กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6345)

เถรี 08-10-2018 14:15

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๑
 
ถาม : กระผมอ่านกระโถนข้างธรรมาสน์ เรื่องพระคาถาเงินล้านและโสตัตตะภิญญาให้แบ่งเวลาภาวนา แต่ทำไมไม่ควบพระคาถาทั้งสองอย่างนี้ไปเลย เพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่ามึงเก่งเกินไปนะสิ..! คาถาเขาทำทีละอย่างเพื่อให้เกิดผล ถ้าทำสองอย่างแล้วเกิดผลก็จะเก่งเกินมนุษย์มนาไปหน่อย

เถรี 08-10-2018 14:15

ถาม : เรื่องการผสมทอง หลวงพ่อวัดท่าซุงให้เอาแร่ ๓ อย่าง ผสมกันลงไปก่อน แล้วเอาแร่ปากนกแก้วใส่ลงไปทีหลัง แต่ของพระอาจารย์ให้เอาแร่เพรียงไฟลงตามทีหลัง ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไปลองทำดู...ทำแล้วก็จะรู้ความจริงเอง

เถรี 08-10-2018 14:29

ถาม : ในระยะหลัง ๆ นี้ มีข่าวเรื่องการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นอย่างมาก กระผมและกัลยาณมิตรจึงมีความคิดที่จะช่วยเหลือสังคม ช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตายของคนที่หมดหวัง ท้อแท้ ไม่มีทางออก และขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องผลของการฆ่าตัวตาย ซึ่งอาจจะหนักมากกว่าปัญหาที่ผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายประสบอยู่ในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการวางแผนงาน และศึกษาความเป็นไปได้ การประชาสัมพันธ์ การวัดผล และอื่น ๆ

แต่ก็มีข้อที่สงสัยอยู่ประการหนึ่งว่า การกระทำดังกล่าว จะเป็นการไปยุ่งในกรรมของคนอื่นหรือไม่ ? และจะทำให้ตนเองและมิตรสหายต้องมารับผลกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรของพวกเขาเหล่านั้นแทนหรือไม่ ? เพราะคณะทำงานล้วนแต่เป็นคนสามัญชนทั่วไปที่ต้องการช่วยเหลือสังคม ยังไม่ได้เป็นผู้ที่มี ทิพจักขุญาณ หรือมีฤทธิ์ทางใจที่เพียงพอที่จะรู้ถึงบุพกรรมของพวกเขาเหล่านั้น และช่วยแก้ไขที่ต้นเหตุที่แท้จริง
ตอบ : ถ้ารักที่จะทำงาน โอกาสที่ทำงานโดยไม่มีโทษกับทุกฝ่ายเลยนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ก็มีอยู่สองอย่าง ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำไปเลย หรือถ้าจะทำก็รีบทำเสียโดยไม่ต้องไปสนใจเรื่องผลกระทบ แต่สงสัยอยู่อย่างเดียวว่าจะประชาสัมพันธ์อย่างไรให้คนที่จะฆ่าตัวตายรู้เรื่อง ?

เถรี 08-10-2018 14:38

ถาม : การที่เรานึกถึงเรื่องราวของพระพุทธเจ้าทั้งก่อนและหลังการตรัสรู้ นึกถึงทีไรมักจะมีอาการปีติเกิดขึ้น เช่น รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ บางทีก็น้ำตาไหล ใจสั่น หายใจแรง และเมื่อผ่านอาการที่ว่านั้นไปแล้ว เช่น ร้องไห้เสร็จแล้ว จิตรู้สึกจะมีความควบแน่นดีมาก โดยที่ไม่ได้ดูลมหายใจเลย เพียงแค่นึกถึงเรื่องของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ทราบว่าเพียงแค่เรานึกถึงแค่นี้ทำไมจิตถึงมีอาการควบแน่นได้ขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ดูลมหายใจเลยครับ และวิธีนี้เป็นการฝึกพุทธานุสติที่ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถามว่าถูกต้องไหม ? ก็ถูก ถามว่าทำไมไม่ได้ภาวนาแล้วถึงเป็น ? ใครบอกว่าต้องภาวนาแล้วถึงจะเป็น ?

การที่เราร้องไห้น้ำตาไหลด้วยปีติในส่วนนั้น ก็แสดงว่าขณะนั้นจิตของเราที่กำหนดตามไปในเนื้อหาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตก็เริ่มทรงสมาธิตามลำดับไป ตอนที่น้ำตาไหลคือตอนที่ก้าวถึงส่วนของปีติ เมื่อก้าวข้ามส่วนของปีติไปก็ย่อมทรงฌานได้ ในเมื่อทรงฌานอาการควบแน่นก็เป็นเรื่องปกติ ต้องบอกว่าคนถามโง่จนไม่รู้ว่าอาการของฌานเป็นอย่างไร

เถรี 08-10-2018 14:59

ถาม : การที่เราชอบนึกถึงบทแผ่เมตตาให้ตัวเอง ที่ว่าขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข กับการที่เรานึกถึงตอนที่กำลังปล่อยสัตว์ ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิโดยการเจริญเมตตาหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นอาการอย่างเดียวกัน โดยถือหลักว่าถ้าตัวเราไม่มีความสุข แล้วเราจะเอาความสุขไปแบ่งปันคนอื่นได้อย่างไร โดยเฉพาะตัวเราต้องรักต้องเมตตาตนเอง กลัวว่าตนเองจะลงสู่อบายภูมิ จึงพยายามยับยั้งหักห้ามตนเองไม่ให้ละเมิดในเรื่องของศีล

แต่คราวนี้บางคนก็ไปผูกเป็นคำแผ่เมตตาเฉพาะตัวขึ้นมา ซึ่งความจริงคำแผ่เมตตาแบบนั้นมีประโยชน์น้อย ควรจะพิจารณาให้เห็นว่าถ้าเราไม่เมตตาต่อตนเอง ไปทำในสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรมก็ต้องลงอบายภูมิอย่างแน่นอน แล้วก็เมตตาต่อตนเอง กระทำแต่เรื่องที่ดี ๆ จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า

เถรี 08-10-2018 16:20

ถาม : คนเราไม่ฆ่าสัตว์เองแต่กินเนื้อสัตว์ที่คนอื่นฆ่ามา ไม่บาปเหมือนกันหรือ แล้วกรรมมันต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : พระพุทธเจ้ากำหนดลักษณะของการฆ่าซึ่งคนอื่นไม่ได้รู้ชัดเอาไว้ ท่านว่า ๑. สัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ๒. เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ๓. เราพยายามฆ่า ๔. สัตว์นั้นชีวิตตกล่วงไปจากความพยายามนั้น ถ้าครบทั้ง ๔ อย่างนี้ถือว่าเรากระทำการฆ่าสัตว์ ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วการที่เราไปกินเนื้อสัตว์ที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับ ๔ ข้อนี้ผิดตรงไหน ?

ถาม : เวลาถือศีล สมาทานศีลว่าไม่ฆ่าสัตว์ แต่เรากินเนื้อสัตว์ มันแตกต่างกันหรือ ?
ตอบ : แบบเดียวกัน เรากินเนื้อสัตว์ เรารู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ? ก็นอนตายอยู่ในตลาดแล้ว เราก็รู้ว่าไม่มีชีวิต เราลงมือฆ่าหรือเปล่า ? ก็ไม่ได้ทำ สัตว์นั้นตายเพราะการฆ่าของเราหรือเปล่า ? ก็ไม่ได้ตายเพราะเรา

ถาม : คนที่ไปล่าสัตว์มากินเป็นอาหาร ต่างกับคนที่รอซื้อเนื้อสัตว์มากินอย่างไร ?
ตอบ : คนที่ล่าสัตว์ย่อมรู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิตอยู่ ตั้งใจฆ่า ลงมือฆ่าและฆ่าได้สำเร็จ

ถาม : คนที่เขาอยู่ที่ถิ่นกันดาร ต้องหาอาหารเอง ไปล่าสัตว์เอง ไม่บาปแย่เลยหรือ ?
ตอบ : ไม่แย่เท่าไรหรอก ก็บาปเท่าที่ทำแค่นั้นแหละ

เถรี 08-10-2018 17:38

ถาม : บางวัดที่มีญาติโยมมาช่วยล้างภาชนะของพระภิกษุแล้วไม่ค่อยสะอาด จะด้วยคิดว่าสะอาดพอสำหรับตัวเอง ความมักง่าย หรือ คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร ถ้าหากมีพระองค์ไหนเป็นอะไรก็เป็นเหตุสุดวิสัย แต่ผู้ล้างไม่ได้มีเจตนาทำร้ายพระในวัด หากในวัดมีพระอรหันต์และท่านต้องละสังขารเพราะภาชนะไม่สะอาด จะเกิดโทษอนันตริยกรรมแก่ผู้ล้างหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าอยู่ดี ๆ ไปคิดหาเรื่องลงนรก ขอให้คิดต่อไป...!

เถรี 08-10-2018 17:38

ถาม : ภาวนาพระคาถาแล้วทั้งภาพคาถาในหนังสือสวดมนต์มาบ้าง เสียงสวดมนต์มาบ้าง ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือสลับกันได้ครับ ?
ตอบ : เอาที่เราสบายใจ

เถรี 08-10-2018 17:40

ถาม : การสวดพระคาถาเงินล้านมีข้อห้าม คือ ห้ามเล่นการพนันรวมไปถึงสลากกินแบ่ง ถ้าหากหน่วยงานที่สังกัดมีการออกสลากและขอแกมบังคับให้สมาชิกต้องช่วยกันซื้อ ถ้าจำใจต้องซื้อจะผิดข้อห้ามดังกล่าวหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ใครเป็นคนกำหนดข้อห้าม ? อาตมาใช้พระคาถานี้มาครึ่งชีวิต ไม่เคยได้ยินว่ามีข้อห้าม

เถรี 08-10-2018 17:41

ถาม : การประเดิมรถตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ หากแม่ซื้อไว้ใช้เองเป็นหลัก แต่ชื่อในทะเบียนที่ตั้งใจโอนเป็นชื่อลูก ใครควรเป็นคนประเดิมรถครับ ?
ตอบ : ไปด้วยกัน

เถรี 08-10-2018 17:42

ถาม : การที่พ่อแม่มีคดีความและมีการอ้างลูกเป็นพยาน หากลูกให้การตามจริงแล้วพ่อแม่เดือดร้อนเป็นบาปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เป็นบาปอยู่

ถาม : ต้องทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ให้การไปตามจริง

เถรี 08-10-2018 17:47

ถาม : เวลามีความคิดที่อาจจะก่อบาปหรือเกิดอธิษฐานที่เราไม่ต้องการขึ้น หากรู้สึกไม่ชอบใจกับความคิดดังกล่าว จะถือว่าเกิดมโนกรรมที่เป็นบาปหรือเป็นอธิษฐานในแบบที่ไม่ต้องการหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งใจอย่างนั้นไหม ? ถ้าตั้งใจก็เป็นอธิษฐาน ถ้าอธิษฐานในทางที่ผิด อย่างเช่นตั้งใจว่า ใครทำความดีกูจะขวางเขาให้หมด หรือไม่ก็..ใครทำความดีอยู่ที่ไหน กูจะฆ่าเขาให้หมด แบบนี้ก็ถือว่าเป็นความผิดในมโนกรรม

เถรี 08-10-2018 20:46

ถาม : หนูกำลังอ่านหนังธรรมะศึกษาชั้นเอก กำลังอ่านถึงตอนที่พราหมณ์พาวรีส่งศิษย์ทั้ง ๑๖ คนมาถามพระพุทธเจ้า แล้วงงกับหนังสือ เพราะอธิบายไว้ได้งงมาก คำถามแต่ละคนถามไว้ในหมวดไหน อย่างไร กราบขอหลวงพ่อเมตตาอธิบายอย่างย่อ ๆ ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ย่อไม่ได้ คำถามของพราหมณ์พาวรีเป็นคำถามสำหรับพระอนาคามีขึ้นไป ถ้าขืนย่ออาตมาก็จะเก่งเกินมนุษย์มนาเท่านั้น

เถรี 08-10-2018 20:52

ถาม : พระสมเด็จหลังยันต์นะโมตาบอดที่พระอาจารย์จารมีอานุภาพด้านไหนคะ ?
ตอบ : ต้องไปถามพระท่านเอง

ถาม : แล้วจะมีอีกไหมคะ ?
ตอบ : โปรดรอ..ถ้ามีเมื่อไรก็ได้เห็น

เถรี 09-10-2018 20:30

พระอาจารย์จารยันต์หลังพระสมเด็จ

ถาม : พอก่อนได้ไหมครับ ผมปวดหัว ?
ตอบ : ตูเองก็ปวดไปทั้งหัวแล้ว ไม่ไหวแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ คนที่เขาจับพลังไม่ได้ เขาจะไม่รู้ว่ากำลังของพระท่านแรงขนาดไหน อาตมาก็แค่นึกถึงท่านเท่านั้นเอง เวลาท่านครอบลงมานี่ท่านครอบทั่วบริเวณนั้น ใครอยู่ใกล้ก็โดนหมด จะได้รู้ว่าท่านสงเคราะห์เราได้จริง ๆ บอกแล้วว่าคุณพระรัตนตรัยนั้นมีอยู่ในทุกที่

วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไม่ไหว..ปวดหัวไปหมดแล้ว ยอมแพ้ท่าน แรงเหลือเกิน เดี๋ยวถ้าพรุ่งนี้ไหวจะจารต่อให้ เวลากำลังท่านกดลงมาพวกเรารับไม่ค่อยจะไหว อาตมาไม่ได้ประท้วงหรอก ชินแล้ว แต่ทิดเฟิร์สประท้วงว่ารับไม่ไหว

ใครใช้พระสมเด็จว่าคาถาชินบัญชรได้ ให้ว่าคาถาชินบัญชรไปเลย ถ้าว่าไม่ได้ให้นึกถึงหลวงปู่โต วัดระฆังก็พอ พระของท่าน ท่านให้พรไว้ว่า จะใหม่จะเก่า จะจริงจะปลอมอย่างไร ถ้านึกถึงท่านมีอานุภาพเท่ากันหมด คราวนี้อาตมาจารไปนึกถึงท่านไป กำลังของท่านกดลงมานี่จะตายเอาเลย

เถรี 09-10-2018 20:31

สาระสำคัญของพระเครื่องก็คือ ให้เรานึกถึงพระให้ได้ การนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ นึกถึงพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติ คราวนี้ถ้าเรานึกว่า พระสงฆ์นั้นสืบทอดคำสอนจากพระพุทธเจ้ามา ก็เป็นธัมมานุสติด้วย จึงสำคัญตรงที่ว่า เรานึกถึงพระได้ไหม ? ถ้านึกถึงพระได้ก็ใช้ได้เหมือนกันหมด

มีคนเขาถวายมาร่วมบุญมา เขาส่งแล้วมีคนสงสัยว่าจะเป็นพระแท้หรือเปล่า ? อาตมาก็เลยเขียน "หนังสือสุทธิ" ยืนยันให้ว่าเป็นพระแท้

ถาม : นี่ต่อเนื่องกันไปนาน ?
ตอบ : กำลังท่านกดลงมานี่หัวจะระเบิด ถ้าพักเดียวผ่านไปก็ไม่เท่าไรหรอก แต่นี่หลายองค์เลยนานเกินไปหน่อย

เถรี 09-10-2018 20:37

พูดกับลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "อย่าตั้งใจ ถ้าไม่ตั้งใจถึงจะรับได้ ตั้งใจเกินไปแล้วจะไปรับอะไรได้ ? แสดงว่าไม่ได้เข้าใจหลักการปฏิบัติเลยใช่ไหม ? ต้องเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่รู้ไม่ชี้ ต้องกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ"

ถาม : หลักการของเต๋าชัด ๆ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า Natural Wisdom ก็คือทุกชาติทุกภาษาจะมีความที่เหมือนกันอยู่ อย่างเช่นว่าทำไมต้องสร้างบ้านอย่างนี้ ก็คือภูมิปัญญาที่สั่งสมกันต่อมาว่า ต้องสร้างอย่างนี้แล้วจะปลอดภัย ก็แบบเดียวกัน

เหมือนเราต้องการจะออกประตูนั้น แล้ววิ่งเลยประตูจะออกได้ไหม ? แล้วถ้าวิ่งไม่ถึงจะออกได้ไหม ? ก็แค่ช่องนิดเดียวเอง ถ้ายื่นคอเลยหน้าต่างจะไปเห็นอะไร ? หรือถ้ายื่นไม่ถึงก็ยิ่งไม่เห็นอะไร..ใช่ไหม ? ก็หลักการเดียวกันทั้งหมด ถ้าจับได้ทีเดียวก็ "อ๋อ" ไปตลอดนั่นแหละ

เถรี 09-10-2018 20:40

ถาม : ...(ไม่ชัด)... ?
ตอบ : ใหม่ ๆ นี่ตูก็คลำแล้วคลำอีก ลองแล้วลองอีก สูงบ้างต่ำบ้างยุ่งไปหมด ขนาดจำว่าคาถาบทนี้ใช้
อารมณ์อย่างนี้แล้วได้ผล พอถึงเวลาแล้วไม่ทำตามเคล็ดลับ จะใช้เลย กำลังใจเดียวกันนั่นแหละแต่ไม่ได้ผล

ถาม : ...(ไม่ชัด)... ?

ตอบ : แสดงออกว่าเรามีความเคารพเชื่อมั่นไหม ถ้าคุณแหกคอกก็แสดงว่าออกนอกลู่นอกทาง ก็แปลว่าไม่เชื่อกัน เรื่องแบบนี้ต้องซ้อมจนชำนาญ ที่เรียกว่าเป็นวสี แบบเดียวกับที่ทิดเฟิร์สบอกว่า "ทำไมเวลาหลวงพ่อจารยันต์ไม่เห็นต้องตั้งท่า ?" แหม...ตูซ้อมมาตั้งไม่รู้กี่ชาติแล้ว จนกระทั่งรู้หมดแล้วว่าต้องใช้อย่างไร

คิดว่าเดี๋ยวจะแบกลังไปจารในงานกฐินปลดหนี้ดีกว่านะ งวดนี้จะให้ไปวัดหลวงปู่ธรรมชัยแบบ VIP เข้าไปกราบสังขารข้างในได้เลย อาตมายังไม่ทันคิดจะไป โดนหลวงปู่ท่านบีบคอให้ไป บอกหลวงพี่สมศักดิ์ว่าจะไปปีหน้า แต่ปรากฏว่าท่านจัดสรรให้ไปปีนี้เลย หลวงปู่จะเอากุฏิคืน ไหม้อะไรก็ไม่ไหม้ ไปไหม้กุฏิของท่าน หลวงปู่ธรรมชัยท่านมรณภาพปี ๒๕๓๐ หลวงปู่มหาอำพันมรณภาพปี ๒๕๓๒ ในชุด "เจ็ดเซียน" นั่น มีหลวงปู่ครูบาวงศ์ที่อยู่มายาวที่สุด

เถรี 09-10-2018 22:35

ถาม : การที่เราพิจารณาความเป็นไปในไตรลักษณ์ไปเรื่อย ๆ จนเราเห็นว่าคนที่เราไม่ชอบหน้านั้นน่าสงสาร อีกไม่นานเขาก็จะตาย เราควรจะเมตตาเขาเท่าที่เราจะเมตตาได้ จากที่เราไม่ชอบหน้าเขา เราก็รู้สึกเฉย ๆ แล้วก็สงเคราะห์ตามวาระที่เข้ามา เป็นการเจริญในพรหมวิหารสี่ที่ถูกต้องหรือไม่คะ ?
ตอบ : ทำอย่างไรก็ได้ ให้เลิกเกลียดขี้หน้าเขา แล้วก็หันไปเมตตาแทน

เถรี 09-10-2018 22:39

ถาม : การที่เรามองว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบบีบคั้นจิตใจ ทำให้กายใจเราเกิดความทุกข์นั้น เป็นเรื่องธรรมดา เป็นกรรมเก่าที่เราต้องเจอ เพราะเราทำมาเอง เราก็มีหน้าที่แก้เท่าที่ต้องแก้เท่าที่เราทำได้ ส่วนไหนที่เราทำไม่ได้ก็พยายามอุเบกขาไม่เดือดร้อนใจ ทำเช่นนี้เป็นการวางกำลังใจที่ถูกต้องไหมคะ แล้วขั้นตอนต่อไปหนูควรทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : คำตอบเดิม ทำอย่างไรก็ได้ให้สบายใจ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:40


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว