กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5319)

เถรี 20-12-2016 20:40

ถาม : มีท่านมาบอกว่าให้หนูพกพระพิฆเณศวร์ แต่หนูรู้สึกว่าท่านเป็นเทวดาของทางฮินดู เรายึดพระพุทธเจ้าไว้ดีกว่าเลยไม่พก หนูคิดถูกไหมคะ ?
ตอบ : ก็คิดถูก แต่ว่าพระพิฆเณวร์จริง ๆ ท่านเป็นเทวดา ถ้าเรายึดในลักษณะของเทวตานุสติ ก็เป็นการระลึกถึงความดีของเทวดาตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แต่พระพุทธเจ้าของเราสอนให้คนเป็นเทวดา สอนให้คนเป็นพรหม สอนให้คนเป็นพระวิสุทธิเทพ เพราะฉะนั้น...เทวตานุสติของพระพุทธเจ้านี่ทำได้ยันพระอรหันต์เลย

แต่ว่าเทวตานุสติของศาสนาอื่น ส่วนใหญ่ยึดเป็นที่พึ่งแล้วก็ร้องขอเฉย ๆ ฉะนั้น...ถ้าเรารู้ว่าคุณสมบัติการเป็นเทวดาอย่างน้อยต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ มีหิริ รู้จักละอายต่อความชั่ว มีโอตตัปปะ เกรงกลัวผลของความชั่วจะสนองตนเอง แล้วไม่กล้าทำชั่วอีก เราปฏิบัติตามนั้นก็เท่ากับเรามีคุณสมบัติของความเป็นเทวดา พอเราปฏิบัติลักษณะนั้นเทวดาเขาก็เห็นเองว่ามีคุณสมบัติเหมือนกัน เป็นพวกเดียวกัน ถึงเวลามีอะไรท่านก็สงเคราะห์ให้ ไม่สงเคราะห์พวกเดียวกันแล้วจะสงเคราะห์ใคร...ใช่ไหม ?

เถรี 21-12-2016 18:54

ถาม : ที่ยุโรปเทวดาเยอะไหมคะ ?
ตอบ : เยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่เทวดาที่เรารู้จักจะเป็นคนนำไป ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะว่าไปแล้ว ในเรื่องของบุญกุศลเขาไม่ขาด เพราะว่าศาสนาคริสต์เขาทำบุญกันเป็นปกติ เพียงแต่ว่าถ้าจะเอาหรูหราฟู่ฟ่าเหมือนบ้านเราเลยก็ยากหน่อย

ไปสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตร นั่งกรรมฐานแล้วขอให้โมทนา แหม...มากันมืดฟ้ามัวดิน ถ้าไปที่โน่นต้องการความปลอดภัย ก่อนไปไหนให้สวดมนต์ไหว้พระ อุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อนแล้วขอให้เขาช่วยดูแลให้ด้วย


ถาม : หนูไปเจอผีเยอะมาก ?
ตอบ : ส่วนใหญ่ถ้าเราทำบุญไปจึงสว่าง คนที่ไม่มีบุญจะมืด แล้วเราลองนึกดูว่า ในที่มืด ๆ แล้วเราสว่างอยู่ที่เดียว เขาเห็นก็รี่ต้องเข้ามาหา จะไปไหนได้ ก็ต้องมาขอเราอยู่คนเดียว

เถรี 21-12-2016 19:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่ท่านหนึ่งบรรดาศักดิ์เป็นท่านขุน อายุ ๙๐ กว่าแล้ว อยู่มาถึงสมัยนี้ แกหมดสติแล้วลูกหลานก็พาไปโรงพยาบาล พอลืมตาขึ้นมาพยาบาลบอกว่าฉีดยาไม่ได้ เลยต้องปล่อยให้คุณลุงฟื้นเอง ถามว่าทำไม ? พยาบาลบอกว่าเข็มหักไป ๓ อันแล้ว แกก็บอกว่า "ฉีดได้ลูก อนุญาตแล้ว" คราวนี้แทงเข้า ก่อนหน้าที่จะอนุญาตแทงเข็มหักไป ๓ อัน แต่ว่าท่านขุนแกพกมีดหมอปากกาสามกษัตริย์ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ กับปลัดหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก ปลัดเขาควายเผือกหายากสุด ๆ"

เถรี 21-12-2016 20:24

ถาม : ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ว่าง ๆ ท่านก็นั่งอยู่พรหมชั้นที่ ๑๑ นั่งมองว่าจะช่วยคนอย่างไรดี ตอนแรกทูลถามว่าทำไมไม่อยู่ชั้นดุสิต ? พระองค์ท่านตรัสว่าเวลาเยอะเกินไป จะรีบลงมาเกิด จึงต้องไปอยู่พรหมชั้นที่ ๑๑

ถาม : อายุพรหมไม่นานกว่าชั้นเทวดาหรือครับ ?
ตอบ : พรหมชั้นที่ ๑๑ เทียบกับเวลาของเราแล้วก็แค่แวบเดียว ของดุสิตนานกว่านี้ ถ้าหากว่าข้อมูลไม่ตรงกับคนอื่นก็ได้โปรดทราบว่าอาตมามั่วเอาเองนะ อย่าไปว่าคนอื่นเขามั่ว แต่อย่าลืมที่พระองค์ท่านเตือนเอาไว้ด้วย พวกขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป พระองค์ท่านตรัสว่า นั่นเป็นอธิษฐานบารมีเลยนะ ถ้าไปเกิดตามกันแล้วลำบากลำบนแล้วห้ามบ่นพระองค์ท่านอย่างเด็ดขาด

เถรี 21-12-2016 20:28

ถาม : ตอนที่พระองค์สวรรคตเป็นอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : อาตมาไม่ทันได้ดูอะไรหรอก มัวแต่สวดมนต์ถวายท่าน ทางอำเภอเขาจัดสวดมนต์ร่วมกัน แล้วอาตมาก็ดันไปเป็นประธานสงฆ์ในงาน แต่ก็บอกเขาล่วงหน้าไปแล้ว บอกว่า "ขอให้พวกเราได้ทำ ส่วนทำแล้วจะช่วยพระองค์ท่านได้หรือไม่ได้ก็ถือว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว" พระองค์ท่านก็ชราภาพมากแล้ว ถ้าเป็นคนทั่วไป ๘๐-๙๐ นี่ไข้ก็ตาย บ่ไข้ก็ตายแล

ถาม : หนูไม่อยากให้พระองค์ท่านลงมาเกิดเลย อยู่ข้างบนสบายกว่า ?
ตอบ : พระองค์ท่านต้องลงมาสร้างบารมีต่ออีกหน่อย บารมีเต็มแล้วคราวนี้ถึงจะไปดุสิตจริง ๆ แล้ว รอตรัสรู้ ...(หัวเราะ)... รออย่างนั้นไม่เป็นไรหรอก รอนานเท่าไรก็รอได้ แต่ถ้าจะสร้างบารมีต้องรีบลงมาแล้วรีบทำ

เถรี 21-12-2016 20:29

ถาม : (โยมนำพระพุทธรูปที่แกะจากไม้มาให้ดู) ไม้อะไรครับ ?
ตอบ : ไม้สารคาม ดมเอาก็รู้แล้ว ไม้สารคามมักจะตกน้ำมัน องค์ที่อยู่ที่วัดตกน้ำมันนองเต็มพื้น แข็งเป็นเกล็ดเลย

เถรี 21-12-2016 20:47

ถาม : เมื่อวานมาสวดคาถาเงินล้านแล้วมีอาการสั่น คล้ายจะมีองค์ลง เทวดาลง ?
ตอบ : รู้ได้อย่างไรว่าเป็นเทวดา ? ปกติแล้วถ้าเราภาวนาจะมีช่วงที่กำลังใจเข้าถึงปีติ ก็จะสั่นบ้างเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากว่าเราทำต่อไป กำลังใจละเอียดขึ้นก็จะหายไปเอง แล้วสมาธิก็จะทรงตัวขึ้นไปเป็นฌาน ไม่ใช่ว่าสั่นเข้าหน่อยก็คิดว่าเป็นผีเข้า เทวดาเข้า

ถาม : หนูเห็นเป็นท้าวมหาพรหม ?
ตอบ : ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ต่อรองกับท่านสิ ว่าถ้าหากจะมาเข้ามาทรงก็ขอให้เรารวยก่อน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทำมาหากิน ด้วยอานุภาพของพรหมของเทวดา เรื่องทำให้เรารวยเป็นเรื่องเล็ก บอกท่านไปเลยว่าถ้าจะใช้งานอะไรก็ขอให้เรารวยก่อน แล้วจะใช้อย่างไรก็เชิญ

เถรี 21-12-2016 21:04

ถาม : ที่หลวงพ่อเล่าว่าพระขรรค์หลวงพ่อโสกสามารถแก้อาถรรพ์ของลูกอมหลวงพ่อดิ่งได้ พิสมรกับลูกอมพอกครั่งจะกันมีดหมอของหลวงพ่อเดิมได้ไหมครับ ?
ตอบ : เท่าที่มีประสบการณ์ผ่านมา ยังไม่เคยเจอวัตถุมงคลอะไรกันมีดหมอหลวงพ่อเดิมได้เลย
สมัยเด็ก ๆ เสือขาวกับผู้ใหญ่แสวงเขาดวลเดี่ยวกัน ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่แสวงแกดวงดีหรือเปล่า ? แทงกันคนละที เสือขาวตายคามีดเลย ปกติแล้วเสือขาวเหนียวจริง ๆ ก็เลยกล้าแลกกัน แต่ไปเจอมีดหมอหลวงพ่อเดิมเข้า ยุ่ยเป็นหยวกกล้วยเลย ส่วนเสือขาวแทงไปติดเข็มขัดของผู้ใหญ่แสวงพอดี คือสมัยก่อนจะเป็นเข็มขัดหนังที่มีกระเป๋าอยู่ ๔-๕ ช่อง เอาไว้ใส่ยาสูบบ้าง ใส่เงินบ้าง ใส่กระสุนปืนบ้าง คนเราดวงแคล้วคลาดจริง ๆ

พอมาถึงช่วงเรียนมัธยมพวกผู้ใหญ่บ้านก็เลิกแล้ว ไม่มีใครไปดวลกันแบบนั้นอีก เล่น เอ็ม. ๑๖ อย่างเดียวเลย กูไม่ไปดวลกับมึงเสียเวลา ป้อม สห.อยู่ห่างจากบ้านผู้ใหญ่ประเสริฐไม่เกิน ๒๐๐ เมตร โจรขึ้นบ้านแกกราดด้วย เอ็ม. ๑๖ ไม่เกรงใจทหารเลย อาตมาถามว่า "อาเสริฐ...ทำอย่างนั้นไม่กลัวทหารว่าเอาหรือ ?" "ปืนกู
ก็ซื้อมาจากมันนั่นแหละ" สรุปจบแค่นั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก ยิงให้เขารู้ว่ากระสุนจะหมดแล้ว เดี๋ยวเขาก็หามาขายเพิ่มให้

ถาม : ที่วัดท่าซุงหรือครับ ?
ตอบ : ตอนนั้นอาตมาอยู่ที่กำแพงแสน อยู่ใกล้ปากทางเข้าสนามบิน ป้อม สห.กับบ้านลุงแกห่างกันไม่ถึง ๒๐๐ เมตร ถ้าเป็นเราลักษณะอย่างนั้นก็ต้องเกรงใจ...ใช่ไหม ที่ไหนได้...แกเล่นกราดด้วย เอ็ม. ๑๖ สนั่นหวั่นไหวกลางดึก ไปถึงถามว่ามีอะไร "ขโมยขึ้นบ้าน" แล้วทหารอยู่แค่นี้ไม่เกรงใจเขาเลยหรือ ? "ปืนกูก็ซื้อมาจากมันนั่นแหละ"

เถรี 22-12-2016 20:02

ถาม : คนที่มีร่างเสือเดินตามนี่หมายความว่าอะไรคะ ?
ตอบ : มี ๒ อย่าง อย่างหนึ่งก็คือเขามีวัตถุมงคลที่เป็นชิ้นส่วนของเสือติดตัวอยู่ อีกอย่างหนึ่งก็คือเทวดาประจำตัวของเขาแสดงออกให้เห็นแบบนั้น

ถาม : เทวดาทำไมร่างเป็นเสือ ?
ตอบ : ก็เทวดาประจำตัวเวลาท่านจะคุ้มครองเรา บางทีท่านก็มาเป็นรูปโน้นรูปนี้แล้วแต่ท่านจะแสดงออก สมัยอาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีท่านก็ยังมาเป็นเสือดาวเลย ถ้าเจอคนนี่ไล่หมด

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นวัตถุมงคลก็คุ้มครองป้องกันตัวเอง ถ้าเป็นเทวดารักษาตัวส่วนใหญ่เขาก็คอยดูแลเรา เสือตัวที่ดูแลอาตมาที่เกาะพระฤๅษีเป็นเสือแต่ไปเกิดเป็นเทวดา ถามว่าไปเกิดได้อย่างไร ? เขาบอกว่ามีพระธุดงค์ไปปฏิบัติธรรม แล้วท่านชอบไปนั่งมอง เลยได้อนุสติแบบไม่รู้ตัว จริง ๆ ก็คืออยากรู้อยากเห็น เลยไปนั่งจ้องพระอยู่ทุกวัน พระท่านจะเดินจงกรม จะทำกิจกรรมอะไรก็ไปนั่งจ้อง เข้าท่าดีเหมือนกัน ตายขึ้นมาเลยกลายเป็นเทวดา ไม่ใช่แค่เป็นคนอย่างพวกเรา

เถรี 22-12-2016 20:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "จากการสวดพระคาถาเงินล้านช่วงเช้า หลายคนนับจำนวนผิด เห็นชัดเลยว่าพอยืนระยะยาว ๆ แล้วพวกเราจะไม่ไหวกัน สติสมาธิยังไม่เพียงพอเพราะเรายังไม่สามารถปรับระดับการใช้งานได้ ในเมื่อปรับการใช้งานไม่ได้ ถึงเวลาสมาธิลึกเกินไป ก็จะได้หน้าลืมหลังแล้ว พอสมาธิดำเนินอยู่ข้างใน ข้างนอกก็ลืม พอมาเน้นข้างนอก สมาธิก็คลาย ก็เลยทำให้เรานับจำนวนผิดกัน

แต่ถ้าหากสมาธิเราทรงตัวสม่ำเสมอ ความชัดเจนทั้งนอกทั้งในมีเสมอกัน เราก็สามารถที่จะรู้ได้ อย่างที่อาตมาเคยบอกว่า ทั้งหลับและตื่นต้องมีสติรู้เท่ากัน ไม่อย่างนั้นเราจะสู้กิเลสไม่ได้ ก็คือลักษณะอย่างที่ปรากฏแก่พวกเราในวันนี้ ก็แปลว่าเราต้องไปซักซ้อมเรื่องของการทรงสมาธิให้มีความคล่องตัวกว่านี้ และพยายามตั้งเวลาให้ได้

คำว่า "ตั้งเวลา" ให้ได้นั้น วิธีตรวจสอบได้ง่ายที่สุดก็คือ
ถ้างานยังไม่จบ จิตจะไม่คลายจากสมาธิ ถ้าหากว่าคล่องตัวมาก งานจบเมื่อไรจิตจะคลายจากสมาธิทันที บางคนว่าถ้าอายุอย่างอาตมา เหนื่อยแบบเมื่อเช้าแล้วขึ้นไปพัก รับประกันเลยว่าพักจนเลยเวลาแน่นอน แต่นาฬิกาส่วนตัวของอาตมาตั้งไว้ว่าเที่ยงครึ่งแล้วลุก ในเมื่อตั้งไว้เที่ยงครึ่งลุก ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยนาฬิกาปลุก

อาตมาไม่ได้ใช้นาฬิกาปลุกมาหลายสิบปีแล้ว ถ้าหากว่าเราสามารถกำหนดเวลาตื่นของตัวเองได้ ถึงเวลาก็จะตื่นเอง และเป็นที่อัศจรรย์ว่าจะตื่นก่อน ๕ นาที ให้ลุกขึ้นมาตั้งหลัก ทุกครั้งจะเป็นอย่างนั้น สมมติว่าตั้งไว้ให้ตี ๓ ตื่น ตี ๐๒.๕๕ น.ก็จะตื่นแล้ว"

เถรี 22-12-2016 20:18

"ครั้งที่ชัดเจนที่สุดก็คือไปเชียงใหม่มา ๕ วัน อาตมาเป็นคนที่เหนื่อยที่สุดเพราะต้องนั่งเป็นเพื่อนคนขับ เนื่องจากว่าคนอื่นประเภทไว้วางใจคนขับมา นั่งได้ก็หลับเลย อาตมาเองถ่างตาไป ๓ วัน ๓ คืน วันที่ ๔ เรียกคนข้างหลังให้มานั่งแทน ตัวเองจะไปนั่งหลับข้างหลังบ้างเพราะว่าไปรถตู้

ปรากฏว่าเดินยังไม่ทันจะขึ้นเบาะหลังรถตู้เลย คนข้างหน้าหลับไปแล้ว เลยต้องไล่ให้ไปนั่งข้างหลัง บอกว่า "มึงไปเลย..เพราะคนขับกำลังจะหลับ" นั่งชวนคนขับคุยก็อยู่ได้ พอกลับมาถึงวัดท่าซุงปรากฏว่ารถเสีย ต้องซ่อม กว่าจะไปถึงวัดตี ๑ กว่า ตี ๒ ครึ่งต้องตื่นมาส่งโยมขึ้นรถที่ท่ารถอุทัยธานีกลับกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้นเขาจะทำงานไม่ทัน

ก็ไม่ใช้นาฬิกาปลุกยังสามารถตื่นตามเวลาได้ ทั้ง ๆ ที่กรำงานมาหนักขนาดนั้น ทำให้มั่นใจว่าถ้ากำลังใจของเราทรงตัวจริง ๆ ถึงเวลาเราสามารถกำหนดเวลาได้แน่นอน ซึ่งสิ่งนี้ครูบาอาจารย์สายอื่นท่านไม่ได้พูดถึง แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพูดถึงและสอนพวกเรามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมาธิใช้งานที่ท่านเรียกว่า ฌานใช้งาน และการทรงสมาธิตามเวลา

สายอื่นอาตมาไม่เคยได้ยินท่านพูดถึง แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนมาและอาตมาก็พยายามฝึกหัดและทำให้ได้อย่างที่ท่านสอน ฉะนั้น...พวกเราก็ใช้ความพยายามเพิ่มอีกนิดหนึ่ง วันนี้ผิดแค่ ๓ จบถือว่าไม่มาก หรือว่าลูกประคำของเขามีน้อยกว่าอาตมา ๓ เม็ด ?"

เถรี 22-12-2016 20:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในบ้านเราพระสงฆ์จีนนิกายกับอนัมนิกายมีสิทธิพิเศษ ขึ้นตรงต่อสมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้มีเจ้าคณะตามลำดับชั้น ของเราเองต้องไล่ขึ้นจากวัดไปตำบล ไปอำเภอ ไปจังหวัด ไปภาค ถึงจะเข้ามหาเถรสมาคม ถึงพระสังฆราช ส่วนอนัมนิกายถึงเวลาก็ยื่นตรงถึงสมเด็จพระสังฆราชได้เลย"

เถรี 22-12-2016 20:22

ถาม : บนไว้ที่หนึ่ง แต่ถ้าเราไม่สะดวกไป จะไปแก้บนอีกที่หนึ่งได้หรือเปล่า ?
ตอบ : ไปแก้ตามที่บนไว้ ไม่สะดวกอย่างไรก็หาทางไปให้ได้ เรื่องของการบนต้องตรงไปตรงมา ไม่สามารถบิดพลิ้วได้เลย ในเมื่อบนไว้ที่นั่นก็ไปแก้ที่นั่น จะกลายเป็นว่าถึงเวลาเราต้องการอะไร เรารับปากได้ทุกอย่าง แต่พอได้แล้วก็เริ่มบิด ๆ เบี้ยว ๆ ระวังจะซวยไม่รู้ตัว..!

เถรี 22-12-2016 20:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานสวดพระคาถาเงินล้านครั้งต่อไปคงต้องสวดที่วัดแล้ว เพราะว่าบ้านหลังใหม่ไม่มีที่กว้างพอ เดี๋ยวเราไปสวดฉลองหลวงพ่อเงินกันดีกว่า"

เถรี 22-12-2016 20:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่ปานวัดบางนมโค สร้างพระหกกษัตริย์ เป็นรูปพระขี่สัตว์ ๖ ชนิด ขี่ครุฑ ขี่เม่น ขี่ไก่ ขี่ปลา ขี่หนุมาน และขี่นกกระจาบ

ลูกศิษย์ที่เอาพระหลวงปู่ปานไปใช้เขาใช้แยกกันว่า
นกทำนา ถ้าหากว่าใช้พระขี่นก ให้มีอาชีพทำนา สามารถป้องกันพวกเพลี้ยแมลงสัตว์ต่าง ๆ ได้ เม่นเดินป่า สมัยก่อนหนทางป่ายังเยอะ ถ้าพกพระขี่เม่นไปจะปลอดภัย ปลาค้าขาย สมัยก่อนค้าขายทางน้ำทางเรือกันมาก ก็เลยเอาพระขี่ปลา ไก่หากิน นอกจากเรื่องของการทำนาหรือค้าขายทางน้ำแล้ว อาชีพสุจริตอื่น ๆ เหมาะที่จะใช้พระขี่ไก่

แต่พระขี่ไก่ท่านบอกว่ามีอานุภาพพิเศษอย่างหนึ่งคือเป็นเมตตามหานิยม เจ้าชู้วายร้ายเลยเพราะว่าไก่ตัวผู้ตัวหนึ่งมีตัวเมียทั้งฝูง แต่อาตมาว่าคงไม่ใช่ที่พระหรอก เป็นที่สันดานคนใช้มากกว่า..! ครุฑเป็นมหาอำนาจ เหมาะกับบุคคลที่เป็นเจ้าคนนายคน ลิงหรือหนุมานรับราชการ ไม่เคยมีงานไหนที่ทำไม่ได้ พระรามใช้หนุมานเมื่อไร งานไหนงานนั้นสำเร็จทุกอย่าง"

เถรี 22-12-2016 20:32

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านออกเพชรจักรพรรดิใหม่ ๆ ปรากฏว่าลูกศิษย์หลวงพ่อเขาหมั้นกันด้วยแหวนเพชรจักรพรรดิเป็นสิบ ๆ คู่เลย จริง ๆ นะ บอกว่าเพชรแท้ไม่เอา จะเอาเพชรจักรพรรดิ ถ้าเป็นรุ่นเราก็ดี วงหนึ่งราคาไม่เท่าไรก็หมั้นสาวได้"

เถรี 22-12-2016 20:39

พูดถึงเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม "สมัยก่อนหลวงปู่ท่านอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาง่าย ถึงเวลาต้องเอาพานดอกไม้ธูปเทียนไปขอกับท่าน ถ้าหากว่าวันไหนท่านไม่มีปรอท ก็ต้องซื้อปรอทร้านขายยาไปให้ท่านด้วย แล้วท่านก็จะหาฤกษ์ดี ทำการเสกปรอทเข้าตัวเบี้ย อุดด้วยชันโรง ถ้ามีเวลาท่านก็หุ้มเอง ถ้าไม่มีเวลาท่านก็บอก "ไปหาสมุห์เจือ" หลวงปู่เจือท่านก็จัดการให้ ท่านก็ไปเคาะ ๆ ทุบ ๆ ตะกั่วหุ้มให้เสร็จสรรพเรียบร้อย บางทีหลวงปู่เพิ่มไม่ว่าง หลวงปู่เจือก็จารให้เลย สรุปว่าหลวงปู่เจือท่านเก่งตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว แทบจะแทนหลวงปู่เพิ่มได้แล้ว

อาตมาก็พกเบี้ยหลวงปู่เจือตัวเล็ก ๆ อยู่ ปีก่อนอยู่วัด นึกว่าเบี้ยแก้หลวงปู่เจือสั่นเตือน ปรากฏว่าไม่ใช่ เป็นแผ่นดินไหว ...(หัวเราะ)...

เบี้ยแก้หลวงปู่เจือเล่นยาก เพราะลูกศิษย์ที่ทำไร้จรรยาบรรณ เล่นทำให้หลวงปู่ด้วย ทำขายเองด้วย กลายเป็นว่าถ้าไม่ได้รับจากมือหลวงปู่มีสิทธิ์โดนแน่"

เถรี 22-12-2016 20:59

มีคนมาเบิกวัตถุมงคลหลายรายการ พระอาจารย์หยิบถูกทุกครั้งว่าอยู่ห่อไหน ซองไหน จึงกล่าวสอนลูกศิษย์ว่า "รอให้เอกฝึกสติให้มั่นคงมากกว่านี้ แล้วจะจำได้เองว่าของเป็นร้อย ๆ รายการอยู่ตรงไหนบ้าง

อาตมาบอกไม่ถูกว่าตัวเองมีการจัดระดับความจำอย่างไร เหมือนกับถึงเวลาเขาจะแยกแยะของเขาเองว่าอะไรควรจะจำอย่างไร พอจัดหมวดหมู่ได้เสร็จสรรพ ก็เหมือนกับคนนั่งอยู่บนที่สูงแล้วมองลงไป จะเห็นหมดทุกอย่าง เลยอธิบายเป็นภาษามนุษย์ได้ยาก"

เถรี 22-12-2016 21:07

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า "ลาว" จริง ๆ หมายความว่า "ผู้เป็นใหญ่" อย่างทางภาคเหนือของเรามีปู่เจ้าลาวจก หรือ ลวะจังกราช ความหมายดี ๆ มาถึงสมัยนี้กลายเป็นดูถูกกันไปได้"

เถรี 23-12-2016 20:15

พูดถึงเรื่องน้ำท่วม "อาตมาพยายามเตือนแล้ว แต่ต้องบอกว่ากรรมยังหนัก นี่เลื่อนมาเดือนกว่า ต้องบอกว่าเป็นวาระกรรมที่เลี่ยงไม่ได้ เตือนแล้วเขาก็เลยเลื่อนไปจนพวกเราตายใจว่าไม่ท่วมแน่ ล่อไปตูมเดียวท่วม ๑๑ จังหวัดพร้อมกัน แต่ขอบอกว่านี่ยังไม่ใช่ที่หนักที่สุด แค่น้ำจิ้มเท่านั้น อาหารหลักยังไม่มา คอยดูเอาก็แล้วกันว่าจะมาเมื่อไร ปีนี้ ปีหน้า หรือปีโน้น บอกมากก็ไม่ได้ บอกมากเดี๋ยวก็โดนเอง

ไปนึกถึงหลวงปู่จวน หลวงปู่วัน หลวงพ่อสิงห์ทอง ท่านทั้งหลายเหล่านั้นรู้อยู่ว่าไปเครื่องบินเที่ยวนี้แล้วเครื่องบินจะตกแล้วตาย แต่ท่านก็ไปกันแบบรื่นเริงบันเทิงใจมากเลย เพราะท่านเห็นอยู่แล้วว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ เรามีโอกาสที่จะพ้นไปแล้ว ก็เดินเข้าหาความตายอย่างรื่นเริงบันเทิงใจ

แต่ที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือ ท่านที่อยู่มหาดไทยที่ไปพร้อมเอกสารลับของทางราชการ พอถึงเวลาเอกสารไปอยู่ในบาตรหลวงพ่อจวนอย่างไรก็ไม่รู้ เอกสารตัวเองใส่ไว้ในอกเสื้อ พอฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล รอดตายมาได้ก็ตกใจว่าเอกสารลับจะตกอยู่ในมือใครหรือเปล่า ปรากฏว่าไปเจอว่าอยู่ในบาตรหลวงพ่อจวน หลวงพ่อก็มรณภาพไปแล้ว ทำไมเอกสารถึงไปอยู่ในบาตรได้ ?"

เถรี 23-12-2016 20:16

"ช่วงนั้นเป็นการสูญเสียพระอริยเจ้าชุดใหญ่ ไปพร้อม ๆ กันเลย สร้างเวรสร้างกรรมมาด้วยกัน ปกติก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไฟโรงงานแต่กัปตันเขาเห็นเป็นไฟส่องทางสนามบิน เลยบังคับเครื่องลง เพราะกรรมบัง ทำให้เข้าใจผิดไปได้ขนาดนั้น ปทุมธานีกับดอนเมืองห่างกันตั้งเยอะ เห็นไฟโรงงานเป็นแถวยาว นึกว่าไฟรันเวย์ก็ลง โรงงานราบเป็นหน้ากลอง"

เถรี 23-12-2016 20:18

"เมื่อก่อนอาตมาสนิทกับหลวงพ่อวัน (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) มาก ไปขอข้าวท่านกินประจำ คนอื่นเขาไปใส่บาตร ส่วนอาตมาไปขอข้าวท่านกิน แต่ช้อนของท่านใหญ่มาก ขนาดเท่ากับทัพพีเล็ก ๆ เลย เป็นช้อนทองเหลือง คู่หนึ่งตักใส่ทีเดียวล้นจานเลย"

เถรี 23-12-2016 20:32

ถาม : ทำใจอย่างไรเราจะรู้ว่าพระท่านนี้ออกจากนิโรธสมาบัติ อยากจะช่วยพ่อกับแม่ค่ะ ?
ตอบ : ทำใจของเราให้เท่ากับท่านแล้วจะรู้เอง อยากจะช่วยพ่อกับแม่ก็สอนท่านภาวนาคาถาเงินล้าน ถ้าทำจริงจังต่อเนื่องวันละ ๑๐๘ จบ สัก ๒ เดือนทุกอย่างจะดีขึ้นไปเอง

เถรี 23-12-2016 20:33

ถาม : หนูจะสร้างบุญให้เต็มได้ไหมคะ ?
ตอบ : เรื่องนี้อย่าถาม กำลังใจของเราสามารถทำให้เต็มได้ภายในชาติเดียว เพียงแต่ว่าเราจริงจังหรือเปล่า ? บุญใหญ่คือ ศีล สมาธิ ปัญญา พยายามทำไว้ รักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้มีบุญมากกว่าการทำบุญปกติร้อยเท่า เจริญสมาธิภาวนาได้มีบุญมากกว่าปกติหมื่นเท่า ถ้าใช้ปัญญาเห็นธรรมได้มีบุญมากกว่าล้านเท่า พอไหม ? ฉะนั้น...ไม่ต้องกังวล ทำให้ดี ทำให้ถูก เดี๋ยวก็ได้บุญมากเอง

เถรี 26-12-2016 19:15

ถาม : การที่เราอธิษฐานขอให้มากขึ้น คือการที่เราก้าวหน้ามากขึ้นหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สำหรับอาตมาแล้วถือว่าถอยหลัง เขามีแต่ยิ่งมายิ่งสั้น ยิ่งมายิ่งรวบรัดตัดสิ่งรุงรังออกไป เราดันไปเพิ่ม แล้วควรนับว่าก้าวหน้าหรือถอยหลัง ?

ถาม : คือเรายังไม่พร้อม แล้วยังไปอธิษฐานช่วยนี่ถือว่าถอยหลังหรือครับ ?
ตอบ : อะไรที่เกิดขึ้นมาเป็นภาระทั้งนั้น

เถรี 26-12-2016 19:18

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรเกี่ยวกับบารมีของเราว่าบกพร่องตรงไหน ต้องรอเวลาที่เหมาะสมหรือต้องถามครูบาอาจารย์ ?
ตอบ : ทบทวนอยู่ทุกวันก็รู้เอง วันนี้เราได้ให้ทานหรือเปล่า ? วันนี้เรารักษาศีลบกพร่องไหม ? วันนี้เราแผ่เมตตาหรือเปล่า ? เห็นคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย หรือยังโกรธเกลียดรักชอบชังอยู่ ? ไล่ไปทีละข้อ ก็รู้เองว่าบกพร่องตรงไหน

เถรี 26-12-2016 19:23

ถาม : พระพุทธเจ้าปางจักรพรรดิทรงเครื่อง เวลาที่เรานึกถึงในการเจริญภาวนา....?
ตอบ : อยู่ที่เราชอบ พระพุทธเจ้ามีองค์เดียว แต่คนชอบแบบต่าง ๆ กันก็เลยมีการสร้างขึ้นมาหลายปาง

ถาม : เคยได้ยินว่า ถ้าปางจักรพรรดิจะดีกว่า ความจริงก็คือไม่เกี่ยว ปางไหนก็ได้ ?
ตอบ : สำคัญอยู่ที่ว่านึกได้หรือเปล่า ? ไม่ใช่สำคัญตรงที่นึกถึงปางไหน

เถรี 26-12-2016 19:25

ถาม : ชาติหน้าหรือชาตินี้ก็ได้ ถ้าเราอยากมีคู่ที่เป็นแม่หรือเป็นแบบน้องสาว เราต้องทำบุญอย่างไรครับ ?
ตอบ : หาไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ได้เอง ที่ควรจะมีที่สุดคือสขีภริยา มีเมียเหมือนเพื่อน หัวหกก้นขวิดไปด้วยกัน ถ้ามีเมียเหมือนแม่ ก็คอยแต่จะเลี้ยงดูอุ้มชู รำคาญตายห่...! ถ้ามีเมียเหมือนน้อง ก็คอยอ้อนจะเอานั่นเอานี่ จริง ๆ อยู่ที่เราเอง นิสัยเราชอบแบบไหน ถ้าโจรีภริยา มีเมียเหมือนโจร ข้าวของอะไรในบ้านขนไปหมด

เถรี 26-12-2016 19:28

ถาม : ท่านที่อยู่เขาพระสุเมรุ หรืออยู่สวรรค์ชั้น ๑ - ๒ - ๓ การที่อยู่ชั้นต่างกัน... ?
ตอบ : ท่านที่สูงกว่าจะมีศักดิ์นุภาพมากกว่า สามารถลงมาหาท่านที่อยู่ต่ำกว่าได้ ท่านที่อยู่ต่ำกว่ามีศักดานุภาพน้อยกว่า ข้ามขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่าไม่ได้

เถรี 26-12-2016 19:30

ถาม : ในเรื่องการทำสมาธิ เราอยู่กับปัจจุบัน เวลาที่เรามีความรู้หรือสัญญาเก่าจำอะไรได้ขึ้นมา แล้วเอามาใช้แก้ปัญหาในปัจจุบัน ไม่ได้แปลว่าไปยึดติดในสัญญาอดีตใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าคนมีปัญญา คนมีปัญญาไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ ถ้าใช้งานได้ก็เอาทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่าพอใช้เสร็จ ก็ไม่ใช่ยึดติดตายตัวอยู่ตรงนั้น เพราะเหมาะสำหรับแต่ละงาน แต่ละครั้งไป

เถรี 26-12-2016 19:31

ถาม : หัวใจพระคาถาต่าง ๆ เราควรจะสวดพระคาถาแบบย่อ หรือควรแบบเต็ม ๆ ดีกว่าครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ความเชื่อมั่นของเรา พระคาถาที่เป็นบทเต็มยาวมาก ยากแก่การสวด เขาก็เลยย่อเอาแต่หัวใจมา ถ้าทำด้วยความเคารพก็มีอานุภาพเหมือนกัน

เถรี 26-12-2016 19:34

ถาม : ผมมีคำถามเยอะเลยครับ ?
ตอบ : พยายามถามอะไรที่เป็นของตัวเองจะได้ประโยชน์มากกว่า เรื่องทั่ว ๆ ไปคว้ามามั่วไปหมดประโยชน์จะมีน้อยไป

เถรี 26-12-2016 19:56

ถาม : ตอนนี้สามารถกำหนดภาพพระ ขึ้นไปกราบพระได้ แต่เวลาที่ไปวิปัสสนา เจอกระทบอารมณ์ โดยเฉพาะพอใจและไม่พอใจ มาไวมากเลยค่ะ ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจค่ะ ?
ตอบ : ปรับเปลี่ยนใหม่ แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งเกาะข้างบนไว้ เอาความรู้สึกอีกส่วนหนึ่งใช้ควบคุมร่างกายทำหน้าที่ปกติ ถึงเวลาแล้วพอแบ่งความรู้สึกจะไม่ค่อยชิน แต่นานไป ๆ จะชินไปเอง พอสติเกาะอยู่ข้างบนครึ่งข้างล่างครึ่ง จะไม่หลุดออกไปหา รัก โลภ โกรธ หลง ให้ไปซักซ้อมทำใหม่

เถรี 26-12-2016 20:16

ถาม : มีคนแก่ติดเรา สำหรับเราถือว่าเป็นรุ่นลูก แต่เขาไม่ค่อยระมัดระวังตัว มารู้ทีหลังว่าเขามีผู้หญิงหรือไม่เขาก็ไปติดใครที่อื่น และเราก็รู้สึกโกรธเขามากเลยค่ะ แต่เวลาเรากลับบ้าน เขาก็น่ารักมาก ?
ตอบ : ทำทุกอย่างตามปกติ

ถาม : พอเราไม่อยู่กับเขา เขาก็ไปมีคนอื่น ?
ตอบ : ก็ธรรมดา อยู่กับเขาให้เยอะหน่อยก็แล้วกัน

ถาม : เขารู้สึกว่าโยมเป็นแม่เขา ?
ตอบ : รับหน้าที่แม่หน่อย ช่วยดูแลให้ใกล้ชิดกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็ลอดง่ามมือไป เป็นธรรมดา โดยเฉพาะคนแก่ ถ้าคนแก่ไม่มีกำลังใจที่เข้าถึงธรรมชนิดยึดหลักได้ก็มักจะขี้เหงา พอขี้เหงาใครเอาใจหน่อยก็จะติดคนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เราก็ให้เวลาท่านเยอะหน่อย จะได้ไม่ต้องไปติดคนอื่น

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ปล่อยเขา ถึงเวลามีโอกาสก็เตือนให้ทำบุญทำทานบ้าง ส่วนที่นอกจากนั้นก็ถือว่าตัวใครตัวมัน กรรมใครกรรมมัน อย่าไปแบกมาก แบกมากแล้วเครียด

เถรี 28-12-2016 09:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่วัดท่าขนุนออกระเบียบวัดไว้ มีอยู่ข้อหนึ่งว่า ผู้ใดมาอ้างเป็นเพื่อนพ้องพี่น้องของพระภิกษุสามเณร แล้วมาทำผิดระเบียบ ให้ขับออกจากวัดและห้ามเข้าวัดตลอดชีวิต พวกนี้จะเจอบัญชีดำ ไม่อย่างนั้นก็อาศัยความคุ้นเคยมาบงการชี้นิ้วพระเณร ถ้าคนคุ้นเคย คนกันเอง โดนหนัก ๆ เข้า คนอื่นจะเกรงใจไปเอง โดยเฉพาะอาตมาไม่มีพี่น้องมาตั้งแต่เด็กแล้ว

สมัยถวายการรับใช้หลวงพ่อวัดท่าซุงที่บ้านสายลม วันเกิดท่านก็ปล่อยเข้าหาหลวงพ่อเป็นชุด ชุดละ ๑๒ คน ให้เวลา ๓ นาที ปรากฏว่าคนนี้ก็จะเข้าก่อน คนนั้นก็จะเข้าก่อน นั่นก็นายพล นี่ก็คุณหญิง นั่นก็คุณนาย อ้างไปเถอะ อาตมาชี้ไปให้ดู "โน่นครับ...เห็นผู้หญิงแก่ ๆ ที่อยู่ตรงประตูนั่นไหม ? แม่ผมเอง...ยังไม่ได้เข้าเลย..!" เจอไม้นี้เข้าไปใคร ๆ ก็หัวหดหมด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็หัวเราะ "ใจเย็น ๆ โยม เขาตั้งกติกาไว้ก็ทำตามเขาไป"

เถรี 28-12-2016 09:51

ถาม : สวดมนต์บทไหนจะเป็นสมาธิ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ให้สติอยู่ตรงหน้าไม่ไปคิดเรื่องอื่น

ถาม : สวดแต่บทถวายพระบรมสารีริกธาตุ ?
ตอบ : บทไหนก็ได้ ทำให้สมาธิทรงตัว จะเป็นบทไหนก็ได้

เถรี 28-12-2016 10:07

ถาม : หนูกลับบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์ อยู่ ๆ ก็ไม่มีแรงค่ะ แต่รถก็ไม่ได้ล้ม แล้วใจก็บอกว่า "นี่มีรถสิบล้อผ่านมา จะมาชน" ในขณะที่กำลังรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เห็นเป็นภาพเลยค่ะ ก็ถามตัวเองว่า "นี่กลัวไหม ? กลัวตายไหม ?" ใจก็ตอบ ตอบอยู่ในอกค่ะ แต่เหมือนเวลานานมากเลยทั้ง ๆ ที่กำลังจะโดนรถชน ใจทวนไปทุกอย่างว่าเรากลัวอะไร เราห่วงอะไร วนไปหาตัวที่อยากเกาะ ก็คือห่วงพระ ห่วงหลวงพ่อ ห่วงว่าถ้ามีคนมาชนหนูแล้ว จะมีคนมาเก็บวัตถุมงคลของหลวงพ่อไป หนูหวงค่ะ ก็เลยคิดว่าเป็นวัตถุ เขาได้ตรงนั้นไปก็ดี

พอหลุดจากตรงนั้นก็มาเป็นห่วงญาติค่ะ ก็คิดว่า "จะห่วงหาอะไรเขา เดี๋ยวเขาก็มีคนมาดูแล" พอหลุดจากตรงนั้นก็กลายเป็นพ่อแม่ หนูเห็นว่าใจวิ่งไปจับที่แม่โดยเฉพาะ "เราเป็นลูกอกตัญญู เราตายไปแล้ว ใครจะมาดูแลแม่" หนักค่ะ รู้สึกหนักมาก ๆ ค่ะ ถ้าจบตรงนี้ได้ก็ต้องเป็นหนึ่งในคนที่จะได้ไปกับหลวงพ่อ อย่างไรถ้าหนูชิงตายก่อนหลวงพ่อต้องช่วยหนูแน่นอน

ใจคิดตรงนั้นก็สว่าง...ไม่กลัวแล้วค่ะ แล้วสิบล้อก็ใกล้หนูมาก แต่เวลาที่จะมาก็พร้อมทุกอย่างค่ะ เหมือนข้างหน้าไม่ใช่ถนนแล้ว เป็นแก้ว ๆ มีพระใส ๆ หนูก็คิดว่า ถ้าหนูตาย หลวงพ่อต้องมาถีบหนูเข้าไปแน่นอน เป็นเวลาแค่นิดเดียว แต่เหมือนนานมากเลย รู้ว่าเราห่วงหาอาทรค่ะ แต่ดันไม่ตายค่ะ

ตอบ : นั่นคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดว่าความคิดของเราเร็วแค่ไหน ชั่วระยะเวลาไม่กี่วินาทีคิดได้เป็นร้อย ๆ เรื่อง และสำคัญที่สุดก็คือ ถ้าเผลอไปเกาะเมื่อไรก็ติดอยู่ตรงนั้นแหละ คนอื่นฟังและจำไว้เป็นอุทาหรณ์ด้วย นั่นคือกำลังใจที่แท้จริงของเรา ถ้าตัดไม่ได้ ละไม่ได้ ตอนนั้นก็ไปตามที่ตัวเองเอาใจไปยึดไปเกาะ ถ้าตัดได้ ละได้ในตอนนั้นก็จะไปตามกำลังใจของตัวเอง

ลักษณะนั้นจริง ๆ แล้วพระหรือเทวดาท่านช่วยสงเคราะห์ เพราะถ้าหากว่าไปต่อ...ตายแน่ เลยต้องดึงให้เรากำลังหมดก่อน เอาเป็นว่าถ้ารู้ว่ายังใช้ไม่ได้ก็ซ้อมไปต่อ

เถรี 28-12-2016 19:46

ถาม : เวลานั่งสมาธิตอนนี้ก็ไม่ได้เห็นอะไร แต่เห็นเข้ามาข้างในค่ะ รู้สึกว่าอีกส่วนแบ่งออกไปเดินเล่น พยายามเรียกให้กลับเข้ามาก็ ไม่เข้าค่ะ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ?
ตอบ : นึกถึงลมหายใจเข้าออก ถ้านึกถึงลมหายใจเข้าออก จิตทั้งหมดจะมารวมอยู่ที่เดียว ไม่อย่างนั้นก็จะออกไปเรื่อย

นั่นคืออาการที่อาตมาเคยบอกตอนสอนกรรมฐาน สอนวิธีแยกจิตทำงานหลาย ๆ อย่าง มีผลเสียก็คือ ถ้าเราทำจนคล่องแล้ว ใจหนึ่งภาวนา อีกใจหนึ่งก็ฟุ้งซ่านได้ ไม่ต้องเสียเวลาเรียกหรอก กลับมาอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก เดี๋ยวก็กลับมาเอง

เถรี 28-12-2016 19:48

ถาม : สิ่งที่เกิดขึ้น พอรู้เหมือนกับเป็นความรู้ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แล้วก็รู้ ๆ ๆ หนูก็ว่าดี อยากจะเก็บมาพิจารณาบ่อย ๆ แต่ก็ยกไม่ขึ้นค่ะ เหมือนกับหนักมาก หยิบอย่างไรก็หยิบไม่ได้ ?
ตอบ : นั่นแค่เห็น ยังไม่ใช่เป็นของเรา เหมือนกับเงาในน้ำ เอื้อมมือลงไปก็แตกกระจายหมด จับไม่ติด

ถาม : ใช่ค่ะ ?
ตอบ : ทำต่อไป เดี๋ยวกำลังเราถึงก็จับได้เอง

ถาม : เอาที่รู้ในปัจจุบันใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ซ้อม ๆ ไปแบบนั้นก่อน

เถรี 28-12-2016 19:50

อย่าถามว่าทำไมพระอาจารย์ตอบได้หมด ตูเจอมาเยอะแล้ว..! กว่าจะผ่านมาแต่ละครั้งเลือดตาแทบกระเด็น โยมถามแค่ ๒ นาที เอาประสบการณ์ไปหมดแล้ว

การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการเดินทาง ถ้าเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน เราเจออะไร คนอื่นก็เจอแบบนั้น เมื่อเราเจอมาจนเป็นปกติแล้ว คนอื่นถามเราย่อมบอกได้ว่าเจออะไรมาบ้าง ฉะนั้น...การปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าต้องมีกัลยาณมิตร คือบุคคลที่เป็นครูบาอาจารย์หรือสหธรรมิก ที่จะช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้การปฏิบัติของเรา ให้ก้าวหน้าขึ้นไปได้ แต่ว่าคุณสมบัติของกัลยาณมิตรนั้น...ยากมาก


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:57


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว