กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   ธรรมะจากพระเจ้าแผ่นดิน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2407)

ป้านุช 20-12-2011 02:09

"...คำปฏิญาณใด ๆ ก็มีความสำคัญมาก เพราะเป็นการกล่าวสัจวาจา ซึ่งสัจวาจานั้นเป็นแกนหรือเป็นรากฐานของการทำงาน หรือการดำรงชีวิตที่ดีที่งาม ที่มีความก้าวหน้า มีความสำเร็จ

สัจวาจานั้นต้องตั้งตั้งแต่เด็กตลอดมา สัจวาจาคือ เป็นการตั้งใจ ตั้งจิตตั้งใจ วาจานั้นก็เป็นคำพูดออกมา แสดงถึงคำพูดนั้นก็ต้องออกมาจากใจ คือเป็นการตั้งใจที่จะทำอะไรเพื่อความสำเร็จในงานนั้น อย่างเมื่อเป็นนักเรียนในโรงเรียน อยากที่จะผ่านพ้นการศึกษานั้นไปได้ให้เป็นประโยชน์ ก็จะต้องตั้งใจที่จะเรียนที่จะรู้ จะทำอะไรต้องตั้งใจ

การตั้งใจนั้นมีสิ่งที่สำคัญที่จะต้องมาประกอบ คือความตั้งใจในทางที่จะให้ถูกต้องตามหลักหรือตามธรรม โดยมากเวลาบอกว่าให้อยู่ในศีลในธรรมหรือให้เป็นคนดีนั้น ฟังดูแล้วออกจะรำคาญ เพราะว่าคนเราก็อยากได้ความสำเร็จ แต่เวลาถูกเตือนว่าให้ทำดีให้อยู่ในศีลในธรรม ออกจะรำคาญ แต่แท้จริงตามธรรมชาติหรือตามความเป็นจริง ถ้าตั้งใจให้อยู่ในระเบียบหรือในหลักย่อมมีความสำเร็จทุกอย่าง..."

ป้านุช 21-12-2011 00:40

"...ฉะนั้น การที่ได้กล่าวปฏิญาณจึงขอให้ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ระลึกถึงทุกขณะก็ดี ทำทุกวันก็ดี ว่าได้กล่าวคำปฏิญาณเช่นนี้แล้ว และก็ทำตามคำปฏิญาณที่ตั้งใจที่จะทำงานให้ซื่อสัตย์สุจริตเที่ยงตรงนั้น จนกระทั่งทำให้เรามีความสุขได้ คือมีความพอใจว่างานหรือการกระทำอย่างดี มีความสำเร็จ ต่อไปก็จะได้มีความนับถือตัวเองได้อย่างเต็มที่

ฉะนั้นก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้รักษาคำปฏิญาณนี้ และระลึกถึงอยู่เสมอ อาจจะไม่ระลึกถึงถ้อยคำ แต่ระลึกถึงเจตนา คือระลึกถึงความหมาย จะได้ความเจริญทุกอย่าง..."

ชยาคมน์ 23-12-2011 22:18

ขออนุญาตลอกทุก "องค์" ครับ
ขอนำไปเผยแพร่ผ่าน http://www.facebook.com/MotanaboonCom
และในเว็บพลังจิตดอทคอม ห้องกฎแห่งกรรมด้วยครับ
http://board.palungjit.com/f8/กฎแห่งกรรม-ภพภูมิ/

โมทนา

ป้านุช 24-12-2011 23:35

๓๕
ใครเหนียวอยู่ก็มาได้


"...ในปัจจุบันนี้ เรามีสิ่งใด เราก็มีอยู่ในปัจจุบัน
ในอดีตเราเคยมีอะไรก็ผ่านไปแล้ว
ในอนาคตจะมีอย่างไร
ก็จะต้องคอยดูว่าร่วมกันสร้างอย่างไร
ถ้าร่วมกันสร้างดีก็ดี
ถ้าร่วมกันสร้างไม่ดีก็เสียใจ ก็ไม่ดี..."

ป้านุช 24-12-2011 23:45

"...สำหรับประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ว่า มีการแตกแยกเป็นครั้งเป็นคราว แต่ส่วนใหญ่ก็ปรองดองกัน ฉะนั้นแนวโน้มหรือประวัติหรือนิสัยของคนไทย ก็ไปในทางที่จะรักษาประเทศได้ เพียงแต่ถ้าไม่ระวัง จะเอาวาระที่เราแตกแยกกันมาขึ้นเป็นเอกก็อาจจะเสื่อมเสียไปได้

แต่ถ้าเอาความปรองดองเป็นหลัก ก็เชื่อว่าเราจะทำอย่างไร ๆ ก็ตาม ก็จะไม่เสียชาติ และไม่เสียความสงบของส่วนรวม เดี๋ยวนี้ประเทศไทยก็ยังอยู่ดีพอสมควร ใช้คำว่า "พอสมควร" เพราะเดี๋ยวมีคนแย้งว่า มีคนจน มีคนที่เดือดร้อนจำนวนมากพอสมควร แต่ว่าใช้คำว่า "พอสมควร" นี้หมายความว่าตามอัตภาพ และยังมีงานที่จะทำให้ดีขึ้นอีกมากมาย งานยังรออยู่ข้างหน้ามากมาย..."

ป้านุช 26-12-2011 01:32

"...มีคนพูดว่านี่ผ่านมา ๕๐ ปีแล้ว ขออีก ๕๐ ปี อีก ๕๐ ปีจะฉลองอีกทีหนึ่ง หมายความว่าจะเป็น ๑๐๐ ปี ๑๐๐ ปีนั้นคำนวณดู ข้าพเจ้าอายุ ๑๑๘ ปี (เสียงหัวเราะ) อายุ ๑๑๘ ปีนี้มีความสำคัญอยู่ เพราะว่ามีคนที่เกิดในปี ๒๔๙๘ เขาก็ภูมิใจว่า เขาเป็นคนแผ่นดินเดียว แต่อย่างไรก็ตามเขาก็อยากอายุยืนเหมือนกัน เขาบอกว่าเขาอยากอายุ ๑๐๐ ปี ก็จะต้องให้พระเจ้าอยู่หัวอายุอย่างน้อย ๑๑๘

ฉะนั้นเราก็จะต้องมีอายุ ๑๑๘ อย่างน้อย เพื่อที่จะให้ผู้นั้นสามารถที่จะมีอายุ ๑๐๐ ปี ตามปณิธานของเขา ก็เลยทำให้นึกว่าต้องอยู่อีก ๕๐ ปี อีก ๕๐ ปี ใครจะอยู่ก็ไม่ทราบ (เสียงหัวเราะ) แต่ว่าจะต้องมีชุมนุมนี้ ต้องมีเมื่ออายุ ๑๑๗ ปีกับอีก ๓๖๕ วัน แล้วก็ไม่ทราบใคร ใครเหนียวอยู่ก็มาได้..." (เสียงหัวเราะ)

ป้านุช 26-12-2011 02:05

"...การที่ประเทศไทยมาอยู่ในสภาพปัจจุบันนี้ ก็ผ่านฝีมือหรือการกระทำของคนทั้งประเทศ ถ้าเปรียบเทียบความเป็นอยู่เมื่อ ๕๐ ปีกับปัจจุบันนี้ ก็เห็นความแตกต่าง คนที่มีชีวิตตั้งแต่สมัยโน้นจนถึงสมัยนี้ และที่เกิดมาตามทางก็เป็นผู้ที่ได้สร้างส่วนรวม ได้สร้างประเทศชาติให้เป็นดังที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้

จะบอกว่าสมัยโน้นกับสมัยนี้เป็นอย่างไร ต่างกันไหม..ต่างกัน จะว่าสมัยโน้นดีกว่าสมัยนี้ ก็พูดไม่ได้ว่าสมัยนี้ดีกว่าสมัยโน้น อยู่ในปัจจุบัน เรามีสิ่งใดเราก็มีอยู่ในปัจจุบัน ในอดีตเราเคยมีอะไร ก็จะต้องคอยดูว่าร่วมกันสร้างอย่างไร

ถ้าร่วมกันสร้างดีก็ดี ถ้าร่วมกันสร้าง ถ้าร่วมกันสร้างไม่ดีก็เสียใจ ก็ไม่ดี ฉะนั้นคนที่สามารถที่จะระลึกหวนไปถึงระยะก่อนนี้และมาเปรียบเทียบกับที่เป็นปัจจุบัน ก็มีความสามารถที่จะถือว่าเป็นบทเรียนถือว่าเป็นหน้าที่ส่วนตัว จะเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ผู้น้อย จะเป็นนักธุรกิจ จะเป็นประชาชนที่ทำการค้าทำหน้าที่อะไรก็ตาม ก็เป็นหน้าที่ของผู้นั้นที่จะหวนระลึกไปเพื่อจะเป็นบทเรียน ถ้าไม่หวนระลึกแล้ว ก็ไม่ทำตามที่ได้มีบทเรียน สังคมไทยก็ต้องสลายไป..."

ป้านุช 10-01-2012 01:04

๓๖
คำว่า "ดี" คืออะไร


"...ถ้าคนดีเข้มแข็งในความดี
จะให้คนเลวมาทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก
สำคัญอยู่ที่ความเข้มแข็งของคนดี
คนเลวมิได้อยากให้คนอื่นเลว
เพราะว่าถ้าคนอื่นเลว
คนเลวนั้นแหละจะเดือดร้อน..."

ป้านุช 13-01-2012 01:51

"...ปัญหามีอยู่ว่า คำว่า "ดี" คืออะไร ไม่มีทางที่จะวิเคราะห์ศัพท์ว่า "ดี" คือคำว่า "ดี" นี่มันสั้น ๆ รู้สึกว่าจะเป็นคำที่สั้นที่สุดในภาษา อาจจะไม่สั้นที่สุดยังมีคำที่สั้นกว่า แต่อย่างไรก็สั้นมาก ใครจะมาวิเคราะห์คำนี้ได้รู้สึกว่ายาก เพราะว่าแต่ละคนก็นึกว่าดี แต่ไม่แน่ว่าใช่หรือไม่ใช่ อย่างไรก็ตามถ้าพูดคร่าว ๆ ความดีคนก็เข้าใจแต่จะบอกว่าเป็นอะไรยาก ความดีคืออะไรที่ทำให้เรามีความสงบความสุขใจแท้ ๆ เป็นผลดี คนที่ไม่ดีเรียกว่าคนเลว คำว่าเลวนี่ก็ยาวกว่าหน่อย คนเลวก็ไม่รู้จะวิเคราะห์ว่าอะไร

คนดีทำให้คนอื่นดีได้ หมายความว่าคนดีทำให้เกิดความดีในสังคม คนอื่นก็ดีไปด้วย ความเลวนั้นจะทำให้คนดีเป็นคนเลวก็ยากแต่เป็นไปได้ ถ้าคนดีเข้มแข็งในความดี จะให้คนเลวมาทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก สำคัญอยู่ที่ความเข้มแข็งของคนดี คนเลวมิได้อยากให้คนอื่นเลว เพราะว่าถ้าคนอื่นเลว คนเลวนั้นแหละจะเดือดร้อน เขารู้ว่าถ้าคนเลวทำให้คนอื่นเลว ก็หมายความว่าคนนั้นจะเบียดเบียนตัวเขาเอง ก็คือเบียดเบียนคนที่เลวทำให้ยิ่งแย่เข้า ไม่มีใครอยาก

ฉะนั้น ที่มีความหวังว่าอีก ๕๐ ปีข้างหน้านี่ จำนวนคนเลวจะน้อยกว่าคนดี เพราะว่าคนเลวจะทำให้คนดีเป็นคนเลวยาก ส่วนคนดีจะทำให้คนเลวเป็นคนดีก็ไม่พ้นวิสัย ทำได้ จึงมีหวังว่าอนาคตจะแจ่มใส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องให้คนในสังคมนี้มีความตั้งใจ ถ้าไม่มีความตั้งใจแล้วก็เชื่อว่า ตัวคนดีจะกลายเป็นคนเลวด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาชักชวน มันก็เลวไป ก็ลงเหวลงนรก..."

ป้านุช 15-01-2012 23:50

"...อันนี้ที่พูดอย่างนี้ได้เพราะได้รับการยกย่องว่ามีประสบการณ์มาถึง ๕๐ ปี ก็ได้เห็นความจริงของข้อนี้ ซึ่งเป็นความจริงที่เมื่อทราบแล้ว เมื่อเห็นแล้วเป็นสิ่งที่น่ากลัว คนที่มีชีวิตหรือการงานสัก ๕ ปี ๑๐ ปี จะเห็นข้อนี้ยากเพราะว่าเปรียบเทียบไม่ได้ แต่ผู้ที่ได้รับราชการหรือทำงานมา ๕๐ ปี เชื่อว่าควรจะเห็นได้ นี่ไม่ใช่อวดตัว แต่ว่าถามท่านผู้ที่มีอายุราชการหรืออายุทำงานมา ๕๐ ปี ก็เชื่อว่าจะเห็นด้วย ว่าคนดีชนะคนไม่ดีได้ แต่ยากพอใช้ เพราะว่ามีคนมากขึ้น ความต้องการของคนก็มากขึ้น การพัฒนาขึ้นมาไม่ทันกับการพัฒนาของประชากร

สำหรับวิธีที่จะทำให้คนเป็นคนดีนั้นก็มี เช่น การศึกษา เมื่อก่อนนี้ด้านการศึกษา คนในเมืองไทยนี่มีความรู้ การอ่านหนังสือเขียนหนังสือเป็นมีมาก เปรียบเทียบกับประเทศอื่นค่อนข้างจะสูง คือมีการอ่านเขียนได้เปอร์เซ็นสูง แต่มาปัจจุบันนี้น้อยลง เพราะว่าคนเพิ่ม โรงเรียนหรือผู้ที่มีหน้าที่สอนน้อยลง เปรียบเทียบกันอาจจะแย้งว่า สมัยนี้มีเทคโนโลยีสูง ทำให้สามารถที่จะทำกิจการโรงเรียน กิจการสั่งสอนแพร่ออกไปได้มากกว่า

แต่ไม่มีอะไรแทนการอบรม ไม่มีอะไรแทนการบ่มนิสัย คือการสอนนี่มีแบ่งเป็นอบรม แล้วก็บ่มนิสัย แต่ถ้าไม่มีผู้ที่อบรม ไม่มีผู้ที่บ่มนิสัย หรือผู้ที่อบรมหรือผู้ที่บ่มนิสัยเป็นคนที่คุณภาพต่ำ ผู้ที่ได้รับอบรมบ่มนิสัยย่อมคุณภาพต่ำเหมือนกัน อาจจะยิ่งร้ายกว่า แม้จะมีเทคโนโลยีชั้นสูง..."

ป้านุช 18-01-2012 00:40

"...เทคโนโลยีชั้นสูงนี้คนส่วนมากเดี๋ยวนี้ก็เข้าใจว่ามีโทรทัศน์ มีดาวเทียม มีเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ว่าเครื่องเหล่านี้หรือสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ดูรูปร่างท่าทางเหมือนมีชีวิต แต่อาจจะไม่มีชีวิต มีสีก็มีสีได้แต่ว่าไม่มีสัน คือสีสันนั่นรวมแล้วมันครบถ้วน และยังไม่ครบยังไม่มีจิตใจ อาจจะทำให้คนที่มีจิตใจอ่อนเปลี่ยนเป็นคนละคนก็ได้ แต่ว่าที่จะอบรมโดยใช้สื่อที่ก้าวหน้าที่มีเทคโนโลยีสูงนี่ยากที่สุด ที่จะอบรมบ่มนิสัยด้วยเครื่องเหล่านี้

ฉะนั้น ไม่มีอะไรแทนคนสอนคน คนสอนคนนี่ มีที่เขาใช้ดาวเทียม คนเดียวสอนได้เป็นพันเป็นหมื่นในคราวเดียวกัน แต่ถ่ายทอดความดีนี้ยาก ถ้าถ่ายทอด จะว่าไปอาจจะต้องถ่ายทอดตัวต่อตัว ฉะนั้น การที่มีความก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงในประเทศ ในสังคมไทย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนแปลงในทางดี นอกจากต้องหาวิธีให้มีการถ่ายทอดโดยใช้ตำรา หรือใช้หลักสูตรที่เหมาะสม ที่ทำให้คนเป็นคน

อันนี้ก็ขอฝากความคิดอันนี้ไว้ เพราะว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าสักที่จะให้มีความรู้ทางเทคโนโลยีมาก ไม่พอ ต้องมีความเป็นคน คนดี รวมความแล้วว่าต้องอบรมบ่มนิสัยให้ได้ ก็ต้องหาวิธีที่จะทำ ข้อนี้พูดอย่างนี้ค่อนข้างจะเลยเถิด แต่ว่าอดไม่ได้ เพราะว่าพบใครเดี๋ยวนี้พบใครก็บอกว่า ๕๐ ปี ก็ใช่ ๕๐ ปี ต้องใช้ประโยชน์จาก ๕๐ ปีนี้ ถ้า ๕๐ ปีแล้วไม่ใช้ประโยชน์ เราก็ไร้ประโยชน์..."

ป้านุช 19-01-2012 01:52

๓๗
หวังในบารมีให้ปกเกล้า


"...แต่ละคนต้องการอะไร
ก็ต้องการความสุข คือความสงบ
ความสุขและความสงบนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยตนเอง
ฉะนั้น ที่จะให้คนอื่นมาปกป้องรักษา
ก็เป็นสิ่งที่ยากถ้าตัวเองไม่ทำ..."

ป้านุช 19-01-2012 02:03

"...ท่านทั้งหลายหวังในบารมีให้ปกเกล้าบ้านเมืองนั้น ก็เป็นข้อหนึ่งที่น่าคิด เพราะว่าบ้านเมืองประกอบด้วยบุคคล และแต่ละบุคคลจะต้องทำด้วยตนเองตามหลักของพระพุทธศาสนา แต่ละคนต้องการอะไร ก็ต้องการความสุขคือความสงบ ความสุขและความสงบนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยตนเอง

ฉะนั้น ที่จะให้คนอื่นมาปกป้องรักษาก็เป็นสิ่งที่ยาก ถ้าตัวเองไม่ทำ อันนี้เป็นข้อที่สำคัญยิ่ง ในพระพุทธศาสนาและผู้ที่ถือตัวว่าเป็นพุทธศาสนิกชน ต้องพึ่งตัวเอง มิใช่พึ่งคนอื่น แต่การที่จะอาศัยคนอื่น ก็อาศัยได้โดยดูผู้อื่นที่ปฏิบัติดีชอบ และคอยฟังสิ่งที่ผู้อื่นที่เราเห็นว่าปฏิบัติดีชอบ ได้พูดได้แนะนำ

ดังนี้ก็เป็นสิ่งที่อาศัยผู้อื่นได้ ผู้อื่นจะช่วยเราได้ ฉะนั้น ก็จะต้องมีการพิจารณาของตัวเองว่าผู้ที่น่าที่จะดูการปฏิบัติ หรือฟังข้อแนะนำในการปฏิบัติและทำตาม อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคคลได้บรรลุถึงความสำเร็จความสุขได้..."

ป้านุช 23-01-2012 01:40

"...มาถึงปัญหาของพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ลำบากที่สุดที่จะเห็นพระพุทธศาสนาและประโยชน์ของพระพุทธศาสนา เพราะแต่ละคนก็มีกายและใจของตัว แต่ละคนก็มีความรู้หรือปฏิปทาของตัวแล้วแต่ภูมิแต่ชั้น การที่จะปฏิบัติตามพระพุทธศาสนานั้น ย่อมจะเป็นแล้วแต่บุคคล แล้วแต่สภาพของตัว จะเรียกว่าสภาวะหรือสภาพหรือฐานะของตัว ฐานะนี้ไม่ได้หมายถึงฐานะทางการเงินการทองหรือความเป็นอยู่ แต่เป็นฐานะทางจิตของแต่ละคน

ฉะนั้น พุทธศาสนาถ้าว่าไปเป็นสิ่งที่ลุ่มลึก ที่ลำบากที่จะสั่งสอนหรือที่จะเรียน เพราะว่าแต่ละคนจะต้องทำตามฐานะของตัว หรือจะว่าได้ว่าพุทธศาสนามีหลายชนิด แต่ละคนก็มีพุทธศาสนาของตัว

ฉะนั้น การที่จะสอน การที่จะชี้แจง การที่จะฟัง การที่จะเรียนพุทธศาสนานั้น จะต้องพยายามที่จะทำด้วยตนเอง..."

ป้านุช 24-03-2012 01:23

"...การศึกษาพระพุทธศาสนานั้น มีการศึกษาได้อีกหลายทาง ศึกษาประวัติของพุทธศาสนา ศึกษากลไกของพุทธศาสนา และศึกษาประโยชน์ของพุทธศาสนาต่อสังคม และในที่สุดก็มีศึกษาเพื่อปฏิบัติธรรม

แม้การปฏิบัติธรรมนั้นเองก็มีหลายวิธี หลายสาย บางคนก็เห็นว่าการปฏิบัติหาความสงบอย่างเดียวก็จะพบทางของความสุข บางคนก็บอกว่าทำอย่างนั้นไม่พอ จะต้องหาความสงบ แล้วก็จะหาความรู้พิเศษต่าง ๆ เช่นให้มีตาทิพย์ได้ ให้เห็นทะลุกำแพงได้ ให้เห็นให้ฟังและให้รู้ถึงจิตใจของผู้อื่นได้ บางคนก็ปฏิบัติเพื่อให้เห็นความจริง คือความไม่ยั่งยืนของร่างกาย หรือความไม่ยั่งยืนของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลก

ฉะนั้น มีวิธีที่จะปฏิบัติอีกหลายต่อหลายทาง ที่กล่าวอย่างนี้ก็จะให้แสดงถึงว่าแต่ละคนมีความคิดของตัว มีแนวทางของตัวจึงศึกษาหรือปฏิบัติศาสนาต่างกัน..."

ป้านุช 21-04-2012 22:05

๓๘
พูดถึงผี


"...ผีนั้นก็นึกว่าตัวมีกาย
ตัวมีกายแต่ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
อย่างเปรตหิวข้าวตลอดวันตลอดคืนตลอดเวลา
กินก็ต้องกินตลอดเวลา
แต่กินไม่ได้มันก็ทรมานอย่างยิ่ง..."

ป้านุช 21-04-2012 22:29

"...ได้พูดถึงผี อันนี้พูดถึงผีอาจจะไม่ค่อยเข้าใจกัน นี่ขอพูดอีกสักนิดหนึ่ง เป็นเรื่องที่ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติพุทธศาสนานัก แต่เป็นสิ่งที่น่าจะเป็นความจริง คือคนเราไม่เห็นว่าเรามีกายและใจซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็มีประโยชน์ทั้งนั้น

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ก็เท่ากับได้มีใจนี้ คือตัวเรามาประกอบกับกาย ซึ่งเราก็นึกว่าเป็นตัวเราเหมือนกัน แต่ว่ากายกับใจนี้ก็สามารถที่จะนำมาใช้ มาทำงานทำการ มาประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี เพื่อความสุขความเจริญของกายหรือใจ หรือของกายและใจ

ฉะนั้น ต่อไปเมื่อกายและใจนี้แยกออกไปก็ว่าเป็นผี เพราะว่ากายที่ไม่มีใจเขาเรียกว่าผี ผีความจริงก็เรียกว่าศพ แต่ว่าเขาก็เรียกว่าผี ผีเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบ โดยเฉพาะว่าเป็นกายที่ไม่มีใจแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาเลย เพราะว่าเป็นตามธรรมดา กายนี้เมื่อไม่มีใจอยู่แล้ว ก็ย่อมจะต้องสลายออกไปเป็นธาตุแล้วก็เป็นผี

แต่ใจนั้นเวลาไม่มีกายแล้ว ก็เป็นผีเหมือนกัน คือว่าที่ว่าจิตวิญญาณหรืออะไรก็ตามที่ตายแล้ว แล้วก็เรียกว่าผี บางทีผีมาหลอก ก็แปลกเหมือนกันที่ว่าทำไมจึงมาหลอกได้ ทว่าผีหลอกได้นั้นก็เพราะเหตุว่า ผีนั้นหมายความว่าจิตวิญญาณนั้นยังยึดมาก ยังยึดจนกระทั่งกำลังยึดนั้นกลับมา เหมือนมายึดจิตใจของผู้ที่เห็นผี มายึดได้ชั่วขณะ ก็ได้เห็นว่าเป็นผี

แต่ว่าผีนั้นจะเป็นผีกายที่ไม่มีใจ หรือใจที่ไม่มีกาย ผีนั้นไม่มีความสามารถที่จะประกอบความดี ถ้าหากว่าเวลากายกับใจประกอบกันเป็นตัวบุคคล โดยเฉพาะเป็นมนุษย์ สามารถที่จะประกอบความดี ถ้าหากแยกไปแล้วไม่สามารถที่จะประกอบความดี

แต่เมื่อประกอบกันแล้ว แล้วก็ทำความดี ผีนั้นก็เป็นผีที่เรียกว่าเป็นผีดี คือเป็นผีที่มีคุณ เป็นเทวดา เป็นพรหม คือเป็นผีที่ให้คุณและเป็นคุณกับตัว

ถ้าประกอบความไม่ดีคือทุจริต ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ก็เป็นผีไม่ดี ก็เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ผีนั้นความจริงก็ดูไม่มีกายแต่ว่าอาจจะมาหลอกเราได้เช่นเดียวกัน เพราะว่ามายึดกายเรา มายึดตาเรา มายึดหูเราได้ แต่ว่าถ้าผีนั้นที่เมื่อมีกายทำไม่ดีเป็นผีไม่ดีนั้น เขาจะแก้ไขอะไรไม่ได้เหมือนกัน จะต้องทนทุกข์ทรมาน..."

ป้านุช 22-04-2012 22:24

"...จะทุกข์ทรมานได้อย่างไรเมื่อไม่มีกาย แต่ความที่เป็นผีนั้นเอง เลยมีความยึดติดนึกว่าตัวมีกาย อย่างเช่นพวกเราเอง ใจเรา เราก็นึกว่าตัวเรามีกาย แต่แท้ที่จริงก็เป็นสิ่งที่ประกอบเป็นกอง ๆ เท่านั้นเอง แต่ผีนั้นนึกว่าตัวมีกาย ตัวมีกายแต่ว่าจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส อย่างเปรตหิวข้าวตลอดวัน ตลอดคืน ตลอดเวลา แต่กินไม่ได้ มันก็ทรมานอย่างยิ่ง

อย่างพวกเราเวลาไปไหน ๆ หรือเวลาแม่ครัวไม่ได้ทำกับข้าวให้กิน เราก็หิว มันทรมาน บางทีเราไปที่ไหนไม่มีอาหาร เราไม่มีอาหาร ควรจะได้อาหารกลางวัน อาหารค่ำ ไม่มี เราหิวมันก็ทุกข์ทรมาน ผีนั้นก็นึกว่าตัวมีกาย ก็ต้องกินอาหาร เมื่อกินไม่ได้อย่างเปรตที่ว่าปากเป็นรูเข็ม ไม่สามารถจะกินอะไร มันหิวทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง นี้ก็เป็นทุกข์ที่ยังไม่มากนัก อย่างอื่นยังมากกว่าอีก เช่น เอาอะไรมาเสียบแทงทะลุหัวจนถึงทวารหนัก ที่ท่านว่าอย่างนั้น แทงด้วยเหล็กที่เป็นไฟ แล้วอาจจะลงกระทะทองแดง หรืออะไรก็ตาม นั่นนะเป็นความทุกข์ที่ผีไม่ดีมี เป็นความทุกข์อย่างแสนสาหัส แล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้หมดเวรหมดกรรม

หมดเวรหมายความว่า หมดวาระที่จะหมดความทุกข์ทรมาน แล้วก็สามารถที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นคนอีก ถ้าคนเช่นนั้นขึ้นมาก็หมายความว่าเป็นคนที่ยังไม่ค่อยขัดเกลานัก แต่ว่าขึ้นมาก็พอที่จะได้มาเป็นคน บางคนเราเห็นว่าเป็นคนเลวทรามมาก เราก็ว่ามันพวกสัตว์นรก ก็เพราะว่าพวกนี้จิตใจยังเสื่อมอยู่ จิตใจยังไม่ได้ขัดเกลา

แต่พวกนี้ที่ขึ้นมาได้แล้วก็สามารถที่จะมีสมาธิได้ และสามารถที่จะมีการขัดเกลาเรียนธรรมได้แน่นอน ไม่ใช่ไม่มี เพราะฉะนั้น ที่พูดถึงผีนี่ไม่ใช่ที่จะชักชวนให้ท่านทั้งหลายได้สนใจเกี่ยวข้องกับวิชาผี ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ว่านึกถึงว่าแต่ละคนก็เป็นผี ทุกคนเป็นผี เป็นผีมาแล้วและจะเป็นผีต่อไป

เมื่อเป็นผีมาแล้ว แล้วก็ได้ประกอบกรรมดีมาพอสมควร ได้เกิดมาเป็นคนหรือเป็นมนุษย์ เราก็พยายามประกอบความดีขึ้นเพื่อให้เป็นผีดีต่อไป เมื่อเป็นผีดีต่อไปก็สามารถที่จะได้มีภพมีชาติที่ดีขึ้นต่อไป แต่ก็ต้องระวังเหมือนกัน แม้จะเป็นผีดี แล้วไปหลงใหลในความดีความสบายของผีแล้ว ก็อาจจะตกนรกต่อไปได้ มีเหมือนกัน

ฉะนั้น ก็ต้องพยายามที่จะต้องพิจารณาว่า ระหว่างนี้ ที่เรามีกายกับใจประกอบกัน ให้ดูกายให้ถูกต้อง ให้ดูใจให้ถูกต้อง แล้วก็สามารถที่แม้จะเป็นผีก็เป็นผีที่ดีได้..."

ป้านุช 25-04-2012 02:09

"...แต่ว่าถ้าความปรารถนาสูงสุดคือปรารถนาที่จะให้หลุดพ้นจากการที่จะต้องเป็นผี อย่างพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก ท่านไม่ต้องเป็นผี ท่านไม่ได้เป็นผี ท่านหลุดพ้น เรียกว่าพ้นไปได้ ต้องแยกกายกับใจ อย่างพวกเรา ๆ ที่ยังไม่ได้ความหลุดพ้น ถ้าหากว่าทำจิตใจให้ผ่องใส แล้วก็ดูจิตของเราหรือใจของเรา แล้วก็ดำเนินให้จิตใจของเราพยายามที่จะเว้นจากสิ่งที่ทำให้ตกต่ำเป็นผีไม่ดี พยายามทำอะไรที่จะทำให้ดีขึ้น จะเรียกว่าทำให้ผ่องใสขึ้น ทำให้มีความสุขขึ้น

ให้ทำอะไรที่สุจริตก็จะเป็นผีดีคือเทวดา และการเป็นเทวดาเท่ากับได้มีเวลาไปพักผ่อนในที่ ๆ สบาย แล้วก็ต่อไปก็สามารถที่จะกลับมารับราชการโลกต่อ เป็นคนก็จะเป็นมนุษย์ที่ดี แล้วก็ขัดเกลาไปขัดเกลามาก็สามารถที่จะเป็นผู้ที่หลุดพ้น อันนี้ก็เป็นความปรารถนาของพุทธศาสนา..."

ป้านุช 05-06-2012 23:36

๓๙
พุทธศาสนา


"...เราว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้
ท่านตรัสรู้แล้วก็แผ่รังสีออกมา
เราได้รับทั้งนั้น
แม้จะเป็นคนที่ไม่ใช่พุทธศาสนา
ก็ได้รับประโยชน์ของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า..."

ป้านุช 06-06-2012 00:22

"...พูดมานาน...ก็เพราะว่าพุทธศาสนานี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสนใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนจะได้ประโยชน์ถ้าเข้าในทางที่ถูกและเป็นสิ่งที่ไม่ยากที่จะปฏิบัติ พูดว่าไม่ยากในการปฏิบัติ ไม่น่าที่จะพูดนานถ้าเป็นสิ่งที่ง่าย ๆ แต่ว่าจะง่ายถ้าตั้งจิตให้ถูกที่ถูกทางด้วยความเพียรและด้วยความจดจ่อ ด้วยความรู้รอบคอบคือการสำรวจให้ดี ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ยาก

ถ้าได้พูดให้ยาวก็เพราะว่า สิ่งที่ง่ายนี้ทุกคนอาจจะยังไม่เห็น หรือเห็นยาก เห็นยากในสิ่งที่ง่ายจึงต้องพูดยาว แต่ถ้าทุกคนเห็นสิ่งที่ง่ายนี้แล้วก็ไม่ต้องพูดยาว ถ้าสมมติว่าทุกคนเห็นว่าง่ายจริง ๆ หมายความว่าเห็นส่วนที่ง่ายจะพูดได้สั้นมาก คือท่านทั้งหลายขอให้มีความเพียรในการปฏิบัติจิตที่ถูกต้องที่ดี อันนี้ก็หมด พูดแค่นี้ก็พอ ไม่ต้องพูดอื่น

ถ้าพูดอย่างนี้ก็ยังยาว ถ้าท่านทั้งหลายมาแล้วก็รู้ว่าทุกคนรู้ว่าง่ายแล้วรู้จริง ไม่ใช่รู้เก๋ ๆ เฉย ๆ รู้จริงว่าง่าย บอกว่าสวัสดีเท่านั้นเองก็พอ ไม่ต้องมานั่งมายืนให้เมื่อย ไม่ต้องมาพูดให้คอแห้งเปล่า ๆ ก็เพียงว่าสวัสดี เพียงว่าปฏิบัติชอบก็พอ แต่มันยากที่ว่าไม่เห็นว่าง่าย..."

ป้านุช 13-06-2012 23:42

"...ฉะนั้น ในที่นี้ก็พูดเกินไปพูดมากไปก็จะเป็นอันตรายเหมือนกัน เพราะว่าอาจจะมีคนคัดค้านได้ในคำพูดที่พูดออกไป ซึ่งอาจจะดูเหมือนว่าเป็นทฤษฎี ความจริงไม่ใช่ทฤษฎีแหวกแนวอะไร เป็นส่วนหนึ่งของการสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแท้ ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คิดค้นขึ้นมาโดยไม่ได้มีหลักฐาน

ฉะนั้น ถ้าทุกคนได้ปฏิบัติประโยชน์ของตนอย่างแท้จริง อย่างจริง ๆ ไม่ใช่เบี่ยงบ่ายไปในทางทุจริต ทำจริง ๆ ในประโยชน์ของตน ของธรรมของตัว หรือของโลกของตัว เป็นอันว่าได้ประโยชน์แล้วสำหรับทุกคนในโลก อาจจะมีประโยชน์สำหรับผีทั้งผีดีไม่ดี ถ้าเราทำดีแล้วเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนทุกตนที่มีอยู่ในโลกหรือโลกอื่น เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นทั้งหมด เพราะว่าแผ่ความดี แผ่รัศมีเช่นเดียวกับที่เราว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ท่านตรัสรู้แล้วก็แผ่รัศมีออกมา เราได้รับทั้งนั้น แม้จะเป็นคนที่ไม่ใช่พุทธศาสนา ก็ได้รับประโยชน์ของการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า..."

ป้านุช 13-06-2012 23:45

๔๐
เหนียวไว้ในความดี


"...ถ้าเราอดทนหรือถ้าพูดตามธรรมดาว่า "เหนียว" ไว้
อดทนในความดี ทำให้ดี เหนียวไว้ในความดีแล้ว
ภายภาคหน้าได้ผลแน่..."

ป้านุช 14-06-2012 00:04

"...การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลาต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่ที่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึ ทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน ในความเพียรของตน ต้องถือว่าวันนี้เราทำยังไม่ได้ผล อย่าไปท้อบอกว่าวันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้ผล พรุ่งนี้เราจะต้องทำอีก

วันนี้เราทำ พรุ่งนี้เราก็ทำ อาทิตย์หน้าเราก็ทำ ผลอาจได้ปีหน้า หรืออีกสองปีหรือสามปีข้างหน้า แต่ว่าถ้าสมมติว่าวันนี้เราทำแล้วบอกว่าไม่มีประโยชน์ เพราะว่าพรุ่งนี้ไม่ได้ผล เลิกเสีย พรุ่งนี้ไม่ได้ผลแน่ เป็นสิ่งที่แน่นอน แต่ว่าพรุ่งนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ทราบ ก็เชื่อว่าอยู่ แต่ว่าปีหน้าเราจะอยู่หรือไม่ ถ้าเราหยุดทำสิ่งที่ดี

ฉะนั้น ความไม่ย่อท้อ ความเพียร ความเพียรนี่หมายความว่าไม่ใช่ความเพียรในการทำงานเท่านั้นเอง หมายถึงความเพียรที่จะข่มใจตัวเองด้วย ความกล้าหาญที่จะข่มใจตัวเองให้อดทน ไม่ใช่อดทนแล้วก็เหมือนว่าใครทำก็ทำไป เราทนเอาไว้ เท่ากับคนอื่นเขาเอาเปรียบเรา ไม่ใช่อดทนที่จะยังไม่เห็นผล อดทนที่จะทราบว่าสิ่งใดที่เราทำต้องใช้เวลา ถ้าเราอดทน หรือถ้าพูดตามธรรมดาว่า "เหนียว" ไว้ อดทนในความดี ทำให้ดี เหนียวไว้ในความดีแล้ว ภายภาคหน้าได้ผลแน่..."

ป้านุช 16-06-2012 23:40

"...เคยพูดมาหลายแห่ง แล้วหลายเรื่อง อย่างเช่นความเลวต่าง ๆ ที่มีอยู่ในเมืองไทย การทุจริตคอรัปชั่นนั้นมี ถ้าแต่คนมีปณิธานที่จะไม่คอรัปชั่น ที่จะไม่ทุจริต และสะสมกำลังของตน สร้างตัวเองให้มีความรู้ ให้มีความแข็งแกร่ง และรักษาความรู้นั้น รักษาความแข็งแกร่ง ความมีปณิธานที่จะสร้างความดีสำหรับส่วนรวมและสำหรับส่วนตัว

ถ้ารักษาเหนียวไว้ในความดีนี้ ภายภาคหน้าความดีนั้นเกิดขึ้น เราก็ต้องรักษาความดีนั้นไปตลอด คนที่ยังมีอายุน้อยมีกำไร เพราะว่าสามารถที่จะถึงในภายหน้าในอนาคตได้ ถ้าเรารักษาความดีวันนี้จริง ๆ คือรักษาความดีที่สุจริต บริสุทธิ์แท้ ๆ รักษาไว้ได้ สิบปีข้างหน้าท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่มีหน้าที่สำคัญ งานการสำคัญ

ผู้ที่อยู่ในหน้าที่ในงานการสำคัญจะเป็นคนสุจริต จะเป็นที่ไม่คอรัปชั่น เป็นที่มีวิชาความรู้ก็สร้างบ้านเมืองได้ มีอิทธิพล ยิ่งยี่สิบปีข้างหน้าคนที่มีความบริสุทธิ์ใจที่รักษาไว้ ที่เหนียวไว้จะมีมากขึ้น แล้วคนเลวก็ต้องถอย เมืองไทยก็จะมีแต่คนที่บริสุทธิ์ใจ แต่ก็เป็นความหวัง จึงขอวิงวอนเป็นครั้งสุดท้ายว่า ต้องเรียน ต้องหาวิชา ต้องสร้างตัวเอง มีความคิดพิจารณาที่รอบคอบ และเหนียวไว้ในความดีบริสุทธิ์ จึงจะทำให้งานที่ทำ ปณิธานที่ตั้งไว้ในระยะนี้เป็นผล เกิดเป็นประโยชน์ก็ขอพูดแค่นี้ ขอให้การที่ทุกคนได้มีความสามัคคี มีความตั้งใจที่ดี มีความเข้มแข็ง ช่วยซึ่งกันและกัน ช่วยส่วนรวมเช่นนี้ เป็นผลทำให้ประสบความสำเร็จที่แท้จริง ที่บริสุทธิ์และขอให้ทุกคนมีกำลังใจ กำลังกายต่อเนื่องไปเวลานาน ประสบแต่ความที่ดี ความที่งาม ประสบความสำเร็จทั้งในการศึกษา ทั้งในกิจการเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของส่วนรวม และความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละคน ขอจงมีความสุข ความเจริญทุกประการ..."

ป้านุช 27-06-2012 00:06

๔๑
หยุดคิดสักนิด


"...หยุดคิดสักนิดเดียวก็พอ คือว่าเรามีปัญหาอะไร
แทนที่จะอ้าปากทันทีที่จะพูดไป เราหยุดคิดสักนิด
ถ้าฝึกไว้ดี ๆ แม้แต่วินาทีเดียวก็พอ แล้วก็ไม่ทำผิด..."

ป้านุช 27-06-2012 00:44

"...ทุกทวีปในโลกนี้มีการทะเลาะกันอย่างร้ายแรง แล้วเขาได้รับประโยชน์อะไรไหม ทุกคนก็ตายกันหมด อย่างที่เขาตายเป็นแสน แล้วก็มีหวังจะตายเป็นล้าน มีประโยชน์อะไร ของเราอย่าไปเอาอย่าง เราเอาอย่างมานานแล้ว เราทำตัวอย่างมามากแล้ว ตอนนี้เราอย่าไปเอาอย่างที่เขาทำกันให้ดูในทวีปทั้งหมด ก็ที่เอ่ยว่ามีทั้งทวีปอาฟริกา อเมริกา เอเชีย แล้วก็ยุโรป ตีกันทั้งนั้น ขออย่าให้เป็นอย่างนั้น

ถ้าไม่ให้เป็นอย่างนั้น หมายความว่าทุกคน จะเป็นข้าราชการ จะเป็นพ่อค้าประชาชน เป็นใครก็ตามที่ถือตัวว่าเป็นคนไทย ต้องมีความคิดหน่อย ให้มีความคิดที่เรียกว่าใช้ปัญญาเฉียบแหลมหน่อย หยุดคิดสักนิดเดียวก็พอ คือว่าเรามีปัญหาอะไร แทนที่จะอ้าปากทันทีที่จะพูดไป เราหยุดคิดสักนิด ถ้าฝึกไว้ดี ๆ แม้แต่วินาทีเดียวก็พอ แล้วก็ไม่ทำผิด เมื่อไม่ทำผิดแล้ว เรื่องนั้นก็ไม่เกิดเป็นเรื่องร้าย เป็นเรื่องดีทั้งนั้น ที่ขออย่างนี้เพราะว่ามาเห็นข่าวต่าง ๆ ทั่วโลกมันน่าเศร้าที่สุด

ถ้าหากว่าเราประเทศไทยสักประเทศหนึ่งในโลกมีความสงบมันก็จะดี ตอนนี้เราจะเป็นตัวอย่างสำหรับประเทศอื่น เราไม่ต้องทำอะไรอื่น เราทำอะไรให้คิดให้ดี ๆ แล้วจึงทำ ทำไป จึงจะถือได้ว่าเป็นไทย..."

ป้านุช 27-06-2012 00:57

"...นี่ก็ได้มาพูดเรื่องราวยืดยาว ทั้งเล่านิทาน ทั้งเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ก็นึกว่าถ้าหากท่านทั้งหลายช่วยกันคิด อะไรที่ผ่านมาก็ถือว่าผ่านไปแล้ว ถ้าพูดอย่างนี้ก็อาจจะว่าไม่ถูก แต่ว่า "ผ่านไปแล้ว" หมายความว่า ถือบทเรียนของเรื่องนั้น ๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นผลต่อไป เป็นผล ผู้ใดทำอะไรก็เป็นผลทั้งนั้น

แต่ว่าอย่ามาตั้งเป็นเงื่อนไขมากเกินไปเท่านั้นเอง ทำอะไรที่สร้างสรรค์ แล้วทุกคนจะสบาย ใช้ความคิดที่เรียกว่าสร้างสรรค์นี้ หมายความถึงความคิดที่ถูกตรง ที่ใช้ความรู้ ใช้ความที่เรียกว่าใจเย็น คือไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองจะได้อะไร ตัวเองจะไม่ได้อะไร แต่ว่าเรื่องจะสำเร็จเรียบร้อยสำหรับประเทศหรือไม่ อย่างน้อยที่สุดสำหรับส่วนรวม ไม่ได้ห้ามที่จะเถียงกัน ต้องเถียงกัน ถกเถียงกันเท่าไหร่ เท่าไหร่ก็ได้ แต่ขอให้ถกเถียงกันด้วยเหตุและผล มีเหตุอะไรก็เป็นผลอย่างนั้น ฉะนั้นที่ได้ชักนิยายต่าง ๆ มาให้ฟัง เล่านิทานให้ฟัง เล่าเรื่องให้ฟัง ก็ความจริงสำหรับแค่นี้ ทุกคนก็คงเดาใจได้ว่า อยากจะพูดแค่นี้ "ขอร้องให้ทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่าให้เกิดเรื่องราว"

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจและช่วยกันพิจารณา ช่วยกันสร้างสรรค์..."

ป้านุช 27-06-2012 00:58

จบเล่มแล้วค่ะ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:57


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว