กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=138)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9766)

ตัวเล็ก 27-09-2023 19:47

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๖
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๖



เถรี 27-09-2023 23:37

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ พวกเราบิณฑบาต เปียกแล้วเปียกอีก แล้วตอนนี้ไข้หวัดใหญ่ก็ระบาดทั้งประเทศ ต้องระมัดระวังกันอย่างมาก เพราะว่าอาการใกล้เคียงกับการติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ซึ่งตอนนี้พัฒนาไปมาก จนกระทั่งชุดตรวจ ATK บางยี่ห้อตรวจหาไม่เจอแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าใครเป็นขึ้นมา ให้ อสม.รีบตรวจหาเชื้อไวรัสดูก่อน ต้องรู้จักระมัดระวังตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะพาคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย

อย่างวันนี้ กระผม/อาตมภาพไปร่วมงานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๗๘ ปี หลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (๑) เจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ ก็ต้องรีบไปรีบกลับ แม้กระทั่งท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ จะเข้ามาคุยด้วย ยังบอกให้ท่านยืนห่าง ๆ เพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะติดเชื้อโควิด ๑๙ ไปหรือเปล่า ? เพราะว่าเมื่อเช้ากระผม/อาตมภาพนั่งฉันวงเดียวกับมหาเสริฐ (พระมหาอุตรา อุตฺตโร ป.ธ.๖) สรุปว่ากลับมาแล้วรีบตรวจ ATK ปรากฏว่าไม่ติด พรุ่งนี้จะลองตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ มาจนถึงปัจจุบันนี้ กระผม/อาตมภาพมั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่เป็นกับใครหรอก อย่างเหตุผลที่บอกไปแล้วก็คือเป็นมาลาเรียก็พอแล้ว ถือว่ารับกรรมพอสมควรกับสิ่งที่ได้ทำมาในหลายต่อหลายชาติแล้ว เพราะฉะนั้น..โรคอื่นที่เล็กน้อยกว่านี่ เขาไม่เสียเวลาให้เป็น..!

แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะว่าเราอาจจะเป็นผู้ไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่นเขา ใครจะไปรู้ว่าถ้าไปเจอเครื่องมือเฮงซวยห่วยแตก ตรวจแล้วไม่เจอขึ้นมา หมอเขาถึงได้แนะนำว่าเรื่องของชุดตรวจเร่งด่วน หรือ ATK นั้น ถ้าตรวจแล้วเจอ..ให้เชื่อ ถ้าตรวจแล้วไม่เจอ..อย่าเพิ่งเชื่อ เพราะว่าอาจจะเป็นเรื่องของเวรของกรรมของคนอื่นก็ได้ ในเมื่อตรวจแล้วไม่เจอเชื้อก็จบกัน ช่วงนี้ กระผม/อาตมภาพก็คงจะต้องพยายามรักษาเนื้อรักษาตัวหน่อย ไม่อย่างนั้น ท่านทั้งหลายติดไข้หวัดกันเกือบทั้งวัด
กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้ว่าจะรับไปด้วยเมื่อไร

โดยเฉพาะบรรดาแม่ชีของเราที่ทำครัว จะกลายเป็นแพร่เชื้อให้กับพระหรือเปล่า ? ก็ต้องช่วยกันระวัง หน้ากากอนามัยมีเยอะแยะมากมาย ใส่แล้วทิ้งวันหนึ่ง ๓ รอบ ๘ รอบก็คงไม่มีใครว่า ก็ยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม ก็คือเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องพบปะกับคนอื่น อย่างน้อยก็ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

เถรี 27-09-2023 23:44

แล้วในเรื่องของวัตถุมงคล ใครจะพกเอาไว้เป็นกำลังใจตัวเองก็ได้ แต่อย่าได้ไปฟันธง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ที่กระผม/อาตมภาพต้องเตือนเอาไว้ เพราะว่าแต่ละคนสร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน ใครสร้างกรรมเอาไว้หนัก ถึงเวลาต่อให้พกวัตถุมงคลก็ช่วยไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าอิทธิฤทธิ์แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิ์แพ้กรรมวิบาก ดังนั้น..เรื่องพวกนี้เราต้องระวังตัวของเราเอง

อย่างที่บอกไปแล้วว่าในศาลาแห่งนี้ มีทั้งเบี้ยแก้ตัวครูของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว มีทั้งตะกรุดมหาระงับของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช เวรยามให้ว่าคาถาปลุกเอาไว้บ่อย ๆ จะได้ช่วยคนอื่นเขาบ้าง เพราะว่าในเรื่องของมหาระงับนั้น ระงับได้ทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าเราตั้งใจจะให้ระงับเรื่องไหนบ้างเท่านั้น

เรื่องของวัตถุมงคลต้องบอกว่า อันดับแรกเลย เป็นอนุสติ ก็คือสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องยึดโยงให้ระลึกถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระสงฆ์ครูบาอาจารย์ผู้สร้าง

อันดับที่สองก็คือ
อานุภาพของวัตถุมงคลนั้นเป็นของจริง เพียงแต่ว่าพวกเราต้องเข้าใจด้วยว่า วัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่งวิทยุ ถึงเครื่องส่งจะส่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าเครื่องรับไม่เปิด ก็ไม่สามารถที่จะใช้งานได้ เปิดน้อยก็ใช้งานได้น้อย เปิดมากก็ใช้งานได้มาก วัตถุมงคลทุกอย่างต้องการความศรัทธา แล้วถ้าหากว่ารู้เคล็ดลับได้ก็ยิ่งดี ความจริงคำว่าเคล็ดลับไม่มีหรอก ต้องบอกว่า "เข้าถึง" ได้มากกว่า

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยแนะนำไปว่า พุทธานุภาพมีอยู่ในทุกอณูของอากาศ ถ้าเรามีความมั่นใจ แม้แต่อากาศรอบตัวของเราก็คือพระพุทธเจ้า ในเมื่อเราอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้วยังต้องไปกลัวอะไร ? เพียงแต่พวกท่านทั้งหลายเคยนึกถึงในลักษณะนี้หรือไม่ ? จึงเป็นเรื่องของความเข้าใจ หรือว่าปัญญาในส่วนที่เราจะใช้วัตถุมงคลเหล่านี้

บางคนก็อาจจะสงสัยว่าทำไมคนโน้นใช้แล้วได้ผลมาก เราใช้แล้วได้ผลน้อย หรือว่าไม่ได้ผลเลย ก็เพราะว่าความศรัทธาของเราไม่เพียงพอ ความมั่นใจไม่มี อย่าลืมนะครับว่า ความมั่นใจในตัวเองเป็นส่วนเสริมวัตถุมงคลที่สำคัญที่สุด

และท้ายที่สุด
รู้อุปเท่ห์หรือว่าแนวทางในการใช้ อย่างเช่นว่าถ้าเราใช้อาวุธ เราก็ต้องรู้ว่าอาวุธชนิดนั้นมีวิธีการใช้อย่างไร วัตถุมงคลก็เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าวัตถุมงคลในเรื่องของเมตตามหานิยม ส่วนใหญ่เราก็ต้องวางกำลังใจของเราอยู่ในลักษณะเดียวกับท้าวมหาพรหม ก็คือมีความรักเมตตาต่อผู้อื่นเสมอหน้ากัน ถ้าขึ้นไปถึงระดับพระอรหันต์ได้ยิ่งดี ก็คือเมตตาต่อผู้อื่นโดยไม่มีประมาณ

เถรี 27-09-2023 23:50

แต่ถ้าหากว่าใช้พวกคงกระพันมหาอุด ก็มีสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือนึกถึงตัวเรา ว่าเปรียบเหมือนกับหินผาศิลาแลง อาวุธของฝ่ายตรงข้ามกระทบแล้วก็มีแต่กระดอนกลับไป หรือไม่ก็นึกถึงฝ่ายตรงข้าม เขาถือมีดถือปืนมา เรานึกว่าเป็นของเล่น เป็นของพลาสติก ทำอันตรายเราไม่ได้ จิตใจไม่มีความหวั่นไหว

เรื่องพวกนี้ต้องมีประสบการณ์ ถึงจะรู้ว่าวัตถุมงคลแต่ละอย่างนั้นจะมีวิธีการใช้ไปในลักษณะใด แต่ว่าถ้าอย่างคนสมัยก่อน ถึงเวลาวัตถุมงคลเมตตามหานิยม ก็เอาไปขูดใส่อาหารให้ผู้หญิงเขากิน แบบนั้นถือว่า "เสียของ" ก็คือพอขูดไป ใช้ไป วัตถุมงคลก็ชำรุด ถ้าใช้หมดก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนอีก แล้วครูบาอาจารย์ท่านก็กำชับกำชาเอาไว้ด้วย ได้เสียกับเขาแล้วต้องเลี้ยงดู ถ้าไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ท่านก็แช่งให้เราซวยอีกต่างหาก..!

จึงเป็นเรื่องที่พวกเราทั้งหลายต้องค่อย ๆ ศึกษาไป เพราะว่าผู้สร้างวัตถุมงคลนั้น สมัยก่อนเขาเน้นเลย ก็คือสร้างสมาธิให้เกิด ทำวัตถุมงคลไปภาวนาไป จารยันต์ไปภาวนาไป ม้วนตะกรุดไปภาวนาไป ถักตะกรุดไปภาวนาไป ให้เรานั่งภาวนาอย่างเดียว บางทีกำลังใจก็ไม่เอา แต่ทำงานอื่นไปด้วย ภาวนาแล้วกำลังใจทรงตัวง่ายกว่า

ก็แปลว่าในความจริงแล้ว ผู้สร้างก็คือนอกจากทำตามตำราแล้ว ยังเป็นการสร้างตัวเองด้วย ทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็งมั่นคง และท้ายที่สุดใช้งานเป็น คำว่าใช้งานเป็นในที่นี้ก็คือ จะใช้ไปในด้านใด จะเป็นเมตตามหานิยม คงกระพันมหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย ก็ว่าไปตามคาถานั้น ๆ หรือว่าวิชาการนั้น ๆ

ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาประวัติของครูบาอาจารย์ในช่วงใกล้ ๆ ของเรา อย่างหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จะเห็นว่าท่านนั่งทำวัตถุมงคลทั้งวัน ถ้าหากว่ามีงานมีการอะไรมา หรือมีญาติโยมมา ก็ไปทำงาน ไปพูดคุยกับญาติโยม ญาติโยมกลับเมื่อไรก็มานั่งจารวัตถุมงคล ทำวัตถุมงคล ทำแล้วไม่พอ ยังมีการลองอีกต่างหาก แต่ลูกศิษย์ไม่กล้าลอง ท่านเสกเสร็จแล้ว บอกให้ลูกศิษย์เอาปืนยิงท่านเลย..! ลูกศิษย์กลัวติดคุก ไม่กล้าทำ นั่นขาดความมั่นใจแม้แต่ครูบาอาจารย์ตัวเอง..!

เถรี 27-09-2023 23:51

ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าจะมาในแนวนี้ ส่วนสำคัญที่สุดก็คือการภาวนา ก็แบบเดียวกับตอนที่ไปศึกษาเรื่องการทำปรอทที่ฝั่งพม่า หลวงตาเย็น (พระเย็น สุขกาโม) ไปก่อนกระผม/อาตมภาพ ๕ ปี หลอมปรอทหมดฟืนไปเป็นป่าเลย..ไม่สำเร็จ..! พอกระผม/อาตมภาพไปทำ ไม่กี่วันก็ได้แล้ว เมื่อคบหากันไประยะหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าหลวงตาเย็นท่านไม่มีสมาธิเลย เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะสำเร็จได้ด้วยกำลังสมาธิ สมาธิน้อยก็ได้ผลน้อย สมาธิมากก็ได้ผลมาก

หลวงตาเย็นท่านเป็นคนฟุ้งซ่านมาก ..พุท..ไม่ทันจะ..โธ..เลย..ฟุ้งแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมหลอมปรอทมาแล้ว ๕ ปีไม่ได้อะไรเลย นอกจากหมดสตางค์อย่างเดียว ออกกิจนิมต์ได้เงินมาเท่าไร ก็จ้างชาวบ้านตัดฟืนให้ ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังมีชีวิตอยู่และหลอมต่อหรือเปล่า ? แต่ว่าได้แนะนำท่านไปแล้วเรื่องให้ซ้อมภาวนา แต่ท่านทำไม่ได้จริง ๆ แม้แต่กระผม/อาตมภาพไปนอนอยู่ในโบสถ์เก่าคนเดียว ท่านก็ไม่กล้าไปด้วย..กลัวผีหลอก..! ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหวังความสำเร็จอะไรหรอก

รบกวนเวลาพวกเรามากพอแล้ว สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว