กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=26)
-   -   เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=404)

เถรี 27-04-2009 13:16

เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๑
 
พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อก่อนอาตมาเคยมีความฝันว่าจะสะพายเป้เดินไปทั่วทุกจังหวัดของเมืองไทย ไปในลักษณะที่ว่าย่ำเท้าเดิน ไม่ใช่ไปแบบสบาย ๆ เพราะว่าอาตมาชอบความลำบาก ตอนนั้นคิดว่าถ้าเดินไปถึงที่ไหนแล้วเงินหมดก็จะขอเขาทำงานเพื่อเก็บเงิน พอได้เงินมาแล้วก็จะเดินทางต่อไปอีก ให้อาตมาไปขอเงินเขาอาตมาไม่เอา แต่ขอเขาทำงานเพื่อแลกเอาเงินดีกว่า

เคยมีความฝันที่จะเดินทางลัดเลาะจากไทยไปลาว เขมร เวียดนาม จีน ทิเบต เนปาล อินเดีย พม่า และสุดท้ายก็วกกลับเข้ามาที่ไทย แต่ไม่ทันได้ทำ มาบวชเอาเสียก่อน เป็นเราล่ะ..กล้าทำแบบนี้ไหม ?


ดังนั้น..คนเราต้องมีจินตนาการบ้าง ไอน์สไตน์เคยบอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้"

เถรี 27-04-2009 13:20

"บริษัทซัมซุงสามารถตีตลาดโลกได้ ก็เพราะเขาคิดไม่เหมือนบริษัทอื่น ในขณะที่บริษัทอื่นเขาส่งคนของเขาไปเรียนด้านวิศวกรรมหรือวิทยาศาสตร์ แต่ซัมซุงส่งคนของเขาไปเรียนด้านการออกแบบ พอเรียนจบแล้วก็มาออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีรูปร่างเก๋ไก๋ หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของอีกแผนก ที่จะผลิตวัสดุเครื่องกลไกใส่เข้าไปในสิ่งที่ออกแบบนี้

ถ้าเป็นที่อื่นเขาจะผลิตชิ้นส่วนข้างในก่อน แล้วค่อยมาออกแบบรูปร่าง แต่ซัมซุงเขาจะออกแบบรูปร่างก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่คุณ ว่าจะทำอย่างไรให้ชิ้นส่วนเครื่องกลนั้นอยู่ในรูปทรงนี้ได้ ด้วยเหตุนี้บริษัทซัมซุงจึงผลิตสินค้าออกมาเป็นที่ชอบใจของคนทั่วโลก

ดังนั้น..จินตนาการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก"

เถรี 27-04-2009 13:28

ถาม : การตั้งศาลพระภูมิและศาลเจ้าที่ เวลาตั้งควรตั้งให้ใครสูงกว่ากัน เกรงว่าท่านศาลพระภูมิกับท่านศาลเจ้าที่จะตีกัน ?
ตอบ : เอากิเลสของตัวเองมาคิดนะสิ..! เทวดาท่านเป็นเทวดาได้เพราะท่านมีความดี มีคุณธรรม แล้วเรื่องอะไรท่านจะมาตีกัน ก็เหมือนพวกที่ห้อยพระหลายองค์ที่คอ แล้วบอกว่ากลัวพระแต่ละองค์จะแย่งกันช่วย มันเอากิเลสมาคิดกันจริง ๆ

เถรี 27-04-2009 13:31

พระอาจารย์เล่าเรื่องเกี่ยวกับหลวงปู่หลวงให้คนในบ้านอนุสาวรีย์ฟังว่า "ตอนนั้นอาตมาใช้มโนมยิทธิ ขึ้นไปที่พระจุฬามณี ไปพบพระสูงอายุรูปร่างอ้วนท่านหนึ่งเดินมา มาแบบกายเนื้อเต็ม ๆ อาตมาเข้าไปกราบท่านแล้วถามว่า "หลวงพ่อเป็นใครครับ ?" พระรูปนั้นตอบว่า "ผมชื่อหลวง กตปุญฺโญ อยู่วัดแถวภาคเหนือ ลองไปถามคนแถวนั้นดูคงพอจะรู้จักอยู่บ้าง ?"

ดูสิ..ยังมีการถ่อมตนอีกว่าคงพอจะรู้จักอยู่บ้าง ทีนี้พอไปสืบดู ปรากฏว่ามีชื่อหลวงปู่หลวงอยู่จริง ท่านอยู่ที่ลำปาง แต่ตอนนี้ท่านมรณภาพไปหลายปีแล้ว ไม่เช่นนั้นอาตมาเอามาเล่าให้ฟังไม่ได้หรอก"


ถาม : ท่านไปแบบกายเนื้อจริงหรือครับ ?
ตอบ : จริง ท่านไปแบบกายเนื้อเป็น ๆ เลย ทีนี้หลวงพ่อฤๅษีท่านสอนให้พวกเราไปแบบมโนมยิทธิกัน เพราะว่าถ้าไปแบบกายเนื้อจะเหนื่อยมาก

เถรี 27-04-2009 13:36

สำหรับเรื่องมาร พระอาจารย์บอกว่า "บางทีมารเขาก็ใช้สิ่งที่อยู่รอบตัวเราเป็นเครื่องมือในการเล่นงาน ใช้คนที่เรารักที่สุดนี่แหละ โดยดลใจทำให้เราผิดใจและรู้สึกโกรธกับอีกฝ่าย"

ถาม : มีพี่ที่รู้จักอยู่ ๆ ก็มาด่า ทีนี้ตนเองก็เลยกลับไปคิดหนักไม่สบายใจ ปรากฏว่าวันถัดมาเจอเขาที่ลิฟต์ พี่คนนั้นกลายเป็นว่าทักทายยิ้มแย้มเสมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตัวเองกลับเก็บเอาไปคิดกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ตอบ : นี่แหละ..เขาเล่นงานแบบนี้ บางทีคนที่ด่าเราเขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาทำอะไรไป เพราะโดนมารดลใจ

ถาม : ปฏิบัติไปแล้วมันรู้สึกว่าเจออะไรเข้ามากระทบมากมายเหลือเกิน
ตอบ : ถือเสียว่านั่นเป็นบททดสอบ พอเขาเห็นว่าเรากำลังจะหลุดออกจากเงื้อมมือเขา เขาก็ยิ่งมาทดสอบกำลังใจเราว่าจะผ่านไปได้หรือเปล่า สู้กับกิเลสสนุกออก คอยดูว่ามันจะมาไม้ไหน บางทีมันมาในเรื่องเดิมนั่นแหละ แต่จะมาอีกมุมที่เราคิดไม่ถึง

เถรี 27-04-2009 13:44

"นักปฏิบัติมีหลายประเภท บางคนปฏิบัติง่ายบรรลุง่าย บางคนปฏิบัติยากแต่บรรลุยาก บางคนปฏิบัติง่ายบรรลุยาก แต่บางคนปฏิบัติยากบรรลุง่าย"

ถาม : แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นพวกไหน?
ตอบ : ต้องสังเกตตัวเอง

ถาม : แล้วถ้าไปถามพระ พระท่านจะบอกได้หรือไม่คะ?
ตอบ : ตัวเองนั่นแหละถึงรู้

บางคนนะการปฏิบัติของเขาเรียบง่ายมาก เหมือนไม้กระดานเลย ไม่มีอะไรเข้ามากระทบกระเทือนให้ได้ทดสอบกำลังใจ มันไม่สนุก ไม่มีรสชาติมันเลย


ถาม : ใช่ค่ะ พวกไม่เจออะไรแรง ๆ ไม่มีรสชาติเลย ยิ่งหนูเป็นพวกซาดิสต์ประเภทที่ว่าพอทุกข์แล้ว ยังจะเอาอีก ทุกข์เยอะ ๆ เลย เอาอีก ๆ มันดี...ชอบ
ตอบ : พอทุกข์จนน้ำตาเล็ดแล้ว ก็อยากให้มันทุกข์อีก จะได้เข็ดนั่นแหละ

เถรี 27-04-2009 13:55

ถาม : คนแถวชลบุรีเขาลือกันว่าสมเด็จพระสังฆราช ฯ ท่านสิ้นพระชนม์แล้ว
ตอบ : ท่านสิ้นแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม แต่เขาปั๊มหัวใจให้ท่านฟื้นคืนมาอีก เพราะอยู่ในช่วงงานศพของสมเด็จพระพี่นาง ฯ ถ้ามีงานศพของสมเด็จพระสังฆราชเกิดขึ้นอีก เดี๋ยวคนไทยจะเศร้าโศกกันไปใหญ่ ตอนนี้สมเด็จพระสังฆราชท่านก็นอนอยู่บนเตียงและก็มีเครื่องช่วยหายใจติดอยู่

สมเด็จพระสังฆราช ฯ ท่านเป็นคนกาญจนบุรี ท่านสนิทกับพระกาญจนบุรี เช่น หลวงพ่อวัดเหนือ หลวงพ่อวัดใต้
หลวงพ่อลำใย ฯลฯ (หัวเราะ)

สมเด็จพระสังฆราชท่านนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าวัตถุมงคลในประคดเอวของท่านหายเกลี้ยง โดนเขาขโมยไปหมด

เถรี 27-04-2009 14:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "ต่อไปคนเราจะความจำเสื่อมลงเรื่อย ๆ เพราะมีเครื่องช่วยจำเยอะ เราจะไม่ได้ฝึกสมองในเรื่องการจำกัน

มีพระพม่ารูปหนึ่งซึ่งถูกบันทึกในกินเนสบุ๊ก ว่าเป็นบุคคลที่มีความจำดีที่สุดในโลก สามารถจดจำพระไตรปิฎกได้ เป็นหน้ากระดาษ A4 ถึง ๑๐,๐๐๐ หน้า

ท่านเก่งเสียยิ่งกว่าคอมพิวเตอร์อีก เพราะคอมพิวเตอร์เวลาเราเสิร์ช จะปรากฏให้เราเลือกคลิกเข้าไปดูในหลาย ๆ เว็บ แต่พระรูปนี้ เพียงแค่เราบอกท่านประโยคหนึ่ง ท่านสามารถบอกได้เลยว่า ประโยคต่อไป หน้าต่อไปเป็นอย่างไร กำหนดแน่นอนมาได้เลย

ตอนนี้มีพระไทยที่ไปเรียนพม่าสามารถจำพระวินัยปิฎกได้แล้ว ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ซึ่งต้องใช้สมาธิในการจำมากจริง ๆ กว่าจะจำได้

ที่คิดว่าอาตมาจำเก่ง ชิดซ้ายไปได้เลยถ้าเจอพวกที่เรียนภาษาบาลี"

เถรี 27-04-2009 14:07

ถาม : นั่งสมาธิอยู่ดี ๆ แล้วได้ยินเหมือนเสียงท่านตะโกนมาว่า "โดดออกมาเลย" ผมก็เลยกระโดดออกไป แต่ว่าพอโดดออกไปกลับมืด มองอะไรไม่เห็นเลย ?
ตอบ : ที่มืดเพราะ อย่างแรกทิพจักขุญาณของเราที่เป็นสาวกมีกำลังน้อย อย่างที่สองคือไม่ได้ใช้วิปัสสนาญาณพิจารณาให้เห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ถ้าใช้วิปัสสนาญาณจนเห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราจริง ๆ ก็จะสว่างเห็นได้ชัดเจน

เถรี 27-04-2009 14:09

พระอาจารย์เล่าเรื่องฟังว่า " มีอิสลามอยู่คนหนึ่ง คนนี้เป็นคนที่ชอบศึกษา ชอบอ่านมาก ไม่รู้ว่าอ่านคร่ำเคร่งเกินไปกระมัง จึงเสียสติเที่ยวไปไล่ฟันคนอื่นเขา

จึงมีคนแจ้งจับอิสลามคนนี้ ตำรวจก็พากันมาล้อมจับเขา ด้วยความที่อิสลามคนนี้มีนิสัยชอบอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน เขาก็เลยสวดคัมภีร์นี้ ปรากฏว่าเขาสามารถเดินฝ่าวงล้อมของตำรวจไปได้อย่างหน้าตาเฉย..!

เมื่อเขาเดินผ่านไปได้แล้ว ตำรวจจึงมารู้ทีหลังว่านั่นเป็นผู้ร้าย ตำรวจก็ไล่ตามเขาไปจนถึงป่ายาง แต่ว่าหาเท่าไร ๆ ก็ไม่พบเสียที

มีหัวหน้าตำรวจคนหนึ่ง อาสาบอกเลยว่า "เดี๋ยวผมหาเอง" หัวหน้าตำรวจผู้นั้นเล่าว่า ท่านใช้วิธีอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ และพระกริ่งพิชัยสงครามที่ห้อยอยู่ตรงคอ เมื่ออาราธนาเสร็จลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่าอิสลามคนนั้นอยู่ตรงหน้าพอดี เดินมาให้จับอย่างง่ายดายเลย

คนอื่นก็เลยสงสัยกันว่าหัวหน้าตำรวจท่านนี้ทำได้อย่างไร หัวหน้าตำรวจก็บอกไปว่า "ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็อาราธนาพระในคอนี่แหละ ไม่รู้ว่าองค์ไหนช่วย"

เถรี 27-04-2009 14:59

ถาม : ควรวางตัวอย่างไรคะ อย่างเช่นเรื่องกินข้าวเย็น ไปกินกับเพื่อนทั้งที่ตัวเองไม่ได้อยากกิน และก็ไม่ได้หิวด้วย แต่ต้องกินเพราะต้องการรักษาน้ำใจเพื่อน ?
ตอบ : สมัยก่อนอาตมาก็ไปกับเพื่อน ๆ ไม่ได้กินกับเขาหรอก แต่จ่ายเงินกับเขาด้วย ดูสิไม่ได้กินแต่จ่ายเงินให้อีก ขนาดนี้ใครยังจะกล้าว่าเราอีก

เถรี 27-04-2009 15:05

ถาม : เวลาที่ตัวเองแยกธาตุ ธาตุดินมันเป็นความรู้สึกว่ามันแข็ง ๆ ใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่าธาตุดินจะเป็นดินอย่างที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป?
ตอบ : ใช่ ธาตุดินคือลักษณะที่แข็ง ธาตุน้ำคือลักษณะที่เป็นของเหลว ธาตุลมคือลักษณะที่เคลื่อนไปมา ธาตุไฟคือลักษณะที่ให้ความอบอุ่น

ถาม : คำแนะนำในการทำกรรมฐานในแต่ละกอง
ตอบ : ให้เข้าออกฌานให้คล่อง ให้ชำนาญเป็นวสี ถ้าเรายังต้องอาศัยกำลังคนอื่นอยู่ ยังใช้ไม่ได้

ถาม : เวลาที่ปรุงแต่งเพียงนิดเดียว มันก็รู้สึกทรมานแล้ว เข็ดแล้วค่ะ
ตอบ : เอาให้มันเข็ดจริง

เถรี 27-04-2009 15:32

ถาม : สวดคาถาเงินล้านอย่างไรตัวเองจึงจะรวยเร็ว ๆ ครับ?
ตอบ : ได้สมาบัติแปด สวดแล้วจะส่งผลเร็ว

คาถาเงินล้านเป็นคาถาที่ทุกคนมักต้องสวด ต่อให้คนนั้นขี้เกียจก็ตามเถอะ เพราะถึงขี้เกียจอย่างไรก็ยังอยากรวยอยู่ดี

เถรี 27-04-2009 15:56

ถาม : พระยามิลินท์ท่านไม่ได้เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ศรัทธาในพระพุทธเจ้า แต่ทำไมพระยามิลินท์จึงรอบรู้ในพระไตรปิฎก ได้ศึกษาเรื่องราวในพระไตรปิฎกเอาไว้มากคะ ?
ตอบ : เพราะพระยามิลินท์ท่านชอบการโต้วาที ในตอนแรกท่านศึกษาเพื่อเอามาเถียงกับอีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่ได้ศรัทธาในพระพุทธเจ้าเลย แต่ท่านเป็นคนที่มีปัญญาเฉลียวฉลาดมาก

เถรี 27-04-2009 16:17

ในเรื่องการเมือง พระอาจารย์บอกว่า "ในหลวงของเราใช้อำนาจนิติบัญญัติผ่านทางรัฐสภา พวกเขาก็ไม่เคารพ บุกมาทำลายรัฐสภา ในหลวงใช้อำนาจการบริหารผ่านทางนายกรัฐมนตรี พวกเขาก็มาปลดนายกรัฐมนตรีออก ในหลวงใช้อำนาจตุลาการผ่านทางศาล พวกเขาก็ไม่ฟังศาล นี่ถ้าในหลวงออกมาพูดให้หยุด พวกเขาจะหยุดกันหรือเปล่าก็ยังไม่รู้"

เถรี 27-04-2009 17:43

ถาม : เวลาที่เห็นสัตว์ต่าง ๆ มันกลับไม่คิดว่านั่นเป็นสัตว์ แต่รู้สึกว่าเป็นอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่า นั่นเหมือนเราชัด ๆ
ตอบ : เมื่อเราเห็นวัตถุ สิ่งของ สิ่งมีชีวิต ในแบบสักแต่ว่าเห็น มันจะทำให้เราเห็นเป็นธาตุ หรือเป็นรูปเป็นนาม มันเป็นการทำให้เราตัดมานะทิฏฐิไปในตัว

เถรี 27-04-2009 17:46

ถาม : โพชฌงค์ ๗ มีไว้ทำอะไรคะ?
ตอบ : มีไว้เป็นเครื่องตรัสรู้ โพชฌงค์ ๗ สติปัฎฐาน ๔ สัมมัปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ แล้วก็มรรคมีองค์ ๘

เหล่านี้รวมเป็นโพธิปักขิยธรรม ๗ ธรรมที่เป็นไปเพื่อความตรัสรู้ สำหรับเราสาวกเลือกเอาแค่อย่างเดียวก็พอแล้ว

เถรี 27-04-2009 17:54

ถาม : มันเห็นทุกสิ่งดับหมด หันไปทางไหนก็ดับค่ะ ดับในลักษณะที่ว่ารวดเร็วมาก
ตอบ : การพิจารณาเห็นความดับเป็นภังคานุปัสสนาญาณ
แต่ถ้าเราเห็นทั้งเกิดและดับจะเป็นอุทยัพพยานุปัสสนาญาณ


ถาม : เวลาวิปัสสนา มันเห็นทุกอย่างทะลุหมด แม้แต่กำแพงก็ทะลุ ไม่มีอะไรมาปิดบังกั้นได้
ตอบ : เวลาที่เราเห็นถึงความไม่มีตัวตน(อนัตตา) จะเห็นทุกอย่างในลักษณะผ่านทะลุได้ ไม่มีอะไรมาบดบัง

ถาม : สังเกตว่าจิตตัวเองมันเข้า ๆ ออก ๆ คือ พอมันสุขแล้วจะหัวเราะไม่หยุด เมื่อสุขถึงที่สุดแล้วจะถอยออกมาสลด เข้า ๆ ออก ๆ แบบนี้สลับกันไปมา
ตอบ : เป็นมหาสติปัฏฐาน คือ การที่รู้ว่าจิตเสวยความสุข และจิตเสวยความทุกข์ ให้ตามดูมันต่อไปเรื่อย ๆ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:29


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว