กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6823)

เถรี 28-11-2019 21:28

แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราตรงไปตรงมา..กลัวศีลขาด ถึงเวลาเขาถามว่าทำไมไม่กินข้าวเย็น ? อ๋อ..รักษาศีล ๘ คนเขาก็มองหัวจรดตีน หาเหตุผลใหม่ให้เขาสิ บอกว่าอ้วนแล้ว ขอลดน้ำหนักหน่อย เรื่องนี้เขากลับรับได้

ฉะนั้น...ในอุทุมพริกสูตรถึงได้บอกว่า การปฏิบัติธรรมไม่ใช่ทำเพื่ออวดคนอื่น แต่ทำเพื่อการหลุดพ้น พวกเราส่วนหนึ่งจะไปติดอยู่ตรงที่ว่า "ติดดี" เมื่อเห็นคนอื่นทำไม่ได้ หรือทำไม่เหมือนเรา "อ้าว..ไอ้นั่นยังชั่วอยู่" เป็นการยกตนข่มท่าน แบกสักกายทิฎฐิและมานะสังโยชน์ ๒ ตัวซ้อนกัน

เถรี 28-11-2019 21:41

หลายท่านเข้าวัดเข้าวาแล้วกลายเป็นว่า ความประพฤติ กาย วาจา ใจ เป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น เพราะว่าไปเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน ไปมั่นใจว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีแล้ว ถูกแล้ว ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ใช่ แต่ดีแค่นั้น ถูกแค่นั้น ส่วนที่ดีกว่านั้นและถูกกว่านั้นยังมีอยู่อีก เรายังก้าวไปไม่ถึง

ไปยึดมั่นถือมั่นกลายเป็นสีลัพพตุปาทาน ยึดมั่นในหลักการปฏิบัติของตนว่าดี ถ้ายึดก็เสร็จ ท่านบอกว่า อุปาทานะปัจจะยา ภะโว ความยึดมั่นถือมั่นทำให้เกิดภพ ก็คือที่เกิด ภะวะปัจจะยา ชาติ เมื่อมีที่เกิด ก็ต้องมีการเกิด ก็แปลว่าเกิดแล้วเกิดเล่าไม่รู้จบ ที่ท่านใช้คำว่า ปุนัปปุนัง แล้ว ๆ เล่า ๆ ไม่รู้จะหมดสักที

ในส่วนพวกนี้พวกเราต้องระมัดระวัง
เอง อะไรที่ลงท้ายด้วยคำว่า "กว่า" ใช้ไม่ได้ทั้งนั้น "ดีกว่า" "ชั่วกว่า"เป็นการแบกมานะโดยที่เราไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นเรื่องแปลกว่า ถ้าปัญญายังไม่ถึง คนอื่นบอกให้ตายก็ไม่รู้สึก เพราะไปคิดว่าที่ตัวเองทำดีแล้ว ถูกแล้ว แต่พอก้าวข้ามไปได้มองย้อนกลับมา อ้าว...ตอนนั้นยังไม่ดีจริง มีที่ดีกว่านั้น มีที่ถูกกว่านั้น แล้วเราก็ไปยึดมั่นถือมั่นอีกว่า "ตรงนี้ใช่แล้ว" ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เถรี 28-11-2019 21:45

ดังนั้น...ที่บรรดาพระญี่ปุ่น นิกายเซน ถกเถียงกันเรื่องซาโตริ (ซาโตริคือการบรรลุฉับพลัน ลักษณะดวงตาเห็นธรรม) บางท่านก็บอกว่าทั้งชีวิตมีได้ครั้งเดียว บางท่านบอกว่าไม่ใช่...ผมเจอมาเป็นสิบ ๆ ครั้งแล้ว ถูกทั้งคู่..ที่ถูกทั้งคู่ก็เพราะว่าไปยึดว่าตรงนี้ดี ตรงนี้ใช่ พอก้าวข้ามไปก็ อ้าว..ตรงนี้ดี ตรงนี้ใช่อีก ก็ซาโตริไปเป็นลำดับ

ถ้าใครขยันก็โดนเยอะหน่อย ใครไม่ขยันมาสายสาวกก็โดนน้อยหน่อย ครั้งเดียวจบก็มี หรือไม่ก็ครั้งเดียวตายไปเสียก่อนก็มี

เถรี 29-11-2019 08:46

อาตมาไปญี่ปุ่นแล้วอัศจรรย์ใจอยู่อย่างหนึ่ง ญี่ปุ่นเป็นประเทศเล็กประชากรมาก ราว ๆ ๒๘๐ ล้านคน ประเทศนิดเดียว แต่วัดทุกวัดใหญ่มาก แล้วคนญี่ปุ่นโคตรจะขยันเดินเลย อาตมาไปญี่ปุ่นยังเดินขาลาก คนญี่ปุ่นหาคนอ้วนยาก ไปทำงานแต่ละวันเขาแทบจะวิ่งไปทำงาน ถามว่าทำไม ? จากสถานีนี้ต่อรถไฟไปสถานีโน้น จากสถานีโน้นต่อรถไปอีกสถานีหนึ่ง ลงรถแต่ละทีแทบจะต้องวิ่งเพื่อให้ทันขบวน ถ้าเราเดินช้า ๆ แทบจะโดนชนเลย

ก็เลยแปลกใจว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับศาสนามาก ประเทศเล็กพื้นที่มีน้อย แต่ว่าวัดแต่ละวัดใหญ่โตมโหฬาร โดยเฉพาะเข้าไปแล้วรู้สึกว่าสะอาด สงบ ฉะนั้น...หลักการที่เจ้าคณะปกครองของเราให้แต่ละวัดดำเนินการก็คือ สะอาด สว่าง สงบ ถ้าวัดวาอารามสะอาดก็เรียกศรัทธาคนได้ง่าย

วัดท่าขนุนทำความสะอาดแค่เช้าเย็น บางทีช่วงกลางวันใบไม้ก็ร่วงเกลื่อนกลาด แต่บางทีเขาอาจจะไปตรวจตอนที่ทำความสะอาดแล้วพอดีทุกครั้ง ก็เลยได้รับคำชมเชยว่าดูแลวัดได้สะอาดเรียบร้อย

เถรี 29-11-2019 09:15

สว่าง...ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกระแสไฟ สว่างในที่นี้หมายถึงการจัดภูมิทัศน์ของวัดไม่ให้รก หลายวัดคนมีศรัทธา สร้างไปเรื่อยเปื่อย จนเกะกะไปหมด บางทีกลายเป็นสลัมไปเลย อาตมาไปอยู่วัดไหนก็มีหน้าที่รื้อทิ้งไปเสียเยอะ กว่าจะจัดวางผังใหม่ ทำใหม่ ให้เข้าที่เข้าทางได้

บางวัดอย่างวัดท่ามะขามไปแล้วเครียด มองทั้งวัดแล้วก็ไม่รู้ว่าจะจัดอย่างไร ตอนนั้นพลตรีศรชัย มนตริวัต ท่านไปเป็นประจำเกือบทุกวัน หลวงพ่อวัดท่ามะขามก็มอบหมายให้พัฒนาวัดคู่กับอาตมา ท่านปั่นจักรยานไป แล้วก็ไปเดินดู ๆ กลับมาแล้วถอนใจเฮือก อาตมาถามว่า "เสธ. เป็นอย่างไรบ้าง ?" "หลวงพี่มีความเห็นอย่างไรละครับ ?" "
พูดจากใจจริง ถ้าเป็นอาตมาก็รื้อทิ้งให้หมด แล้วทำใหม่" "คิดเหมือนกันเลยครับ"

ไปสร้างตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย กลายเป็นซอกเล็กซอกน้อยเลอะเทอะไปหมด อาคารหลังไหน อาตมามาสร้างไว้ดี ๆ พักเดียวหลวงพ่อท่านก็ต่อเติมจนกลายเป็นโรงลิเก ต่อหน้าต่อหลังต่อข้าง ท่านจะเกิดจินตนาการบรรเจิดทันทีที่สร้างเสร็จ ตอนสร้างอยู่ก็ไม่บอกว่าต้องการอะไร

เถรี 29-11-2019 09:17

ปัจจุบันนี้กลายเป็นพระครูบ่าวกับมหาเอ ต้องไปปวดหัวในการพัฒนา ตอนนี้ทำกุฏิให้อาตมาอยู่ ทำเสร็จแล้วจะเริ่มรื้อหลังเก่า ค่อย ๆ รื้อไป ถ้าทำตูมตามไปแล้วเดี๋ยวชาวบ้านรับไม่ได้ และกลัวเจ้าภาพเก่าจะต่อว่าเอา

แต่อาตมาแจ้งกับชาวบ้านไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ส.อบต.อะไรก็ตาม บอกแล้วว่าขอรื้อหมดเลยนะ แล้วจะทำใหม่ให้ เขาบอกว่า "ถ้าท่านอาจารย์ทำก็เชื่อครับว่าทำได้ ถ้าคนอื่นมาบอกพวกผมไม่เชื่อหรอก"

เถรี 01-12-2019 19:53

พูดถึงดาบของหลวงพ่อบุญมี "หลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน ปกติจะเจอแต่มีดหมอ อันนี้เป็นดาบเลย อย่าเอาไปฟันหัวกันนะ ตูจะเดือดร้อน..! ใครบูชาไปอย่าไปถือเทิ่ง ๆ ขึ้นรถเมล์ เดี๋ยวจะเฮงเอา ปกติของหลวงพ่อบุญมีจะเป็นมีดหมอ นาน ๆ จะเจอดาบสักเล่ม อาตมามีมีดหมอท่านหลายสิบเล่ม มีดาบอยู่เล่มสองเล่มเท่านั้นเอง

สมัยก่อนพ่อปู่ขุนพันธ์ท่านมีดาบแดงใช่ไหม ? ก็คือลักษณะอย่างนี้แหละ เขาไม่ได้ให้ใช้เป็นอาวุธนะ ใช้เป็นวัตถุมงคล

จะว่าไปของหลวงพ่อบุญมีท่านก็ทำมาหลากหลาย แต่ว่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง...ท่านใช้ยันต์กระบองไขว้แบบเดียวกับสายหลวงปู่แตง วัดอ่างศิลา หลวงพ่อบุญมีท่านอยู่ลพบุรี แต่ใช้ยันต์แบบเดียวกัน"


เถรี 01-12-2019 20:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงบ๊ะจ่างก็คือขนมจ้างไส้เนื้อ คราวนี้ใครทำแบบเจมา เรียกบ๊ะจ่างไม่ได้หรอก ต้องเป็นเจจ่าง

คนจีนเขาห่อด้วยไม้ไผ่ เขาก็เลยเรียกจ่าง พอมีไส้เนื้อมีอะไรก็กลายเป็น "บ๊ะจ่าง" ระยะหลังเขาดัดแปลงมาเป็นพวกไส้เจ ก็ยังอุตส่าห์เรียกบ๊ะจ่าง จะไป "บ๊ะ" ได้อย่างไร เพราะว่าไม่มีเนื้อแล้ว"

เถรี 01-12-2019 20:22

โยมเป็นหวัด "กินน้ำอุ่น กินผลไม้รสเปรี้ยวหรือวิตามินซีเยอะ ๆ ให้แข็งแรงไว้ เพราะว่าช่วงนี้ลมหนาวกำลังจะมา ถ้าเป็นโบราณ โน่น...กินแกงส้มดอกแค แก้ไข้หัวลม

คำว่า ส้ม ก็คือเปรี้ยว เอาวิตามินซีไปช่วยกันหวัด โบราณเขารู้ ถึงเวลาก็มีอาหารตามฤดูกาล รุ่นใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ กินไปเรื่อยเปื่อย

โดยเฉพาะที่วัดท่าขนุน บ่นไปหลายทีกว่าจะรู้ตัว หน้าหนาว อากาศต่ำกว่า ๑๐ องศาเซลเซียส เช้า ๆ ผ่าแตงโมมาถวายพระ วงละจานเบ้อเร่อ ถามจริง ๆ เถอะ ใครจะกินวะ ? ทำอะไรไม่ได้ใช้หัวแม่เท้าตรองดูก่อน...! โดนด่าไป ๓ - ๔ ที ค่อยรู้จักคิดขึ้นมาบ้าง

ช่วงเช้าแถวโน้นอากาศสูง ๆ เลยก็ ๑๖ - ๑๗ องศาเซลเซียส ต่ำกว่า ๑๐ ก็บ่อย ตอนเช้าหน้าหนาว ทางแม่ชีวัดท่าขนุนดันปอกแตงโมมาถวายพระ ถ้าไม่มีอาตมา คนอื่นไม่กล้าว่าหรอก ด่าหลายรอบจนกว่าจะจำ แต่ก็ไม่ค่อยจะจำ

ก็บอกแล้วว่า ถ้าจะทำกับข้าว มีจืด มีเผ็ด มีแห้ง มีน้ำ มีผัก มีเนื้อ หลักการมีแค่นี้ ไม่ใช่บางวัน ๔ จาน ผัดแห้งมาหมดเลย แล้วจะกินอย่างไร ? ไม่ใช่ตอนเช้า ถึงเวลาพระบิณฑบาตมา ก็จัดมีแต่แกงเผ็ดมา ๗ - ๘ ถุง จัดก็จัดให้สลับแบ่งกัน ๗ - ๘ ถุง ก็ให้ไปวงละถุงสิ ไม่ใช่ตะบันมาลงวงเดียวกัน"


เถรี 01-12-2019 20:31

ถาม : หัวหอมที่เอามาโปะหัวเด็ก ?
ตอบ : อันนั้นเอาไว้แก้หวัดเลย ส่วนใหญ่เขาจะตำผสมกับใบมะขามอ่อน เขาเรียกว่า "สุมหัว" เด็ก ๆ กระหม่อมบาง ถ้าเล็กมากบางทีกระหม่อมก็ยังไม่ปิด เข้าสมองโดยตรงได้ รู้สึกโล่ง หายใจสะดวก ไม่อย่างนั้นไซนัสบวม หายใจไม่ออก เวลาเด็ก ๆ ก็โน่น...ต้มน้ำใบมะขามอ่อน เอาหัวหอมตำ เผาสักหน่อยแล้วสุมหัว สมัยนี้เขาไม่ทำกันแล้ว กินแต่ยาฝรั่ง

หัวหอมก็แก้หวัดได้เหมือนกัน กระเทียมก็แก้ได้ แต่ก็ต้องแบบอาตมานั่นแหละ ฉันไปคนเดียว ๗ - ๘ หัว ตลกตรงที่ว่าท่านเจ้าที่ให้ฉันกระเทียมดอง เดี๋ยวก็เหม็นตลบไปทั้งรถ ท่านยืนยันว่าไม่มีกลิ่น
ปรากฏว่าไม่มีจริง ๆ ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด เรื่องอย่างนี้ท่านยังทำได้ก็ต้องยอม เพราะว่าอาตมานั่งอยู่หน้ารถ ถ้าหากกลิ่นกระเทียมออก ทั้งรถก็ต้องทนดมไปด้วย คราวนี้ท่านว่าอย่างไรก็ต้องเชื่อท่าน ปรากฏว่าไม่มีกลิ่นจริง ๆ ก็ดีเหมือนกัน

เถรี 01-12-2019 21:13

ถาม : ท่านสุ่ยหลง ท่านดูแลบริเวณไหนบ้างครับ ทั้งจีนเลยไหมครับ ?
ตอบ : เฉพาะเขตเสฉวนตะวันตก ถ้าไปแถวนั้นก็ขอใช้บริการท่านได้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านจะเอาอะไรบ้าง ไปคุยกันเองก็แล้วกัน แต่ยอมรับว่าท่านสุดยอดมาก คือถ้าหิมะตกตั้งแต่ขาไป ขากลับเราก็จะเบื่อ ท่านก็ให้ตกขากลับ แล้วตกกลางคืน ถนนกลางวันก็ไม่ลื่น คราวนี้ช่วงจากทางด้านจากเมืองคังติ่ง เทียนฉวนมาจนถึงเฉิงตู ระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร เข้าแต่อุโมงค์ ไม่มีอะไรจอดให้ดู ท่านก็เอาฝนลงให้พอ จัดโปรแกรมได้สุดยอดมาก

คณะที่ไปก่อน ไม่ได้เห็นอะไรเลย เพราะว่าช่วงที่จะไปดูยอดเขาหิมะ หมอกก็ลงเสียจนมืด มองอะไรไม่เห็น แล้วหิมะก็ลง ลมแรง เข้าไม่ถึงทะเลสาบน้ำนม


ถาม : ทางเดินโหดมากครับ ?
ตอบ : อาตมาไปด้านบนเลย ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ เพราะว่าตอนอ้อมลงก็ง่ายแล้ว แต่ยอมรับว่าโหดมาก เพราะว่าเดินสามสี่ก้าวก็ต้องหยุดหายใจทีหนึ่ง สามสี่ก้าวก็ต้องหยุดหายใจทีหนึ่ง

ถาม : ผมเดินสี่ชั่วโมงครับ ?
ตอบ : ขาเข้าอาตมาเดินสองชั่วโมง ขาออกชั่วโมงครึ่ง ไปแบบไม่ใช้ออกซิเจน ได้ความเมตตาของท่านสุ่ยหลง ถึงได้ไม่หนาวตาย รู้สึกอุ่นอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับอากาศ คราวนี้พวกทิดดอยอยู่ใกล้ ๆ บอกว่า "อยู่ใกล้หลวงพ่อแล้วอุ่น" ก็อย่าไปไกลสิวะ..!

เถรี 01-12-2019 21:21

พูดถึงเด็ก "ตัวแค่นี้แขวนเหรียญรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาเอง ๗ - ๘ ขวบแล้วยังไม่มีพระติดตัวสักองค์ ยุคสมัยเปลี่ยนไปจริง ๆ

จำได้ว่าพระองค์แรกที่ได้มา เพราะว่าผู้ใหญ่เขาเห็นไปเกาะโต๊ะ สนใจอยู่ทุกวัน ก็เลยให้พระถ้ำเสือพิมพ์ตุ๊กตามาหนึ่งองค์ คราวนี้ท่านก็แนะนำวิธีดูเนื้อดูอะไรให้ด้วย แต่เด็กก็ไม่เข้าใจ ยังดูไม่เป็น "เอาอย่างนี้แล้วกัน..ไอ้หนู เอาน้ำหยดลงไปหยดหนึ่ง ถ้าหายวับไปเลยก็ของแท้" ระยะหลังใช้ไม่ได้แล้วสูตรนี้ เพราะว่ามีเตาไมโครเวฟ ถึงเวลาก็เอาวัตถุมงคลไปอบให้แห้งกรอบ น้ำหยดลงไปก็หายวับเหมือนกัน"

เถรี 02-12-2019 21:26

เล่าถึงการเดินทางไปประเทศจีนต่อ "วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นวันเสาร์ ตื่นเช้าขึ้นมาออกจากห้องพัก ปรากฏว่าหิมะยังเต็มลานอยู่เลย ยังไม่ละลาย อากาศลบ ๔ องศา ทำอย่างไรได้..อาตมาเป็นคนอยู่นิ่งไม่เป็น จึงไปเดินดูบ้านดูเมืองเขา หนาวก็หนาว ถึงหนาวก็จะดู

พวกศิลปะของเขาก็หลักการเดียวกับพระพุทธศาสนาของเรา เพียงแต่ว่าเขานิยมพวกเงื่อนไร้ที่สุด เงื่อนไร้ที่สุดก็ประเภทคล้าย ๆ กับสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน พันกันไปพันกันมา ไม่มีหัวไม่มีท้าย วนไปได้เรื่อย ๆ ไม่รู้จักสุด เล็กสุดที่เจอก็รู้สึกว่า ๕ เงื่อน ส่วนใหญ่สุด ๑๐๘ เงื่อน

มีเงื่อนไร้ที่สุด มีหม้อน้ำมนต์ มีหอยสังข์ มีธรรมจักร มีดอกบัว มีฉัตร ฉัตรนี่รู้สึกว่าที่ไหน ๆ ก็ถือว่าเป็นของสูงเหมือนกันหมด ส่วนใหญ่เขาก็ทำไว้ตามประตู ตามหน้าต่าง พวกบรรดาประตู ถ้าเป็นทิเบตแท้ก็มักจะมีคชสีห์อยู่ เขาเอาไว้ป้องกันพวกเสนียดจัญไร พวกของไม่ดีที่จะเข้ามา เพราะว่าคชสีห์เป็นสัตว์ดุร้าย เอาไว้ข่มพวกของอาถรรพ์นี้ได้"

เถรี 02-12-2019 21:34

"บ้านเขาจริง ๆ แล้วไม่ค่อยมีอะไร ที่บอกว่าบ้านเขาไม่ค่อยมีอะไรก็เพราะว่า ตัวอาคารอะไรต่าง ๆ รัฐบาลเขาสร้าง ก็เลยกลายเป็นแบบเดียวกันหมด พวกเราเดินย้อนกลับไปที่วัดซึ่งอาตมาไปซื้อกำไลงาช้างวงยักษ์มา คนอื่นเขาอยากได้ ปรากฏว่าเช้าเกินไป ยังไม่ทันจะ ๗ โมงเช้าเลย ทั้งวัดเปิดเฉพาะประตูเล็กเข้าวัดอยู่ประตูเดียว นอกนั้นไม่มีอะไรเปิด คนที่ตั้งใจจะไปเสียเงินก็เลยไม่ต้องเสีย

แต่ที่วัดนี้ดีอยู่อย่างหนึ่ง เพราะว่าเขามีของจำหน่ายหลากหลาย ขนาดกปาละยังมี กปาละนี่ถ้าคนทำไม่มีฝีมือจริง ๆ ผีหลอกตายเลย เพราะใช้กะโหลกศีรษะคนมาทำ ในพระพุทธศาสนาของเรา พระพุทธเจ้าท่านก็ห้ามใช้บาตรกะโหลกผี เพราะว่าถ้าไม่ห้ามก็จะมีพวกเฮี้ยน ๆ เอามาใช้กัน ยิ่งคนไหนหัวใหญ่หน่อย ถึงเวลาเลื่อยมาแค่คิ้ว ก็จะได้บาตรใบหนึ่งแล้ว

เดินกันจนกระทั่งมือชา เท้าชา หน้าชา เห็นใกล้เวลาก็กลับมากินอาหารเช้ากัน"

เถรี 02-12-2019 21:39

"แต่ว่าวันนี้มื้อเช้าไม่ได้กินในโรงแรม โรงแรมมีแต่ที่พัก ไม่มีห้องอาหาร คุณตั้วหัวหน้าทัวร์ต้องพาพวกเราเดินไปร้านค้า ปรากฏว่าเกือบจะเข้าผิดร้าน ที่เกือบจะเข้าผิดร้านเพราะว่าร้านค้าทุกร้านพอเห็นลูกค้ากลุ่มใหญ่เกือบ ๒๐ คนเดินมา เขาเรียกเข้าร้านทุกที่ เขาไม่ได้สนใจว่าเราจองร้านไหนเอาไว้ จะให้เข้าร้านเขาอย่างเดียวเลย

ตอนแรกได้ยินเขาตะโกนเรียกโหวกเหวก คุณตั้วต้องถาม Eric มัคคุเทศก์ว่าใช่ร้านนี้หรือเปล่า ? เขาบอกไม่ใช่ ต้องไปอีกหน่อย อาตมาเองนั้นคิดว่า...ไม่ต้องเดินไกล ไม่ต้องหนาวแล้ว

คราวนี้พอฉันอาหารเสร็จกลับมา ธรรมเนียมของพวกเราก็คืนห้องก่อนขึ้นรถ เพราะว่าหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว ใครจะเข้าห้องน้ำ จะได้เข้าได้ ถ้าคืนห้องเขาไปก่อน ก็ไม่มีห้องน้ำให้เข้า

อาตมาเดินมาก็ เอ๊ะ...ใครทำอะไรหล่นอยู่หน้าห้อง ? จึงหยิบขึ้นมาดู เป็นปลอกหมอน ก็เอาวางพาดไว้ตรงระเบียง เข้าห้องน้ำเสร็จเดินออกมา คราวนี้ปลิวมาเป็นหมอนทั้งใบเลย เงยหน้าขึ้นไป คุณแม่บ้านกำลังทำความสะอาดชั้นบน ของอะไรที่จะซัก แกโยนลงมาบนพื้นทั้งหมด แล้วก็โยนไม่ได้ดูใครเลย คงมั่นใจว่าแขกออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว ไม่ได้นึกว่าจะกลับมาเข้าห้องน้ำ โยนหมอนลงมา ถากหัวไปหน่อยเดียว..!"

เถรี 02-12-2019 21:54

"ดูท่าจะจำผิดว่าวันเสาร์ ที่เล่าให้ฟังน่าจะเลยไปแล้วใช่ไหม ? เป็นช่วงที่เราไปค้างที่โรงแรมทิเบต ในส่วนที่เราพูดถึงควรที่จะเป็นวันอาทิตย์

คราวนี้ในช่วงวันอาทิตย์ของพวกเรา ต้องบอกว่าเป็นวันที่อาตมาไม่ได้นอนเต็มตา เพราะว่าประมาณเที่ยงคืนมีเสียงเคาะประตู ก๊อก ๆ ๆ ใครกันวะ ? ผีหรือคน ท้ายสุดเปิดประตูออกไป จ๊ะเอ๋...! เจ้าถิ่น พูดไทยก็ไม่ได้ พูดจีนก็ไม่ได้ น่าจะเป็นทิเบต มาหาเพื่อน พอเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่เพื่อน เขาก็ไปไล่เคาะห้องอื่นทีละห้อง ไม่ได้ถามว่าคนในคณะโดนเคาะไปกี่ห้อง อย่างนี้ก็มีด้วย..ถ้าเป็นบ้านเราทำอย่างนี้เจอชกแน่นอน เที่ยงคืนคนกำลังหลับอยู่ดันมาเคาะประตูหาเพื่อน

แล้วอาตมามีนิสัยว่าถ้าตื่นแล้วจะไม่หลับ ตื่นแล้วต้องทำโน่นทำนี่ไปเลย ก็เป็นเรื่องสิขอรับ...! ตื่นตั้งแต่เที่ยงคืน แล้วจะทำอย่างไร ? ทั้งที่พยายามเข้าใจว่าธรรมเนียมบ้านเขาน่าจะปลุกกันตอนดึกเพื่อหาเพื่อนได้ แต่บ้านกูไม่มี...! โดยเฉพาะนี่เป็นโรงแรม อาตมารับประกันได้ว่าถ้าโรงแรมหรือรีสอร์ทไหนปล่อยให้คนมาเคาะประตูเรียกแขกกลางดึก มึงเจ๊งแน่นอน..! โดนเข้าแบบนี้คงไม่มีใครเข้าไปพักหรอก"

เถรี 02-12-2019 22:02

"ตื่นแล้วทำอย่างไร ? ก็นั่งภาวนาสิครับ ไม่มีอะไรจะทำ ตกลงว่ากรรมฐานที่ต้องทำทั้งวันก็เล่นเสียตั้งแต่เที่ยงคืนไปยังสว่าง โยมบางคนถามว่า ไปอย่างนั้นยังต้องไปปฏิบัติธรรมอีกหรือ ? อย่าลืมว่าอยู่นอกสถานที่ซึ่งเราคุ้นเคย ยิ่งอยู่นอกสถานที่ซึ่งเราคุ้นเคย ยิ่งต้องระมัดระวังให้มาก โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าที่เจ้าทางหรือบรรดาท่านที่มาขอส่วนกุศลก็ตาม

บางคนไปแล้วบอกว่านอนไม่หลับ รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายตัวอยู่ทั้งคืน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าผีพยายามจะขอบุญ คราวนี้เขาขอแล้วไม่ได้ก็ตื๊อไปเรื่อย พอเขาไม่ไป เราเองสัมผัสพลังได้แต่มองไม่เห็น ก็นั่นแหละ...ทำให้นอนไม่หลับ ตาค้างไปเถอะ เพราะฉะนั้น..ยิ่งไปที่อื่น อาตมายิ่งต้องปฏิบัติธรรมมากกว่าอยู่ในวัดอีก
จึงใส่เสียเต็มที่เลย"

เถรี 02-12-2019 22:07

"เก็บข้าวเก็บของ รอเวลาเดินทาง ทีนี้เวลาเดินทางในที่อย่างนั้น มีอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือถุงเท้า อาตมาไม่ค่อยชอบใช้ถุงมือ เพราะว่าทำให้ถ่ายรูปไม่ถนัด แล้วก็พวกหมวกไหมพรมกันหนาวก็ไม่ค่อยใช้ ถ้าหากว่ามีก็ใช้แบบเสียไม่ได้ แต่ว่าถุงเท้านี่จะไม่ลืม อย่างไรก็ต้องใส่ถุงเท้าให้เท้าอุ่นไว้ก่อน

แต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อย นั่งรอเวลาเขาเรียกไปกินข้าว เช้านี้เป็นข้าวต้มผัก...อนาถาแท้..! พวกเราเดินเข้าไปห้องอาหาร เขาจะมีบัตรอาหารให้ตั้งแต่ตอนเข้าพัก ก็ต้องเอาบัตรไปให้ทางพ่อครัว แล้วก็หยิบจานหยิบช้อนไปตักอาหารกันเอง กำลังกินเพลิน ๆ พ่อครัวเขามาเดินจี้ถาม "Two more ?" อีกสองคนอยู่ไหน ? พวกไปนั่งกินแล้วไม่เอาบัตรให้เขา ไม่เอาบัตรให้เขาแล้วเขาจะเก็บเงินกับใคร ? จึงต้องมาไล่นับคน แล้วก็นับบัตรในมือ บัตรหายไปไหน ๒ ใบ ? จึงมาตามทวง เจ้าตัวกว่าจะรู้ตัวก็กะเรี่ยกะราด ต้องรีบเอาบัตรให้เขา กินจนจะอิ่มอยู่แล้ว บางอย่างก็เป็นอะไรที่ตลกดีเหมือนกัน

เสร็จแล้วอาตมาก็วิ่งขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม ปรากฏว่าลงมาโยมเขาชี้ให้ดู ห้องน้ำอยู่ข้างประตูเข้าครัวนั่นเอง ด้วยความที่ไม่คิดว่าเขาจะมีห้องน้ำให้ เพราะว่าปกติเขาไม่ค่อยมี มีแต่ในห้องพัก อุตส่าห์ขึ้นไปยังชั้น ๓ ทั้ง ๆ ที่อากาศไม่พอหายใจ ตะกายขึ้นไปเข้าห้องน้ำ หนอยแน่ะ...! ดันมีอยู่ข้างหน้าครัวนั่นเอง"

เถรี 02-12-2019 22:11

"วันนี้เราต้องเดินทางย้อนกลับเส้นทางเดิมเกือบทั้งหมด เพื่อที่จะแยกไปเมืองซินตูเฉียว ในเมื่อย้อนกลับก็เจอสิ่งเดิม ๆ อย่างเช่นว่าด่านตำรวจ ไปประเทศจีนงวดนี้ ๑๐ วัน เจอด่านตำรวจแทบไม่ต้องนับ มีด่านเดียวที่ขึ้นมาตรวจ ที่เหลืออากาศหนาวมาก เลยไม่ออกมาจากที่ทำการมาให้หนาว

ส่วนที่ขึ้นมาก็ใช้วิธีให้เราถือพาสปอร์ตไว้ แล้วก็เอาโทรศัพท์มือถือไล่ถ่ายทีละคน เอาข้อมูลไป แล้วก็ไปดูว่าตรงกับเอกสารที่ทางด้านเจ้าของรถถ่ายเอกสารให้หรือเปล่า อาตมาเห็น "หัวเหว่ยโปร" ด้วย เจ้าหน้าที่จีนเขาใช้"

เถรี 02-12-2019 22:18

"ของอย่างหนึ่งที่อยากจะแนะนำญาติโยม สองอย่างก็ได้ ถ้าไปที่หนาวแบบนี้นะ ให้พกพวกโลชั่นหรือยาอะไรที่ทาผิวไปด้วย เพราะว่าอาตมานี่ผิวแตกเป็นขุย คันไปทั้งตัวเลย อาศัยโยมที่เขามีอยู่ ได้ทาแล้วค่อยดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่งก็คือพวกวาสลีนที่เขาทาปาก อาตมาปากแตกยับเยินเลย ไม่ได้ปากแตกเฉย ๆ นะ จมูกก็แตกร้าวหมด ที่แน่ ๆ ก็คือในรูจมูกก็แตกเพราะว่าอากาศเย็นจัด เพราะฉะนั้น..ต้องเอาไปให้มากที่สุดเท่าที่ทางสายการบินเขาอนุญาต เนื่องจากต้องใช้จริง ๆ อาตมานี่ขนาดใช้วาสลีนล้วงเข้าไปในรูจมูกเลยนะ เพราะว่าจมูกข้างในแตก เจ็บไปหมด

ญาติโยมเคยไปที่หนาวมาแล้ว หลายคนจะมีของพวกนี้ติดตัวเป็นปกติ อาตมาก็เลยได้โอกาส เพราะว่าปกติแล้วพระเราห้ามใช้ของพวกนี้ เนื่องจากว่าเป็นพวกเครื่องหอมเครื่องย้อมเครื่องทา แต่ปรากฏว่าในบาลีท่านก็มีข้ออนุญาตพิเศษให้ว่า ยกเว้นเจ็บไข้ คราวนี้อาตมาป่วยไข้แน่นอน เพราะว่าหนาวจนแตกลายไปทั้งตัว จมูกนี่แตกเป็นเกล็ดเลย จึงจำเป็นต้องใช้ ไปขอโลชั่นของโยมมาทา พอรูดลงไปก็หายวับไปเลย เนื่องจากผิวแห้งจนเป็นขุย สรุปก็คือโยมพกโลชั่นไปกะว่าพอใช้จนถึงวันกลับ อาตมาแย่งใช้ไปเสียครึ่งหนึ่ง"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:11


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว