กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=51)
-   -   เกี่ยวกับฌานสมาบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4970)

นักเดินทางสังสารวัฏ 21-04-2016 04:34

เกี่ยวกับฌานสมาบัติ
 
๑. ถ้าผมโมทนาบุญของพระรัตนตรัยทุก ๆ พระองค์ โดยที่ผมไม่รู้ว่าท่านทำบุญอะไรมาบ้าง แต่รู้สึกปลื้มใจบุญที่ท่านทำมาจนได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เลยอยากทราบว่าผมจะได้อานิสงส์ไหมครับ

๒. ต่อจากคำถามอาทิตย์ก่อน ที่ผมถามเกี่ยวกับสมัยผมอายุ ๑๕ แล้วทำสมาธิจนได้ฌาน แล้วรู้สึกสุขมาก ๆ เหมือนที่พระท่านกล่าวว่า กิเลสคือไฟ ถ้าดับได้จะสุขมาก และตอนนั้นผมคิดว่าผมเป็นพระอรหันต์ รอวันตายอย่างเดียว แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นอุปกิเลส
และตอนนี้ผมอายุ ๑๙ แล้วเวลาทำสมาธิหรือคิดเรื่องงาน บางครั้งผมก็รู้ว่า อารมณ์ปรามาสพระมันจะเกิด ผมก็ช่างมันและสักแต่ว่ารู้ แล้วทำให้ผมเชื่อสิ่งที่หลวงพ่อบอกว่า เวลาที่เราจะเข้าถึงความดี กิเลสมันจะชวนให้เราฟุ้งซ่าน และคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเลยอยากทราบ วิธีพิจารณาสังขาร หรือ ภาษาไทยแปลว่าความคิด จะพิจารณาอย่างไรว่ามันไม่ใช่เรา จะพิจารณาอย่างไรหรือครับ

๒.๑ ถึงผมจะรู้ดีว่า สมาธิจากฌานสมาบัติ นั้นสุขกว่ากามสุขจนเทียบไม่ได้เลย แต่ผมอายุ ๑๙ ก็อยากมีแฟนเป็นธรรมดา อยากทราบว่า นักรบอย่างขุนแผน ท่านก็มีเมียมาก หรือบุคคลที่ทรงโลกีย์อภิญญา ท่านทำกำลังใจทรงฌานนึกจะเข้าฌานนั้น ออกจากฌานนี้เข้าฌานนั่น ในเมื่อท่านยังมีภรรยาอยู่อย่างไรหรือครับ หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ ผมจะเอาไปฝึก

๒.๒ ผมรู้สึกว่าชาติก่อนผมคงทำบุญมาดี เนื่องจากได้เข้าฌานสมาบัติในตอนอายุยังน้อย แล้วทำให้ผมหายสงสัยเกี่ยวกับ กฎแห่งกรรม สวรรค์ นรก และเรื่องอื่น ๆ แล้วผมสงสัยว่า ทำไมผมถึงเกิดไม่ทันหลวงพ่อวัดท่าซุง หรือ หลวงปู่ปานก็ดี

๓. บุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แล้วเขาอยากจะบนพระหรือเทวดา เขาควรจะทำอย่างไรหรือครับ

๔. คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ที่เวลาภาวนาจนเป็นฌานแล้ว จะเข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้โดยไม่ต้องอ่าน อยากทราบว่าจะภาวนาอย่างไรให้เป็นฌานครับ ตามที่ผมเข้าใจ คือท่องคาถาแล้วควบกับกำหนดรู้ลมหายใจไปเรื่อย ๆ จนเป็นฌาน หรือว่าต้องเข้าฌานสมาธิจากฌานใดฌานหนึ่งก่อน แล้วออกจากฌานนั่นแล้วท่องคาถา ขอให้หลวงพ่อชี้แจงทีครับ

๕. อยากทราบวิธีนอนไม่ถึง ๕ ชม. แล้วเวลาตื่นขึ้นมาสดชื่นไม่รู้สึกเหนื่อย ต้องทำอย่างไรครับ

๖. เจตสิกคืออารมณ์ ที่จิตไปรับรู้ใช่ไหมครับ และพระอรหันต์ท่านดับอกุศลเจตสิกไปหมดแล้วใช่ไหมครับ

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:55

ถาม : ถ้าผมโมทนาบุญของพระรัตนตรัยทุก ๆ พระองค์ โดยที่ผมไม่รู้ว่าท่านทำบุญอะไรมาบ้าง แต่รู้สึกปลื้มใจบุญที่ท่านทำมาจนได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เลยอยากทราบว่าผมจะได้อานิสงส์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าท่านทำอะไรมาบ้างก็ไม่ได้ ปัตตานุโมทนามัย ก็คือ รู้เห็นว่าผู้อื่นได้กระทำในส่วนบุญกุศลที่เราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็เลยยินดีและโมทนาในส่วนของความดีนั้น ๆ ถ้าคุณไม่รู้แล้วจะไปโมทนาอีท่าไหน ? หลับหูหลับตาเหวี่ยงมั่ว ๆ ไป เผื่อจะถูกหรืออย่างไร ?

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:55

ถาม : ต่อจากคำถามอาทิตย์ก่อน ที่ผมถามเกี่ยวกับสมัยผมอายุ ๑๕ ปี แล้วทำสมาธิจนได้ฌาน แล้วรู้สึกสุขมาก ๆ เหมือนที่พระท่านกล่าวว่า กิเลสคือไฟ ถ้าดับได้จะสุขมาก
ตอบ : โปรดทราบว่า ถ้าดับไฟจะไม่สุก อาตมาทำกับข้าวมาตั้งแต่เด็ก ยืนยันได้ว่าดับไฟแล้วไม่สุก...!

ถาม : ตอนนั้นผมคิดว่าผมเป็นพระอรหันต์ รอวันตายอย่างเดียว แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นอุปกิเลส และตอนนี้ผมอายุ ๑๙ แล้วเวลาทำสมาธิหรือคิดเรื่องงาน บางครั้งผมก็รู้ว่า อารมณ์ปรามาสพระจะเกิด ผมก็ช่างมันและสักแต่ว่ารู้ แล้วทำให้ผมเชื่อสิ่งที่หลวงพ่อบอกว่า เวลาที่เราจะเข้าถึงความดี กิเลสมันจะชวนให้เราฟุ้งซ่าน และคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเลยอยากทราบ วิธีพิจารณาสังขาร หรือภาษาไทยแปลว่าความคิด จะพิจารณาอย่างไรว่ามันไม่ใช่เรา จะพิจารณาอย่างไรหรือครับ ?

ตอบ : ความคิดเขาไม่ได้ให้พิจารณา เขาให้หยุดคิด ถ้าเราหยุดการคิดหรือหยุดการปรุงแต่งได้ก็จะไม่สร้างทุกข์ให้เกิดกับตัวเอง ถ้าหยุดการคิดหรือการปรุงแต่งไม่ได้ ก็เท่ากับสร้างทุกข์ให้ตัวเองอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น...แยกแยะเสียใหม่และทำให้ถูก

ไม่ใช่ความคิดเกิดขึ้นแล้วก็ไปพิจารณา ไปจ้องดูเหมือนที่บางสายท่านบอกว่า "คิดหนอ...คิดหนอ" ถ้าอย่างนั้นก็ดูต่อเถอะ คนกำลังฟุ้งซ่านอยู่จะไปเห็นธรรมอะไร นอกจากเรื่องที่ตัวเองกำลังฟุ้งซ่านเท่านั้น

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:56

ถาม : ถึงผมจะรู้ดีว่า สมาธิจากฌานสมาบัตินั้น สุขกว่ากามสุขจนเทียบไม่ได้เลย แต่ผมอายุ ๑๙ ก็อยากมีแฟนเป็นธรรมดา อยากทราบว่า นักรบอย่างขุนแผน ท่านก็มีเมียมาก หรือบุคคลที่ทรงโลกีย์อภิญญา ท่านทำกำลังใจทรงฌานนึกจะเข้าฌานนั้น ออกจากฌานนี้เข้าฌานนั่น ในเมื่อท่านยังมีภรรยาอยู่อย่างไรหรือครับ ? หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ ผมจะเอาไปฝึก
ตอบ : ท่านก็อยู่อย่างสามีภรรยานั่นแหละ ใครเขาจะโง่ไปเข้าฌานตลอดเวลา เข้าฌานตลอดเวลาก็บ่มิไก๊เท่านั้น...!

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:56

ถาม : ผมรู้สึกว่าชาติก่อนผมคงทำบุญมาดี เนื่องจากได้เข้าฌานสมาบัติในตอนอายุยังน้อย แล้วทำให้ผมหายสงสัยเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม สวรรค์ นรก และเรื่องอื่น ๆ แล้วผมสงสัยว่า ทำไมผมถึงเกิดไม่ทันหลวงพ่อวัดท่าซุงหรือหลวงปู่ปานก็ดี ?
ตอบ : ก็เพราะเกิดช้า ถ้าเกิดเร็วก็ต้องทันอยู่แล้ว...!

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:56

ถาม : บุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แล้วเขาอยากจะบนพระหรือเทวดา เขาควรจะทำอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : อยากจะบนก็บน ยังจะต้องทำอะไรอีก ?

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:56

ถาม : คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ที่เวลาภาวนาจนเป็นฌานแล้ว จะเข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้โดยไม่ต้องอ่าน อยากทราบว่าจะภาวนาอย่างไรให้เป็นฌานครับ ?
ตอบ : ภาวนาควบกับลมหายใจเข้าออก

ถาม : ตามที่ผมเข้าใจ คือท่องคาถาแล้วควบกับกำหนดรู้ลมหายใจไปเรื่อย ๆ จนเป็นฌาน หรือว่าต้องเข้าฌานสมาธิจากฌานใดฌานหนึ่งก่อน แล้วออกจากฌานนั้นแล้วท่องคาถา ?
ตอบ : ใช้ได้ทั้งสองอย่าง จะภาวนาจนเป็นฌานก่อนก็ได้ หรือเข้าฌานก่อนค่อยภาวนาก็ได้

ถาม : มีผลเสมอกันไหมครับ ?
ตอบ : เข้าฌานก่อนแล้วภาวนารู้สึกว่าจะสะดวกกว่า แต่จะไปเสียเวลาตรงที่ว่า ทำอย่างไรจะเข้าฌานได้นี่แหละ..!

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:56

ถาม : อยากทราบวิธีนอนไม่ถึง ๕ ชั่วโมง แล้วเวลาตื่นขึ้นมาสดชื่นไม่รู้สึกเหนื่อย ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : นอนกลางแจ้ง ทุกวันนี้ที่ส่วนใหญ่พวกเราตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกง่วง รู้สึกเพลีย เพราะไปนอนอยู่ในห้องปรับอากาศ ซึ่งออกซิเจนมีน้อยมาก ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ตื่นขึ้นมาบางคนก็มึนงง บางคนก็ง่วงเหงาหาวนอน อยากจะนอนต่ออย่างเดียว เพราะฉะนั้น...อยากจะนอนให้เต็มอิ่มให้ไปนอนกลางแจ้ง แต่อย่าไปนอนกลางถนน...!

ตัวเล็ก 30-11-2017 11:56

ถาม : เจตสิกคืออารมณ์ ที่จิตไปรับรู้ใช่ไหมครับ ? และพระอรหันต์ท่านดับอกุศลเจตสิกไปหมดแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เจตสิกคืออารมณ์ใจที่ไปรับรู้เรื่องอื่น ๆ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการทำงานของใจ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าระดับสูง ๆ ขึ้นไป การทำงานของใจของท่านจะประกอบไปด้วยการปรุงแต่งของใจที่น้อยมาก

คำว่าการปรุงแต่งที่น้อยมาก คือ ไม่ได้ปรุงแต่งไปในด้าน รัก โลภ โกรธ หลง แต่ว่าปรุงไปเพื่อเป็นไปตามเหตุเฉพาะหน้าเท่านั้น อย่างที่พิจารณาดูแล้วว่า ถ้าทำเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นแบบอย่างแก่คนอื่นได้ท่านก็ทำ ถ้าหากว่าทำไปไม่มีประโยชน์ก็ไม่ทำ ฉะนั้น...จะเรียกว่าการปรุงแต่งของท่านก็ไม่ใช่หรอก เป็นการพิจารณาเรื่องที่ควรหรือไม่ควรที่เหมาะกับเฉพาะหน้ามากกว่า


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:08


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว