กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4800)

เถรี 10-01-2016 13:57

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๙
 
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้อุตส่าห์ภาวนาคาถาเงินล้าน ปรากฏว่าท่านเจ้าของพระคาถาอยู่โน่น เพราะสมเด็จพระพุทธกัสสปเสด็จมา ท่านเจ้าของพระคาถาก็เลยนั่งเสียห่างเลย ประเภทสบายใจแล้ว...ไม่เหนื่อย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสป เป็นพระพุทธเจ้าที่มากด้วยลาภผลเป็นพิเศษ เป็น ๑ ใน ๒ พระองค์ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงแนะนำให้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะต้องสร้างบารมี ๓๐ ทัศมาเหมือนกัน แต่ท่านที่มีความพิเศษในทางลาภเกิดจากเริ่มต้นด้วยทานบารมีก่อน เห็นท่านเสด็จมาอาตมาก็สบายใจแล้ว อธิษฐานกันเอาเองเถอะ

ตอนแรกก็ตั้งใจดูว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าเจ้าของพระคาถาเงินล้าน ท่านจะมาทำอะไรให้พวกเราบ้าง ปรากฏว่าพอ "พ่อใหญ่" มา ท่านก็เลยนั่งสบายใจเฉิบ หมดหน้าที่แล้ว"

เถรี 10-01-2016 14:12

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลที่เข้าพิธีสวดพระคาถาเงินล้านจะให้เขาเอาลงเว็บให้ ไปลุ้นบูชากันข้างใน ราคาไม่แพงหรอก มีพระพุทธรูป รูปหล่อ รูปปั้น ทางด้านตัวเล็กเขาตั้งใจขนจากคลังวัดมาเข้าพิธีโดยเฉพาะ"

เถรี 10-01-2016 14:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยววันที่ ๑๖ มกราคมนี้ อาตมาไปงานของหลวงพี่วิรัช คราวที่แล้วท่านนิมนต์ตรงกับงานเป่ายันต์ที่วัดท่าขนุน จึงไม่ได้ไป งานนี้ท่านส่งฎีกามา อาตมาไปได้ แต่ได้ยินว่าจัดงานหลายวัน

อาตมาเองถ้าต้องจัดงานสองวันนี่ก็เครียดแล้ว ที่เครียดเพราะต้องคอยรักษากำลังสมาธิเอาไว้สงเคราะห์โยม เนื่องจากขอพระไว้ว่า ให้คนที่ไปร่วมงานเดินทางไปกลับสะดวกและปลอดภัย แต่ท่านไม่ให้ขอเฉย ๆ ท่านให้รักษาอารมณ์ใจในระดับที่ท่านสั่งด้วย เพื่อจะได้อาศัยอาตมาเป็นเครื่องถ่ายทอด ฉะนั้น..เวลาทรงสมาธินาน ๆ บางทีประสาทก็ตึง ๆ รู้สึกเลยว่าเครียด เหมือนกับร่างกายไม่ได้พักผ่อน"

เถรี 10-01-2016 14:58

พระอาจารย์เล่าว่า "มีลูกศิษย์หลวงพ่ออีกรูปหนึ่งที่ไม่ได้ข่าวคราวเลย รุ่นใกล้เคียงกับหลวงพ่อมนัส ก็คือ หลวงพ่อประดิษฐ์ พวกอาตมาเรียกหลวงพี่กันจนชิน พออายุกาลนานเข้าก็เลยต้องเรียกนำให้ลูกศิษย์ จึงต้องเรียกหลวงพ่อ

หลวงพ่อประดิษฐ์ไปอยู่ที่เกาะสีชังระยะหนึ่ง ไม่รู้ตอนนี้ไปที่ไหนแล้ว ไม่ได้ข่าวคราว และก็มีหลวงพี่จะเด็ดอยู่ทางด้านอุบลราชธานี บวชรุ่นเดียวกับหลวงพี่ละออง ออกไปแล้วก็เงียบ ไม่มีข่าวคราว ท่านเหล่านี้ส่วนใหญ่รักสันโดษ มักจะอยู่ในลักษณะของพระธุดงค์ ไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้แล้วขยับไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่ปักหลัก โยมก็ไม่สามารถที่จะไปหาอย่างเป็นทางการได้ จึงไม่ค่อยปรากฏนามในยุทธจักร

อาตมาหนีไปอยู่ป่า ๘-๙ ปี โผล่ออกมา โยมเห็นก็กระโดดเกาะทันที เสร็จเขาจนได้ ตอนช่วงอยู่ป่าเป็นเวลาที่สบายใจที่สุด แม้ว่างานจะหนัก แต่ก็เหนื่อยแค่กาย เวลาที่ต้องรบกับโยมมาก ๆ แล้วกำลังใจเขาไม่เท่ากัน ต้องแบกเขาตลอด ก็เลยเหนื่อยใจด้วย สงเคราะห์ผีสบายใจกว่ากันเยอะเลย"

เถรี 10-01-2016 15:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "รัฐบาลทหารส่วนมากจะไม่เก่งทางด้านเศรษฐกิจ โลกปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ด้วยเรื่องของเศรษฐกิจทั้งนั้น ในเรื่องของการ "ช็อปเพื่อชาติ" ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยคนทั่วไป กลายเป็นช่วยนายทุนเจ้าของห้าง เพราะเงินไม่ได้กระจายออก ไปตกอยู่กับห้างใหญ่ ๆ แค่ไม่กี่แห่งเท่านั้น"

เถรี 10-01-2016 15:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้พระครูหน่อยไปเรียนต่อปริญญาเอก ท่านบอกว่าอยู่ ๆ ก็หมดอารมณ์ในการก่อสร้างไปเฉย ๆ ระดมสร้างใหญ่อยู่สามปี ทำหัวไม่วางหางไม่เว้น และก็หมดไฟเอาดื้อ ๆ

วันนั้นย่องมาถามว่า "หลวงพ่อ...ไม่เบื่อบ้างหรือครับ ?" "เบื่อเหมือนกันแหละ" "เบื่อแบบไหนของหลวงพ่อ ? ยิ่งทำก็ยิ่งเยอะ" "อ๋อ...ตอนนี้เกินเบื่อไปแล้ว เหลือแต่ว่าควรจะทำงานอะไรเท่านั้น" อยู่ก็สร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวมไป ตายก็จบ เป็นเรื่องของคนรุ่นหลังก็แล้วแต่ว่าเขาจะเห็นหรือไม่เห็น

อย่างที่เสด็จในกรมชุมพรท่านแต่งเพลงมาร์ชทหารเรือ "เกิดมาทั้งทีมันก็ดีอยู่แต่เมื่อเป็น อีกสามร้อยปีก็ไม่มี ใครจะเห็น" ชื่อเสียงยืนยงไปอย่างเก่งก็ ๓๐๐ ปี พอรุ่นหลัง ๆ ก็ไม่รู้จักแล้ว"

เถรี 10-01-2016 15:44

"อมตะเถราจารย์บ้านเราที่เอ่ยชื่อแล้วรู้จักกันทั่วถึง อย่างหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ น่าจะจวน ๔๐๐ ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนหลวงปู่โต วัดระฆัง ก็แค่ช่วงรัชกาลที่ ๔-๕ นี้เอง

ครูบาอาจารย์สมัยเก่า พอขึ้นเป็นเจ้าอาวาสก็ต้องมีความสามารถเป็นที่ยอมรับกัน ไม่ว่าจะเรื่องของหลักธรรม เรื่องของศีล สมาธิ ปัญญา จนกระทั่งบรรดามนตราอาคมต่าง ๆ ต้องอยู่ในระดับพอตัว

มีอยู่รูปหนึ่งที่ไม่ใช่เจ้าอาวาสแล้วดังมาก คือ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ท่านสร้างพระปิดตาเนื้อเมฆสิทธิ์ ติดอันดับเบญจภาคีพระปิดตาของประเทศ ท่านเป็นรุ่นไล่ ๆ กับหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม) วัดอนงคาราม แต่เป็นรุ่นพี่ หลวงปู่ทับเคยดุอาตมาตอนพุทธาภิเษก ถามว่าหลวงปู่เป็นใคร ? มาจากไหน ? ท่านบอกว่า "ข้าชื่อทับ" อาตมาก็ "อ๋อ..หลวงพ่อวัดทอง" ท่านตวาดเสียงเขียวเลยว่า "มีแต่ไอ้ท่านวัดทองดังคนเดียวหรือวะ..?!"

บ้านเรามีหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม , หลวงปู่ทับ วัดทอง (สุวรรณาราม) สององค์นี้ดังเรื่องพระปิดตาทั้งคู่ แต่วัดทองดังกว่า พระปิดตายันต์ยุ่งของท่าน ปั้นหุ่นด้วยมือทีละองค์ สวยงามประณีตมาก และหลวงปู่ทับ วัดโสมนัสวรวิหาร ท่านเป็นครูบาอาจารย์ของสมเด็จพระวันรัต (จับ) แต่ว่าท่านเป็นสมเด็จพระวันรัต (ทับ) ชื่อใกล้เคียงกันมากเลย"

เถรี 10-01-2016 20:12

ถาม : ผมมักจะทำในสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง ตรงข้ามกับความต้องการของตัวเองเพื่อให้คนอื่นได้รับในสิ่งที่ดี แล้วตัวผมเองก็มายิ้ม หัวเราะทั้งน้ำตา อิ่มใจเคล้าความทุกข์ความเจ็บปวดเพื่อแลกกับการเห็นคนอื่นได้ดี หลายครั้งผมถามตัวเองว่าเมื่อรู้ว่าทำแล้วเสียใจ ทุกข์ เจ็บปวดและโดนเข้าใจผิดทีหลัง แล้วตัดสินใจทำอย่างนั้นไปทำไม คำตอบจากตัวเองคือ ผลที่คนอื่นจะได้รับ ผลที่คนที่ผมรักจะได้รับนั้นยิ่งใหญ่กว่า หากแต่ว่าผมเป็นคนรุ่นหลังเพราะฉะนั้นปัญญาของผมอาจจะเลวจนไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ถ้าผมยังมีแนวคิดอย่างนี้ต่อไป แล้วตอนตายผมมาคิดเสียดายทีหลัง คติที่ไปของผมคงไม่พ้นอบายภูมิใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่สามารถพยากรณ์คติที่ไปได้ ขนาดพระพุทธเจ้ายังตรัสไว้เลยว่า บุคคลที่ได้ทิพจักขุญาณไปเห็นว่าการทำดีไปสวรรค์ การทำชั่วไปนรก แล้วกล่าวว่าคนทำดีต้องไปสวรรค์ คนทำชั่วต้องไปนรก พระองค์ท่านตรัสว่าไม่ใช่

แต่ถ้าอยากจะลงนรกก็ไม่ยาก รักษาอารมณ์ให้เศร้าหมองไว้ เดี๋ยวก็ได้ไปเอง..!


ถาม : ในเมื่อปัญญาของผมไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ผมก็ควรทำตามใจตัวเองให้มีความสุข เพื่อที่ผมจะสามารถไปสุคติได้ใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ทำตัวเองให้มีความสุขอาจจะลงนรกง่ายกว่าทำตัวเองให้มีความทุกข์อีก เพราะความสุขทางโลกผูกอยู่กับเรื่องกามฉันทะ รูปสวย กลิ่นหอม รสอร่อย เสียงไพเราะ สัมผัสระหว่างเพศ ซึ่งมีแต่จะฉุดจะดึงให้เราตกต่ำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

เถรี 10-01-2016 20:20

ถาม : ผมมีความคิดที่จะทำแหวนนามสกุลเนื้อเงินให้กับสมาชิกในครอบครัว และตั้งใจว่าจะนำตะกรุดมหาสะท้อนรุ่น ๕ จำนวน ๑ ดอกหลอมลงไปด้วย จึงขอกราบเรียนถามว่า แหวนที่มีมวลสารของตะกรุดมหาสะท้อนดังกล่าว ในกรณีที่มิได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีก แหวนนั้นจะยังมีอานุภาพมหาสะท้อนเช่นเดียวกับตะกรุดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าวงละบาทเท่าน้ำหนักตะกรุดก็ยังมีอานุภาพอยู่ ถ้าอยากจะทำแหวนก็คือ ตะกรุด ๑ ดอกต่อแหวน ๑ วง ถ้าไม่ได้ไปเข้าพิธีใหม่ก็ต้องใส่ให้เต็มน้ำหนัก แต่ถ้าไม่เต็มน้ำหนัก ก็ต้องเอาไปเข้าพิธีใหม่

ถาม : ยังมีข้อห้ามเช่นเดียวกับตะกรุดมหาสะท้อนหรือไม่ครับ ? คือห้ามให้เด็กบูชาติดตัว และห้ามเข้าใกล้คนหรือสัตว์ที่กำลังจะคลอดลูก
ตอบ : ข้อห้ามเหมือนกัน

ถาม : ถ้าใส่ตะกรุดไปเสี้ยวหนึ่งล่ะคะ ?
ตอบ : ก็ได้แค่เสี้ยวหนึ่ง

ถาม : หากการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่สมควร ขอพระอาจารย์ท่านได้โปรดติเตียน เพื่อที่ผมจะได้ล้มเลิกความตั้งใจนี้ แล้วทำแหวนเนื้อเงินไปตามปรกติครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่หน้าที่ของอาตมา...เชิญท่านด่าตัวเองไปเถอะ..!

เถรี 10-01-2016 20:26

ถาม : ปกติทิพจักขุญาณ เวลาเห็นจะเหมือนตาเนื้อเห็น แต่พักนี้ผมเหมือนมีแค่ความรู้สึก ไม่เป็นภาพ และตรงด้วย ยกตัวอย่าง เช่น ผมได้รับพัสดุเป็นกล่องบรรจุแน่นหนา โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไร ผมก็ไม่ได้สนใจ จนอยู่ ๆ ผมก็มีความรู้สึกว่าในกล่องนั้นมีหนังสือที่ผมตามหาและต้องใช้งาน แล้วความรู้สึกนั้นถูกต้อง หลัง ๆ มานี่ความรู้สึกแบบนี้เป็นบ่อยมาก ลักษณะนี้เรียกว่าอะไรครับ ?
ตอบ : เรียกว่าทิพจักขุญาณ ใครบอกคุณว่าทิพจักขุญาณจะเห็นเหมือนตาเนื้อเห็น..?

เถรี 10-01-2016 20:26

ถาม : ถ้าพระสงฆ์ได้ชำระเงินให้เราเพื่อเป็นค่าจ้างหรือค่าสินค้าและบริการ เราสามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้โดยไม่เป็นโทษใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเอาไปซื้อยาบ้าก็เป็นโทษ..!

เถรี 10-01-2016 20:27

ถาม : หากเราไม่เจอตู้หยอดชำะหนี้สงฆ์ในวัด แต่เจอตู้ที่เขียนในลักษณะที่ว่า "รับบริจาค" หรือ "ทำบุญบำรุงวัด" หรือ "ค่าน้ำ ค่าไฟ" แล้วเรานำเงินใส่ซองโดยเขียนหน้าซองว่า "ทำบุญชำระหนี้สงฆ์" แล้วนำไปหยอดในตู้ เพื่อให้ทางวัดนำไปคัดแยกเอง สามารถทำได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำได้

เถรี 10-01-2016 20:30

ถาม : สมมติว่า ถ้าลูกต้องพาพ่อหรือแม่ไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาล แล้วหมอเสนอทางเลือกในการรักษาโดยให้ลูกเป็นผู้ตัดสินใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถ้าหากผู้เป็นลูกได้เลือกไป แล้วหมอใช้วิธีนั้นในการรักษาจนพ่อหรือแม่เสียชีวิตในที่สุด ผู้เป็นลูกจะโดนอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : การตัดสินใจรับเลือกการรักษา เป็นในลักษณะว่าเราเลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนการรักษาเป็นหรือตายอยู่ที่ฝีมือหมอ ไม่ใช่อยู่ที่ฝีมือเรา ยกเว้นว่าเราเลือกโดยตั้งใจว่าทางนี้หมอรักษาแล้วพ่อแม่เราตายแน่ ๆ ถ้าอย่างนั้นก็โดนอนันตริยกรรมแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่ เราเลือกแล้วหมอรักษาตายหรือไม่ตาย ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของพ่อของแม่แล้ว

ถาม : การที่หมอให้ลูกเซ็นเอกสารยินยอมในการรักษา ซึ่งหากหมอรักษาอาการป่วยของผู้เป็นพ่อหรือแม่เสียชีวิต ผู้ที่เป็นลูกจะโดนอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นในแง่กฎหมายซึ่งเราต้องเซ็นยินยอมอยู่แล้ว การรักษาอยู่ที่ฝีมือหมอ ไม่ใช่อยู่ที่เรา จึงไม่เป็นอนันตริยกรรม

เถรี 10-01-2016 20:34

ถาม : ลูกที่มีหน้าที่ดูแลพ่อและแม่ยามเจ็บป่วย ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำและยา หรือต้องฉีดยาให้ตามที่หมอสั่ง หากสุดท้ายแล้วพ่อหรือแม่ตาย ลูกจะโดนอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็โดนกันทั้งประเทศไทย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดด้วยความกตัญญู ถ้ายังโดนอนันตริยกรรมก็โดนกันทั้งประเทศ รวมทั้งอาตมาด้วย เพราะรักษาพ่อตายคามือไปแล้ว..!

ถาม : สมมติว่าถ้าลูกได้ชวนพ่อหรือแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยซื้อตั๋วโดยสารเพื่อเดินทางให้ แล้วหากพ่อหรือแม่ต้องประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง ลูกจะโดนอนันตริยกรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : นี่เรียกว่าฟุ้งซ่านจัด ถ้าจะโดนอนันตริยกรรมก็แปลว่าคุณซื้อตั๋วให้ แล้วไปทำอะไรกับรถคันนั้นเพื่อให้เกิดอุบัติเหตุจนได้ ถ้าอย่างนั้นเป็นอนันตริยกรรมแน่ แต่ถ้าไม่ได้ไปทำอะไร ซื้อตั๋วรถตามปกติ รถเกิดอุบัติเหตุ แล้ว เกี่ยวอะไรกับเรา ?

เถรี 10-01-2016 20:39

ถาม : การที่นักแสดงรับบทเป็นพระสงฆ์หรือพระพุทธเจ้า บุคคลนั้นจะมีโทษฐานปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าเขาแสดงไปในลักษณะไหน ถ้าประเภทโกยเถอะโยม อย่างนั้นปรามาสพระรัตนตรัยแน่นอน

ถาม : แล้วคนที่รับชมภาพยนตร์นั้นจะมีโทษไปด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าไปยินดีในส่วนที่เขาปรามาสพระรัตนตรัย ก็มีโทษไปด้วย

ถาม : ถ้าสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาแล้วมีส่วนในการผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง มีโทษไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง ก็ต้องดูว่าเขาสื่อหรือนำเสนออะไร ถ้านำเสนอในด้านที่ดี คนชมแล้วเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเกิดศรัทธาเพิ่มขึ้นก็ไม่มีโทษอะไร กลับได้บุญเสียอีก

เถรี 10-01-2016 20:42

ถาม : ระบบอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายของผู้ใช้งานขนาดใหญ่ อย่างเช่น Facebook เป็นเครื่องมือของบ่วงมารที่หลอกล่อให้มนุษย์จมปลักอยู่กับกิเลสตัณหา โลกธรรม ๘ และนำไปสู่การผิดศีล ๕ ตามที่เห็นกันในข่าวใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใช่หรือไม่ก็ต้องดูว่าคุณใช้ทำอะไร ถ้าทั้งวันเอาแต่สนทนาธรรมกัน แล้วจะไปผิดได้อย่างไร ?

เถรี 10-01-2016 20:45

ถาม : การที่เราชมภาพยนตร์ บทเพลง จากช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ YouTube BitTorrent ซึ่งของพวกนี้บางอย่างมีการสงวนลิขสิทธิ์ แต่เขาเอามาลง เราซึ่งเป็นผู้รับชมถือว่าผิดศีลข้อสองหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าคุณรู้ว่าเขาสงวนลิขสิทธิ์แล้วยังตั้งใจไปชมก็แปลว่าผิดแน่ ๆ

ถาม : การที่เอาระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่มิใช่ของแท้มาใช้งาน เช่น Windows หรือ Mac ที่เป็นของปลอมมาใช้ เนื่องจากของแท้มีราคาสูง เรารู้ว่าไม่ใช่ของแท้แต่เอามาใช้ ถือว่าละเมิดศีลข้อ ๒ ขาดโดยบริบูรณ์แล้วใช่หรือไม่ ? หรือเพียงแค่ศีลข้อ ๒ ด่างพร้อยครับ ?
ตอบ : ตอบไปเมื่อครู่นี้แล้ว

เถรี 10-01-2016 20:48

ถาม : การที่เรารับชมภาพหรือคลิปจากอินเทอร์เน็ต เช่น คลิปหนุ่มเมายาไอซ์ คลั่งปาดคอตัวเอง แทงเพื่อนสาหัส หรือคลิปนักเรียนหญิงหึงโหด ตบกันแย่งผู้ชาย หรือคลิปหนุ่มช่างไฟโหด ใช้มีดแทงภรรยาดับ ฯลฯ แล้วเราเกิดความรู้สึกร่วม ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกบวกหรือลบไปด้วยนั้น เท่ากับตัวเราได้ร่วมก่อกรรมใหม่กับกลุ่มบุคคลในคลิปไปเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่ายินดีในความชั่วของคนอื่น ก็คือโมทนาความชั่วของเขา มีส่วนในโทษนั้นเช่นกัน

เถรี 10-01-2016 20:54

ถาม : เหตุใดผมถึงรู้สึกเหมือนว่าพอปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ จะมีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ที่ผมรู้สึกว่า "ตัวจริง" ของผมเดินตามหลังตัวของผมเอง เสมือนมีตัวผมอีกคนซ้อนกันอยู่ แต่ตัวที่คอยควบคุมตัวจริง ๆ ของผม คือคนด้านหลัง ไม่ใช่คนที่เดินอยู่ตรงหน้าจริง ผมไม่แน่ใจว่าสภาวะนี้คืออะไรครับ ?
ตอบ : ถ้าไปถามคนทั่วไปเขาก็ว่าใกล้บ้าแล้ว..! แต่สำหรับนักปฏิบัติถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสภาพจิตที่คุมกาย หากมีความรู้สึกชัดเจน ก็จะเหมือนกับว่าเราบังคับหุ่นยนต์หรือรถยนต์ให้ทำหน้าที่ไป ต้องพยายามมองให้ชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราจริง ๆ เป็นสิ่งที่เราอาศัยอยู่เพื่อสร้างความดีแค่ชั่วคราวเท่านั้น ถึงเวลาตายจากละกันไป ถ้าไปพระนิพพานได้ก็จบ

ถาม : การที่เขาเห็นว่าเป็นเขาที่เดินอยู่ แต่จิตที่ควบคุมอยู่เป็นตัวที่ตามมา อย่างนี้ถือว่ายังยึดร่างกายไหมคะ ?
ตอบ : อย่างน้อยก็รู้ว่าแยกออกจากกัน ในเมื่อแยกออกจากกัน ก็พยายามมองให้เห็นว่าไม่ใช่ของเราให้ได้

เถรี 10-01-2016 20:57

ถาม : เหตุใดผมถึงรู้สึกค้างคาภายในใจลึก ๆ มานานตั้งแต่เด็กแล้วว่ามนุษย์ทุกคนล้วนอยู่ใน Matrix หรือประมาณกล่องใบหนึ่ง แล้วพิจารณาว่าถ้าบรรลุมรรคผลหรือออกจาก Matrix นี้ได้ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ? เกิดคำถามพวกนี้มากมายขึ้นในใจผม เช่น ทำไมเราต้องเกิดมาเป็นดวงจิต ? เหตุใดต้องมีโลกและจักรวาลอื่นนับไม่ถ้วน ? ฯลฯ อยากกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าผมผิดปกติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ค่อนข้างจะผิดปกติมาก..!

ถาม : แล้วอาการผิดปกตินี้ควรจะแก้อย่างไร ?
ตอบ : ไม่ต้องแก้...ทำไปจนกว่าจะรู้ครบทุกเรื่องก็จบแล้ว


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:24


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว