กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ซัวสะเดย..เนียงลออ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=59)
-   -   ซัวสะเดย..เนียงลออ ตอนที่ ๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4032)

สุธรรม 11-05-2014 03:04

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1399753553
ขนาดถ่ายรูปบางคนยังตั้งท่าเตรียมวิ่งไปซื้อไอศกรีมเลย..!

อาตมาเห็นต้นมะเดื่อใหญ่มีสีเขียนเป็นเลขอารบิก ๐๐๑ ลำต้นเอนกำลังดี มีตะพักวางเท้าอย่างเหมาะเจาะ จึงเข้าไปยืนบนตะพักให้แม่ป๋อมถ่ายรูป แล้วรีบตามหลังคณะของเราที่เดินห่างออกไป แม่ป๋อมฉวยโอกาสถ่าย “เบื้องหลัง” ของทั้งคณะเอาไว้ด้วย...

โผล่ออกมาที่ซุ้มโกปุระที่เป็นพรหมพักตร์ขนาดมหึมาทางด้านตะวันตก ตรงนี้เป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ มีร้านขายของที่ระลึกและคนที่หอบของเดินขายเต็มไปหมด อาตมาเรียกให้ทุกคนมารวมกลุ่มถ่ายรูปกันหน้าซุ้มโกปุระก่อน เสร็จแล้วจึงปล่อยกองทัพผู้หิวโหยรี่เข้าไปล้อมรถขายไอศกรีมยี่ห้อเนสเลย์ สั่งซื้อมากินกันอุตลุด ด้วยมีข้ออ้างว่า “ใช้พลังงานไปมาก” ใครจะเอาอะไรมาเสนอขายก็ไม่สนใจทั้งสิ้น...

สุธรรม 12-05-2014 02:39

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1399838456
ถ้วยแค่นี้เจอเข้าไป ๑ ดอลลาร์ ราคาโหดได้ใจจริง ๆ..!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทางบริษัทเนสเลย์เอารถไอศกรีมวิ่งมาจากเมืองไทย หรือว่าเป็นการขายในแหล่งท่องเที่ยวที่ “โขก” ราคานักท่องเที่ยวเป็นปกติก็ไม่รู้ ? ไอศกรีมถ้วยละ ๑๒ บาทของเมืองไทย มาถึงที่นี่กลายเป็นถ้วยละ ๑ ดอลลาร์ อาตมาจึงฉากหลบออกมาถ่ายรูปเบื้องหลังของ “น้องผู้หิวโหย” แทน โดยมีแม่ป๋อมถ่าย “เบื้องหน้า” แต่เป็น “เบื้องหลัง” ของพนักงานขาย ส่วนน้องเล็กที่เห็นราคาก็อิ่มแล้ว หนีไปนั่งรออยู่บนรถตู้คนเดียว...

มีการแย่งกันจ่ายระหว่างเจ้าภาพอย่างพี่วิไลกับป้ามอย สุดท้ายไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่จ่ายกันแน่ เพราะอาตมาเดินแยกออกมาขึ้นรถเสียก่อน รู้แต่ว่าใบละ ๕ ดอลลาร์บินหายไปอีกใบหนึ่งแล้ว เมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย คุณราญก็นำรถวิ่งไปตามถนน ผ่านพื้นที่ป่าขึ้นไปทางทิศเหนือ โดยมีรถโมบายยูนิตคันเดิมวิ่งนำหน้าไปอีกตามเคย...

สุธรรม 13-05-2014 02:47

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1399925357
ปราสาทตาแก้ว สร้างมาแปดร้อยกว่าปีแล้วยังไม่เสร็จ..!

พอเลี้ยวซ้ายมือ คุณแสงก็ชี้ให้ดูปราสาทหลังใหญ่ที่อยู่ทางด้านขวาของถนน บอกว่า “นั่นคือปราสาทตาแก้ว (Ta Keo) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๕ เป็นการทดลองสร้างปราสาทด้วยหินทรายเป็นครั้งแรก นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพราะช่างยังขาดความชำนาญ หรือหินทรายแข็งเกินไป จึงทำให้ผ่านไปสามรัชกาลก็ยังสร้างไม่เสร็จ ต้องปล่อยทิ้งไว้แค่ที่เห็นนี่แหละครับ”

“จริงอย่างที่มัคคุเทศก์เขาว่าหรือไม่ ?” อาตมาถาม “มัคคุเทศก์เถื่อน” ที่ตามมาด้วย “ก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่ที่จริงกว่านั้นก็คือ ในสมัยต่อมามีศึกมาประชิดติดเมือง ต้องเกณฑ์คนออกไปรบ จึงไม่มีแรงงานเหลือไว้ทำการก่อสร้าง” แม้จะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งเดินทั้งปีนป่ายให้ขวักไขว่ไปหมดก็ตาม แต่เมื่อสร้างยังไม่เสร็จก็รอให้เขาสร้างเสร็จแล้วค่อยมาดูกันดีกว่า..!

สุธรรม 25-05-2014 02:45

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1400962072
บริเวณ "สนามหลวง" ของนครธม เอาไว้ "จอด" ช้าง

คุณราญพารถเลี้ยวไปไม่ไกลก็เลี้ยวซ้ายอีกที ผ่านปราสาทหินหลังไม่ใหญ่นักที่มีอยู่ทั้งซ้ายขวา มุ่งตรงไปยังลานกว้างมหึมา ที่มี “ซาก” ปราสาทหินขนาดใหญ่โตมโหฬารอยู่ตรงหน้า เมื่อพวกเราลงรถมาพร้อมหน้ากันแล้ว มัคคุเทศก์ตัวจริงก็ผายมือต้อนรับ...

“ยินดีต้อนรับสู่นครธม มหานครแห่งอาณาจักรกัมโพช ดินแดนแห่งปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งสร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มหาราชแห่งกัมพูชา” อาตมาหันไปมอง “ผู้ถูกพาดพิง” อีกฝ่ายยืนแย้มพระสรวลเฉยเสีย ปล่อยให้คุณแสง “โม้” ต่อไปโดยไม่ขัดคอ...

สุธรรม 26-05-2014 02:40

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401048181
นครธมมีพื้นที่ ๕,๖๒๕ ไร่ นี่เป็นเพียงทางเข้าเท่านั้น..!

“นครธมมีความหมายว่ามหานคร เมืองใหญ่ หรือเมืองหลวง พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ทรงมีพระราชดำริที่จะขยายอาณาจักรขอมให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น จึงได้ย้ายราชธานีจากยโสธรปุระ มาสร้างนครธมขึ้นเป็นราชธานีแทน เมื่อกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๗...

นครธมมีคูเมืองกว้าง ๘๐ เมตร ยาวด้านละ ๓ กิโลเมตร รวมพื้นที่ทั้งหมด ๙ ตารางกิโลเมตร หรือ ๕,๖๒๕ ไร่ ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาสูงถึง ๗ เมตร ประกอบไปด้วยปราสาทราชวังต่าง ๆ มากมาย บริเวณลานกว้างที่ทุกท่านเห็นคือสนามหลวง เป็นที่รวมพลยามเกิดศึกสงคราม หรือเป็นที่พักช้างม้าในยามที่เจ้าประเทศราชหรือเจ้าเมืองต่าง ๆ มาเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน..”

สุธรรม 27-05-2014 03:20

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401136988
หลังเล็กไกล ๆ นั้นเป็นที่พักรอการแสดงของนางอัปสรา

“ปราสาทขนาดเล็กที่เรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทางที่เราเข้ามาด้านละ ๖ หลังนั้น เป็นที่พักของบรรดา “อัปสรา” ที่มาเตรียมการแสดงถวายพระเจ้าแผ่นดินหรือแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งเป็นการแสดงในยามค่ำคืน จึงมีการตามประทีปโคมไฟงดงามมาก..”

“มีข้อมูลอะไรที่พระองค์จะเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ?” อาตมาถาม “มัคคุเทศก์เถื่อน” ซึ่งสรวล หึ..หึ.. อย่างพระทัยเย็นตามปกติวิสัย “มีนั้นมีอยู่ แต่ถ้าท่านเอาไปเผยแพร่ต่อ อาจจะถูกนักวิชาการ “ด่าจมดิน” โทษฐานที่ไปคัดค้านความคิดเห็นของพวกเขา..”

สุธรรม 28-05-2014 07:06

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401236952
ตั้งใจสร้างเป็น "นครธรรม" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

“รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ส่วนใครจะรับฟังจะด่าว่านั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาใส่ใจ จะทรงแถลงเรื่องอะไรก็ว่าไปได้เลย..” อดีตมหาราชแย้มพระสรวล “มีเล็กน้อยเกี่ยวกับชื่อนครธม ซึ่งไม่ได้แปลว่านครใหญ่ “ธม” มาจาก “ธรรม” เขียนเป็นบาลีว่า “ธมฺม” หมายถึงพระนครแห่งธรรม เพราะข้าพเจ้าตั้งใจสร้างให้เป็นเมืองพระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรขอม”

นับว่าได้ “เปิดหูเปิดตา” อย่างแท้จริง “นครธม” ที่แท้ไม่ใช่ภาษาเขมรคำว่า “ธม” ที่แปลว่า “ใหญ่” หากแต่เป็น “นครธรรม” นั่นเอง เอ๊ะ..ชักจะเป็นภาษาไทยมากเกินไปหรือเปล่านี่ ? “แล้วท่านว่าใช่ภาษาไทยไหมเล่า ?” ก็ฟังเป็นภาษาไทยชัด ๆ นี่นา ยังจะเป็นภาษาอื่นได้อีกหรือ ?

สุธรรม 29-05-2014 02:12

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401305750
บ้านเกิดของพระองค์ท่านอยู่แถวนี้ ตกใจจริง ๆ นะนี่..!

“ถูกแล้ว ตระกูลของข้าพเจ้าสืบเชื้อสายมาจาก “ไชยา” ของอาณาจักรศรีวิชัย ทางตอนใต้ของประเทศไทยในปัจจุบัน ถึงได้ใช้คำว่า “ไชยาวรมัน” ต่อท้ายนามเป็นที่ระลึกถึงต้นเค้าเหล่ากออย่างไรเล่า” เว้ย..ชักจะไกลไปหน่อยละมั้ง ? เรื่องแบบนี้ต้องค้นคว้าทางวิชาการจนหัวหงอกเชียวนะ กว่าจะตั้งทฤษฎีที่สมเหตุสมผลขึ้นมาได้ แล้วพอแถลงไปมีหวังโดนคนคัดค้าน “ด่าจมดิน” อย่างที่พระองค์ท่านว่ามาจริง ๆ นั่นแหละ...

“จริงอย่างที่ว่า แต่ท่านบอกว่าอยากจะหาม จึงขอเพิ่มอีกหน่อยก็แล้วกัน เพื่อความเชื่อมั่นยิ่งขึ้นว่า ปราสาท “บายอน” หรือ “บายน” นั้น ที่จริงมาจากคำว่า “บรรยงก์” เพราะข้าพเจ้าตั้งใจสร้างเป็นปราสาทที่ประทับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ” ตูจะเป็นลม..มองพระวรกายสูงใหญ่ล่ำสัน ผิวคล้ำแบบอัศจรรย์ใจ นี่ก็ผิวคนสยาม (ดำ) ชัด ๆ..!

สุธรรม 30-05-2014 02:27

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401393029
"นางพญาครุฑ" เพิ่งจะหาพรรคพวกเจอ..!

กำลังคิดว่าตัวเองเริ่ม “เพ้อเจ้อ” ใหญ่แล้ว ก็พอดีมัคคุเทศก์ตัวจริงชักชวนทุกคน ให้เดินตรงไปยังฐานหินทรายขนาดใหญ่ตรงหน้า ซึ่งสูงขึ้นไปประมาณ ๒ เมตร มีบันไดไม้เสริมให้ขึ้นไปด้านบนได้ รอบฐานแกะสลักเป็นรูป “ครุฑอัด” เรียงรายแบกแท่นอยู่โดยรอบ...

พี่วิไลที่เห็นว่าตัวเองใหญ่โตพอฟัดพอเหวี่ยงกับพญาครุฑ จึงไปยืนทำท่าเลียนแบบแบกฐานศิลาบ้าง ให้พวกเราที่เฮฮาชอบใจได้ถ่ายรูปกัน ทำเอาคุณแสงยิ้มเห็นฟันขาวสว่างโร่บนใบหน้าดำ ๆ เพราะไม่คิดว่า “เจ้านาย” จะขี้เล่นขนาดนี้...

สุธรรม 01-06-2014 19:07

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401625879
ทางเดินพญานาคที่ปรักหักพังหมดแล้ว

พวกเราตามคุณแสงขึ้นไปบนฐานหินทราย ตรงหน้ามีบันไดอีกชั้นหนึ่ง มีสิงห์แกะสลักอยู่ข้างบันไดสองตัว ทางซ้ายเป็นของเก่าแก่คร่ำคร่า หน้าตาแตกบิ่นลบเลือนไปมากแล้ว ตัวทางขวาแกะใหม่เอี่ยมแล้วยกมาตั้งคู่กัน แสดงว่าของเก่าถ้าไม่ชำรุดจนเกินแก้ ก็น่าจะสูญหายไปแล้ว...

คณะของเราเดินขึ้นบันไดสิงห์ไปด้านบน มองออกไปทางซ้ายขวาเป็นชั้นลด แกะสลักเป็นพญานาคแผ่พังพาน มีทั้งที่ขดเป็นกรอบลดต่ำลงไปเท่ากับพื้นฐานหินทรายชั้นแรก และที่ผงาดยาวเหยียดตรงแน่วไกลลิบลิ่วออกไปเป็นทางเดินทั้งสองฝั่ง แต่ส่วนมากพังพานจะปรักหักพังหมดแล้ว ลำตัวก็ขาดเป็นท่อน ๆ แต่เขาเอามาเรียงเป็นรูปเดิม ถ้าสร้างใหม่ ๆ คงสวยงามยิ่งใหญ่เป็นที่สุด...

สุธรรม 02-06-2014 01:16

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401648094
ซุ้มโกปุระที่ตอนสร้างใหม่ ๆ ปูพื้นด้วยทองคำ..!

มัคคุเทศก์มืออาชีพพาพวกเราลงจากบันไดไม้ตรงหน้าซุ้มโกปุระขนาดใหญ่ หลบแดดร้อนยามบ่ายเข้าไปในเงาไม้ด้านซ้ายมือ แล้วบรรยายว่า...

“ฐานสูงทั้งสองชั้นที่เดินขึ้นมานั้น เป็นฐานพลับพลาที่ประทับของบรรดาเจ้าประเทศราช เจ้าเมือง หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มารอเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตให้เข้าเฝ้าได้ ก็จะเดินเข้าไปทางซุ้มโกปุระที่เห็นอยู่นี้ พลับพลาที่ประทับนั้นทำด้วยไม้ จึงผุพังไปหมดแล้ว เหลือแต่ฐานพลับพลาทั้งสองชั้น สมัยนั้นพื้นที่บนฐานตลอดจนทางเดินเข้าสู่โกปุระ ปูด้วยแผ่นทองคำทั้งสิ้น..” พวกเรานึกเห็นภาพความยิ่งใหญ่ ร่ำรวยอลังการ ได้อย่างชัดเจนเลย...

สุธรรม 03-06-2014 02:25

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401738547
ฐานด้านหลังเอาไว้กันช้าง ประตูข้างหน้าเอาไว้กันคน

อาตมาหันไปถ่ายรูปฐานพักที่เดินลงมา กลายเป็นถ่ายสวนกับแม่ป๋อมที่อยู่ข้างบน อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจ แปลว่าอาตมาโดนเก็บ “เบื้องหลัง” ไปอีกแล้ว คุณแสงพาเดินเข้าซุ้มโกปุระ ที่สร้างใหญ่โตเสียเปล่า แต่ทางเข้าแคบจนแทบจะเดินสวนกันไม่ได้ อุตส่าห์ทำจนใหญ่โตทั้งทีทำไมไม่ทำทางเข้าให้ใหญ่หน่อยวะ ?

“นี่เป็นการป้องกันอย่างหนึ่ง ถ้าทำทางเข้าใหญ่โต ถึงเวลาข้าศึกยกมาตีเมือง จะกรูกันเข้ามาโดยง่าย แล้วถ้าใหญ่มากจนช้างม้าเข้ามาได้ ก็ยิ่งจะเสียบ้านเสียเมืองเร็วขึ้น ฐานพลับพลาด้านหน้าเป็นอุบายในการกันไม่ให้ใช้ช้างหรือม้าเข้ามาพังประตูเมือง ซุ้มประตูด้านในจะช่วยกันทหารไม่ให้กรูกันเข้าไปได้ทีละมาก ๆ..” เฮ้อ..ท้ายสุดก็ต้องพึ่งบริการ “มัคคุเทศก์เถื่อน” ตามเคย...

สุธรรม 04-06-2014 01:49

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401822820
ภายในซุ้มโกปุระด้านใน

ด้านในของซุ้มโกปุระเป็นลานกว้างสะอาดสะอ้าน อาตมาจึงให้ทุกคนมารวมกลุ่มกัน ถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก โดยที่คุณแสง คุณอารี หลบไปตามเคย ส่วนคุณปัญญาที่หิ้วน้ำตามมาไม่ทัน จึงไม่ได้ถ่ายรูปด้วย เสร็จแล้วมัคคุเทศก์มืออาชีพก็ชี้ไปทางขวามือ “นั่นเป็น “สระสรง” หนึ่งในสี่แห่งของนครธม ใช้เป็นทั้งแหล่งน้ำดื่มและน้ำใช้ภายในเมืองแห่งนี้...”

จากนั้นตรงไปยังซุ้มนิทรรศการที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีแผนผังแสดงว่าภายในนครธม ประกอบไปด้วยปราสาทหรือสิ่งก่อสร้างอะไรบ้าง แต่ละหลังเรียกว่าอะไร ตั้งอยู่ตรงไหน ถึงคุณแสงไม่บอกอาตมาก็ดูออก เพราะอ่านได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาขอม จึงเห็นว่าภายในกำแพงชั้นนี้ มี “สระสรง” ขนาดเล็กรวม ๓ สระ ขนาดใหญ่อีก ๑ สระ ถึงถูกข้าศึกล้อมอยู่เป็นปีก็ไม่น่าจะขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ นับว่าเป็นการสร้างบ้านแปลงเมืองที่รอบคอบมากทีเดียว...

สุธรรม 05-06-2014 02:17

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401910878
"พิมานอากาศ" ปราสาทสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อเดินอ้อมป้ายนิทรรศการออกมา ที่ว่างตรงหน้าเป็นปราสาทหินที่มีฐานลดหลั่นขึ้นไป ๓ ชั้น แต่ละชั้นสอบแคบลง จนถึงชั้นบนสุดเป็นระเบียงล้อมรอบตัวปราสาท ที่หักพังจนเหลือเพียงฐานและซุ้มประตูเท่านั้น คุณแสงบรรยายว่า...

“ปราสาทหลังนี้ชื่อว่าพิมานอากาศ (Phimeanakas) เป็นปราสาทหลังเดียวที่ก่อสร้างด้วยหินทราย แต่มีฐานเป็นศิลาแลงซ้อนกัน ๓ ชั้น เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สูงราว ๑๒ เมตร กว้าง ๒๘ เมตร ยาว ๓๕ เมตร เอาไว้ใช้ในพิธีบรมราชาภิเษก (ขึ้นครองราชย์) ของพระมหากษัตริย์...”

สุธรรม 06-06-2014 02:38

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1401998556
ขาขึ้นปีนชึ้นไป แต่ขาลงให้ถอยหลังลง

พวกเราเดินมาจนถึงหน้าบันไดที่ค่อนข้างจะผุพัง มัคคุเทศก์พาเดินอ้อมไปทางขวามือ ผ่านก้อนศิลาแลงระเกะระกะ ไปตามทางที่มีร่องรอยการเดินจนเป็นแนวเห็นได้ชัด จึงเห็นว่าด้านนี้มีบันไดศิลาค่อนข้างสูงชันประมาณ ๓๐ – ๔๐ ขั้น และยังมีการทำบันไดไม้เล็ก ๆ ชิดด้านขวาของบันไดศิลา เพื่อให้นักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปชมด้านบนได้อีกด้วย...

“ปราสาทหลังนี้มีบันไดขึ้นลงทั้ง ๔ ด้าน ด้านหน้าเป็นทางเสด็จขึ้นขององค์กษัตริย์ ด้านซ้ายเป็นของข้าราชการต่าง ๆ ด้านขวาที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้ เป็นทางขึ้นของพราหมณ์ปุโรหิต ส่วนด้านหลังเป็นทางในการเสด็จลง จะเห็นว่าบันไดค่อนข้างสูงและชันมาก เพื่อให้รู้สึกว่าได้ขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเปรียบเหมือนองค์เทพบนฟ้า ในระหว่างพิธีนั้นต้องปีนขึ้นตรง ๆ และถอยหลังลงมา ห้ามหันหลังลงอย่างเด็ดขาด..”

สุธรรม 07-06-2014 02:41

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1402085114
พิมานอากาศชันจนปีนไม่ไหว มาดูหลังใหม่กันดีกว่า

พวกเราเห็นบันไดชันลิบก็ท้อกันหมดแล้ว อาตมาจึงต้องตามใจเสียงส่วนมาก ด้วยการไม่ขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน รู้สึกว่าขาดทุนอยู่เหมือนกัน เพราะอุตส่าห์มาถึงทั้งทีกลับไม่ได้ขึ้นไปดูข้างบนเสียนี่ แต่เมื่อเห็นหน้าทุกคนที่เดินกันมาตั้งแต่เช้า ก็ต้องยอมขาดทุนแต่โดยดี...

ตามมัคคุเทศก์อ้อมปราสาทพิมานอากาศด้านหลัง ตรงไปยังแนวกำแพงศิลาที่ผุพัง มีมอสส์และตะไคร่ขึ้นเขียวเป็นแห่ง ๆ ผ่านช่องว่างซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นประตูเก่า หรือว่ากำแพงช่วงนี้พังทลายลงไปหมดแล้ว เห็นท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นจนเหมือนป่าธรรมชาติ และกองศิ
ลาระเกะระกะ มีปราสาทหินขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งเหลือแต่ฐานยกระดับสามชั้น มีบันไดไม้ประมาณ ๒๕ ขั้น สร้างซ้อนทับบันไดเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปยังชั้นแรก ด้านบนปรักหักพังจนเหลือเพียงซุ้มระเบียงบางส่วนเท่านั้น...

สุธรรม 08-06-2014 02:26

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1402170648
ปราสาทแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา

“ที่ท่านเห็นอยู่นี้คือด้านหลังของปราสาทบาปวน (Baphuon) เป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ กว้างถึง ๑๐๐ เมตร ยาว ๑๒๐ เมตร ถ้าท่านเข้าจากทางด้านหน้าซึ่งเป็นทิศตะวันออก จะต้องเดินไปตามทางที่เป็นสะพานหินยาวเหยียด เพื่อขึ้นบันไดไปสู่ซุ้มโกปุระข้างบน ซึ่งด้านบนสุดนั้นเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ทองคำ คำนวณจากฐานที่เหลืออยู่ ศิวลึงค์องค์นี้มีน้ำหนักถึงหนึ่งตัน..!

แม้ว่าท่านจะไม่ได้ขึ้นจากทางด้านหน้า ไม่ได้เห็นความสวยงามอลังการของปราสาท แต่ด้านหลังนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ไม่ทราบว่าทุกท่านเห็นองค์พระกันไหมครับ ?” มัคคุเทศก์ถามขณะที่พวกเรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก พระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดนั้น ทำไมไม่มีใครเห็นเลยสักคนเดียว..??

สุธรรม 09-06-2014 03:12

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1402259815
พอจะเห็นพระนอนหรือยัง ?

คุณแสงยิ้มแบบสมคะเนว่า ถ้าพวกเราไม่ใช่รู้ลึกเรื่องของปราสาทหินกันจริง ๆ ก็จะต้องออกท่าทางกันแบบนี้แหละ แล้วชี้ให้ดูฐานชั้นที่สองของตัวปราสาทอีกครั้ง...

“ดูดี ๆ นะครับ ถ้าฐานชั้นแรกคือฐานพระพุทธไสยาสน์ องค์พระก็คือชั้นที่สองทั้งชั้นนั่นเอง ตรงที่ผมชี้ก็คือพระพักตร์ของพระพุทธไสยาสน์เลยครับ..”

โอ้..มายบุ๊ดด้า..เพิ่งจะเห็นว่า อิฐกระดำกระด่างที่เรียงอยู่ของชั้นสองทั้งชั้น ถึงแม้จะมีตัวอาคารมุงแฝกเพิ่มขึ้นมาเกะกะอยู่หลังหนึ่ง ก็ยังมองเห็นพระพุทธรูปองค์มหึมา ที่กำลังบรรทมสีหไสยาสน์ เต็มไปทั้งชั้นสองของตัวปราสาท..! โดยเฉพาะพระนาสิกที่เห็นชัดเจนมาก...

สุธรรม 10-06-2014 03:04

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1402345738
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

“ในเมื่อมีศิวลึงค์ทองคำ ก็แปลว่าเป็นปราสาทที่สร้างบูชาพระศิวะ แล้วเหตุใดจึงได้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้ด้านล่าง มิแปลว่าศาสนาพราหมณ์เหนือกว่าศาสนาพุทธหรือ ?”

“อ๋อ..แต่แรกปราสาทบาปวนนี้ สร้างเพื่อบูชาพระศิวะจริง ๆ ครับ แต่เมื่อองค์กษัตริย์ที่นับถือศาสนาพุทธขึ้นครองราชย์ ก็ทำการรื้อเทวรูปและศิวลึงค์ออก แล้วปรับฐานเป็นพระพุทธไสยาสน์แทน..” มัคคุเทศก์ของเราเฉลย อือม์..หากินง่ายดีเหมือนกัน แต่ “ผู้หากิน” ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสียอีก คง “ทรงพระขี้เกียจ” ที่จะอธิบายความเพิ่มเติม...

สุธรรม 11-06-2014 17:19

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1402483494
ดูใกล้ ๆ อีกที

เนื่องจากพวกเราไร้แรงบินกันถ้วนหน้า จึงไม่ได้ขึ้นไปบนปราสาท เพื่อวนออกไปดูความงดงามอลังการทางด้านหน้า ได้แต่ถ่ายรูปแล้วนั่งพัก คุณปัญญาเอาน้ำดื่มมาแจก ได้น้ำได้ท่าเข้าไปค่อยมีเรี่ยวมีแรง หามุมถ่ายรูปกับต้นไม้ใบหญ้าแถวรอบ ๆ ไปก่อน...

เมื่อพักผ่อนกันพอสมควรแล้ว คุณแสงก็พาเดินไปทางขวามือ อ้อมหลบก้อนหินที่เกะกะไปหมดออกไปทางซุ้มประตูบานหนึ่งของกำแพง ทะลุออกมายังป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงสล้าง ถ้าไม่ใช่ยังมีก้อนหินอยู่เต็มไปหมด ก็ต้องคิดว่าเป็นป่าธรรมชาติไปแล้ว...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว