กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6863)

เถรี 25-12-2019 19:32

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจ..เข้าให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ต้องบอกว่ายังอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับวันพ่อ ซึ่งเมื่อวานเราได้กล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปแล้ว วันนี้ก็อยากจะตอกย้ำเพิ่มเติมให้กับพวกเราทุกคน ว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคเพื่อผลนั้น สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ บารมี ๑๐

เพราะว่าบารมีทั้ง ๑๐ อย่าง ถ้าเราก็ทำเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ ก็ย่อมเข้าถึงมรรคถึงผลตามที่ตนปรารถนา แม้แต่จะตั้งใจปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นได้ คราวนี้ในส่วนของบารมี ๑๐ นั้น ถ้าเราเองยังไม่ชัดเจน ก็ให้เปรียบกับองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเราทั้งหลาย

อย่างเรื่องของทานบารมี พระองค์ท่านให้การสงเคราะห์ต่อประชาชนโดยเสมอหน้ากัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีชาวเขาไม่มีชาวเรา ไม่มีความแตกต่างกันด้วยเชื้อชาติศาสนา เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านมีทั้งราชประชานุเคราะห์ ราชประชาสมาสัย มีทั้งมูลนิธิต่าง ๆ เช่น ชัยพัฒนา เป็นต้น พระองค์ท่านไม่ได้ให้ทานด้วยการให้อย่างเดียว ในลักษณะที่บางท่านเปรียบว่าเหมือนเอาปลาให้ชาวบ้าน แต่พระองค์ท่านสอนวิธีจับปลาให้ด้วย คือเป็นการให้ทานด้วย ให้ปัญญาไปในตัวด้วย

ในเรื่องของศีลนั้น พระองค์ท่านทรงศีลเป็นปกติและบางสิ่งที่เราไม่รู้เลยก็คือพระองค์ท่านทรงศีล ๘ เป็นปกติในทุกวันพระ ในช่วงที่ "สมเด็จย่า" ยังอยู่ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จไปเสวยพระกระยาหารค่ำกับสมเด็จย่าอาทิตย์ละ ๕ วัน ที่เว้นไป ๒ วันเพราะว่าไปเสวยพระกระยาหารกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในสมัยนั้น ๑ วัน และทรงศีล ๘ หนึ่งวัน ก็แปลว่าในเรื่องของศีลบารมี ในหลวง ร.๙ ทรงมีสมบูรณ์บริบูรณ์

เถรี 26-12-2019 19:02

ในเรื่องของเนกขัมมบารมี พระองค์ท่านนอกจากเสด็จออกบวชในปี ๒๔๙๙ แล้ว พระองค์ท่านก็ยังคงสร้างบารมีในลักษณะของนักบวชหัวดำ เราจะเห็นว่าพระองค์ท่านประหยัดมัธยัสถ์ต่อตนเองยิ่งกว่านักบวชที่ถือศีล ๒๒๗ ข้อ ก็แปลว่าในส่วนของเนกขัมมบารมีคือการออกจากกามนั้น พระองค์ท่านทำตัวห่างออกมาพอ ๆ หรือว่ามากกว่านักบวชทั่วไปเสียอีก

ในด้านของปัญญาบารมีนั้น พระองค์ท่านใช้ปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม ปัญญาทางโลกสิ่งที่พระองค์ท่านค้นคว้ามากลายเป็นสิ่งสำคัญของโลก อย่างเช่นวิธีการทำฝนเทียม กังหันน้ำชัยพัฒนา วิธีการปรับปรุงดิน เพื่อให้ดินมีสภาพความพอเหมาะพอสมต่อการเกษตรในแต่ละพื้นที่ จนกระทั่งต่างประเทศให้การยอมรับ องค์การยูเนสโกประกาศให้วันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของพระปัญญาที่ใช้ในทางโลก

ส่วนในทางธรรม พระองค์ท่านนั้นเข้าถึงธรรมลึกซึ้งมาก มีปัญญามาก นำเอาหลักธรรมมาใช้ในการปกครองประเทศโดยไม่มีกลิ่นอายบาลีอยู่เลย เราจะเห็นว่าหลักธรรมที่พระองค์ท่านใช้นั้น ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัติจริง ๆ หรือว่าไม่ใช่ผู้ที่ค้นคว้าตำรามาอย่างช่ำชองจริง ๆ บางทีจับไม่ได้เลยว่าพระองค์ท่านตรัสถึงหลักธรรมอยู่ จะเห็นได้ว่าในส่วนของปัญญาบารมีพระองค์ท่านถึงพร้อมทั้งทางโลกและทางธรรม

ส่วนเรื่องของวิริยบารมีนั้นไม่ต้องพูดถึง พระองค์ท่านพากเพียรที่จะให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมาตลอด ๗๐ ปีที่ทรงครองราชย์อยู่ เป็นงานที่กระทำไปโดยแทบที่จะไม่ได้เห็นผลง่าย ๆ แต่พระองค์ท่านก็พากเพียรทำมาโดยตลอดไม่ย่อท้อ ๗๐ ปี ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ ทำไปเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน เห็นชัดว่าวิริยบารมีของพระองค์ท่านนั้นท่วมท้นล้นแผ่นดิน

เถรี 26-12-2019 19:04

ในเรื่องของขันติบารมีนั้น พระองค์ท่าน อดทน อดกลั้น อดออม ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทนต่อความเหนื่อยยากพระวรกาย ทนต่อแรงกระทบต่าง ๆ ทนต่อความว่ายากสอนยากของประชาชนโดยเฉพาะราชการ ถ้าไม่มีความอดทนอดกลั้นตรงจุดนี้ พระองค์ท่านมีสิทธิ์ที่จะลงโทษเขาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีเลย อย่างดีก็ตำหนิด้วยวาจา แล้วเป็นการตำหนิที่บางทีคนโดนตำหนิก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองโดน ดังนั้น...ในส่วนของขันติบารมีพระองค์ท่านมีอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

ในด้านของสัจจบารมีนั้น แค่พระปฐมบรมราชโองการ ว่าเราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ก็แสดงออกถึงสัจจะอย่างจริงแท้แน่นอนของพระองค์ท่าน ตลอด ๗๐ ปีทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมาโดยตลอด ไม่มีอะไรให้สงสัยเลย

ในด้านของอธิษฐานบารมี คือความตั้งพระทัยอย่างมั่นคงของพระองค์ท่าน สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระองค์ท่านตั้งพระทัยกระทำแล้ว ก็ทำไปจนสำเร็จ ถ้ายังไม่สำเร็จก็ยังไม่เลิก ค้นคว้าต่อไป ดังนั้นในความตั้งใจมั่นคืออธิษฐานบารมี พระองค์ท่านก็ถึงพร้อมโดยสมบูรณ์บริบูรณ์

ในเรื่องของเมตตาบารมี พระองค์ท่านนั้นยิ่งใหญ่ ไม่มีอะไรจะเปรียบปาน ด้วยความรักความเมตตาต่อประชากรทุกคน ประหนึ่งบุตรในอุทร ตั้งใจสงเคราะห์ทุกคนเป็นอัปปมัญญาก็คือไม่มีประมาณ เห็นทุกคนเป็นพสกนิกรที่ต้องให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ ไม่เห็นถึงความแตกต่างของเชื้อชาติศาสนาเลย นี่ก็คือเมตตากรุณาที่หาประมาณไม่ได้ ไม่เลือกที่รักมักที่ชังอย่างแท้จริง

เถรี 27-12-2019 20:25

ท้ายสุดก็คืออุเบกขาบารมี สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกินกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกำลังพระวรกาย กำลังคน กำลังทรัพย์ พระองค์ท่านก็ปล่อยวางเป็นอุเบกขาบารมีที่ประกอบไปด้วยเมตตากรุณา มีโอกาสเมื่อไรพร้อมที่จะมาเริ่มต้นใหม่ กระทำใหม่ ช่วยเหลือใหม่ในทันที

ดังนั้น...ในส่วนของบารมีทั้ง ๑๐ ที่เราดูในหลวงรัชกาลที่ ๙ เป็นตัวอย่าง พวกเราเองมีพร้อมสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง..ในแต่ละวันต้องทบทวนอยู่เสมอ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกล่าวกับลูกศิษย์ โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์อยู่เสมอว่า บารมี ๑๐ ให้เขียนติดหัวเตียงไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพระวัดท่าซุงไม่ได้เขียนติดหัวเตียง แต่เขียนติดข้างฝา บางท่านก็ยังมีคำวิจารณ์วิจัยเล็ก ๆ ต่อยอดไปอีก แตกแขนงไปอีก ว่าตรงนี้ของเราบกพร่องตรงไหน ตรงนั้นของเราบกพร่องตรงไหน

บางทีอาตมาได้เข้าไปในห้องของเพื่อนพระในยุคนั้น พระพี่พระน้องหลายรูปตั้งใจปฏิบัติอย่างน่าชื่นชม ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำมาแล้ว ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ต้องมีบารมี ๑๐ เป็นหลัก ปฏิบัติได้ครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อไรสำเร็จเมื่อนั้นอย่างแน่นอน

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:43


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว