กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   ความรู้สึกและเรื่องราวจากการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่าน (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3079)

มัคคนายก 06-12-2011 07:24

ความรู้สึกและเรื่องราวจากการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่าน
 
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการบอกเล่าความรู้สึกของท่านหลังจากผ่านการบวชเนกขัมมะที่วัดท่าขนุนของท่านทั้งหลาย ว่าท่านมีความรู้สึกอย่างไร
ขอให้บอกเล่ากันโดยธรรมฉันพี่น้อง และสหธรรมมิกที่ปรารถนาซึ่งความบริสุทธิ์หลุดพ้น เพื่อปัญญาและเพื่อพระนิพพานร่วมกันนะครับ

:4672615: เริ่มได้ ณ บัดนี้

ชินเชาวน์ 06-12-2011 07:44

เดิมทีนึกว่ารอบนี้ (รอบที่ ๙) หลวงพ่อจะไม่ได้อยู่วัดเสียอีก ก็เลยลืมเอาเครื่องอัดเสียงและกล้องถ่ายรูปไปด้วย พอท่านทิดทักขึ้นมาว่า
"เฮ้ย...ไม่มีอะไรอัดเสียงท่านไว้สักหน่อยหรือ...?" จึงบอกไปตามตรงว่าไม่ได้เอามา ซึ่งสิ่งที่หลวงพ่อเทศน์ก็มีเนื้อหาที่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง จึงมีความเสียดายที่ไม่ได้ทำการถ่ายทอดต่อไปให้คนอื่น ๆ ได้ฟังด้วย

ส่วนอากาศจะหนาวหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว รู้สึกว่าเย็นกำลังดี ถ้าเย็นกว่านี้มากไปก็รู้สึกจะหนาวเกินไปแล้ว แต่บังเอิญว่าแอร์ที่ทำงานของผมเย็นกว่านี้ "บรื๋ออออ..." :cebollita_onion-08:

ดีใจที่ได้นอนคนเดียว (กลัวคนอื่นจะรำคาญเสียงกรน) พยายามนอนภาวนาไปเรื่อย ๆ ประคองสติไม่ให้หลับโดยไม่รู้สึกตัว (เพราะจะกรน) แต่ผิดคาด พอเริ่มภาวนา พุท ยังไม่ทันถึง โธ เลย ก็หลับไปเสียแล้ว... :b210e58c:

ส่วนเสียงกรนดังแค่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันรุ่งขึ้นหลวงพี่ข้างห้อง หอบผ้าหนีไปนอนกับเณรที่ตึกแดงแทน !!!
:onion_emoticons-17:

ตอนนี้เริ่มจะเชื่อชีกุ๋ยแล้วว่านอนวัดแล้วมีความสุข เพิ่งรู้สึกมีความสุขชัด ๆ อย่างนี้เป็นครั้งแรกเลยครับ...:4672615:

ชยาคมน์ 06-12-2011 09:18

ความรู้สึกบางอย่างบอกออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้ครับ แต่ ๓ เรื่องที่บอกออกมาได้ คือ

๑. โชคดีที่ได้พบพระพุทธศาสนา

โชคดีที่ได้เกิดในเขตพระศาสนา ได้เกิดในแผ่นดินที่ในหลวงปกครองอยู่ แม้จะเกิดไม่ทันพระพุทธองค์ แต่ก็มีโอกาสได้พบพระอริยสงฆ์มากมาย แม้จะเกิดทันหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง (ไม่เคยพบท่าน) แต่อย่างน้อยก็ได้พบลูกศิษย์ของท่านอย่างพระอาจารย์เล็ก ท่านจิตโต หลวงตาวัชรชัย ฯลฯ และได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่ทำให้กลับเนื้อกลับตัวได้ (เมื่อก่อนเกเรครับ)

๒. ได้เข้าใจในสิ่งที่พระอาจารย์เล็กสอนว่า "ทำดีเพราะอยากทำ" และ "ให้เคารพและเกรงใจเหมือนวันแรกที่เคยรู้จักกัน"

ที่ผ่านมาได้มีโอกาสทำงานบุญอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยากทำ และโชคดีที่ทำสำเร็จ โดยเฉพาะการพาคนไปบวชเนกขัมมะ ครบทุกรุ่นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ นี้ และได้มีโอกาสพาคนใหม่หลายคนไปวัดท่าขนุน

หลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนกลายมาเป็นขาประจำวัดท่าขนุน หลายคนเริ่มหันมาสนใจศึกษาและปฏิบัติมากขึ้น ขณะที่ตัวเองก็ได้ปฏิบัติมากขึ้น (แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ)

ถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณ "ทิดตู่" อีกครั้ง เพราะจำได้ว่า วันนั้นได้เจอกันที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) มีพิธีหล่อพระอัครสาวก ๔ พระองค์ (ถ้าจำไม่ผิด) วันนั้นเป็นอีกหนึ่งวันที่พระอาจารย์เล็ก หลวงตาวัชรชัย และท่านจิตโตมาพร้อมกัน ซึ่งผมกำลังนั่งคิดอยู่ว่า ตั้งแต่ ธ.ค. ๕๓ ได้จัดทริปไปวัดท่าซุงทุกเดือน เพื่อพาคนไปกราบหลวงพ่อฤๅษี และไม่ได้ไปที่วัดท่าขนุนเลย เนื่องจากวันเสาร์ ๕ ที่วัดท่าซุงและบ้านสบายใจจัดงานตรงกัน ตอนนั้นรู้สึกห่างเหินกับวัดท่าขนุนมาก และบ้านอนุสาวรีย์ก็มีโอกาสไปไม่นาน จึงคิดว่า "อยากจะทำงานอะไรถวายพระอาจารย์เล็ก" แต่จะเข้าไปของานทำก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าทีมงานของวัดท่าขนุนก็ทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว

โชคดีที่วันนั้นทิดตู่มาบอกว่า "พี่จัดทริปบ่อย น่าจะจัดทริปพาคนไปบวชเนกขัมมะ ที่วัดท่าขนุน" ดังนั้นจึงประกาศไปว่า จะจัดทริปพาคนมาบวชเนกขัมมะทุกรุ่นที่วัดท่าขนุนในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์เล็กเป็นอย่างสูงในการบวชทุก ๆ รุ่น

หลังจากจัดทริปไปบวชเนกขัมมะ วัดท่าขนุนแล้ว บ้านวิริยบารมีก็เปิดขึ้น หลายคนเดินทางไปลำบาก โดยเฉพาะคนใหม่ ๆ ก็เลยปรึกษา "ทิดตู่" ว่าจะจัดรถตู้บริการ โดยได้ทำมาจนถึงปัจจุบัน และจะพยายามทำจนกว่าสถานีรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จ

เครดิตในการจัดทริปวัดท่าขนุนและบ้านวิริยบารมีในปีนี้ จึงขอยกให้กับ "คณะสะพานบุญ" และ "กัลยาณมิตรทุกท่าน" ที่ร่วมกันทำให้เกิดขึ้นและทำให้สำเร็จได้ด้วยดี

ขอบคุณตัวเองที่ "อยากทำ" เพราะถ้าตัวเอง "ไม่อยากทำ" คนอื่นมาหว่านล้อมอย่างไร ก็ไม่มีวันที่ "จะลงมือทำ"

อีกสิ่งหนึ่งที่จะนำไปใช้ คือ "ผู้นำต้องมีความเด็ดขาด และผู้ตามต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำอย่างเคร่งครัด" ในการบวชเนกขัมมะรอบนี้ได้เห็นความเด็ดขาดของพระอาจารย์ในการ "ด่าออกไมค์" เนื่องจากมีผู้หวังดีทำหน้าที่เกินคำสั่ง แม้ว่าผู้หวังดีท่านนั้นจะเป็นผู้ที่ทำงานใกล้ชิดก็ตาม ซึ่งทำให้นึกถึงคำสอนของพระอาจารย์เล็กที่ว่า "ให้เคารพและเกรงใจเหมือนวันแรกที่เคยรู้จักกัน" บางครั้งหลายท่านอาจจะเคยชินและหวังดี จึงทำอะไรบางอย่างโดยพลการ (เปลี่ยนแปลงคำสั่งของพระอาจารย์) ด้วยความหวังดี แต่มันอาจจะทำให้แผนที่วางไว้คลาดเคลื่อน และคนที่ปฏิบัติตามท่านอื่นสับสนในคำสั่งได้

ที่ยกมาเล่า มิได้ต้องการตำหนิใคร แต่อยากจะขอบคุณผู้หวังดีท่านนั้นที่เป็น "ครู" ครับ เพราะในการทำการสิ่งใดก็ตาม โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก จะต้องมีผู้ตัดสินใจเพียงคนเดียว คำสั่งนั้นจะต้อง "เด็ดขาด" และ "ศักดิ์สิทธิ์" ที่สำคัญ คือ "ผู้นำจะต้องปฏิบัติตนต่อผู้ตามทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่ลำเอียงเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัว" ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่พระอาจารย์เล็กทำให้เห็นในการบวชครั้งนี้ครับ

๓. สิ่งที่พบในการบวชเนกขัมมะ ทุกรุ่น

สิ่งสำคัญมาก คือ ได้พบเจอกัลยาณมิตรใหม่ ๆ มากมาย รุ่นที่ ๙ นี้เป็นรุ่นที่ไปกวาดต้อนมาจาก Facebook มาสิบกว่าคน และสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ คือ แม้ Facebook จะมีคุณอนันต์ (หากใช้อย่างถูกต้อง) และมีโทษมหันต์ (หากใช้ในทางที่ผิด) ที่อย่างน้อยถ้าเรานำคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ในเรื่อง "มงคล ๓๘ ประการ" ข้อที่ ๑ การคบมิตรที่ดี ผมเชื่อว่า เราจะมีความสุขในการใช้ Facebook

ดังนั้น ทริปบวชเนกขัมมะ รุ่น ๙ นี้ จึงขอมอบเครดิตให้กับ "ชีกุ๋ย" ที่ขยันโพสต์ธรรมของพระอาจารย์เล็กอยู่เรื่อย ๆ และที่สำคัญ คือ ยินดีให้ผมไปลอกมาเผยแพร่ต่อ ทำให้เพื่อน ๆ ที่มาบวชเนกขัมมะ รุ่น ๙ นี้ได้อ่านคำสอนของพระอาจารย์เล็ก และอยากมาปฏิบัติธรรมกับท่าน

อาจจะยาวไปนิดนะครับ แต่ก็ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันครับ เมื่อวานนี้หลังจากออกจากวัดท่าขนุน ได้พาเพื่อน ๆ ไปกราบพระที่วัดทองผาภูมิ และเจ้าพ่อทองผาภูมิ เนื่องจากตลอดปี ๒๕๕๔ ไม่เคยพาคนไปกราบเลย นอกจากนั้น ยังพาเพื่อน ๆ ขึ้นไปชมนิทรรศการวันพ่อที่ห้องประชุมหลวงปู่สาย ชั้น ๓ เทศบาลตำบลทองผาภูมิ ซึ่งพระอาจารย์เล็กชมว่าจัดได้ดี เนื่องจากบางคนไม่ได้ไปชมในช่วงเช้า

ดังนั้นจึงออกจาก อ.ทองผาภูมิ ประมาณ ๑๔.๔๐ น. และมาถึงอนุสาวรีย์ฯ เวลา ๒๐.๓๐ น. รวม ๕ ชั่วโมง ๕๐ นาทีครับ (มาทางพระราม ๒ และใช้เวลาเติมแก๊สประมาณ ๓๐ นาที)

โมทนา

ลูกเต่า 06-12-2011 13:03

สาธุ ขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านเช่นกันนะคะ ลูกเต่ารู้สึกดีมาก ดีใจที่ได้ไป ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้ไปน่าจะดี ตั้งแต่พอทราบข่าว เลยวางแผนลางานล่วงหน้าเกือบเดือน (ลากิจ) ไม่ได้เบี้ยขยัน แต่นับว่าการไปครั้งนี้คุ้มค่ามากค่ะ ขนาดว่าตั้งใจจะไป คนที่คิดว่าจะได้ไปด้วยกัน ก็ไม่ได้ไปติดงาน ที่นี้คิดว่าทำอย่างไรดีนะจึงจะได้ไป คิดไปก็คิดไม่ออกว่าจะชวนใครไป แล้วถ้าชวนเขาจะไปกับเราไหม ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร ?

เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ ๒ วัน จึงนึกขอบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์, ขอครูบาอาจารย์, และขอบารมีของพระอาจารย์เล็ก ขอหมดเลย ว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้ไปปฏิบัติธรรมบ้าง (เพราะอยู่บ้านไม่ได้ปฏิบัติ)

ปรากฏว่าหลังจากนั้นอีก ๑ วัน ได้โทรไปหาเพื่อน ซึ่งไม่เคยได้คุยกันน่าจะประมาณ เป็นปี โทรไปเพื่อนตกลงไปด้วยดีใจ และเพื่อนอีกคนลองชวนดูก็ตัดสินใจไปด้วย

เพื่อนที่ได้ไปด้วยกันรู้สึกว่าชอบเหมือนกัน ถ้าบุญพอมีอีกก็อยากไปอีก รู้สึกอิ่มบุญค่ะ

ป้านุช 06-12-2011 17:26

:4672615: การไปบวชเนกขัมมะแต่ละครั้ง นอกจากจะได้ทำวัตรสวดมนต์ร่วมกับหลวงพ่อแล้ว
(ตั้งแต่สวดมนต์ทำวัตรมาหลายวัด มาติดใจลีลาการสวดมนต์ทำวัตรของวัดท่าขนุน เพราะสวดได้จังหวะไม่เร็ว ไม่ช้าเกินไปและมีช่วงเสียงสูงต่ำ ทำให้บทสวดมนต์ฟังเพราะมาก บ่อยครั้งรู้สึกเหมือนกำลังนั่งทำวัตรเช้าเย็นอยู่ "ข้างบน" )
เรายังได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่หลวงพ่อนำมาเล่าให้ฟัง คิดตามที่หลวงพ่อพูดแล้วจะได้ "อะไร ๆ" ไปเยอะมาก...

:4672615:ได้เห็นจริยาวัตรของหลวงพ่อที่ "เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด" ที่เราควรปฏิบัติตาม

:4672615:ได้พบเห็นกำลังใจของแต่ละคนที่มาอยู่ที่วัด แม้จะในระยะเวลาแค่ ๒-๓ วัน แต่คนมาเยอะจากต่างที่ ต่างจิตใจ ต่างความคิด การกระทำจึงแตกต่างไปด้วย แล้วได้ฝึกใจตัวเองให้ยอมรับในสิ่งที่แต่ละคนเป็น

:4672615: ได้ดูใจของตัวเองด้วยว่า เมื่อมีอะไร สิ่งใด หรือการกระทำของคนอื่นมากระทบ ใจของตัวเองเป็นอย่างไร....:onion_yom: จะรับมือกับใจตัวเองอย่างไร ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาตั้งหลักใหม่ :54bd3bbb:

:4672615: แรก ๆ มาวัด กว่าจะหลับได้บางทีตีหนึ่ง เดี๋ยวนี้หัวถึงหมอนภาวนา พุท คำเดียวก็หลับแล้ว และสามารถหลับแบบ "สะสมทรัพย์" ได้ตลอดเวลา คือมีเวลา แค่ ๑๐ ๒๐ หรือ ๓๐ นาที ก็สามารถหลับเก็บแรงออมไว้ได้โดยง่าย:54bd3bbb:

:4672615: สุดท้ายได้บุญที่ยิ่งใหญ่น้อมถวายกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รวมตลอดถึงอุทิศให้กับทุกคนที่เรารักด้วย
:d16c4689:

ตัวเล็ก 06-12-2011 20:08


ลูกกวาง 06-12-2011 23:23

รู้สึกโชคดี และมีความสุขมาก ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสมาบวชค่ะ :msn_smilies-22:

สายท่าขนุน 07-12-2011 00:28

รู้สึก งง ๆ ว่า นี่ตูมาบวชได้อย่างไรนี่ ทั้งที่ไม่เคยนึกอยากจะบวช ไม่ว่าชี หรือ ชีพราหมณ์...

ไม่ชอบอยู่วัด เพราะกลัวทำตัวไม่เหมาะสม ไม่ชอบนอนกับใคร ไม่นอนกลางสาธารณชน ไม่ชอบใส่ชุดฟอร์ม...
นี่แค่ไม่ต้องนุ่งขาวห่มขาว ('แค่เสื้อขาวก็พอ ข้างล่างอยากลายอย่างไร ก็ตามใจ') ก็มาบวชแล้ว
ตื่นเช้าสวดมนต์อีก ถึงไม่ใช่คนตื่นสาย แต่ก็งงกับตัวเองที่รีบตื่นมาทำวัตรทุกครั้ง
...ครั้งแรกก็ว่า สักครั้งนะ ถวายในหลวง ปรากฏว่าสบายไป (มีโต๊ะจีนเลี้ยงด้วย)
ทำให้ครบ ๓ ครั้งก็แล้วกัน... ครบสามครั้งแล้วก็ติดใจ มีครั้งที่สี่
คลับคล้ายคลับคลาว่าเว้นครั้งที่ห้า แล้วก็มาอีก ครั้งหลัง ๆ นี่ติดใจ คิดถึงวัด คิดถึงพระอาจารย์

...อ้อ ลืมเล่าไปว่า คราวแรก คนเคยกินแต่ข้าวกลางวัน หนักมื้อเย็น ไม่กินข้าวเช้า
หิวสิ..ช่วงค่ำ ก็กินนมบ้าง โอวัลตินบ้าง... พอครั้งที่สอง ไม่กินแล้วดีกว่า ก็ไม่ได้หิวมากแล้ว
ก็พระอาจารย์ชวนคราวที่สองนี้เอง (ที่จริงก็ชวนคราวแรกด้วย ให้ถือศีลแปดต่อ แบบเฉพาะวันก็ได้)
ที่ทำให้ถือศีลแปดมาถึงทุกวันนี้... ท่านชักชวนแบบ "จูงใจ" มาก
ถึงกับเคลิ้มตามทีเดียว... นึกว่าก็เคยตั้งใจถือเมื่อหลายปีมาแล้ว
ข้อไหน ๆ ก็ไม่เห็นลำบากเกินไป...นี่เรารออะไรอยู่ หรือจะรอกินข้าวเย็นอีกสักพัก

..บางรอบก็มีโอกาสแอบเดินถอยหลัง (จะ 'โดน' ฐานเลียนแบบไหมนะ)
ทำให้รู้ว่า เดินเฉย ๆ ไม่ยากอะไร แต่เดินให้รู้ว่าจะชนใครหรือยังนี่สิ..???
...บางรอบก็แอบหลับตาเดิน นี่สิยากจริง..'ทำใจ'..ไม่เป็นสักที
ที่สำคัญและขอกราบงาม ๆ คือ หลวงปู่สาย ท่านเมตตาเราทุกครั้งที่มีปัญหาตั้งกำลังใจตอนทำกรรมฐาน

...ไป ๆ มา ๆ ก็มาถึงครั้งที่เก้านี้ที่เว้น ก็งงตัวเองอีกว่า เลข '๙' เชียวนะ
ช่วงวันเฉลิมฯ พอดี มีกิจกรรมดี ๆ ใบประกาศฯ เขาก็สะสมกัน ยังลายเซ็นที่จะเปลี่ยนอีก
กลับรู้สึกเฉย ๆ ... ไม่ยักเหมือนที่ไปรอดักถ่ายรูปพระอาจารย์ขากลับจากบิณฑบาตเลย
...ใคร ๆ เขาเลิกถ่ายแล้ว ยายก็ยังไปดักทุกที คงชอบตรงที่ต้องเดินให้พอดีกับแถวพระที่ไล่หลังมา
(มีใครรู้ไหมนี่ว่า ยายเดินดูดีเชียว แต่ยังทั้ง 'เมา' ทั้ง 'กลัว' ข้ามสะพานแขวนอยู่ ๕๕๕)

อะไรต่ออะไรที่ดี ๆ ทยอยได้มาเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ไปบวช... รออ่านของท่านอื่นด้วย
...สรุปว่า รู้สึกงง ๆ ว่า นี่ตูมาบวชได้อย่างไรนี่..?

วายุภัทร 07-12-2011 23:11

ผมได้ไปร่วมบวชเนกขัมมะ ๒ รุ่น เพราะอยากปฏิบัติภายใต้การนำของท่านพระอาจารย์และได้ถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงด้วย ระหว่างบวชมีกำลังใจในการปฏิบัติมาก ด้วยมีศรัทธาต่อองค์ท่านอาจารย์อยู่แล้ว ชอบดูจริยาวัตรของท่านที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย และได้ฟังธรรมจากท่านอย่างใกล้ชิด

ตอนบวชเนกขัมมะรุ่น ๗ ได้จำคำสอนท่านอาจารย์มาฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังนี้

๑.โลกันตมหานรก มีโทษ ๔ เท่าของอเวจีมหานรก มีความผิดอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ทำผิดโดยการสอนผู้อื่นให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ท่านถามเทวทูตที่นำไปชมว่า ทำไมถึงร้ายแรงนัก เทวทูตชี้แจงว่า เมื่อคนที่เราสอนไปแล้ว เป็นมิจฉาทิฏฐิ ก็จะทำอกุศลกรรม จนทำให้ตกไปสู่อเวจีมหานรกได้ เมื่อนั้นโทษบาปกรรมทั้งหมด จะทำให้ตกนรกทุกขุม เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ต้องชดใช้ทั้งหมด ในเมื่อเป็นเหตุให้เขาห่างจากความดีได้มากขนาดนี้ จึงมีโทษหนักลงโลกันตมหานรก ท่านจึงเตือนว่า ต้องระวังกาย วาจา ใจ อย่าใช้อัตโนมติของตัวเองแนะนำผู้อื่น ถ้าไม่รู้จริงในพระธรรม ก็อย่าไปสอนเขา แนะนำให้ไปอ่านในพระไตรปิฎกหรือคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงแทน

๒.เรื่องของทิพจักขุญาณ มารจะแทรกเสมอ จงอย่าเชื่อถือ ท่านยกตัวอย่าง พระอุปคุตมหาเถระ ที่หลงไหว้รูปพุทธนิมิตอันพระยามาราธิราชแสดง หรือสุดยอดมโนมยิทธิอย่างหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็ถูกมารหลอกมาแล้ว ท่านสรุปว่า มารไม่ใช่ศัตรู แต่คือ ครูที่ดีที่สุด

๓.ภาระใหญ่ที่สมเด็จพ่อฯ ฝากไว้ คือ การปฏิบัติให้ได้มรรคได้ผล จนสามารถเป็นทนายแก้ต่างแทนพระพุทธศาสนา ลบล้างคำปรามาสของบุคคลที่ไม่นับถือได้ พุทธบริษัท ๔ ไม่ใช่มีแต่ภิกษุ ภิกษุณี ยังมีอุบาสก อุบาสิกา ด้วย ดังนั้น จึงไม่ใช่หน้าที่ของท่านและคณะเท่านั้น (อันนี้ ฟังแล้ว ได้คติเตือนใจมากว่า การที่เราจะกตัญญูกตเวทีต่อสมเด็จพ่อฯ ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเราอย่างยิ่งนั้น คือ การเร่งความเพียรในการปฏิบัติให้เกิดมรรคเกิดผล นั่นเอง)

