เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เชิญรับฟังได้ที่ https://youtu.be/14Z7gNIJgyU ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น ดูลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดและชำนาญมาแต่เดิม คำภาวนา..อย่าเปลี่ยนบ่อย ถ้าเปลี่ยนคำภาวนาบ่อย ของเก่าก็ไม่ได้ ของใหม่ก็ไม่ดี ทำให้เสียการปฏิบัติโดยใช่เหตุ |
กำลังใจในช่วงเช้าเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เคยเปรียบเอาไว้ว่า..ความดีกับความชั่วที่จะเข้ามาในใจของเรานั้น ใจของเราเหมือนเก้าอี้ที่นั่งได้คนเดียว ถ้าความดีเข้าไปนั่ง ความชั่วก็เข้าไม่ได้ ถ้าความชั่วเข้าไปนั่ง ความดีก็เข้าไม่ถึง
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยทำให้เราจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องรีบนำเอาความดีใส่ไว้ในใจของเราก่อน เมื่อความดีทรงตัวอยู่ในใจแล้ว เราก็จะมีความสุขไปทั้งวัน ไม่เช่นนั้นก็จะต้องฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์ ซึ่งมีแต่จะพาให้เสียผลการปฏิบัติทั้งนั้น หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา หายใจเข้า..พร้อมกับคำภาวนา หายใจออก..พร้อมกับคำภาวนา |
อย่าตั้งใจมากจนเกินไป ปล่อยให้ร่างกายหายใจตามปกติ เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้เข้าไปจนสุด ตามดูตามรู้ออกมาจนสุด ถ้าเผลอสติไปคิดเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรก็รีบดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออก
หายใจเข้า..จมูก อก ท้อง หายใจออก..จากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก ถ้าไม่เคยภาวนามาก่อนก็ใช้คำว่า "พุท-โธ" หายใจเข้า..พุท..ลมหายใจผ่านปลายจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก..จากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก หายใจเข้า..พุท.. หายใจออก..โธ.. หายใจเข้า..ความรู้สึกไหลลงไปสุดที่ท้อง หายใจออก..ความรู้สึกไหลมาสุดที่ปลายจมูก ตามดูตามรู้อยู่แค่นี้..ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น เอาแค่คำภาวนากับลมหายใจเข้าออกก็พอ หายใจเข้า..พุท..จมูก อก ท้อง หายใจออก..โธ..ท้อง อก จมูก |
เมื่อรู้สึกว่าลมหายใจและคำภาวนาเริ่มมั่นคง ก็ให้กำหนดภาพพระ หรือว่าภาพวัตถุมงคลที่เรารักเราชอบมากที่สุด
หายใจเข้า..ให้ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ให้ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ การปฏิบัติธรรม คือ การทำซ้ำ ตอกย้ำตัวเองอยู่บ่อย ๆ วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า จนเกิดความคล่องตัวเป็นอัตโนมัติ ถ้าถึงระดับนั้นเราก็จะมีความขลัง มีความศักดิ์สิทธิ์ 'ความขลัง' ที่ว่าคือ..สามารถต่อต้านกิเลสได้ 'ความศักดิ์สิทธิ์' ที่ว่าคือ..ตั้งใจอะไรก็เป็นอย่างนั้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ต้องกระทำซ้ำ ๆ ซาก ๆ เป็นแสนเป็นล้านครั้ง จะเบื่อจะหน่ายไม่ได้ ในแต่ละวันต้องอยู่กับลมหายใจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ |
หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ อย่าเพิ่งไปเอาความชัดเจน อย่าเพิ่งไปเอาความสว่าง แค่นึกว่ามีภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร จะสว่างมากน้อยอย่างไรก็ไม่เป็นไร เอาแค่นึกถึงได้สบาย ๆ ว่า มีภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ความสว่าง ความชัดเจนจะอยู่ที่สมาธิของเรา สมาธิยิ่งทรงตัวมากก็ชัดเจนมาก อย่าไปใช้สายตาดูภาพพระ เราหลับตาอยู่ ใช้สายตาไม่ได้ เป็นการใช้ห้วงนึกหรือความรู้สึกของเรา นึกถึงภาพพระที่เรารักเราชอบ เหมือนกับเรานึกถึงคนอื่น เหมือนกับเรานึกถึงบ้าน เรามองไม่เห็นคนอื่น มองไม่เห็นบ้าน แต่รู้สึกอย่างชัดเจนว่าคนนั้นเป็นอย่างไร บ้านเราเป็นอย่างไร การกำหนดภาพพระก็ให้กำหนดในลักษณะอย่างนั้น |
หายใจเข้า..ภาพพระเล็กลง ๆ ไปอยู่ในท้อง
หายใจออก..ภาพพระใหญ่ขึ้น ๆ ไปอยู่บนศีรษะ หรือว่าหายใจเข้า..ภาพพระใหญ่ขึ้น ๆ จนครอบเราไว้ทั้งตัว หายใจออก..ภาพพระเล็กลง ๆ ไปอยู่บนศีรษะ หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะ เผลอคิดเรื่องอื่นก็กลับมากำหนดภาพพระและลมหายใจใหม่ เผลอใช้สายตาเพ่งภาพพระก็ลืมตาขึ้นแล้วหลับตาลงใหม่ นึกถึงภาพพระ หายใจเข้า..ภาพพระไหลลงไปอยู่ในท้องพร้อมคำภาวนา หายใจออก..ภาพพระเลื่อนขึ้นไปอยู่บนศีรษะพร้อมคำภาวนา |
เมื่อรู้สึกว่าภาพพระและลมหายใจเข้าออกพร้อมคำภาวนา..สามารถกำหนดได้มั่นคงแล้ว ก็ตั้งใจกำหนดให้ภาพพระนิ่งอยู่บนศีรษะของเรา
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น อย่าใช้สายตาเพ่งภาพพระให้สว่างหรือชัดเจน ให้นึกถึงเบา ๆ สบาย ๆ รู้สึกว่ามีภาพพระอยู่กับเรา หายใจเข้า..ภาพพระนั้นก็สว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระนั้นก็สว่างขึ้น ให้ความสว่างจากองค์พระค่อย ๆ ครอบคลุมตัวเราลงมา จากศีรษะ หน้าผาก ดวงตา จมูก ปาก คาง คอ หัวไหล่ หน้าอก บั้นเอว สะโพก ต้นขา หัวเข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า ฝ่าเท้า นิ้วเท้า |
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น ความสว่างมากน้อยไม่ใช่สาระ สาระสำคัญ คือ..กำหนดภาพพระนั้นพร้อมกับลมหายใจเข้าออกได้ ความสว่างมากน้อยขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิของเรา แต่ต่อให้ทรงฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ได้ ถ้าเป็นกำลังของโลกียบุคคล ความสว่างนั้นก็เหมือนกับเวลาใกล้ค่ำ คือ มืด ๆ มัวตามองอะไรไม่ถนัด บุคคลที่สามารถกราบขอบารมีพระให้สงเคราะห์ได้จึงจะเห็นสว่างชัดเจน ดังนั้นไม่ต้องไปกังวลถึงความชัดเจนของภาพพระ ไม่ต้องไปกังวลถึงความสว่างของภาพพระ แค่เรานึกถึงภาพพระสว่างขึ้นตามลมหายใจเข้า สว่างขึ้นตามลมหายใจออกก็พอแล้ว หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น.. จะเหมือนกับเรายืนดูตัวเราอยู่ข้างนอกก็ได้ หรือรู้สึกเหมือนกับตัวเราค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น ๆ ก็ได้ |
เมื่อรู้สึกอย่างชัดเจนว่ามีภาพพระใส ๆ สว่าง ๆ กลมกลืนซ้อนอยู่กับตัวเราแล้ว ก็กำหนดภาพพระนั้นให้สว่างกว้างออกไปรอบด้าน จะกว้างเป็นวง ๆ กระเพื่อมออกไปเหมือนโยนก้องหินลงน้ำ หรือว่ากว้างออกไปเหมือนกับเป็นดวงแก้วกลม ๆ ขยายสว่างออกไปทุกที ๆ ก็ได้ ให้ความสว่างนั้นกว้างไปทั่วทั้งศาลาแห่งนี้
ให้เราระลึกว่า..ความสว่างไสวขององค์พระนี้ แทนพระเมตตาแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แผ่ปกไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกหมู่ ทุกเหล่า ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้นตกล่วงไปแล้วในวันหนึ่งคืนหนึ่ง ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงไปเสวยสุขในสุคติภพโดยถ้วนหน้ากันเถิด |
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น ความสว่างไสวครอบคลุมทั้งศาลาหลังนี้ แผ่กว้างออกไปทั้งวัด กว้างออกไปทั้งหมู่บ้าน กว้างออกไปทั้งตำบล กว้างออกไปทั้งอำเภอ กว้างออกไปทั้งจังหวัด เหมือนกับตัวเราสูงขึ้น ๆ มองเห็นกว้างไกลออกไปทุกที ๆ ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้นตกอยู่ในความทุกข์ยากเศร้าหมอง เดือดร้อนลำเค็ญ ทุกข์กายทุกข์ใจ เจ็บไข้ได้ป่วย พิกลพิการใด ๆ ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงได้ล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้นเถิด |
กำหนดความสว่างไสวของภาพพระแผ่กว้างออกไปรอบด้าน เหมือนโยนหินลงในน้ำแล้วขยายวงกว้างออกไป ๆ ก็ได้ เหมือนกับเป็นลูกแก้วใส ๆ สว่าง ๆ ขยายใหญ่กว้างออกไป ๆ ก็ได้
หรือเป็นภาพพระพุทธรูปใส ๆ สว่าง ๆ องค์ใหญ่ขึ้น ๆ..ใหญ่ขึ้น..ใหญ่จนครอบคลุมไปทั้งจังหวัด ใหญ่จนคลุมไปทั้งภาค ใหญ่จนคลุมไปทั้งประเทศ ใหญ่จนคลุมไปทั้งทวีป ใหญ่จนคลุมไปทั้งโลก เหมือนกับองค์พระและตัวเราใหญ่โตเต็มจักรวาล โลกเราเป็นแค่วัตถุเล็ก ๆ นิดเดียว อยู่ภายใต้ร่างกายของเรา สามารถกำหนดจิตครอบคลุมให้ทั่งถึงได้ในเวลาไม่ถึงวินาที ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ผู้ที่ชีวิตของท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีความสุขความเจริญดีอยู่แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจงมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเถิด |
หายใจเข้า..ภาพพระใสขึ้น สว่างขึ้น ใหญ่ขึ้น
หายใจออก..ภาพพระใสขึ้น สว่างขึ้น ใหญ่ขึ้น.. เบื้องบนขยายใหญ่จรดพรหมชั้นที่ ๑๖ เบื้องล่างถึงอเวจีมหานรก เบื้องขวางรอบข้างคือโลกธาตุ คือหมู่ดาวที่ประกอบไปด้วยคนและสัตว์มากมายนับไม่ถ้วน ให้ตั้งใจว่า..มนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น พึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่กันและกัน เสียสละให้ปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากยิ่งกว่าตนให้พ้นทุกข์ เพื่อยังโลกทั้งหลายไปสู่สันติสุขอันสมบูรณ์ด้วยเถิด หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น |
หายใจเข้า..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น
หายใจออก..ภาพพระสว่างขึ้น ตัวเราสว่างขึ้น เมื่อสว่างไสวชัดเจนในห้วงนึกของเราแล้ว ก็กำหนดภาพพระให้มานิ่งอยู่บนศีรษะของเรา น้อมจิตน้อมใจกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จมาโปรดเรา พระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดเลยนอกจากบนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่านหรือนึกถึงพระองค์ท่านได้ คือ..เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน คือ..เราอยู่บนพระนิพพาน ให้ตั้งใจว่า..ถ้าวันนี้เราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานนี้แห่งเดียวเท่านั้น |
หลังจากนั้น..ถ้ายังมีลมหายใจ อยู่ก็กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก
ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจเบาลง ให้กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไป ให้กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป.. ให้กำหนดใจของเราอยู่กับภาพพระที่สว่างไสวชัดเจนอยู่ในห้วงนึกนั้น พยายามรักษาประคับประคองภาพพระของเราให้อยู่ไปจนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา |
(สัญญาณบอกว่าหมดเวลา)
พุทโธ พุทโธ พุทโธ.. ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ ได้ยินหนอ.. ทุกคน..ค่อย ๆ คลายกำลังใจออกมา กำหนดใจให้แน่วแน่อยู่กับภาพพระหรืออยู่กับลมหายใจของเราก่อน แล้วค่อยขยับเขยื้อนเคลื่อนกายให้หายเมื่อยหายขบ เพราะถ้าเราไม่กำหนดใจให้นิ่งอยู่ที่ใดที่หนึ่งก่อน พอขยับสมาธิก็จะหลุดหายหมด เดี๋ยวกราบพระแล้วเตรียมตัวทำวัตรกันจ้ะ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐานเช้า วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:32 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.