เก็บตกจากงานเป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒
เมื่อเช้านี้ตอนพุทธาภิเษก พระท่านเมตตาสงเคราะห์ เนื่องจากว่าเป็นการพุทธาภิเษกพระบรมรูปของสมเด็จองค์ปฐม พระองค์ท่านก็เลยต้องเสด็จมาเอง แล้วพระองค์ท่านเสกให้หมด ทั้งที่อยู่ในกองที่เตรียมไว้และที่อยู่ติดตัวของพวกเราด้วย วัตถุมงคลชุดนี้ ถ้าใครบูชา พระองค์ท่านบอกว่าใครคิดร้ายก็จะแพ้ภัยตัวเอง เพราะฉะนั้น..เราก็มีหน้าที่สวดมนต์ภาวนาของเราไป การบูชาพระที่ดีที่สุดก็คือ อิติปิ โส ฯ ๓ ห้องไปเลย อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ
|
เมื่อตอนท้ายของการพุทธาภิเษก อาตมาเห็นเงินเป็นมัด ๆ ร่วงจากฟ้าลงมาเต็มไปหมด กราบเรียนถามพระองค์ท่านว่าหมายถึงอะไร ? พระองค์ท่านบอกว่า "เศรษฐกิจแบบนี้จำเป็นที่จะต้องให้เรื่องลาภผลเงินทองด้วย ไม่อย่างนั้นญาติโยมจะไปไม่ได้" ใครต้องการมีความคล่องตัวในเรื่องของลาภผลเงินทอง ให้ภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เป็นปกติ จะมีวัตถุมงคลหรือไม่มี ก็สงเคราะห์ให้เหมือนกัน
|
อาตมาจะสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ต้องใช้เงินทุนมาก ปีนี้ก็เลยออกวัตถุมงคล ๒ รุ่นด้วยกัน ทั้ง ๆ ที่โดยปกติแล้วไม่ค่อยได้ออก เป็นสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล ฉลอง ๖๐ ปีของอาตมา ซึ่งเป็นเนื้อพิเศษที่ทำได้ยากมาก เพราะว่าต้องอาศัยน้ำจากแหล่งเดียวในการบ่มเหรียญ ถึงจะเปลี่ยนเป็นสีปีกแมลงทับได้ แล้วหลายเหรียญก็ค่อนข้างจะดื้อ บ่มแล้วไม่ขึ้น แต่อาตมาว่า ถ้าหากว่าเป็นอาตมาก็จะเอาที่บ่มไม่ขึ้นนั่นแหละ เพราะแสดงว่ามั่นคงต่อตัวเองมาก ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นแผ่นเลเซอร์ยันต์เกราะเพชรเล็ก ๆ โตกว่าเหรียญบาทนิดเดียว ถ้าท่านใดบูชาติดตัวเอาไว้ก็ต้องบอกว่า ไม่ต้องเป่ายันต์ก็ได้ แต่อาจจะลืม อาจจะหาย ถ้าหากว่าไม่มั่นใจก็เป่ายันต์เกราะเพชรติดตัว บูชาแผ่นยันต์ไปด้วย สมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลราคาแพงหน่อย เพราะว่าทำยาก เหรียญละ ๒,๕๐๐ บาท แต่แผ่นเลเซอร์ยันต์เกราะเพชรนั่น ๕๐ บาท สำหรับบุคคลที่เบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ท่านก็อุตส่าห์ให้ต่อท้ายมาแล้วว่า งานนี้ให้ในเรื่องของลาภผลด้วย แต่ว่าให้ภาวนาคาถาเงินล้านเป็นปกติ จะได้มีความคล่องตัว ญาติโยมขาดที่สำคัญที่สุดคือตัวศรัทธาอย่างแท้จริง ศรัทธาอย่างแท้จริงนี้ เรามอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ลังเล ไม่สงสัย ไม่คลอนแคลนด้วยประการทั้งปวง |
อาตมาสอนคาถาห้ามฝนให้กับพระในวัด พอถึงเวลาเดินบิณฑบาต เมฆดำต่ำเกือบจะติดหัว ฝนเริ่มเปาะแปะ ๆ มาแล้ว พระท่านก็ว่า "อาจารย์ครับ ดูท่าจะไม่ไหวแล้วครับ" อาตมาบอกว่า "ถ้าเอ็งคิดอย่างนั้นก็เจ๊งแน่ แต่ข้ายืนยันว่าไม่เป็นไร ขอให้มั่นใจเท่านั้น" ก็ปรากฏว่ามาได้แค่นั้น
หลังจากนั้น เดินบิณฑบาตตลอดเส้นทาง ๕ กิโลเมตรก็ดำอยู่แค่นั้น ฝนไม่ตก จนกระทั่งเข้าหอฉันแล้วฝนถึงตก บอกท่านว่า ในเรื่องของการฝึกปฏิบัติธรรมหรือว่าภาวนาคาถาต่าง ๆ สำคัญที่สุดก็คือความเชื่อชนิดมอบกายถวายชีวิต ถ้าคุณขาดความเชื่อตรงนี้ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้สำเร็จได้ |
เรื่องของยันต์เกราะเพชรก็เช่นกัน บารมีพระมีอยู่แล้วในทุกอณูของอากาศ สภาพจิตเราเปิดรับด้วยความศรัทธาเลื่อมใสมากเท่าไรก็ได้ผลมากเท่านั้น หลายท่านสงสัยว่าวัตถุมงคลชนิดเดียวกัน รุ่นเดียวกัน ทำไมหลวงพ่อเล็กใช้แล้วอานุภาพมากมายนักหนา แต่คนอื่นใช้บางทีก็ไม่ได้ผล ก็เพราะว่าขาดศรัทธาปสาทะอย่างแท้จริง
ซึ่งตรงส่วนนี้ พวกเราต้องแก้ไข เรามาด้วยความเลื่อมใส รู้ว่ายันต์เกราะเพชรเป็นของดี อยากได้ติดตัวไว้เป็นมงคล แต่ความเลื่อมใสของเราก็ยังไม่เต็มร้อย ต้องรู้สึกเหมือนกับว่าเราตกเหว แล้วคว้าเถาวัลย์ได้เส้นเดียว เราทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับเถาวัลย์เส้นนั้นขนาดไหน ก็คือต้องมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยให้ได้ในลักษณะแบบนั้น ลองพยายามค้นหากันดู ถ้าทำตรงนี้ได้ ชีวิตนี้ของเราจะมีที่พึ่งที่ระลึกได้ตลอดชีวิต ถ้ายังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรม เกิดชาติไหนก็ตาม เราก็ยังมีที่พึ่งในลักษณะอย่างนี้ได้ตลอดไป |
มาวัดแล้วช่วยกันอำนวยความสะดวกให้กับท่านอื่นเขาด้วย อำนวยความสะดวกให้คนอื่น เมื่อถึงเวลาผลบุญนี้สนองมา เราทำอะไรก็สะดวก สบายไปหมด
|
สำหรับญาติโยมที่ไม่เคยมาวัดท่าขนุนแห่งนี้ นอกจากห้องน้ำด้านข้างศาลาใหญ่นี้แล้ว ถ้าท่านเดินทะลุสวนไปสักประมาณ ๕๐ - ๖๐ เมตร ก็ยังมีห้องน้ำอีกเกือบ ๓๐ ห้อง ไม่ต้องมายืนรอคิวกันตรงนี้ ถ้าหากว่าสงสัยก็เดินหันให้ด้านขวามืออยู่กับศาลาใหญ่ แล้วก็เดินตรงไปเลย
|
มีท่านใดทำสมบัติประจำตัวหายมารับคืนได้ แต่ละงานเอาอะไหล่มาทิ้งกันไว้เยอะมาก แล้วโดยแนวการปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ก็คือ ต้องเก็บเอาไว้จนกว่าเจ้าของจะมารับคืน
สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง อาตมามีตู้มหาสมบัติอยู่ แต่ละงานเวลาไปทำความสะอาดห้องพัก ก็จะเจอสารพัดสิ่งของ โดยเฉพาะที่อาตมาสงสัยก็คือแว่นตา ไม่มีแว่นแล้วไปได้โดยไม่รู้สึกผิดปกติ ต้องบอกว่าเก่งมาก |
การไหว้ครูนั้น ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ก็คือเรามีการไหว้ครูหรือบูชาครูมโนมยิทธิ ซึ่งต้องมีการตั้งขันครูทุกครั้ง แต่โดยการปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะตัวของอาตมาเอง พอเคยชินก็ใช้ไปแล้ว ท่านจึงให้จัดมีการไหว้ครูประจำปี เป็นการบูชาครูใหญ่ คำว่าใหญ่ในที่นี้คือเป็นพิธีใหญ่ ทดแทนการที่เราไม่ได้บูชาครูมาตลอดทั้งปี
ดังนั้น..ท่านใดที่มาร่วมงานไหว้ครูประจำปีของทางวัดท่าขนุน ก็ถือว่าเป็นการไหว้ครูตามสายวิชาการ ตามสายครูบาอาจารย์ของท่านด้วย คราวนี้เครื่องบวงสรวงไหว้ครูนั้น โดยปกติก็คือเราต้องจัดต้องหากันมา แต่เครื่องบวงสรวงไหว้ครูของวัดท่าขนุน เป็นไปโดยความเมตตาและการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม หรือที่บุคคลใกล้ชิดคุ้นเคยเรียกว่า มหาเอ ท่านรับผิดชอบในเรื่องของเครื่องบวงสรวงบูชาครูทุกครั้ง ซึ่งแต่ละงานต้องบอกว่าหมดไปหลายหมื่นถึงเป็นแสนบาท แต่ท่านก็เต็มใจทำให้ โดยบอกว่าทำเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา และโดยเฉพาะทำถวายครูบาอาจารย์ จึงถือว่าพวกเรามีส่วนเป็นเจ้าของเครื่องบวงสรวงร่วมกัน ใครอยากทำบุญในส่วนของเครื่องบวงสรวง ให้ไปทำบุญกับท่านอาจารย์มหาเอโดยตรง ถ้าไม่รู้จักก็พยายามหาพระรูปหล่อ ๆ หุ่นสะโอดสะองหน่อย แล้วถามท่านว่าใช่หรือไม่ ? เมื่อเราเป็นเจ้าภาพเครื่องบวงสรวงด้วยกัน ถึงเวลาก็ตั้งใจไหว้ครู บูชาครูตามสายวิชาการของพวกเรา ก็เท่ากับว่าเราได้จัดไหว้ครูประจำปีของเราเช่นกัน จะได้ไม่ต้องติดหนี้ครูบาอาจารย์มากนัก โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่มาสายมโนมยิทธิ เพราะว่าสายวิชาการนี้ต้องมีการตั้งขันครูเป็นประจำ โดยแนวปฏิบัติอาตมาเองก็มาไหว้ครูรวมกันปีละครั้ง ๒ ครั้งตามหน้างานที่มี |
สำหรับงานนี้ทางด้านชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ตลอดจนกระทั่งชุมชนคุณธรรมที่เป็นเครือข่ายของวัดท่าขนุน นำเอาสินค้าชุมชนมาจำหน่ายด้วย อยู่ที่บริเวณซุ้มนั่งเล่นข้างลานธรรม ก็คือข้างถนนใหญ่ที่วิ่งเข้าวัด
ถ้าท่านทั้งหลายว่างเว้นจากภารกิจแล้ว ก็ไปเดินดูว่าทองผาภูมิของเรามีสินค้าอะไรที่น่าสนใจ เป็นที่น่าเสียดายก็คือว่า ช่วงฤดูกาลผลไม้ผ่านไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะอวดทุกท่านว่า เงาะทองผาภูมิอร่อยที่สุดในโลก แม้ว่าจะไม่ได้ประกวดก็ตาม แต่ทุเรียนทองผาภูมินั้นอร่อยที่สุดในโลกจริง ๆ เพราะว่าส่งประกวดงานทุเรียนโลกแล้วได้รางวัลชนะเลิศมา แต่ว่าไม่มีของให้ เพราะว่างานผลไม้ทองผาภูมิเพิ่งจะผ่านไป จัดงานตั้งแต่วันที่ ๒๘ มิถุนายนถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ก็คือผ่านมาแล้ว ๔ วัน แค่วันที่ ๑ วันที่ ๒ ก็แทบจะไม่มีของเหลือขายแล้ว |
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือ คณะรวมใจภักดิ์ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี ที่มาช่วยจัดการการจราจรและดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ ทางด้านบริษัทมุลเลอร์กรุ๊ป ซึ่งเป็นหน่วยงานคุณธรรม ก็ส่งคนมาช่วยงาน โดยเฉพาะช่วยดูแลด้านความสะอาดและการจราจรด้วย ต้องขออนุโมทนาและเจริญพรขอบพระคุณทุกท่าน ที่ช่วยกันอำนวยความสะดวกให้งานทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
แล้วเรายังมีท่านเจ้าของโรงทานผู้ใจดี นำเอาข้าวปลาอาหาร ขนม ผลไม้ ตลอดจนกระทั่งน้ำดื่มมาเลี้ยงฟรีตลอดในงาน ซึ่งร้านค้ามีมาก ประกาศให้ไม่ไหว เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็ต้องศึกษากันเอง เดินดูป้ายว่าใครมาจากไหน ออกโรงทานอะไรบ้าง หลายต่อหลายท่านก็คุ้นเคยจนเป็นขาประจำ อย่างคณะญาติโยมจากระยอง คณะของคุณบี คุณโบว์เหล่านี้ ท่านจะมาออกโรงทานเป็นประจำทุกครั้ง กุศลผลบุญนี้ก็จะรวมกันเป็นพลวปัจจัย ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังทุกประการ |
โดยเฉพาะขอยกคำอวยพรของครูบาอาจารย์ คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ซึ่งท่านบอกว่า "ขอให้ศิษย์ทั้งหลาย อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน อย่าให้จนกว่าใคร" ซึ่งถ้าว่าในลักษณะนี้ของเรา ถ้าจนน้อยกว่าคุณทักษิณ ชินวัตร นิดหนึ่งก็คงไม่เป็นไร
|
พระของเราลำบากตรงที่ว่าจะไปไหน กลายเป็นเกะกะไปหมด บางท่านไม่ได้ระวังตัวเอง ญาติโยมก็ต้องระวังตาม แล้วเดี๋ยวนี้โยมก็เก่งมาก ระวังจนกระทั่งงานไปไม่ได้ คำว่างานไปไม่ได้ อย่างเช่นอาตมาแจกหนังสือ แจกวัตถุมงคล โยมก็ไม่กล้ารับ เพราะกลัวว่ารับของจากมือพระ ถ้าลักษณะนั้นท่านทั้งหลายเข้าใจผิด
การรับของที่เนื่องด้วยมือพระนั้น ท่านบอกว่า ถ้าพระมีจิตกำหนัดจะต้องอาบัติทุกกฎ ซึ่งก็คืออาบัติตัวเล็กเท่ากับจับสตางค์ คราวนี้เราเองไม่ได้มีจิตกำหนัด พระท่านส่งให้ก็รับไปเถอะ พวกเรามักจะรู้มาก รู้เกิน แล้วก็ปรับตนเองตามหน้างานไม่เป็น ในสถานการณ์ที่คนจำนวนมาก ๆ ต้องรีบเข้า รีบทำบุญ แล้วรีบออก ไม่ใช่มาค่อย ๆ มาบรรจง โดยเฉพาะส่วนหนึ่งที่อาตมาใช้คำว่า "เสนอหน้า" ก็คือต้องให้รู้ว่ามาแล้ว ทำบุญแล้ว ขอบอกว่างานแบบนี้ไม่ต้องมาเสนอหน้า ทำบุญแล้วออกไปได้เลย ถ้ามัวแต่เสนอหน้าอยู่ คนอื่นก็จะช้า กลายเป็นเราไปขวางทางบุญคนอื่นโดยไม่เจตนา เมื่อถึงเวลาทำอะไรมีอุปสรรคเกิดขึ้นในชีวิต เราก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่าท่านไปขวางทางบุญของคนอื่นเขา จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา แค่อยากจะเสนอหน้าหรืออะไรก็ตาม แต่กลายเป็นโทษไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว |
ช่วงนี้บรรดาพระเถรานุเถระ โดยเฉพาะพระมหาเถระ มรณภาพติด ๆ กันหลายรูป เท่าที่พวกเราทราบข่าวกันก็จะมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง หลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดศรีโคมคำ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดพะเยา แล้วก็ยังมี หลวงปู่เพิ่ม วัดป้อมแก้ว ตำนานเกจิอาจารย์ "รวย เพิ่ม พูน" ของทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ว่าเท่าที่ปรากฏการมรณภาพของท่าน กลายเป็น "รวย พูน เพิ่ม" คือหลวงพ่อรวย วัดตะโก มรณภาพก่อน ตามด้วยหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน แล้วก็มาหลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
ทางด้านเหนือ นอกจากเสียหลวงปู่ปวง วัดศรีโคมคำไปแล้ว เมื่อวานนี้หลวงปู่ครูบาคำตั๋น วัดย่าพาย ก็ยังมรณภาพลงด้วยอายุ ๙๖ ปี ซึ่งเรื่องอายุอาตมาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปตามนั้นหรือเปล่า ? เพราะว่าแค่ฟังข่าวมาเท่านั้น |
ครูบาเหนือชัย โฆสิโต ถวายมีดหมอพยัคฆ์คำรณมา ๑ เล่ม ไม่ทราบเหมือนกันว่าลักษณะเนื้อสามกษัตริย์แบบนี้ ถ้าท่านทำจำหน่ายราคาจะแพงเท่าไร ?
|
ที่โยมเห็นแถวยาว ๆ นั้นไม่ได้รับแจกของฟรี ก็คือท่านที่บูชาสมเด็จองค์ปฐมฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมา ที่เรียกกันว่าเนื้อเขียวเหล็กไหล เพราะว่าเกิดจากการบ่มด้วยน้ำจากแหล่งน้ำพิเศษ แล้วโลหะเปลี่ยนสีเป็นสีปีกแมลงทับ ซึ่งมีส่วนหนึ่งที่บ่มแล้วไม่เปลี่ยนสี ถ้าเป็นอาตมาจะบูชาแบบที่ไม่เปลี่ยนสี เนื่องจากว่ามั่นคงเที่ยงแท้ต่อตนเองในทุกสถานการณ์ เรียกว่าไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยาก เพราะว่าโลหะชนิดเดียวกัน ใช้กรรมวิธีเดียวกัน แหล่งน้ำเดียวกัน แต่บ่มแล้วไม่เปลี่ยนเลย
อีกส่วนหนึ่งก็เป็นแผ่นเลเซอร์ยันต์เกราะเพชร ขนาดเล็ก ๆ กำลังน่ารัก แต่ถ้าท่านถือไม่ดีก็ลอดง่ามมือ เพราะว่าโตกว่าเหรียญบาทนิดเดียว ซึ่งการที่บูชาวัตถุมงคลทั้ง ๒ อย่างนี้ อาตมภาพจะเอาไปร่วมบุญสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ท่านทั้งหลายที่บูชาวัตถุมงคลทั้ง ๒ อย่างนี้ ให้ทราบว่าท่านได้ทำธรรมทานใหญ่ ก็คือร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์เพื่อการศึกษาของพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งฆราวาส |
ในส่วนของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี อาคารหลังแรกที่คุยกันไว้ว่าจะสร้างปี ๒๕๕๙ ก็เลื่อนมาจนกระทั่งถึงปีนี้ ราคาที่ประเมินไว้ ๓๘ ล้านบาท ก็ขยับขึ้นไปเป็น ๕๐ ล้านบาท ญาติโยมไม่ต้องสงสัยหรอกว่า ทำบุญที่นี่แล้วเงินหายไปไหนหมด เพราะว่าอาตมาช่วยเหลือเขาหลายที่ แม้กระทั่งการศึกษาของคณะสงฆ์
ตอนนี้พระภิกษุสามเณรรูปใดที่ไปเรียน มจร.วัดไชยชุมพลชนะสงคราม ถ้าเป็นพระเณรในสังกัดคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ อาตมาถวายค่ารถให้รูปละ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน มีรายจ่ายเดือนละประมาณสองแสนบาท ถ้าหากว่าเดือนไหนค่าเทอมออกก็โดนเป็นล้าน..! |
เมื่อวานก็ยังไปเจอพระป่วยอยู่ ๒ รูป ลักษณะเป็นคนแก่ป่วยติดเตียง รูปหนึ่งอายุ ๙๖ ปี อีกรูปหนึ่งอายุ ๙๒ ปี ได้แจ้งกับคณะญาติโยมที่ดูแลว่า ถ้าต้องไปโรงพยาบาลแล้วมีรายจ่ายเกินกำลัง ขอให้บอกกับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน จะไปดูแลจัดการให้ เพราะอาตมามีตำแหน่งหนึ่งก็คือ ประธานการสาธารณสงเคราะห์คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ จัดการเกี่ยวกับพระป่วยพระมรณภาพ ถ้าเจ้าภาพเขาไม่ไหวก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย
ฉะนั้น..รายจ่ายในแต่ละปีจะมาก จนกระทั่งพอส่งบัญชีกับทางคณะสงฆ์ ทางนั้นก็ตกใจว่าวัดท่าขนุนมีรายรับขนาดนี้เลยหรือ ? แต่พอไปดูรายจ่ายก็หายตกใจ เพราะว่ารายจ่ายติดตัวแดงมาตลอด |
ท่านอาจารย์พระมหาอุดร สุทฺธิญาโณ ป.ธ.๙, ดร. เจ้าอาวาสวัดภาณุรังษี ท่านโทรมาถามว่า ถ้ามาถึง ๙ โมงนี่จะได้เข้าวัดไหม ? ก็เลยบอกกับท่านว่า จอดรถไว้หน้าวัดแล้วนั่งรถตู้เข้ามา ท่านเป็นอาจารย์สอนอาตมาตั้งแต่ปริญญาตรี อายุท่านน้อยกว่า พรรษาท่านน้อยกว่า เมื่ออาตมาเรียนจบ ท่านก็กลับมาเป็นลูกศิษย์ของอาตมาอีกทีหนึ่ง..กลับกัน
งานนี้ท่านฝากรูปหลวงพ่อต่อ วัดภาณุรังษีมาเข้าพิธีด้วย ประมาณ ๑ คันรถ เพื่อที่จะสร้างกุฏิพระ ซึ่งวัดภาณุรังษีเป็นวัดที่น่าสงสารมาก พื้นที่น้อยเลยขยายไม่ได้ ในเมื่อขยายไม่ได้ก็ต้องยืดขึ้นด้านบนอย่างเดียว ท่านก็เลยต้องรื้อกุฏิเก่าชั้นเดียวออก แล้วทำใหม่เป็น ๕ ชั้น ท่านบอกว่าศรัทธาญาติโยมท่านมีน้อย พึ่งบารมีอาจารย์พระครูหน่อย ก็เลยเอามาเข้าพิธีที่นี่ ทางด้านวัดภาณุรังษี มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่ ๓ องค์ ก็คือหลวงพ่อโต หลวงพ่อต่อ หลวงพ่อแต้ม ท่านก็นำรูปหลวงพ่อต่อมาเข้าพิธี ท่านใดอยากได้พระพุทธรูปบูชาซึ่งทำโดยวัดท่าขนุนแล้วไม่ทัน ก็ขอให้ท่านทั้งหลายไปบูชาหลวงพ่อต่อที่วัดภาณุรังษีบางพลัดแทน ถ้าสงสัยว่าจะติดต่ออย่างไร ? ท่านแขวนป้ายอยู่ ถ่ายรูปไปว่าอยู่ที่ไหน ? เบอร์โทรศัพท์อะไร ? แล้วไปติดต่อกันเอง นั่นก็ได้วิหารทานใหญ่ ก็คือได้สร้างกุฏิสงฆ์ของวัดภาณุรังษี ส่วนของอาตมาเอง เอาทั้งวิหารทานและธรรมทาน ก็คือสร้างวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ตอนนี้กำลังเริ่มลงมือแล้ว จะวางศิลาฤกษ์ในวันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ก็คือช่วงปลายปีนี้ |
ท่านใดที่อยู่ทางภาคเหนือ ถ้าจะทำบุญกับอาตมา ไม่ต้องมาถึงวัดท่าขนุน ให้แวะที่วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ไปหาหลวงพ่อสมศักดิ์ หรือที่อาตมาเรียกหลวงพี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งท่านกำลังบูรณะวัดใหม่ทั้งวัด เพราะว่าหลังจากหลวงปู่ครูบาธรรมชัยมรณภาพแล้ว ญาติโยมก็ไปวัดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อาตมาเพิ่งจะเอากฐินปลดหนี้ไปถวายท่านมา ก็ช่วยให้ท่านได้ทำกุฎิที่ไฟไหม้ไป แล้วเมื่องานสืบชะตาที่ผ่านมา ญาติโยมร่วมกันถวายปัจจัย รวมทั้งที่อาตมาถวายไปด้วย ได้ไป ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท ท่านก็เอาไปซ่อมหลังคาวิหารหลวงปู่เสียอีก ดังนั้น..ถ้าท่านใดตั้งใจทำบุญกับอาตมา ก็แวะทำบุญที่วัดทุ่งหลวงได้เลย
ถ้าต่ำลงมาหน่อยก็วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน แวะหาตุ๊พ่อสิงห์ หรือว่าหลายท่านก็เรียกหลวงพ่อมหาสิงห์ ร่วมบุญกันตรงนั้นได้ หรือถ้าหากว่าอยู่อีสานก็แวะที่อาศรมศรีชัยรัตนโคตร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร หลวงพ่อนิลท่านไปสร้างวัดอยู่ที่นั่น ปีนี้อาตมาก็จะนำกฐินปลดหนี้ไปถวายท่าน ก็แปลว่าจริง ๆ แล้ว เรามีที่ทำบุญที่ไว้วางใจได้และอยู่ใกล้บ้านด้วย ไม่ใช่ต้องตะเกียกตะกายมาทำบุญที่วัดท่าขนุน ถึงจะไว้ใจได้ว่าไม่เอาเงินไปใช้อย่างอื่น |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:58 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.