มีเรื่องหนึ่งประทับใจผมมาก คือ ได้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกับท่านพระอาจารย์ โดยผมได้ยืนชิดองค์ท่านเลย แต่ก่อนจะได้ภาพที่ภาคภูมิใจนี้ก็ต้องโดนดุก่อน เพราะผมไม่กล้ายืน ด้วยคิดว่าจะปรามาสท่าน ท่านว่า "ให้ยืน" เราก็ยังนั่งลง ท่านจึงว่า "บอกให้ยืน..นี่พูดเป็นภาษาไทยชัด ๆ แล้วนะ" จึงได้คติว่า ถ้าครูบาอาจารย์สั่งอะไร ให้ทำอย่างนั้น เพราะท่านได้พิจารณาว่าเหมาะสมแล้ว

มัคคนายก 02-01-2012 20:15

สำหรับท่านใดที่มีประสบการณ์จากการบวชเนกขัมมะเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๑/๒๕๕๕ กรุณาเล่าสู่กันฟังด้วยจ้ะ

ชินเชาวน์ 03-01-2012 05:55

2 Attachment(s)
:4672615: งานนี้ขอยืนยันด้วยภาพ

ก่อนขึ้น "วี้ดว้าย...สู้ตายค่ะ !"
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1325545072

ขาลง (สงบเสงี่ยม เจียมตัว ไม่พูดและสุงสิงกับใคร มีบันไดเป็นที่พึ่ง และหน้าซีด ๆ ชอบกล)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1325545072

ชยาคมน์ 03-01-2012 12:17

รุ่น ๑/๒๕๕๕

ยืนยันว่า "ลิ้นห้อย" (ส่งท้ายปีเก่าด้วยการเดินจงกรมขึ้นเขา)
ตามด้วย "อดนอน" ข้ามปี (สวดมนต์ข้ามปี) และ
ปิดท้ายรับปีใหม่ด้วยการ "แสดงพลังอึด" (จงกรมรอบวัด)

สรุปว่า รุ่นนี้จัดหนัก "สะใจดี" คนถ่ายภาพอย่างคุณหนุ่มชินเชาวน์ลิ้นห้อย
ทราบมาว่า "ขึ้นไม่ถึงยอดเขา" ๕๕๕

ป้านุช 03-01-2012 22:06

:4672615:การได้ปฏิบัติกรรมฐานเดินขึ้นเขาดีมาก แต่ความกว้างและความสูงของบันไดทางขึ้นไม่เอื้อต่อการยกหนอเหยียบหนอเอาเสียเลย

:4672615:การเดินรอบวัดจึงน่าจะดีกว่าหากจะก้าวกันยาวกว่าที่ผ่านมา หรือจะปล่อยให้แต่ละคนปฏิบัติกันเอง หามุมเดิน มุมนั่งกันเองในบริเวณลานธรรมก็น่าจะดีเช่นกัน:4672615:

ณญาดา 04-01-2012 10:26

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ชยาคมน์ (โพสต์ 83857)
รอบนี้ตรงกับงานที่วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ด้วย และพระอาจารย์รับนิมนต์หลวงตาไว้แล้ว ดูจากเว็บวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

ก็วิ่ง ๒ ที่ซิจ๊ะ ถ้ากำหนดการวัดท่าขนุนสึกตอนเช้า ก็วิ่งรถไปวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ต่อ เพราะกำหนดการที่วัดเขาวงเป็นช่วงบ่าย น่าจะทัน วิ่งไปท่องคาถาย่นระยะทางไปพลาง พี่เองเคยวิ่ง ๒ ที่อยู่ครั้งตอนงานเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อหลายปีก่อนจากวัดท่าขนุนไปวัดท่าซุงก็ "เอาอยู่" คิดว่าระยะทางน่าจะพอ ๆ กัน แต่ต้องเลี่ยงการเข้ากรุงเทพฯ จ้ะ

หมายเหตุ
การเดินทางแบบนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ก็ไม่แนะนำให้เลียนแบบสำหรับคนที่ชอบการเดินทางแบบสบาย ๆ หรือนุ่มนวล เพราะลูกบ้าพี่มันเยอะ พอเจอคนขับรถที่บ้าพอกันก็เลยลุยกันไปได้ทุกทิศแบบค้านสายตาคนดู ฮิ ฮิ ฮิ :onion_no:

ชยาคมน์ 04-01-2012 11:50

ขออนุญาตแบ่งปันความรู้สึกในการบวชเนกขัม รุ่นที่ ๑/๒๕๕๕

ในปี ๒๕๕๔ เมตตาคนอื่นมากไป ทำให้จิตกังวลในเรื่องการถ่ายภาพ
รวมทั้งกังวลเรื่องคนที่มาบวชเนกขัมมะ ครั้งแรก

แต่การจัดทริปปี ๒๕๕๕ ให้ความสำคัญกับ "จิตของตัวเองมากขึ้น"
โดย "เมตตาตัวเองมากขึ้น" และมองว่า คนที่มาร่วมทริป คือ คนร่วมจ่ายค่ารถมาบวชร่วมกัน
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ และไม่จำเป็นต้องดูแลความรู้สึกของผู้ร่วมทริปมากนัก

กล่าวคือ ทุกคนควร "ดูแลใจตัวเอง" และเรียนรู้ว่า คนหมู่มากกำลังทำอะไรอยู่
แต่ได้กำชับผู้ร่วมทริป ๒ เรื่อง คือ "เรื่องเสียงมือถือ" และ "เรื่องการตรงต่อเวลา"

สำหรับความรู้สึกส่วนตัวในการบวชรอบนี้

๑. รู้สึกว่า ตัวเอง "วาง" ในหลาย ๆ เรื่อง อาทิ เรื่องถ่ายรูป ผมถ่ายบ้างนิดหน่อย
เพื่อเอาไปโพสต์ในคนโมทนาในเว็บพลังจิต เป็นต้น แต่รอบนี้ "หมอเสือ" ดันเบี้ยวผม ๕๕๕

๒. บวชรอบนี้ รู้สึกว่า "นั่งสมาธิได้ลึกขึ้น นิ่งขึ้น" แม้จะยังไม่ถึงขั้นที่ใช้งานได้ก็ตาม
แต่รู้สึกว่า "จิตไม่ต้องแบก" โดยได้กลับมาทบทวนพื้นฐานของการนั่งกรรมฐานที่พระอาจารย์เคยสอนไว้
คือ "จับภาพพระ และจับลมหายใจเข้าออก"

๓. เริ่มวางกำลังใจแบบที่พระอาจารย์สอนไว้ ใจความโดยสรุป คือ

"ต้องให้กำลังใจตัวเองในการปฏิบัติ" เช่น เราต้องการไปเชียงใหม่ แต่ตอนนี้เราอยู่กาญจนบุรี
ถ้าเรามองว่า ระยะทางอีกไกล เราจะหมดกำลังใจ แต่ถ้าเรามองไปยังคนที่อยู่นราธิวาส
เราจะเห็นว่า เราอยู่กลางทางแล้ว เราอยู่ใกล้เชียงใหม่มากกว่าคนที่อยู่นราธิวาส"

๔. ผมรู้สึกและเชื่อว่าได้รับการสงเคราะห์จาก "พระ" ไม่ว่าจะเป็น
"เสียงตามสายของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง" "การเทศน์สอนของพระอาจารย์เล็กในการบวชเนกขัมมะ"
และ "เสียงของท่านจิตโต ซึ่งผมนำมาฟังด้วย"

"หลาย ๆ คำถามในใจ" มีคำตอบออกมาครับ

ถือว่า "คุ้มค่ามาก" ที่ได้ไปบวชเนกขัมมะตลอดปี ๒๕๕๔ ต่อเนื่องมาถึงปี ๒๕๕๕

เด็กอนุบาล 04-01-2012 12:01

ได้รับความประทับใจจากการบวชรุ่นหนึ่งปีนี้หลายประการครับ

๑. ได้ฝึกใจให้ห่างรัก โลภ โกรธ หลง ได้นานที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาในชีวิต....เมื่อก่อนผมจะเป็นคนที่จับลมหายใจเข้าออกยากมาก แค่ห้านาทีก็ยังรากเลือดเลย แต่ทริปนี้ทำได้เกินสิบนาที....ต้องขอบพระคุณที่พระอาจารย์ท่านจัดหลักสูตรให้มีการเดินจงกรมก่อนนั่งสมาธิ อีกทั้งมีการสวดมนต์ทำวัตรเข้ามาช่วยประคองการสะสมกำลังสติ ทำให้ทุกอย่างเกื้อกูลให้การนั่งสมาธิของผมทำได้สงบขึ้น ได้ระยะเวลานานขึ้นมากเลย

๒. ประทับใจที่สุดกับการสวดมนต์ข้ามปีที่วัดท่าขนุน....ปีที่แล้วผมเบี้ยวกิจกรรมนี้ไป ปีนี้เลยฮึดว่าเอาอย่างไรเอากัน ผลของการไม่ตามใจกิเลสก็คือได้รู้ว่า การสวดมนต์นาน ๆ สามารถสร้างความสุขสงบใจได้อย่างน่าอัศจรรย์...และประทับใจกับพรอันประเสริฐที่พระอาจารย์ได้ให้เราในช่วงท้ายด้วย...สรุปว่าปีนี้น่าจะเป็นปีทองของเราแน่นอน

๓. ประทับใจที่สุดของที่สุดกับการที่ได้จุดเทียนสืบชะตาและอธิษฐานขอพร ทำถวายแด่องค์ในหลวงและคุณพ่อคุณแม่ของผม ในช่วงเช้าของวันปีใหม่...ปีที่แล้วก็จุดครับ แต่จุดขอพรให้ตัวเอง เลยไม่ประทับใจมากเท่าปีนี้

๔. ได้เลขที่วุฒิบัตรที่เชื่อว่าจะนำโชคให้ผมในระยะเวลาอีกไม่กี่งวดนี้...ปีที่แล้วก็บวชได้เลขที่วุุฒิบัตรมา แต่ด้วยการขาดวิริยบารมี ทำให้ไม่หมั่นเพียรนำเลขไปใช้ให้ต่อเนื่อง ผลคือเลขดังกล่าวได้สร้างความรํ่ารวย (ให้คนอื่น) ในอีกไม่กี่งวดหลังจากผมเลิกตาม...ที่สุดจึงเชื่อที่พระอาจารย์ท่านเคยบอกอย่างสนิทใจว่า พวกเราขาดวิริยบารมีกัน

โยคียุ้ย 04-01-2012 16:50

พระอาจารย์ ท่านสอนในช่วงทำวัตร ประมาณว่า...

(๑) ถ้าเห็นคนอื่นที่เขาปฏิบัติได้แล้ว ทำตัวตามสบาย ก็อย่าไปคิดเลียนแบบเขา...เพราะถ้าเรายังทำไม่ถึง ใจเราก็ไม่ได้สบายเหมือนเขา (ท่านเคยปรารภว่า เรื่องของสมบัติเศรษฐี ใครอยากได้ ก็ต้องทำเอง)

(๒) เรื่องกิเลส ต้องทน ต้องฝืน เพื่อให้มีสติ พร้อมรับมือกับแรงกดดัน และการกระทบกระทั่งทุกชนิด...เหมือนกับทหาร ที่ถูกฝึกให้ผจญความกดดันและความลำบากทุกอย่าง เพื่อให้สามารถควบคุมสติได้ยามมีภัย (ท่านเล่าประสบการณ์ตอนเป็นทหารให้ฟัง–ต้องฝึกทั้งร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่กลัวความตาย)

*ขอสาธุ...กับความตั้งใจของทุกท่านด้วยครับ*

ณญาดา 05-01-2012 07:23

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ชยาคมน์ (โพสต์ 83881)
บวชรอบนี้ระยะเวลาเพียง ๒ วัน หลายคนตั้งใจมาบวชเพื่อปฏิบัติจริง ๆ
ปีนี้ "ความบ้า" ในการจัดทริปผมลดลงไปเยอะ มีแต่ "ความบ้า" ในการนำวัตถุมงคลออกมาทำบุญ ๕๕๕

วิ่ง ๒ ที่พี่หมายถึงในกรณีที่ถ้ากำหนดการวัดท่าขนุนสึกตอนเช้า เพราะพี่เห็นว่างานที่ครูบาอาจารย์สายหลวงพ่อจะมานั่งอธิษฐานจิตร่วมกันได้มากขนาดนี้เป็นโอกาสที่หายากมากขึ้นทุกวัน ถ้ามีเวลาพอกับการได้เดินทางไปและได้กราบด้วยก็เป็นอะไรที่สุดยอด..... โดยเฉพาะเมื่อหลังจากการบวชเนกขัมมะเสร็จก็ยิ่งเป็นอะไรที่สุดยอดมากขึ้นค่ะ :d16c4689:

:onion_emoticons-01:ยกกรุมาเลยคุณน้อง ได้ข่าวว่าเก็บไว้เยอะนี่

กล้วยไม้ 05-01-2012 21:34

ดีใจที่ได้เจอที่พักพิงทางใจเพื่อเพิ่มพลังในการไปสู้ทางโลก ขอบคุณคุณคมน์และพี่หญิงที่มีการจัดรถตู้เพื่อให้คนที่จะไปวัดเดินทางไปกลับได้โดยสะดวกค่ะ
หลังจาก ๑ ปีที่ผ่านมาได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนกับพระอาจารย์ ถึงจะไม่ได้ไปทุกครั้งที่ท่านจัด แต่ก็พยายามไปให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวยให้ค่ะ ทำให้เราได้มีสติขึ้น ปีนี้ก็ตั้งใจเช่นเดิมว่าขอให้มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ

ณญาดา 11-01-2012 09:07

ทดแทนทุกความรู้สึกที่ได้รับของตัวเอง
 


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:14


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว