กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   สร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง เอาไว้สู้กับงาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1935)

เถรี 26-06-2010 07:35

สร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง เอาไว้สู้กับงาน
 
สมัยที่บวชอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ ท่านให้ปฏิบัติให้มากเข้าไว้ ท่านบอกว่าในช่วงแรกเราต้องสร้างกำลังใจของตัวเอง ให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะสร้างได้ ถ้าหากว่ามีงานเข้ามาเมื่อไร จะได้มีกำลังไว้สู้กับงาน

ตอนนั้นอาตมาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพลังงานเหลือเฟือ ให้ปฏิบัติอย่างเดียวรู้สึกไม่ชอบใจ อยากมีงานในรับผิดชอบเร็ว ๆ ในเมื่อไม่มีงานอื่นทำก็หางานทำเอง

งานแรกที่เท่ากับเป็นความผิดชอบก็คือ กวาดถูศาลานวราชบพิตร เพราะว่าเป็นศาลาที่หลวงพ่อท่านจะต้องลงรับสังฆทานทุกวัน ปรากฏว่าถูศาลาอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน มีคนมาแย่งทำ เขาคงเห็นว่าพระรูปนี้ขยันอะไรนักหนา ถูอยู่ได้ทุกวัน

ในเวลาทำงานเรากำหนดความรู้สึกตามไปด้วย
เวลากวาด เวลาถู ไม้ถู..ไม้กวาด ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น กำหนดรู้ไปด้วย ก็เท่ากับเราปฏิบัติกรรมฐานไปด้วย ในขณะที่ทำงานตอนนั้นก็คิดว่า กำลังของเราสามารถที่จะทำงานได้

มาในระยะหลัง พอออกจากวัดไปทำงานด้วยตนเอง จึงพอที่จะเข้าใจที่หลวงพ่อท่านว่ามา เพราะว่าการทำงานต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้างก็ดี การบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดี จะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้

คราวนี้ในปัจจุบัน อย่างการบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ หรืองานรับผิดชอบ เวลามอบให้คนอื่นทำหน้าที่แทนเวลาเราไม่อยู่ ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือ พระครูน้อย(พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) พออาตมากลับไปทีไร ท่านเหมือนกับวางโลกลงไปได้ หายใจได้สะดวกสักที กลายเป็นว่าการที่ท่านต้องไปรับหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารวัดให้ดีแค่นั้นของอาตมา ในความรู้สึกของท่าน คือ เกินกำลังที่จะรับไหว..!

เถรี 26-06-2010 07:39

ในส่วนที่กล่าวถึงนี้ อยากจะบอกต่อไปอีกว่า ถ้าหากว่าตราบใดที่กำลังใจของเรา ยังไม่สามารถที่จะละ รัก โลภ โกรธ หลง บางส่วนไปได้ บางทีการตัดสินใจในหน้าที่การงานต่าง ๆ เราก็จะทำไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เต็ม ๆ ซึ่งโอกาสเสียก็จะมีมากกว่าดี เพราะว่าเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าใช้เหตุผล

จากที่คิดว่าเราแน่ อยากมีงานรับผิดชอบเร็ว ๆ มาตอนนี้พยายามเลี่ยงการรับผิดชอบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กลายเป็นคนละอารมณ์กัน

พอออกจากวัดท่าซุงมา ทางวัดต้องหาพระไปแทนที่อาตมาทำงานซึ่งอยู่คนเดียว ไม่มากไม่มาย แค่ ๕ ท่านเท่านั้นเอง..! ก็เลยสงสัยว่านี่อาตมารับงานไว้เยอะขนาดนั้นเลยหรือ ? จากงานที่เราเคยทำ ที่รู้สึกว่าคนเดียวก็ไม่เกินกำลัง กลายเป็นว่าต้องใช้ถึง ๕ คน ถึงมารับผิดชอบงานนั้นได้

การทุ่มเทให้กับงาน เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่า กำลังใจของเราเข้าถึงธรรมมากน้อยเท่าไร ถ้ายังไม่ทุ่มเทจริงจัง ยังกลัวเหนื่อย ยังกลัวลำบากอยู่ ก็แปลว่ากำลังใจเรายังรักยังห่วงร่างกายนี้อยู่มาก ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมจริง ๆ ก็ยาก

ฉะนั้น..กลับไปใหม่ งานที่เคยรับผิดชอบลองกลับไปทุ่มให้เต็ม ๆ เสียที ให้เอาอย่างทหาร เขาปฏิญาณตนอยู่ทุกวัน เช้า ๆ เย็น ๆ ทหารเขาต้องตะโกนว่า "ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ตายเสียดีกว่าที่จะละทิ้งหน้าที่ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ไหว ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ทัน"

ตะโกนอยู่ทุกวัน ตะโกนจนซึมเข้าเนื้อไปเลย จนกระทั่งมารู้สึกว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง ลักษณะนี้เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ตะโกนกรอกหูอยู่ทุกวัน เลยพลอยคิดว่าเราทำได้จริง ไปลองสะกดจิตตัวเองอย่างนี้ดูบ้างสิ


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:21


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว