กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6179)

เถรี 23-05-2018 00:17

เก็บตกงานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑
 
การทำบุญ พวกเราได้บุญตั้งแต่ตอนที่ตั้งใจทำแล้ว ไม่ใช่ว่าต้องรอให้พระท่านรับกับมือ ต้องรอให้พระท่านใช้ให้เห็นแล้วเราถึงจะได้บุญ ถ้าลักษณะนั้นจะได้บุญน้อยด้วย เพราะว่าพวกเราอุเบกขาในการทำบุญไม่เป็น

ทำบุญให้เป็นบุญก็คือทำแล้วก็แล้วกัน เขาเรียกว่ามีอุเบกขา ถ้าอย่างนั้นจะเป็นกำลังใจสูงสุดในการทำบุญ แต่ถ้าทำแล้วยังต้องไปตรวจสอบว่าท่านใช้ของเราหรือเปล่า ? ท่านรับของเราหรือเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นเป็นกำลังใจที่ต่ำมาก อานิสงส์ที่จะพึงได้ก็พลอยน้อยไปด้วย

เถรี 23-05-2018 00:18

ท่านเจ้าของรถยนต์โปรดทราบ บนลานธรรมที่เขาปูตัวหนอนเอาไว้นั้น ไม่อนุญาตให้จอดรถเพราะว่าไม่ใช่ที่จอด มาถึงแล้วท่านมักง่าย คิดว่าตัวเองบารมีสูง มีที่จอดให้ โปรดคิดเสียใหม่ว่าเวลาขึ้นไปจอด ถ้าพื้นยุบเสียหาย ทางวัดก็ต้องจัดการซ่อมใหม่ทุกครั้ง ซึ่งอาตมาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่จะผลักภาระการติดหนี้สงฆ์ให้กับโยมไป

เถรี 23-05-2018 00:19

งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร เป็นการขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ ดับเรื่องร้อนภายในประเทศให้ เพราะฉะนั้น...ถ้าช่วงระยะ ๓ วัน ๗ วันนี้ฝนมากหรือหนาวขึ้นมากะทันหันก็อย่าได้สงสัย ขอให้รู้ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา หลายท่านมาแล้วก็ว่าทางวัดยังหนาวอยู่ ความจริงแล้วก็ร้อนตับแตกพอกัน

เถรี 23-05-2018 00:21

(พูดถึงเรื่องการแบ่งปันที่นั่งในศาลา) ต้องบอกว่าเสียแรงที่มาวัด ยังแบกเอากิเลสมาท่วมหัว ทั้งดื้อ ทั้งรั้น บอกอะไรไม่เคยฟัง จะบอกว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนก็ไม่ใช่ ท่านคงสอนจนปากฉีกถึงหูแล้วแต่พวกเราก็ไม่ฟังอยู่ดี

เถรี 23-05-2018 00:24

งานไหว้ครูประจำปีของทางวัดท่าขนุนนั้น เป็นงานไหว้ครูตามสายกรรมฐานของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ซึ่งสืบทอดมาถึงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง ผู้เป็นครูบาอาจารย์ของอาตมา ท่านสั่งไว้เลยว่า ในแต่ละปีให้จัดงานไหว้ครูตามสายกรรมฐานของเราด้วย เนื่องเพราะว่าโดยปกติแล้วการเจริญกรรมฐาน จะมีการไหว้ครูด้วยธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม ดอกไม้ ๓ สี และเงินบูชาครู ๑ สลึง ซึ่งถ้าเราทำตามก็จะมีความคล่องตัวในการเจริญกรรมฐาน เพราะว่าครูบาอาจารย์ท่านแผ่บารมีมาช่วย

แต่สำหรับพวกเราที่เจริญกรรมฐานเช้า กลางวัน เย็นเป็นปกติ จะให้จัดเครื่องบูชาครูแบบนั้นทุกวันทุกเวลาก็เป็นภาระหนัก ท่านจึงให้จัดงานไหว้ครูประจำปีทีเดียว โดยระบุไว้ว่า ถ้ามีวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนอะไรก็ได้ ให้จัดงานไหว้ครูในวันนั้น ถ้าหากว่าปีนั้นไม่มีวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ให้จัดไหว้ครูในวันวิสาขบูชา ถ้าหากว่าวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำและวันวิสาขบูชาติดภารกิจสำคัญ ก็ให้จัดงานไหว้ครูประจำปีในวันมาฆบูชา

เถรี 23-05-2018 00:26

นี่คือสิ่งที่ปฏิบัติกันมาตามสายกรรมฐานของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคและหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง ซึ่งถ้าหากว่าเป็นวาระที่สมควร พระท่านก็จะสั่งให้มีการเป่ายันต์เกราะเพชรไปด้วย ซึ่งการไหว้ครูนั้น ไม่ว่าท่านจะมาจากสายกรรมฐานหรือวิชาการอะไรก็แล้วแต่ ที่นี่ไหว้ครูใหญ่ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา ตลอดถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุก ๆ พระองค์ พระพรหม เทวดาทุก ๆ พระองค์ ฤๅษีทุกตนที่เป็นครูบาอาจารย์สืบ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้นท่านจะมาจากสายกรรมฐานหรือสายวิชาการใดก็สามารถร่วมงานครั้งนี้ได้ โดยมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอกัน

การไหว้ครูนั้น โดยปกติแล้ว สายวิชาการอื่น ๆ เขามีการไหว้ครูพ่อปู่ฤๅษี ๑๐๘ ตน มีการไหว้ครูพ่อแก่ มีการไหว้ครูพระพิฆเณศวร์ เทพเจ้าแห่งศิลปกรรม มีการไหว้ครูพระวิษณุกรรมซึ่งเป็นครูช่าง มีการไหว้ครูพระพิราพซึ่งเป็นครูการแสดงทุกแขนง ไม่ว่าท่านจะมาทางด้านไหนก็ตาม สามารถไหว้ครูรวมกันที่นี่ได้ ซึ่งเครื่องบวงสรวงของเราจัดเป็นชุดใหญ่สูงสุดอยู่แล้ว

เครื่องบวงสรวงในครั้งนี้ก็ยังคงได้รับความเมตตาจากพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโมพร้อมด้วยคณะพระภิกษุและลูกศิษย์ ร่วมกันจัดถวายให้กับทางวัดท่าขนุนเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ซึ่งในส่วนนี้ท่านทั้งหลายก็ถือว่ามีส่วนร่วมในกองบุญการกุศลครั้งนี้กับพระมหานันทวัฒน์ท่านด้วย

เถรี 24-05-2018 19:09

สิ่งหนึ่งที่อาตมาอยากจะทำมากที่สุดก็คือ ครอบครูการเป่ายันต์เกราะเพชรต่อให้กับพระภิกษุที่เป็นทั้งสหธรรมมิกหรือลูกศิษย์ แต่ยังไม่ได้รับคำสั่งจากครูบาอาจารย์ว่าให้ทำได้ ที่น่าเสียดายก็เพราะว่าเพื่อนสหธรรมมิกหลายท่านมีความสามารถ มีคุณสมบัติที่พอเพียง ถ้าหากว่าได้รับการครอบครูไป ถึงเวลาได้สงเคราะห์แก่ญาติโยมบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ก็ไม่ต้องเดินทางไกลมาถึงวัดท่าขนุนแห่งนี้

การครอบครูสำหรับการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอนแรกท่านประกาศให้พระทั้งวัดเข้ารับการครอบครูทั้งหมด แต่ทว่ากรรมการสงฆ์ในช่วงนั้นมีความเห็นร่วมกันว่า การเป่ายันต์เกราะเพชรควรเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อฤๅษีแต่เพียงรูปเดียว ลูกศิษย์ไม่บังควรไปวัดรอยเท้า จึงมีคำสั่งระงับไม่ให้ทำการครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชร

แต่อาตมาถือว่าคำสั่งของหลวงพ่อเป็นใหญ่ จึงดื้อทำเครื่องบูชาครูเพื่อรับการครอบครูเป่ายันต์ ก็ปรากฏว่าโยมศุภาพร ปุษยะนาวิน อดีตภรรยาของหลวงตาวัชรชัย ท่านเห็นว่าอาตมายังพรรษาน้อยมาก ตอนช่วงนั้นเพิ่งได้ ๗ พรรษาเท่านั้น ถ้าดื้อทำลักษณะฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการสงฆ์ อาจจะโดนไล่ออกจากวัดได้ จึงได้บอกว่าจะทำขันครูเผื่อพระผู้ใหญ่ที่รับใช้รอบข้างพระเดชพระคุณหลวงพ่อในช่วงนั้นด้วย จึงทำไป ๙ ชุดด้วยกัน ซึ่งขณะนี้แทบจะไม่เหลือติดวัดแล้ว

บุคคลที่ได้รับการครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ที่สึกหาลาเพศไปแล้วก็มี

พระสมุห์บัญชา สุขปญฺโญ หรือ นายบัญชา ธไนยสวรรย์ พระอนุสาวนาจารย์ของอาตมา ๑

พระอภิชัย สุธมฺมธมฺโม หรือ นายอภิชัย นุตาลัย ๑

พระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล หรือทิ นายชาติชาย ลือพาณิชย์กุล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ๑

ส่วนที่ออกนอกวัดมาก็มี หลวงตาวัชรชัย อินทวํโส หรือ ท่านพระครูภาวนาพิลาศ วัดเขาวง ๑

พระปลัดวิรัช โอภาโส วัดธรรมยาน จังหวัดเพชรบูรณ์ ๑

อาตมาเอง พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ๑

และที่เสียชีวิตไปแล้วก็คือพระใบฏีกาประทีป อตฺถทสฺสี ๑

ท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล หรือ หลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ พระกรรมวาจาจารย์ของอาตมาอีก ๑

โยมจะเห็นว่าในวัดเหลืออยู่แค่หนึ่งเดียว เป็นใครให้ไปเดาเอาเอง แต่ไม่ใช่เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน

เถรี 24-05-2018 19:12

ดังนั้น ในบรรดาผู้ที่ได้รับการครอบครูและเป่ายันต์เกราะเพชรทั้งหมดนั้น ก็มีแต่อาตมาที่ได้รับคำสั่งจากครูบาอาจารย์หรือจากพระท่านให้จัดพิธีกรรมนี้ ก็ยังสงสัยว่าทำไมเป็นการรับคำสั่งให้จัดจากท้ายขึ้นมา ? เพราะว่าในจำนวนที่ครอบครูรับการเป่ายันต์ฯ ทั้งหมดนั้น อาตมาเป็นอันดับที่ ๘ คืออาวุโสพรรษาเกือบจะน้อยที่สุด มีทิดชาติชายซึ่งเป็นรุ่นน้องท่านเดียวซึ่งได้สึกหาลาเพศไปแล้ว นั่นเป็นผู้ที่อาวุโสพรรษาน้อยที่สุดในชุดนั้น

ก็แปลว่าบุคคลที่ได้รับการครอบครูพรรษามากที่สุดก็มรณภาพ พรรษาน้อยที่สุดก็สึกหาลาเพศไป ระหว่างกลาง ๆ ก็มีทั้งที่ออกจากวัดไป และมีทั้งที่สึกหาลาเพศไปมาก ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ อาตมาเองก็กำลังรอด้วยใจจดใจจ่อ ว่าเมื่อไรจะมีคำสั่งให้ครอบครูได้ เมื่อถึงเวลา ถ้าท่านไม่ได้เจาะจงว่าให้ใครบ้าง ก็จะประมาณว่าใครมาจะจับครอบครูให้หมด อย่างน้อย ๆ สายวิชาการนี้จะได้ไม่สูญหายไปไหน

สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ จะต้องฝึกฝนในเรื่องของทิพจักขุญาณให้มีความชัดเจนแจ่มใสให้มากที่สุด ญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ จะเห็นว่าอาตมาสอนให้จับภาพพระ บังคับให้ภาพพระใหญ่เล็ก สว่างมาก สว่างน้อยอยู่ทุกครั้ง ขอให้รู้ว่านั่นเป็นพื้นฐานของอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ เลย ซึ่งท่านทั้งหลาย บางท่านก็รำคาญว่า มากี่ครั้งก็สอนแค่นี้ อาตมาก็อยากจะบอกว่า "ก็กูรู้อยู่แค่นี้...!"

ในส่วนนี้ท่านทั้งหลายถ้าฝึกฝนเอาไว้ ในความเป็นพระของเรา เมื่อถึงเวลา มีความคล่องตัว เห็นผี เห็นเทวดาได้ชัดเจน ติดต่อกับพระท่านได้ชัดเจน ครูบาอาจารย์สั่งอะไรก็สามารถรับได้ เราก็สามารถที่จะรับการครอบครูแล้ว ถึงเวลาก็ทำหน้าที่ตามที่พระท่านสั่งได้ เพราะว่าการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ท่านสั่งเป็นคำขาดเอาไว้ว่า

อันดับแรก ให้ทำเฉพาะในวัดที่ตนเองอยู่เท่านั้น แปลว่า ไม่สามารถเดินสายรับจ้างเป่ายันต์เกราะเพชรได้ เหมือนกับที่หลาย ๆ ท่านทำกัน

ประการที่สอง ต้องใช้ทิพจักขุญาณติดต่อกับพระท่านโดยตลอด ท่านสั่งแค่ไหนให้ทำแค่นั้น อย่าใช้กำลังของตัวเองเป็นอันขาด ท่านบอกว่าถ้าใช้กำลังของตัวเองจะได้ผลไม่เกินสองเปอร์เซ็นต์

ประการสุดท้ายก็คือ ให้ทำเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมเท่านั้น แปลว่า ไม่มีการเรียกร้องค่าบูชาครูหรือค่าแรงใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าญาติโยมเต็มอกเต็มใจทำบุญมา ก็ยินดีรับเอาไว้ แต่ถ้าโยมเขาไม่ทำบุญด้วยก็ไม่ต้องไปเรียกร้องอะไร เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านให้ทำเพื่อเป็นการสงเคราะห์แก่คนหมู่มากเท่านั้น

เถรี 24-05-2018 19:14

โดยเฉพาะบ้านเราเมืองเราช่วงนี้ สถานการณ์ประเทศชาติค่อนข้างจะคับขัน อาตมาเองก็ต้องการกำลังใจจากญาติโยมหมู่มาก ซึ่งถ้ากำลังใจเรารวมเป็นหนึ่ง ก็จะมีพลังมหาศาล สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุร้ายบางอย่างให้กลายเป็นดี เหตุร้ายที่หนักก็กลายเป็นเบา เหตุร้ายที่เบาก็กลายเป็นหาย

อาตมาก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากมาย ก็แค่อยากจะเปลี่ยนสถานการณ์ประเทศชาติของเราจากร้ายให้กลายเป็นดี ถ้าไม่สามารถจะเปลี่ยนสถานการณ์ประเทศชาติจากร้ายกลายเป็นดีได้ ขอเปลี่ยนแค่คณะรัฐบาลได้ไหม..?! ซึ่งเรื่องนี้ถึงเวลาญาติโยมก็จะเห็นเอง

เพราะว่าการเป่ายันต์เกราะเพชรก็ดี การบวงสรวงไหว้ครูก็ดี เมื่อถึงเวลาบารมีพระท่านสงเคราะห์มา และพรหมเทวดาท่านจะนำเอากำลังพวกเราที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งเดียวไปใช้ในการเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งสภาพดินฟ้าอากาศก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย อาตมาถึงได้บอกว่าถ้า ๓ วัน ๗ วันนี้ เปลี่ยนจากร้อนเป็นหนาว จากหนาวเป็นร้อน จากฝนเป็นหนาว จากหนาวเป็นฝนชนิดตรงกันข้าม ก็ให้ทราบว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นมีผลอยู่

เถรี 24-05-2018 19:17

หลังจากการไหว้ครูช่วงเช้า ซึ่งงานนี้ไม่มีการรับวัตถุมงคลเข้าพุทธาภิเษกร่วมกัน เพราะว่าทางวัดไม่ได้สร้างวัตถุมงคล แต่ปรากฏว่าช่วงประมาณเดือนหนึ่งที่ผ่านมา มีผู้มาขอความช่วยเหลือ ทั้งสภาวัฒนธรรมอำเภอ ทั้งกิ่งกาชาดอำเภอ อาตมาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงมีคำสั่งเร่งด่วนให้สร้างเหรียญ ด้านหน้าเป็นรอยพระพุทธบาทหน้าวัดท่าขนุน ด้านหลังไม่ทราบว่าจะลงอะไร ท้าวเวสสุวรรณท่านบอกว่า "เอารูปของผมลงก็ได้ครับ" ถึงเวลาท่านจะมาช่วยเสกให้เอง

อาตมาเองเห็นว่าแบบที่ออกแบบโดยอาจารย์แบงค์ ก็คือ คุณชัยวัฒน์ หาญสมุทร ออกแบบมาได้สวยมาก เสียดายว่า ถ้าลงที่หลังเหรียญแล้วเห็นรายละเอียดไม่ชัด จึงขออนุญาตท่านทำเป็นผ้ายันต์ด้วย ก็ได้รับอนุญาตทำมาอย่างละ ๑๐,๐๐๐ ชิ้น ก็คือเหรียญเนื้อทองทิพย์ ๑๐,๐๐๐ เหรียญ ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ ๑๐,๐๐๐ ผืน กำหนดให้จำหน่ายเหรียญละ ๒๐๐ บาท ผ้ายันต์ ๑๐๐ บาท

เดี๋ยวพอเสร็จพิธีแล้วโยมไปดูที่ตู้จำหน่ายวัตถุมงคลทางด้านหลัง ไม่ต้องเหยียบกันนะ เพราะว่ามีของมากพอ เพียงแต่อาตมาทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้มีของรุ่นนี้มีราคาถูกที่สุด ก็ไม่แน่ใจว่าท่านอยากให้ทุกคนได้ทำบุญร่วมกัน หรือว่าท่านมีอะไรที่ต้องสงเคราะห์แก่ชาวบ้านเป็นการส่วนรวม ถึงต้องการจะให้กระจายออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เดี๋ยวอีกสักครู่ตอนพุทธาภิเษก ถ้ามีอะไร อาตมาจะบอกกล่าวให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

เถรี 24-05-2018 19:18

เมื่อบวงสรวงไหว้ครูและพุทธาภิเษกเรียบร้อยแล้ว อาตมาจะนั่งรับศรัทธาญาติโยมตรงนี้ จนกระทั่ง ๑๐​ โมงตรงก็จะทำการเป่ายันต์เกราะเพชรรอบแรก แล้วก็รับสังฆทานต่อจนกระทั่งไปฉันเพล หลังเพลมารับศรัทธาญาติโยมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเตรียมทำการเป่ายันต์เกราะเพชรรอบที่สอง

ญาติโยมเมื่อเสร็จจากพิธีบวงสรวงไหว้ครูแล้ว ให้ไปเตรียมธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เอาไว้ใช้ในการรับยันต์เกราะเพชรตอน ๑๐ โมงหรือตอนบ่ายโมง ใช้แค่ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มเท่านั้น อย่างอื่นไม่มี ไม่จำเป็นต้องจัดดอกไม้อะไรมาทั้งสิ้น ถ้าหากว่าไม่ได้เตรียมมา ตรงปากทางเข้าศาลาจะมีอยู่ ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ท่านทั้งหลายสามารถที่จะไปบูชาจากทางด้านนั้นได้ ก็แล้วแต่
จะทำบุญ

ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มเฉพาะตัวของท่านเอง รับแทนคนอื่นไม่ได้ ใครจะรับก็ต้องเตรียมของตนเองมา ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรืออยู่ต่างประเทศก็ตาม และที่แน่ ๆ ถ้าเป็นสุภาพสตรีที่มีเด็กอยู่ในท้อง ให้เตรียมเผื่อลูกในท้องอีกชุดหนึ่ง
ด้วย

เถรี 24-05-2018 19:23

ทางกองทุนหลวงปู่ปานฯ ทำไม้ถือมาถวายอาตมาอันหนึ่ง แต่ว่าสั้นเกินไป อาตมาอยากได้ยาวสักเมตรห้าสิบ จะได้ตีกบาลคนถนัดหน่อย..! เล็งเอาไว้แล้ว ที่วัดนี้มีต้นคูณตายพรายอยู่​ ๑ ต้น เดี๋ยวมีเวลาจะไปพลีมาแล้วก็ทำ เพราะว่าแก่แล้ว อายุย่าง ๖๐ ปีแล้ว ไม่มีไม้เท้าชักจะไปไม่เป็น ไม้เท้าสั้น ๆ แบบนี้ สำหรับอาตมาจะเป็นอาวุธมากกว่า ไม่ใช่ไม้เท้า

เถรี 24-05-2018 19:24

ขอแจ้งกับญาติโยมตลอดจนพระภิกษุสามเณรของเราว่า เรื่องของวัตถุมงคล ไม่ต้องทำเผื่อมาถวายวัดท่าขนุน ใครสร้างมากรุณาไปแจกเอง เพราะว่าที่นี่จะสร้างวัตถุมงคลต่อเมื่อได้รับคำสั่งเท่านั้น

ดังนั้น ญาติโยมจะเห็นว่าวัตถุมงคลของทางวัดจะมีน้อย บางส่วนถ้าท่านเห็นในตู้แล้วอยากได้ต้องรีบบูชาเลย เพราะว่าอาจจะมีอยู่แค่นั้น และ
นอกเวลางานไม่ต้องมาบูชาที่วัดนี้ เนื่องจากว่าไม่ได้ตั้งตู้จำหน่าย

การจำหน่ายวัตถุมงคลของวัดท่าขนุนมี ๒​ ที่ ที่แรกอยู่ที่บ้านเติมบุญ ตำบลบางรักใหญ่ จังหวัดนนทบุรี อีกที่หนึ่งอยู่ในเว็บวัดท่าขนุน ถ้าเป็นในเว็บวัดท่าขนุน ท่านก็สามารถที่จะเลือกรายการที่มีอยู่แล้วก็โอนเงินเข้าไป ทางเจ้าหน้าที่ก็จะส่งไปให้ท่านเอง

เถรี 25-05-2018 08:07

ท่านใดบูชาวัตถุมงคล คือ เหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณก็ดี ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณก็ดี ท่านให้สวด อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา วันละ ๓ จบ แล้วอธิษฐานขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขอบารมีพรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ทุกท่าน ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ รักษาตัวเราและครอบครัว ให้อยู่รอดปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ

ท่านบอกว่าโดยเฉพาะบรรดาไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ คุณผีคุณคนทั้งหลาย ไม่สามารถที่จะเข้าสู่ตัวตนหรือว่าสถานที่ซึ่งมีวัตถุมงคลรุ่นนี้อยู่ได้ และโดยเฉพาะถ้าท่านใดตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน ท้าวเวสสุวรรณท่านจะให้บริวารตามดูแลรักษาตลอดชีวิต อันนี้ยิ่งกว่าทำประกันชั้น ๑ เสียอีก

มีคาถาปลุกพิเศษต่างหาก คือ เวสสะ ภุสสะ นะโมพุทธายะ

เถรี 25-05-2018 08:09

อาตมาก็เพิ่งจะทราบว่าเทวดาที่ "แนว" มากที่สุด คือท่านอาฬวกยักษ์ อาวุธของท่านไม่เหมือนกับชาวบ้านชาวเมืองเขา เป็นผ้าพันคอเท่ ๆ ด้วย แต่ท่านไปพระนิพพานแล้ว เพียงแต่ว่าเทพอาวุธของท่าน ต้องบอกว่าน่าเสียดายมาก ก็เลยมอบให้ลูกหลานญาติโยมเอาไว้ได้ใช้งาน

ฉะนั้น...ถ้าใครบูชาผ้ายันต์หรือเหรียญท้าวเวสสุวรรณติดตัว ติดบ้าน ติดรถเอาไว้ ในสถานที่ทั้งหลายเหล่านั้น ท่านบอกว่าเรื่องของไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ คุณผีคุณคนทั้งหลาย ไม่สามารถที่จะทำอันตรายได้ เพราะว่าท้าวมหาราชท่านจะให้บริวารของท่านช่วยรักษา

ขอย้ำว่าโดยเฉพาะท่านใดปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบัน คือเป็นผู้ที่เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงจังจริงใจ ไม่ล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นผู้ที่มีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตัวเอง
ไม่ยุยงให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล และท้ายที่สุด รู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ถ้าหากว่าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน ถ้าหากว่ารักษาอารมณ์ใจอย่างนี้ได้ทุกวัน ท่านจะให้บริวารของท่านตามรักษาตลอดชีวิต ซึ่งอาตมาชอบใจพรข้อนี้มาก เพราะถ้าเรารักษาอารมณ์นี้ได้ ต่อให้ทำประกันภัยชั้น ๑ ยังคุ้มไม่ได้เท่านี้เลย

เถรี 25-05-2018 08:10

ท่านใดทำบุญแล้วต้องการน้ำมนต์เสาร์ ๕ ซึ่งมีอานุภาพในการรักษาโรคที่หมอทั่วไปหาสาเหตุไม่ได้ ก็ให้ไปบูชาที่ด้านขวามือของพระประธาน

เถรี 25-05-2018 08:10

งานวันนี้ไม่เสียทีที่ท้าวเวสสุวรรณท่านเมตตาสงเคราะห์ ท่านเทให้อย่างชนิดหมดใจเหมือนกัน

เถรี 25-05-2018 08:13

ปัจจัยที่ญาติโยมร่วมบุญมา อาตมาสร้างถาวรวัตถุตลอดจนกระทั่งหล่อพระในวัดท่าขนุนนี่หลายอย่างด้วยกัน ส่วนที่กำลังเสร็จสิ้นลงและจะส่งงานภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็คือบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน ไม่มากไม่มาย จำนวนพันกว่าขั้นมาตรฐานโลกเท่านั้น ความสูง ๘๙๑ เมตร ใครมีปัญญาก็ตะเกียกตะกายขึ้นไป แต่ตอนนี้ขอปิดก่อนชั่วคราว เหตุที่ปิดก่อนชั่วคราว เพราะว่าเขาจะได้ทำความสะอาดและส่งงาน

ส่วนทางด้านฝั่งในวัด ก็กำลังให้เขาทำบันไดขึ้นเขาพระพุทธเจตียคีรี แล้วก็ทำการซ่อมบำรุงฐานเจดีย์ที่กำลังจะทรุด

ส่วนที่เหลือก็คือหล่อพระ ซึ่งก็คือพระพุทธรูปทองคำที่ญาติโยมจำนวนมากได้ถวายปัจจัยร่วมกันมา และยังมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน ซึ่งปีนี้ก็ให้ทุนประถมศึกษา ๒๐๕ ทุน ไม่มากไม่มาย ทุนละ ๒,๐๐๐ บาทเท่านั้น ก็ประมาณสี่แสนกว่าบาท

ให้ทุนมัธยมศึกษา​ ๓๙ ทุน ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท ก็อีกแสนกว่าบาท ให้ทุนอุดมศึกษา ๘ ทุน ทุนละ ๓๐,๐๐๐ บาท เป็นเงินสองแสนสี่หมื่นบาท

แล้วยังมีทุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณรอีกเป็นจำนวนมากด้วยกัน

เถรี 25-05-2018 08:15

ท่านใดที่จะรับยันต์เกราะเพชร ให้เตรียมธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่มเอาไว้ ขอยืนยันว่าใช้แค่ธูป ๓ ดอกและเทียน ๑ เล่ม อย่างอื่นไม่ต้องมี ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่ทราบว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน มีดอกไม้ ๓ สี ๕ สีมาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกินความจำเป็นเสียเปล่า ๆ ครูบาอาจารย์ท่านสั่งไว้แค่ไหนก็ให้ทำแค่นั้น ไม่เช่นนั้นถ้าหากว่านานไป เดี๋ยวก็จะมีรายการความเพี้ยนมากขึ้นเรื่อย ๆ

แบบเดียวกับเครื่องบวงสรวง เครื่องบวงสรวงปกติทั่วไปไม่ต้องมีขนมจีน ไม่ต้องมีทองหยิบ ฝอยทอง พวกทองหยิบ ฝอยทอง ขนมจีนน้ำพริก เอาไว้สำหรับบวงสรวงเสด็จในกรมหลวงชุมพร

ถ้าหากว่าขนมจีนอย่างเดียว เอาไว้สำหรับภายในวัดท่าซุง เพื่อที่จะถวายหลวงปู่ขนมจีน เจ้าอาวาสรูปที่ ๒ ของทางวัด

แล้วถั่วเขียวแกะเปลือก
คั่ว หรือถั่วลาชมาศ เอาไว้สำหรับการตั้งศาลพระภูมิ พวกเราเห็นอะไรก็ใส่ลงไปหมด แล้ววิชาการก็จะเพี้ยนหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าคนรุ่นหลังไม่รู้ ก็จะใส่เพิ่มเข้าไปอีก

เถรี 25-05-2018 08:16

ปัจจุบันนี้อาตมาเจอหลายวัด ผลไม้บวงสรวงแทนที่จะเป็น กล้วยน้ำว้า ส้มโอ มะพร้าวอ่อน ก็กลายเป็นผลไม้ ๙ อย่าง อาตมาก็ถือว่าเกินดีกว่าขาด แต่ว่าอย่าให้บ่อยมาก เพราะว่าถ้าบ่อยมาก เดี๋ยวก็จะเพี้ยนกันไปใหญ่

ถาม : บายศรีแก้บน ?
ตอบ : ใช้บายศรีพาน โดยที่มีลูกบายศรีหรือนิ้วบายศรี ๗ ลูก คือ ๗ ชั้น ไม่ใช่ตัวบายศรีสูง ๗ ชั้น

เถรี 25-05-2018 08:17

ท่านใดที่ถวายทองคำเพื่อหล่อพระ กรุณาเขียนชื่อเขียนนามสกุลมาด้วย ยกเว้นบางท่านที่เดินมาถึงก็ถอดจากนิ้ว ถอดจากคอ ถอดจากหูมาเลย ถ้าอย่างนั้นอาตมาจะลงบัญชีเป็นผู้ไม่ประสงค์ออกนาม

ท่านพระครูสุภกิจชยาภรณ์ หรือพระครูศุภชัย วัดหนองมะคัง ถวายหลวงปู่ปานพิมพ์ขี่ไก่มา ๑ องค์ ขอให้เอาไปประมูลเพื่อสร้างพระพุทธรูปทองคำ

เถรี 25-05-2018 21:55

(พูดถึงเรื่องการแบ่งปันที่นั่งในศาลา)

มาวัดเพื่อที่จะวัดความดีในใจของเรา อย่าเห็นแก่ตัวเอาสบายคนเดียว การแสดงออกของเราจะชัดเจนมากว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเห็นแก่ส่วนรวม เป็นคนดีพอที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมหรือแปลกแยกจากสังคมจะเห็นได้ชัด

ใครมีอาสนะกรุณาสละด้วย เพราะว่าการที่เอาที่นั่งมาจะทำให้นั่งลำบาก คนอื่นเขาโดนเราเบียดกินที่ไป ถ้าหากว่ามีอาสนะสัก ๓ ที่ก็แย่งคนอื่นนั่งไป ๒ คนแล้ว

เถรี 25-05-2018 21:58

หลวงพี่มหาเอ หรือท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม เปรียญธรรม ๖ ประโยคจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ อดีตก็คือพระวัดท่าขนุน อาตมาเป็นเจ้าภาพบวชให้ด้วยตัวเอง ท่านก็รับภารธุระแทนอาตมาหลายอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของเครื่องบายศรีบวงสรวง ท่านและคณะศิษย์ช่วยกันทำให้ทุกครั้ง โดยที่อาตมาไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรเลย

โดยเฉพาะงวดนี้ ความคิดของท่านกับอาตมาตรงกันโดยมิได้นัดหมาย บายศรีของท่านเป็นรูปปลาอานนท์ กะจะพลิกแผ่นดินกันเลย เดี๋ยวก็ต้องดูว่า ถ้าพลิกกว้าง ๆ ไม่ได้ก็เอาสักหน้าจอบเดียวก็ยังดี

เถรี 25-05-2018 21:59

น้ำมนต์เสาร์ ๕ เอาไปต่อเพิ่มได้ เทใส่โอ่งใส่อ่างอะไรไว้ก็ได้ พอถึงเวลาจวนหมดก็ตักของเก่าออกมา เติมน้ำใหม่ใส่ลงไป ใกล้เต็มแล้วก็เอาของเก่าเททับหน้า

เถรี 25-05-2018 22:00

(พูดถึงการรับยันต์) งวดนี้คนใหม่เยอะก็เลยช้านิดหนึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าจะรับยันต์อย่างไร ภาวนาก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิ

เถรี 25-05-2018 22:03

ไม่ว่าจะท่านที่อยู่ในศาลานี้หรือว่าอยู่ต่างจังหวัด อยู่ต่างประเทศก็ดี สามารถรับยันต์ได้ อย่างทางด้านวัดเกาะแก้ว จังหวัดสุพรรณบุรี นำโดยท่านอาจารย์สมชาย วัดหรือว่าสถานที่ปฏิบัติอื่น ๆ ถ้าตั้งใจจะรับยันต์เกราะเพชรเป็นหมู่คณะแบบนั้นก็สามารถที่จะทำได้เช่นกัน เพราะว่าถ้าท่านสามารถรวมคนได้มาก ๆ จะเดินทางมาวัดก็จะลำบาก ท่านอาจารย์สมชายมาขออนุญาตตั้งแต่หลายปีก่อน อาตมาถึงได้บอกว่าจัดพิธีที่ศาลาวัดนั่นเลย แล้วก็รับไปพร้อมกันทั้งวัด

เถรี 29-05-2018 09:48

ญาติโยมทั้งหลาย ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นมีที่มาจากตำราพระร่วงสมัยสุโขทัย สมัยนั้นมีการสร้างธงมหาพิชัยสงครามเพื่อใช้ในการนำทัพ ธงผืนเดียวคุ้มครองทหารได้ทั้งกองทัพ ไม่ว่าจะกี่หมื่นกี่แสนนายก็ป้องกันได้หมด

แต่คราวนี้ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงที่เขียนยาก ทำยาก ครูบาอาจารย์ท่านเลยตัดเอาส่วนคอธงที่เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิ โสฯ ถึง ภควาติ เอามาจัดเรียงเสียใหม่ เป็น ๘ แถว แถวละ ๗ ตัว บางคนเรียกว่า อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ แล้วอ่านตามขวางว่า

อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น

มีอุปเท่ห์ต่างกันไปตามแต่ละบท อย่างเช่นบทแรกเรียกว่า ฝนแสนห่า เป็นบทใช้สำหรับเรื่องของความแคล้วคลาด สามารถเดินกลางฝนได้โดยที่ตัวไม่เปียก

บทที่ ๒ เรียกว่ากระทู้ ๗ แบก มีเอาไว้สำหรับเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน ท่านว่าแบกไม้มา ๗ แบก ไล่ทุบจนไม้หักหมดก็ยังไม่สามารถที่จะทำอันตรายได้ เป็นต้น

เถรี 29-05-2018 09:50

แล้วทำการชักสูตรสำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นท่านบอกว่ามีอานุภาพหลายอย่างด้วยกัน

ประการที่ ๑ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ท่านว่าถ้าไม่หมดอายุขัยจริง ๆ จะไม่ตายโหง ต่อให้บาดเจ็บหนักหนาสาหัสอย่างไรก็รักษาจนหายกลับมา ซึ่งเรื่องนี้อาตมาพบด้วยตนเองมาหลายวาระ ทั้งบุคคลที่รู้จักและทั้งโยมแม่ของตัวเอง

ขนาดโยมแม่ตัวเอง โดนรถบี้กระจาย กระดูกด้านขวาตั้งแต่กรามลงไปหักหมดทุกท่อนเลย อยู่ห้องไอซียู ๑๘ วัน อาตมาไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนท่านว่า "แม่โดนรถชน อยู่ไอซียูมา ๑๘ วันแล้ว ผมเกรงว่าจะไม่รอด ขออนุญาตทำบุญถวายสังฆทานให้กับแม่ล่วงหน้าครับ"

หลวงพ่อท่านถามว่า "แม่แกรับยันต์เกราะเพชรไปบ้างหรือเปล่า ?" ก็กราบเรียนท่านว่า "รับไปหลายครั้งครับ" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่ตายหรอก" แล้วก็เป็นเรื่องจริง แต่ว่าต้องรักษาตัวอยู่ถึง ๓ ปี กว่าที่ร่างกายจะฟื้นคืนดีมาตามเดิม เป็นคำยืนยันว่า บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าไม่ถึงอายุขัยจริง ๆ จะไม่ตายโหง

ประการที่ ๒ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษทุกประเภท เรื่องนี้อาตมาไม่ได้ตั้งใจทดสอบ แต่โดนด้วยตนเอง คือโดนงูกะปะกัดที่ชีพจรข้อมือจม ๔ เขี้ยวเลย ใครอยากดูรอยแผล ปัจจุบันนี้ยังมีให้ดูอยู่ ซึ่งอาตมาเองก็แค่เอาน้ำล้าง ติดพลาสเตอร์แล้วก็ทำงานต่อไป เล่นเอาพระลูกศิษย์ที่มาจากปักษ์ใต้ประสาทรับประทาน บอกว่า "อาจารย์ครับ ไอ้ตัวอย่างนี้กัดนี่บวมทั้งตัว ขนาดเลือดออกตามขุมขนเลยนะครับ แล้วก็เน่าหล่นไปทีละชิ้น" อาตมาตอบว่า "ท่านไม่ต้องห่วง ผมรับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว ผมมั่นใจว่ายันต์เกราะเพชรคุ้มครองได้

ถ้าหากว่ายันต์เกราะเพชรคุ้มครองไม่ได้ แปลว่าสูญหายไปแล้ว ซึ่งการที่ยันต์จะสูญหายก็คือ ไม่ดื่มสุราก็ลักขโมย ถ้าอย่างนั้น ผมก็ไม่สมควรที่จะเป็นพระอยู่แล้ว" ก็ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากมีความปวดจากพิษงู วิ่งจากแผลขึ้นมาถึงข้อศอก แล้วก็โดนยันต์เกราะเพชรดันกลับไป แล้วก็วิ่งขึ้นมาใหม่อย่างนั้นอยู่ ๓ - ๔ ครั้งก็หายไปเฉย ๆ หลังจากนั้นอาตมาก็จับงูทุกชนิดเป็นว่าเล่น

แม้กระทั่งงูจงอางตัวยาวเป็น ๓ - ๔ เมตรก็จับเล่นเป็นปกติ เพราะมั่นใจว่าถ้าเราไม่ทำผิดข้อห้าม ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองได้จริง ๆ แม้กระทั่งโดนตะขาบกัด เพราะไปเหยียบตอนเดินบิณฑบาต ก็จะบวมอยู่แค่บริเวณที่กัดเท่านั้น ไม่สามารถที่จะลามสูงขึ้นมาได้ โดนต่อต่อย ก็ปวดเป็นวงอยู่ประมาณเหรียญ ๑๐ บาท ไม่ไปไหน หลังจากนั้นแล้วก็คันอย่าบอกใครเลย แสดงว่าพิษเริ่มกลายเป็นลม ระเหยออกทางผิวหนัง เป็นต้น

ดังนั้น ในเรื่องของการไม่ตายด้วยสัตว์มีพิษนั้น ถ้าญาติโยมไม่ได้มั่นใจขนาดอาตมา ถ้าโดนงูกัดก็ไปหาหมอเสียก่อน เป็นการประกันความเสี่ยงไปในตัวก็ได้

เถรี 29-05-2018 09:52

ประการที่ ๓ อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะป้องกันไม่ให้ท่านตายด้วยไสยศาสตร์ทุกประเภท คำว่าไม่ให้ตายด้วยไสยศาสตร์ ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บ อาตมาเองเคยโดนเจ็บปางตาย กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่า "ทำไมเป็นอย่างนั้นครับ ?" ท่านตอบว่า "ไสยศาสตร์เหมือนกับไฟ ยันต์เกราะเพชรเหมือนกับผนังกั้นไม่ให้ไฟนั้นเผามาถึงตัวเรา แต่ถ้าไฟกองใหญ่มาก ๆ ความร้อนก็ต้องมาถึงเราบ้าง"

ดังนั้น..แม้ว่ายันต์เกราะเพชรจะป้องกันไม่ให้เราตายเพราะพิษของไสยศาสตร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เจ็บ อันนี้อาตมาโดนมากับตัวเองเต็ม ๆ ซาบซึ้งดีเป็นที่สุด

ข้อสุดท้ายท่านบอกว่า อานุภาพของยันต์เกราะเพชรสะท้อนคืนไสยศาสตร์ทุกประเภท ไม่ว่าเขาจะทำเราด้วยไสยศาสตร์ ตั้งใจจะให้เราเป็นอย่างไร เจ็บอย่างไร ตายอย่างไร เขาจะเป็นแบบนั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้อาตมาเองก็เจอมา เพราะว่ามีหลายคนเห็นว่าอาตมาเป็นพระหนุ่ม ทั้ง ๆ ที่บอกว่าอายุ ๖๐ ปีแล้วก็ไม่ยอมเชื่อ เพราะว่าเขาอายุ ๖๐ แล้วหน้าตาประมาณจะเป็นพ่อของอาตมาได้ ก็เลยมีการลองของ อาตมาก็ไม่ได้ว่าอะไร อยากลองได้ก็ลองไป

แม้กระทั่งการไปพุทธาภิเษกในที่หลายแห่ง ก็มีผู้หวังดีอยากจะลองว่าพระอาจารย์หนุ่ม ๆ แบบนี้จะแน่สักแค่ไหน ถึงได้รับนิมนต์มาเข้าพิธีนี้ ก็มีการลองกันซึ่ง ๆ หน้าหลายวาระ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่า เป็นบุญของอาตมาที่ครูบาอาจารย์ท่านจัดพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรและอาตมาได้เข้ามา ๑๗ ครั้งด้วยกัน เพราะฉะนั้น...ท่านใดคิดจะทำไสยศาสตร์ใส่อาตมา ยินดีต้อนรับทุกเวลา ถ้าเจ็บเองตายเองก็ไม่ต้องไปโทษใคร เพราะว่าอาตมาไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากภาวนาตามปกติเท่านั้น

เถรี 29-05-2018 09:53

ก็แปลว่าการที่ท่านทั้งหลาย ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว รักษาไว้ได้

อันดับแรก ถ้าไม่ถึงอายุขัยจะไม่ตายโหง

อันดับที่ ๒ ถ้าหากว่าโดนสัตว์พิษทั้งหลายกัด จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ

อันดับที่ ๓ จะไม่ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ ไม่ว่าจะวิชาของใครก็ตาม

อันดับสุดท้าย ใครทำไสยศาสตร์ใส่เรา จะโดนสะท้อนกลับไปทั้งหมด

แล้วถามว่าการรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ ต้องรักษาอย่างไร ? ท่านว่าให้รักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ คือ ไม่ลักขโมยและไม่ดื่มสุรา ไม่เสพยาเสพติด

ถามว่าการลักขโมยนั้นมีโทษอย่างไร ? ท่านบอกว่าเป็นการเบียดเบียนคนอื่น การดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดเป็นการเบียดเบียนตัวเอง

เถรี 29-05-2018 09:54

ในส่วนของการรักษายันต์เกราะเพชรนั้น เรื่องของสุราท่านเน้นไว้ว่า ถ้าเป็นการรักษาโรคตามสูตร อย่างเช่นประเภทยาดอง ให้กินตามหมอสั่ง ถ้าเป็นการกินตามหมอสั่ง ยันต์เกราะเพชรยังอยู่ได้ แต่ถ้ากินเอาเมากินเอาสนุก ยันต์เกราะเพชรจะสูญหายทันที โดยเฉพาะระยะนี้ให้ระมัดระวังในเรื่องของอาหารให้มาก อาตมาเจอมาแล้ว ทั้งช็อกโกแลตไส้บรั่นดี ทั้งไอศกรีมรสรัม ทั้งอาหารที่ใส่เหล้า แต่โชคดีว่าเป็นคนจมูกไว พอได้กลิ่นก็รู้ว่ากินไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องละไว้

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายรับประทานลงไป ความรู้สึกไว ๆ จะรู้เลยว่าร้อนวาบออกผิวหนังตัวเอง แปลว่ายันต์เกราะเพชรโบกมือลา มีโอกาสค่อยมารับการเป่ายันต์ฯ ใหม่

ในส่วนของการรักษายันต์เกราะเพชรเพื่อที่จะให้ยันต์คุ้มครองป้องกันนั้น ท่านให้ตื่นเช้าขึ้นมาภาวนาพุทโธให้กำลังใจตั้งมั่น แล้วหลังจากนั้นกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองได้ทั้งวัน ถ้าท่านไม่แน่ใจ ก่อนนอนก็ทำแบบนี้อีกครั้งหนึ่ง อานุภาพยันต์เกราะเพชรจะได้รักษาท่านทั้งวันและทั้งคืน การรักษายันต์เกราะเพชรเพื่อให้คุ้มครองเรานั้น ภาวนาเอาไว้ทั้งกลางวันและกลางคืนจะเป็นปลอดภัยที่สุด ในส่วนของการภาวนา เราจะใช้พุทโธ หรืออิติปิ โสฯ ทั้งบทก็ได้

เถรี 29-05-2018 09:55

พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ไม่ได้เป่าให้โยมทีละคน แต่เป่าทีทั้งศาลา สี่ห้าพันคนแบบนี้ ขืนไปเป่าทีละคนอาตมาก็เป็นลมตายพอดี การเป่ายันต์เกราะเพชรตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปานหรือหลวงพ่อฤๅษีก็ตาม เขาเป่ากันทีละศาลา และถ้าหากว่าญาติโยมมีความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมในศาลาก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของประเทศหรือมุมไหนของโลก ถ้าท่านตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็สามารถรับยันต์ได้ทั้งหมด

แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเรารับยันต์ได้แล้ว ? ท่านบอกว่าในขณะที่เราภาวนาตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ถ้ารู้สึกว่าหนักหัว หนักไหล่ มีอาการร้อนวูบวาบคล้ายจะเป็นไข้ หรือว่าขนลุก บางคนก็สั่นทั้งตัว ถ้าลักษณะนี้แปลว่ายันต์เกราะเพชรกำลังเข้าตัวของท่านแล้ว ให้รักษาอารมณ์เอาไว้จนกระทั่งได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

เถรี 29-05-2018 09:56

สำหรับในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ครูบาอาจารย์ท่านให้ขอบารมีท้าวมหาราชพร้อมด้วยบริวารทั้งหมด ให้ช่วยขับไล่ไสยศาสตร์ต่าง ๆ ที่ติดตัวท่านทั้งหลายมา โดยเฉพาะพวกคุณผี ก็คือพวกที่ใช้ผีคุมเรามา เมื่อถึงเวลาพวกผีทั้งหลายเหล่านี้อยู่ไม่ได้ ก็จะดิ้นรนร้องโวยวาย ท่านทั้งหลายไม่ต้องตกใจ เราภาวนาของเราไปเรื่อย ๆ เป็นหน้าที่ของท้าวมหาราชและบริวารท่านจะจัดการให้เอง แต่ว่าส่วนใหญ่ที่พบมาก็คือ พอมีคนออกอาการแปลก ๆ หรือร้องเสียงดังอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นก็จะว่างไปโดยอัตโนมัติ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกไม่มีที่ให้นั่ง แสดงว่ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง

เมื่อเรารับยันต์เกราะเพชรเสร็จพิธีแล้ว ธูปเทียนที่ใช้ในการรับยันต์นั้น จะมีอานุภาพคล้ายกับมีดหมอ ถ้าเราไปเจอผีเจ้าเข้าสิงที่ไหน ให้ว่า นะโมพุทธายะ ใช้ธูปเทียนนั้นตีหรือว่าจี้ไล่ ผีจะออกทันที

แต่ที่อาตมาใช้ส่วนใหญ่ก็คือ ถึงเวลาจะบนพระหรือบนเจ้าที่เจ้าทาง บนเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหน อาตมาจะใช้ธูปเทียนชุดนี้ รู้สึกว่าได้ผลดีมาก ใครจะเลียนแบบก็ได้ ก็แปลว่าเมื่อรับยันต์เกราะเพชรแล้ว ให้รักษาธูปเทียนเอาไว้ ติดตัวเราไป ใช้แทนมีดหมอหรือติดบ้านเอาไว้ก็ได้ หรือว่าถ้าถึงเวลาจำเป็นขึ้นมาจะบนบานศาลกล่าวที่ไหน สามารถใช้งานได้ เพราะว่าอาตมาลองมาแล้วด้วยตัวเอง

เถรี 29-05-2018 18:21

ขอย้ำอีกครั้งว่ายันต์เกราะเพชรเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า บุคคลใดที่ได้รับการครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรไปแล้ว สามารถจัดพิธีได้ถูกต้อง ก็อาราธนาบารมีพระท่านให้สงเคราะห์ได้ทุกคน ปัจจุบันนี้ลูกศิษย์สายเดียวกันที่ได้รับการครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรมา ทั้งที่มรณภาพและสึกหาลาเพศไปแล้ว ที่อยู่นอกวัดก็มีท่านพระปลัดวิรัช โอภาโส หรือหลวงพ่อวิรัช วัดธรรมยานที่จังหวัดเพชรบูรณ์

ท่านพระครูภาวนาพิลาศ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี วัดเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี และตัวอาตมาเอง พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีแห่งนี้ นอกเหนือจากนี้ ท่านทั้งหลายก็สึกหาลาเพศหรือมรณภาพไป ส่วนที่เหลืออยู่ในวัดท่าซุงเหลืออยู่ท่านเดียว เป็นรุ่นพี่ของอาตมา ไม่ใช่เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน

คราวนี้ท่านทั้งหลายที่สึกหาลาเพศไป ถ้าบวชเข้ามาใหม่ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะทำการเป่ายันต์เกราะเพชรได้ ดังนั้น...ท่านไม่ต้องหนักใจเพราะว่ายังมีอีกหลายท่านที่สืบสายอยู่ แต่ว่าอาตมาเองก็อายุ ๖๐ ปีแล้ว ปีหน้าจะจัดงานฉลองแซยิดแล้ว ท่านที่สึกหาลาเพศไปมีอยู่ท่านเดียวที่อายุน้อยกว่า แต่ก็ใกล้เคียงกัน ที่เหลือแปลว่าแก่กว่าทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกสักกี่วัน ดังนั้นในส่วนนี้ ถ้าท่านที่ได้รับการครอบครูไปแล้ว มีการจัดเป่ายันต์ที่ไหน ถ้าญาติโยมสงสัยมาสอบถามอาตมาได้ ว่าท่านนั้น ๆ ได้รับการครอบครูไปหรือเปล่า

เถรี 29-05-2018 18:22

อย่าลืมว่าการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ตามสายของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ทำได้เฉพาะวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น จะเป็นเดือนใดก็ได้ ถ้าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๕ ก็ยิ่งดี เขาเรียกว่ากระทิงวัน กระทิงวันนี้มีอานุภาพเพิ่มเป็น ๒ เท่า

ถ้าได้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะโรงคือปีที่ ๕ ก็จะเป็นตรีวัน มีอานุภาพเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่า

เพราะฉะนั้น...ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ถ้าหากว่าญาติโยมไปแล้วเป่ายันต์ได้ทุกเวลาก็ดี หรือว่าเป่ายันต์ได้ทั้งวันเสาร์วันอาทิตย์ก็ดี หรือว่าเดินสายรับจ้างเป่ายันต์เกราะเพชรให้ก็ดี ขอให้รู้ว่าไม่ใช่ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นศึกษาวิชาการมาจากไหน

บางท่านบอกว่าเรียนมาจากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อาตมาอยากจะบอกหลวงปู่ปานมรณภาพไป ๘๐ ปี ขึ้น ๘๑ ปีแล้ว ถ้าบุคคลนั้นเป็นพระบอกว่าเรียนจากหลวงปู่ปาน อย่างน้อยต้องอายุ ๑๐๑ ปี เพราะว่าพระเราจะบวชก็ต่อเมื่ออายุ ๒๐ ไปแล้ว

เพราะฉะนั้น...ถ้าบอกว่าเป็นลูกศิษย์รับการครอบครูเป่ายันต์จากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อายุไม่ถึง ๑๐๑ ปีขอยืนยันว่าเป็นของปลอมแน่นอน ในส่วนที่ท่านทั้งหลายไปเข้าพิธี ถามว่ามีผลหรือไม่ ? ถ้าท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัยจริง ๆ คุณความดีตรงนั้นจะรักษาท่านเอง ในส่วนของยันต์เกราะเพชร อาตมาไม่รับรองว่าจะได้ไปรักษาตัวหรือเปล่า ?

เถรี 29-05-2018 18:27

ส่วนในเรื่องของการเป่ายันต์นั้น บางปีท่านก็สั่งให้ทำ บางปีท่านก็ไม่ได้สั่งให้ทำ ถ้าปีไหนที่สั่งให้ทำ ให้รู้ว่าสถานการณ์ของประเทศชาติไม่ค่อยจะดี จำเป็นที่จะต้องอาศัยกำลังใจของญาติโยมส่วนใหญ่ เพื่อที่จะแก้ไขชะตากรรมของประเทศ จากหนักให้เป็นเบา จากเบาให้เป็นหาย หรือว่าจะเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ดังนั้น...ในการเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งนี้ อาตมาเองจริง ๆ อยากให้สถานการณ์บ้านเมืองเราเปลี่ยนเป็นดี แต่ดูท่าว่าจะหนักหนาเกินกำลัง ก็ยังคงตั้งใจไว้ว่า ถ้าเปลี่ยนสถานการณ์ทั้งประเทศไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เปลี่ยนรัฐบาลก็เอา แต่ไม่รู้เหมือนกันว่ารัฐบาลท่านจะยอมให้เปลี่ยนหรือเปล่า...!

แต่ว่าเราสามารถพิสูจน์ทราบได้ในระยะเวลาใกล้ ๆ ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน ช่วงนี้เป็นฤดูร้อน ถ้าภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นตรงกันข้าม แปลว่าการทำครั้งนี้มีผลอยู่บ้าง ถึงได้เตือนว่าให้ท่านทั้งหลายเมื่อกลับไปแล้ว ทำ ๒ เรื่องด้วยกัน เรื่องที่หนึ่งก็คือเอาเสื้อกันหนาวออกมาซัก เตรียมใส่ เรื่องที่สองก็คือเตรียมร่มกันฝนเอาไว้ด้วย ถ้าใครอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ให้เตรียมเรือเอาไว้ด้วย แต่ว่าในกรุงเทพฯ ปกติก็มีเรือด่วนอยู่แล้ว

เถรี 01-06-2018 08:16

(พูดถึงการสร้างวัด) ที่วัดท่าขนุนนี่ต้องรื้อทิ้งไปเยอะ ของเก่าเกะกะไปหมด อันไหนที่อยู่กับร่องกับรอยก็เหลือไว้ บูรณะขึ้นมาใหม่ ส่วนไหนขาดก็สร้างเพิ่มเติมไป ถ้าหากไม่มีสายตานี่วัดจะกลายเป็นสลัม ตรงนี้แต่เดิมเป็นศาลาการเปรียญ หอฉัน แล้วก็หอระฆัง อาตมายุบ ๓ ส่วนมาเป็นส่วนเดียวเลย กลายเป็นศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายหลังนี้

เถรี 01-06-2018 08:19

ญาติโยมด้านนอก ถ้ากินอาหารเสร็จแล้วมาพักในศาลานะ ข้างในศาลาหลังนี้เย็นกว่า เหตุที่เย็นเพราะว่า อันดับแรกเลย ทำไว้สูง โยมจะเห็นว่าชั้นแรกนี่สูงถึง ๘ เมตร ครั้งแรกที่ทำ พอมีกำหนดคร่าว ๆ จากพระท่าน ก็อธิบายให้ช่างเขาทราบว่าในนี้จะมีทั้งศาลา มีทั้งมณฑป แต่ไม่มีใครนึกภาพออก จนกระทั่งทำมาให้เห็นอย่างนี้ เขาถึงจะรู้ว่ามณฑปหน้าตาเป็นอย่างไร ศาลาหน้าตาเป็นอย่างไร

โดยเฉพาะข้างฝา นำเสนอด้วยความภูมิใจว่า ถ้าไม่ได้ระดับปืนใหญ่หรือรถถังนี่ถล่มศาลาหลังนี้ไม่สำเร็จแน่ เพราะว่าอาตมาให้ก่อด้วยอิฐแดงพิเศษ ยาวเกือบศอก แล้วไม่ได้วางตามยาว แต่วางขวาง ๆ อาตมาเองทำไปแล้วผนังศาลาหลังนี้หนาประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ในเมื่อหนามากก็เลยมีสภาพคล้าย ๆ กับถ้ำ ก็คือกลางวันจะเย็น กลางคืนจะอุ่น

ส่วนที่ ๒ ก็คือยังมีชั้นบนอีก ๒ ชั้น ในเมื่อมีชั้นบนอีก ๒ ชั้น ความร้อนลงมาถึงยากมาก ฉะนั้น...เมื่ออยู่ในนี้จะรู้สึกว่าไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศก็ค่อนข้างจะเย็นสบาย

ถ้าหากว่าใครจะไปสร้างที่ไหน อนุญาตให้ถอดแบบไปได้ ตอนนี้ที่ได้ยินมีอยู่วัดหนึ่ง คือวัดของท่านพระครูปลัดเทียนชัย วัดบายตึ๊กเจีย ที่ปทุมธานี บอกว่าขออนุญาตเอาแบบไปทำ อาตมาให้ด้วยความยินดี...ไม่หวง ถ้าวัดใดไม่มีแนวคิดบอกได้ เดี๋ยวจะช่วยคิดให้

เถรี 01-06-2018 08:26

เรื่องของการสร้างวัด ถ้าไม่มีสายตา วัดจะรกเป็นสลัม เมื่อรกเป็นสลัม ไปทางด้านไหนก็เกะกะเลอะเทอะไปหมด อาตมาเองมาทำวัดนี้รื้อของเก่าทิ้งไปหลายหลัง แล้วก็ทำของใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย ก็เลยกลายเป็นวัดอย่างที่ญาติโยมเห็นอยู่

ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ มาบูรณะครั้งแรก มีป้ายเบ้อเร่อเขียนว่าวัดท่าขนุนชี้เข้ามาตรงหน้าโบสถ์ แต่ญาติโยมจะเชื่อหรือไม่ว่า อาตมามองไม่เห็นโบสถ์เลย..! เพราะว่ารอบโบสถ์เป็นดงระกำ ถ้าโยมรู้จักต้นระกำ หน้าตาคล้าย ๆ ต้นปาล์มประเภทหนึ่ง เพียงแต่ว่าลำต้นติดดิน แล้วก็ใบสูงชะลูดไป โดยเฉพาะว่าแต่ละใบมีหนามยาวเป็นนิ้ว ๆ เต็มไปหมด แล้วหนามเปราะมาก เหยียบเมื่อไรหักคาเท้าก็น้ำตาเล็ดเมื่อนั้น เพราะว่าต้องผ่าออกอย่างเดียว อาตมารื้อดงระกำทิ้งไปทั้งดง ถึงมองเห็นโบสถ์วัดท่าขนุนได้

ในส่วนนี้ถ้าหากว่าญาติโยมไปทะนุบำรุงวัดที่ไหน พยายามจัดระเบียบหมวดหมู่ แบ่งวัดให้ออกเป็นพุทธาวาส ธรรมาวาส และสังฆาวาส

พุทธาวาส พูดง่าย ๆ ว่าที่อยู่ของพระพุทธเจ้า ส่วนใหญ่ก็คือโบสถ์ วิหาร เจดีย์ ให้อยู่ในหมู่เดียวกัน

ธรรมาวาส ส่วนใหญ่ก็คือศาลาการเปรียญที่ใช้แสดงธรรม ใช้ทำบุญทั่วไป

สังฆาวาส คือ เขตที่อยู่ของพระสงฆ์

สำหรับของวัดท่าขนุนนี่มีเขตแม่ชีอีกต่างหาก อยู่คนละฝั่งวัดกันเลยกับของพระ คือพระจะอยู่ด้านตะวันออกสุด ส่วนแม่ชีอยู่ด้านตะวันตกสุด ถ้าไม่ได้มาสวดมนต์ทำวัตรร่วมกันก็ไม่ต้องเจอหน้ากัน ยกเว้นตอนฉันอาหารเท่านั้น

เถรี 01-06-2018 08:30

ฉะนั้น...หลักการจัดวัดง่าย ๆ ก็คือ ให้จัดระเบียบบรรดาศาลา วิหาร โบสถ์ เจดีย์ กุฏิพระ โรงครัว ถ้าเป็นโบราณยังมีชันตาฆระ ซึ่งก็คือเรือนไฟเอาไว้สำหรับอบตัวแก้ไข้ ให้แยกเป็นสัดส่วนให้ชัดเจน ลักษณะของแปลนวัดก็มีหลายอย่างด้วยกัน เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นลักษณะไม้กางเขน หรือว่าเป็นลักษณะตัวแอลในภาษาอังกฤษ ก็แล้วแต่สภาพที่ดินของวัดจะเป็นไป

การบริหารวัดทั้งหมดในปัจจุบันต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งทางราชการไม่มีให้ ก็แปลว่าแต่ละวัดอาศัยศรัทธาญาติโยมสงเคราะห์กันเอง แล้ววัดเราปัจจุบันนี้ก็ยังโดนบีบ ทั้งจากผู้เจตนาดีแต่โง่ไปหน่อย กับพวกเจตนาร้าย ตั้งใจให้วัดอยู่ไม่ได้ ด้วยการมาเน้นว่าพระห้ามรับเงินเพราะว่าพระวินัยระบุเอาไว้ ซึ่งถ้าหากว่าเป็นเมื่อสี่ห้าสิบปีก่อนก็เป็นไปได้ เพราะว่าคนยังให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์พระอยู่มาก เข้าร้านอาหารก็ฉันฟรี ขึ้นรถเดินทางก็ขึ้นฟรี แต่มาในสมัยปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ เข้าร้านอาหาร เข้าโรงพยาบาล ไม่มีใครสงเคราะห์พระ แบบก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ขณะเดียวกันก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานก็ทรงอนุญาตไว้ว่า ศีลพระ คือ สิกขาบทไหนไม่เป็นไปตามยุคสมัย สงฆ์พึงหวังก็ให้เพิกถอนสิกขาบทนั้นได้ แต่ปรากฏว่าไม่มีการเพิกถอน เราก็รักษาศีลกันมาในลักษณะของการโกหกตัวเอง ก็คือศีลห้ามรับเงิน แต่เรารับกันเป็นปกติ

เพียงแต่ว่าการรับเงินนี่เราต้องเข้าใจว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าป้องกันไม่ให้พระเกิดความโลภ จึงได้ทรงห้ามการรับเงินเอาไว้ แต่ถ้าหากว่าท่านรับมาแล้ว ใช้จ่ายในส่วนของวัดวาอาราม ในการสาธารณประโยชน์ ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็ต้องบอกว่า ไม่ได้มีโทษตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสห้ามไว้

แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือมีพระธรรมยุตที่ท่านว่าท่านเคร่งครัดมาก ท่านไม่รับเงิน อาตมาจะพูดถึงศีลพระให้โยมฟังว่าในสิกขาบทที่ ๘ ของนิสสัคคิยปาจิตตีย์กัณฑ์ มีการระบุไว้ว่า ภิกษุห้ามรับเงินและทองหรือข้าวของที่ใช้แทนเงินทอง ถ้าหากว่าผู้ใดรับต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ คือต้องสละทิ้ง

สิกขาบทที่ ๙ กล่าวไว้ว่า ภิกษุรับเองก็ดี ให้ผู้อื่นรับแทนก็ดีซึ่งเงินทองหรือสิ่งของที่ใช้แทนเงินทองต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ก็แปลว่ารับเองก็โดน ให้คนอื่นรับก็โดน

อาตมาก็เลยสงสัยว่าพระธรรมยุตที่ว่าเคร่งครัดนักหนา ไม่รับเงินแต่ให้ลูกศิษย์รับแทน ก็แปลว่าโดนอาบัติเหมือนกัน ก็คือศีลขาดเท่ากัน แต่ทำไมท่านไปเข้าใจว่าท่านเองเคร่งครัดกว่า บริสุทธิ์กว่า ซึ่งเรื่องนี้โยมสามารถไปเปิดดูในพระวินัยปิฎก ซึ่งระบุเอาไว้ชัด ๆ ว่าเรื่องของศีลพระเป็นอย่างไร


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:42


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว