กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4693)

เถรี 02-11-2015 16:55

ถาม : รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ สงสัยในกรณีเวลาจะใช้ปากกาหรือของคนอื่น ต้องขอเจ้าของก่อนทุกครั้งใช่ไหมคะ ? แบบว่าขอยืมแต่เจ้าของไม่อยู่ ใช้เสร็จแล้วเราก็คืนที่เดิม คือ พบบ่อยในการทำงานค่ะ ใช้เสร็จแล้วก็คืนที่เดิม แบบนี้รับยันต์มา ยันต์จะหายไหมคะ ?
ตอบ : ตีความในลักษณะเดียวกับพระแล้วกัน ท่านบอกว่าพระสามารถถือวิสาสะได้ ถ้า ๑.เคยรู้จักกันมา ๒.เคยพูดคุยกันมา ๓.รู้ว่าเอาไปแล้วเขาไม่ว่าอะไร ถ้าอยู่ในลักษณะนี้สามารถที่จะใช้งานได้โดยที่ยันต์ยังอยู่ แต่ถ้าเจ้าของเขารู้เมื่อไรแล้วโวยวายขึ้นมา ปีหน้าก็ไปรับยันต์ใหม่แล้วกัน..!

เถรี 02-11-2015 16:59

ถาม : ธูปเทียนแพที่ขอขมา ทำไมเขาไม่จุดถวาย แต่วางเฉย ๆ ไว้แทบทุกวัด ?
ตอบ : ธรรมเนียมเขาเป็นอย่างนั้น ถ้าคุณจะจุด จะจุดตรงไหน ? เจตนาในการขอขมาก็คือเอาสิ่งที่ดีไปสักการะ เพื่อทำสามีจิกรรมขอขมาในสิ่งที่ตนเคยล่วงเกินผู้อื่นมา

เถรี 02-11-2015 18:47

ถาม : การภาวนาเงินล้านที่ศูนย์กลางกายที่พระปัจเจกพุทธเจ้าแนะนำ ศูนย์กลางกาย คือ เหนือสะดือ ๒ นิ้วแบบ หลวงปู่สด วัดปากน้ำ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ตรงนั้นแหละ

ถาม : เวลาลืมตาหรือหลับตา ทั้งตอนภาวนาหรือทำการงานอื่นก็ตาม แล้วเกิดภาพปิ๊งขึ้นมา อาจจะเป็นภาพ เช่น หลวงพ่อฤๅษีเอาไม้เท้ามาเขกหัว หรือภาพพระพุทธรูปเกิดขึ้นมาเอง สภาวะแบบนี้คืออะไร ? และเราจะพัฒนาปฏิบัติในแนวทางไหนเสริมต่อ นอกจากอานาปานสติ ?
ตอบ : เขาเรียกว่านิมิต ไม่ควรให้ความสนใจใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นว่าเป็นนิมิตที่ตรงกับกองกรรมฐานของเรา อย่างเช่นว่า ภาวนาพุทโธอยู่แล้วเกิดภาพพระพุทธเจ้าขึ้นมา ก็สามารถที่จะจับภาพท่านแล้วภาวนาต่อไปเลย แต่ถ้าเป็นภาพที่ไม่เกี่ยวกับกองกรรมฐานเฉพาะหน้าตอนนั้น อย่าไปสนใจ

เถรี 02-11-2015 18:50

ถาม : วัตถุมงคลที่คนนำเข้าพิธีมีดหมอเพชราวุธกันเองนั้น สามารถใช้คำอาราธนาเดียวกันกับที่ลงบันทึกไว้ในวิธีใช้งานมีดหมอเพชราวุธของจริงได้เหมือนกันหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องดูด้วย ถ้าเป็นสากกะเบือแล้วเอาไปใช้อาราธนาก็คงจะยากสักหน่อย...!

เถรี 02-11-2015 18:52

ถาม : มีปัญหากับพระภิกษุ แต่ได้ทำการขอขมาอโหสิกรรมไปแล้ว การขอขมาโดยปากเปล่าต่อหน้าหิ้งพระพุทธรูป หรือในใจเราเอง กับการที่เราต้องไปพบพระภิกษุรูปนั้นเอง คำถามคือ ผลการขอขมานี้ต่างกันและได้ผลเหมือนกันหรือไม่อย่างไร ?
ตอบ : การขอขมาควรจะเป็นต่อหน้าโจทก์และจำเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าสามารถขอขมาต่อหน้าได้จะดีกว่า แต่ส่วนใหญ่การล่วงเกินพระภิกษุ หลังจากขอขมาท่านแล้ว ต้องมาขอขมาต่อหน้าพระพุทธรูปอีกครั้งหนึ่ง

เถรี 02-11-2015 19:00

ถาม : อยากทราบว่าการที่เราทำบุญผ้าไตรกฐินเป็นพันไตรหมื่นไตร โดยทำบุญตามอัตภาพ แต่วางกำลังใจว่า ฉันคือเจ้าของทั้งหมดทุกไตร จะได้อานิสงส์มาก ๆ เหมือนกับคนที่ถวายเยอะ ๆ ไหมครับ ? มีคนหนึ่งเคยบอกว่า ให้มโนภาพขึ้นมาว่าถวายกับพระเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ แสน ๆ องค์ ใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : มโนภาพได้แค่อนุสติ แต่การทำบุญกฐินเป็นทานบารมี ถ้าไม่มีทรัพย์สินพอที่จะทำ ยกมือโมทนากับเขาก็ได้บุญแล้ว

ถาม : ถ้าวางกำลังใจว่า ฉันคือเจ้าของทั้งหมดทุกไตร กับท่านที่ถวายด้วยเงินตัวเอง แต่เป็นร้อย ๆ ไตร อานิสงส์ต่างกันไหม ?
ตอบ : ได้อานิสงส์ในส่วนของการถวายผ้าไตรไว้ในพระพุทธศาสนาเหมือนกัน แต่ถ้าเราทำตามคนอื่น ไม่ได้เป็นเจ้าภาพด้วยตนเอง ถ้าเกิดใหม่ก็ไปเป็นบริวารของเขา ถ้าเป็นเจ้าภาพด้วยตนเอง เกิดใหม่ก็ไปเป็นหัวหน้าเขา แต่..เกิดเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้น เพราะฉะนั้น..ไม่เกิดดีกว่า

เถรี 03-11-2015 16:42

ถาม : นอกจากการนั่งสมาธิแล้ว มีอะไรต้องทำเพิ่ม ทุกวันนี้ยังใช้พลังของลูกแก้วได้ไม่เต็มที่ ?
ตอบ : ไม่ต้องนั่งก็ใช้ได้ แต่ได้น้อยหน่อย แต่ถ้านั่งแล้วสมาธิสูงมากเท่าไรก็ใช้ได้มากเท่านั้น

เถรี 03-11-2015 16:42

ถาม : ยุคพระพุทธเจ้าองค์แรกของกัปนี้เป็นอย่างไรหรือคะ ?
ตอบ : สมัยนั้นคนสุขสบายกว่านี้หลายเท่า การเบียดเบียนกันมีน้อย ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในศีลในธรรม อายุยืนมากกว่ารุ่นเรามาก รุ่นเราอายุร้อยปี รุ่นท่านอายุเป็นหมื่นปี

เถรี 03-11-2015 16:52

ถาม : วันนี้ผมมาขอขมาท่าน ๒ เรื่องครับ เรื่องแรกคือที่ไปช่วยงานตักบาตรเทโวฯ ตอนไปช่วยรับของจากบาตรที่ตีนเขาก็ทำให้วุ่นวาย หลังจากนั้นไปช่วยเขายกของก็ทำของหล่นเนื่องจากของหนัก ขอให้ท่านให้อภัยด้วยครับ
ตอบ : นึกก่อนว่าจะให้อภัยดีไหม ?

ถาม : ท่านจะให้ผมรับโทษอะไรผมยินดีรับครับ แล้วแต่ความกรุณาครับ
ตอบ : ไม่มี ตอนนี้มีแต่อุเบกขา

ถาม : เรื่องที่ ๒ เรื่องที่ผมอยู่ต่อหน้าคนอื่นแล้วผมทำตัวบ้า ๆ บอ ๆ แล้วเป็นสาเหตุให้คนเข้าใจผิด คิดปรามาสครูบาอาจารย์และพระศาสนาว่าคนปฏิบัติธรรมแล้วบ้าอย่างนี้ ก็อย่าไปปฏิบัติเลยดีกว่า ขอขมาด้วยครับ
ตอบ : ถ้าขอแล้วยังทำอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อขอขมาก็ต้องปรับปรุงตัวใหม่ด้วย

เถรี 03-11-2015 16:55

เรื่องของงานตักบาตรเทโวฯ ครั้งนี้ ที่ฉิบหายวายป่วงก็เพราะว่าคนที่ไม่ใช่ทีมงานเสือกเข้ามา เขาจัดทีมงานของเขาเอาไว้แล้ว เรามีศรัทธาที่จะเข้าไปก็ต้องฟังเขา ไม่ใช่ว่ากูนึกอยากจะทำก็ทำ คนที่เขาทำมาก่อน เขามีประสบการณ์ เขารู้ว่าทำอย่างไรถึงจะสะดวก ถึงจะเร็ว ถึงจะไม่เสียหาย แล้วอยู่ ๆ ก็มีไอ้ควายกลุ่มหนึ่งที่มีแต่ศรัทธา แล้วก็เสือกทะลึ่งเข้าไป แถมยังไม่ฟังใครด้วย โดยเฉพาะตอนบอกว่า อย่าไปบังกล้องถ่ายรูปนี่ไม่มีใครฟังเลย จะทำงานอย่างเดียว

ฉะนั้น...ต่อไปถ้าเขาไม่ได้กำหนดเราให้เป็นทีมงาน ก็ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ไม่ต้องไปเสือกยุ่งกับเขาเลย เพราะว่ายุ่งแล้วฉิบหายวายป่วงไปหมด จนป่านนี้เขายังเคลียร์งานกันไม่เสร็จ

อีกส่วนหนึ่งที่อยากตำหนิมากเลย ก็คือ ทีมงานถ่ายทอดสด มารดามันถ่ายเป็นอยู่มุมเดียว...! ก็คือกูตั้งหน้าตั้งตาจะถ่ายหน้าเจ้าอาวาสอย่างเดียว ไม่คิดจะถ่ายอะไรอย่างอื่นเลย งานใหญ่ ๆ คนเป็นพันเป็นหมื่น ควรจะถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ ให้คนทางบ้านเขาดูว่าอะไรเป็นอะไร จะขึ้นเขาลงห้วย จะเดินไกลกี่กิโลเมตรก็ควรจะถ่ายให้เขาดู ไม่ใช่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ๒ ชั่วโมงครึ่งมีแต่หน้าเจ้าอาวาสอยู่คนเดียว ถึงมึงไม่เบื่อกูก็เบื่อตัวเอง...! ด่าไปแล้วก็ยังไม่จำ ยังเอากล้องมาจ่อที่เดิมอีก วันนั้นก็เลยสงสัยว่าอาตมากำลังพูดกับคนหรือพูดกับควาย...!

อะไรก็ตามที่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ ความที่ไม่รู้จักคิด ไม่มีวิสัยทัศน์ สายตาแคบสั้น แนวความคิดในการทำงานไม่ชัดเจน ก็เลยทำให้งานออกมาเละเทะอย่างที่เห็น ขนาดด่าไป ๒ ครั้งแล้วก็ยังทำเหมือนเดิม แปลว่าอะไร ? แปลว่าไม่เคยใช้หัวแม่ตีนคิดแทนสมองเลย..! โดยเฉพาะแต่ละคนที่มักจะคิดว่าตัวเองเป็นสุดยอดของสาขานั้น “เรื่องนี้กูเก่ง เรื่องนี้กูรู้จริง”

เถรี 03-11-2015 16:59

มีอยู่สมัยหนึ่งที่พนักงานบริษัทเข้ามาจัดงานที่บ้านวิริยบารมี โดนอาตมาด่ากระจาย มึงเป็นบริษัทรับปรึกษาในงานก่อสร้าง เสือกทะลึ่งมารู้พิธีสงฆ์มากกว่าพระได้อย่างไร ? บอกแล้วเขายังไม่ฟังอีก พอโดนด่าไปแล้วก็ทำหน้างง ๆ ว่าด่ากูทำไมวะ ?

อาตมาด่านี่ต้องบอกว่าด่าด้วยความเมตตา ไม่อย่างนั้นก็จะไปทำอะไรโง่ ๆ อีก แล้วคนประเภทนี้จะมีใครสักกี่คนที่เขาจะเมตตาด่า...! เพราะเขาก็รักตัวเอง กลัวจะโดนเกลียดขี้หน้า ท้ายสุดก็เหลือแต่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนที่ด่า แล้วก็เอาไปลือกันว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุยิ่งกว่าหมาอีก...!

งานแต่ละครั้งหลังจากที่ผ่านไปแล้ว อาตมาจะสรุปข้อผิดพลาดให้กับพระที่วัดฟังเสมอ พระก็ดี โยมในวัดก็ดี เขาจะรู้ว่าถึงเวลาแล้วจะต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไร แต่คนไปใหม่มีแต่ศรัทธาแล้วไร้ปัญญา แถมยังหยิ่งผยองด้วยว่ากูมีความรู้ กูมีความสามารถ สั่งกูไม่ได้ ก็บรรลัยหมดนะสิ ในเมื่อตัวเองไม่ใช่เจ้าของงานแต่ไม่ฟังเจ้าของงาน แล้วจะทำงานให้ได้ดีอย่างไร ?

ต้องบอกว่าเสียทีที่ปฏิบัติธรรมไป แบกแต่กิเลสท่วมหัว เป็นทั้งสักกายทิฐิ เป็นทั้งมานะ สังโยชน์ใหญ่มหึมาเลย แต่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองแบกอยู่ โดยเฉพาะบางคนเคยบวชอยู่ที่วัด เคยช่วยงานวัด แต่ไม่เคยอยู่ในทีมงานที่เขากำหนดให้ทำงาน พอแทรกเข้าไปก็ไปทำให้เขาป่วนไปหมด เพราะว่าทีมงานที่รู้งาน บางทีเขาอาวุโสน้อยกว่า เขาเกรงใจก็ปล่อยให้เข้าไปยุ่ง แล้วทุกอย่างก็บรรลัยหมดเพราะระบบไม่เป็นระบบแล้ว

เถรี 03-11-2015 17:07

งานนี้ข้าวของเสียหายเยอะมากเป็นพิเศษเลย ถ้าเข้าไปดูในคลังจะเห็นเลยว่าของที่ขนไปลง ๆ ไว้นั่นแตกเสียหาย โดนทำลายไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แล้วกว่าจะเคลียร์เสร็จ กว่าจะจัดงานเสร็จ ก็คงต้องใช้เวลาประมาณอาทิตย์หนึ่ง แล้วของที่เละเทะอยู่อย่างนั้นจะทำให้ของอื่นเสียหายเพิ่มอีกเท่าไร ? แล้วของทั้งหมดนั่นคือของสงฆ์ที่เขาถวายมาด้วยความศรัทธาในพระรัตนตรัย คุณกำลังสร้างกรรมหนักให้กับตัวเองเท่าไรยังไม่รู้เลย

คนที่ปฏิบัติธรรม สิ่งที่จะได้ประโยชน์อย่างแท้จริงก็คือเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ถ้าไม่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็จะทำผิดทำถูกไปเรื่อย จนกว่าจะเกิดประสบการณ์และข้อสรุปของตัวเอง คราวนี้คนที่เขาทำงานมา เขามีประสบการณ์อยู่แล้ว เขารู้ว่าทำอย่างไรถึงจะเร็ว ทำอย่างไรงานถึงจะออกมาดี ทำอย่างไรงานถึงจะไม่เสียหาย แต่ผู้มีประสบการณ์แล้วแถมยังเป็นเจ้าของงานด้วยพูดแล้วกลับไม่มีใครยอมฟัง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจมากว่า พวกคุณปฏิบัติธรรมไปแล้วได้อะไร กลายเป็นเอากิเลสไปชนกัน ไม่ให้ทำงานก็กลายเป็นขัดศรัทธา กลายเป็นว่ากีดกัน พอเบียดเข้าไปทำงานก็กลายเป็นว่าทำให้งานเขาฉิบหายวายป่วงหมด

ให้ถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียน แล้วไปนั่งพิจารณากันดูว่าใครผิดอะไรบ้าง ครั้งหน้าถ้ามีอีก คราวนี้ไม่ใช่ประหารชีวิตเฉย ๆ ต้องขุดกระดูกขึ้นมาโบยด้วย...!

เถรี 03-11-2015 17:13

ส่วนใหญ่เรื่องของการถ่ายรูปหรือว่าถ่ายภาพเคลื่อนไหว คนเราก็อดไม่ได้ที่จะเอาสักกายทิฐิแทรกเข้าไปด้วยว่า "ถ้าเป็นกู กูต้องเด่น" ก็เลยเอานิสัยนั้นมาใช้กับอาตมา ถ้ารู้จักสังเกตจะเห็นว่า ทั้งวัดท่าขนุนไม่มีรูปเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันเลย เพราะว่าอาตมาไม่ได้หลงตัวเองขนาดนั้น มีรูปก็ต้องเป็นรูปครูบาอาจารย์ที่คนเขาเคารพนับถือ แต่คราวนี้พอถ่ายรูปกลายเป็นไปเน้นอยู่คนเดียว ส่วนที่ดีก็คือต้องให้คนที่เขาไม่ไปได้เห็นว่าในงานมีอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่าทั้งงานออกมา ๑๐๐ รูปหรือว่าถ่ายวิดีโอมา ๒ ชั่วโมงมีแต่หน้าเจ้าอาวาสอยู่คนเดียว

แล้วเขาก็สงสัยว่าอาตมาเดินทางไปเที่ยวด้วยกัน แต่พอเขียนบันทึกการเดินทางออกมาเป็นคนละม้วนกับที่เขาเห็น ก็เพราะว่าต้องการให้คนที่เขาไม่ได้ไปนั้นเห็นว่าเราเห็นอะไรมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่เขียนจะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ในเมื่อเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางก็ไม่ได้ทำให้คนอื่นเขาเห็นภาพพจน์เลยว่าสถานที่ไปนั้นเป็นอย่างไร

ต้องบอกว่าของอย่างนี้ถึงเข้าใจแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเลียนแบบตามกันได้ เพราะด้วยความยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางหรือมีสักกายทิฐิเต็มหัวอยู่

เถรี 03-11-2015 17:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าญาติโยมสังเกต จะทราบว่าระบบเสียงบ้านวิริยบารมีคราวนี้เสียงดังแต่ไม่ก้อง เกิดจากชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต นำโดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ช่วยซื้อเครื่องเสียงใหม่เพื่อที่จะปรับปรุงระบบใหม่ ตอนแรกที่นั่งลงมานี่ อาตมาอยากจะด่าคนทำ เพราะว่าเสียงก้องมาก ปรากฏว่าช่างเขามาเจอทีหลังว่าไมโครโฟนเก่าไม่ค่อยกระจายเสียง ก็เลยไปเร่งลำโพงเอาไว้ พอของใหม่มากระจายเสียงได้ดีกว่า รับเสียงได้ดีกว่า ก็เลยทำให้ก้องสะท้อนมาก กว่าจะปรับแก้ได้ก็โดนด่าไปชุดหนึ่งแล้ว ก็ต้องขออภัยทีมงานไว้ในที่นี้ สรุปว่าคุณมีฝีมือพอที่จะหากินทางนี้ต่อไปได้...!

ส่วนใหญ่ที่เจอมาก็คือพวกไม่มีฝีมือ อ้างว่าพื้นที่กว้างบ้าง ก็เลยเพิ่มวัสดุมาเรื่อย ๆ แล้วให้เราจ่ายเงินไปเรื่อย ซึ่งอาตมาเจอมาแล้ว ไปติดตั้งจนเต็มศาลาไปหมด หมดเงินไปเป็นแสน ๆ บาท ตอนหลังต้องรื้อทิ้งไปเฉย ๆ เพราะว่าคนใหม่เขามีฝีมือ ใช้แค่ไม่เท่าไรก็แก้ไขได้แล้ว"

เถรี 03-11-2015 17:25

พระอาจารย์กล่าวถึง "เสื้อหมาหัวเน่า" ว่า “เดี๋ยวถ้าเสื้อเหลือแล้วให้ตัวเล็กไปลงกระทู้นะ ตัวละ ๓,๐๐๐ บาท ...(หัวเราะ)... นี่เกรงใจแล้วนะ ว่าจะเอาตัวละ ๓,๕๐๐ บาท บอกแล้วว่าตั้งใจทำมาขายแพง ๆ พระอาจารย์แปลงกายเป็นดีไซเนอร์ จะไปหาที่ไหนได้ สามารถประกาศได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า เสื้อนี้พระอาจารย์ออกแบบเอง เพียงแต่ต้องการความกล้าหาญในการใส่หน่อย ถ้าหากว่าติดตลาดเมื่อไรจะผลิตขายต่างประเทศเลย ดูท่าว่าตัว ๓,๐๐๐ บาทนี่จะถอนทุนคืนได้พอดี”

เถรี 03-11-2015 17:36

ถาม : ท่านเคยได้ครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรให้ใครไปบ้างครับ ?
ตอบ : ไม่เคยเลย...ยังไม่มีคำสั่ง ขืนไปครอบครูเดี๋ยวตูก็โดนครอบแทนเท่านั้น..! หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้รับอนุญาตให้ครอบครูเป่ายันต์เกราะเพชรตอนอายุ ๗๕ ปี ขึ้น ๗๖ ปี อาตมายังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะได้รับอนุญาตเมื่อไร

เถรี 03-11-2015 19:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานอาตมาติดหวัดจากใครก็ไม่รู้ ? พอรับสังฆทานเสร็จขึ้นไปพักนี่หมอบกระแตเลย ด้วยความที่เป็นคนไม่มีภูมิคุ้มกัน เพราะกินยารักษามาลาเรียจนภูมิคุ้มกันโดนกดจนเลิกทำงาน ใครเป็นหวัดหรือเป็นอะไรติดเชื้อหน่อยหนึ่งผ่านมากระทบนี่จะเป็นไปกับเขาทันที"

เถรี 03-11-2015 20:58

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องการศึกษาเกี่ยวกับพระพุทธรูปบ้านเราถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ได้บทสรุปชัด ๆ แล้ว แต่บางอย่างคนก็ยังไม่เข้าใจ อย่างเช่นคำว่าพระพุทธรูปศิลปะตะกวน ศิลปะตะกวนเป็นศิลปะตอนต้นของสุโขทัยที่ยังปนพุทธลักษณะแบบลังกามามาก คนได้ยินแล้วจะงงว่ารูปแบบตะกวนเป็นอย่างไร ไม่รู้จัก

สมัยนี้ถ้ามีช่างฝีมือดี ๆ ปั้นขึ้นมาองค์หนึ่งก็ถอดแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ...(หัวเราะ)... องค์ต่อ ๆ ไปเหมือนกันเปี๊ยบ ตอนนี้ยุครัตนโกสินทร์ของเราก็นับศิลปะพระพุทธรูปแบบรัชกาล ก็คือสร้างพระพุทธรูปแล้วมีจีวรลายดอกพิกุล ส่วนช่วงยุคกลางกับยุคปลายนี่ยังไม่ได้สรุป ต้องบอกว่ายุคต้นกับยุคกลางก็คือพุทธลักษณะแบบรัตนโกสินทร์ที่จีวรมีลายดอกพิกุล

อาตมาไปที่พิพิธภัณฑ์พระเชียงแสน เจ้าหน้าที่เขาก็ตามมาอธิบาย อธิบายไปอธิบายมาเลยบอกว่า “ขอโทษทีหนู..เรื่องนี้หลวงพ่อรู้เยอะกว่า” แล้วก็สอนคืน ...(หัวเราะ)... ก็คือแต่ละยุคของพุทธศิลป์ อย่างเช่นว่าสุโขทัยตอนต้นที่เขาเรียกว่าตะกวน ก็จะติดแบบพุทธศิลป์ลังกามามาก พอมาระหว่างสุโขทัยตอนปลายต่ออยุธยาตอนต้น ศิลปะก็จะผสมผสานกัน เป็นต้น คุณหนูเธอทำการบ้านมาดีหรอก แต่สายตาไม่ถึง อธิบายจ้อย ๆ ไปตามตำรา แต่ของที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ อาตมาก็เลยต้องทักท้วง

พิพิธภัณฑ์พระเชียงแสน ถ้าใครมีโอกาสควรที่จะเข้าไปดู อย่าไปเกี่ยงว่าค่าตั๋วแพง ๒๐๐ บาทนี่ได้ดูเบญจภาคีเต็ม ๆ ไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด คุ้มค่ามาก โดยเฉพาะบรรดาเหรียญเบญจภาคี พระเครื่องเนื้อชินชุดเบญจภาคี เรื่องของวัตถุมงคลถ้าเราได้เห็นของจริงบ่อย ๆ จะทำให้เรามีความมั่นใจที่จะฟันธงว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นของทันยุคสมัยหรือของทำเลียนแบบ"

เถรี 03-11-2015 21:24

ถาม : มีโยมมาปรึกษาเรื่องปีชงครับ ควรจะตอบเขาว่า ?
ตอบ : ก็เลิกชงสิ ให้คนอื่นชงให้กินแทน...! เรื่องของปีชงเป็นความเชื่อตามคติแบบของจีน ถ้าเป็นแบบของไทยเราก็สอนให้เขาสะเดาะเคราะห์ถวายสังฆทาน ปล่อยนกปล่อยปลาไป ถ้าจะเอาแบบจีนก็ต้องไปไหว้เจ้า เขาระบุว่าองค์ไหน ที่ไหน ไหว้แล้วแก้ชงปีอะไร เราก็ไปตามนั้น

เถรี 03-11-2015 21:53

ถาม : ผมเคยอ่านในพระไตรปิฎกที่พระมหากัสสปะเข้านิโรธสมาบัติ ในนั้นไม่ได้กล่าวไว้ว่าร่างกายจะอ่อนเพลีย ?
ตอบ : ก็เขาไม่ได้บรรยาย พระพุทธเจ้าถึงขนาดห้ามเข้าเกิน ๑๕ วันเพราะร่างกายจะขาดสารอาหารมาก

ผมเข้ากรรมฐาน ๓ วันออกมา ผมก็เดินขึ้นเขาไปรับบิณฑบาต ถามว่าเพลียไหม ? ก็มีบ้าง เพราะร่างกายขาดธาตุอาหาร ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจที่บาลีเขากล่าวว่า บรรดาฤๅษีที่ไปจำพรรษาในป่าหิมพานต์ ถึงเวลาอยากเปรี้ยวอยากหวานขึ้นมาก็ต้องเข้ามายังเมืองมนุษย์ ความจริงคือร่างกายขาดธาตุอาหาร คุณเก่งขนาดไหนก็ต้องหาให้เขาบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ชำรุดหมด ขำพระสมุห์กอล์ฟ เขาบอกว่าเขากินเต็มที่ ๓ วัน ๖ มื้อ เดินขึ้นเขายังต้องพัก ๒ รอบ หลวงพ่ออดมาสามวันเดินขึ้นเขารวดเดียวเลย


ถาม : แล้วเวลาจะเข้ากรรมฐานแบบนี้ต้องอธิษฐานกันไว้ก่อนไหม อย่างเช่นที่ว่ามดจะมาเจาะตา ?
ตอบ : คนละอย่างกัน เพราะไม่ได้หมดสติเหมือนคนทั่วไป ระบบร่างกายของบางท่านก็ทำงานเป็นพัก ๆ เวลาคลายสมาธิออกมา บางท่านก็ไปยาวเลย แต่คราวนี้ว่ากำลังสมาธิของท่านคุ้มได้ ต้องดูอย่างพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านโดนไฟเผาเป็นตอตะโกก็ยังไม่เห็นเป็นอะไร ถึงเวลาท่านก็ลุกมาหาผ้าครองใหม่

แต่ถ้าคนไม่เคยชินตอนคลายสมาธิใหม่ ๆ นี่หัวใจจะเต้นเร็วมาก บางทีร่างกายถึงขนาดเป็นลมไปเลย เหมือนกับว่าอวัยวะหยุดทำงานไปนาน ๆ พอจะทำงานใหม่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ประเภทออกแรงมากเพื่อที่จะขับเคลื่อนระบบทั้งร่างกาย เหมือนอย่างกับเครื่องยนต์ขาดน้ำมันหล่อลื่น เพราะฉะนั้น...หัวใจจะเต้นแรงมาก น่าจะเกิน ๑๐๐ ครั้งต่อนาที รับรองว่ามีแต่เกินไม่มีขาด พอหัวใจเต้นแรง ๆ แล้วมีอาการเหนื่อยหอบเหมือนจะเป็นลม ก็เลยทำให้เห็นว่าจริง ๆ ระบบร่างกายนี้เหนื่อยยากจริง ๆ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว