กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   ท่านใดเคยมีประสบการณ์ในการใช้คาถามาแล้วบ้าง (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=171)

เถรี 20-02-2009 10:20

ท่านใดเคยมีประสบการณ์ในการใช้คาถามาแล้วบ้าง
 
กล่าวถึง "คาถา" เถรีเชื่อว่าพวกเราทุกคนในที่นี้คงมีคาถาที่ตนเองชอบใจ หรือคาถาที่ตนมักสวดเป็นประจำทุกวัน หรืออาจจะเคยใช้คาถาบางคาถาแล้วเกิดผลขึ้นมา จึงอยากให้ทุกท่านแบ่งปันประสบการณ์เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้คาถาของแต่ละท่านให้ผู้อื่นได้รับรู้บ้าง หากผู้ใดคิดว่าตนไม่มีประสบการณ์อัศจรรย์อะไรเกี่ยวกับคาถา ก็เล่าให้ฟังได้ว่าทุกวันนี้สวดคาถาอะไรกันบ้าง และคาถานั้นสวดแล้วส่งผลดีในด้านใด เผื่อบางท่านในที่นี้เกิดความสนใจที่อยากจะสวดตามค่ะ :onion_yom:

ชินเชาวน์ 20-02-2009 10:44

ที่ผมเคยใช้และเห็นชัดคือคาถา พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต อย่างที่เคยเล่าให้ฟังที่กระทู้ด้านล่าง ตามไปอ่านดูกันได้ครับ...

วาโยรัตนะ 20-02-2009 12:21

ขอแจมด้วยคน
หลังจากที่เริ่มสนใจจริง ๆ จัง ๆ ในเรื่องอักขระเลขยันต์ คราวนี้ก็เริ่มลงมือเขียน จารเป็นตะกรุดแผ่นแรก พี่น้องจ๋าเหนื่อย ๆ มาก ชนิดที่ว่าต้อง "กลับมาล้มตัวลงนอน กอดหมอนน้ำตาพรั่งพรู" หลับเป็นตายเลยครับ หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้น..ดีขึ้น ๑๐๐ - ๒๐๐ แผ่นเขียนได้ไม่เหนื่อย

ส่วนเรื่องคาถา ก็เท่าที่แนะนำเถรีไป เถรีคงทราบแล้วว่ารับรู้อะไร ให้เถรีเล่าดีกว่าครับ

"แผ่นยันต์มหาเศรษฐี"ที่ขอกำลังพระท่านทำไปแจกชาวบ้าน หรือเพื่อน ๆ ก็มีคนยืนยันกลับมาว่า มีความคล่องตัวดีมาก ๆ จนบางคนที่เผลอทำหายก็มาขอกันใหม่อยู่เสมอ ๆ แต่ผมเองไม่เคยคิดว่าเป็นกำลังของกระผม "นั้นคือความเมตตาของพระรัตนตรัย" เพราะเอาเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ของพระอาจารย์ตลอดขอรับ เคยถวายท่านมุนินโทไปขอรับ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ

แล้วมีคนปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ หลายท่านที่ยังไม่มั่นคงในพระรัตนตรัย อยากจะปลุกพระ ผมเลยเอาใบไม้มา หรือ อย่างอื่น ๆ ก็แล้วแต่จะหาได้ใกล้ ให้เขาลองปลุก มันมีสองประการคือ
๑.เขาบอกว่ามีพลัง :onion_eiei::4519626a: อันนี้มั่ว หรือ คิดในอีกมุมหนึ่ง จิตเขาถึงพระจริง ๆ จับอะไรก็มีพลังหมด
๒.ตอบมาว่าไม่รู้สึกอะไร อันนี้ถูกเพราะยังไม่ได้ทำอะไร หยิบมาจากต้นไม้แล้วก็ส่งให้เลย

หลังจากนั้นก็ขอบารมีพระเขียนรูปองค์พระลงไป ก็เอาไปให้ทดสอบใหม่ก็มีคำตอบอีกสองคำตอบ

๑. ๙๙เปอร์เซ็นต์ รับทราบถึง พุทธ ธรรม สังฆบารมีแห่งพระรัตนตรัย สาธุ สาธุ สาธุ
๒. อีกพวกหนึ่งบอกเหมือนเดิม อันนี้ทุกท่านคงทราบว่าทำไม :da4c2d5e:

สายท่าขนุน 23-02-2009 18:11

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Tatum (โพสต์ 1162)
ช่วงนี้คาถาที่ใช้ประจำ (นอกจากการภาวนาคาถาเงินล้าน และสวดมนต์ไหว้พระตามปกติ) ก็คือ "ช่างมัน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ....." เวลามีปัญหากับคนที่บ้านน่ะครับ แหะๆๆ ผลที่ได้ก็คือ จากที่เคยต่อล้อต่อเถียงกันยาวนานและหนักหน่วง ก็ลดความรุนแรงลงได้มากกว่า ๕๐% ครับ ๕๕๕๕๕๕๕

เห็นด้วย เห็นด้วย... มีคนเคยพูดเล่นให้ฟังว่า พวกเล่นหุ้น มีคาถาใช้อยู่เพียง ๒ คาถา คือ
"เอาวะ" กับ "ช่างมัน"... สำหรับชีวิตประจำวันง่าย ๆ น่าจะลองไปประยุกต์ใช้ดู เช่น
จะตั้งกำลังใจ อดของชอบ หรือรักษาศีล หรือตั้งใจสละทรัพย์ ฯลฯ ให้เป็นไปตามความประสงค์อันดีงาม
ก็ "เอาวะ" ผลของคาถา ก็จะทำให้ไม่โยกโย้ ตัดสินใจทำทันที หุ หุ
ส่วน "ช่างมัน" คุณ Tatum ยกตัวอย่างแล้ว ผลของคาถา จะทำให้ปล่อยวาง โดยเฉพาะสักกายทิฎฐิ
(ขอถามได้ไหมว่า Tatum อ่านว่า ตาตั้ม หรือตาตุ่ม หรืออื่น ๆ ไม่ได้แซว สงสัยจริง ๆ เพราะคนที่นี่ ถ่อมตัวกันทั้งนั้น:967339c1:)

ปราโมทย์ 08-04-2009 20:37

สวัสดีครับทุกท่าน
ผมขออนุญาต เล่าสู่กันฟังบ้างเกี่ยวกับการใช้พระคาถา บางพระคาถา ตอนแรกว่าจะไม่เล่า เพราะกลัวผลที่ได้จะหาย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับ
เกี่ยวกับพระคาถาท่านปู่พระอินทร์ครับ ว่าดังนี้
"สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสธายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู"
ถ้าท่านใดอ่านจากหนังสือของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีมาจะเห็นว่า ไม่มีส่วน "อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู"
ส่วนหลังนี้ผมใช้ตามพระอาจารย์ครับ
ผลที่ได้ก็พอมีบ้างครับ
คือว่า เมื่อก่อนนั้น ผมเป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งนัก โดยเฉพาะวิชาด้านคำนวณ เช่นตอนมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ขี้เกียจนัก ทำการบ้านไม่ได้ ไม่ได้ทำบ้าง จะโดนทำโทษเสียยับ โดนตีก้น ๒๐ ที มากที่สุดเท่าที่เคยโดนมา เรียนก็ไม่ได้ดี จบมัธยมต้นได้ผลการเรียนเฉลี่ยมา ๒.๗๕ ช่วงนี้เริ่มได้รู้จักพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี จากหนังสืออ่านเล่นครับ
เข้าสู่มัธยมปลายก็เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต ชอบเรียนครับ แต่ว่าไม่ค่อยได้ดี ก็เรียนไปตามประสาคนปัญญาทราม ช่วงนี้คุณงามความดีของท่านมีมาก แต่ผมตาบอด มองเห็นแต่ไม่นำมาใช้ ใช้ก็ไม่เต็มที่นัก ก็พระคาถาทั้งหลายนั่นแหละครับ แต่ว่ารู้จักแล้ว
เรียนไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จบมัธยมปลายได้ผลการเรียนเฉลี่ยมา ๒.๙๐ เป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่ถึง ๓ เลยใช่ไหมครับ
หลังจากนั้นก็ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมยังเป็นพวกสอบเอ็นฯแบบเดิมอยู่ครับ ได้คะแนนก็พอประมาณ
แต่สิ่งที่เหลือเชื่อคือ สามารถเข้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ อย่างไม่น่าเชื่อที่สุด ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณีวิทยา
ตอนนั้นผมเป็น Hall of fame ของโรงเรียนเลยครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนประจำอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีครับ ชื่อ "โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง" ครับ ที่นี่ไม่เคยมีใครสอบเข้า จุฬาฯ ได้มาหลายปีแล้วครับ
ท่านผู้อ่านลองนึกดูครับ ใครต่อใครจะคิดว่าว่าไอ้คนน้ำหน้าอย่างผมหรือครับ จะเข้าได้ แต่ผมคือหนึ่งในสองคนของโรงเรียนที่สอบเข้าได้ อีกคนคือคนที่เรียนได้ ๑ ใน ๒ หรือ ๓ ของโรงเรียนครับ ต่างจากผมมาก ใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ เพื่อน ทุกคนต่างแปลกประหลาดใจว่าเข้าไปได้อย่างไร ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ก็คาดว่ามีท่านผู้เมตตาครับ
หลังจากนั้นได้เข้ามาเรียน ก็ได้ทราบถึงความโหด เข้ม ในการเรียน ดูใจดี แต่โหดน่าดู การเรียนที่เรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นหรอกครับ แต่สังเกตได้ว่าในช่วงการสอบนั้น แม้แต่พวกที่เอาแต่เล่น ก็ยังหันมาอ่านหนังสือกันหมด จนบรรยากาศนั้นดูแปลกไปทีเดียว ส่วนลักษณะการเรียนของผมนั้น มันไม่ค่อยรู้จักจำ รู้จักพัฒนาครับ คิดว่าน่าจะเรียนเหมือนตอนมัธยมฯ ซึ่งต้องบอกว่าสมน้ำหน้าตัวเอง ผลที่ได้รับโดน รีไทร์ครับ
ผมก็เลยหยุดเรียนไปหนึ่งปี เพราะคิดว่าจะไม่เรียนแล้ว ทำงานดีกว่า อันที่จริงผมก็จะเรียนนั่นแหละครับ แต่กว่าจะรู้ว่าสมัครวันไหนก็วันสุดท้ายของการสมัครแล้วครับ หลักฐานใดๆ ก็ไม่ได้เตรียม ผมก็เลยหยุดว่างไปเกือบปี เพื่อนผู้กรุณา ก็มาตามให้ไปสอบใหม่เรียนด้วยกัน ผมก็เอา ไปก็ไป ตอนแรกกะว่าจะเปิดร้านคอมพิวเตอร์ ร้านเกมส์ครับ
ก็ไม่ได้ทบทวนอะไรมา ๑ ปีเต็ม ๆ หวังน้อย พยายามสอบ ผลที่ได้ ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมหิดล คณะวิทยาศาสตร์ หลักสูตรธรณีศาสตร์ได้ครับ ผมก็แปลกใจ ว่าเข้ามาได้อย่างไร
ตอนนี้แหละครับเกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเรียนวิชาอะไร รู้สึกเข้าใจทุกอย่าง เหมือนกับว่าเรียนมาแล้ว เข้าใจแล้ว ก็เรียนได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงเรียนปี ๒ ได้เฉลี่ยเกือบ ๔.๐๐ บางวิชาเรียนมาเกือบครึ่งเทอมไม่เข้าใจเลย แต่พอคืนเดียวเท่านั้น ยืนยันว่าคืนเดียว จากไม่สามารถทำได้เลย กลับสามารถทำได้ทั้งหมด และเพียงแค่อาจารย์สอนก็เข้าใจ สามารถทำการบ้าน ทำการทดสอบในห้องเรียน จนบางครั้งทำได้ขนาด ทำได้อยู่คนเดียวของทั้งชั้นเรียน อย่าว่าแต่การทดสอบเลย ขนาดอาจารย์เอาข้อสอบนักศึกษาแพทย์มาให้ก็ทำได้เช่นกัน อย่างในการสอบก็มีผล เช่นบางวิชาให้เวลาทำ ๓ ชั่วโมง แต่ใช้เวลาเพียงแค่ ๓๐ นาทีเสร็จ พร้อมกับคะแนนอันดับสอง ครั้งที่สองเหมือนกัน แต่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งด้วยเวลาการทำน้อยมาก ผมสังเกตว่าทุกอย่างเปลี่ยนจากคนที่ไม่เก่ง แต่กลับเก่งขึ้นมาอย่างคนละเรื่อง ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าตนเองเก่ง ที่ได้มาทุกอย่างเพราะพระท่านเมตตา เทวดาท่านเมตตา เพราะสังเกตว่าช่วงนี้ใช้พระคาถาด้วย นั่งสมาธิด้วยมากขึ้น ใช้ตามที่พระอาจารย์ท่านแนะนำครับ คือ ภาวนาวันละอย่างน้อย ๕ นาที เช้า-เย็น ผมบอกเลยครับว่านี่ขนาดทำประจำ แต่ไม่ค่อยขยันนัก ยังได้ผลขนาดนี้เลยครับ เรียนจบปริญญาตรีมาได้เกียรตินิยม อันดับสองครับ เกือบอันดับหนึ่ง เพราะว่าได้ผลเฉลี่ย ๓.๔๙
อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้เรียนโดยใช้ทุนตัวเองนะครับ แต่ว่าได้ทุนเรียนครับ ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จากสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยครับ
และก็ส่งผลให้ได้สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ในชีวิตนี้ครับ คือทุกวันนี้ผมเรียนปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ การสำรวจทางธรณีและวิศวกรรมปิโตรเลียม จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ด้วยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ( His Majesty of Thailand Scholarship ) หรือที่เรียกกันในหมู่นักศึกษาว่า "ทุนคิงส์"ครับ นี่แหละครับผลและพระเมตตาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอาจารย์เล็ก และที่ขาดเสียไม่ได้ ท่านปู่พระอินทร์ครับ
ขอผลบุญที่ได้จากบทความนี้ทั้งหมด ข้าพเจ้าขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอาจารย์เล็ก ท่านปู่พระอินทร์ บุพการี ผู้มีพระคุณ และครูบาอาจารย์ทุกท่าน
ที่จริงยังมีเรื่องของพระคาถาเงินล้านอีก แต่ผมคิดว่าส่วนนี้ยาวไปแล้ว ไว้โอกาสหน้านะครับ
* ปล. ตอนนี้ที่เล่าได้เพราะว่าเรียนได้ย่ำแย่มากครับ ตกต่ำมาก แต่ไม่เสียใจหรอกครับ ได้อยู่เรียน ก็เรียน ไม่ได้อยู่ก็ออกมาทำงาน ถือซะว่ายังไม่ควรเรียนช่วงนี้ ธรรมจัดสรร แหละครับ แต่ว่าบังเอิญครับ เมื่อต้นเดือนไปบ้านอนุสาวรีย์ พระอาจารย์ท่านแนะนำน้องคนหนึ่งที่กำลังเข้ามหาวิทยาลัยว่าให้ใช้พระคาถาวันละหนึ่งชั่วโมงครับ ผมก็เลยสงสัยว่าที่ทำมาน้อยไป เพราะว่าเรียนสูงขึ้น ก็ต้องเอาให้มากขึ้น แต่ก็นะครับ ตั้งชั่วโมง ตอนนี้กำลังขยันท่องพระคาถาเงินล้านอยู่ ก็ต้องลด ต้องเพิ่ม ตามความเหมาะสมครับ
บอกไว้ก่อนว่า ทุกวันนี้ก็ยัง ไม่เก่ง ไม่รวย เหมือนเดิมครับ ต้องขยัน ๆ ครับ

สไบเงิน 08-04-2009 21:15

ใช้คาถา
"สหัสเนตโต เทวิญโท ทิพจักขุ วิโสทายิ" ค่ะ

ใช้ตอนไปสอบข้อเขียนใบขับขี่ค่ะ
ปรากฏว่า "ได้คะแนนเต็ม" ค่ะ

ที่มั่นใจว่าเป็นเพราะคาถาก็เพราะว่า มีข้อสอบหลายข้อที่ไม่ตรงกับที่เคยอ่านและเคยรู้มาก่อน
แล้วก็ต้องเดาค่ะ

แล้วตอนใช้ก็มีอารมณ์ใจแบบที่พระอาจารย์เคยสอนด้วยค่ะ

และอานิสงส์จากการใช้คาถานี้แล้วสอบใบขับขี่ได้คะแนนเต็มก็คือว่า

ทุกวันนี้สามารถเอาเรื่อง "ดิฉันสอบใบขับขี่ได้คะแนนเต็มนะคะ" ไปเถียงกับจราจรได้ทุกครั้งที่เขาเรียกเพื่อจะกล่าวหาว่าเราทำผิดกฎจราจรค่ะ:onion_wink:

จราจรก็จะส่ายหัวดิก ๆ แล้วก็โบกมือไล่ไปทันทีค่ะ
ชไมเคิลก็จะยกมือไหว้ขอบคุณจราจรแล้วก็เผ่นไปทันทีค่ะ:6f428754:

กลัวตำรวจเปลี่ยนใจรีบไปเปิดหนังสือกฎจราจรมาเถียงสู้ค่ะ:conion-05:

ปล. ตอนสอบโทเฟลก็ใช้ค่ะ แล้วก็ผ่านด้วย:l43841274qn5:

ป้านุช 20-04-2009 17:36

คาถาเงินล้านค่ะ
เดือนที่แล้วมีความจำเป็นต้องชำระเงิน จำนวนประมาณ ๒๑,๐๐๐ บาท แบบไม่เต็มใจ
เพราะที่ถูกต้อง เราควรต้องชำระแค่ ๑๖,๐๐๐ บาทกับเศษอีกนิดหน่อย
ระหว่างรอฝ่ายบัญชีคิดตัวเลขที่ต้องชำระ เป็นเวลาเที่ยง ทุกคนต้องพัก รับประทานอาหารเที่ยง
เราก็สวดคาถาเงินล้าน แต่ใจไม่ได้คิดอะไร สวดไปเรื่อย จับภาพพระและรู้ลมไปด้วย
ถึงเวลาที่ต้องจ่าย เห็นยอดเงินที่ต้องชำระก็งงไป ๑๐ วินาที
ยอดที่ต้องชำระคือ ๑๖,๐๐๐ บาทกับเศษอีกนิดหน่อยนั่นแหละ
พอรู้สึกตัว ก็นึกถึงเสด็จพ่อ หลวงปู่ หลวงพ่อ
มโนฯไปกราบสวย ๆ แทบเท้าท่านทุกองค์เลย!!!

เถรี 19-05-2009 15:12

เห็นกล่าวถึงคาถากัน เลยขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับเรื่องการใช้คาถานะคะ
หลวงพ่อเคยพูดในเรื่องคาถาว่า "อยากเอาคาถาอะไรมีหมด ขอให้เรียนอย่างเดียวเท่านั้นแหละ" แล้วท่านก็ยกตัวอย่างทิดสันต์ให้ฟัง

ท่านเล่าว่า ที่วัดท่าขนุนจะมีระเบียบให้เทศน์ทุกวันพระ ถ้าเป็นในช่วงเข้าพรรษาจะวันพระใหญ่หรือวันพระเล็กก็มีเทศน์ แล้วเทศน์สองรอบ คือรอบเช้าและรอบกลางคืน รอบเช้าเทศน์เก้าโมงเช้า รอบกลางคืนเทศน์หลังทำวัตรเสร็จ

ช่วงที่ทิดสันต์บวชนั้น เป็นช่วงฤดูฝน ฝนฟ้าตกแบบถล่มทลาย ตกวันละแปดรอบหรือสิบรอบ ทิดสันต์ก็กลัวว่าถ้าฝนตกแล้วคนจะไม่มาฟังเทศน์กัน ดังนั้นพอทิดสันต์ทำวัตรเสร็จก็กลับห้องไปภาวนา แล้วก็หลับ...หลับไปเป็นชั่วโมง ๆ (ทิดสันต์ภาวนาคาถาหยุดฝนจนตัดหลับไป) มาสะดุ้งตื่นตอนเขาตีระฆังให้ฉันเช้า ปรากฏว่าได้ผล การภาวนาของทิดสันต์ทำให้ฝนแล้งไปเจ็ดวัน !!!

หลังจากหลวงพ่อสอนวิธีการห้ามฝนแก่ทิดสันต์ไปแล้ว ตั้งแต่นั้นมาท่านก็เลิกใช้ ท่านบอกทิดสันต์ไปว่า "ถ้าเอ็งไม่ทำ..เอ็งกับข้าก็เปียกเท่ากัน..!" สรุปว่าทิดสันต์รับหน้าที่ห้ามฝนเมื่อถึงเวลาจำเป็นค่ะ

ทว่าหลวงพ่อก็พูดถึงทิดสันต์ว่า "เท่าที่ดู...รู้ว่ามีหลายครั้ง ที่กำลังใจเขาไม่มั่นคง ที่รู้ว่ากำลังใจเขาไม่มั่นคงก็เพราะว่า ฟ้ามืดจนจะติดหัวอยู่แล้วและฝนก็ลงแปะ ๆ แล้ว คนรับทำหน้าที่ (หมายถึงทิดสันต์) ก็เลิ่กลั่ก ๆ แสดงว่าเอาไม่อยู่แน่แล้ว"

หลวงพ่อก็บอกทิดสันต์ไปว่า "เชื่อผมไหม..ฝนไม่ตก ?"
ทิดสันก็บอกว่า "จริงหรือครับอาจารย์ ?"

หลวงพ่อบอกว่า "เราต้องมั่นใจ ถ้ากำลังใจเสีย คาถาไม่ได้ผล"
ปรากฏว่าวันนั้นฝนก็ลงได้แค่แปะ ๆ ท่านก็เดินกันไป สักพักฝนก็หยุด แต่ทว่าฟ้ายังมืดอยู่ ท่านบอกว่า "อย่าให้กลับนะ ถ้ากลับถึงหอฉันเมื่อไร ฝนจะเทเหมือนฟ้ารั่วทันที"

"เพราะว่าในเรื่องของธรรมชาติ ลม ฟ้า ฝน ไฟ อะไรก็ตามเราไม่มีสิทธิ์ไปห้าม มันฝืนธรรมชาติ แต่จะขอให้เร็วให้ช้า ให้สูงให้ต่ำ ให้ซ้ายให้ขวา ให้ก่อนให้หลังนะพอได้ เพราะฉะนั้น..อย่าคิดไปห้ามเชียว ต่อให้ได้อภิญญาใหญ่ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวมีจะรางวัลติดปลายนวมมา"

เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่พอจะเก็บเกี่ยวมาได้จากพระอาจารย์ค่ะ หวังว่าคงมีประโยชน์บ้าง

ตัวแสบจำเป็น 21-05-2009 12:39

น่า.. ท่านพี่ให้อะไรก็รับไปเถอะ :onion_eiei:

กลับเข้าหัวข้อกระทู้ เดี๋ยวจะออกทะเลไปมากกว่านี้
แล้วน้องวาฬอ๋าจะกลับเข้าฝั่งไม่เจอ (๕๕ เรื่องโยนขอให้บอก
พรสวรรค์ส่วนตัว)

เคยมีประสบการณ์กับ "คาถารวมจิต" ค่ะ
คาถาที่ว่ามีเนื้อความตามนี้ค่ะ
"อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง"

มีอยู่ช่วงหนึ่ง (ในชีวิต) ช่วงนั้นค่อนข้างฟุ้งซ่านมากค่ะ
ไม่ทราบว่าเลือดจะไป ลมจะมาหรืออย่างไร แต่ไม่สามารถ
รวบรวมสมาธิได้เลย ก็ได้พระคาถาบทนี้แล ช่วยให้รวมจิต
เป็นหนึ่งเดียวได้ เห็นผลทันตา กราบขอบพระคุณพระเดช
พระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง กราบแทบพระบาท
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ประทานพระคาถาบทนี้มา
ช่วยชีวิตลูกไปอีกครั้งหนึ่ง

สู้ต่อไป.. ทาเคชิ :1894c7a1:

สไบเงิน 21-05-2009 12:59

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตัวแสบจำเป็น (โพสต์ 7349)
เคยมีประสบการณ์กับ "คาถารวมจิต" ค่ะ
คาถาที่ว่ามีเนื้อความตามนี้ค่ะ
"อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง"

มีอยู่ช่วงหนึ่ง (ในชีวิต) ช่วงนั้นค่อนข้างฟุ้งซ่านมากค่ะ
ไม่ทราบว่าเลือดจะไป ลมจะมาหรืออย่างไร แต่ไม่สามารถ
รวบรวมสมาธิได้เลย ก็ได้พระคาถาบทนี้แล ช่วยให้รวมจิต
เป็นหนึ่งเดียวได้ เห็นผลทันตา กราบขอบพระคุณพระเดช
พระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง กราบแทบพระบาท
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ประทานพระคาถาบทนี้มา
ช่วยชีวิตลูกไปอีกครั้งหนึ่ง

สู้ต่อไป.. ทาเคชิ :1894c7a1:

เคยมีบางคราว อาการหนักมาก ท่องคาถารวมจิตก็ไม่สงบเพราะความรู้สึกมันพุ่งพล่าน บอกไม่ถูก คล้าย ๆ กับฟองแก๊สในขวดน้ำอัดลมที่ถูกเขย่าจนมันจะพุ่งออกมาจากขวดค่ะ

เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้คราวใด ใช้คาถาหลวงพ่อฤๅษีฯ ทุกคราวค่ะ

คาถามีอยู่ว่า

"ช่างมัน...ช่างมัน...ช่างมัน..."

ป.ล. คาถานี้ได้มาจากตอนดู vcd หลวงพ่อฤๅษีที่บูชามาจากวัดท่าซุงค่ะ ดูแล้วก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งใดสักอย่างมาเชื่อมกาลเวลาในสมัยหลวงพ่อยังอยู่และครูบาอาจารย์ของเรายัง "รุ่น ๆ" อยู่ด้วยค่ะ เด็กอย่างหนู นั่งดูเพลินไปเลย "ท่านลุงยกทรง" ก็อ่านคำถามที่เขาเขียนส่งขึ้นมาถามแบบ "สนุก ๆ" แล้วหลวงพ่อก็ตอบ "สนุก ๆ" หนูก็ดูเพลินแบบ "สนุก ๆ" ไปด้วยเลยค่ะ ธรรมะหรรษา จริง ๆ ค่ะ
อยากให้ท่านพี่ที่ไปทันกราบหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่สายลมมาเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศบ้างจังค่ะ:onion_love:

นายเย็นชา 21-05-2009 14:48

เข้าเรื่องบ้างดีกว่า
ขอเล่าประสบการณ์ในการใช้พระคาถาบางบท(เท่าที่สามารถบอกแลนึกได้)
- เคยใช้พระคาถาพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณสวดเท่าอายุ+๑ ก็สามารถบรรเทาเคราะห์กรรม ก็สามารถทำได้จริง แต่ตอนนี้ขี้เกียจภาวนาจัดเลยภาวนาวันละประมาณ ๘-๙ จบแทนก็ได้ผลตามสมควร
- เคยภาวนาสวดอิติปิโสฯ ๗ จบต่อด้วย"นะมะพะธะ"อีก ๑๕ จบระหว่างการนึกเขียนยันต์ทำน้ำมนต์ในใจก็สามารถบรรเทาเคราะห์กรรมได้จริง(ได้ผลทันทีด้วย)
- เคยสวดพระคาถาอาการะวัตตาสูตร(เห็นเขาว่าบรรเทากฎของกรรมได้สามเดือนต่อการสวดหนึ่งครั้ง) ก็เห็นว่ามีผล(ส่วนนานเท่าใดอันนี้ไม่ยืนยัน)
- พระคาถาชินบัญชร ถ้าจะให้ดีสมควรสวดคราวละสามจบขึ้นไป(หากเป็นสมาธิจะมีผลยิ่งขึ้น)แล้วค่อยอัญเชิญพระบารมีของพระคาถามาช่วยอีกทีจักมีผลสูงขึ้่น
- เคยสวดพระคาถาชัยมงคลคาถาเพื่อชนะอุปสรรคแล้วก็ได้ผล จริง ๆ ทั้ง ๘ บทของพระชัยมงคลคาถาก็สวดเพื่อจุดมุ่งหมายในการเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ กันซึ่งหลวงพี่เล็กฯ ท่านก็เคยบอกไว้นานแล้ว และผมก็ได้จดไว้แต่อยู่ตรงไหนไม่ทราบ(หาไม่เจอ)เลยขอเว้นไว้ แต่ตอนนี้ผมก็สวดทั้งหมดเลย
- พระคาถาเมตตา"พระอะระหังสุคะโต ภะคะวา นะ เมตตาจิต"เคยว่าคาถาพร้อมทั้งนึกถึงหน้าของคนที่เราจะเข้าไปเจรจา ก็ปรากฎว่าการเจรจาสำเร็จผลดี
- เรื่องปัญญาตอนนี้สวดทั้งพระคาถาอิติปิโสฯ แก้วยอดฟ้า พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าและคาถาพระอินทร์("สหัสสเนตโตฯ...") ก็เห็นว่าความจำดีขึ้นปัญญาดีขึ้นมาก แต่ตอนนี้กำลังจัดระเบียบว่าจะพยายามท่องพระคาถาแต่ละบทวันละ ๑๐ นาทีเป็นอย่างต่ำ
- เคยภาวนา"สัมปฎิจฉามิ"ให้ได้สมาธิสูงสุด(พระอาจารย์เล็กฯ ท่านแนะนำว่าให้ถึงสมาบัติแปด) แล้วเป่าใส่ผีที่ถูกบังคับให้มารบกวน ปรากฎว่าเขาเป็นอิสระไปได้
- สุดท้ายเคยภาวนาพระคาถาหนังเหนียวของท่านกรมหลวงชุมพร(ได้จากเว็บนี้)แล้วลองเอาปลายมีดลากที่แขนดูปรากฎว่าเข้า(สงสัยว่าจิตยังไม่เป็นสมาธิดีพอ) ตอนไปกรุงเทพฯ ถ้าพี่นุชสังเกตดี ๆ จะเห็นรอยแผลแดง ๆ ใต้แขนซ้ายเป็นเส้นยาว อันนั้นเพิ่งจะลองหมาด ๆ ก่อนขึ้นกรุงเทพฯ เลย

ป้านุช 21-05-2009 21:53

ส่วนเรื่องคาถา วันนี้เอง สด ๆ ร้อน ๆ
ทำเรื่องเบิกค่าทำงานตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว แต่ถูกเลื่อนมาแล้ว ๓ ครั้ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ถูกเลื่อนไปปลายเดือนอีก
ตอนเช้าจึงสวดนะโม ๓ จบ จากนั้น จึงระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระอริยสังฆคุณ โดยมีท่านธมฺมวิตกฺโกเป็นที่สุด
แล้วจึงอธิษฐานขอให้เกิดอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ดังต่อไปนี้ คือ

” พระเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยม อุดมลาภ มหาลาภ มหาอุด อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดอุปัทวันตราย หายตัวได้(นิพพาน)”

ส่วนคาถาที่ใช้อธิษฐานก็คือ

“สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ สิทธะมัตถุ อิทัง ผะลัง
เอตัสสะมิง รัตตะนัตตะยัสสะมิง สัมปะสาทะนะเจตะโส”

ซึ่งมีความหมายว่า

“ด้วยอานุภาพแห่งความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยนี้ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ ขอจงเป็นผลสำเร็จ”

ปากกามหาอิทธิคุณ อาราธนาบารมีคุณพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์วิชาปากกาทุก ๆ พระองค์ ได้โปรดเมตตาสงเคราะห์เรื่อง..............แล้วสำรวมจิต ตั้งนะโม ฯ ๓ จบ ภาวนาพระคาถาว่า

“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นาลาอะระหัง นะเมติ”(๑๒ จบ)

ตะกรุดบุญฤทธิ์พระสีวลี นะโมฯ ๓ จบ

พระสีวลี จะ มหาเถโร เทวะตา นะระปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตังสะทา
พระสีวลี จะ มหาเถโร ยักขา เทวาภิ ปูชิโต โสระโห ปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตังสะทา
พระสีวลี เถรัสสะคุณณัง เอตัง สวัสดิลาภัง ภะวันตุเม

ตะกรุดน้ำบ่อแก้วจึ่มทราย

นะโมฯ ๓ จบ “สุวัณณะรัชชตัง มหาสุวัณณะรัชชตัง อังคะตะเศรษฐี มหาอังคะตะเศรษฐี มิคะตะเศรษฐี
มหามิคะตะเศรษฐี ปุริเศษสาวา อิตถีวา พราหมมะณีวา มะอะอุ มานิมามา สัพเพชะนา พะหูชะนานัง เอหิจิตตัง
เอหิมนุสสานัง เอหิลาภัง เอหิเมตตา จิตตัง พันธัง ปิยังมะมะ ให้ไหลมาต่อ ๆ เป็นดั่งน้ำบ่อแก้ว อย่าคลาดแคล้ว
หยาดเพียงตา ให้ไหลมา ไหลมาดั่งทรายไหลแล้ง โอม สวาโหมติดฯ” ว่า ๓ จบ

จบแล้วจึงระลึกถึงหลวงปู่ปาน หลวงพ่อ หลวงตาวัชรชัย หลวงพี่เล็ก หลวงพี่สมปองและหลวงพี่เอก
(วัดบางนมโค วัดท่าซุง วัดเขาวง วัดท่าขนุน อาศรมสบายใจ และวัดเขาแร่)

๕๕๕๕๕ สำเร็จเกินคาด แถมเบิกได้เกินจำนวนที่ขอเบิกอีกต่างหาก....สาธุ...

มิ่งเมือง 27-05-2009 08:54

ประสบการณ์เคยอาราธนาพระคาถานวด ของพระคุณหลวงพ่อฯ มาสงเคราะห์เพื่อน

เจ้าเพื่อนคนดีบ่นปวดคอ ปวดมากทายาก็ไม่หาย ผมเลยลองอาราธนาพระคาถานวด ที่พระคุณหลวงพ่อฯ ได้ประทานเอาไว้ ตั้งกำลังใจดีดี
ก่อนนวดก็ท่องพระคาถาไปจนคิดว่าพอแล้ว ก็ลงมือนวด ผมเองนวดไปแค่สักพัก
เพื่อนก็บอกว่าหายแล้ว หายปวดสนิทเลย

พระคุณของหลวงพ่อท่านแท้ ๆ เลยครับ

มิ่งเมือง 27-05-2009 10:50

กลัวจะเป็นผลเพียงครั้งเดียว

มีครั้งหนึ่งได้มีวาสนานวดถวายหลวงพี่เล็ก ผมเองไม่กล้านวดแรงมากเท่าไหร่
กลัวไปจับเส้นท่านแล้วผิดเส้น ประเดี๋ยวหลวงพี่ท่านจะมารับเคราะห์จากการนวดของผมครับ....

(ตอนนวดถวายไม่กล้าอาราธนาพระคาถาอะไร เอาแต่ดูด ดูด ดูด)

เมรุมาศ 27-05-2009 21:43

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สิ่งที่ไม่มี (โพสต์ 3470)
ที่เคยทำแล้วได้ผล ๑.เพราะไม่ได้หวังผล ๒.เพราะทำจนชินไปเอง
ที่เคยทำแล้วไม่ได้ผล ๒.เพราะหวังผล เป็นโลภะมูลจิต ๒.เพราะทำจริงจังเกินไป ลึกๆก็เป็นโลภะมูลจิต
ชอบคาถาเงินล้านเพราะเป็นคาถาที่เลือกคนสวดครับ
ลองสังเกตดูแล้วกันนะครับ


ตามมาจากอินทราพงษ์ตามคำแนะนำคุณพรศักดิ์ค่ะ:d16c4689:
ขอร่วมแบ่งปันประสบการณ์บ้างนะคะ
เคยตอบไว้ในพลังจิตแล้ว ถ้าอย่างนั้นขอลากมาแปะเลย
............................................................................................

เรามีความศรัทธาคาถาเงินล้านมาก ๆ
ปกติก่อนนอนจะสวด ๙ จบ วันไหนเหนื่อยจัดก็เหลือ ๓ จบ

เงินที่ได้มาในแต่ละวันเราจะหยอดกระปุกเก็บไว้ถวายสังฆทานทุกวัน
มากบ้างน้อยบ้างตามกำลัง แต่ไม่เคยขาด

ที่สวดไปก็ไม่ได้หวังร่ำรวย แต่เพื่อเป็นกำลังใจ และให้ท่านสงเคราะห์ให้อุปสรรคเบาลง

แล้วก็ได้ผลจริง ๆ การงานและเงินไม่เคยขาดเลย คล่องตัวมาก ไม่รวยแต่ก็ไม่เคยอดเลยล่ะ

เราอยู่ ตปท.ทำงานเสิร์ฟในร้านอาหารเลยเห็นผลเปรียบเทียบ
เพราะแม้ว่าจะเป็นช่วงที่ซบเซามาก ๆ แต่ได้เงินดีเกินคาดทุกวัน
ลูกค้าให้ทิปเราหนัก ๆ เกือบทุกวัน แม้วันที่เงียบที่สุดจนหมดหวังแล้วก็มีสิ่งเหลือเชื่อให้เห็นเรื่อย ๆ
ตย.เช่นลูกค้าให้ทิปมาแต่แบงค์ติด แล้วเขาไม่มาเอาคืน
ส่วนที่เป็นโบนัสนี้เราก็จะเอาไปทำบุญ ไม่กล้าเก็บไว้ ^ ^"
(มั่นใจว่าไม่เกี่ยวกับการบริการหรือปัจจัยอื่น ๆ ลูกค้าส่วนมากก็เป็นลูกค้าประจำกันอยู่แล้ว
แต่เขาให้เรามากกว่าให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น สมัยก่อนสวด และสมัยสวดต่างกันเห็นได้ชัด)
แต่เราก็ไม่เคยบอกใครเพราะกลัวหลวงพ่อจะโดนปรามาส

แถมยังมีเงินจากไหนไม่รู้โอนเข้ามาเป็นเครดิตในบัตรเครดิตเราด้วย
อันนี้งงมาก โทรไปถามที่บริษัทเขาก็ไม่รู้ที่มา

ทุกวันนี้ก็ภาวนาไปเรื่อย ๆ เวลาทำงาน (ทำขนมน่ะค่ะ)
ของที่ทำก็เพิ่มจำนวนขึ้นมา ได้เงินเพิ่มอีก ^o^

สมัยก่อนก็เคยสวด แต่สวดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ด้วยความศรัทธา
เต็มเปี่ยม เลยไม่เห็นผล
(กลับมานึกทบทวนแล้วก็จริงๆด้วยที่เป็นคาถาที่เลือกคนสวด
แต่เราว่าเลือก "ใจ" คนสวดมากกว่า)


จะบอกว่า..ถ้าจะให้ผลดีจริง ๆ ต้องสวด "คาถาเงินล้าน" ของหลวงพ่อ
พร้อมกับปฏิบัติตามคาถาของในหลวงคือ "พอเพียง" ด้วยนะ ซิบอกให่:msn_smileys-15:

..........................................................................

ขอบคุณคุณเถรีที่กรุณาตักเตือนค่ะ
เข้ามาแก้ไขแล้วนะคะ ตัวแดงเต็มเลย :9bbc76d5:
สักแต่ลากแปะ ไม่ได้ตรวจทานเลย
นี่แหละหนอ..ทำอะไรต้องมีสติกำกับตลอดเวลา ท่องไว้ ท่องไว้ ^ ^"

ลัก...ยิ้ม 28-05-2009 12:02

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ลัก...ยิ้ม (โพสต์ 8205)
สวัสดีค่ะ วันนี้จะแวะเวียนมาปล่อยของที่ห้องนี้ดีกว่า เพื่อนมีของดีอยู่กับตัวคงไม่ต้องกลัวยิ้มหลอกหลอนนะคะ อิอิ

เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้ .....(((((((((((โบ๋ว)))))))))) ค่ำคืนแห่งความคึกคะนองกำลังจะเกิดขึ้น อ่ะ ๆ...เล่าไม่ผิดกระทู้จ้ะ

มีครั้งหนึ่ง ได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องบทคาถาที่ท่านทั้งหลายได้พูดคุยกันไปมา มีบทหนึ่งที่ทำให้เกิดรู้สึกคิดว่า บทนี้น่าสนใจสำหรับตัวเองผู้มีจิตฟุ้งซ่าน(กระจาย) นั่นก็คือ คาถารวมจิต ตอนนี้ก็เริ่มจดจำไม่ค่อยได้แล้ว ว่าท่านว่ากันว่าอย่างไร

ครั้งนั้นเมื่อคิดได้ดังนั้น ก็จัดการจดบันทึกคาถานั้นกลับบ้านไปด้วย เมื่อทำกิจวัตรประจำวันเสร็จสิ้น ก่อนนอนจึงได้สวดมนต์
ตามปกติ แล้วนั่งสมาธิ เริ่มต้นกำกับด้วยคาถารวมจิต (จำได้ว่าหลวงพี่เล็กท่านกล่าวว่าควรสัก ๓ จบ...ไอ้เรามักฟุ้งซ่านจัดอัดมันเข้าไปเลย สวดว่ากันไปน่าจะสัก ๕ หรือ ๑๐ จบ..ก็จำไม่ค่อยได้)
อิ อิ สมองมันเสื่อม สัญญามันทราม

ลัก...ยิ้ม 28-05-2009 12:14

เมื่อกำกับคาถารวมจิตสำเร็จ...ความรู้สึกก็ อือ..รู้สึกว่าจิตมันนิ่งเหมือนหลับ (ก็ไม่รู้ว่ามันอุปทานไปหรืออย่างไร) แค่จิตรู้สึกไม่ใช่ตัวนะ แล้วก็เลยท่องพุทโธ ๆ พุทโธ ของเราไปเรื่อย ๆ

ท่องไป ๆ มันก็นิ่งสบาย ๆ ดี อยู่ดี ๆ ก็เกิดท่อง นะมะ พะทะ หลุดออกจากใจ เอ้า นะมะ พะทะ ก็ได้ ท่องไปยังไม่ทันที่โบราณเขาว่า "ไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ"เลย

คราวนี้...ยิ่งกว่าเจอทหารกองโจรบุกปล้น ความรู้สึกตกใจมันเข้ามาแทนที่ความสงบสบาย เฮ้ย...ตูเป็นอะไรไป ทำไม! ข้างในมันเต้นกันโครม ๆ
ความรู้สึกกลัวตายเริ่มเข้ามา "ตูจะตายไหมหว่า! จะทำอย่างไร? จะถอนสมาธิอย่าไร ? ตูตายแน่เลย?" วนเวียนกันอยู่แค่นี้ ไอ้ข้างในมันก็ไม่สงสารเจ้าของมันเลย มันก็เต้นกันโครม คราม ๆ ... สุดท้ายก็ตัดสินใจคลายสมาธิออก...หนูตัดสินใจอะไรไปนี่ คิดไม่ออก งง..ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้

ลัก...ยิ้ม 28-05-2009 12:21

ตอนเช้าช่วงนั่งรถมาทำงาน นั่งทบทวนตัวเองก็เลยคิดออกว่า อ๋อ..ไอ้ควายเอ๋ย...ก็ตอนนั่งสมาธิตอนต้นเรากำกับคาถาอะไรไว้เล่า โอ...คาถานี้มีพุทธคุณ พุทธบารมีสุดยอดเลย ถ้าเป็นกายเนื้อแทน... ไอ้ยิ้มคงเปรียบเหมือนโดนรถสิบล้อ บี้ เละตายคาถนนเชียว!

จำไว้ "ไอ้ยิ้ม(ควาย)...หายสงสัยไปเลย.. แต่ก็ยัง why why and why ว่าทำไมอยู่ดี ๆ นะมะ พะทะ ถึงหลุดมาให้เราท่องกำกับหนอ?

ทาริกา 28-05-2009 14:52

และแล้วก็ได้เวลาเล่าประสบการณ์ค่ะ

หนูเปลี่ยนมาหลายคาถาแล้ว
ท้ายสุดก็ต้องมาตายรังที่คาถาเงินล้านทุกที เพราะถนัดที่สุด ใช้มานานที่สุด
ช่วงเริ่มใหม่ ๆ จะฟิตมาก ว่างเป็นภาวนาคาถาจับลม จะมีเครื่องช่วยนับแขวนคอตลอด
พอเวลาผ่านไปจำนวนรอบอยู่ตัวก็ปลดเครื่องนับออก
แต่ผ่านไปไม่นานก็จะเริ่มมีเหตุ(ด่วนเหตุร้าย)เกิดขึ้น
ซึ่งเหตุจะเข้ามาทุกครั้งที่ถึงจุดสูงสุดของชีวิต(ของการภาวนา)ค่ะ

คือหมายถึงพอว่าคาถาจนชิน ได้วันละเยอะ ๆ จนมันจะเริ่มมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น
เช่น ตัวหลุดไปบ้าง เห็นนั่นบ้าง เห็นโน่นบ้าง ที่ไม่เคยพบเคยได้มาก่อน
ก็จะมีเรื่องให้ต้องหยุดสะดุดเพราะจิตตก ฟุ้งซ่านสารพัด:onion_no:

เมื่อนั้น เจ้าเครื่องช่วยนับก็จะหวนกลับมาอีกครั้ง :onion_wink:
มันจะเป็นผู้ช่วยชั้นดีเมื่อถึงยุคมืด(ยุคเสื่อม)

ครั้งล่าสุด เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายหนักหนาไม่แพ้ครั้งก่อน ๆ วิปัสสนาก็อ่อน
(จริง ๆ ก็อ่อนทุกอย่างนั่นแลเด้อ :l43841274qn5:) ทำอย่างไรดีหนอ
ก็เลยว่าคาถาเงินล้านจับลมไปเรื่อย ๆ ว่างจากคุยก็อัดเข้าไป อัดเข้า"ปาย" :a03cbf1e:

ทำงานก็ภาวนา ขับรถก็ภาวนา
ได้ ๑ จบก็ปล่อยพวงมาลัยมากดเครื่องนับ ๑ ครั้ง
หนูจะขับรถชนเฉลี่ยเดือนละครั้งค่ะ แต่ตอนภาวนาคาถาไม่เคยชนนะคะ
ยกเว้นตอนกำลังพิมพ์นี่ไม่สามารถค่ะ เพราะต้องคิดเรื่องประกอบเสียงในหัว

ขอไม่บอกว่าทุกวันนี้ได้วันละกี่จบนะคะ
เพราะช่วงนี้เน้นปริมาณเป็นหลัก มันได้เยอะ แต่คุณภาพยังไม่ค่อยผ่าน
ได้แต่หวังว่าหากจิตดีขึ้นคุณภาพคงจะดีขึ้นตามไปด้วย

และผลที่ได้ก็คือ ฟุ้งซ่านน้อยลงไปเยอะทีเดียว (ลดลงกว่า ๕๐%)
เวลาคนเราภาวนาจับลม ด้วยความเลวของจิต ก็จะยังสามารถคิดเรื่อง(เลว)อื่น ๆ ไปได้ด้วย

หากต้องการให้อยู่หมัด ก็ต้องจับลมภาวนาประกอบกับจำภาพพระไปด้วย
ซึ่งวิธีนี้จะเครียดไปนิดสำหรับจิตน้อย ๆ แสนฟุ้งซ่านของหนู ขอผ่านไปก่อนค่ะ

แต่ถ้าไม่จับภาพพระ แต่ก็ไม่ละคำภาวนา
อย่างไรเสียมันก็เตลิดได้ไม่นาน ต้องกลับมาจดจ่อกับคำภาวนาต่อ
เท่าที่สังเกต หากปกติฟุ้งได้เป็นชั่วโมง ๆ ก็จะเหลือคราวละไม่เกิน ๕-๑๐ นาที
และจะลดลงเรื่อย ๆ

นี่คือผลจากการภาวนาลดความฟุ้งซ่านค่ะ
ครั้งนี้ไม่ได้หวังผลด้านลาภ
แต่ถ้าได้ก็ถือเป็นผลพลอยได้ แล้วจะนำมาเล่าให้ฟังทีหลังค่ะ

มุ่งมั่น 02-06-2009 18:19

เนื่องจากพี่สาวอยู่หมู่บ้านหนึ่ง มีสุนัขเห่าเสียงดัง เวลาไปหามักจะถูกเห่าอยู่บ้าง มีครั้งหนึ่งก็ไปหา หมาก็เห่าตามปกติ อารมณ์ตอนนั้นสบาย ๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เกรงจะหนวกหูชาวบ้าน เลยกำหนดลมหายใจ ภาวนา "นะโมพุทธายะ" เพียงจบเดียว แล้วเป่าลมออกไปยังสุนัขตัวนั้น ปรากฏว่า เขาหยุดเห่าโดยทันที พร้อมกับวิ่งหนีหางจุกตูดไปเลย ทุกอย่างก็เงียบสงบโดยที่มิได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตัวแต่อย่างใด

ตัวเล็ก 10-06-2009 14:31

ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์เล็ก ๆ น้อยนะคะ

เคยภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์ช่วงปีสี่ที่ทำวิจัยเพื่อจบชีวิตการเป็นนักศึกษาปริญญาตรีอันแสนโหดร้ายนั้นลง

การวิจัยนั้นเป็นงานกลุ่มค่ะ สี่คนแต่ทำหลัก ๆ แค่สองคน คือ หนูและเพื่อนอีกคน

หนูเป็นคนอ่านและเขียนรายงานทั้งหลาย แล้วส่วนเพื่อนจะเป็นคนอ่านทวน ตรวจสอบความถูกต้องและเรียบเรียงคำพูดให้เป็นภาษาเขียนเชิงวิชาการ

ช่วงนั้น นั่งคิด นอนคิด จนหัวแทบระเบิด คิดอย่างไรก็ไม่ออก เลยตัดสินใจ เปิดเครื่องสมองกลคู่มือคู่ใจแล้วนั่งสวดคาถาท่านปู่พระอินทร์ก่อนเริ่มทำงาน เคยอ่านและเคยมีผู้รู้แนะนำว่าให้สวดเจ็ดจบก่อนเริ่มทำงานหรือข้อสอบนั้น ด้วยความไม่มั่นใจในตัวเองเลยสวดเผื่อไว้กลายเป็นสิบจบและบางครั้งก็มากกว่านั้น แล้วจึงเริ่มทำงานวิจัยนั้นค่ะ

บางวันภาวนาไปเรื่อย ๆ ตามกำลังใจของตนเอง ณ ขณะนั้นก็ปรากฏว่ามีความคิดแปลก ๆ วิ่งเข้ามาในหัวเต็มไปหมดเลย ต้องรีบหากระดาษบันทึกไว้

งานวิจัยที่อาศัยบารมีคาถาท่านปู่พระอินทร์นี้ ทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ท่านอื่น ๆ ถึงกับแปลกใจ หลายคนที่ได้อ่านงานวิจัยชิ้นนี้ถึงกับออกปากว่าไม่ใช่งานระดับปริญญาตรีนะนี่ เขาคิดว่าหนูทำวิจัยปริญญาโทค่ะ T T ยังไม่แก่ขนาดนั้นค่ะ

ผลสืบเนื่องหลังจากนั้น คือ งานของพวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ผ่าน ดีใจแทบตายที่จบรายงานชิ้นนั้นลงได้ เพราะนั่นหมายถึงหนูจบการศึกษาภาคปริญญาตรีนี้ไปได้กึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือคือการสอบปลายภาคและสอบ Comprehensive ทดสอบความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาก่อนจบค่ะ

ผลสืบเนื่องต่อมา คือ งานวิจัยที่ทำนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการถึงสองแห่ง น่าเสียดายที่งานเป็นภาคภาษาไทย ถ้าเป็นภาคภาษาอังกฤษอาจจะดังไปแล้วก็ได้ ^ ^

ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัยนี้ของหนูได้แปลรายงานฉบับนี้เป็นภาษาอังกฤษและนำไปให้เพื่อนอาจารย์ที่อยู่ที่ประเทศอังกฤษอ่าน แล้วอาจารย์แจ้งกลับมาว่าเพื่อนอาจารย์จะของานนี้ไปเป็นแบบเพื่อทำการศึกษาต่อไปในเชิงลึกค่ะ

แหม มันน่าภูมิใจนะคะที่งานของเด็กน้อยตาดำ ๆ อย่างพวกเราเข้าตาอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ที่มีผลงานวิจัยกว้างขวางมากอีกสองท่าน

ในโอกาสนี้ หนูขอกราบขอบพระคุณท่านเจ้าของคาถานี้และหลวงปู่ หลวงพ่อ พระอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุก ๆ ท่านที่ช่วยสงเคราะห์หนูค่ะ

ลุงโรจน์ 10-06-2009 19:32

ขอเล่าประสบการณ์บ้างนะครับ คือว่าลูกสาวผมจะไปเรียนต่อต่างประเทศ จะต้องสอบ IELTS ให้ได้๕.๕ แต่ไปสอบครั้งแรกได้แค่ ๕ ผมก็เลยแนะนำให้ท่องคาถาของท่านปู่พระอินทร์ก่อนเข้าสอบครั้งที่่สอง และบอกด้วยว่าต้องวางกำลังใจอย่างไร ก่อนสอบลูกผมบอกว่าท่องได้ ๙ จบ ผลสอบออกมา ปรากฏว่าได้ถึง ๖ ครับ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าทำได้เท่าเดิม
:d16c4689:

ทาริกา 11-06-2009 07:58

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พระอาจารย์ถามหนู(กับสามี?)ว่า
สังเกตหรือเปล่าว่าวันหนึ่งไม่โมโหลูกได้กี่ชั่วโมง(จำคำถามเป๊ะ ๆ ไม่ได้ต้องอภัยค่ะ)
หนูฟังแล้วก็แปล๊บเข้าไปถึงใจ เพราะตอนตื่นเช้า ๆ เพื่อเตรียมตัวไปเรียน
เป็นเวลาที่แม่อีหนูงี่เง่าถึงขีดสุด ยากแก่การทนทานไหว
หนำซ้ำตอนนี้ตัวเล็กก็ไปโรงเรียนแล้วอีกต่างหาก ทำให้อะไร ๆ คูณสอง
สรุปได้ว่า ทนได้ไม่ถึงไหนเลยค่ะ แถมตอนเช้า ๆ ตื่นมาก็รบเลย สมาธิยังไม่อยู่ตัว

แต่เมื่อภาวนาคาถาเงินล้านไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน จนถึงเย็นพบกับแม่อีหนูอีกครั้ง
ถ้างี่เง่ามา ก็ยังโมโหอยู่ดีค่ะ (แล้วจะเล่าทำไมนี่)
แต่จะดีขึ้นตรงที่พอโมโหปุ๊บก็รู้ตัวปั๊บ "มันมาอีกแล้ว"
พอรู้ตัว อารมณ์โมโหมันก็ดับวูบ แต่ต้องเสียงแข็งต่อเพราะเดี๋ยวเด็กจะงง

พระอาจารย์สอนอีกว่า เราเป็นนักปฏิบัติต้องตามรู้อารมณ์ ถ้าไม่รู้มันจะเอาดีอะไรไม่ได้เลย ต้องพยายามทำอารมณ์ให้ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่อย่างนั้นเด็กจะไม่เชื่อถือ (เวลาอาละวาดพ่อกับแม่เหมือนเราเลยนี่นา)

จริง ๆ วันนั้นหนูกำลังอยากถามพอดีว่าหนูต้องทำอย่างไรต่อค่ะ
ท่านก็บอกมาแล้ว กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง:875328cc:
โชคดีอะไรอย่างนี้หนอ มีลูกมาช่วยฝึก แถมวัดผลให้เสร็จ

ป้านุช 13-07-2009 01:59

:4672615:คาถาเงินล้าน สร้างความอัศจรรย์อีกครั้ง!

เพิ่งรู้และเข้าใจแจ่มชัดว่า "เงินงอกคามือ"เป็นอย่างไรก็ในงานพิธีพระขรรค์โสฬสนี่ล่ะค่ะ
กำเงินจะไปบูชาพระขรรค์ตามที่เพื่อน ๆ ฝากมาเนื้อสำริด ๑๒ เล่ม และชุบทอง ๕ เล่ม

หลังจากไปเข้าคิวรอ ยอดเพิ่มค่ะ สำริดเพิ่มเป็น ๒๕ เล่ม ชุบทองเพิ่มเป็น ๑๑ เล่ม
ได้คิวที่ประมาณ ๕ หรือ ๖ ไม่แน่ใจค่ะ ระหว่างรอเผลอสวด

"มัคคะ มัคคา ขิปปา ภิญญา"ด้วยความเคยชิน เพราะจะสวดตอนเดินทางไกล ๆ เสมอ ๆ
(พอนึกขึ้นได้ก็บ่นกับตัวเองว่า จะย่นระยะทางไปไหนว้า)
แล้วกลับมาสวดคาถาเงินล้านต่อ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นคำภาวนาค่ะ

เสร็จพิธีพุทธาภิเษก ปรากฏว่าเนื้อสำริดหมด เหลือแต่ชุบทอง
ก็เลยตัดสินใจสั่งเป็นชุบทองทั้งหมด ๓๕ เล่ม
(เดินไปบูชา ๒ ครั้ง ครั้งแรกต่อคิว ครั้งที่ ๒ ไม่ต้องต่อคิว ทั้ง ๆ ที่คิวยาวเหยียด และเหลือเพียงแถวเดียว เดินไปถึงตู้ก็บูชาเพิ่มได้เลย
ทางว่าง โล่ง สะดวกค่ะ.... อานิสงส์คาถาย่นระยะทางแน่เลย แฮ่ !):onion_wink:

คิดเงินจ่ายเงินเสร็จ ปรากฏว่าเงินเหลือพอที่จะเพิ่มพระขรรค์ชุบทอง ๑ เล่ม (ถวายหลวงพี่เล็กไปแล้วค่ะ)
แถมยังเหลือเงินหล่อเทียนพรรษาและถวายหลวงพี่เล็กอีกต่างหาก!:d16c4689:

นี่ล่ะ งอกคามือแบบที่ทำให้งงจนถึงนาทีนี้เลย! มาได้อย่างไร!!!
:6f428754:

ต้อมบางพูน 17-07-2009 02:30

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนหลังจากที่ขับรถออกไปซื้อพวงมาลัยเพื่อจะกลับมาไหว้พระที่บ้าน ก่อนกลับกระผมได้แวะไปนั่งสนทนากับเพื่อน ๆ แถวเมืองเอกสมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ "วันนี้วันพระ เพื่อนข้าอยู่กันพร้อมหน้าเลยเว้ย เหล้า เบียร์นี่เพียบ" หลังจากที่นั่งฟังพวกเพื่อนมันโม้อยู่นาน เอ๊ะ!แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ (ลืมบอกไปว่า กระผมเป็นหนึ่งเดียวในนั้นที่นั่งดื่มโค้กครับ) ก็มีเพื่อนคนหนึ่งพูดว่า "ไอ้.... ข้าเห็นแกเที่ยวไปหาพระหาเจ้า ทำบุญมาเยอะแยะ แกเคยถูกหวยบ้างหรือเปล่า พรุ่งนี้หวยออกแล้วนะเว้ย" พอผมกลับมาบ้านหลังจากสวดมนต์ไหว้พระเสร็จ ผมก็คิดในใจว่า "ตั้งแต่เราทำบุญหรือช่วยงานบุญตามที่ต่าง ๆ มา เราไม่เคยขอให้ถูกหวยเลยนี่หว่า มีแต่อุทิศบุญให้คนอื่นหมด งั้นพรุ่งนี้หวยออก ขอลองถูกสักงวดเถอะ" หลังจากนั้นกระผมก็ไปนอนภาวนาคาถาเงินล้านจนหลับไปพร้อมกับเครื่องนับเลขแบบใช้มือกด ตั้งใจว่า พรุ่งนี้ตื่นมาเราภาวนาคาถาเงินล้านเป็นจำนวนเท่าไหร่ จะเอาตัวเลขนั้นไปแทงหวย มีต่อครับ

ต้อมบางพูน 17-07-2009 02:50

ต่อครับ กว่าจะหลับได้เกือบ ๖ โมงเช้าครับ ตื่นมาอีกทีก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว พอนึกขึ้นได้ผมก็คว้าไอ้เครื่องนับเลขขึ้นมาดู ตัวเลขมันโชว์ว่า "๑๘๖" ไอ้กระผมก็แปลกใจขึ้นมาทันทีครับ "นี่เมื่อคืนเราสวดคาถาเงินล้านไป ๑๘๖ จบเชียวหรือ ต้องผิดพลาดอะไรแน่ ๆ เพราะทบทวนแล้วผมสวดยังไงก็ไม่น่าจะเกิน ๒๐ จบ" เอาน่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ซื้อเลขนี้ก็ได้วะ พอตอนเย็นมาสรุปว่าถูกโต๊ดครับ :d16c4689: เท่ากับว่าตั้งแต่ วันงานเป่ายันต์เกราะเพชรจนถึงวันโสฬส เงินที่ผมร่วมทำบุญไปหลายรายการไม่ว่าจะเป็นเจ้าภาพบวชพระ สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และทำบุญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินประมาณ ๒ หมื่นกว่าบาท ได้กลับคืนมาหมดครับ แหะ ๆ เหมือนกับว่าผมได้ของขวัญแสนพิเศษเป็นพระขรรค์โสฬสแบบไม่ต้องเสียเงินมาหลายเล่มเลยครับ:af48944b:

ยายนุ้ย 17-07-2009 11:29

โมทนากับคุณต้อมบางพูนค่ะ อย่างนี้เขาเรียกหลับในฌานหรือเปล่าคะ ดีใจด้วยจริง ๆ ค่ะ นี่อาจจะเป็นรางวัลจากพระท่านสงเคราะห์คุณต้อมกระมังคะ ปลูกพืชเช่นไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น สาธุ ค่ะ.

คุณ๓ 29-04-2010 18:42

เมื่อก่อนใจยังเหนียวแน่นเรื่องเงิน (แม้ว่าจะทำบุญเรื่อย ๆ แต่ตัวเองยังรู้สึกผูกพันอยู่มาก)

ไปทำบุญ (ถวายทอง) กับหลวงพี่สมปอง แล้วท่านแซวว่า
"เรื่องทองฉันไม่สะสมไว้หรอก"
(คิดก่อนจะทำบุญว่าจะถวายแค่นี้ แล้วสะสมไว้อีกส่วน)

และไปกราบหลวงปู่องค์หนึ่ง เสียงท่านดลใจว่า
"ให้ตัดละเรื่องทรัพย์สมบัติ"

มีพี่อีกคนหนึ่งที่นับถือก็บอก
"ให้ทำทุกอย่างเพื่อสาธารณประโยชน์"

กลับมาก็คิด เออเรานี่ถ้าตายตอนนี้แล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร
ถ้าใจเรายังผูกพันกับสิ่งที่ไม่ใช่เราอย่างนี้

จึงหักใจทำ.. เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน (ขอบอกว่า แรก ๆ ยากมาก)

พอทำครั้งแรกได้ ครั้งต่อมากล้วยมาก อารมณ์ใจก็แสนสบาย รู้อย่างนี้ ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว มัวแต่งกอยู่ได้ (พูดกับตัวเองในใจอย่างนั้น)

ผลปรากฎว่า หลังจากนั้น ก็มีพระคาถาลอยมาระหว่างชมองค์พระลักษมีที่ได้มาใหม่

ระหว่างชมความงามด้วยความสุขใจอย่างเพลิดเพลินกึ่งจะเคลิ้มหลับ ก็มีคาถาลอยมาให้เราท่อง ต่อมาจึงรู้ว่า เป็นคาถาพระเจ้าสิบหกพระองค์

ท่านมาให้เราท่องเพื่อสงเคราะห์เรื่องการค้าที่บ้าน

รู้สึกอิ่มเอมใจอย่างมาก เพราะรู้ว่า
การที่ท่านสงเคราะห์เราเพราะเราทำได้จริงตามที่ใจตั้งไว้

........................

ชูศักดิ์ 29-04-2010 20:49

ขอเล่าด้วยคนนะครับ
ผมจะสวดคาถาเงินล้านเป็นประจำครับและแล้ววันนั้น
ผมหยิบเงินจ่ายค่าอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้แล้วและก็สวดคาถาไปเรื่อย ๆ ตามปกติผมมั่นใจว่าผมหยิบแบงค์ยี่สิบบาทและส่งให้พี่ที่รู้จักปรากฏว่า พี่เขารับไปเป็นแบงค์ห้าสิบบาท ผมก็งง ๆ เล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ก็มีเท่านี้ครับ

อำนาจ 29-04-2010 21:03

ขอเล่าบ้างครับ เอาแบบสั้น ๆ นะครับ "ทะพะมะนะ" เคยใช้ตอนเปิดประตูบ้านไม่ได้สามหรือสี่ครั้ง ทำอย่างไรก็เปิดไม่ได้ เป็นชั่วโมง จนหมดหวังแล้ว อยู่ดี ๆ ก็นึกถึงคาถานี้ เลยรวบรวมสมาธิ ทำใจให้สงบ ท่องคาถา นึกว่ามันไม่ได้ล็อค ก็เปิดได้ทันที หลังจากนั้นพอเจออะไรที่มันเปิดไม่ออกก็จะใช้คาถานี้ครับ

"สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสธายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู" ใช้ตอนไปเล่นแข่งขันเกมส์อัจฉริยะข้ามคืนชนะได้เงินมาล้านหนึ่งครับ

คุณ๓ 30-04-2010 12:22

แก้ไขแล้วค่ะ ขอบคุณพี่ ๆ อีกครั้ง

ป้านุช 02-06-2010 15:03

อีกครั้งกับคาถาเงินล้าน!

ปกติสวดบทนี้เป็นคาถาภาวนาทุกวัน ช่วงนี้ไปเรียนการจัดดอกไม้ที่วิทยาลัยในวังหญิง
ด้วยความที่เป็นหัวหน้าห้อง ยอมเสียสละไปซื้อดอกไม้สำหรับเรียนให้เพื่อน ๆ ทั้ง ๒ ห้องที่ปากคลองตลาด
วันแรกจะเรียนการร้อยมาลัย นักศึกษาทั้งหมด ๓๐ คน ใช้ดอกมะลิ ๒๐ ลิตร
พอไปถึงห้องเรียนก็แจกจ่ายครบทุกคน ปรากฏว่า มะลิงอกเกินมา ๒ ลิตรค่ะ

อีก ๒ วันต่อมา ไปซื้อมีดฝานหมาก จำนวน ๑๕ เล่ม แม่ค้าเลือกให้ ห่อมาให้เรียบร้อย
รุ่งขึ้นนำไปแจกจ่ายให้เพื่อน ๆ ในห้อง และแยกของตัวเองออกมา ๑ เล่ม
หลังจากทุกคนได้มีดครบคนแล้ว มีดยังเหลือเกินมาอีก ๑ เล่ม!


อานิสงส์คาถาเงินล้าน :msn_smileys-15::msn_smileys-15::msn_smileys-15:

นภัสนันท์ 18-08-2010 14:12

เขียนบ้าง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้อ่านใน web นี้แหละค่ะ การใช้คาถารวมจิตได้ใช้ตอนก่อนนอนปรากฏว่าหลับลึกไม่ฝันเลย ใช้ประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วค่ะ ดีมากค่ะ และอยากถามผู้รู้ว่าคาถารวมจิตช่วยในเรื่องใดค่ะ ช่วยบอกที
ขอบคุณค่ะ

นภัสนันท์ 01-09-2010 14:12

ขอเล่าบ้างครั้งแรกที่รู้จักหลวงพ่อพระราชพรหมยานในปี ๕๑ ก็รู้จักคาถาเงินล้านแต่ยังไม่ได้ท่อง ก็มาได้คาถาอีกคาถาหนึ่งก็คาถาอิทธิฤทธิ ฯ นะคะ
ก็ท่องและได้ใช้จริง ๆ และทราบผลของการท่องก็ตอนไปผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกแหละค่ะ ปรากฏว่าก็ท่องไปจนกระทั่งพยาบาลวางยาสลบ และมาฟื้นสลึมสลือก็รู้สึกว่ามีผ้าจีวรพระอยู่เหนือลำตัวประมาณ ๑ เมตร คลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า และเราก็มีความรู้สึกว่าร้อนแต่ร้อนแบบสบาย เพื่อนที่มาเฝ้าบอกว่านายเมื่อคืนปรอทไข้ขึ้นสูงมาก แต่แปลกมากนายไม่ตัวร้อนเลย อยู่โรงพยาบาลประมาณวันเดียวก็กลับบ้าน รักษาประมาณ ๑ อาทิตย์ อาการก็ดีขึ้นมาก ๆ และหายเร็วในที่สุด คิดว่าน่าจะเป็นอนุภาพของคาถานะคะ
คาถาที่ ๒ คาถาเงินล้านเริ่มใช้ในปี ๕๒ ในชีวิตไม่เคยได้รางวัลหรือจับสลากอะไรเลยแต่หลังจากท่องประมาณ ๑ เดือน ในหน่วยงาน คนประมาณ ๒,๐๐๐ คนที่ร่วมงานได้มีการจับรางวัลรางวัลมีแค่ ๒ รางวัล รางวัลละ ๒ ท่านค่ะ เราเป็นหนึ่งในนั้น ได้รางวัลที่ ๒ ดีใจมาก และต่อมา แม้กระทั่งในฝ่าย มีการจับรางวัลก็จะได้มาเรื่อย ๆ และปัจจุบันนี้ วันนี้เองวันที่ ๑ ก.ย.๕๓ ดิฉันเป็นหนึ่งในห้องประชุมเกี่ยวเสวนาพิเศษก็ได้รางวัลอีกเช่นกัน

ดวงประทีป 01-04-2011 23:00

สวัสดีครับ อยากทราบว่า หลวงพ่อเล็กให้ภาวนาคาถาเงินล้าน ๑ ชั่วโมง ภาวนาในใจได้ใช่ไหมครับ

ปราโมทย์ 02-04-2011 02:01

ผมว่าได้นะครับ เอาแบบไม่ต้องรีบให้จบ ภาวนาสบาย ๆ เอาให้คุณภาพยอดเยี่ยม กำหนดลมหายใจ นึกถึงภาพพระไปด้วย (ถ้าไม่ถนัดก็กำหนดลมหายใจอย่างเดียวก็ได้ครับ) ให้อารมณ์ทรงตัว ให้ได้วันละชั่วโมง แต่ถ้าจะให้ดี ก็เช้าสัก ๑ ชั่วโมง เย็นอีก ๑ ชั่วโมง ทำได้แบบนี้สบายเลยครับ :onion_wink:

ศักดิ์ชัย๑๒ 02-04-2011 09:17

จากประสบการณ์ก็มีอยู่เหมือนกันนะครับ
๑.ตอนไปสอบปรับตำแหน่งในบริษัท ข้อสอบก็พอรู้เพราะเพื่อนเอามาปล่อย แต่เนื้อหานั้นก็เยอะพอสมควร ก่อนตอนไปสอบก็อาราธนาบารมีพระเต็มที่ และตอนอยู่ในห้องสอบ เจอคำถามบางข้อก็ลืมคำตอบ ไม่รู้ทำอย่างไร นั่งกำหนดจิตท่อง คาถาของปู่พระอินทร์ และเขียนโลดโดยไม่สนใจด้วยว่าจะถูกจะผิด ตอนมานั่งอ่านทบทวนยังงง ๆ ด้วยซ้ำเพราะเขียนเองแต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่เอาวะตามนี้แล้วกัน ผลสอบออกมาผ่านครับ:154218d4:

๒.หลังจากนั้นต้องไปสอบสัมภาษณ์ อันนี้เรียกว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะได้นั้นเรียกว่า ศูนย์ เพราะหน่วยงานที่ไปขอสอบนั้นคนละสายงานกับที่เราทำอยู่มาก แถมส่วนใหญ่ที่ไปสอบกันเป็นคนในสายงานเขาทั้งนั้น ส่วนเราแทบจะเป็นแกะดำเลย เรียกว่าตอนไปสอบนั้นสักแต่ว่าำไปอย่างนั้นไม่ได้คิดว่าจะได้ แต่ก็เหมือนเดิมครับ ก่อนไปอาราธนาบารมีพระ และท่องคาถาเมตตาของหลวงพ่อวัดท่าซุง พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต บวกกับห้อยพระหางหมากไปด้วย (ปกติจะห้อยสลับกับพระคำข้าว) ตอนรออยู่ข้างนอกหน้าห้องคนที่เข้าไปก่อน ออกมามีแต่คนบ่นทั้งนั้นว่าคนสอบสัมภาษณ์ถามอะไรตอบยากอะไรประมาณนี้ ผมก็เริ่มใจเสียแล้ว :onion_emoticons-17:เพราะผมมันพวกความจำสั้นท่องมาจำได้ พอเจอสถานการณ์จริงลืมหมด ขนาดสอบข้อเขียนยังแทบเอาตัวไม่รอดถ้าไม่ได้ คาถาปู่พระอินทร์ แถมผมยิ่งไม่ค่อยมั่นในตัวเองเรื่องการพูดคุยเพราะประสาทหูไม่ค่อยดี (หูตึงหน่อย ๆ ) พอถึงคิวผมก็เข้าไป อยู่ ๆ ใจก็เริ่มนิ่งและพูดคุยกับกรรมการสอบสัมภาษณ์เหมือนคุยเล่นกับเพื่อน แถมไม่เห็นเจอคำถามยาก ๆ เหมือนกับคนที่เ้ข้าไปก่อนหน้าแล้วบ่น ๆ กัน เรียกว่าถามตอบไม่เครียดยังที่จินตนาการไว้เลย :onion_you: หลังสอบเสร็จก็กลับมาทำงานต่อเพราะสอบแค่ช่วงเช้าและคิดว่าคงไม่ได้หรอกเพราะเราเด็กนอกหน่วยงานเขาทางหน่วยงานเขาต้องมีเด็กที่อยากได้อยู่แล้ว เปรียบเหมือนคุณมีลูกน้องอยู่แล้วถ้าไม่ดันลูกน้องคุณแล้วจะไปเอาใครที่ไหนมาก็ำไม่รู้ ประมาณนั้นและคนในหน่วยงานเขาที่มาสอบสัมภาษณ์มีตั้ง ๕-๖ คน ส่วนเราเด็กนอกหน่วยงานมีเพียงคนเดียวที่หน้าด้านมา ส่วนอีกคนที่สอบผ่านข้อเขียนและเป็นคนนอกหน่วยงานเหมือนกันยังไม่มาสอบสัมภาษณ์เลย คงคิดเหมือนผมว่าคงไม่ได้หรอก และเอาสอบผ่านแค่คนเดียว ตกเย็นพี่ที่ทำงานโทรมาบอก "เฮ้ย กูแอบฟังหัวหน้าคุยกันเห็นเขาบอกว่ามึงสอบผ่านแล้วนะ" ผมยังแซวพี่อยู่เลยว่าอำกันเล่นหรือเปล่า พี่บอก "มึงไม่เชื่อก็มาถามหัวหน้าดู" แต่ยังไม่ทันจะวางสายพี่เขาเลย มีสายซ้อนเป็นหัวหน้าโทรมา และบอกเหมือนพี่เขาบอกเลย ผมขับรถนั่งงงอยู่สักพักใหญ่ "กูได้ ได้อย่างไรวะ" :efb50fe2:

ดวงประทีป 02-04-2011 12:33

ขอบคุณครับพี่ปราโมทย์ เพราะถ้านั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง จะไม่สะดวกและก็ไม่เหมาะ เพราะคนอื่นจะคิดว่าเราทำอะไร ไม่พูดจาหนึ่งชั่วโมง ภาวนาแบบในใจจะดีกว่า ย่อมมีสติ รู้ตัว ได้อานิสงส์จากคาถาเงินล้านด้วย

ยอดดวงใจ 10-04-2011 00:11

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ปราโมทย์ (โพสต์ 3754)
สวัสดีครับทุกท่าน
ผมขออนุญาต เล่าสู่กันฟังบ้างเกี่ยวกับการใช้พระคาถา บางพระคาถา ตอนแรกว่าจะไม่เล่า เพราะกลัวผลที่ได้จะหาย แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วครับ
เกี่ยวกับพระคาถาท่านปู่พระอินทร์ครับ ว่าดังนี้
"สหัสสะเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสธายิ อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู"
ถ้าท่านใดอ่านจากหนังสือของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีมาจะเห็นว่า ไม่มีส่วน "อิกะวิติ พุทธะสังมิ โลกะวิทู"
ส่วนหลังนี้ผมใช้ตามพระอาจารย์ครับ
ผลที่ได้ก็พอมีบ้างครับ
คือว่า เมื่อก่อนนั้น ผมเป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่งนัก โดยเฉพาะวิชาด้านคำนวณ เช่นตอนมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ขี้เกียจนัก ทำการบ้านไม่ได้ ไม่ได้ทำบ้าง จะโดนทำโทษเสียยับ โดนตีก้น ๒๐ ที มากที่สุดเท่าที่เคยโดนมา เรียนก็ไม่ได้ดี จบมัธยมต้นได้ผลการเรียนเฉลี่ยมา ๒.๗๕ ช่วงนี้เริ่มได้รู้จักพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษี จากหนังสืออ่านเล่นครับ
เข้าสู่มัธยมปลายก็เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต ชอบเรียนครับ แต่ว่าไม่ค่อยได้ดี ก็เรียนไปตามประสาคนปัญญาทราม ช่วงนี้คุณงามความดีของท่านมีมาก แต่ผมตาบอด มองเห็นแต่ไม่นำมาใช้ ใช้ก็ไม่เต็มที่นัก ก็พระคาถาทั้งหลายนั่นแหละครับ แต่ว่ารู้จักแล้ว
เรียนไปได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จบมัธยมปลายได้ผลการเรียนเฉลี่ยมา ๒.๙๐ เป็นอย่างไรบ้างครับ ไม่ถึง ๓ เลยใช่ไหมครับ
หลังจากนั้นก็ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมยังเป็นพวกสอบเอ็นฯแบบเดิมอยู่ครับ ได้คะแนนก็พอประมาณ
แต่สิ่งที่เหลือเชื่อคือ สามารถเข้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ อย่างไม่น่าเชื่อที่สุด ในคณะวิทยาศาสตร์ สาขาธรณีวิทยา
ตอนนั้นผมเป็น hall of fame ของโรงเรียนเลยครับ โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนประจำอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรีครับ ชื่อ "โรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง" ครับ ที่นี่ไม่เคยมีใครสอบเข้า จุฬาฯ ได้มาหลายปีแล้วครับ
ท่านผู้อ่านลองนึกดูครับ ใครต่อใครจะคิดว่าว่าไอ้คนน้ำหน้าอย่างผมหรือครับ จะเข้าได้ แต่ผมคือหนึ่งในสองคนของโรงเรียนที่สอบเข้าได้ อีกคนคือคนที่เรียนได้ ๑ ใน ๒ หรือ ๓ ของโรงเรียนครับ ต่างจากผมมาก ใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ เพื่อน ทุกคนต่างแปลกประหลาดใจว่าเข้าไปได้อย่างไร ซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่ก็คาดว่ามีท่านผู้เมตตาครับ
หลังจากนั้นได้เข้ามาเรียน ก็ได้ทราบถึงความโหด เข้ม ในการเรียน ดูใจดี แต่โหดน่าดู การเรียนที่เรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นหรอกครับ แต่สังเกตได้ว่าในช่วงการสอบนั้น แม้แต่พวกที่เอาแต่เล่น ก็ยังหันมาอ่านหนังสือกันหมด จนบรรยากาศนั้นดูแปลกไปทีเดียว ส่วนลักษณะการเรียนของผมนั้น มันไม่ค่อยรู้จักจำ รู้จักพัฒนาครับ คิดว่าน่าจะเรียนเหมือนตอนมัธยมฯ ซึ่งต้องบอกว่าสมน้ำหน้าตัวเอง ผลที่ได้รับโดน รีไทร์ครับ
ผมก็เลยหยุดเรียนไปหนึ่งปี เพราะคิดว่าจะไม่เรียนแล้ว ทำงานดีกว่า อันที่จริงผมก็จะเรียนนั่นแหละครับ แต่กว่าจะรู้ว่าสมัครวันไหนก็วันสุดท้ายของการสมัครแล้วครับ หลักฐานใดๆ ก็ไม่ได้เตรียม ผมก็เลยหยุดว่างไปเกือบปี เพื่อนผู้กรุณา ก็มาตามให้ไปสอบใหม่เรียนด้วยกัน ผมก็เอา ไปก็ไป ตอนแรกกะว่าจะเปิดร้านคอมพิวเตอร์ ร้านเกมส์ครับ
ก็ไม่ได้ทบทวนอะไรมา ๑ ปีเต็ม ๆ หวังน้อย พยายามสอบ ผลที่ได้ ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมหิดล คณะวิทยาศาสตร์ หลักสูตรธรณีศาสตร์ได้ครับ ผมก็แปลกใจ ว่าเข้ามาได้อย่างไร
ตอนนี้แหละครับเกิดความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเรียนวิชาอะไร รู้สึกเข้าใจทุกอย่าง เหมือนกับว่าเรียนมาแล้ว เข้าใจแล้ว ก็เรียนได้ดีมาก โดยเฉพาะช่วงเรียนปี ๒ ได้เฉลี่ยเกือบ ๔.๐๐ บางวิชาเรียนมาเกือบครึ่งเทอมไม่เข้าใจเลย แต่พอคืนเดียวเท่านั้น ยืนยันว่าคืนเดียว จากไม่สามารถทำได้เลย กลับสามารถทำได้ทั้งหมด และเพียงแค่อาจารย์สอนก็เข้าใจ สามารถทำการบ้าน ทำการทดสอบในห้องเรียน จนบางครั้งทำได้ขนาด ทำได้อยู่คนเดียวของทั้งชั้นเรียน อย่าว่าแต่การทดสอบเลย ขนาดอาจารย์เอาข้อสอบนักศึกษาแพทย์มาให้ก็ทำได้เช่นกัน อย่างในการสอบก็มีผล เช่นบางวิชาให้เวลาทำ ๓ ชั่วโมง แต่ใช้เวลาเพียงแค่ ๓๐ นาทีเสร็จ พร้อมกับคะแนนอันดับสอง ครั้งที่สองเหมือนกัน แต่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งด้วยเวลาการทำน้อยมาก ผมสังเกตว่าทุกอย่างเปลี่ยนจากคนที่ไม่เก่ง แต่กลับเก่งขึ้นมาอย่างคนละเรื่อง ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าตนเองเก่ง ที่ได้มาทุกอย่างเพราะพระท่านเมตตา เทวดาท่านเมตตา เพราะสังเกตว่าช่วงนี้ใช้พระคาถาด้วย นั่งสมาธิด้วยมากขึ้น ใช้ตามที่พระอาจารย์ท่านแนะนำครับ คือ ภาวนาวันละอย่างน้อย ๕ นาที เช้า-เย็น ผมบอกเลยครับว่านี่ขนาดทำประจำ แต่ไม่ค่อยขยันนัก ยังได้ผลขนาดนี้เลยครับ เรียนจบปริญญาตรีมาได้เกียรตินิยม อันดับสองครับ เกือบอันดับหนึ่ง เพราะว่าได้ผลเฉลี่ย ๓.๔๙
อีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้เรียนโดยใช้ทุนตัวเองนะครับ แต่ว่าได้ทุนเรียนครับ ทุนเรียนดีวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จากสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยครับ
และก็ส่งผลให้ได้สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ในชีวิตนี้ครับ คือทุกวันนี้ผมเรียนปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ การสำรวจทางธรณีและวิศวกรรมปิโตรเลียม จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (ait) ด้วยทุนพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ( his majesty of thailand scholarship ) หรือที่เรียกกันในหมู่นักศึกษาว่า "ทุนคิงส์"ครับ นี่แหละครับผลและพระเมตตาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอาจารย์เล็ก และที่ขาดเสียไม่ได้ ท่านปู่พระอินทร์ครับ
ขอผลบุญที่ได้จากบทความนี้ทั้งหมด ข้าพเจ้าขอน้อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ พระอาจารย์เล็ก ท่านปู่พระอินทร์ บุพการี ผู้มีพระคุณ และครูบาอาจารย์ทุกท่าน
ที่จริงยังมีเรื่องของพระคาถาเงินล้านอีก แต่ผมคิดว่าส่วนนี้ยาวไปแล้ว ไว้โอกาสหน้านะครับ
* ปล. ตอนนี้ที่เล่าได้เพราะว่าเรียนได้ย่ำแย่มากครับ ตกต่ำมาก แต่ไม่เสียใจหรอกครับ ได้อยู่เรียน ก็เรียน ไม่ได้อยู่ก็ออกมาทำงาน ถือซะว่ายังไม่ควรเรียนช่วงนี้ ธรรมจัดสรร แหละครับ แต่ว่าบังเอิญครับ เมื่อต้นเดือนไปบ้านอนุสาวรีย์ พระอาจารย์ท่านแนะนำน้องคนหนึ่งที่กำลังเข้ามหาวิทยาลัยว่าให้ใช้พระคาถาวันละหนึ่งชั่วโมงครับ ผมก็เลยสงสัยว่าที่ทำมาน้อยไป เพราะว่าเรียนสูงขึ้น ก็ต้องเอาให้มากขึ้น แต่ก็นะครับ ตั้งชั่วโมง ตอนนี้กำลังขยันท่องพระคาถาเงินล้านอยู่ ก็ต้องลด ต้องเพิ่ม ตามความเหมาะสมครับ
บอกไว้ก่อนว่า ทุกวันนี้ก็ยัง ไม่เก่ง ไม่รวย เหมือนเดิมครับ ต้องขยัน ๆ ครับ


ที่คุณปราโมทย์ เล่ามาว่า" พระอาจารย์ท่านแนะนำครับ คือ ภาวนาวันละอย่างน้อย ๕ นาที เช้า-เย็น"
นี่หมายความว่าอย่างไร? หรือให้ท่อง คาถาพระอินทร์ ๕ นาทีหรือคะ ...แนะนำด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ :4672615:

หมอเสือ 10-04-2011 02:50

ใช้ตอนที่แฟนน้องชายถูกผีเข้า

คาถา "นะโมพุทธายะ" ท่องคาถาเป่าไปที่แฟนน้องชาย ร่างทรุดลงเห็นได้ชัดเจน ผีออกจากร่างเป็นอย่างนี้นี่เอง


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:41


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว