กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวของมันเอง (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1235)

เด็กท้ายแถว 19-07-2010 18:56

วันนี้คุยกับพี่รัตน์ผ่านทางเอ็มเอสเอ็น เฮียก็ถามอาหมวยแถวว่า "นี่ ลื้อไม่รู้อะไรเลยหรือ" หมวยแถวตอบด้วยใจอันใสซื่อ "มีเรื่องอะไรที่ต้องรู้หรืออาเฮีย"

พี่รัตน์บอกว่า"พี่กำลังจะตาย เอ็งไม่ได้รู้เรื่อง ไม่เล่าไม่บอก ไปอ่านเอาเองในเว็บ" เฮ้อ...ก็เฮียเขียนยาวและเยอะ อาหมวยก็เลยไม่(ค่อยจะ)ได้อ่าน จึงไม่รู้เรื่องอาเฮียเปื่อย

แต่ตอนนี้รู้แล้วก็คงส่งกำลังใจให้ได้แค่ว่า "ขอให้หมอวางยาสลบ อย่าได้ผ่าสดก็แล้วกัน" :onion_wink:




สายท่าขนุน 19-07-2010 19:16

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วาโยรัตนะ (โพสต์ 49675)
หลวงพี่: :msn_smileys-16: วิปัสสนาญาณคือ สิ่งที่จิตไปรู้ มันเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีการปรุงเอาไว้ก่อน
...
สมถกรรมฐานจงทำอย่าให้ขาด มันสงบแล้ว อิ่มแล้ว ก็มาพิจารณาต่อไป เบา ๆ แค่รู้ แค่ดูอย่างมีสติ อย่าไปแทรกแซงใด ๆ ที่หลวงพี่สอนเธอเรื่องนี้ โดยที่เราไม่หยิบเรื่องอื่นให้เธอนั้น ก็เพราะเธอทำมามากแล้ว ดูอะไรต่อมิอะไรมากมายแล้ว คราวนี้ดูของในตัวเรานี้แหละ ดู รักโลภ โกรธ หลง ในตัวเรานี้แหละ ตัดภพ ตัดชาติให้ได้นะ


ทัดฤทธิ์: ขอรับหลวงพี่:875328cc:

เมื่อวานเจอเพื่อน... เป็นลูกหลานหลวงพ่อฤๅษีนี่แหละ กราบครูบาอาจารย์ใกล้ ๆ พวกเราอยู่
...เธอเพิ่งมีอาการเป็นลม ล้มไปเฉย ๆ ไม่รู้ตัวล่วงหน้า แบบหมดสติ
ถึง ๓ ครั้งติดกัน เมื่อประมาณ ๑-๒ สัปดาห์ที่แล้ว จนเธอนึกว่าจะตายแน่แล้ว

...เธอเล่าให้ฟังว่า เพิ่งได้กราบหลวงพ่อโนรีเป็นครั้งแรกมา ท่านเมตตาทักหลายประโยค
"โชคดีนะ ที่เข้ามาทางธรรมได้" และว่า "จะไปนิพพานชาตินี้ ก็ไปได้นะ... พี่ น้อง เขาไปกันหมดแล้ว"

วาโยรัตนะ 19-07-2010 20:29

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เทวคันธี (โพสต์ 50243)
:onion_wink: อาจจะเป็นของแถมจากทองผาภูมิหรือเปล่าครับเฮีย...

ตอนแรกผมก็นึกว่าตัวเองได้มาเหมือนกัน ไปถามหลวงพ่อดู แต่ก็ไม่ใช่เลยรอดตัวไป...:154218d4:

ข้อมูลลับ

หลวงพี่:ไอ้ที่โยมว่า โยมไปช่วยงานหลวงพี่เล็กท่านมา แล้วมันเหมือนกับมารเขาเข้ามาขวาง เลยทำให้โยมอยู่ในสภาพนี้ อาตมาก็ขอบอกว่า งานนั้นมันบุญล้วน ๆ ไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องนี้หรอก บุญส่วนบุญ มันก็เหมือนกับกงล้อที่หมุนไป ช่วงนี้ไปตกตรงไหน ก็ตรงนั้นแหละที่ส่งผล บุญก็รอส่งผลอยู่ แต่ที่ส่งผลตอนนี้ มันตรงกันข้ามแล้วทำไมละ ก็เมื่อเราก่อเอาไว้เองทั้งนั้น

จงคิดใหม่นะ จงภูมิใจที่ยังมีโอกาสได้สร้างกุศล โดยเฉพาะการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ คำว่ากรรมไม่ส่งผลนั้น ไม่มีหรอกโยม แต่ถ้าเราทำความดีไว้เยอะ ๆ ไม่ประมาท กรรมไม่ดีมันก็ส่งผลได้ยาก แต่ไม่ใช่ไม่ส่งผลนะ :f449b82c:

ทัดฤทธิ์:ขอรับ

วาโยรัตนะ 21-07-2010 18:39

"ไกลจากอีกฟากหนึ่งของโลก"

นับว่าเป็นวาสนาของโยมแล้ว
ที่ได้ลูกสาวที่น่ารัก และจักเป็นที่พึ่งได้ในยามแก่เฒ่า
เลี้ยงลูกให้ดี ดูแลเขาให้เต็มที่
นับว่าเป็นการก้าวไปอีกขั้นให้เรื่องครอบครัวของโยม
มีลูกชายคน ลูกสาวคนนับว่าสมบูรณ์แบบแล้ว
จงทำหน้าที่พ่อที่ดีให้กับลูก ๆ
อาตมาขออำนวยพรให้ลูกสาวของโยมเลี้ยงง่าย
และเป็นเด็กดีของพ่อและแม่
สู้ต่อไปนะโยม
อาตมายังคอยดูแลโยมอยู่
แม้อาจหายไปนาน ด้วยภาระทางศาสนา
แต่ก็ยังห่วงใยพวกโยมเสมอ

เจริญพร

วาโยรัตนะ 21-07-2010 18:40

"ก่อนบวช" (ไกลจากอีกฟากหนึ่งของโลก ๒)

ถูกต้องแล้วโยม
การจะเป็นพระดี...มันยาก
วันนี้อาตมาอยากให้โยมใช้โอกาสที่ตัดสินใจละทางโลกนี้ให้เกิดประโยชน์
ศึกษาพระธรรมวินัย อย่าได้หวังฤทธิ์เดช หรือสิ่งใดใดในพระพุทธศาสนาเลย
หากทำไม่ได้ก็ให้สงบนิ่ง นิ่งและนิ่ง
ไหน ๆ โยมก็เลือกเส้นทางนี้แล้ว อาตมาก็อนุโมทนาแต่อยากให้ทำจริงจัง
ไม่ใช่เพราะอยากเพียงอย่างเดียว ความอยากมักให้โทษเสมอ
ชาติหนึ่งเราจะมีโอกาสไม่กี่ครั้งหรอกโยมที่จะได้บวช
บางคนครั้งเดียวในชีวิตด้วยซ้ำที่ทำตามพ่อแม่
อาตมาจะเป็นกำลังใจให้อีกแรง
ทำทุกวันให้สุข...สุข....สุข

เจริญพร

วาโยรัตนะ 21-07-2010 18:48

"ไกลจากอีกฟากหนึ่งของโลก ๓"

โยมรู้.........ว่าอาตมาจะเทศน์โยมเรื่องอะไร
โยมวุ่นวายใจ สับสน รุ่มร้อน ขาดที่พึ่ง
ทุกอย่างมีทางออก แต่อย่าลงกับลูกกับเมียโยมเลย
มันจะเป็นจุดอ่อนให้ชีวิตลูก
ลูกสาวเห็นเหตุการณ์พ่อแม่ทะเลาะกัน
ภายในจะเกิดปมด้อยในใจ กลัวและอ่อนแอต่อโลก
อาตมาอยากให้โยมวางรากฐานครอบครัวให้แข็งแรง
โยมเองก็เป็นหัวหน้าครอบครัว กับคำพูดกระทบกระเทือนใจบางคำ
มันทำให้โยมตัดสินใจประเมินค่าเมียโยมได้แล้วหรือ
การหย่าร้างไม่ใช่ทางออก โยมก็เคยโดนกับตัวมาแล้ว
ชีวิตที่ขาดพ่ออยู่กับแม่ มันทรมานไหมโยม

การที่โยมร้อนได้ขนาดนี้
เพราะโยมกำลังหลงในรสของสัตว์ใหญ่ เลยทำให้แรง รุนแรงจนน่ากลัว
มันออกมาทางอารมณ์และกลิ่นอายแห่งความร้ายกาจแฝงมาเรื่อย ๆ
โยมเคยตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้ว่าอย่างไร อาตมาไม่ว่า หากโยมทำไม่ได้
ตลอดชีวิตก็อย่าตั้งสัตย์เลยโยม มันมุสา
อาตมาคิดว่าการที่โยมไม่กินก็ดีกับตัวคนปฏิบัติ วัวควายก็คนชั่วนี่แหละ
โดนสาปกันมา ชดใช้กรรมกันไป เขามีชีวิตอยู่กันนานเท่าคนเรานี่แหละโยม
จนกว่าจะหมดกรรมกันไป
โยมลุ่มหลงในรสมาก มันก็ลงกับอารมณ์ ก็แล้วแต่ความศรัทธาของโยม
หน้าที่การงานก็ปล่อยมันไปตามเส้นทาง
โยมจะเห็นว่าอาตมาขาดการติดต่อโยมไปนาน คิดว่าเวลาจะทำให้โยม
ครองตน ครองคน ครองงานได้
โยมคงไม่ทำให้อาตมาผิดหวัง

โยม....ก็พร้อมแล้ว หมดวาระในวิมานของเขาไปแล้ว
เป็นหน้าที่ของโยมที่ต้องทำหน้าที่ ชดเชยและทดแทนตามสัญญา
เรื่องคดี ขึ้นอยู่ที่บุญ กรรมของโยม
ไปให้ใครดู อาตมาก็คิดว่าตามแต่ศรัทธา
ทุกอย่างอยู่ที่ศรัทธาเท่านั้น
ธุรกิจที่หวังแต่ผลประโยชน์จากคนอื่นเลี่ยงได้ก็อย่าทำเลย
มันไม่มีอะไรได้มาง่ายในชีวิตโยมอยู่แล้ว
บำเพ็ญเพียร ฝึกสมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญาเถิดโยม แน่นอนที่สุด
อาตมาเป็นกำลังใจให้แม้โยมจะไม่ได้ติดต่อมา
และเราไม่ได้เจอกันหรือคุยกันเลย
โยมอาจเห็นอาตมาเป็นคนอื่นหรือลืมอาตมาไปแล้ว
เลี้ยงลูกลูกทั้งสองให้ดีอย่ารุนแรงทั้งทางกาย วาจา และใจ
กับคนในครอบครัวเลย วันสิ้นลมก็มีแต่คน ๓ คนนี้เท่านั้น
ที่จะอยู่เคียงข้างโยมจนหมดลมหายใจ
อาตมาจะดูแลโยมในจิตเสมอ แม้โยมจะยังมาไม่ถึงก็ตาม
อย่างไรอาตมาจะคอยโยมอยู่ที่ต้นทางเข้าป่าละเมาะ
หวังว่าอาตมาจะได้เห็นโยมมา สักครั้งก่อนที่อาตมาจะสิ้นลมเช่นกัน


เจริญพร

เด็กท้ายแถว 22-07-2010 13:25

รออ่านเรื่องเฮียขึ้นเขียงอยู่นาน เมื่อไหร่จะเล่าเสียทีคะ ว่าคุณหมอแงะไขมันไปกี่ชั้น

วาโยรัตนะ 22-07-2010 19:03

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เด็กท้ายแถว (โพสต์ 50758)
รออ่านเรื่องเฮียขึ้นเขียงอยู่นาน เมื่อไหร่จะเล่าเสียทีคะ ว่าคุณหมอแงะไขมันไปกี่ชั้น

ของคุณกี่ชั้น ของผมต้องเอามาหารสอง

เด็กท้ายแถว 22-07-2010 23:04

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วาโยรัตนะ (โพสต์ 50819)
ของคุณกี่ชั้น ของผมต้องเอามาหารสอง

:msn_smileys-16: ถ้าอย่างนั้นต้องมีรอยเย็บลายตะขาบถึงจะเหมือนกันขอรับ

วาโยรัตนะ 25-07-2010 07:33

วันนี้ ๙.๐๐ น. ต้องเข้าห้องผ่าตัด งานนี้ต้องวางยาสลบ เตรียมตัวเตรียมใจเต็มที่แล้ว ยินดีคืนให้ทุกประการ

วาโยรัตนะ 28-07-2010 12:28

"เหมือนตายไปแล้ว"

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกและครั้งใหญ่ที่สุด ที่ล้มหมอนนอนเสื่อเข้าโรงพยาบาล ก่อนผ่าตัดกับหลังผ่าตัด อารมณ์มันช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกิน เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เก้าโมงเช้า กว่าจะได้เข้าห้องผ่าตัดก็บ่ายสองโมงเย็น นอนภาวนาไปบ้าง ฟุ้งไปบ้างแล้วแต่จะจิตมันเผลอไปขนาดไหน อดอาหาร อดน้ำ ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ใกล้ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด ค่อย ๆ บรรจงถอดพระเครื่อง พร้อมพนมมืออธิษฐาน "ขอบารมีพระคุ้มครอง ตั้งใจว่า ท่านใดที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรในครั้งนี้ เราขออุทิศส่วนกุศลที่ทำมาดีแล้วตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ขอท่านจงโมทนาและขออโหสิกรรมต่อกัน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป"

เวรเปลค่อย ๆ เข็นรถนำไปยังห้องผ่าตัด สภาพมันช่างดูน่าสังเวชใจ เหมือนตอนที่ "สัปเหร่อเข็นโลงเข้าเตาเผา"พอขึ้นบนเตียงผ่าตัดได้ไม่นาน คุณหมอก็มาบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวจะวางยาสลบ แค่ไม่กี่อึดใจที่กระผมนอนภาวนาอยู่ สติมันค่อย ๆ เลือนไป ทั้ง ๆ ที่พยายามจับคำภาวนาสู้เอาไว้

มารู้สึกตัวอีกที มองไปที่นาฬิกา ทุ่มกว่า ๆ แล้ว มีสายอะไรไม่รู้อยู่ในคอมันเจ็บไปหมด ร่างกายอ่อนกำลังจะขยับแขนก็ไม่มีแรง เพราะฤทธิ์ยาสลบ พยายามตั้งสติภาวนาเอาไว้ จนคุณหมอเดินมาเรียก "คุณรัตน์ คุณรัตน์ ฟื้นหรือยังคะ" กระผมค่อย ๆ ลืมตาพยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นก็เวรเปล ก็เข็นออกมาจากห้องผ่าตัด เสียงลูกกับภรรยาร้องเรียกอยู่ใกล้ ๆ

ในชีวิตไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อน มันแสบร้อนไปหมด ขอน้ำกิน พอดูดน้ำเข้าไป เลือดก็ไหลทางจมูกตลอด ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ทน พลางคิดในใจ "เราทำกรรมกับใครไว้ตอนไหนก็ตาม ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันทรมานขนาดไหน เราขออโหสิกรรม เราไม่ขอโกรธแค้นใด ๆ เราขอชดใช้ให้ด้วยความเต็มใจ"

หายใจทางจมูกไม่ได้ต้องหายใจทางปากแทนมันทรมานมาก ใจก็คิดไปเมื่อสมัยตอนกระผมยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม ก็ชอบตกปลาไปตามประสาเด็กชาวเกาะ มันเหมือนปลาที่เราปลดจากเบ็ดแล้วยังไม่ตาย ยังกระเสือกกระสนดิ้นรนหายใจอยู่ นอนก็ไม่หลับแทบทั้งคืนเพราะมันเจ็บ ค่อย ๆ จิบน้ำ อมเอาไว้ทีละนิดให้มันหายคอแห้ง

เด็กท้ายแถว 28-07-2010 13:44

ขอให้อาการดีวันดีคืนนะคะ กายทุกข์แต่ใจไม่ทุกข์

วาโยรัตนะ 28-07-2010 20:15

เจอค่ารักษาพยาบาลไปแสนกว่าบาท ประกันสุขภาพที่ทำกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของคนไทย รับผิดชอบเพียงเล็กน้อย งานนี้ได้ใบบุญคุณแม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ ผมเองยังคงมีการผิดหวังอย่างแรงกับประกันชีวิตที่ทำไว้

วันเข้าพรรษาปีที่แล้วกระผมบวชอยู่ที่วัดท่าขนุน เห็นผู้คนมากมายต่างมาร่วมบุญงานเข้าพรรษา แต่ปีนี้ภาพมันช่างแตกต่างกันเสียเหลือเกินต้อง
มานอนให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล และแล้ว "แม่" ก็เป็นที่พึ่งของกระผมอีกครั้ง บุญคุณในชาตินี้คงไม่สามารถทดแทนได้หมด ผมออกจากโรงพยาบาลด้วยความชอกช้ำใจเป็นที่สุดในเรื่อง ๆ หนึ่ง แต่พอถึงบ้าน ห้าโมงเย็นก็กระเสือกกระสนขึ้นไปตามประทีป เจอหลวงพี่ท่าน ก็ก้มกราบด้วยความดีใจ

หลวงพี่: เป็นอย่างไรบ้าง เรียบร้อยดีหรือเปล่า

ทัดฤทธิ์:เรียบร้อยดีขอรับ

หลังจากนั้น หลวงพี่ท่านก็เริ่มตามประทีป ระหว่างกระผมกับท่านก็เกิดความเงียบขึ้น ระหว่างที่ท่านตามประทีปเป็นอันว่ารู้กันว่า "ห้ามรบกวน" ผมจึงค่อย ๆ ตั้งจิตเป็นสมาธิ นั่งสมาธิในระหว่างที่ท่านตามประทีป ไม่นานเท่าไหร่นัก ก็มีญาติโยมขึ้นมาตามประทีป เมื่อตามประทีปจนครบทุกดวงก็อุทิศส่วนกุศล แล้วเข้าไปกราบลาหลวงพี่

หลวงพี่:ไปพักผ่อนก่อนเถอะไป พุทโธ ๆ

ทัดฤทธิ์: ขอรับ

กลับมารับประทานยาเรียบร้อย เข้าห้องพระ กราบพระสวดมนต์ แล้วก็รีบเข้านอน ที่นอนที่สบายที่สุดของผมคือตรงหน้าโต๊ะหมู่บูชา มองภาพพระวิสุทธิเทพเรซิ่นใส ที่ผมซ่อนดวงไฟไว้ด้านหลัง ให้เห็นเป็นภาพกสิณแสงสว่าง ใจมันมีสุขขึ้นมาจับใจ แต่ก็ยังไม่วายฟุ้งออกไป คิดสับสนวุ่นวายไปหมด หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ก็คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา

วาโยรัตนะ 28-07-2010 20:24

เช้าวันนี้คุณซัน (ลูกเจ้าคุณนรฯ)โทรมาหา

ลูกเจ้าคุณนรฯ: เป็นอย่างไรบ้างพี่ ผมเพิ่งเห็นสายของพี่ที่โทรเข้าแต่ผมไม่ได้รับ

ทัดฤทธิ์: อ๋อ ไม่เป็นอะไรมาก ตอนนั้นจะเข้าห้องผ่าตัด เลยโทรฝากงานกฐินวัดท่าขนุนให้ช่วยดูแล เผื่อพี่เป็นอะไรไป


คุยกันอยู่นาน สรุปความได้ว่า "พี่ ผมผ่าหัวเข่าเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เป็นทีของพี่บ้างกระมังครับ" เห็นทีจะใช่อย่างที่คุณซันว่า

ลูกเจ้าคุณนรฯ: เอา ๆ พี่พักผ่อนก่อนดีกว่า ผมไม่กวนแล้ว หายไว ๆ นะพี่ สู้ ๆ

ทัดฤทธิ์: ขอบใจมาก ซัน

วาโยรัตนะ 29-07-2010 08:42

วันนี้อารมณ์มันตัดหมด ไม่รู้ว่าจะบ่นอะไรและจะบ่นไปทำไม อย่างไรเสียก็ต้องรีบตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป ล้มแล้วก็ต้องรีบลุก เพราะยังมีอีกหลายชีวิตที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม ถ้ายังไม่ตายจากกัน ก็ต้องดูแลให้กำลังใจซึ่งกันและกันต่อไป

วาโยรัตนะ 31-07-2010 20:00

หลังจากผ่าตัดมาแล้ว ช่วงนี้จะเรียกว่า "ระยะพักฟื้นตัว" ก็เห็นจะได้อยู่ ร่างกายมันไม่เข้ารูปเข้ารอย เหมือนเก่าเท่าไหร่นัก ยังมีลิ่มเลือดออกมาเป็นระยะ ๆ อันนี้ยังพอสู้ไหว แต่ในเรื่องกำลังใจนั้น คราวนี้มันมีสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่ข้างใน

"ใจหนึ่งมันสู้แบบถวายชีวิต ตายเป็นตาย เหมือนหมาจนตรอก" แต่อีก "ใจหนึ่งหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรงและกำลัง พร้อมจะยกธงแพ้ตลอดเวลา" มันมาให้เห็นทุกวัน และเกือบจะทุกเวลา แล้วแต่ฝ่ายไหนเท่านั้นเอง ที่จะสามารถยึดพื้นที่ได้ในแต่ละช่วงขณะจิต

กระผมส่งจดหมายข้ามฟากไปแดนไกล อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการบอกกล่าวเล่าเหตุให้ครูบาอาจารย์ท่านฟัง ตั้งแต่ก่อนเข้ารักษาตัวและหลังทำการรักษาตัว มันมีประโยคหนึ่งที่ผมเขียนบอกท่านว่า "ถ้าจะให้ผมร้องไห้ออกมาตอนนี้ ผมร้องไม่ออก แต่กระผมจะพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่"

เมื่อคืนก่อนนอน ก็ว่าจะทำกรรมฐาน แต่ก็สู้ฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปไม่ไหว มันอ่อนแรง ใช่ว่าจะนอนหลับ มันหลับตื่น ๆ เปิดเสียงธรรมของหลวงปู่หลวงพ่อท่านฟัง ให้เกิดกำลังสู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนตีสาม เคลิ้ม ๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นภาพพระวิสุทธิเทพ ท่านลอยมาขาวสว่าง จนตัวผมเล็กเป็นอณูไปเลย ได้สติว่า "ลุกขึ้นมาทำกรรมฐานเถอะ นอนไปก็เท่านั้น" ค่อย ๆ คลานไปหน้าโต๊ะหมู่บูชา กราบพระสวดมนต์ แล้วทำกรรมฐาน จนตีสี่ครึ่ง เห็นร่างกายมันเริ่มอ่อนแรงลงอีก ก็เลยนอนทำกรรมฐานจนหลับไป รู้สึกอีกครั้ง ในนิมิต เห็นหลวงพ่อเล็ก ท่านกำลังสอนกระผมอยู่ ท่านเอากระดาษขึ้นมาพร้อมวาดรูปลงไปในกระดาษใบนั้น พร้อมกับสอนว่า
"โครงสร้างของรูปอะไรก็แล้วแต่ สำคัญที่สุดก็คือเส้นหลัก ๆ ที่เราวาดลงไปก่อน จะเป็นรูปอะไร สวยงามขนาดไหน มันต้องให้ความสำคัญที่เส้นหลัก ๆ ก่อนเสมอ เหมือนกับการทำสมาธิ ทำกรรมฐาน ให้เราให้ความสำคัญตั้งแต่พื้นฐานขึ้นไปเสมอ ๆ "

วาโยรัตนะ 02-08-2010 21:38

สองวันนี้ กำลังใจดีขึ้นมาก หลังจากได้ร่วมปฏิบัติกรรมฐาน ตามเสียงถ่ายทอดสดจากบ้านอนุสาวรีย์ กระผมก็กำหนดรู้ตลอดว่ากำลังใจดีขึ้น แต่ไม่ประมาท และอาจจะเป็นเรื่องอัศจรรย์สำหรับใครบางคนหรือหลาย ๆ คน โดยเฉพาะที่ยังลังเลสงสัยในเรื่องของผลการปฏิบัติ

หลวงพ่อท่านเคยสอนว่า "ให้จับภาพพระแล้วอาราธนาขอบารมีท่าน เคลื่อนภาพพระไปตรงบริเวณที่เรามีความเจ็บป่วยอยู่ในร่างกาย แล้วขอพระฉัพพรรณรังสีของพระองค์ท่าน ให้สว่างคลุมตรงจุดหรือบริเวณนั้น เพื่อเป็นการรักษา"

กระผมก็ทำเช่นนั้น วันแรกหลังจากทำกรรมฐาน โดยใช้ภาพพระอย่างที่หลวงพ่อท่านสอน ปรากฏว่า รูจมูกด้านซ้ายที่ผ่าตัดเอาเนื้องอกออกไป ซึ่งปกติช่วงนี้รู้สึกว่าทึบและตัน กลับกลายเป็นหายใจได้ปกติ โล่งสบาย อาการเจ็บน้อยลง

วันที่สอง หายใจได้เป็นปกติทั้งสองข้าง อาการเจ็บแทบไม่มีเลย ลิ่มเลือดน้อยลงไปกว่าเก่าเยอะมาก ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น มีกำลังมากขึ้น

สาธุ สาธุ สาธุ

วาโยรัตนะ 05-08-2010 23:16

"สื่อกลางทางสว่าง"

สองสามวันนี้ผมสังเกต ภรรยา เธอมีอาการแปลก ๆ และด้วยความรู้สึกบางอย่างในใจกระผม มันจะต้องมีเหตุการณ์บางเหตุการณ์เกิดขึ้นแน่ ๆ

วันพระแรม ๘ ค่ำที่ผ่านมา

หลวงพี่ :เอา! ใครจะอธิษฐานต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุ ก็อธิษฐานเลยนะ
เอาเชิญ (หลวงพี่ท่านย้ำอยู่สามวาระ แต่กระผมก็ยังนั่งเฉยอยู่) เจอของดี เจอทางสว่างแล้วก็จะเลือกเอานะโยมเส็ง

แล้วท่านก็หันมาทางผมอีกครั้ง ด้วยอาการที่ท่านเฉลย บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้กระผมตาสว่าง

หลวงพี่: วันนี้เราตั้งใจตามประทีปหนึ่งพันดวง บูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ เราเลยบอกให้เธอตั้งจิตอธิษฐานขอในสิ่งที่เธอติดขัดอยู่

ทัดฤทธิ์: ขอรับหลวงพี่
แล้วผมก็ตรงไปกราบพระ งานนี้มีกระผมคนเดียวที่ตั้งจิตอธิษฐานบารมี

หลวงพี่:เป็นอย่างไรบ้าง อธิษฐานเสร็จแล้ว

ทัดฤทธิ์: เบาเลยครับหลวงพี่ อารมณ์ใจโล่งสบาย เหมือนได้กำหนดเป้าหมายในชีวิตอีกครั้ง

หลวงพี่: อือม์ สาธุ สาธุ สาธุ

หลังจากกลับมาถึงบ้านด้วยอารมณ์ใจที่เบาสบาย มาเจอภรรยาผมใส่หัวโขนหน้ายักษ์ พายุฝีปากโหมกระหน่ำแบบ "summer sell" กระผมไม่โต้คารมอะไรมากนักเท่าแต่บอกให้เธอมีสติ แล้วก็รีบชิ่ง ไปปาดเหงื่อในห้องพระ พลางคิดว่า "อะไรวะ มันออกข้อสอบกันชนิดที่เรียกว่า ก้าวต่อก้าวเลยหรือ" แล้วก็วางอารมณ์ทิ้งไป ปฏิบัติ สวดมนต์ไหว้พระแล้วเข้านอนตามปกติ

วาโยรัตนะ 05-08-2010 23:25

วันพุธ กระผมนำข้าวไปถวายท่านตามปกติ

ทัดฤทธิ์:หลวงพี่ครับ เมื่อคืน เขาเล่นผมไม่ได้เขาเล่นภรรยาผมแทนครับ

หลวงพี่:ธรรมดาโยม เขาใช้เครื่องมือทุกอย่างแหละ ดูไป รู้ไป พิจารณาไป

มาคืนนี้เหตุการณ์สด ๆ อยู่ ๆ เธอก็มีอาการร้องไห้ ผิดปกติ เวลาเดินก็เหมือนไม่ใช่ตัวเธอเอง ผมเตรียมใจไว้แล้ว พอเข้าไปในห้อง เอาแล้วตูเจออีกแล้ว

"พี่รัตน์ เอ๋ขอพระหน่อย เอ๋รู้สึกไม่ค่อยดี" สีหน้าแววตาเปลี่ยนไปหมด ผมเองก็อารธนาบารมีพระท่านเป็นที่พึ่งทันที วางกำลังใจ เอาวะ มาคุยกันให้รู้เรื่อง พอผมถอดพระสมเด็จองค์ปฐม สวมคอให้ เธอก็กรี๊ดออกมาลั่นบ้าน

ทัดฤทธิ์: เอาเธอเป็นใครว่ามา เธอต้องการอะไรว่ามา เรายินดีช่วยหากไม่ผิดศีลและไม่เป็นการต้องทำให้ผู้อื่นตกอยู่ในความยากลำบาก

เราหนาว เราจะมาอยู่กับเอ๋ เราจะมาบำเพ็ญบารมี เอ๋เป็นคนดี เราต้องการเอ๋

ทัดฤทธิ์: เดี๋ยว เธอต้องเข้าใจนะว่า เธอกำลังทำอะไรอยู่ และการที่เธอบอกเธอเป็นเทพหรือเทวดา เธอต้องมีธรรมะ ธรรมะของเธอตอนนี้ เธอกำลังทำให้เจ้าของร่างทุกข์ทรมานอยู่ เธอว่ามันถูกแล้วหรือ

เราจะมาอยู่กับเอ๋ เราจะมาบำเพ็ญบารมี ท่านอย่าทำอะไรเราเลย ท่านไม่อนุญาตหรือ

ทัดฤทธิ์:เราไม่สามารถอนุญาติได้หรอก เพราะเราและภรรยาเราต่างมอบกายถวายชีวิตต่อพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยต่างหากเป็นเจ้าของชีวิตเราเธอจะมาทึกทักเอาแบบนี้ไม่ได้ เธอไม่เห็นหรือว่าร่างกายนี้สกปรก

เราต้องการร่างนี้บำเพ็ญบารมี

ทัดฤทธิ์:แล้วเธอคิดว่าเธอจะมีความสุขหรือ ความสุขที่แท้จริงคือการยังเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่าง ๆ อีกหรือ เราขออาราธนาบารมีพระประทับเหนือเศียรเหนือเกล้าเรา ถ้าเธอเห็น ก็ขอให้เธอจงรู้เถิดว่า พระองค์ท่านเท่านั้นที่ทรงชี้ทางสว่างจากการเวียนว่ายตายเกิด อันคือพระนิพพาน เราคงไม่สามารถคุยอะไรกับเธอได้มากกว่านี้ หากเธอยังดื้อดึง แต่หากเธอต้องการไปที่สว่าง ก็ขอเธอจงตามแสงแห่งพระฉัพพรรณรังสีแห่งพระองค์ท่านไปเถิด พระองค์ท่านทรงพระเมตตาแด่สัตว์ทั้งหลายโดยเท่าเทียมกัน

............(เงียบ) เราหนาว เราต้องการบำเพ็ญบารมี

ทัดฤทธิ์: หากเป็นแบบนี้เราก็คงจำเป็นจะต้องขอบารมี ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ จากพระขรรค์โสฬสเล่มนี้ ซึ่งเราไม่ต้องการทำเช่นนี้ เราต้องการให้เธอ พยายามนึกถึงธรรมะ ของพระพุทธองค์ เพื่อเธอจะได้ไปสู่ภพภูมิอันสว่าง

อย่า เรากลัวแล้ว เรากลัวแล้ว อย่า

ทัดฤทธิ์: ถ้าอย่างนั้นเธอจงตอบเรามาตรง ๆ ว่าไม่ใช่เทพหรือเทวดาใช่หรือไม่

.ใช่ เราไม่ใช่ เราเคยสัญญากับเอ๋ไว้ ว่าเราจะไม่พรากจากกันมานานแล้ว

ทัดฤทธิ์: นั้นหาใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะคือการผูกภพผูกชาติผูกเวรผูกกรรม อย่างไรเสียเราขอให้เธอจงตัดสัญญานั้นเสียเถิด แล้วไปสู่ภพภูมิตามแนวทางของเธอที่เธอได้สร้างเอาไว้ ทั้งกุศล และอกุศล ขอเธอจงน้อมจิตตามแสงพระฉัพพรรณรังสีแห่งพระองค์ท่านไป นับแต่นี้เป็นต้นไป สิ่งที่เธอทั้งสองก่อผูกเอาไว้ ได้มลายหายสิ้นไปหมดแล้วด้วยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ภพชาติระหว่างเธอทั้งสองได้ขาดลงแล้ว ขอเธอจงอโหสิกรรมที่ต่างเคยก่อกันมา และขอเธอจงโมทนาบุญที่เราและภรรยาได้บำเพ็ญมาดีแล้วด้วยเทอญ

วาโยรัตนะ 07-08-2010 05:50

ท้ายสุด สุดท้าย เธอก็ยอมออกจากร่าง แต่ไปไหนอย่างไรกระผมไม่ทราบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เธอจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น หากเธอสามารถระลึกนึกถึง พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้

ทัดฤทธิ์: หลวงพี่ขอรับ เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์ขึ้นขอรับ

หลวงพี่: มันเป็นสภาวธรรม พุทโธ ๆ เอาไว้


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:08


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว