กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5574)

เถรี 26-04-2017 17:11

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ สิ่งที่อยากจะเตือนพวกเราในวันนี้ ก็คือ การปฏิบัติธรรมของพวกเรานั้น เหมือนกับการเข้าสู่สนามรบ ภาษาชาวยุทธจักรบอกว่า “มิใช่ท่านตายก็เป็นเราสิ้น” เพราะว่ากิเลสไม่เคยเมตตาปราณีกับเรา มีแต่ทุบตีฟาดโบยเราหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเราเองยังเหยาะแหยะอ่อนแออยู่ โอกาสที่จะชนะย่อมไม่มี

การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของบุคคลที่เข้าถึงปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสูงสุดแล้ว ดังนั้น...จึงต้องทุ่มเทจริงจัง ทำกันอย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ถ้าหากว่าทำไม่ได้ก็ให้ตายไปเลย ต้องวางกำลังใจในลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ปฏิบัติกันในลักษณะแก้บน ภาวนาแค่ ๓ ครั้ง ๕ ครั้งแล้วจะให้เกิดผล...ย่อมเป็นไปไม่ได้


สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วพวกเราทุกคนรู้อยู่ แต่ก็ยังประมาทกันอยู่มาก เพราะว่าไปให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้างมากกว่าการปฏิบัติธรรม บางคนสามารถทุ่มเทสมาธิแชตกันได้ครึ่งค่อนวันติดต่อกัน แต่ให้ภาวนา ๓ นาที ๕ นาที ก็จะตายแล้ว ลักษณะอย่างนี้แสดงว่าเป็นการใช้สติสมาธิไปในทางที่ผิด ฉันทะในการปฏิบัติธรรมยังไม่เพียงพอ

แค่เราพลิกมุมกลับ มีความระลึกรู้อยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย วินาทีนี้เรายังอยู่ วินาทีหน้าเราอาจจะตายแล้ว ถ้าหากว่าตายแล้วตกสู่อบายภูมิ ก็เท่ากับเราขาดทุนย่อยยับ อย่างน้อย ๆ ตายแล้วเราต้องได้ไปสู่ภพภูมิที่สูงกว่าเดิม จึงจะเรียกว่าไม่ขาดทุน ถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ นั่นจึงเป็นจุดมุ่งหมายของเราทุกคน

เถรี 27-04-2017 18:52

แต่บุคคลที่ตั้งใจจะล่วงพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพาน แทนที่จะตัด จะละสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ตนเองเบากายเบาใจมากที่สุด จะได้ปลด จะได้ปล่อยวางได้ง่ายที่สุด เรากลับไปแบกภาระสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา แค่ขันธ์ ๕ ที่ประกอบไปด้วยร่างกายหยาบ ๆ ที่ประกอบไปด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ เราก็ดูแลไม่หวาดไม่ไหวแล้ว เรายังไปสร้างขันธ์โดยสมมติขึ้นมาอีก

อย่างเช่นว่าตัวตนในโลกโซเชียล เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อสร้างมาแล้วเราก็ไปยึด การยึดมั่นถือมั่นย่อมมีการยินดียินร้าย รัก ชอบ เกลียด ชัง เป็นปกติ กลายเป็นเราสร้างเสริมกิเลสทับถมตนเองให้หนายิ่ง ๆ ขึ้นไป แทนที่จะละ จะวางกิเลส ก็กลายเป็นสร้างเสริมให้กิเลสเจริญงอกงาม

จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างมากว่า เราทั้งหลายตั้งใจว่าปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นไปพระนิพพาน แต่สิ่งที่กระทำนั้นค้านกับสิ่งที่ตนเองตั้งใจเหลือเกิน มองดูแล้วแทบจะไม่มีหนทางที่เป็นไปได้เลยด้วยซ้ำไป ยกเว้นว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่

เรื่องของโทรศัพท์ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เราก็สื่อสารเฉพาะวาระ เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งอาตมายืนยันว่าทุกคนถ้าตั้งใจก็ทำได้เหมือนกัน เพราะว่าอาตมาเองบางทีก็ลืมไปว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหน เนื่องเพราะว่าไม่ได้ใส่ใจ ถ้าไม่ได้ติดต่อกับใครก็แทบจะไม่ได้หยิบไม่ได้จับเลย บางที่ชาร์ตไฟเอาไว้จนกระทั่งไฟหมดยังไม่ได้ติดต่อกับใครเลย

เถรี 27-04-2017 18:54

ในเมื่อเป็นดังนี้ก็แปลว่า ถ้าเราตั้งใจจะละจะวางจริง ๆ ของหยาบ ๆ แค่โทรศัพท์มือถือทำไมเราจะวางไม่ได้ ? เพราะสิ่งที่ละเอียดกว่านี้ ก็คือคนที่เรารัก ลำดับต่อไปก็คือร่างกายนี้ที่เรารักมากที่สุด ถ้าเราวางสิ่งหยาบไม่ได้ สิ่งละเอียดทั้งหลายเหล่านี้เราก็ไม่สามารถที่จะวางได้เช่นกัน

การจะละวางนั้น เราต้องรักษาศีลทุกสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล ไม่ยินดีเมื่อผู้อื่นละเมิดศีล สติสมาธิจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก จดจ่ออยู่กับอารมณ์ปัจจุบันตรงหน้า ไม่ไปไขว้เขวกับสิ่งยั่วยวนต่าง ๆ ที่มาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีปัญญามองเห็นทุกข์เห็นโทษว่าร่างนี้หาความดีไม่ได้

ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาจนหลับตาลงไปมีแต่ความทุกข์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์ก็ไม่ควรที่จะมีสำหรับเราอีก ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไรเราควรไปพระนิพพานแห่งเดียว ถ้าหากว่าทุกท่านสามารถวางกำลังใจเช่นนี้ได้ ละวางเครื่องถ่วงต่าง ๆ รอบข้างเราลงไปได้ เราก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:58


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว