยเป็นบ้านเรือนของข้าราชบริพาร กลายเป็นค่ายทหารไปหมดแล้ว...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275321846
พระราชมณเฑียรทอง ในพระราชวังมัณฑะเลย์

พระราชมณเฑียรทองตระหง่านงามอวดสายตาอยู่เบื้องหน้า แต่ว่า...พลังลึกลับบางอย่างกดดันจนอาตมาแทบถอยหลัง เขาไม่ยินดีต้อนรับเราเลยนี่หว่า..! จากสัมผัสบอกได้ถึงความเกลียดชัง ไม่ไว้วางใจด้วยประการทั้งปวง ไปที่ไหน ๆ ไม่เคยเป็นแบบนี้ นี่เขายังติดอยู่กับสัญญาเก่าไม่รู้จักเลิกรากันเลยหรือไร..!?

คิมหันต์ 01-06-2010 18:49

1 Attachment(s)
กำหนดจิตบอกกับเขาว่าเรามาดี ไม่ได้มารุกรานอะไรกันอีกแล้ว ที่ผ่านมาต่างคนต่างเคยสร้างเวรสร้างกรรมต่อกันมา จึงต้องมาทุกข์ยากลำบากกันจนถึงชาตินี้ เราแค่ขอเข้าไปชมสถานที่เป็นขวัญตาเท่านั้นเอง กระนั้นก็ดี พลังงานลึกลับก็ยังบีบรัดอยู่รอบกาย ดูท่าไม่อยากให้เราเข้าไปแต่ห้ามไม่อยู่ จึงตามประกบแจชนิดไม่ให้คลาดสายตากันเลย..!

ในตัวปราสาทมีรูปปั้นประทับบนพระที่นั่งของพระเจ้ามินดง กับพระนางสัจจาเทวี ด้านในเป็นรูปปั้นของพระเจ้าธีบอ กับพระนางศุภยลัต มีพระแท่นสำหรับออกว่าราชการอยู่ในตำหนักหลัง ด้านข้างมีหอสูงเป็นบันไดเวียนขึ้นไป สามารถมองเห็นบริเวณพระราชวังทั้งหมด ด้านหลังเป็นหมู่พระราชฐานชั้นใน มีตำหนักพระมเหสีและเจ้าจอมต่าง ๆ...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275471303
รูปหมู่พระตำหนักภายในพระราชฐานชั้นใน ถ่ายจากบนหอคอย

พระตำหนักทั้งหมดสร้างขึ้นจากไม้ทั้งสิ้น เคยเป็นที่ทำการป้อมดัฟเฟอรินในสมัยที่อังกฤษยึดพม่า มาถูกเผาทำลายหมดสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้น รัฐบาลเขาสร้างขึ้นมาใหม่จากต้นแบบที่อังกฤษทำจำลองเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีให้เห็นว่า ที่มั่นสุดท้ายของราชวงศ์พม่านั้นหน้าตาเป็นอย่างไร...

คิมหันต์ 02-06-2010 21:28

1 Attachment(s)
ความจริงฝีมือช่างของเขาไม่เลวทีเดียว แต่ไปเห็นพระตำหนักที่วัดชุยนานดอมาแล้ว ศิลปะไม้แกะสลักที่นี่เลยจืดชืดไปโดยปริยาย เหมือนกับสมเด็จพระสังฆราช ย่อมมีสง่าราศีต่างจากพระบวชใหม่นั่นเอง กระนั้นก็ดี ยังมีสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นให้จนได้ในพื้นที่ช่วงหลัง ที่เขาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275665156
ราชรถราชยานแบบต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์พระราชวังมัณฑะเลย์

พวกยวดยานคานหาม หรือวอสีวิกากาญจน์ เครื่องทรงเครื่องแบบของพระราชวงศ์ ตลอดจนอำมาตย์ราชบริพาร ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นหรอก มาอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งกับบารมีของผู้ที่เป็นพระมหากษัตริย์ กว่าจะเกิดมาเป็นได้ขนาดนี้ย่อมสร้างสมบุญกุศลมามหาศาล สิ่งของที่สมควรแต่บุญบารมีจึงจะเกิดขึ้นสนองบุญที่ได้สร้างมา...

คิมหันต์ 03-06-2010 21:55

1 Attachment(s)
จะว่าไปแล้ว พระเจ้าธีบอกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ในความรู้สึกของชาวพม่านั้น ก็คงเหมือนกับพระเจ้าเอกทัศน์ในความรู้สึกของคนไทยนั่นเอง คือได้รับความเคารพจากคนทั่วไปน้อยมาก ขนาดนั้นก็ตาม เมื่ออาตมาได้เห็นพระแท่นบรรทมที่แกะสลักจากแก้วผลึกทั้งหลัง ก็ยังถึงกับอึ้ง และรู้สึกถึงบุญบารมีของพระองค์ขึ้นมาครามครัน...

สมัยของพระเจ้ามินดงต่อด้วยพระเจ้าธีบอ ตกอยู่สมัยรัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ ของไทย สมัยนั้นเทคโนโลยีทางการหลอมแก้วผลึก ยังไม่สามารถที่จะสร้างแก้วผลึกขึ้นมาขนาดมโหฬาร จนแกะเป็นพระแท่นบรรทมทั้งหลังได้อย่างแน่นอน นอกจากวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วยบุญบารมีของคนเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่า บารมีไม่ถึงคงไม่ได้เป็นพระมหากษัตริย์หรอก..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275665256
พระแท่นบรรทมที่แกะสลักจากแก้วผลึกทั้งหลัง

โดยเฉพาะพระเจ้าธีบอนั้น ไม่ใช่พระองค์ท่านอ่อนแอจนสู้อังกฤษไม่ได้ แต่พระองค์ท่านไม่ยอมสั่งสู้ เพราะกลัวว่าต้องฆ่าเขาต่างหาก..! พระองค์ท่านรักศีลยิ่งกว่าชีวิต แม้แต่เจ้าชายกะเนาว์พระราชบุตร สร้างโรงงานผลิตอาวุธ พระองค์ท่านยังรับสั่งให้เลิก เพราะมันเป็นเครื่องมือส่งเสริมในการฆ่า..!

กลับออกมาด้วยความรู้สึกใหม่ ๆ หลายอย่าง ความอหังการมมังการแทบจะสลายสิ้น รู้สึกเหมือนเป็นกบน้อยในรอยเท้าโคได้ออกสู่ทะเลกว้าง โลกนี้ยังกว้างใหญ่ไพศาล และมีสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีกมากนัก พลังกดดันที่ตามประกบอยู่คลายตัวออก ทำเอาอาตมาแทบจะเดินไม่เป็นเอาเลย มันเสียศูนย์อย่างไรพิกล..!

คิมหันต์ 07-06-2010 19:08

1 Attachment(s)
กลับออกมารับใบขับขี่คืน แล้วย้อนกลับมาที่วัดหลวงพ่อพระมหามุนีอีกครั้ง ท่านนาวินมาหาซื้อพระสีวลีแกะสลักจากไม้จันทน์ให้ทิดจิตร บอกว่าทิดจิตรฝากเงินมา และสั่งนักสั่งหนาว่าต้องหาให้ได้ ท่านเล่นเดินต่อราคาทีละร้าน สุดทางแล้วย้อนกลับมาใหม่ รอบแล้วรอบเล่า จนเจ้าของร้านใจอ่อนยอมลดราคาให้ ถ้าเป็นเมืองไทยคงถูกด่าเละไปแล้ว..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1275976077
พิพิธภัณฑ์วัดหลวงพ่อพระมหามุนี

อาหารกลางวันเป็นแบบตัวใครตัวมันอีกตามเคย เสร็จแล้วเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของวัด มีประวัติการสร้างหลวงพ่อพระมหามุนี การอัญเชิญหลวงพ่อพระมหามุนีจากยะไข่มาจนถึงที่วัดนี้ และพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ที่เก่าแก่และสวยงามเป็นพิเศษ ส่วนด้านนอกมีระฆังเก่า และกังสดาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก รูปหล่อเทวดาและช้างเอราวัณ ที่พระเจ้าบุเรงนองมหาราชยึดมาจากไทย(แต่ไทยยึดมาจากเขมรอีกทีหนึ่ง..!)

คิมหันต์ 08-06-2010 22:10

2 Attachment(s)
กราบลาหลวงพ่อพระมหามุนี หากลูกมีบุญวาสนาพอ คงจะได้กลับมากราบหลวงพ่ออีกวาระหนึ่ง...แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มซึ่งมีป้ายเขียนไว้ว่า “เติมได้ตามใจ” กลายเป็นตามใจมัน ไม่ใช่ตามใจเรา เพราะให้มาแค่ ๓ แกลลอนตามเคย ปู่เขียวต้องวิ่งลัดเลาะไปตามทางแคบ ๆ เพื่อมุ่งไปยังเมืองอมรปุระของมณฑลสะกาย...

อมรปุระเป็นเมืองแฝดติดกับมัณฑะเลย์ ข้างทางมีเครื่องปั้นดินเผากองอยู่เป็นทิวแถว มีถนนสายกระถินณรงค์ด้วย มาถึงปากทางเข้ามณฑลสะกาย เป็นซุ้มประตูมหึมาคร่อมทางข้ามสะพาน ขนาดใหญ่กว่าสะพานพุทธบ้านเราเยอะ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอิระวดี ต้องจ่ายค่าผ่านทางที่หัวสะพาน แล้วเอาใบเสร็จไปให้เขาตรวจที่ท้ายสะพานโน่น...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276009722
พระมหาสถูปเกามูดอ (คุณธรรม) มณฑลสะกาย

รถไปวิ่งถนนด้านขวา รถมาวิ่งถนนด้านซ้าย ตรงกลางเป็นทางรถไฟ มีทหารตรวจตราทั้งบนสะพานและใต้สะพาน เขาห้ามถ่ายรูปและหยุดถ่ายไม่ได้ด้วย จึงไม่มีรูปมาให้ชมกัน ปู่เขียวเลี้ยวซ้ายลอดใต้สะพานรถไฟ ที่เขาทำเหมือนประตูเมืองโบราณ ตรงไปยังพระมหาสถูปที่ตั้งเด่นอยู่กลางเมือง ขนาดใหญ่โตมโหฬารจนมองเห็นไกลเป็นสิบไมล์เลยล่ะ..!

พระมหาสถูปเกามูดอ (คุณธรรม) เป็นทรงโอคว่ำ มีพระประธานทั้งสี่ทิศ ด้านหน้ามีร้านขาย “ทานาคา” ซึ่งเป็นเครื่องสำอางสุดฮิตของพม่า สาว ๆ ตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อยไปจนถึงคุณยายคุณย่า ต่างใช้ผงแป้งที่ฝนจากท่อนไม้ทานาคาทาหน้าแก้สิวแก้ฝ้า และทำให้ใบหน้านุ่มเนียน รู้สึกว่าจะได้ผลเป็นที่อัศจรรย์ เพราะยังไม่เคยเห็นคนพม่าเป็นสิวเลย..!

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276483291
ร้านขายฟืน เอ๊ย..ไม้ทานาคา เครื่องสำอางสุดฮิตของพม่า..!

ตั้งแต่อมรปุระขึ้นไปทางเหนือเป็นแหล่งไม้ทานาคา มีมากจนเขาเอามาทำไม้ตีระฆังเลยเชียว ท่านนาวินตีไปหัวเราะไป บอกว่า “พวกที่หาซื้อยาก ๆ คงแทบร้องไห้ ถ้าได้มาเห็นไม้ระฆังที่นี่...” ที่ร้านของเขาเอามาวางขายเป็นกอง ๆ ท่อนเล็กท่อนใหญ่เหมือนกับร้านขายฟืนก็ไม่ปาน มีเครื่องฝนเป็นหินแกะสลัก รูปร่างคล้ายโม่ขายควบกันไปด้วย...

คิมหันต์ 09-06-2010 21:53

2 Attachment(s)
เดินมาเจอยักษ์สามตนที่เฝ้าอยู่ด้านข้างสถูป แกยิ้มน่ารักดีเป็นบ้า เห็นแล้วต้องยิ้มตอบทันที เป็นรอยยิ้มซื่อ ๆ เด๋อ ๆ "จริงใจ๊...จริงใจ..!" อุทิศส่วนกุศลให้แล้วท่านนาวินยังติดใจ เดินไปคุยไปถึงรอยยิ้มสุดประทับใจของยักษ์ผู้น่ารัก ถ้าเจ้าที่พระราชวังมัณฑะเลย์เป็นแบบยักษ์สามตนนี้ อาตมาคงจะสบายใจขึ้นอีกเยอะ...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276248060
ยักษ์สามตนที่เฝ้าพระมหาสถูปเกามูดอ น่ารักเป็นที่สุด..!

ย้อนกลับมาลอดใต้สะพานรถไฟ ขึ้นไปยังยอดเขาสะกาย ภูเขาลูกนี้ไม่มีบ้านคนเลย มีแต่วัดกับสำนักแม่ชี มองไปทางไหนก็เจอแต่ชุดสีชมพู อายุตั้งแต่ระดับย่าทวดลงมาจนถึงสามขวบห้าขวบ ถ้าเมืองมัณฑะเลย์เป็นเมืองพระ สะกายก็เป็นเมืองแม่ชี แม่ชีของพม่าแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายศึกษาพระปริยัติธรรมจะนุ่งสีหมากสุกห่มสีชมพู ฝ่ายปฏิบัติจะนุ่งห่มสีกรัก (น้ำตาลแก่)...พวกเราตรงไปยังวัดอูมินตงเส่ (สามสิบอุโมงค์) ที่เด่นสง่าอยู่บนยอดเขา...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276095178
วัดอูมินตงเส่ (สามสิบอุโมงค์) บนยอดเขาสะกาย

ที่มาของชื่อวัดเกิดจากการสร้างเป็นอุโมงค์ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป มีช่องทางเข้า ๓๐ ช่อง แต่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๔๕ องค์ ที่ปากทางขึ้นสู่วัด ชาวบ้านเอาเมล็ดกระถินมาร้อยเป็นเครื่องประดับบ้าง ทำเป็นกระเป๋าถือบ้าง กระเป๋าสะพายบ้าง ดูมีคุณค่าน่าใช้สอย นับเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง...

คิมหันต์ 10-06-2010 23:29

3 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276187133
พระประธานวัดซุนอู เชื่อว่ามีเทวดามาถวายข้าวทุกวัน

วัดซุนอู (ข้าวปากหม้อ) มีพระประธานองค์ใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เนื่องจากไม่ว่าใครจะมาถวายข้าวพระพุทธเช้าแค่ไหน ก็จะมีสำรับวางถวายไว้ก่อนเสมอ จนชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของเทวดา พระเจดีย์ของวัดหุ้มทองเหลืองอร่าม พื้นทั่วทั้งวัดปูกระเบื้องทั้งหมด มีตู้บริจาคหล่อจากเหล็กเป็นคางคกตัวมหึมา..!

ต้นนัตปาน(บุปผาเทวดา)จะออกดอกเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น

หยุดพักฉันน้ำอ้อยแล้ว โซยุนท์พาไปชมสะพานไม้สักอูเบน ที่ทอดข้ามทะเลสาบตองตะมาน สะพานนี้สร้างมา ๑๔๖ ปีแล้ว ประกอบขึ้นจากเสาไม้สักขนาดใหญ่นับพัน ๆ ต้น ข้ามจากอมรปุระไปยังเกาะเจ้าดอจี ยังคงเปิดใช้การได้เป็นปกติ ข้างทะเลสาบเป็นต้นไม้ขนาดยักษ์ ที่ปลูกมาในสมัยสร้างสะพาน ชื่อต้นนัตปาน (บุปผาเทวดา) จะออกดอกเฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276187222
สะพานไม้สักอูเบน ข้ามจากอมรปุระไปเกาะเจ้าดอจี

เดินข้ามสะพานไปได้ไม่ถึงครึ่ง อาตมาก็หยุดพักที่ศาลากลางทาง วินจีกำลังเกลี้ยกล่อมท่านนาวินเรื่องอะไรก็ไม่รู้ อาตมาไม่ได้ใส่ใจ จนเดินกลับมาขึ้นรถ ท่านนาวินจึงบอกว่านายเกลี้ยงแกอยากไปตองยี เมืองหลวงของรัฐฉาน (ไทยใหญ่) ซึ่งมีสถานที่สำคัญที่น่าไปหลายแห่ง โดยเฉพาะวัดผ่องต่ออู พยายามตะล่อมท่านนาวินมากล่อมอาตมาให้ไปให้ได้ เขาจะพูดให้โซยุนท์ยอมวิ่งฟรีให้หนึ่งวัน...อ้ายเปรต..แล้วค่าน้ำมันใครจ่ายวะ..!?

คิมหันต์ 15-06-2010 22:09

2 Attachment(s)
เลาะผ่านหน้าสำนักมหากันตะยง ซึ่งเป็นสำนักเรียนของพระที่มีชื่อเสียงที่สุด บรรดาบัณฑิตพระที่มีชื่อเสียง ล้วนแต่ไปจากสำนักนี้แทบทั้งนั้น ท่านอังกุระก็จบธัมมะจริยะจากที่นี่ ตำราเรียนบาลีของพม่าร้อยละเก้าสิบมาจากสำนักนี้ มีพระไทยมาเรียนที่นี่ทุกปี เวลาของเราไม่พอ อาตมาจึงให้ผ่านไปเฉย ๆ เอาไว้คราวหน้าค่อยว่ากันอีกที...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276614502
วัดบากะยา เมืองอมรปุระ มีเสาขนาดสองคนโอบ ๑๒๐ ต้น

อาจารย์จิตพาซอกแซกไปตามทางแคบ ๆ ข้ามทางรถไฟมาโผล่ที่วัดบากะยา วัดนี้มีศาลาหลังใหญ่ที่สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหลัง แกะสลักลวดลายสวยงามมาก เคยถูกไฟไหม้หมดไปครั้งหนึ่ง แล้วเขาสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมทุกประการ ยกเว้นเสาขนาดสองคนโอบจำนวน ๑๒๐ ต้น ที่เอาปูนหล่อแทนไม้ของเดิม...

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1276715533
เติมน้ำมันเถื่อนที่เมืองเจ้าเส่ ที่เดินแกว่งอยู่หลังสุด(เสื้อแดง)คือวินจี..!

ออกจากอมรปุระกลับมามัณฑะเลย์ ย้อนมาทางเมืองเจ้าเส่ เติมน้ำมันเถื่อนจากปั๊มที่เกลื่อนกลาดสองข้างถนน มุ่งมาจนถึงทางแยกที่วันก่อนเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดนั่นแหละ ขากลับนี่ก็เลี้ยวซ้ายไปทางเมืองนัตตา เราจะไปยังเมืองมิถิลาเพื่อกลับกันซะที เมืองมิถิลาเป็นปากทางขึ้นสู่ตองยี ที่ไอ้เจ้าเกลี้ยงมันอยากไปเป็นนักหนาอย่างไรล่ะ...แต่อย่าหวังเลย..!

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:12


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว